ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมย้อนเวลามาเติมทรูให้สะมีเฉยๆอะครับ >.<

    ลำดับตอนที่ #5 : S1 บทที่ 2 เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง รีไรน์

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 66


    บทที่ 2

    เริ่มต้นใหม่

     

    "บุตรข้าครั้งนี้ข้าขออวยพรให้เจ้าผ่านพ้นเคราะห์รักนี้ไปได้อย่างราบรื่น จบเรื่องราวโศกนาฏกรรมพวกนี้ลงเสียที"

    "ข้าขอให้สวรรค์อวยพรให้บุตรของข้าปลอดภัย"

    .

    .

     

    ก่อนวันแห่งหายนะ 1 ปี 10 เดือน

    ในห้องคอนโดหรูใจกลางเมืองหลวงA เขตA1 ณ ประเทศ A

    บนเตียงกว้างหลังใหญ่ในห้องมืดทึบไร้แสงส่องเข้ามามีร่างบางของชายหนุ่มผู้หนึ่งนอนอยู่ แต่ร่างนั้นกำลังนอนกระสับกระส่ายไปมาพร้อมกับเหงื่อที่ไหลโทรมกายคล้ายคนที่กำลังฝันร้าย

    "เฮือก แฮ่กๆ "

    ร่างเล็กที่นอนกระสับกระส่ายมาพักใหญ่อยู่ดีดีก็ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งกุมหน้าอกหอบหายใจอย่างหนักด้วยใบหน้าซีดเซียวร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัวอย่างน่าสงสาร

    หลังจากนั่งกุมอกอยู่พักใหญ่ร่างบางก็เริ่มขยับดันตัวขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลงปล่อยมือทั้งสองข้างลงข้างลำตัวด้วยสภาพคนที่กำลังหมดแรง เขานั่งอยู่อย่างนั้นพักใหญ่จนกระทั่งลมหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติจึงลืมตาขึ้นแล้วมองไปรอบๆ ห้องอย่างสำรวจแฝงไปด้วยความตระหนก

    เมื่อมองจนพอใจเขาจึงเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งอ่อนแรง

    "อะ อ่า ทำไมปวดไปทั้งตัวแบบนี้ละ.. อึก แล้วที่นี้มันที่ไหน ไม่สิ!ผมตายไปแล้ว แต่ตายได้ยังไง... ไม่ๆ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่มันไม่ถูกต้องยังไงละ"ร่างบางคุ้นคิดอยู่อย่างนั้นพักใหญ่เนื่องจากความทรงจำที่ไม่ปะติดปะต่อเท่าไหร่นักของเขา ตอนนี้เขารู้สึกคล้ายกับว่าลืมอะไรบางอย่างไปอะไรบางอย่างที่สำคัญ..

    "อ๊ากกกกกก ปวดหัว อึก ปวดหัว"

    ร่างบางเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมกับยกมือข้างถนัดขึ้นมากุมหัวตัวเอง อีกข้างก็จิกทึ้งผ้าห่มระบายความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

    ร่างบางครางด้วยความเจ็บปวดอยู่อย่างนั้นพักใหญ่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น เขาจึงทิ้งตัวลงไปนอนขดตัวเป็นก้อนกลมอยู่กลางเตียง ต่อมาเขาก็มีอาการปวดหัวรุนแรงมากขึ้นเพราะว่าอยู่ๆก็มีความทรงจำมากมายแทรกขึ้นมาในหัวอย่างไม่ปะติดปะต่อ ความทรงจำตั้งแต่เด็กจนวันที่เขาตายต่างหลั่งไหลเข้ามาราวกับม้วนหนัง หนังที่ตอนต้นเรื่องมีแต่รอยยิ้ม ฉากจบมีแต่การนองเลือด และยังมีความทรงจำแปลกประหลาดอีกหลายอย่างที่เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยประสบพบเจอแทรกมาเป็นระยะๆ

    ผ่านไปพักใหญ่ร่างบางก็ยังคงนอนหลับตากัดปากตัวเองจนเรียกเลือด มือทั้งสองข้างยกขึ้นกุมหัวตัวเองจิกทึ้งผมจนยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ใบหน้าบิดเบี้ยวแสดงออกถึงความเจ็บปวดที่ได้รับว่ามากมายเพียงใด เขาพยายามที่จะต่อสู้กับความเจ็บปวดที่ได้รับด้วยการบังคับตัวเองให้ตั้งสติข่มความเจ็บปวดลง และในเวลาต่อมาความเจ็บปวดที่เคยมีก็ค่อยๆ เบาลงตามเวลาที่ผ่านไป เมื่อความเจ็บปวดลดลงภาพความทรงจำก็เริ่มปะติดปะต่อกันมากยิ่งขึ้น

    เมื่อลมหายใจที่ถี่เร็วของเขาเริ่มกลับมาเป็นปกติก็เหลือทิ้งไว้เพียงอาการสั่นเทาเล็กน้อยเท่านั้น

    หลังจากที่อาการของร่างบางดีขึ้นจนแทบจะกลับเป็นปกติเขาก็ลืมตาขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า ขยับสายตาสำรวจไปรอบๆ ห้องอีกครั้งพร้อมกับคุ้นคิดว่าที่นี้คือที่ไหน

    "ที่นี่... ใช่ห้องตอนสมัยที่เรียน ป.เอก รึเปล่า? นั้นสินะ ขอย้อนเวลากลับมาก่อนวันแห่งหายนะก็ต้องย้อนกลับมาช่วงนี้..."เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ร่างบางก็เกิดอาการเหม่อลอยอย่างคนที่ไม่มีสติไม่รับรู้อะไรปิดกั้นตัวเองออกจากความรู้สึกที่ไม่ดี มือทั้งสองข้างตกลงข้างลำตัวสายตาจ้องมองไปที่ผนังห้องสีครีมอันว่างเปล่าจนเวลาล่วงเลยไปอย่างช้าๆ

     

    เวลา 04:00

    เวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง

    กริ๊งงงงงงงงงงงง

    เสียงนาฬิกาปลุกเครื่องงามที่ตั้งอยู่ข้างเตียงส่งเสียงขึ้นเรียกสติของผู้ที่นอนเหม่อลอยอยู่บนเตียงได้สำเร็จ

    "โถ่เว้ยยยยย"

    ร่างบางที่พึ่งได้สติกลับคืนมาก็สบบออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะเอื้อมตัวไปกดปิดมันด้วยความรุนแรง หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงขยี้ผมจนยุ่งเมื่อรู้สึกว่าตัวของเขาเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้

    "ให้ตายสิ วันนี้มันวันอะไร ช่วงเวลานี้ยังมีโทรสัพเพื่ออำนวยความสะดวกแต่ตอนนี้มันอยู่ไหนวะ ไม่สิคุณพ่อบ้านมีปฏิทินนิ แต่มันวางอยู่ไหน... ห้องรับแขกหรอ ชิ จำอะไรช่วงนี้ไม่ค่อยได้เลยแฮะ แล้วไอ้ความทรงจำแปลกๆ นั้นอีก ไม่เห็นจะจำได้เลยว่าเคยเป็นประธานบริษัทตระกูลสวี่กับตระกูลไป๋พร้อมกันด้วย มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับความทรงจำวะเนี่ย"ร่างบางคิดพร้อมกับล้มตัวลงไปซุกหน้าเข้ากับหมอนใบโปรดขยี้มันแรงๆ จนผมสะบัดก่อนจะขยับตัวนอนตะแคงข้างอย่างหมดแรง

    "เฮ้ออ ห้องสมัย ป.เอกก็ราวๆ 30กว่าปี นานจังเลย..."

    ร่างบางปล่อยความคิดให้ร่องรอยอีกครั้งพร้อมกับจ้องมองไปที่มือสั่นๆ ของตัวเองอย่างสับสนแล้วกัดปากตัวเองอย่างแรง ซึ่งส่งผลให้แผลเดิมที่ยังไม่สมานดีปริแตกจนได้เลือดอีกครั้ง

    เอาละ ชั่งเถอะๆ ไม่เอาไม่คิดแล้วไอ้ไป๋ มึงเลิกคิดได้แล้ว

    คิดมาถึงตรงนี้ร่างบางก็ขยับตัวลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงอีกครั้งสะบัดหัวไปมาอย่างต้องการที่จะเรียกสติตัวเองที่พร้อมจะหลุดตลอดเวลาให้กลับคืนมา

    "ลองเดินออกจากห้องไปก่อนละกัน ข้างนอกน่าจะมีปฏิทินอยู่ แต่ว่านะ ในช่วงนี้เราชอบเก็บโทรสัพไว้ไหนกัน ทำยังไงก็คิดไม่ออกเลยให้ตายเถอะ..."

    ร่างบางบ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเองก่อนจะขยับตัวลุกออกจากเตียงอย่างช้าๆ ทั้งที่ยังคงยกมือกุมหัวของตนไว้ตลอดทาง เขาพยายามเดินทรงตัวเอามือเอาหลังเกาะกำแพงไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มพยุงตัวแล้วเดินเซๆ ออกจากห้องไปอย่างทุลักทุเล

    ร่างบางที่พอยืนขึ้นถึงจะรู้ว่าเป็นคนที่ค่อนข้างสูงโปร่งแต่หุ่นบาง มีกล้ามเนื้อเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาแต่ติดหวาน ผิวไม่ขาวมากแต่ก็ไม่คล้ำ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากขึ้น ร่างนั้นเดินออกจากห้องไปทั้งที่ยังหน้าซีดอ่อนแรงตัวสั่นเดินมาจนถึงห้องรับแขกที่ไม่กว้างมากนักแต่ก็ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายและสวยงาม

    เมื่อร่างบางมองไปรอบๆ ห้อง เขาก็ได้พบกับปฏิทินตั้งโต๊ะที่น่าจะเป็นของคุณพ่อบ้านวางอยู่ไม่ไกล แต่พอเขาเดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมา เขาก็มีอาการตกใจอย่างหนักมือไม้อ่อนทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรงเมื่อเห็นวันที่ถูกกาออกไป

    "วะ วันนี้ วันที่ 21 มีนาคม ปี2028"

    2028……

    งั้นก็หมายความว่าผมย้อนเวลามา...

    31 ปีกับอีก 10 เดือน...

    ย้อนเวลากลับมาเกือบ 2 ปี ก่อนวันแห่งหายนะ ช่วงก่อนที่จะเปิดพินัยกรรม...

    ก่อนที่คุณลุงจะตาย...

    ร่างบางนั่งนิ่งเหม่อลอยอีกครั้ง เขาคิดด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มกว้างจนดูเหมือนการแสยะยิ้ม น้ำตาไหลลงจากดวงตาคู่งามอาบย้อมแก้มทั้งสอง มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน เล็บสั้นจิกเข้าไปในเนื้อจนเลือดซิบ เขาร้องไห้พร้อมหัวเราะอยู่อย่างนั้นอย่างน่าเวทนา

    ร่างบางมีอาการอยู่นานพอสมควรก่อนที่อาการทั้งหมดจะค่อยๆ คลายลงเหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แม้ว่าจะยังหลงเหลือล่องลอยของน้ำตาอยู่ ซึ่งหากใครมาเห็นเข้าคงต้องตกใจกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปมารวดเร็วจนน่าหวาดกลัวนี้แน่นอน

    ไอ้ไป๋ เวลานี้นายต้องช่างหัวมันเรื่องนั้นไปก่อนแล้วละ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือ นายจะทำอะไรก่อนอะไรหลังต่างหากละ อืมมม แต่ว่านะ คิดอะไรไม่ออกเลยแฮะ เห้ออ สงสัยต้องไปนอนให้หัวโล่งๆ ก่อน ร่างบางนั่งนิ่งคิดด้วยอารมณ์ที่ว่างเปล่า เพราะตอนนี้เขารู้สึกว่าสมองของเขานั้นว่างเปล่าอย่างมากมันคล้ายจะขี้เกียจทำงานจนไม่ยอมที่จะขยับคิดอะไรแม้แต่น้อย

    "แต่จะว่าไปไม่ได้นอนเตียงนุ่มๆ มากี่ปีแล้วนะ" เขาพึมพำเบาๆ อย่างคนหมดแรงจ้องมองเข้าไปที่เตียงนอนที่อยู่อีกห้องแล้วเหม่อลอยอีกครั้ง

    ตั้งแต่ซือหลงจากไปก็เป็นเวลา 8 ปี

    ผ่านไป 8 ปี และอยู่ด้วยกันมา 18 ปี รวมๆ แล้วก็26 ปี

    26 ปีที่ตัวตนของหยางซือหลงผู้นั้นอยู่ในความคิดความทรงจำของผมมาโดยตลอด ยาวนานยิ่งกว่าวันที่ผมได้อยู่กับพ่อแม่ของตัวเองสะอีก

    "หึ ไป๋ซงหลินหน่อไป๋ซงหลินนายนี้ก็โง่อย่างที่พวกนั้นพูดกันจริงๆ เลยนะ โง่ที่สุดตรงที่นายคิดว่านายจะไม่มีวันรักหยางซือหลงคนนั้นได้ไม่ว่าจะอยู่กับเขานานแค่ไหนก็ตาม แต่พอมาคิดดีดีตัวนายเองก็คงรู้ดีว่านายนะได้ยกหัวใจให้เขาไปนานแล้ว..."

    ร่างบางกล่าวอย่างสมเพชและต่อว่าตัวเองอย่างหนัก ก่อนจะเหม่อมองท้องฟ้านอกห้องด้วยสายตาเศร้าหมองอยู่พักใหญ่ ก่อนจะส่ายหัวไปมาเบาๆ เพื่อเรียกสติแล้วยิ้มออกมาอย่างสดใสเมื่อคิดเจอเรื่องตลกที่ไม่ค่อยตลก

    ตลอดเวลา8ปีหลังจากเขาตายก็ไม่เคยหลับสนิทอีกเลย แถมชอบฝันถึงเขาบ่อยๆ อีกด้วย คิดถึงและโหยหาจนพยายามหลอกตัวเองว่าหยางซือหลงยังมีชีวิตอยู่...

    นี้สินะ ที่เขาพูดว่าเมื่อความหลงเข้าครอบงำไม่ว่าจะอะไรก็ยอมทำทั้งนั้น ยอมกระทั่งเป็นคนโง่

    "ไป๋ซงหลินเอ่ยไป๋ซงหลิน นายสูญเสียไปเท่าไหร่แล้วนะ เสียคุณพ่อ คุณลุง ปะป๊า คุณอา ท่านอา ท่านแม่ เพื่อน พี่น้อง ซือหลง เพื่อนของซือหลง โอ้.. มันชั่งมากมายเหลือเกิน..."

    ร่างบางพูดต่อว่าตัวเองพร้อมรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว ก่อนจะหลับตาลงข่มอารมณ์ด้านมืดที่กำลังปะทุขึ้นมาเอาไว้อย่างยากลำบาก

    เขารู้ดีว่าแต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่เพราะความรักเขาจึงยอมเป็นคนดี ยอมเป็นคนอ่อนแอ ยอมเป็นคนโง่ ยอมเป็นทุกอย่างที่อินอยากให้เป็น ยอมขายกระทั่งศักดิ์ศรีของตน

    อิน นายเคยรักฉันจริงๆ ใช่ไหม...

    กาย นายเคยเห็นฉันเป็นเพื่อนจริงๆ ใช่ไหม...

    หรือว่าพวกนายไม่เคยคิดตั้งแต่แรกกันนะ..

    หึ พอนึกถึงคำบอกเล่าของคนพวกนั้นก่อนที่จะตายก็ยิ่งทำให้แค้น ร่างบางคิดแล้วก็กำหมัดเข้าหากันแน่น

    พวกมันกล้าดียังไงถึงได้เอาตัวซือหลงไปในที่แบบนั้น!! ไป๋ซงหลินคิดอย่างเจ็บปวด ดวงตาสีสวยวาวโรดเต็มไปด้วยความโกรธเมื่อคิดถึงที่นั่นที่ที่เหมือนนรกบนดินแห่งนั้น

    พวกมัน! พวกมันกล้าดียังไงถึงฆ่าซือหลง พวกมันไม่คิดจะสำนึกบุญคุณเขาบ้างเลยหรอ?ตลอดระยะเวลากว่า26ปีที่พวกมันอยู่รอดมาได้อย่างสุขสบายเป็นเพราะใคร! ก็เพราะซือหลง! ถึงแม้ว่าซือหลงจะตายไปมันก็ยังใช้คนของซือหลงใช้ของของซือหลงที่เตรียมไว้!! ถือว่าตัดสินใจถูกสินะที่ส่งคนเหล่านั้นให้ไปหาหยางซีเร็วขนาดนั้น ร่างบางคิดพร้อมกับกัดฟันอย่างเคียดแค้นในแววตาแสดงเพียงความชิงชังออกมาจนแทบจะไม่มีอารมณ์อื่นๆ

    ไป๋ซงหลินพอจับได้ว่าอารมณ์ด้านมืดของตนมีมากขึ้น เขาก็เลือกที่จะกดมันลงไปอีกครั้ง พยายามควบคุมอารมณ์ให้กลับมาคงที่ดังเดิมแม้มันจะไม่ง่ายเลยก็ตาม

    "อิน กาย พวกนายรู้ไหมถึงแม้ว่าฉันจะทำร้ายซือหลงแค่ไหน แต่ฉันก็ไม่เคยคิดจะฆ่าเขาหรอกนะ และฉันก็ไม่เคยลืมด้วยว่าเขาทำอะไรให้พวกเราบ้าง ทำไมพวกนายถึงคิดฆ่าเขาได้ลงทั้งที่ถ้าคิดอย่างเห็นแก่ตัวแล้ว การที่เขายังอยู่พวกนายอาจจะรอดได้อีกนานแท้ๆ …. ไม่สิ ทำไม่มึงถึงคิดอะไรตลกๆ ออกมานะไป๋ซงหลิน ถามหาความเป็นมนุษย์ในยุคที่มนุษย์ไม่เหลือความเป็นมนุษย์โง่เขลา..."

    "แต่เอาเถอะหมดเวลาโง่แล้ว หมดเวลาสำหรับไป๋ซงหลินผู้อ่อนแอ ต่อไปนายคือ ซามูเอล อาร์เธอร์ ลินเคิร์ท ทายาทรุ่นที่ 10 ของอัลกลีราโซ้แฟมมิลี่ 1 ใน 5 กลุ่มมาเฟียที่มีอำนาจมากที่สุดในประเทศG นายต้องจำให้ขึ้นใจนะ อาร์เธอร์"

    "ในเมื่อเป็นคนดีมันยากนักผมก็จะเห็นแก่ตัวและเลวให้ดู!!"

    "หึ ต่อจากนี้ชายที่ชื่อไป๋ซงหลินถือว่าตายไปแล้ว ต่อจากนี้ฉันคือ อาร์เธอร์ ลินเคิร์ท เป็นคนของตระกูลลินเคิร์ท"

    ในเมื่อคำอธิษฐานขอย้อนเวลาเป็นกลับมาเป็นจริงแล้ว…

    คราวนี้ผมจะอาละวาดจะเอาคืนพวกมันทุกคน!! ใครที่ทำอะไรไว้ฉันจะไม่ไว้หน้าพวกมันสักคน....

    แต่...

    "แล้วผมจะไปตามหาซือหลงสามีผมได้ที่ไหนฟระ!!!! อ้ากกกกกกกกก"

    เฮ้อออออ ช่างมันก่อนละกันเดี๋ยวก็คงได้เจอเองละ

    เอาละ ผมตัดสินใจละ

    จุดมุ่งหมายหลักในการย้อนเวลาครั้งนี้ของผมจะไม่ใช่การแก้แค้นอีกต่อไป แต่จะเป็นการเปย์

    ใช่! ผมจะทำแค่เปย์สามีผมให้ถึงที่สุด!!!

    การแก้แค้นเอาไว้ทำที่หลัง ตอนนี้ต้องไปเตรียมของเพื่อให้ซือหลงอยู่อย่างสบายๆ ก่อน

    "อ่า ซือหลงชอบเตียงนุ้มๆ ใหญ่ๆ ต้องซื้อขนาดคิงไซส์ อืมๆ ส่วนผ้าห่มต้องหนาๆ นุ้มๆ อากาศต้องเย็นๆ อืมม ซือหลงไม่ชอบใส่สูทแต่จะชอบใส่ยูกาตะหรือชุดจีนโบราณ ต้องรีบสั่งปักสั่งตัดต้องเลือกลายอีกเดี๋ยวจะไม่ทัน อือๆ หลงหลงถนัดปืนพก ดาบเล็ก แล้วก็กระบี่ ต้องหาซื้อดาบคาตานะสินะ ไม่สิเดี๋ยวไปประเทศ Vดีกว่า ที่นั่นยังมีชั่งตีกระบี่สมัยก่อนอยู่ อือๆ ต้องไปที่นั่นก่อน อะ ใช่สิ ต้องเตรียมอ่างอาบน้ำใหญ่ๆ ด้วยหลงหลงชอบแช่ ห้องหนังสือ โต๊ะทำงาน บลา บลา บลา"

    ร่างบางนั่งคิดนั่งเขียนของที่ต้องเตรียมให้หยางซือหลงจนหลับคาโซฟาตัวยาวไปพร้อมรอยยิ้มอย่างมีความสุข

    ..............................................

    ณ จวนสกุลหยาง แคว้นจ้าว แห่งดาวเอส

    บริเวณปีกขวาของจวนซึ่งเป็นที่อยู่ของคุณชายรองตระกูลหยาง

    ในห้องนอนที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ก็ยังมีความหรูหราตามฐานะได้มีผู้ชายสองคนอยู่ในนั้น คนแรกกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางเกียจคร้าน คนที่สองก็คือร่างโปร่งใสของไป๋ซงหลิน

    หือ ที่นี้ที่ไหนเนี่ย จำได้ว่าผมหลับไปที่ห้องนั่งเล่นไม่ใช่หรอ?ทำไมถึงมาโผล่ที่นี้กันนะ ไม่สิแล้วที่นี้คือที่ไหนกันนะ?หรือว่าเรื่องราวที่เราย้อนเวลานั้นจะเป็นเพียงความฝันกัน

    ไป๋ซงหลินคิดอย่างเหม่อลอยและสับสน เขาไม่เข้าใจในทุกเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองในตอนนี้นัก เพราะทุกอย่างดูคล้ายจะเป็นเรื่องโกหกที่หากหลับไปแล้วตื่นขึ้นมามันก็กลายเป็นแค่ความฝัน เป็นความฝันอันสวยงามที่เขาไม่อาจจะแตะต้องมันได้อีก

    ก๊อก ก๊อก

    แต่ก่อนที่ไป๋ซงหลินจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงของใครคนหนึ่งจากด้านนอกประตู

    "คุณชายรองขอรับ"

    คนที่นอนอยู่บนเตียงขยับตัวลุกขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงใหญ่ด้วยท่าทางเบื่อหน่ายเงียบเฉียบ แต่ทุกท่วงท่าการขยับก็ยังคงสง่างามตามแบบของคุณชายตระกูลใหญ่

    "หวังซาน?เข้ามาสิ"

    เสียงชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นมาเบาๆ เพื่ออนุญาตให้ผู้ที่อยู่ข้างนอกเข้ามาได้ เตียงของชายผู้นั้นตั้งอยู่ข้างหลังของไป๋ซงหลินจึงทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงการมีตัวตนของอีกฝ่าย แต่เมื่อไป๋ซงหลินหันกลับไปมองตามเสียงนั้น เขาก็มีอาการตาโตอย่างตกใจดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอพร้อมจะไหลได้ทุกเมื่อ

    "ซือหลง!!! ฮืออออ ซือหลง ซือหลงงงงง อึก คิดถึง คิดถึง ถ้านี้เป็นความฝัน มันก็เป็นฝันดีที่ทำให้ผมมีความสุขกว่าสิ่งไหน มีความสุขจนแทบไม่อยากจะตื่น ไม่อยากจะกลับไปพบเรื่องราวเดิมๆ อีกแล้ว ซือหลง..."

    ไป๋ซงหลินพรั่งพรูออกมาอย่างกับคนบ้าแต่เหมือนกับว่าอีกคนที่อยู่ในห้องจะไม่เห็นหรือได้ยินเสียงใดๆ จากไป๋ซงหลินแม้แต่น้อย

    ครืดด

    เสียงเปิดประตูห้องพร้อมกับร่างกำยำของชายที่ถูกเรียกว่าหวังซานเดินเข้ามาในห้องพร้อมกระบี่คู่กาย

    "กระผมรับสารจากคุณชายใหญ่ ให้มาบอกคุณชายรองว่า บัดนี้คุณชายใหญ่พบตัวท่านหมอเทวดาแล้วขอรับ นายท่านจึงมีคำสั่งให้มาแจ้งคุณชายรองว่าอีก 15 วันให้คุณชายไปพบท่านหมอที่เมืองซีอานในยามซื่อ (9-11โมง) ขอรับ"

    "อือ ข้ารู้แล้ว"

    หวังซานรายงานจบเขาก็โค้งทำความเคารพก่อนจะเดินออกไปเพื่อให้หยางซือหลงได้พักผ่อน แต่ก่อนที่ประตูจะถูกปิดสนิทมันก็ถูกเปิดออกอีกครั้งด้วยน้ำมือของชายรูปงามคนหนึ่งที่เดินสวนหวังซานเข้ามาอย่างไม่สนมารยาทใดๆ

    "ไงง ซือหลง"

    "ซงหลางหรอ" หยางซือหลงที่หลับตามาตลอดก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาเผยให้เห็นในตาสีชมพูอ่อนคู่งามที่แสดงออกถึงอาการของผู้ที่ถูกพิษร้ายแรง จ้องมองไปที่ซงหลางอย่างตั้งคำถาม

    "เฮ้อออ สายตาเจ้าแย่ลงอีกแล้วหรือ?แล้วนี่เจ้าจะนอนอีกนานไหมมมม ออกไปเดินเล่นหน่อยไหม?"

    "นาน ไม่ละ"

    "ให้ตายสิ การมีเพื่อนอย่างเจ้าทำเอาข้าปวดหัววันละสามเวลา นั้นก็ไม่เอานี้ก็ไม่เอา ฮึ้ยย"

    "ก็ดีแล้วนิ?"

    "โอ้ยยย ดีอะไรเล่าาาา เจ้านี้มัน! เฮ้ออ แล้วเป็นอย่างไรบ้าง นอกจากดวงตาแล้วไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรอีกใช่ไหม? "

    "ก็เหมือนเดิม"

    "อือ พิษในกายเจ้านับวันยิ่งรุนแรง ข้าหวังว่ามันจะถูกกำจัดได้ในเร็ววัน"

    "พี่รองบอกว่าอีก 15 วัน ที่ซีอาน"

    "หือ...คุณชายใหญ่หยางหาเจอแล้วหรออ?"

    "อือ"

    "ดีดีดี ดียิ่งนักนับเป็นข่าวดีที่สุดเลย ข้าต้องรีบไปบอกข่าวดีนี้กับพี่ใหญ่ของเจ้าสะแล้ว แต่จะว่าไปพวกเจ้านี้ก็หาคำเรียกให้คนอื่นงงได้ดีจริงนะ"

    "หือ?"

    "ก็เจ้าไปสาบานเป็นพี่น้องกับปิงโข่วที่อายุเยอะกว่า คนอื่นเรียกเจ้าคุณชายรองแต่เจ้าแทนตัวเองว่าน้องสามเห็นความงงนี้ไหมละ?"

    "เจ้าก็ทำใจ"

    "ข้าทำใจมาหลายปีแล้วที่จะไม่เรียกพี่ใหญ่เจ้าอย่างปิงโข่วกับคุณชายใหญ่หยางสลับกัน"

    "หึ พูดมาก"

    "ก็ได้ๆข้าพูดมากเองไปละพี่ใหญ่เจ้ารออยู่"

    กล่าวจบซงหลางก็รีบเดินออกไปจากห้องทันทีก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งแล้วเร่งฝีเท้ากระโดดข้ามต้นไม้ออกจากจวนไป

    ทางด้านหยางซือหลงเมื่อเห็นอาการดีใจเกินเหตุของสหายสนิทก็ส่ายหัวไปมาเล็กน้อยแต่ใบหน้าก็ขยับยิ้มออกมาบางเบา

    "ซือหลง ผมไม่เคยคิดว่าตอนที่คุณยังโดนพิษอยู่จะมีสภาพเช่นนี้"

    "หึ นั้นสินะ ขนาดตอนแก้พิษได้แล้วคุณยังอาการไม่ได้ดี ตอนที่ยังโดนพิษอยู่คุณจะทรมานขนาดไหนกันนะ อึก ผมขอโทษ ผมขอโทษ"

    "ที่รัก ผมขอโทษ อึก ฮืออออ ต่อไปนี้ผมจะเป็นฝ่ายปกป้องคุณเอง"

    ไป๋ซงหลินว่าจบก็ขยับเข้าไปยืนตรงหน้าหยางซือหลง แล้วก้มลงไปหอมหน้าผากของเขาแช่ทิ้งไว้อยู่อย่างนั้นก่อนจะผละออก ไป๋ซงหลินเหม่อมองไปที่คิ้วงามที่ขยับเขามาชิดกัน แล้วจึงจูบลงไปใหม่ทำซ้ำๆ อย่างนั้นพักใหญ่พร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหลรินลดแก้ม ก่อนจะผละออกมายืนเต็มความสูงมองไปที่ผมสีขาวของอีกคนด้วยสายตาเจ็บปวด

    ไป๋ซงหลินจ้องมองผมของหยางซือหลงอยู่อย่างนั้นก่อนจะขยับไปลูบผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยของอีกคนให้เรียบตรึงเช่นเดิมอย่างทะนุถนอม

    "หือ? "หยางซือหลงที่รับรู้ได้ถึงสัมผัสแปลกๆ ติดๆ กัน ก็ครางออกมาเสียงเบาพร้อมกับสีหน้าแสดงออกถึงอาการมึนงงไม่เข้าใจ โดยที่ไม่ได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังร้องไห้อยู่

    ไป๋ซงหลินที่พอได้เห็นน้ำตาของหยางซือหลงเขาก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นจนตอนนี้สั่นไปทั้งตัว ก่อนจะก้มลงไปจูบซับน้ำตาให้อีกคนอย่างแผ่วเบา คุกเข่าลงบนพื้นขยับเข้าไปซบหน้าลงบนฝ่ามือที่วางอยู่บนตักของอีกคนด้วยท่าทางเจ็บปวดอย่างน่าสงสาร

    "ใคร?น้ำตา? "หยางซือหลงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่มั่นใจ เมื่อเห็นว่ามีรอยน้ำตาหยดลงบนฝ่ามือตน ไหนจะอาการที่เหมือนกับว่ามีคนซบอยู่บนตักตนทั้งที่มองไม่เห็นนั้นอีก

    ไป๋ซงหลินที่ไม่อาจกลั้นน้ำตาของตนลงได้เขาก็เอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนสุดท้ายก็หลับไปพร้อมกันกับที่ร่างโปร่งใส่ของไป๋ซงหลินหายไป

    "เมื่อกี้มีใครรึเปล่า? "หยางซือหลงตั้งคำถามจบก็ลองยกมือขึ้นมาเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสที่หายไป เขายกมือขึ้นมาในระดับสายตาเหม่อมองอย่างสงสัย

    แกร๊ก

    เสียงเปิดประตูที่มาพร้อมกับร่างของซงหลางและชายอีกคนที่เปิดเข้ามาโดยที่ไม่สนใจเรื่องมารยาท

    ทั้งสองคนที่ตอนแรกเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มก็มีอันต้องหุบลงเมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลนองหน้าของหยางซือหลงไหนจะเลือดที่ไหลออกมาจากปากนั้นอีก

    "หลงเอ๋อร์ นะ น้องเจ็บตรงไหน นะ น้องเจ็บมากหรอ พะ พี่จะไปลากคอหมอหลวงมา น้องรอพี่ก่อนนะ"

    ชายผู้แทนตัวเองว่าพี่กล่าวจบก็วิ่งออกจากห้องไปพร้อมเสียงตะโกนโวยวายดังลั่นจนทำให้ภายในจวนตระกูลหยางทั้งหมดเกิดความวุ่นวายขึ้น

    "ซือหลง จะ เจ้า เจ็บตรงไหน ปวดตรงไหน หรือว่ามีใครทำอะไรเจ้า ข้าจะไปฆ่ามัน!! "

    ซงหลางเองเมื่อกล่าวจบก็ทำท่าชักกระบี่ก่อนจะออกไปหาคนทำทันที ซึ่งการกระทำของทั้งสองคนนี้ก็สร้างความวุ่นวายไปทั่วเมืองหลงเลยทีเดียว

    แน่นอนว่าทั้งจวนหรืออาจจะทั่วเมืองหลวงต้องวุ่นวายเพราะคุณชายรองหยาง หยางซือหลงผู้นี้ถูกดูแลดุจไข่ในหิน เป็นที่รักของทุกคน และยังเป็นหลานรักของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันด้วย ดังนั้นอาการเกิดป่วยที่เกิดขึ้นกับคุณชายรองผู้นี้แม้เพียงเกิดขึ้นเล็กน้อยความวุ่นวายก็เกิดทั่วถึง

    "พวกเจ้าชั่งวุ่นวาย"หยางซือหลงว่าก่อนจะหมดสติไปเพราะอาการพิษกำเริบ

    ................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×