คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : S1 บทที่ 1 ก่อนย้อนเวลา รีไรน์
บทที่ 1
ก่อนย้อนเวลา
###คำเตือนมีการใช้ความรุนแรง###
อดีตเมื่อหลายหมื่นปีก่อนบนสวรรค์ได้มีคำสาปแช่งหนึ่งเกิดขึ้น
"ข้าขอสาปแช่งพวกเจ้า ข้าขอให้บุตรของพวกเจ้าต้องประสบกับความทุกข์ในความรักจนไม่อาจมีชีวิตต่อไป"
"เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้าเหตุใดเจ้าต้องดึงบุตรของข้ามายุ่งเกี่ยว! "
"ใช่เป็นเจ้าที่ทำผิดต่อข้า แต่เจ้าจะต้องเจ็บกว่าข้า!!! "
"อันเอ๋อร์ข้าจะช่วยบุตรของเรายังไงดี"
.
.
ก่อนหน้าที่ซงหลินจะย้อนเวลา
"หลวนซี..ข้ายังจำคำสาปแช่งนั้นได้ดี...ข้าควรทำอย่างไรกับคำสาปแช่งนี้ทำอย่างไรบุตรของข้าถึงจะหลุดพ้นเสียที"หลางหลินเอ่ยขึ้นในขณะที่เฝ้ามองไป๋ซงหลินทนทุกข์กับความรัก
"ครั้งนี้บุตรข้าลงไปเอง เจ้าไม่ต้องกังวลเขาต้องช่วยบุตรของเจ้าได้แน่"หลวนซีเอ่ยขึ้นหวังให้อีกคนสบายใจแต่มันดูจะทำให้อีกคนเป็นทุกข์มากกว่า
"อะไรนะ!!ทำไมพวกเจ้าไม่ห้ามเขา!"
"หลิงเอ๋อร์ เจ้าห้ามเขาไม่ได้ ข้ายิ่งห้ามเขาไม่ได้"หลวนซีตอบตามความจริง เพราะบุตรที่เกิดจากเลือดของเขาผู้นี้เป็นคนดื้อที่แม้แต่เขายังรับมือไม่ไหว
"แต่เขาจะได้รับอันตราย"หลางหลินเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
"เขาคือบุตรของข้า เจ้าคือผู้เลี้ยงดูเขามา เขาได้รับการสั่งสอนจากเทพประมุขที่ภพเทพ เจ้าต้องเชื่อใจเขา"หลวนซีเอ่นพร้อมกับดึงอีกคนเข้ามากอด
"หลวนซีข้าควรทำอย่างไรดี ข้าเสียบุตรของข้าไปแล้วบุตรของเจ้าข้าไม่อยากเสียไปอีก"หลางหลินเอ่ยเสียงเบาใบหน้าล่องลอย
"หลิงเอ๋อร์...เจ้าลืมหินแห่งฟีเทียร์ไปแล้วหรือ? "หลวนซีเอ่ยเตือนให้อีกคนไม่ลืมของที่พวกเขาช่วยกันสร้างมาหลายปีเพื่อเอามันมาช่วยบุจรของพวกเขส
"ใช่ ข้าลืมมัน ข้าลืมมันไปได้ยังไงกัน ใช่แล้วข้าจะให้บุตรข้าได้รับโอกาศครั้งใหญ่"
"ใช่แล้ว และข้าเชื่อว่าครั้งนี้เขาจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง"
.
.
ย้อนกลับไปก่อนไป๋ซงหลินจะย้อนเวลา
ณ ปี ค.ศ. 2060
30ปี หลังวันแห่งหายนะ
ณ มิติ DUT303
เป็นมิติที่มีจักรวาลอันแสนกว้างใหญ่มีกาแล็กซีนับแสนนับล้านที่เกินจะคาดเดา แต่มิตินี้มีกาแล็กซีขนาดใหญ่ 3 กาแล็กซีที่มีดวงดาวดวงพิเศษ ดวงดาวที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ซึ่งทั้งสามดวงดาวเปรียบเสมือน อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
1 ดาวโลกหรือดาวซี ดวงดาวที่เปรียบเสมือนปัจจุบัน ปัจจุบันที่เทคโนโลยียังไม่ได้ทันสมัยเกินไป ผู้คนยังใช้ชีวิตโดยไม่ได้พึ่งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยยังมีการใช้แรงงานคนสลับกับเทคโนโลยี ดาวดวงนี้ถูกแบ่งออกเป็น 26 ประเทศ 3 ทวีป 4 มหาสมุทร ทุกประเทศยังคงช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
2 ดาวโลกคู่ขนานหรือดาวเอส เป็นดวงดาวที่เปรียบเสมือนอดีต อดีตที่ผู้คนยังไม่ได้มีการค้นพบเทคโนโลยี เป็นอดีตที่เคยมีในดาวโลกเมื่อหลายพันปีก่อน แต่ก็ยังมีความแตกต่างตรงที่ว่าดาวเอสแห่งนี้เป็นดาวที่มีผู้ฝึกตน ผู้บรรลุเซียน พลังปราณ มีสวรรค์ มีเทพ เป็นโลกจีนโบราณกำลังภายใน ที่นี้มี 6 ภพ 3 แผ่นดิน 16 แคว้น 15 สำนักฝึกตน และ 4 หุบเขาเซียน
3 ดาวซอมบี้หรือดาวเอ็กซ์ ดาวดวงนี้คือดาวแห่งโลกอนาคตอย่างแท้จริง เทคโนโลยีที่ทันสมัยใช้แรงงานหุ่นยนต์ขับเคลื่อนการใช้ชีวิต เครื่องจักรกลเป็นกำลัง ขับเคลื่อนอาณาจักรด้วยสมองกล และขุมพลังอันแปลกประหลาด บ้านเรือนจะลอยอยู่บนฟ้า เดินทางด้วยการย้ายสะสาร ท่อไฮโดรความเร็วสูง และอื่นๆ อีกมากมาย ที่นี้แบ่งเป็น 3 อาณาจักรเขตปกครองที่แยกจากกันอย่างเด็ดขาด
เรื่องราวของไป๋ซงหลินเกิดขึ้นที่ ดาวโลก
บริเวณตึกรกร้างผุพังนอกฐานเมือง N
สถานที่แห่งนี้เคยเป็นศูนย์วิจัยของสถาบันJAS ศูนย์วิจัยระดับโลกแห่งประเทศ N แต่หลังจากเข้าสู้วันแห่งหายนะ สถานที่แห่งนี้ก็ถูกเรียกขานว่า สุสานบรรจุศพ
เมื่อก่อนศูนย์วิจัยแห่งนี้เคยเป็นศูนย์วิจัยเชื้อไวรัสที่ถูกขนานนามว่าทันสมัยที่สุดในโลกมาอย่างยาวนาน แต่หลังจากวันแห่งหายนะมันก็ได้กลายเป็นสถานที่ที่โหดร้ายที่สุดสำหรับมนุษย์ ศูนย์วิจัยแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ทดลองยาต้านไวรัสซอมบี้ ทดลองการดัดแปลงมนุษย์ ทดลองพลังในมนุษย์ และอื่นๆ อีกหลายอย่างนานถึง18ปี ก่อนที่มันจะถูกทำลายลงด้วยฝีมือของนักวิจัยผู้หนึ่ง
ในเวลานี้สถานที่แห่งนี้ก็ถูกทำลายลงไปแล้วบางส่วนเพราะถูกทิ้งร้างมานานนับสิบปี ไม่มีใครเข้ามาใกล้ศูนย์วิจัยนรกแห่งนี้เลยตลอดสิบปีที่ผ่านมา ฐานเมืองNที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังไม่สามารถเข้ามาเคลียร์หรือทำความสะอาดได้ แม้ว่าภายในจะมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยและข้อมูลทางงานวิจัยที่มีประโยชน์มากมาย ซึ่งที่มันเป็นเช่นนั้นก็เพราะความสยดสยองที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ได้ทำไว้ในอดีต ทำให้ที่นี้มีซอมบี้ระดับสูงอยู่มากมาย ทั้งภายในศูนย์วิจัยเองและบริเวณโดยรอบกินพื้นที่กว่า 1ตารางกิโลเมตร อีกทั้งซอมบี้ภายในศูนย์วิจัยก็มีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วทำให้ยากต่อการกำจัด และยังรวมไปจนถึงความน่ากลัวของสารพิษสารเคมีต่างๆ ทีรั่ว่ซึมออกมาจากศูนย์วิจัยแทบตลอดเวลา
มันคือสารพิษที่ทำให้มนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตรอดได้เพียงแค่สูดดมหรือสัมผัส แต่ซอมบี้กลับได้รับประโยชน์จากมันเพื่อการกลายพันธุ์และวิวัตฒนาการ
ซึ่งความน่ากลัวทั้งหลายเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ไม่มีใครกล้าที่จะย่างกรายเข้าไปในรัศมี 2 กิโลเมตรโดยรอบศูนย์วิจัย และที่แห่งนี้ก็ถือเป็นสถานที่ที่มีความอันตรายอันดับแรกๆ ในโลก เป็นที่ที่ไม่ว่ามนุษย์คนไหนเข้าไปก็ยากที่จะมีชีวิตรอดออกมาได้
แต่...
ในตรอกอับชื้นแห่งหนึ่งใกล้ศูนย์วิจัยที่ไม่ควรมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อาศัยอยู่ ก็ได้ปรากฏว่ามีผู้ชาย4คนอยู่ที่นั่น
ชายคนแรก กำลังถูกผู้ชายอีกคนซ้อมอยู่บนพื้นที่แสนสกปรกอย่างน่าสงสาร ตามเนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยเลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาแทบตลอดเวลา
ชายคนที่สอง เป็นผู้ที่กระทืบชายคนแรก เท้าข้างถนัดของเขาเหยียบอยู่ที่แผ่นอกของชายคนแรกอย่างหยาบคาย เขาจ้องมองไปที่ชายคนแรกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสมเพชและเหยียดหยาม
ชายคนที่สาม นั่งอยู่ข้างกายของชายคนแรก ในมือของเขามีมีดสั้นที่ตอนนี้ตลอดทั้งด้ามอาบย้อมไปด้วยเลือด และยังมีเลือดบางส่วนที่หยดลงพื้นจนกลายเป็นแอ่งเลือดขนาดเล็ก
ชายคนที่สี่ เป็นผู้นั่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ที่เก้าอี้อย่างเฉยชา แต่ในแววตาของเขาก็แฝงไปด้วยความสะใจและมีความสุขอย่างไม่อาจปกปิดได้มิด
"อะ แค่กๆ ทะ ทำไม ถึง ทำแบบนี้ อึก อิน"
ชายคนแรกเอ่ยขึ้นแผ่วเบาด้วยเสียงแหบแห้งติดขัด น้ำเสียงเจือปนไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งความไม่เข้าใจ ความผิดหวัง เสียใจ เจ็บปวด ท้อแท้ รู้สึกผิด หรือแม้แต่โกรธแค้น
ส่วนชายคนที่สองที่ถูกเรียกว่าอินพอได้ยินคำถามนั้นเขาก็หยุดทำร้ายร่างกายของชายคนแรก ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
ชายคนแรกพอได้รับเสียงหัวเราะกลับมาเป็นคำตอบเขาก็นิ่งไปอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะไอออกมาอย่างหนักพร้อมเลือดที่ไหลออกมาจากทั้งปากและจมูก ที่มันเป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าตอนนี้อวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บและเสียหายอย่างหนัก จนเขาเองยังคิดว่าครั้งนี้คงไม่สามารถมีชีวิตรอดได้อีก
อินเอาแต่ยืนมองชายคนแรกด้วยสายตาที่บ่งบอกว่ารังเกียจคนที่ตัวเองมองอย่างมาก และยิ่งเห็นว่าคนที่ตนกระทืบอยู่ไอจนเลือดกระเด็นมาถูกตัว เขาก็หยุดหัวเราะแล้วหันมากระทืบเท้าลงไปที่ท้องของคนที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นอย่างหัวเสียจนอีกคนกระอักเลือดออกมาอีกหลายครั้ง แล้วอินก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามดูถูก
"คิคิ คุณมันโง่ ใช่คุณนะโง่จังเลยนะครับ... ไป๋เกอเก้อ คุณนะมันโง่แล้วโง่อีก โง่จนควายยังฉลาดกว่า เฮ้อ ผมละอยากจะรู้จริงๆ เลยว่าถ้า อ่า ไม่สิ ตอนนี้มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคุณนะ ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากขาดผู้ชายคนนั้น อืออ แต่ผมก็สงสารเขานะ เขารักคุณมาก เขาปกป้องคุณทุกอย่าง แต่คุณกลับเอาแต่ทำร้ายเขา จริงสิ คุณรู้ไหม? แม้แต่การที่เขาต้องตายมันก็เป็นเพราะคุณเลยนะครับ หึ ฮ่าๆๆ"
"เฮ้ออ ไป๋ซงหลินหนอไป๋ซงหลิน ผมนะโคตรเสียใจเลยนะรู้ไหม เสียใจที่สุดท้ายต้องมากำจัดตัวหมากอย่างคุณกับเขาทั้งที่ยังใช้การได้ ฮึฮึ"ชายคนที่สามเอ่ยเสริมขึ้นมาอย่างขบขัน และเขายังเลือกใช้น้ำเสียงเศร้าปนสงสาร แต่ก็แฝงไปด้วยการเสแสร้งแกล้งทำ
ทุกคำพูดที่ทั้งสองคนเอ่ยออกมาต่างก็สร้างความเจ็บปวดให้กับไป๋ซงหลินอย่างแสนสาหัส เพราะสิ่งที่พวกเขาพูดเป็นสิ่งที่ไป๋ซงหลินพยายามหลอกตัวเองมาโดยตลอด เขาหลอกตัวเองเสมอว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของเขา มันไม่ใช่ความจริงมันเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ว่าทุกความเจ็บปวดที่ได้รับจะตอกย้ำว่ามันเป็นความจริงเสมอมา
"อะ อิน ผม ระ รัก คะ อึก"
ยังไม่ทันที่ไป๋ซงหลินจะพูดจบอินก็กระทืบเท้าลงไปบนหน้าของไป๋ซงหลินอย่างไม่ออมแรง มองคนที่อยู่ใต้เท้าเขาด้วยสายตาขยะแขยงอย่างไม่ปิดบัง อินทำร้ายอีกคนอย่างหนักแม้ว่าผู้ชายที่ชื่อไป๋ซงหลินจะมีฐานะเป็นแฟนหนุ่มของเขาก็ตาม
ใช่แล้วผู้ชายที่ชื่ออินเป็นคนรักของไป๋ซงหลินนั้นเอง คนที่กระทืบไป๋ซงหลินอย่างโหดเหี้ยมคนนั้นคือแฟนที่คบกันมากว่า30ปีของเขา ถึงแม้ว่าพักหลังมานี้ทั้งคู่จะทำตัวเหมือนเลิกกันแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยบอกเลิกกันแม้ว่าตัวของอินจะเคยส่งไป๋ซงหลินให้ไปเป็นนางบำเรอของผู้ที่มีอำนาจที่สุดของฐานเมืองB หนึ่งในฐานที่เคยมั่นคงที่สุดในอดีตก่อนที่ฐานจะถูกทำลายลงเพราะผู้นำถูกฆ่าตาย
ณ ตอนนี้ไป๋ซงหลินถูกทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างหนัก เขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนการตอบสนองของเขาเริ่มผิดเพี้ยนไป ภายในหัวสมองของเขาเวลานี้เหลือเพียงความว่างเปล่าคล้ายดังว่าเขาอยากจะลืมทุกสิ่งอย่างไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไป แต่เขาก็ต้องกลับมามีสติอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของอินพูดอะไรบางอย่างออกมา
"นี้ไป๋เกอเก้อผมขอร้องละ คุณอย่าพูดคำน่าสะอิดสะเอียนนั้นออกมาได้ไหมครับ ผมขนลุก แหวะ จะอ้วก" อินพูดขึ้นหลังจากที่กระทืบไป๋ซงหลินจนพอใจ
ไป๋ซงหลินเมื่อฟังคำบอกกล่าวนั้นจบในหัวเขาก็คิดโทษตัวเองอย่างขมขื่น คิดสมเพชตัวเองที่โง่งมซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่น่าให้อภัย
ฮ่าๆไป๋ซงหลินเอ่ยไป๋ซงหลินนายดูสิ ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักของนาย เป็นคนที่นายรัก เป็นคนที่นายเชื่อใจ เป็นคนที่นายคอยปกป้อง เป็นคนที่นายยอมให้อภัยได้ทุกอย่าง เขาเป็นคนคนเดียวกันกับที่ซ้อมนายอย่างเลือดเย็น ทำลายดวงตาของนาย ทำลายแขน ขา จนแทบจะใช้การไม่ได้ ฮ่าๆ ครั้งนี้นายได้ตายจริงๆ แล้วละไอ้ไป๋ ฮ่าๆ ฮ่า...
"ไป๋ซงหลินนายควรไปพูดคำว่ารักคำนี้กับสามีศพของนายมากกว่านะ อิอิ เพราะเขาทำให้นายรอดตายมาได้ตั้ง30ปีเชียวนะ หึหึ"
ชายคนที่สามพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายเห็นใจและสงสาร ก่อนที่เขาจะโยนมีดในมือทิ้งลงพื้นอย่างไม่สนใจไยดีมันอีกต่อไปแล้วหันหลังกลับไปคร่อมตักชายคนที่สี่พร้อมทำท่าทางยั่วยวน
ทุกคำพูดของสองคนนั้นล้วนบาดลึกเข้าไปในจิตใจของไป๋ซงหลิน ใช่แล้วทุกคำพูดของคนพวกนั้นล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น ไป๋ซงหลินเองก็รับรู้มาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เขาเข้าไปเป็นนางบำเรอให้หยางซือหลงผู้นั้น เพียงแต่เขาไม่คิดจะยอมรับมันก็เท่านั้น ไม่สิ เขาแค่พยายามที่จะไม่ยอมรับต่างหาก เขารู้ดีว่าการที่เขามีชีวิตรอดมาได้และอยู่อย่างสุขสบายไม่ต้องไปบำเรอกามให้คนอื่นก็เพราะมีหยางซือหลงผู้นี้คอยปกป้อง ตลอดเวลากว่า8ปีหลังจากที่หยางซือหลงตายไป เขาสามารถมีชีวิตรอดจากความตายมาได้ก็เพราะมีลูกน้องของหยางซือหลงคอยปกป้องอีกที
หยางซือหลงผู้นั้นที่ไป๋ซงหลินพูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นสามีเพียงคนเดียวของเขาในโลกที่แสนโสมมนี้
แน่นอนว่าคนที่เอาแต่ใจอย่างไป๋ซงหลินไม่มีทางใช้ชีวิตรอดนอกฐานได้หากขาดที่พึ่ง ที่ไป๋ซงหลินรอดมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะมีลูกน้องของหยางซือหลงค่อยๆ สละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเขาทีละคนสองคนอย่างช้าๆ ถ่วงเวลาให้เขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้นานและไม่ลำบากจนเกินไปให้ได้มากที่สุด ลูกน้องของหยางซือหลงเพียงแค่ 40คน เพียงแค่40 คน แต่สามารถปกป้องและดูแลไป๋ซงหลินผู้แสนเอาแต่ใจคนนี้มาได้ถึง8ปี
ซึ่งคนสุดท้ายก็ได้ตายไปเมื่อเดือนก่อน และหลังจากนั้นชีวิตของไป๋ซงหลินก็ได้รับรู้ถึงคำว่านรกอย่างแท้จริง
ลูกน้องของหยางซือหลงที่ไป๋ซงหลินไม่ได้ปฏิบัติกับพวกเขาดีนัก แต่พวกเขาก็ยังคงรักษาคำสัญญาที่พวกเขารับปากไว้กับคนที่เป็นเจ้านายที่แท้จริงของพวกเขาได้อย่างดีเยี่ยมแม้ว่าคนผู้นั้นจะตายไปนานถึง8ปีแล้วพวกเขาก็ยังคงจงรักภักดี
พอคิดถึงซือหลงและคนพวกนั้นมันก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า คนอย่างนายไม่สมควรได้รับความช่วยเหลือพวกนั้นเลยจริงๆ นะไป๋ซงหลิน
ไป๋ซงหลินคิดอย่างดูถูกตัวเอง แต่ก็ต้องหยุดคิดนั้นเมื่อเขาได้ยินเสียงของคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยิน...
"กูจะบอกความจริงบางอย่างให้เป็นของขวัญวันตายของมึงสักเรื่องสองเรื่องก็แล้วกันนะไอ้ไป๋เพื่อนรัก" ชายคนที่สี่ผละออกจากซอกคอของชายคนที่สาม แล้วมองไปที่ไป๋ซงหลินแล้วพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ไป๋ซงหลินกลับมามีสติอีกครั้งหลังจากเหม่อลอยคิดถึงเรื่องราวในอดีต เขาได้สติเพราะนั้นเป็นเสียงเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กของเขา เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กและอยู่ด้วยกันมาตลอดจนถึงตอนนี้
กายหรอ?กายเองก็หักหลังเราสินะ หึ เลือดเย็นกันจังเลย อ่า จะว่าไปเราก็เคยเลือดเย็นแบบนี้กับซือหลงนิหน่า กรรมตามสนองนายแล้วนะ ไป๋ซงหลินคิดอย่างยอมรับความจริง
ยิ่งความตายใกล้เข้ามามากเท่าไหร่ไป๋ซงหลินก็ยิ่งคิดถึงหยางซือหลงมากขึ้นเท่านั้น ทั้งคิดถึง ทั้งโหยหา คิดถึงอ้อมกอดที่แข็งแกร่งและปลอดภัยคู่นั้น
ชายคนที่สี่หรือกาย กายตบหลังชายคนที่สามเบาๆบังคับให้ลงจากตักตัวเอง ก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาหาไป๋ซงหลิน
"กูกับอินอะ หึหึ เราเป็นแฟนกันมาตั้งนานแล้ว เอากันจนถ้าอินเป็นผู้หญิงมันท้องลูกเป็นสิบแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ"
กายพูดไปหัวเราะไปอย่างสะใจ และยิ่งมีความสุขมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นสีหน้าช็อกกับเรื่องที่ได้รับรู้ของไป๋ซงหลิน และสีหน้าบิดเบี้ยวที่แสดงออกอย่างมาว่าเสียใจ ก่อนที่กายจะพูดต่อเมื่อหัวเราะจนพอใจ
"เฮ้อออ มึงนี้มันโง่บรมเลยวะ พวกกูหลอกมึงมาตั้งนานแต่มึงก็ยังไม่รู้ นี้ขนาดพวกกูแทบไม่ปิดอะไรมึงเลยนะ บางทีแทบจะเอากันโชว์มึง มึงยังไม่รู้เลย ควาย ควาย ควาย จริงๆ"
กายว่าจบก็ดึงผมของไป๋ซงหลินขึ้นจนหัวของไป๋ซงหลินยกลอยจากพื้น ก่อนที่เขาจะกดกระแทกหัวของไป๋ซงหลินลงไปกับพื้นอย่างแรงจนเลือดไหลออกมาเยอะกว่าเดิม
"มึงจะเข้าใจในสิ่งที่กูพูดหรือไม่ก็ชั่ง เพราะถ้ามึงคิดได้มึงจะรู้เองว่ามึงโง่แค่ไหน อินที่รัก พวกเราหลอกมันมากี่ปีนะครับ ใช่ตั้งแต่หลอกให้มันขายทุกอย่างไปใช้หนี้ให้เรารึเปล่าน่า... อ่า กี่ปีนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ"
กายพูดกับไป๋ซงหลินอย่างดูแคลนก่อนจะลุกไปกอดเอวของอินที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ยถามอินพร้อมหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ภายในหัวของไป๋ซงหลินก็เริ่มคิดย้อนกลับไปกลับมาช้าๆทีละเล็กละน้อย แต่ทุกความทรงจำที่ผุดขึ้นมาล้วนแต่ตอกย้ำความโง่ของเขา
ครั้งแรกถูกหลอกให้ไปขัดดอกแทนแต่ครั้งนั้นดีหน่อยที่คนคนนั้นเป็นคนรู้จักเลยรอดมา
ครั้งต่อมาก็ต้องทะเลาะกับพ่อและลุงจนทำให้คุณลุงต้องตาย
ครั้งถัดไปคือวันที่เปิดพินัยกรรมแล้วอินมาบอกว่าตัวเองติดหนี้ จนเขาต้องยอมขายทุกอย่างเพื่อไปใช้หนีแทนอิน
ตั้งแต่ครั้งแรกมันก็...
ก่อนวันแห่งหายนะ2ปี
นับรวมตอนนี้ผ่านมาร่วม 32 ปี
นานขนาดนั้นเลยสินะ ไป๋หลินคิดอย่างเลื่อนลอย
"เป็นไงรับรู้ถึงความโง่ของตัวเองแล้วหรือยัง?ตอนนี้กูไม่อยากเก็บมึงไว้เป็นภาระแล้ววะ พอดีมึงหมดประโยชน์แล้ว หึหึ"
กายว่าพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยกเท้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกระทืบเท้าลงไปที่ใบหน้าของไป๋ซงหลินอย่างแรงแล้วขยี้ลงไปอย่างไม่ปรานี
"สงสัยไหมว่ามึงหมดประโยชน์ยังไง กูจะบอกให้ ผัวมึงก็ตายไปแล้ว ลูกน้องผัวมึงก็ตายแล้ว จะบอกอะไรดีดีให้นะ ผัวมึงอะ.... กู-กับ-จินซูหลิน ฆ่ามันเองกับมือเลยละ ฮ่าๆๆ เฮ้อๆ มึงรู้มะ ว่าทำไมกูต้องกำจัดมันทั้งๆ ที่มันโคตรจะมีประโยชน์ ก็เพราะว่ามันคิดจะกำจัดกูให้ออกไปจากชีวิตมึงไง ฮ้าๆๆ แต่ดีนะที่มึงโง่ไม่เชื่อมัน มันเลยทำอะไรไม่ค่อยได้ หึหึ"
ยิ่งกายพูดออกมามากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ไป๋ซงหลินสติหลุดลอยมากเท่านั้น เขาเจ็บปวดจนแทบจะปิดกันการรับรู้ทุกอย่างรอบกาย ภายในจิตใจของเขามีความรู้สึกมากมายที่สับสนปะปนกันไปหมด จนทำให้ตอนนี้ไป๋ซงหลินไม่สามารถทนรับรู้อะไรได้อีกต่อไป ไม่รับรู้แม้กระทั่งความเจ็บปวดทางร่างกาย
"ไป๋เกอเก้อผิดเองนะที่โง่ กายครับผมว่าเราส่งไป๋เกอเก้อให้ตามไปอยู่กับสามีของเขาเถอะครับ"
บึ้ม
เมื่ออินพูดจบก็มีเสียงการระเบิดของอะไรบางอย่างดังขึ้นใกล้ๆก่อนที่เสียงฝีเท้าจะค่อยๆ เดินห่างออกไปเรื่อยๆ พร้อมกับคำพูดของสามคนนั้น และในเวลาต่อมาก็มีเสียงหวี้ดร้องดังของซอมบี้กำลังใกล้เข้ามา
"ลานะอดีตนายหญิง"จินซูหลิน
"ไปนะครับไป๋เกอเก้อ อดีตแฟนของผม"อิน
"ตายดีนะเพื่อนรัก อ๋อ กูจะบอกอะไรดีดีให้ ตอนที่กูบอกว่าไอ้หยางซือหลงมันตายไปแล้วนะ ที่จริงยังไม่ตายหรอกนะ กูส่งมันไปทรมานที่ศูนย์วิจัยJASเกือบปีเลยละ มึงต้องได้เห็นวะ ตอนที่มันพยายามไม่ร้องแม้จะเจ็บปวดแค่ไหน พยายามขัดขืนจะหลบหนีตลอดเวลา รู้ไหมก่อนที่กูจะฆ่ามัน มันพูดขออะไร.... มัมันของให้กูไว้ชีวิตมึงไงละ
ภายในจิตใจของไป๋ซงหลิน
อ่า ผมโง่และโดนหลอกมาตลอด... อึก ฮือ หยางซือหลง ผมขอโทษนะ ผมขอโทษ ขอโทษที่ไม่เคยเชื่อคุณ ขอโทษที่ทำให้คุณต้องทรมาน ขอโทษที่ไม่ยอมไว้ใจคุณ ขอโทษที่ไม่สนใจแม้แต่ความรู้สึกของคุณ
ผมขอโทษ
ตอนนี้ผมคงต้องตายแล้ว.....
ผมจะได้พบคุณ...
อะ!!จริงสิหินนั้น
ไป๋ซงหลินคิดมาถึงตรงนี้เขาก็พยายามฝืนความเจ็บปวดทุกอย่างยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมสร้อยที่เขาทำขึ้นอย่างลวกๆเพื่อซ้อนเศษผนึกหินจากนอกโลกที่หลายๆ คนตามหาหลังจากที่บังเอิญหาพบเมื่อ2วันที่แล้ว
ไป๋ซงหลินกุมสร้อยไว้พร้อมกับเอ่ยอธิษฐาน
" ผมคือผู้ครอบครองหินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้นามว่าไป๋ซงหลิน ผมขอตั้งจิตอธิษฐานอ้อนวอนต่อท่านผู้เป็นใหญ่ ขอท่านผู้สิงสถิตอยู่ในหินนี้โปรดตอบรับคำขอของผม ผมปรารถนาที่จะย้อนเวลากลับไปยังอดีตในช่วงก่อนเกิดวันแห่งหายนะ ต้องการกลับไปช่วยเหลือครอบครัว และแก้แค้นกายกับอินผู้ทรยศผมได้อย่างเลือดเย็น ผมขอร้องท่านได้โปรดตอบรับคำขอนี้ของผมด้วย"
"ผมขอร้องท่านผู้วิเศษโปรดตอบรับคำขอนี้ของผมด้วย"
‘ผมขอร้อง ผมขอย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต กลับไปหาคนที่เขารักผมและผมก็รักเขา กลับไปตอบแทนทุกความรักและความไว้ใจที่พวกเขามีให้’
'หยางซือหลงผมสัญญาว่าผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมันมาเอาเปรียบหรือหาผลประโยชน์จากคุณได้อีก'
ชาตินี้ผมโง่งมทุ่มเทความรักความไว้ใจทุกสิ่งทุกอย่างให้กับคนที่เขาไม่เคยเห็นค่า
ชาติหน้าผมจะทุ่มทุกความรักที่ผมมีให้คุณ
หลังจากสิ้นความคิดและคำสัญญานั้นสติของไป๋ซงหลินก็หายไปจริงๆพร้อมกับลมหายใจที่กำลังจะหยุดลง และในเวลาต่อมาหินที่ไป๋ซงหลินกุมไว้ก็มีประกายสีฟ้าขาวสว่างไปทั่วบริเวณ
ก่อนจะบังเกิดหิมะสีแดงตกลงมาจากท้องฟ้า.....
........................................
ความคิดเห็น