ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมย้อนเวลามาเติมทรูให้สะมีเฉยๆอะครับ >.<

    ลำดับตอนที่ #6 : S1 บทที่ 3 ครอบครัว รีไรน์

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 66


     

    บทที่ 3

    ครอบครัว

     

    หนึ่งวันหลังย้อนเวลา

    1 ปี กับอีก 9 เดือน 30 วัน ก่อนวันแห่งหายนะ

     

    เช้าวันถัดมา เวลา 06:23

    "ซือหลง!!! "

    ไป๋ซงหลินสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเหงื่อที่ไหลยิ่งกว่าน้ำในเช้าวันถัดมา

    เวลาช่วงตี2ที่ผ่านมาไป๋ซงหลินได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตได้สำเร็จ เขาได้นั่งวางแผนเตรียมของสำหรับหยางซือหลงอยู่ในห้องรับแขก และก็เผลอหลับไปในเวลาเกือบเช้า

    "อึก นี้เราฝันไปหรอ หรือว่าเราไปหาซือหลงมาจริงๆ? "ไป๋ซงหลินพึมพำกับตัวเองอย่างไม่แน่ใจ ดวงตาทั้งสองข้างมีน้ำตาหยดไหลลงอาบแก้มแต่แววตายังแสดงออกถึงความสับสน

    "ไม่สิ ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร นายจะไม่เป็นไร"ว่าจบไป๋ซงหลินก็ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างลวกๆ แล้วพยายามจะยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยต่อ

    "ไม่ว่านี้จะเป็นความฝันหรือความจริงมันต่างก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น เพราะงั้นไม่ต้องคิดแล้ว..."

    หลังจากที่เขาพยายามยามพูดปลอบตัวเองอยู่พักใหญ่ น้ำตาที่ไหลอย่างไม่ขาดสายก็หยุดลงพร้อมกับที่ริมฝีปากบางที่ขยับยิ้มออกมาอย่างสวยงามกว่าเดิม นี้ถือเป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุดในรอบ 30 ปีหลังจากวันแห่งหายนะเลยก็ว่าได้ เพราะตัวของไป๋ซงหลินหลังจากที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวไปจนหมดเขาก็ไม่เคยยิ้มอย่างสบายใจได้อีกเลย

    "คิคิ แต่จะว่าไปซือหลงก็เหมาะกับการแต่งตัวด้วยชุดจีนโบราณจริงๆ นะ ดูงดงาม สูงส่ง และน่าหลงใหล"กล่าวจบไป๋ซงหลินก็มีอาการเขินอายแสดงออกมา หน้าแดงลามไปถึงลำคอมือทั้งสองข้างก็ขยับไปมาอย่างไม่รู้ว่าควรวางมันไว้ตรงไหน

    "ไป๋ซงหลินนายหยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุดเพ้อเดี๋ยวนี้เลย กลับห้องดีกว่า"ว่าพร้อมกับตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อเรียกสติ ก่อนจะขยับลุกขึ้นเตรียมเดินกลับเข้าห้องไป

    แต่ก่อนที่ไป๋ซงหลินจะได้เดินกลับเข้าไปในห้องตามที่ตั้งใจในจังหวะที่เขากำลังจะเดินผ่านชั้นวางนั้น หางตาก็บังเอิญไปเจอเข้ากับโต๊ะข้างโซฟาที่ลิ้นชักชั้นหนึ่งของมันถูกเปิดทิ้งไว้ ทำให้เขาสามารถมองเห็นสิ่งของที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งที่ไป๋ซงหลินเห็นนั้นก็คือรูปถ่ายขนาดไม่ใหญ่มากใบหนึ่งที่ถูกใส่กรอบไว้อย่างดี มันถูกวางไว้ในลิ้นชักอย่างโดดเดี่ยว ถูกเก็บเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของลิ้นชักโต๊ะโชว์ที่ไม่มีใครสนใจ

    ไป๋ซงหลินเดินเข้าไปหยิบรูปถ่ายใบนั้นขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทาก่อนที่น้ำตามากมายจะไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยนั้นอย่างน่าสงสาร

    "อึก คิดถึง"

    ไป๋ซงหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดึงรูปนั้นเข้ามากอดไว้อย่างหวงแหน รูปถ่ายขนาดประมาณ 10 นิ้ว รูปถ่ายเพียงรูปเดียวที่เป็นรูปครอบครัวของเขา ในรูปประกอบไปด้วยคุณพ่อ ท่านแม่ คุณย่า คุณปู่ ท่านตา ท่านยาย และตัวของเขาเอง

    รูปถ่ายใบนี้ถือว่าเป็นรูปถ่ายเพียงใบเดียวที่ยังไม่ถูกทำลายลงด้วยฝีมือเขา รูปถ่ายเพียงรูปเดียวที่พ่อบ้านซงผู้ที่เป็นหัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลไป๋มานานกว่า40ปีแอบเก็บซ้อนเอาไว้ พ่อบ้านซงแอบเก็บซ้อนรูปครอบครัวตระกูลไป๋นี้ไว้เพราะเขายังเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งนายน้อยที่เขารักและเลี้ยงดูมากับมือ จะกลับไปเป็นนายน้อยผู้น่ารักและแสนดีเช่นเดิม

    "อึก ทำไมนายโง่ยังงี้ไป๋ซงหลิน โง่ๆๆ "

    ไป๋ซงหลินด่าทอตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอย่างคนสติหลุด ใบหน้าสวยอาบย้อมไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ลดละ หน้าตาบิดเบี้ยวน่าเกลียดแสดงออกถึงความเจ็บปวดภายในจิตใจ พร้อมกันนั้นไป๋ซงหลินก็เริ่มทุบตีทำร้ายตัวเองและทำลายข้าวของภายในห้องจนของกระจัดกระจาย แม้แต่ตัวเขาเองก็ถูกพวกเครื่องแก้วที่ตกแตกบาดตามร่างกายจนได้เลือดอยู่หลายแห่ง

     

    แกร็ก

    เสียงเปิดประตูห้องมาพร้อมกับการปรากฏตัวของชายแก่คนหนึ่งที่ในมือของเขาถือข้าวของมากมาย แต่ก่อนที่เขาจะได้เอาของในมือไปเก็บในที่ของมัน เขาก็ต้องมาตกใจจนแทบจะเป็นลมเมื่อเปิดประตูมาเห็นสภาพห้องที่เละเทะและอาการผิดปกติของผู้เป็นนายน้อย

    ตุบ

    ชายแก่ทิ้งของทุกอย่างในมือลงพื้นจนแตกกระจาย ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งเข้าไปหาไป๋ซงหลินอย่างร้อนรนพร้อมเอ่ยถามเสียงสั่น

    "อะ นายน้อยไป๋ นายน้อยเป็นอะไรไปขอรับ ใครทำอะไรนายน้อย!!"

    ชายแก่เอ่ยถามพร้อมกับพยายามจะจับมือของไป๋ซงหลินไว้เพื่อไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ก่อนจะดึงคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อยอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี แม้ว่าร่างบางในอ้อมแขนจะพยายามขัดขืนแค่ไหนก็ตาม

    ใช้เวลาไม่นานไป๋ซงหลินก็เริ่มจะสงบลงอย่างช้าๆ เพราะไม่อาจขัดขืนแรงของผู้ที่กอดตนไว้ได้ ส่วนทางด้านของชายแก่เมื่อเห็นว่าไป๋ซงหลินเลิกทำร้ายตัวเองแล้ว เขาก็ละความสนใจจากคนในอ้อมแขนหันไปสำรวจรอบๆ ห้องเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้นายน้อยผู้นี้ถึงกับร้องไห้และทำร้ายตัวเองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วเขาก็ต้องหน้าซีดหนักเมื่อเห็นรูปถ่ายที่ตนแอบเก็บไว้วางอยู่บนโต๊ะแทนที่มันจะอยู่ในลิ้นชักอย่างที่ควรจะเป็น

    ไป๋ซงหลินที่สามารถดึงสติกลับมาได้เพียงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าใครเป็นผู้กอดตัวเองอยู่เขาก็นิ่งไปทันที ก่อนจะกอดตอบชายแก่อย่างแนบแน่นด้วยความคิดถึงและโหยหา ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างด้วยร่างกายที่สั่นเทาไปทั้งตัวอย่างคนต้องการที่พักพิงและหวาดกลัว

    แต่ก่อนที่ชายแก่จะได้พูดอะไรไป๋ซงหลินก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

    "พ่อบ้านซง อึก คิดถึง หลินขอโทษ หลินขอโทษ ฮืออออ"

    ร่างบางเอ่ยขอโทษชายตรงหน้าซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับร้องไห้อย่างหนักราวกับจะขาดใจ แต่ก็คล้ายกับหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ให้พูดขอโทษซ้ำๆ อย่างไร้สติ

    ชายแก่หรือพ่อบ้านซง เมื่อได้รับคำขอโทษจากไป๋ซงหลินเขาก็ยิ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูก มือไม้ขยับไปมาอย่างไม่รู้ว่าควรทำอะไร เวลานี้เขาคิดออกเพียงพยายามกกกอดร่างในอ้อมแขนที่กำลังสั่นเทาอย่างน่ากลัวให้แน่นขึ้น

    แต่ในเวลาต่อมาเขาก็ต้องตกใจอย่างสุดขีด เมื่อผู้เป็นนายน้อยของเขาไม่ยอมที่จะหยุดเอ่ยคำขอโทษ จนเขาต้องผลักตัวออกมาจ้องมองหน้าของร่างในอ้อมแขนแล้วสีหน้าของพ่อบ้านซงก็ยิ่งซีดเข้าไปอีก เมื่อในดวงตาของไป๋ซงหลินบัดนี้ไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก มันมีแต่ความว่างเปล่าดั่งคนไร้ชีวิตทั้งที่น้ำตายังไหลออกมาไม่ยอมหยุด ปากก็ยังคงพร่ำพูดแค่คำว่าขอโทษอยู่อย่างนั้น

    "นายน้อยขอรับ นายน้อย!!"

    พ่อบ้านซงเรียกไป๋ซงหลินอย่างขวัญเสีย พยายามจะกอดและพูดปลอบเพื่อหวังให้อาการที่ร่างบางเป็นหายไปหรือดีขึ้นบ้าง แต่ก็ต้องผิดหวังหนักแม้ว่าจะผ่านไปกว่า5นาที อาการของร่างในอ้อมแขนเขาก็ยังคงไม่หายหรือดีขึ้นแม้แต่น้อย นั้นยิ่งทำให้พ่อบ้านซงร้อนใจมากขึ้นไปอีก และสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะโทรติดต่อไปหานายท่านไป๋หรือก็คือพ่อของไป๋ซงหลิน ไป๋อู๋เหยียน นั้นเอง

    "มีอะไรหรอพ่อบ้านซง" รอสายไม่นานเสียงของปลายสายก็ดังขึ้นมาให้ได้ยิน

    "ฮะ ฮัลโหลนายท่านขอรับ คือว่า นายน้อย นะ นายน้อยเขา นายน้อย..."

    หลังจากได้ยินเสียงนายท่านไป๋ พ่อบ้านซงก็พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะในหัวของเขายังไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดออกมาได้ นี้ถือเป็นครั้งแรกที่เขาไม่สามารถควบคุมความกลัวในใจได้จนการทำงานของสมองหยุดไป

    "พ่อบ้านซง? มีอะไรรึเปล่า พ่อบ้านซง?"

    ไป๋อู๋เหยียนเรียกคู่สนทนาเสียงดังขึ้นเมื่อจับใจความอะไรจากอีกฝั่งไม่ได้เลย แม้จะแปลกใจเล็กๆ กับอาการที่ดูแปลกๆ ของปลายสายก็ตาม

    "นะ นายน้อยแย่แล้วขอรับ" พ่อบ้านซงเอ่ยขึ้นเสียงเครียด เขาพยายามที่จะตั้งสติให้มากที่สุดเรียบเรียงคำพูดในหัวให้รู้เรื่องมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลานี้

    "ซงหลินไปก่อเรื่องอะไรอีก"

    ไป๋อู๋เหยียนถามกลับด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเมื่อรู้ว่าเป็นเรื่องของไป๋ซงหลิน ถึงแม้เขาจะแปลกใจอยู่บ้างที่พ่อบ้านซงผู้ไม่เคยเสียอาการกับอะไร มาก่อนมีอาการร้อนรนได้ขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงอะไรมากนัก เพราะไป๋ซงหลินชอบก่อเรื่องไม่เว้นวันให้เขาอยู่แล้ว

    "ไม่ทราบขอรับ แต่นายน้อยตอนนี้เอาแต่พูดคำว่าขอโทษด้วยแววตาว่างเปล่าเหมือนคนไร้ชีวิตจนกระผมกลัว นะ นายท่านนายน้อยจะเป็นอะไรรึเปล่า ก่อนที่กระผมจะมาถึงนายน้อยทำร้ายตัวเองจนบาดเจ็บหลายจุดด้วยขอรับ" พ่อบ้านซงรายงานสิ่งที่เขาเรียบเรียงในหัวอย่างเร่งรีบ

    "ทำไมซงหลินถึงเป็นแบบนั้น!!"

    ไป๋อู๋เหยียนแม้จะเบื่อหน่ายลูกชายคนนี้ที่ชอบก่อเรื่องให้เขาต้องตามล้างตามเช็ดตลอดเวลามา แต่เขาก็ยังคงรักลูกคนนี้มาก และอาการที่พ่อบ้านซงรายงานมาก็ทำให้เขาตกใจบวกหวาดกลัวไม่น้อย เขาไม่คิดว่าคนที่เข้มแข็งอย่างลูกชายของเขาผู้นี้จะแสดงอาการพวกนี้ออกมาได้โดยไม่มีสาเหตุแน่นอน และสาเหตุนั้นต้องร้ายแรงมากด้วย

    "กระผมเองก็ไม่ทราบขอรับเมื่อวานยังดีดีอยู่เลย ตอนเช้ามืดก็ไม่มีอาการอะไรไม่มีไข้ถึงจะน่าแปลกใจที่นายน้อยมาเผลอหลับที่โซฟาก็ตาม แต่หลังจากกระผมไปซื้อของไม่ถึงชั่วโมง กลับมาอีกทีนายน้อยก็เป็นอย่างนี้แล้วขอรับ"

    "นายดูเขาดีดีเดี๋ยวฉันจะโทรตามเคนก่อน และฉันกับเคนจะไปที่ถึงที่นั่นภายใน30นาที"ไป๋อู๋เหยียนเอ่ยอย่างเร่งรีบพร้อมกับตัดสายไปทันทีที่พูดจบ

    หลังจากพ่อของไป๋ซงหลินวางสายพ่อบ้านซงก็หันกลับไปกอดไป๋ซงหลินไว้เช่นเดิมพร้อมกับพูดว่าไม่เป็นไรตอบโต้กลับไป เช่นเดียวกันกับที่ไป๋ซงหลินก็ยังคงพูดขอโทษอยู่ซ้ำๆ อย่างนั้น

     

    30 นาทีต่อมา

    แกร็ก ปัง

    เสียงเปิดประตูพร้อมกันกับเสียงของบานประตูกระทบผนังห้องเสียงดังบ่งบอกถึงอารมณ์ของผู้กระทำเป็นอย่างดี

    "พ่อบ้านซง!! ซงหลินละ!!"

    เสียงผู้เปิดประตูดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของชายวัยกลางคนที่ยังคงหน้าตาสวย แต่ใบหน้าสวยตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลตามกรอบหน้า และยังมีอาการเหนื่อยหอบร้อนรนบ่งบอกว่าชายผู้นี้เร่งรีบอย่างมาก

    "อาหลิน? ทำไมอาหลินถึง...."

    เสียงชายอีกคนที่เดินตามหลังชายหน้าหวานมาอุทานขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพห้องที่ย่ำแย่และแววตาที่มองมาของไป๋ซงหลิน

    "นายท่านไป๋ คุณเคน อึก นายน้อยเป็นอะไรก็ไม่รู้"

    พ่อบ้านซงที่ทั้งกอดทั้งปลอบ คอยลูบหัวลูบหางของไป๋ซงหลินไม่หยุดเอ่ยบอกผู้มาใหมืด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า 

    "คุณไป๋เดี๋ยวผมดูอาหลินเอง พ่อบ้านซง เดี๋ยวผมขอดูหลานหน่อย"

    ชายที่ชื่อเคนเอ่ยบอกไป๋อู๋เหยียนก่อนจะผลักให้อีกฝ่ายที่กำลังยืนช็อกอยู่ให้หลบทาง แล้วหันไปพูดกับพ่อบ้านซงก่อนจะเดินเข้าไปหาไป๋ซงหลินและพ่อบ้านซงที่ยืนกอดกันอยู่กลางห้อง เมื่อเดินไปถึงเขาก็ดึงไป๋ซงหลินมากอดไว้เอง แล้วดีดนิ้วที่ข้างหูของไป๋ซงหลิน และเมื่อเห็นว่าไป๋ซงหลินตอบสนองต่อเสียงแล้วนิ่งไปเขาก็เอ่ยเรียกชื่อของไป๋ซงหลินขึ้นเบาๆ

    "ซงหลิน อาหลิน ไป๋ซงหลิน อาร์เธอร์หลานรัก"

    ไป๋ซงหลินเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนด้วยชื่อจริงที่น้อยคนจะรู้ก็ทำให้เขาได้สติกลับมาทีละนิด แต่ยังคงยืนนิ่งมองเคนอย่างเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สติของเขาจะกลับมาหลังจากที่เคนเรียกชื่อของไป๋ซงหลินอยู่อย่างนั้นซ้ำๆ บวกกับการที่ไป๋อู๋เหยียนเดินเข้ามากอดไป๋ซงหลินไว้จากทางด้านหลังแล้วเอ่ยเรียกสลับไปมากับเคน ทำให้ไป๋ซงหลินรับรู้ถึงความรู้สึกอบอุ่นจากอ้อมแขนที่เขาโหยหามาตลอด

    เคนเมื่อเห็นว่าไป๋ซงหลินอาการสงบลงมากแล้ว เขาก็อุ้มผู้เป็นหลานขึ้นในท่าเจ้าสาวก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไป โดยมีชายอีกสองคนรีบวิ่งตามออกไปติดๆ

    .

    ณ บ้านใหญ่ตระกูลไป๋ที่ประเทศA

    ไป๋ซงหลินที่หยุดเอ่ยขอโทษไปแล้ว แต่ยังคงมีอาการเหม่อลอยถูกพากลับบ้านใหญ่ทั้งอย่างนั้น โดยมีไป๋อู๋เหยียนคอยกอดไว้ไม่ยอมห่าง เคนพยายามจะชวนคุยตลอดทาง และมีพ่อบ้านซงที่คอยมองไปข้างหลังตลอดเวลาที่อยู่ในรถ

    และหลังจากที่ไป๋อู๋เหยียนวางไป๋ซงหลินลงบนเตียงเขาก็ตามขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียงก่อนจะดึงร่างของไป๋ซงหลินมากอดไว้เช่นเดิม โดยให้ไป๋ซงหลินนอนพิงตัวเองอยู่ ทางด้านเคนก็เตรียมเครื่องมือมาตรวจและทำแผลให้ไป๋ซงหลิน

    หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่าสติของไป๋ซงหลินก็กลับมาเป็นปกติเช่นเดิม

    ไป๋ซงหลินที่ฟื้นคืนสติแล้วก็กะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะหันมองไปรอบตัวอย่างสับสนมึนงง หลังจากมองจนพอใจเขาก็ได้รับรู้ว่าตนนั้นกำลังนอนพิงใครบางคนอยู่บนเตียงที่น่าจะเป็นห้องนอนของเขาเองที่บ้านใหญ่ เมื่อคิดได้อย่างนั้นไป๋ซงหลินก็หันไปมองผู้ที่ตนพิง ซึ่งพอเห็นว่าเป็นใครเขาก็เกิดอาการสับสนยิ่งกว่าเดิม และเมื่อหันไปทางประตูที่อยู่ข้างขวาก็ทำให้เขายิ่งงุนงง เพราะคนที่อยู่ในห้องตอนนี้ล้วนเป็นคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้พบกันอีก

    "คุณอาเคน? ม๊า? มาได้ไง?" ไป๋ซงหลินเอ่ยถามอย่างตกใจบวกงุนงงมองไปที่เคนและไป๋อู๋เหยียนสลับไปมา

    "ม๊า? "ไป๋อู๋เหยียนหลังได้ยินคำว่าม๊าจากปากของลูกตัวเองก็อุทานขึ้นมาอย่างมึนงงจ้องมองไปที่ไป๋ซงหลินอย่างสงสัย ด้านเคนเองก็กะพริบตาถี่มองไปที่ผู้เป็นหลานอย่างโง่งมเช่นกัน

    "แหะๆ เปล่าๆ ดูเหมือนจะเบลอๆ คุณอา กับคุณพ่อมาได้ไงครับ"

    ไป๋ซงหลินเอ่ยถามอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาเกาแก้มตัวเองอย่างเขินอายอย่างไม่คุ้นชิน ขยับตัวไปมาในอ้อมแขนของผู้พ่อตนอย่างไม่สบายตัว เพราะเขาไม่ได้ใกล้ชิดกับทุกคนมานานมากแล้ว เขาไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้พบกับทุกคนอีก ไม่คิดว่าจะได้รับอ้อมกอดของพ่อตัวเองแบบนี้ และยิ่งไม่คิดว่าจะได้รับสายตาแห่งความห่วงใยจากผู้เป็นอาอย่างเคน ซึ่งพอได้รับแล้วมันก็ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงหรือจะต้องรับความรู้สึกที่ถูกส่งมานี้ยังไง

    "พ่อบ้านซงกลับมาจากข้างนอกเจอหลานร้องไห้เหมือนจะขาดใจ แล้วยังเอาแต่ทำร้ายตัวเองไม่หยุดทั้งยังเอ่ยขอโทษเขาซ้ำไปซ้ำมา พ่อบ้านซงเขาร้อนใจเลยโทรหาพ่อของหนูนะ"

    เคนเป็นคนตอบไป๋ซงหลินเมื่อเขาเห็นว่าไป๋อู๋เหยียนไม่คิดพูดอะไร ตอนนี้ไป๋อู๋เหยียนเอาแต่จ้องมองไป๋ซงหลินอย่างจับผิดและสงสัยกับการเปลี่ยนแปลงไปของผู้เป็นลูกมันเปลี่ยนไปจนเขาสังเกตได้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดของตนลงเลยสักนิด

    "หือ? หา อ่า อ๋อ ครับ"ไป๋ซงหลินเมื่อได้ฟังก็นิ่งไปเล็กน้อย และก็ต้องถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม คิดอย่างกังวลกับอาการที่เหมือนจะหนักขึ้นของตัวเขาเอง แต่ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

    สงสัยสิ่งแรกที่ต้องทำคือการที่ต้องไปพบจิตแพทย์สะแล้ว ผมนะรู้ตัวดีว่าผมมีโอกาสกลับไปเป็นเหมือนเมื่อตอนนั้นอีกและอาจจะหนักกว่าเดิมด้วย...

    ไป๋ซงหลินเคยมีอาการแบบนี้มาก่อน แม้จะหายไปนานแล้วแต่การที่ตลอด 8 ปีต้องจมลงสู่ความโสมมอันน่าขยะแขยงทั้งยังสูญเสียเสาหลักสำคัญอย่างหยางซือหลงไป ไหนจะเรื่องที่เคยถูกจับไปทดลองอีก แค่นี้มันก็มากพอที่จะทำให้จิตใจของเขากลับไปบิดเบี้ยวได้อีกครั้งแล้ว..

    หึ ครั้งแรกสูญเสียคุณพ่อกับครอบครัวทั้งหมดจนแทบจะฆ่าตัวตาย ต่อมาสูญเสียเดม่อนคนรักของคุณพ่อผู้ที่ดึงผมให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง พอเสียเดม่อนไปก็ได้หยางซือหลงดึงชีวิตผมกลับมาพอเขาตายจากไปอีกคน มันก็เหมือนกับว่าได้สูญเสียสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจสุดท้ายไปด้วย

    คนอย่างผมจะทนรับความผิดหวังเกิน 3 ครับได้ยังไง ผมนะรู้ตัวดีว่าไม่อาจรับการสูญเสียอย่างสาหัสได้มากมายขนาดนั้น.... เฮ้อออ ซือหลงอุส่าช่วยรักษาอาการหลังสูญเสียเดม่อนไปกว่าจะหายก็ตั้งหลายปีแท้ๆ เบื่อยาพวกนั้นชะมัดเลย ไหนจะต้องมาเล่าเรื่องพวกนั้นซ้ำอีกครั้ง เฮ้อออออ น่าเบื่อ น่าเบื่อ ชั่งน่าเบื่อ....

    ไป๋ซงหลินคิดแล้วถอนหายใจพร้อมกับกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย

    "หลานเป็นอะไรรึเปล่า?"

    เคนเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นกังวลเมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติของไป๋ซงหลิน แววตาของผู้เป็นหลานแสดงอารมณ์ที่หลากหลายมากเกินไป มันดูตีกันวุ่นวายไปหมดมันซับซ้อนจนยากจะคาดเดาได้ ไหนจะอาการเหม่อลอยเป็นพักๆนั้นอีก ที่สำคัญเขาทันเห็นสายตาที่เศร้าสร้อยจนน่าใจหายของหลานคนนี้และมันก็ชัดเจนจนน่าหวาดกลัว

    ไป๋ซงหลินเมื่อได้รับคำถามเขาก็หันกลับไปมองผู้เป็นพ่อกับอาพร้อมกัดนิ้วไปด้วยอย่างคุ้นคิด ก่อนจะตัดสินใจพูดเรื่องอนาคตที่ตัวเขาอาจจะถูกมองว่าบ้าก็ตาม แต่เขาก็คงไม่ได้สนใจมากนักเพราะเขารู้ดีว่าอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้ต้องได้รับการรักษาทางจิตอย่างเร่งด่วนไม่แพ้กัน

    "ถ้าผมบอกอะไรที่มันไม่น่าเชื่อออกไปทุกคนจะเชื่อผมไหม?"ไป๋ซงหลินถามขึ้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองผู้เป็นพ่อ

    "ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องที่แกพูดจะเชื่อได้แค่ไหน" ไป๋อู๋เหยียนที่นั่งเงียบมานานเป็นคนตอบ

    "หึ เชื่อไม่ได้สุดๆ ไปเลยละครับ แถมยังต้องมาให้คุณอารักษาให้อีกด้วย หึหึ" ไป๋ซงหลินเอ่ยอย่างร่าเริงพร้อมหัวเราะทั้งที่สิ่งที่จะพูดไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าสนุกอะไรเลย

    "อา? อาเป็นหมอจิตแพทย์นะอาหลินจะไปรักษาอะ....ไรได้...." เคนพูดขึ้นอย่างมึนงงมองไปที่ไป๋ซงหลินอย่างสับสนไปชั่วขณะก่อนจะเงียบไป

    ตอนแรกเคนที่ประเมินอาการเบื้องต้นของไป๋ซงหลินเขาคิดว่ามันคงไม่ต้องถึงขั้นตอนการรักษาอย่างจริงจัง เพราะเมื่อเดือนก่อนที่ไป๋ซงหลินได้เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีก็ไม่ได้มีความผิดปกติอะไรทั้งด้านร่างกายและจิตใจ แต่พอได้สบตากับไป๋ซงหลินในตอนนี้ก็ทำให้เคนไม่แน่ใจในความคิดนี้เลย

    "ก็ถูกแล้วไงครับ อาการ อ่า ตอนนั้นหมอคนนั้นเรียกอาการนี้ว่าอะไรนะ อืมมม ชั่งเถอะๆ หลักๆ แล้วผมนะมีอาการหวาดระแวงคนรอบข้าง เพราะหวาดกลัวการสูญเสีย กลัวความมืด กลัวห้องแคบๆ กลัวการนอนคนเดียว กลัวเสียงดัง อ่า เป็นโรคนอนไม่หลับด้วย คิคิ อ่า หมดรึยังหว่าตอนนั้นคุณหมอคนนั้นเล่นลิสรายการมาตั้ง 1หน้ากระดาษเลยนิน่าา อ่าา ผมว่าคุณอาคงต้องตรวจอาการผมเองแล้วละ ผมจำได้ไม่หมด อิอิ"

    ไป๋ซงหลินพูดไปนับนิ้วไปด้วยรอยยิ้มกว้างมีเสียงหัวเราะคิกคักอย่างน่าขนลุกตลอดเวลาเป็นเสียงประกอบ แต่สายตาของเขากลับไร้แววอารมณ์มีเพียงความว่างเปล่าดูเลื่อนลอย ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่าไป๋ซงหลินเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อเขาคิดถึงเรื่องราวในอดีต

    ใช่ ไป๋ซงหลินไม่เคยพร้อมที่จะพูดถึงเรื่องราวในอดีต เขาเคยเป็นแบบนี้มาก่อนเมื่อเริ่มที่จะพูดถึงอดีตอารมณ์ของเขาจะเริ่มตีกันมั่วจนปั่นป่วน และก็จะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ สุดท้ายก็จะปิดกั้นตัวเองจากภายนอก...

    "หลานหมายความว่ายังไง!"

    เคนถามอย่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นอาการที่ไป๋ซงหลินแสดงออกมา และไหนจะอาการที่อีกคนอธิบายมานั้นอีก ทุกอย่างที่ได้รับรู้ทำให้เคนเครียดมากขึ้นทุกที เพราะหลังจากได้ลองสังเกตมาสักระยะและพูดคุยกับไป๋ซงหลินมาสักพักเขาเองก็เริ่มจะจับอาการผิดปกติได้อีกหลายอย่าง

    "จะเล่าคร่าวๆ ก็แล้วกัน อือ เริ่มจากตรงไหนดีนะ อ่า"ไป๋ซงหลินคุ้นคิดและเรียบเรียงคำพูดในหัวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ

    "ตรงนี้ละกัน จะมีปรากฏการณ์แปลกๆที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ปรากฏขึ้นในที่ต่างๆ ทั่วโลก แล้วหลังจากนี้อีกประมาณ2ปี ไม่สิน่าจะสัก 2-3เดือนนี้ละที่มันจะเริ่มเกิดขึ้น และมันก็จะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนครบหนึ่งปี ถ้าถามว่ามันจะเกิดเรื่องแปลกๆ ยังไง มันก็จะเป็นปรากฏการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งโลกอย่างไม่ควรจะเป็น เช่น หิมะตกพร้อมกันทั่วโลกทั้งที่ที่นั่นเป็นฤดูร้อน หลังจากนั้นก็จะมีโรคระบาดที่ดูจะไม่ร้ายแรงแต่ก็ร้ายแรง ซึ่งมันทำให้มีคนป่วยหนักและมีคนตายมากมาย"

    ไป๋ซงหลินเอ่ยมาถึงตรงนี้ก็หยุดพูดมองไปทางผู้เป็นพ่ออย่างลังเล แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเอ่ยต่อ

    "สุดท้ายมันก็จะปลุกทุกคนหรือแม้แต่ศพที่ไม่ได้เผาทำให้ทุกคนที่ไม่ถูกเลือกกลายเป็นซอมบี้"

     

    ######################################

     

    เปิดตัว

    คุณอาเคน อาของไป๋ซงหลิน

    ไป๋อู๋เหยียน พ่อของไป๋ซงหลิน

    พ่อบ้านซง พ่อบ้านประจำตระกูลไป๋ ตระกูลซงรับใช้ตระกูลไป๋มาทุกรุ่น

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×