คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : รอบที่7: จบเสียแล้ว...
ชื่อกระทู้ รอบที่7: จบเสียแล้ว... 15-18 มี.ค.
1. จงแต่งปิดเรื่องให้น่าประทับใจมากที่สุด จะสื่ออารมณ์ โกรธ เศร้า สุข ขำหรืออะไรก็ได้
แต่ต้องแต่งออกมาให้น่าจดจำ
2. ความยาวไม่กำหนดเช่นเคย (แต่ต้องดูความเหมาะสมด้วย ไม่ควรยาวเกินไป)
ตอนที่ 3
หลังจากที่พรายหนุ่มฟื้นขึ้นมาพร้อมกับขอเงิน 20 และถีบอีกฝ่ายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มทั้งสองคนก็ได้พากันออกมาหาชุดใหม่เพราะชุดเดิมเปียกน้ำไปทั้งชุด เรนมองอีกฝ่ายอย่างหัวเสีย เพราะโคลวพยายามที่จะโอบประคองเขาอยู่ไม่ห่าง ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว “เอามือสกปรกของนายออกไปจากตัวฉันเลยนะ” เสียงห้วนเอ่ยสั่งแต่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านซ้ำยังหาผ้าเช็ดตัวผืนนุ่มมาห่อร่างบางไว้อีกต่างหาก
“เมื่อกี้ฉันหัวใจแทบวาย นึกว่านายจะจากฉันไปเร็วกว่าที่คิด” โคลวพูดยิ้มๆ พลางหยิบผ้านุ่มผืนเล็กขึ้นมาเช็ดผมให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน
“เอ๊ะ โคลวนายนิ อย่างมายุ่งกับหัวฉันได้ไหม รู้ไหมว่าพรายเขาถือ” เรนสะบัดศีรษะออกห่างเมื่ออีกฝ่ายพูดอะไรก็ไม่รู้ ซ้ำยังทำท่าจะเช็ดผมให้เขาอีกต่างหาก
“อ้าว..... โทษทีฉันไม่รู้อ่ะ งั้นนายเช็ดเองละกัน” ร่างสูงเอ่ยขอโทษอย่างนึกขึ้นได้ พร้อมกับยื่นผ้านุ่มในมือให้อีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นเดินห่างออกไป สายตาคมหันมาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าครัวที่อยู่มุมเล็กๆ ของห้องไป
มือหนาเปิดตู้เย็นที่เต็มไปด้วยอาหารสดมากมาย ผัก ผลไม้ มากมายที่เขาซื้อเอาไว้เบียดเสียดอยู่ในตู้ โดยไม่มีเนื้อสัตว์บรรจุอยู่ในนั้นแม้แต่น้อย มือหนาหยิบขวดน้ำสีแดงขวดหนึ่งขึ้นมาเปิดและเทใส่ลงแก้วทรงสูงเนื้อดีสีใสจนเกือบเต็ม ก่อนจะปิดฝาและเก็บไว้ที่มุมเดิม ก่อนปิดตู้นิ้วชี้เรียวอ้อยอิ่งอยู่กับฝาตู้เย็นเป็นนานก่อนจะผลักออก มือข้างที่ว่างหยิบแก้วทรงสูงที่บรรจุน้ำสีแดงสดไว้จนเต็มขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะเอาไปล้างและเก็บไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ
“นายทำอะไรน่ะโคลว” เสียงของเรนดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังหยิบหมากฝรั่งเข้าปากถึงกับสะดุ้ง ไม่มีคำตอบจากร่างสูงมีเพียงมือหนาที่ยื่นห่อหมากฝรั่งมาให้เท่านั้น เรนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเปิดตู้เย็นและหยิบแอปเปิ้ลเขียวออกมากินโดยไม่สนใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย โคลวถอนหายใจโล่งอกช้าๆ ก่อนจะเดินตามหลังอีกฝ่ายออกมา
ร่างบอบบางตรงหน้าที่กำลังเดินห่างออกไปเซเล็กน้อย จนโคลวต้องเข้าไปประคองให้ยืนได้นิ่งๆ
“เป็นยังไงบ้างเรน” เสียงห้าวทุ้มกระซิบถามชิดริมหู เป็นจังหวะเดียวกับที่ดวงหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมามอง ทำให้จมูกโด่งฝังกับแก้มเนียนอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งจนแก้มเนียนของร่างบางเกิดริ้วแดงขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้
“ม่ะ...ไม่เป็นไร ขอบคุณ” เรนเอ่ยบอกเสียงเบาติดจะกระตุก เพราะสิ่งที่เรียกว่าหัวใจสั่นไหวจนเขานึกกลัว
“งั้นก็เดินดีๆสิ” โคลวเอ่ยบอกแล้วก็เดินนำไปนั่งบนโซฟานุ่ม ขณะที่เรนก้มหน้าซ่อนริ้วแดงที่ขึ้นมาได้อย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ สงสัยอาจเป็นเพราะเลือดเนื้อเชื้อไขครึ่งหนึ่งของมารดา ที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้
“มานั่งนี่สิ” โคลวเอ่ยสั่ง ทำให้ร่างบางต้องทรุดนั่งลงข้างๆ อย่างช่วยไม่ได้ “นายจะกลับไปเมื่อไหร่นะ” เสียงทุ้มเอ่ยถามทำให้คนตัวเล็กต้องเงยหน้าขึ้นสบตาก่อนจะเอ่ยบอก
“ฉันอยู่ที่นี่ได้เพียงสามวัน”
“งั้นนายก็มีเวลาอีกไม่มากน่ะสิ เราไปเที่ยวกันเถอะ” โคลวเอ่ยชวน ทำให้คนตัวเล็กตามอารมณ์อีกฝ่ายแทบไม่ทัน
“เที่ยวอย่างนั้นหรอ เราเพิ่งไปกันมาเองนะ” เรนเอ่ยท้วงเสียงหลง แต่โคลวกับส่ายหน้าพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนให้
“เมื่อเช้าก็ส่วนเมื่อเช้า ตอนนี้เย็นแล้วเราไปตระเวนราตรีกันดีกว่า” ว่าแล้วก็ฉุดแขนเรียวให้ลุกขึ้น เรนมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ จะรีบไปไหนของเขานะ
“เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ รอให้พระอาทิตย์ตกดินก่อนได้ไหม มันร้อนแล้วฉันก็เสียน้ำมากเกินความจำเป็น” เรนต่อรอง แต่อีกฝ่ายกับส่ายหน้า
“นี่น่ะ หกโมงแล้ว เดี๋ยวออกไปก็ตกพอดีแหละ ไปกันเถอะเวลาเราเหลือไม่มากแล้ว” โคลวเอ่ยชวนแต่อีกฝ่ายกลับทำปากยื่นอย่างไม่ชอบใจที่โดนชวนกึ่งบังคับแบบนี้
“เออๆ ก็ได้รอแปบหนึ่ง ไปเปลี่ยนเสื้อก่อน” ว่าเสร็จก็ลุกเดินเข้าห้องนอนไปอีกครั้งก่อนจะออกมาด้วยชุดเสื้อแขนยาวมีฮุ้ดกับกางเกงตัวใหญ่ของโคลว
“เราจะไปไหนกัน” เสียงของเรนดังขึ้นเมื่อโคลวขับรถออกมาได้สักพัก
“ไปในช้อปปิ้งกัน ตอนนี้คนคงออกมาเยอะแล้ว” ว่าแล้วก็ขับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้างใหญ่ใจกลางเมือง เรนเปิดประตูลงมาดูสิ่งรอบข้างด้วยความตกตะลึง หลังจากที่อีกฝ่ายจอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“โห...สวยจัง” เสียงใสๆของเรนอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้ ดวงตากลมโตมองสิ่งรอบข้างตาไม่กระพริบ แสงไฟดวงเล็กๆที่ตกแต่งต้นไม้รอบอาคารสูงส่องประกายระยิบระยับแข่งกันอวดความสวยของตน ผู้คนรอบข้างมากมายเดินกันขวักไขว่จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
สักพักมือใหญ่ของโคลวก็คว้าเอามือเล็กมาเกาะกุมไว้ ดวงตากลมหวานมองมือของตัวเองที่ถูกกุมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆที่มองมาอยู่ก่อนแล้วด้วยรอยยิ้มอบอุ่น หัวใจดวงน้อยพองโตอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่สบกับดวงตาคมที่กำลังส่งยิ้มมาเท่านั้นเอง ให้ตายเถอะ! เจ้ามนุษย์นี่กำลังทำอะไรกับเขา หรือว่ามันจะเป็นความสามารถพิเศษของพวกมนุษย์กัน??
“ไปกันเถอะ” ว่าแล้วโคลวก็ออกแรงดึงร่างบาง ให้เดินเคียงคู่กันไปตามถนนสายการค้าขาย ที่มีของมากมายขายอยู่เต็มสองข้างทาง ดวงตากลมหวานหันมองโน่นนี่ด้วยความสนใจอย่างไม่หยุดหย่อน ทุกอย่างดูแปลกตาเสียเหลือเกิน มนุษย์นี่ดีอย่างนี้นี่เอง มิน่าพวกเหล่าเทพถึงอยากจะลงมาบนโลกมนุษย์นัก ก็เพราะเหล่าเทพอีกนี่แหละที่ทำให้เขาต้องมาต่อรองกับโคลวอย่างนี้
“สวยจัง” เรนฉุดมืออีกฝ่ายที่กำลังเดินดูของเข้าไปดูเครื่องประดับชิ้นเล็กๆที่อยู่ข้างทาง “อันนี้เขาเรียกว่าอะไรน่ะโคลว” นิ้วเรียวชี้ไปที่วัตถุวงกลมสีเงินอันเล็กๆที่ถูกเก็บไว้บนถาดอย่างดีอย่างตื่นตะลึง มันคือวัตถุสวยงามที่โลกใต้พิภพไม่มี....
“แหวน” โคลวเอ่ยตอบสั้น ๆ พร้อมกับดึงอีกฝ่ายออกมาจากหน้าร้านแห่งนั้น โดยไม่สนใจเจ้าของร้านที่มองตามอย่างไม่วางตา
“มีอะไรหรือแม่” เสียงเจ้าของร้านเอ่ยถามภรรยาที่มองลูกค้าทั้งคู่อย่างไม่ยอมวางตาอยู่อย่างนั้น
“ลูกค้าเมื่อกี้ เหมือนเขาเคยมาซื้อของที่ร้านเราเลยนะพ่อ” ภรรยาหันไปตอบสามีก่อนจะหันกลับไปมองหาร่างของชายหนุ่มทั้งคู่อีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นเสียแล้ว
“ฉันอยากได้แหวนน่ะโคลวนายซื้อให้ฉันหน่อยสิ” เรนออดอ้อน เขาอยากได้มันจริงๆนะ
“เอามือมานี่” โคลวไม่ตอบแต่ยกมือบางขึ้นมากุมไว้ก่อนจะถอดแหวนที่อยู่บนนิ้วก้อยของตัวเองมาสวมให้อย่างเบามือ “เอาของฉันไปใส่ก็ได้ ฉันให้นาย”
เรนยกมือตัวเองขึ้นดูด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ว้าวสวยจัง นายมีแบบที่ฉันชอบด้วยหรอ พอดีนิ้วของฉันด้วย”
“ก็แน่สิ” โคลวส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนก่อนที่จะเดินดูของกันไปเรื่อยๆ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย มีโจรขโมยกระเป๋า” เสียงหวานใสของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง ทั้งสองหันกลับไปมองพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ชายร่างสันทัดคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางคนทั้งคู่ ในมือถือมีดขึ้นขู่ผู้คนตลอดสองทาง พร้อมกับหนีบกระเป๋าผู้หญิงไว้ในมืออีกข้าง
“อย่าเข้ามานะเว้ย ไม่อย่างนั้นกูเสียบไม่ยั้ง!!!!” มันส่งเสียงข่มขู่มาตลอดทาง ทำให้ผู้คนที่เดินจับจ่ายของใช้แหวกทางออกให้แต่โดยดี ผิดกับสองหนุ่มที่อีกคนเป็นมนุษย์และอีกคนเป็นพรายน้ำ ที่ยังคงมองมาที่มันอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
“นายหลีกไปเรน ฉันจัดการเอง” โคลวปัดร่างบางให้หลบอยู่เบื้องหลังแต่ เรนกับไม่ขยับ ซ้ำยังเดินขึ้นมาอยู่ข้างหน้าอีกฝ่ายทันที พร้อมกับโบกนิ้วไปที่ร่างนั้นเร็วๆ
สายน้ำสีฟ้าอ่อนพุ่งออกจากปลายนิ้วเรียวเล็กไปที่ร่างสันทัดของชายหัวขโมยทันที สายน้ำสีฟ้าอ่อนไหลวนไปรอบๆร่างนั้นราวกับพายุหมุนจากปลายเท้าสูงขึ้นเรื่อยๆจนถึงศีรษะ ก่อนที่จะห่อหุ้มร่างกายนั้นไว้ทั้งร่าง โคลวพยายามที่จะเข้าไปห้ามไม่ให้อีกฝ่ายทำอะไรมากกว่านี้เพราะมันยิ่งทำให้ผู้คนรอบข้างเห็นว่าเขาไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป
“นายจะยอมคืนกระเป๋าใบนั้นให้คุณผู้หญิงคนนั้นไหม” เรนเอ่ยถามชายหัวขโมยคนนั้นพลางพยักพเยิดไปที่ร่างบางของหญิงสาวเจ้าของกระเป๋าที่ยืนหอบอยู่ไม่ไกลนัก เพราะวิ่งตามชายคนนี้มาไกลมาก
“ไม่” มันเอ่ยตอบเสียงเหี้ยม เรนถึงกับหน้าตึงกับน้ำเสียงและประโยคนั้น นิ้วเรียวยกขึ้นช้าๆ ขณะที่น้ำสีฟ้าอ่อนที่ห่อหุ่มร่างของหัวขโมยก็ค่อยๆยกตัวขึ้นสูงจนคล้ายกับว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในลูกบอลน้ำสีฟ้าอ่อนที่ภายในบรรจุน้ำไว้จนเต็ม มันพยายามที่จะตะเกียกตะกายออกมาแต่เหมือนยิ่งมันทำแบบนั้น ก็ดูจะยิ่งทำให้ตัวมันเองถูกดูดกลืนเข้าไปภายในมากยิ่งขึ้น
“จะยอมหรือไม่ยอม” เรนเอ่ยถามเสียงห้วนอีกครั้งไม่สนใจต่อสายตาของผู้คนโดยรอบแม้แต่น้อย
“ไม่ แกมันไอ้ปีศาจ” เสียงเหี้ยมเอ่ยบอก ดวงตาหรี่เล็กจ้องปีศาจที่มันบอกอย่างอวดดีและไม่วางตา
“งั้นก็ดี” เรนบอกออกไปก่อนจะขยับนิ้วหมุนเป็นวงกลม และลูกบอลน้ำใบนั้นก็เริ่มจะหมุนไปรอบๆ เสียงโหยหวนของเจ้าหัวขโมยดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะแรงกระแทกที่ถูกดึงกลับไปกลับมาภายในลูกบอลน้ำดูมันไม่สนุกเอาเสียเลย
“เรนพอเถอะ..... ตำรวจมาแล้ว” โคลวกระซิบบอกจากด้านหลัง หลังจากที่พยายามห้ามอีกฝ่ายเป็นระยะมาตั้งแต่ต้น
“มาแล้วหรอ” เรนหันมาถามก่อนจะเก็บมือไปซ่อนไว้เบื้องหลัง และลูกบอลน้ำบรรจุคนก็ตกลงมาทันที เป็นเหตุให้เจ้าหัวขโมยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเพราะตกมาจากที่สูง
“โอ๊ย!...”
แค่ชั่วไม่กี่นาทีก่อนที่เจ้าหัวขโมย เริ่มคิดจะตั้งหลักเตรียมที่จะหนีต่ออีกครั้งเมื่อสบโอกาส เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เพิ่งจะมาถึงก็วิ่งกรูกันเข้ามาควบคุมตัวของเจ้าหัวขโมยคนนั้นไว้ได้ก่อนทันที โดยที่มันทำได้แค่คิดจะหนี แต่ยังไม่ทันจะขยับตัวไปไหนด้วยซ้ำ
“พี่คนนั้นเสกลูกบอลน้ำลูกเบ้อเริ่มใส่คนร้ายด้วย” จู่ ๆ เด็กน้อยคนหนึ่งที่แอบดูสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ ก็เอ่ยขึ้นมาเสียงดังพลางชี้นิ้วไปที่เรน จนคนที่ยืนนิ่งดูสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ต้องหันมามองตามทันที เรนและโคลวเป็นเป้าหมายที่คนนับร้อยเริ่มหันมามอง
“เราไปกันเถอะ” เสียงโคลวเอ่ยบอกและลากร่างบางที่เสียน้ำไปกับการจับหัวขโมยให้รีบออกมาจากสถานที่แห่งนั้น ทั้งสองหายเข้าไปในกลุ่มฝูงชนที่แออัด จนกระทั่งไปโผล่อีกทีที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ห่างจากแหล่งช้อปปิ้งเมื่อครู่
“แฮ่ก....แฮ่ก...ก ไม่ไหวแล้วฉันต้องการน้ำ” เรนเอ่ยบอก และเมื่อเหลือบสายตาไปเห็นสายน้ำที่อยู่ตรงหน้า ก็รีบพาตัวเองเดินเข้าไปหาทันที โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดด้วยความเหนื่อยอ่อน โคลวเดินตามเข้าไปประคองจนกระทั่งมือของเรนได้สัมผัสกับความเย็นใสของสายน้ำ
“ค่อยยังชั่ว” ร่างบางหันมาบอกคนตัวโตที่ประคองเขาอยู่เบื้องหลัง โคลวส่งยิ้มจางๆให้ก่อนจะสวมกอดจากด้านหลังของร่างบาง
“อย่าทำอย่างนี้อีกนะ ฉันเป็นห่วง” โคลวเอ่ยกระซิบเสียงเบา พร้อมกับกระชับอ้อมแขนแกร่งแน่นขึ้นอีก เรนพยักหน้ากับอกกว้างของโคลวราวกับให้สัญญา
“ฉันจะไม่ทำอีกโคลว”
“คืนนี้ฉันสนุกมากเลยนะโคลว” เสียงใสๆของเรนเอ่ยบอกหลังจากที่กลับมาจากข้างนอกในเวลาที่เข้าวันใหม่ไปแล้วหลายชั่วโมง โคลวนั่งเงียบอยู่บนโซฟากว้างหน้าทีวี ขณะที่คนตัวเล็กเดินตามเข้าไปทรุดนั่งอยู่ข้างๆด้วย
“คืนพรุ่งนี้ฉันก็ต้องกลับแล้ว นายว่าพวกมนุษย์เขาจะรับได้หรือยังว่า เราสามารถอยู่ร่วมโลกกันได้” เรนเอ่ยขึ้นเหมือนปรึกษาโดยที่ไม่สนใจคนที่นั่งเงียบมาตั้งแต่อยู่ในรถก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
“นายอยากกลับบ้านแล้วหรอเรน” โคลวเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา
“อืม เมื่อเช้าพี่นกกระจิบบอกให้ฉันแสดงให้มนุษย์เห็นว่าเราก็มีประโยชน์” เรนเอ่ยบอกเรื่อยๆราวกับเป็นเรื่องปกติ “และฉันก็ทำแล้ว ถ้ามนุษย์รับได้ฉันก็จะได้กลับบ้าน”
“นายจะคิดถึงฉันไหมถ้านายกลับไป” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ทำเอาคนตัวเล็กสะดุดหูกับคำพูดนั้นอย่างช่วยไม่ได้
“แล้วนายจะจำได้ไหมว่านายเคยอยู่กับฉัน” โคลวเอ่ยถามไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เว้าวอนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ
“ช่างมันเถอะ ฉันจะไปนอนแล้ว” โคลวเอ่ยขึ้นแล้วก็ลุกเดินหนีเข้าห้องไปอย่างสงบ
“เดี๋ยวสิ” ร่างบางเอ่ยรั้งไว้ แต่อีกฝ่ายไม่สนใจซ้ำยังปิดประตูลงตามหลังทันที ทำให้เรนต้องลุกขึ้นเดินตามหลังเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่อยากให้มันค้างคาทั้งๆที่เขากำลังจะจากไป...
ร่างบางทรุดลงบนเตียงกว้างที่อีกฝ่ายนอนอยู่ ก่อนจะตัดสินใจขึ้นไปนอนซ้อนหลัง แขนเรียวบางสอดรอบเอวของอีกฝ่ายพร้อมกับกดหน้าเข้ากับแผ่นหลังกว้าง
“นายโกรธฉันหรอโคลว” เสียงใสๆ เอ่ยถามคนที่เข้าใจว่าหลับไปแล้ว ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาหลังกว้างแน่นขึ้น อ้อมแขนรัดร่างหนาเข้าใกล้อีกนิดเพื่อจะได้สัมผัสเขาได้มากขึ้น
ร่างหนาขยับตัวหันกลับมามองคนที่นอนซ้อนหลังพร้อมกับสบตาหวานใสนั้นนิ่ง
“ฉันไม่ได้โกรธนายหรอกเรน” เสียงทุ้มเอ่ยราวกับกระซิบ “นายจะว่าอะไรไหมถ้าฉันบอกว่า ฉันรักนาย.....”
“มันจะช่วยฉุดรั้งนายได้ไหม ถ้าฉันบอกว่าฉันขาดนายไม่ได้” โคลวเอ่ยกระซิบชิดริมฝีปากอุ่นเบาๆ ก่อนจะกดริมฝีปากหนาลงมาแนบ สัมผัสอุ่นชื้นของริมฝีปากบางเผยอขึ้นรับจุมพิตแสนหวานนั้นอย่างไม่อาจห้ามได้ บางสิ่งภายในมันบอกให้เขารับสิ่งที่อีกฝ่ายมอบให้
โคลวถอนริมฝีปากออกห่าง และกอดอีกฝ่ายไว้แน่น “นายอยู่กับฉันตลอดไปได้ไหม”
“นายก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้นายซึ่งเป็นมนุษย์กับพรายน้ำอย่างฉันรักกันไม่ได้หรอก อย่างที่นายเคยบอกไง”
เรนเอ่ยเสียงเบาก่อนจะซบใบหน้าลงแนบชิดกับแผ่นอกแกร่ง โคลวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเอ่ยชิดศีรษะมน
“ฉันรู้ ฉันรู้ ฉันแค่ถามเผื่อคำตอบที่ได้มันจะต่างออกไป”
“โคลว วันนี้เราไปเที่ยวกันเถอะ” เสียงหวานๆของเรนเอ่ยกระซิบริมหูของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง
“คนจะนอน พรายอย่ากวนได้ไหมเรน” เสียงครางเบาๆ ของโคลวดังขึ้น ก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอนนุ่ม และตลบผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย
“แต่ฉันจะอยู่บนโลกมนุษย์ได้ถึงแค่เช้าของวันพรุ่งนี้เท่านั้นเองนะ แล้วตอนนี้ก็ เอ่อ...เข็มยาวชี้เลขสาม เข็มสั้นอยู่แถวๆเลขหนึ่ง อืม....บ่ายโมงแล้วใช่ไหมโคลว”
“บ่ายโมง!” ร่างสูงเด้งตัวขึ้นนั่งทันทีที่เสียงของอีกฝ่ายจบลง จนเรนสะดุ้งถอยหลังเกือบตกเตียง
“ใช่ ประมาณนั้นแหละ เราไปเที่ยวกันเถอะ” ว่าพร้อมกับเขย่าแขนอีกฝ่ายไปมา แต่โคลวกับนั่งหน้านิ่ว
“ไม่เอาดีกว่า มานอนๆๆ” ว่าแล้วก็ดึงร่างบางให้นอนเกยบนอกกว้างพร้อมกับตลบผ้าห่มคลุมร่างทั้งสองเสร็จสรรพ
“เฮ้ย! ไม่เอาโคลวนายตื่นได้แล้ว” เรนตะเกียกตะกายลุกขึ้นนั่งพร้อมกับดึงร่างสูงให้ลุกขึ้นด้วยกัน
“อีกสามชั่วโมงนะ ค่อยมาปลุกฉัน” โคลวต่อรองแล้วก็ล้มตัวลงนอนต่อ โดยไม่สนใจเสียงบ่นกระปอดกระแปดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
ขอมีนายบ่นข้างหูฉันอย่างนี้ทุกวันได้ไหมเรน……ฉันรักเสียงบ่นของนาย.....ฉันรักดวงตาหวานซึ้งที่สดใสของนาย....ฉันรักความช่างอ้อนของนายเรน....ฉันรักทุกสิ่งที่เป็นนาย......
ชายหนุ่มร่างใหญ่คิดในใจอย่างไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยออกมา
“นายอยากไปไหนล่ะวันนี้” โคลวเอ่ยถามคนตัวเล็กที่นั่งกอดอกหน้าตูมอยู่หน้าเตียงกว้าง อ้อมแขนแกร่งรวบร่างบางเข้ามากอดไว้นิ่งๆ
“ฉันอยากจะไปเที่ยว” เรนบอกเจตนาของตัวเองลงไป โคลวเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะถามกลับมา
“ที่ไหนล่ะ”
“ที่ไหนก็ได้ ที่มีนาย” ดวงตากลมหวานหันกลับมาสบตาคมนิ่ง อย่างบอกให้รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆว่า โคลวคือคนสำคัญสำหรับเขา ทุกที่ที่มีโคลวที่นั่นมีความหมายสำหรับเขาทั้งนั้น
“งั้นก็อยู่ห้องนี่แหละ มีฉันอยู่ข้างนายแน่ๆ” โคลวบอกขำๆ ก่อนจะผวาหลบสายน้ำที่พุ่งออกมาจากนิ้วเรียวอย่างฉับพลัน “เฮ้ย ! เปียกหมดแล้ว”
“งั้นก็ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว ฉันจะไปหาอะไรกินรอ” เรนบอกแล้วก็เดินออกจากห้องนอนไป ทิ้งให้คนที่อยากอยู่ห้องนั่งหน้าตูมกับสิ่งที่อีกฝ่ายทิ้งเอาไว้
“แล้วน้ำที่เปียกนี่ล่ะ” โคลวบ่นตามหลัง ก่อนจะวาดมือไปบนที่นอนที่เปียกชุ่ม แล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป เพื่อจัดการตัวเองตามคำสั่งของคนที่บอกจะไปหาอะไรกิน
โคลวออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งในชุดเตรียมพร้อมออกไปข้างนอก ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างที่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบราวกับไม่เคยมีใครนอนมาก่อน ‘เฮ้อ....อ นายกำลังจะไปจริงๆน่ะหรือเรน’ ร่างสูงเฝ้าถามย้ำกับตัวเอง ก่อนจะลุกออกไปหาคนตัวเล็กที่กำลังนั่งกัดแอปเปิ้ลเขียวอยู่หน้าทีวี ดวงตากลมหวานจ้องมองภาพเบื้องหน้าตาไม่กระพริบ จนคนที่เพิ่งออกมาจากห้องต้องเอ่ยถาม
“นายกำลังดูอะไรน่ะเรน”
“อ๋อ กำลังดูตลาด ฉันอยากได้ของที่จะเอาไปฝากท่านย่าหน่อยน่ะ” เรนเงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนจะหันกลับไปมองภาพที่ฉายอยู่ในทีวีต่อดังเดิม จนกระทั่งมีข่าวด่วนเข้ามา
‘เกิดเหตุประหลาดมีพ่อมดหลุดออกมาร่ายมนต์ใส่คนร้ายที่วิ่งราวกระเป๋าเมื่อคืน...’ ข้อความในทีวียังคงส่งเสียงของมันต่อไป แต่คนทั้งคู่หันมามองสบกันนิ่งด้วยความตกตะลึงก่อนจะกุลีกุจอรีบพากันเข้าไปนั่งจ้องภาพในข่าวนั้นอย่างสนใจ
‘...จากรายงานตั้งแต่เมื่อคืนทำให้เราได้ภาพบันทึกจากนักท่องเที่ยวที่เป็นคนเดินซื้อของเมื่อคืนมา เป็นภาพของพ่อมดที่กำลังร่ายมนต์ใส่กับโจรร้าย...’
“พ่อมดหรอ!” เรนหัวเสียกับสิ่งที่ข่าวกำลังเสนอ เขาเป็นพรายเฟ้ย ดูดีกว่าพ่อมดตั้งเยอะ คนละชั้นกันเลย! อย่าเอาเขาไปเปรียบกับพ่อมดพวกนั้นนะ
‘นอกจากนี่เรายังได้ภาพของคนที่ฉุดแขนพ่อมดน้อยของเราออกไปด้วยค่ะ แม้จะเป็นภาพด้านข้างแต่ก็ทำให้เรารู้ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลท่านนั้นคือ คุณโคลวแห่งFFG...’
“ตายๆๆ งานนี้ต้องตายแน่ๆ”
“แต่มันดีอย่างนะ” เรนเอ่ยเสียงเจ้าเล่ห์ “เขาจะได้เห็นไงว่าพวกเหนือธรรมชาติของมนุษย์อย่างพ่อมดหมอผีน่ะไม่ได้เลวร้ายเสมอไป”
“แต่ฉันว่า...”
“เอาน่า เราไปเที่ยวกันเถอะ” ร่างบางไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่าย วันนี้เขาจะเที่ยวบนโลกมนุษย์ให้ชุ่มปอดก่อนจะกลับไปใต้พื้นพิภพอีกครั้ง
“นั่นใช่พ่อมดหรือเปล่าน่ะเธอ” เสียงซุบซิบที่ดังให้ได้ยินเป็นระยะแว่วมาให้ทั้งคู่ได้ยิน มือหนาดึงมือบางมากำไว้แน่นก่อนจะเดินนำไปโดยเร็ว เพราะผู้คนเริ่มหันมาสนใจพวกเขามากขึ้น
“พี่คะ พี่เป็นพ่อมดใช่ไหมคะ” เสียงหวานใสของเด็กหญิงตัวเล็กๆ เดินใจกล้าเข้ามาถามเรนท่ามกลางผู้คนมากมาย
“คะ...ครับ”
“พี่พูดภาษาไทยได้ด้วยหรอค่ะ” เด็กหญิงถามด้วยความตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่กำลังได้รับรู้ เรนหันไปมองหน้าโคลวเป็นเชิงขอร้องให้ได้สนทนากับเด็กหญิงอีกเล็กน้อย ซึ่งดวงหน้าคมก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
เรนหันกลับมาสนใจแม่เด็กหญิงตัวเล็กอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าให้เสียอีกที พร้อมกับมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้ไปด้วยพร้อมกัน
“พี่น่ารักจังค่ะ” เด็กหญิงเอ่ยบอกพร้อมกับยกมือหยิกแก้มเนียนของอีกฝ่ายเร็วๆ
“ขอบคุณครับ” เรนตอบก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้ ด้วยความที่ไม่ค่อยได้เล่นกับเด็กนัก ทำให้เขารู้สึกถูกใจเด็กหญิงตรงหน้าเหลือเกิน “เอามือมานี่มา”
เด็กหญิงยื่นมือไปตรงหน้าชายหนุ่ม พร้อมกับเอียงคอมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย
“อยากได้อะไรครับ” เรนถามเสียงอ่อนโยน ขณะที่โคลวยืนทำหน้าอึดอัดอยู่เบื้องหลัง ผู้คนมากมายเริ่มรายล้อมเข้ามาใกล้ เพื่อมองพ่อมดในความคิดของตัวเอง
“น้ำแข็งรูปดาวค่ะ” เด็กหญิงเอ่ยตอบเสียงใส เรนอมยิ้มก่อนจะใช้นิ้วเรียววาดรูปดาวลงบนฝ่ามือป้อมน้อยนั้น
“โอมเพี้ยง จงเป็นน้ำแข็งรูปดาว” เรนร่ายมนต์เอาใจเด็กหญิง ก่อนวาดมือบางผ่านมือเล็กป้อมนั้นทีหนึ่ง
ความรู้สึกเย็นวาบที่สัมผัสได้ ทำให้เด็กหญิงยกมือของตัวเองขึ้นดูเร็วๆ ก้อนน้ำแข็งรูปดาวสีใสระยิบระยับกลางฝ่ามือทำให้เด็กหญิงตาโต
“สวยจังค่ะ หนูอยากได้อีกเยอะๆเลย” เด็กหญิงเอ่ยบอก และก็ได้รับคำสนองจากชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นรอยยิ้มกว้าง
“ได้ค่ะ” เรนส่งยิ้มให้แล้วก็วาดนิ้วไปมาเล็กน้อย เพื่อร่ายมนต์ น้ำสีฟ้าสดใสพุ่งออกมาจากนิ้วเรียวเกาะตัวกันเป็นน้ำแข็งรูปดาวมากมายรายล้อม เรนสะบัดมืออีกครั้งเพื่อให้ดาวน้ำแข็งเหล่านั้นลอยขึ้นเหนือพื้นดิน พร้อมกับโบกนิ้วไปมาเบาๆ เพื่อให้มันขยับเขยื้อนหมุนตัวเองไปรอบๆ ราวกับเต้นระบำ เด็กหญิงส่งยิ้มกว้างอย่างขอบคุณ ขณะที่คนรอบข้างมองสิ่งที่อีกฝ่ายทำอย่างตกตะลึง ความสวยงามของดาวน้ำแข็งทำให้ทุกคนเคลิ้มไปจนเมื่อหันกลับมาอีกครั้ง เรนและโคลวก็ไปจากตรงนั้นเสียแล้ว ทิ้งไว้เพียงความสุขและรอยยิ้มของผู้คนรอบข้างไว้เบื้องหลัง
ความรักของพวกเขาก็เหมือนดาวน้อยๆพวกนั้นนั่นแหละเป็นเพียงมายา ที่มีวันจบสิ้นลงหากแต่จะตรึงตราในหัวใจของพวกเขาไปนาน…นานแค่นิรันดร์กาล
ความคิดเห็น