คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : รอบที่5: Climax!!!
ชื่อกระทู้ รอบที่5: Climax!!! 13-16 มี.ค.
1. จงแต่งเรื่องต่อ โดยใช้คำว่า “จำใจ” “ลูกชิ้น” “สยดสยอง” ประกอบอยู่ในเรื่องด้วย
2. ไม่กำหนดความยาวของเนื้อเรื่อง (แต่โปรดดูความเหมาะสมด้วย)
/> /> />
href="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_filelist.xml" /> href="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_themedata.thmx" /> href="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_colorschememapping.xml" /> /> /> />ตอนที่ 2
ร่างบอบบางนอนกระสับกระส่ายไปบนเตียงกว้าง ร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อ เพราะอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง เสื้อผ้าเปียกชื้นเพราะหยาดเหงื่อ แม้จะดับร้อนได้บ้างแต่ก็น้อยนิดเหลือเกิน
ดวงตากลมหวานปรือขึ้นเล็กน้อยอย่างอ่อนแรง มือบางพยายามยกขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆ
นี่เราหลับไปนานแค่ไหนแล้วนะ.....
ดวงหน้าหวานหันไปมองรอบข้างไปมาก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างอีกครั้ง เมื่อรู้สึกไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย ‘แล้วเรามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกันเนี่ย’ พรายหนุ่มกระซิบถามตัวเองอย่างแผ่วเบา พยายามไล่ความทรงจำตั้งแต่ท่านย่าบอกให้ขึ้นมาบนโลกมนุษย์ มาส่งเขาทิ้งไว้ที่ปากถ้ำ จนกระทั่งได้ขึ้นมาเหยียบพื้นพิภพดินแดนของโลกมนุษย์ ได้เจอกับคุณลุงที่ตัดสินเอาเองว่าผีทุกตัวเป็นผีร้าย และได้เจอกับนายคนนั้น คนที่ต้องเจรจาด้วยให้ได้ภายใน 3 วัน
“เวลา...ตายล่ะ” มือบางกวาดหาสิ่งของรอบตัว โดยเฉพาะกระเป๋าที่ท่านย่ามอบให้ “กี่โมงแล้วเนี่ย เวลายิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ด้วย”
“หานี่อยู่หรอ” เสียงทุ้มดังออกมาจากมุมหนึ่งของห้องซอกมุมในเงามืดจนแทบจะไม่เห็นอะไร มีเพียงแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาเพียงนิด เรนกระพริบตาสองสามครั้ง เพื่อให้สายตาได้ปรับแสงให้ชินกับความมืด ก่อนจะจ้องไปยังที่มาของเสียงนั้น
“นั่นใครน่ะ” ร่างบางถามออกไป พยายามเพ่งสายตามองหาต้นกำเนิดเสียง แสงจันทร์น้อยนิดเกินไปจนไม่อาจมองเห็นอีกฝ่ายได้ เพราะหน้าต่างบานเดียวของห้องได้สาดแสงจันทร์เข้ามาไว้บนเตียงเพียงแห่งเดียว
“แล้วนายมาหาใครล่ะ” เสียงทุ้มเสียงเดิมดังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่แสงไฟในห้องจะสว่างจ้าขึ้น เรนหลับตาลงแน่นเมื่อได้รับแสงสว่างเร็วเกินไปจนม่านตาปรับตัวไม่ทัน
ร่างสูงสมส่วนของโคลว นั่งไขว่ห้างในท่าสบายๆ อยู่บนโซฟาตัวยาวชิดผนัง ที่ห่างจากเตียงไม่มากนัก แต่กลับเป็นมุมอับที่แสงสว่างส่องไม่ถึง มือหนาข้างหนึ่งแกว่งนาฬิกาแบบพกรูปพระจันทร์เส้นเล็กสีเงินไปมาเบาๆ ขณะที่มืออีกข้างมีแก้วไวน์ทรงสูงที่บรรจุน้ำสีแดงสดไว้เพียงครึ่งแก้ว บ่งบอกว่าเขาได้ดื่มมันไปบ้างแล้ว ข้างๆกับร่างสูงเป็นกระเป๋าใบย่อมที่เรนจำได้ว่าย่าเป็นคนให้เขามา
“นี่นายค้นกระเป๋าของฉันหรอ” เรนผุดลุกขึ้นชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง แต่เพราะร่างกายยังอ่อนแรงอยู่มาก จึงทำให้เขาต้องทรุดนั่งลงไปบนเตียงอีกครั้งอย่างจำใจและเลี่ยงไม่ได้
“ใช่” โคลวตอบกลับอย่างยียวน ไม่ได้สนใจในน้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้แม้แต่น้อยแต่กลับถามไปอีกทาง “นายมาหาฉันทำไม”
“ฉันมีเรื่องที่จะต้องตกลงกับนาย”
“เรื่องอะไร ที่พรายน้ำอย่างนายจะมาตกลงกับมนุษย์อย่างฉัน” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นถามพลางวางแก้วไวน์ในมือลงข้างๆ ก่อนจะหยิบอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของอีกฝ่าย
“เฮ้ นั่นรูปพ่อกับแม่ของฉันนะ” เรนร้องบอกเมื่ออีกฝ่ายหยิบรูปใบหนึ่งออกมา ร่างบางถลาเข้าไปแย่งรูปในมืออีกฝ่ายออกมาถือไว้โดยเร็ว เพราะเป็นสมบัติเพียงสิ่งเดียวที่บ่งบอกได้ถึงชาติกำเนิดของตัวเอง
“โธ่ ก็แค่มนุษย์กับพรายน้ำรักกัน” โคลวยิ้มยียวนก่อนจะหยิบอุปกรณ์ออกมาอีกชิ้น และเรนก็ไปแย่งมาอีกครั้ง เมื่อมือหนาหยิบนาฬิกาทราย ที่บอกเวลาที่เขาจะอยู่บนโลกมนุษย์ขึ้นมา ทั้งยังพลิกมันกลับอีกด้วย
“นายยุ่งกับของในกระเป๋าของฉันไม่ได้นะ” เรนตวาดเสียงดัง พร้อมกับดึงกระเป๋ามากอดไว้ มือบางยังคงกำนาฬิกาทรายสีฟ้าอ่อนไว้แน่น ภายในบรรจุทรายสีขาวบริสุทธิ์ไม่ต่างจากนาฬิกาทรายทั่วๆไป แต่จะมีที่ดูต่างออกไป ก็คงจะเป็นแค่ทรายภายใน ที่ไหลไปทิศทางเดียวโดยไม่สนใจแรงดึงดูดของโลกแม้แต่น้อย
“ว้าว ของเล่นนายน่าสนุกนี่น่า” โคลวทำเสียงรื่นเริงเมื่อเห็นความมหัศจรรย์ของสิ่งที่อยู่ในมืออีกฝ่าย ทำให้เรนต้องก้มลงมองตาม
ดวงตากลมหวานมองสิ่งที่อยู่ในมือแล้วสบถเบาๆ เมื่อเห็นเม็ดทรายละเอียดร่วงหล่นหมดลงไปเรื่อยๆ
“แย่จริง ฉันมีเวลาอยู่บนโลกมนุษย์จนแค่ทรายในนี้หมดเท่านั้น”
“อ้าวหรอ แล้วเรื่องที่นายจะตกลงกับฉัน” โคลวเงยหน้าขึ้นถามหลังจากที่ให้ความสนใจนาฬิกาทรายดังกล่าวมากเกินไป เรนจัดการวางของทั้งหมดลงบนเตียงก่อนจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่นั่งมองมาที่เขาอย่างสงสัย
“ฉันถูกส่งมาเพื่อตกลงกับนาย”
“เรื่อง...”
“ฉันต้องการให้นายเห็นว่ามนุษย์กับวิญญาณเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่าเท่ากัน”
“เรื่องปัญญาอ่อนพวกนั้นน่ะหรือ ที่นายมาหาฉัน” โคลวยักไหล่อย่างเห็นเป็นเรื่องตลกร้ายที่สุดในรอบปี
“มันไม่ได้ปัญญาอ่อนนะ แต่เพราะนาย เพราะบริษัทกำจัดผีเฮงซวยของนาย” ร่างบางระเบิดเสียงออกมาอย่างเหลืออด เมื่อเห็นท่าทางไม่ยี่หระของอีกฝ่าย ซ้ำยังหาว่าเรื่องที่เขาขึ้นมาบนโลกมนุษย์นี่ปัญญาอ่อนเสียอีก
ร่างสูงหน้าตึงทันที ที่ฟังประโยคนั้นของเจ้าพรายน้ำตัวกระเปี๊ยกเดียวจบ
“ยังไง บริษัทของฉันเฮงซวยยังไง”
“ก็เพราะบริษัทของนาย ทำให้วิญญาณเหล่านั้นไม่ได้ไปผุดไปเกิดเสียทีน่ะสิ” เรนตอบกลับทันควันโดยไม่ได้สนใจสีหน้าที่เรียบตึงของอีกฝ่าย ขณะที่โคลวก็จ้องมองพฤติกรรมของอีกฝ่ายที่กำลังสาธยายอย่างเงียบๆ พยายามใจเย็นอย่างถึงที่สุด
“นายจับพวกเขาไปขังไว้ในหลอดแก้ว ทำให้วิญญาณดีๆ ไม่ได้ไปผุดไปเกิด ไม่ได้ไปชดใช้กรรมที่เขาเคยทำ” เรนตวัดสายตามามองอีกฝ่ายเพียงนิดก่อนจะเอ่ยต่อ “นายทำให้สัตว์นรกออกมาเพ่นพล่านมากขึ้นเพราะโลกนี้เกิดจากความสมดุล ของนรก สวรรค์ และโลกมนุษย์”
“นี่นายจะมาเล่านิทานอะไรให้ฉันฟังอีกล่ะ เรื่องปัญญาอ่อนอย่างนี้ไม่มีทางเป็นจริงได้หรอก” โคลวหัวเราะเบาๆ กับสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังเอ่ย
“มันไม่ใช่นิทานแต่โลกใบนี้เกิดมาจากการที่วิญญาณที่ได้รับการปลดปล่อย นายทำให้นรกปั่นป่วนไม่มีวิญญาณที่ดีพอในการจุติมาบนโลก มีเพียงวิญญาณที่ชั่วร้าย น่าสยดสยองเท่านั้นที่ขึ้นมา” ร่างบางหันไปจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง “เพราะอย่างนี้ไงล่ะ โลกของนายถึงมีแต่เรื่องแย่ๆ เพราะบริษัทของนายทำให้วิญญาณที่ดีไม่ได้รับการปลดปล่อย และถึงแม้เขาหลุดออกมาก็มีแต่ความอาฆาตแค้นเป็นวิญญาณที่ไม่ดี”
“...” ร่างสูงนิ่งเงียบ ได้แต่เลิกคิ้วถามเท่านั้น
“ในสวรรค์ เหล่าเทพที่จุติจากสวรรค์ได้ลงมาบนโลกมนุษย์หมดแล้ว บางองค์ได้สลายวิญญาณของตนไป ทำให้ตอนนี้ไม่มีเทพที่ทำงานอยู่เบื้องบน”
“เทวดามีงานด้วยหรอ” โคลวถามอย่างนึกสนุกกับนิทานที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟัง
“ก็มีสิ อย่างการเช็คดูว่ามนุษย์มีความดีความชอบอะไรบ้างยังไงล่ะ” เรนเล่าอย่างเข้าใจว่าอีกฝ่าย คงกำลังให้ความสนใจกับเรื่องที่ตนขึ้นมาทำข้อตกลงด้วย สงสัยงานครั้งนี้คงไม่ยากอย่างที่คิดเสียล่ะมั้ง
“อย่างนั้นหรอ แล้วอย่างฉันที่คอยกำจัดผีร้ายพวกนั้น คงมีความชอบมากเลยสินะ” โคลวหัวเราะชอบใจแต่อีกฝ่ายกลับหน้าตูม นี่นายไม่เข้าใจที่ฉันเล่ามาเลยใช่ไหมโคลว
“นายกำลังทำให้วงจรความสมดุลของสามภพปั่นป่วน”
“แต่มนุษย์ก็ได้รับความเดือดร้อนจากวิญญาณอย่างพวกนายจริงๆ นี่น่า” โคลวแย้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่พอใจ
“อย่างเช่นอะไรล่ะที่พวกมนุษย์อย่างนาย ได้รับความเดือดร้อนจากเรา”
“ก็อย่างครอบครัวของแม่นายไงล่ะ” โคลวเอ่ยเสียงเรียบ ดวงตาคมจ้องมองที่อีกฝ่ายนิ่ง ร่างบางอึ้งไปทันทีกับคำตอบที่ได้รับ ครอบครัวของแม่เขาอย่างนั้นหรือ.....
“ครอบครัวของแม่นาย ต้องสูญเสียลูกสาวอันเป็นที่รักไป เพราะไปหลงรักกับพรายน้ำ” โคลวเอ่ยต่อทันทีที่อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ “เพราะพรายน้ำอย่างพ่อนายทำให้คนบนโลกหลายคนต้องทุกข์ใจ เสียใจกับการจากไปเร็วเกินไปของแม่นาย”
“แต่ท่านทั้งสองรักกัน” เรนขัดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายพยายามใส่ร้ายพ่อของตัวเอง
“รักอย่างนั้นหรอ หึ” โคลวส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกอย่างไม่ชอบใจ “ความรักของมนุษย์และวิญญาณมันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“เป็นไปได้สิ อย่างพ่อกับแม่ของฉันไง” ร่างบางเถียงอย่างไม่ยอม ย่าเล่าให้ฟังว่าพ่อกับแม่ของเขารักกันแม้จะต่างเผ่าพันธุ์แต่ก็ยังคงให้กำเนิดเขาขึ้นมา
“ครึ่งผีครึ่งคนอย่างนายน่ะหรือ”
“ไม่ใช่ อย่างฉันน่ะเค้าเรียกเผ่าพิเศษ ไม่ใช่มนุษย์ไม่ใช่วิญญาณ และก็ไม่ใช่พวกเทพ ฉันถึงมีหน้าที่ขึ้นมาตกลงกับนายไงล่ะเพราะฉันเป็นพรายตนเดียวที่สามารถใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ได้”
“แต่ก็อยู่ไม่ได้ถ้าขาดน้ำ นายมันไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพรายหรอก นายก็แค่ถูกหลอกใช้” โคลวเอ่ยไปตามความคิด โดยไม่ได้สนใจความรู้สึกของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย “และอีกอย่างนายก็อยู่บนโลกนี้ไม่ได้หรอก เพราะนายไม่ใช่พวกเรา”
“ได้สิ ฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็นว่า เราสามารถอยู่ด้วยกันได้”
“เฮ้ย!~ ไอ้พรายขี้เซา อย่ามากอดฉันนักได้ไหม มันร้อน” โคลวเขยิบร่างสูงออกห่างเมื่อเรนเข้ามาซุกตัวกับอกกว้าง ยอมให้เข้ามานอนด้วยแล้วเอาใหญ่เลยนะ ไอ้ผีตัวนี้นี่
“เอาน่า มันหนาวออก” เสียงแหบพร่าร้องบอกอย่างรำคาญก่อนจะซุกตัวเข้าหาอกกว้างตามเดิม มือใหญ่ที่พยายามผลักอีกฝ่ายออกต้องตกลงไปในที่สุดเพราะความใจอ่อน ‘แค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นไอ้พรายขี้เซา’ โคลวบ่นให้เบาๆ ดวงหน้าหวานอมยิ้มนิดๆ เมื่ออีกฝ่ายยอมให้เขากอดอยู่อย่างนี้ อกนายนี่อุ่นดีนะนายหมอผี
ร่างสูงนอนทอดตัวยาวบนเตียงกว้าง ขณะที่ข้างกายมีร่างบางของพรายน้ำนามว่า ‘เรน’ นอนซุกอยู่กับอกแกร่ง ผ้าห่มผืนหนาถูกดึงไปไว้จนชิดกับซอกคอ แสงแดงยามเช้าสาดเข้ามาในห้อง จนคนที่กำลังหลับสบายต้องกระพริบตาถี่ๆ พร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงเพื่อไล่แสงที่รบกวน ทำให้ร่างสูงทรุดลงไปนอนแนบข้างกับคนตัวเล็กที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ดวงหน้าคมห่างจากจมูกโด่งรั้นของอีกฝ่ายเพียงนิดเดียว ลมหายใจรินรดซึ่งกันและกัน ก่อนที่พรายน้ำหนุ่มจะซุกตัวเข้าหาอกแกร่งแน่นขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจของมนุษย์ ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นแตะริมฝีปากอุ่นของอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อรับลมหายใจอุ่นที่แฝงกลิ่นไอความเป็นมนุษย์นั้นเร็วๆ ราวกับกำลังสูบวิญญาณของโคลว
ร่างสูงสะดุ้งตื่นทันทีเมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นชื้นแนบลงมาบนริมฝีปากของตนเอง ดวงตาคมเข้มมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ขายาวๆถีบคนที่กำลังสูดไอมนุษย์ของตัวเองออกห่าง
“เฮ้ย! ไอ้ผีบ้าอย่ามาไล่สูบวิญญาณคนอย่างนี่นะเว้ย”
“โอ้ย!” ร่างบางครางเบาๆ เมื่อโดนผลักจนตกเตียง ดวงตากลมหวานปรือขึ้นนิดๆ อย่างคนเพิ่งตื่นนอน ร่างบอบบางในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นของโคลวยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆ พร้อมกับอ้าปากหาวกว้างเสียอีกทีก่อนจะทำปากยื่นใส่คนที่ผลักตัวเองจนตกเตียง มือบางลูบก้นตัวเองปอยๆ เพราะรู้สึกเจ็บเหมือนกัน
โคลวยกมือขึ้นเช็ดปากตัวเองแรงๆเร็วๆอย่างขยะแขยง อี๊... เขาโดนผู้ชายจูบปาก แหวะอยากอ้วกมันช่างสยดสยองสิ้นดี ดวงตาคมมองหน้าคนที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างเตียงอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะชี้นิ้วคาดโทษ
“แกจูบฉัน ไอ้ผีบ้า”
“จูบที่ไหนกัน โอ้นายนี่ท่าจะบ้า” เรนทำปากยื่น ดวงตาปรือขึ้นนิดๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อเพราะภาพผู้ชายตัวโตในชุดนอนเช็ดปากตัวเองแรงๆราวกับเพิ่งเสียงเฟิร์สคิสเนี่ยไม่น่าดูสักนิดเดียว
“ไอ้พรายติงต๊องตื่นเลยนะ ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่อง” หมอนใบนุ่มถูกโยนลงมาใส่คนข้างเตียงที่ล้มตัวลงนอนทั้งๆที่ผ้าห่มผืนหนายังพันกายอยู่ไม่ห่าง
“พรายจะนอน คนอย่ากวนได้ไหม” เรนบ่นกระปอดกระแปด การที่เขาต้องมาอยู่โลกมนุษย์ทำให้ต้องเซฟพลังงานไว้มากอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ต้องป้องกันไม่ให้ร่างกายเสียน้ำไปโดยไม่จำเป็นอีกด้วย เซ็งซะมัด
“ก็ตื่นขึ้นมาคุยกันก่อนสิว่ะ ลุกเลยนะไอ้พรายติงต๊อง” โคลวเอ่ยเสียงเข้ม เมื่ออีกฝ่ายยังคงทำท่าจะนอนต่ออย่างไม่สนใจเขา นี่เขาเสียเฟิร์สคิสให้กับพรายที่เป็นผู้ชาย แถมมันยังไม่สนใจอีกต่างหากนะเนี่ย ให้ตายเถอะ อยากจะบ้าตาย
“เอ่อๆๆ ตื่นแล้ว แต่ขอเวลาอีกสองชั่วโมง” เรนต่อรอง มือเรียวถูกยกบอกจำนวนที่ขอ แต่กลับได้หมอนใบโตอีกใบกลับมาเป็นของตอบแทน
“ไม่ได้ ตื่นเลยนะแก ...เมื่อกี้แกจูบฉันนะไอ้ผีพราย”
“ไม่ได้จูบว้อย เมื่อกี้แกอยากเอาไอมนุษย์ออกมาทางลมหายใจทำไมล่ะ” เรนลุกขึ้นเถียง เขาไม่ได้จูบไอ้มนุษย์งี่เง่านี่จริงๆนะ สาบานได้เขาแค่สูดไอมนุษย์จากตัวมันเฉยๆ และที่สูดมาน่ะมันยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำอย่าบ่นนักเลยน่า
“นี่ไง ไอ้ผีพรายแกกับมนุษย์อยู่ร่วมกันไม่ได้หรอก” โคลวชี้หน้าบอก หลังจากที่อีกฝ่ายประกาศก้องว่าจะพิสูจน์ให้เขาดูว่ามนุษย์กับวิญญาณอยู่ด้วยกันได้ ไม่ทันไรมันก็สูดไอมนุษย์ของเขาเสียแล้ว พวกผีนี่เชื่อถือไม่ได้
“เฮ้ย ไม่เกี่ยว”
“เกี่ยวสิ นี่แกอยากให้ฉันตายเร็วๆ ใช่ไหมถึงทำแบบนี้ โธ่ ผีแบบพวกแกมันอยู่กับมนุษย์ไม่ได้หรอก” โคลวยืนขึ้นเท้าเอวบอก
“อยู่ได้สิ เมื่อกี้แค่เผลอไปเฉยๆ ปกติเราไม่ได้ต้องการไอมนุษย์ของพวกนายหรอก เราอาศัยไอชีวิตของสิ่งมีชีวิตก็เพียงพอแล้ว” เรนชี้แจ้ง ขณะที่ดวงตายังคงปิดเพราะความง่วงและเหนื่อยอ่อน เมื่อคืนเขากะว่าจะนอนในอ่างอาบน้ำแต่อีกฝ่ายไม่ยอม เลยต้องออกมานอนกับมันในห้องเนี่ย แล้วมันยังจะเอาอะไรกับเขาแต่เช้าว่ะเนี่ย
“โธ่ ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยนะ ...นายมัน นายนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆเลย” ว่าเสร็จก็เดินหันหลังเข้าห้องน้ำไปเพราะจนด้วยคำพูดที่จะเอ่ยบอก
ร่างสูงออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งหลังจากที่สงบสติอารมณ์กับการไม่อาละวาดคนที่ก่อกวนเขาแต่เช้า ดวงตาคมกวาดตาหาร่างของคนบางคนที่ควรจะอยู่ในห้อง แต่หายไปไหนแล้วเนี่ยไอ้พราย ขายาวๆก้าวเข้ามาใกล้เตียงนอนที่ถูกพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อย มือหนาหยิบนาฬิกาทรายที่อีกฝ่ายหวงนักหวงหนาขึ้นมาดู
“...ว่ายังไงนะ....จริงหรอ...อืมขอบคุณมากนะ”
เสียงแว่วๆดังออกมาจากนอกระเบียง ทำให้ร่างสูงที่กำลังพิจารณาไอ้นาฬิกาทรายกลับหัวต้องเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเดินไปตามเสียงร้องแว่วๆที่ดังออกมาจากระเบียบห้องด้านนอก
“...ฝากบอกท่านย่าด้วยว่า ข้าสบายดี”
“คุยกับใครน่ะ” เสียงทุ้มดังมาจากเบื้องหลังทำเอาร่างบางที่กำลังคุยกับนกกระจิบตัวน้อยสะดุ้งโหยงแล้วเจ้านกน้อยตัวนั้นก็บินจากไป
“เอ่อ เค้ามาส่งข่าวเรื่องท่านย่าน่ะ” เรนหันไปตอบพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆไปให้ จะให้บอกได้อย่างไรเล่าว่าที่กำลังคุยกันน่ะเป็นเรื่องแผนขั้นต่อไปที่กำลังจะทำ
“หรอ งั้นนายก็ไปอาบน้ำได้แล้ว วันนี้เราจะไปข้างนอกกัน”
“หา ไม่เอาหรอก...ร้อนจะตายอยู่ในห้องนี้แหละ” บอกเสร็จแล้วก็เดินเข้าห้องไปทิ้งให้อีกคน มองตามอย่างไม่เข้าอารมณ์ที่ขึ้นลงได้ไวราวจรวด เมื่อครู่ยังดูกลัวเขาจับได้อยู่เลย แล้วตอนนี้กับเฉยเมยแถมยังสั่งเขาเสียอีก
“ป่ะ วันนี้เราจะไปไหนกันดี” ร่างบางที่ออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ เอ่ยชวนทั้งๆที่เมื่อครู่ยังบอกว่าจะอยู่ห้องอยู่เลย
“แล้วนายอยากไปไหนล่ะ” โคลวเบนสายตาจากทีวีมามองร่างบางที่ยืนอยู่ข้าง พร้อมกับถามกลับ มือเรียวชี้ไปในทีวีที่กำลังฉายเครื่องเล่นใหม่จากต่างประเทศ
“ฉันอยากไปขึ้นไอ้นั่น” ดวงตาคมมองตามนิ้วเรียวไปที่จอโทรทัศน์ที่กำลังฉายรูปชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้เอง
“ชิงช้าสวรรค์อ่ะนะ?”
“ชิงช้าสวรรค์หรอ อืมๆ ไปๆๆ ฉันอยากขึ้นดู ไปกันเถอะ” มือเล็กฉุดแขนคนตัวโตให้ลุกขึ้นตามเมื่อคิดว่าจะได้ขึ้นไปนั่งบนกระเซ้าตัวสูง พรายน้ำเช่นเขาไม่มีโอกาสบ่อยนักที่จะได้ขึ้นไปบนที่สูงๆเช่นนั้น
“กินไหม” มือหนายื่นถุงลูกชิ้นในมือส่งให้ หลังจากที่แอบแวะซื้อก่อนจะขึ้นมาบนกระเช้าของชิงช้าสวรรค์ตัวนี้ ดูเจ้าผีพรายตัวนี้จะดูตื่นตาตื่นใจเสียเหลือเกินกับการได้ขึ้นมาข้างบน ดูสิเกาะหน้าต่างไม่ยอมปล่อยเลย
“มันคืออะไรน่ะ” ร่างบางให้ไปถามอีกคนที่นั่งเคี้ยวลูกชิ้นแก้มตุ้ย
“ลูกชิ้น เอาสักลูกไหม” โคลวบอกพร้อมกับยื่นไม้ลูกชิ้นให้ไม้หนึ่ง
“ทำไมมีกลิ่นหมูล่ะ” เรนเบี่ยงหน้าออกจากสิ่งที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ พร้อมกับบีบจมูกไว้แน่นด้วยความที่กลิ่นคาวของเนื้อสัตว์คละคลุ้งจนเกินไป
“ก็ลูกชิ้นหมู ชิมดู อร่อยนะ” โคลวชวนชิม แต่เรนกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เอาหรอก พวกมนุษย์กินเนื้อสัตว์”
“เรากินเพื่อความอยู่รอด ถ้านายอยากจะอยู่ร่วมกับมนุษย์ นายก็ต้องยอมรับในสิ่งที่มนุษย์ทำได้สิ” โคลวบอกพร้อมกับยื่นไม้ลูกชิ้นไปจนชิดริมฝีปากบาง
เรนมองตาคมอย่างช่างใจก่อนจะจำใจอ้าปากรับเมื่ออีกฝ่ายบังคับทางสายตาอยู่อย่างนี้ สัมผัสแรกที่ได้รับคือ ความหวานปนเปรี้ยวบวกกับความเผ็ดนิดๆของน้ำจิ้ม และความกรุบกรอบหนึบหนับของเนื้อลูกชิ้นที่ทำมาจากเนื้อหมู สัตว์ชั้นต่ำที่เกลือกกลั้วกับสิ่งสกปรก
“เป็นไงอร่อยไหม” โคลวถาม ดวงตาคมเป็นประกายความหวังว่าอีกฝ่ายจะชอบ แต่อีกฝ่ายกับเอียงคอเคี้ยวสิ่งที่อยู่ในปากช้าๆ สบสายตาอีกฝ่ายนิ่งอย่างไม่สามารถให้คำตอบได้
“ก็อร่อยมั้ง”
“อ้าว” ร่างสูงร้องออกมาเสียงหลงไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“ก็เพิ่งเคยกินอาหารของมนุษย์” เรนยอมรับเสียงอ่อน
“แม่นายก็เป็นมนุษย์ไม่ใช่หรอ”
“แต่ว่าท่านแม่ของฉัน ท่านเสียไปตั้งแต่ที่คลอดฉันนี่หน่า” เรนบอกช้าๆ แม้จะรู้สึกเสียใจที่ความเป็นจริงแล้ว เพราะเขาเองต่างหากที่ทำให้แม่ต้องตาย ถ้าหากท่านไม่ยืนยันที่จะมีเขา ท่านคงไม่จากเขาไปเร็วขนาดนี้ เสียงที่ตอบกลับไปพยายามทำให้ดูร่าเริง แต่มันกลับทำให้อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่เอ่ยอะไรออกมาอีกเพราะรู้เรื่องของพรายตนนี้ดีเกินไปต่างหากเลยไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ เขากลัวว่ามันจะเสียใจมากกว่าที่ควรจะเป็นอย่างนั้นหรอสะดุดกับความคิดของตัวเอง
“เอ่อ...เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะเข้าบริษัท นายไปอยู่ที่ห้องรอแล้วกันนะ” โคลวบอกขณะที่จูงมือร่างบางข้ามถนนกลับมาที่รถของตัวเอง หลังจากที่พาอีกฝ่ายไปเที่ยวดูชีวิตในโลกมนุษย์มาตลอดช่วงเช้า
“ได้ๆ ฉันก็เริ่มเบื่อแล้วก็ร้อนด้วย” เรนบ่นขณะที่ผลุบหายเข้าไปในรถหลังจากที่โคลวสอนวิธีขึ้นรถให้แล้วตั้งแต่ตอนออกมาจากคอนโด
“แล้วตอนเย็นๆ ฉันถึงจะกลับมา” โคลวบอกรายละเอียดไปตามทาง อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับรู้แต่สายตายังคงมองบรรยากาศไปโดยรอบอย่างสนใจ จนกระทั่งถึงคอนโดที่โคลวพักอยู่ และเป็นที่เดียวกับที่เมื่อคืนเรนโดนจับมาขังไว้
“นี่โทรศัพท์มือถือ ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันเข้าใจไหม” มือหนายื่นโทรศัพท์ของตัวเองส่งให้พร้อมกับสอนวิธีการใช้งานให้คร่าวๆ
“ฉันไปแหละ นายล็อกห้องดีๆ ด้วยล่ะ” โคลวสั่งอีกครั้งก่อนจะออกจากห้องไป ทิ้งให้คนตัวเล็กมองตามหลังตาละห้อย ก่อนจะกลับไปนอนแหมะลงบนเตียงกว้าง
“อีกไม่กี่วันก็จะได้กลับแล้ว นายนั่นคงจะยอมปิดบริษัทเสียทีสินะ” ร่างบางบอกตัวเองเบาๆ งานใกล้จะเสร็จแล้วเรน นายจะได้กลับบ้านแล้ว เย้...
ตื้ด...ตื้ด...ตื้ด!!~
เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องบางดังขึ้น แต่คนที่หลับอยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมารับเลยแม้แต่น้อย เสียงตอบรับอัตโนมัติทำให้ปลายสายต้องวางแล้วโทรเข้ามาใหม่อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งก็ยังไม่มีคนรับอยู่เช่นเดิม
“ไปไหนของมันน่ะ ไอ้พรายบ้านั่น” ร่างสูงกร่นด่าคนที่อยู่ปลายสายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมารับเอกสารที่เลขาเพิ่งเอาเข้ามาให้เซ็น
“เอ่อ คุณโคลวคะ แล้วเรื่องของเด็กคนนั้น” เสียงหวานๆของคุณเลขาหน้าห้องดังขึ้น โคลวเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัยเพื่อบอกให้อีกฝ่ายพูดต่อไป
“คือแก้วสงสัยว่าทำไมเขาถึงได้หน้าเหมือนคุณยี่หว่า คุณย่ารองของคุณโคลวจังเลยล่ะคะ” เลขาสาวนามว่าแก้วเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแก้ว คุณไปทำงานของคุณเถอะ” โคลวส่งยิ้มอบอุ่นให้แล้วทำเป็นสนใจงานตรงหน้าต่อ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกอีกครั้ง
‘ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งในภายหลัง’
เสียงหวานๆของโอเปอเรเตอร์ตอบกลับมา ทำให้ความคิดว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ผุดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“คุณแก้วผมจะออกไปข้างนอกคงไม่เข้ามาแล้วนะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกด้านหลังเลขาคนสวยก่อนจะเดินผ่านออกไปด้วยความใจร้อน
ร่างสูงวิ่งกระหืดกระหอบมาจนถึงหน้าห้องของตัวเองในเวลาถัดมา เคาะประตูดังปังๆ แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากภายในแม้แต่น้อย
“ไปไหนของเขานะ” โคลวบ่นอย่างหัวเสียด้วยความเป็นห่วงก่อนจะไขกุญแจของเขาเข้าไปในห้อง เมื่อเปิดได้ก็ผลักประตูเปิดออกโดยแรง สายตาคมกวาดตามองหาร่างบางแต่ไม่พบ ขายาวสาวเท้าเข้ามาในห้องกวาดสายตาไปทั่วจนพบเข้ากับร่างบางของพรายหนุ่มนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นข้างๆเตียง ร่างสูงถลาเข้าไปหาร่างบางพร้อมกับช้อนตัวขึ้นไปวางไว้บนเตียงนุ่ม
มือหนาปัดปอยผมที่ยาวระหน้าผากมนออกเบาๆ พร้อมกับร้องเรียกอีกฝ่ายเสียงสั่นด้วยความตกใจ
“เรน นายเป็นอะไรน่ะ เรน นายได้ยินฉันไหม” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยเรียกพร้อมกับตบแก้มเนียนเบาๆ
“น้ำ ... ฉันต้องการน้ำ” มือบางอ่อนระโหยยกขึ้นปัดป่ายไปมา พร้อมกับบอกเจตนาที่ตนต้องการ โคลวผุดลุกออกไปเทน้ำใส่แก้วที่อยู่อีกฝั่งของห้องก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง มือหนาจ่อแก้วเนื้อใสเข้ากับริมฝีปากบาง ค่อยๆรินน้ำให้ดื่ม แต่เมื่ออีกฝ่ายดื่มน้ำเข้าไปก็สำลักออกมาจนหมด พร้อมกับน้ำที่ดื่มเข้าไปไหลไปตามแก้มเนียนและซอกคอจนเปียกชุ่ม
โคลวตัดสินใจยกน้ำขึ้นดื่มก่อนจะก้มลงช้อนร่างบางขึ้นแนบอก มือหนาบีบที่ข้างแก้มอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อให้เผยอปากออกรับสิ่งที่เขาจะมอบให้ ดวงหน้าคมก้มลงต่ำ พร้อมกับริมฝีปากทาบลงไปแนบชิด เรียวลิ้นส่งน้ำเข้าไปภายในทีละนิด พร้อมกับยกร่างบางเล็กน้อยเพื่อให้น้ำได้ไหลผ่านคอลงไปได้เร็วขึ้น ลิ้นอุ่นชื้นของเรนตกระหวัดขึ้นเกี่ยวรับน้ำจากอีกฝ่ายด้วยความกระหายเมื่ออีกรู้สึกถึงสิ่งที่กำลังได้รับ
ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึงตวัดพัวพันด้านใน เพื่อส่งน้ำให้อีกฝ่ายได้อย่างเต็มที่ มือบางยกขึ้นจิกไหล่หนาเบาราวกับต้องการหาที่ยึดเกาะ
“อื้อ...” เรนครางออกมาเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายผละห่าง รสสัมผัสของเขายังคงติดอยู่ในความรู้สึก จนอยากจะลิ้มลองอีกครั้ง
“เรนนายเป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายกลับปรือตาขึ้นมองนิดหนึ่งแล้วก็หลับลงไปอีกครั้ง โดยไม่ได้ตอบคำถามของเขาเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังดูอ่อนแรงจนเขาแอบหวั่นว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
“เรน นายได้ยินชั้นไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม มือหนาตบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ
“นายอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ” ร่างสูงช้อนตัวร่างบางเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้ววางร่างบางลงในอ่างอาบน้ำก่อนจะเปิดน้ำใส่จนเต็ม มือหนากวักน้ำขึ้นลูบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ แต่ยิ่งทำอีกฝ่ายก็ยิ่งดูดซับน้ำเข้าไปในร่างกายมากยิ่งขึ้น
เปลือกตาบางขยับนิดๆอย่างบอกให้รู้ว่า เจ้าของกำลังรู้สึกตัว ทำให้คนที่เป็นห่วงอย่างโคลวต้องเผลอยิ้มออกมา
“นายไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมเรน” อีกฝ่ายส่งยิ้มเซียวๆมาให้เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าคือใคร เสียงแหบพร่าส่งเสียงเรียกเบาๆ
“โคล....ว”
“ดีขึ้นรึยัง?”
“ขะ ขอ 20 บาท”
“...ค่าอะไรน่ะเรน”
“ข้าจะถีบเอ็ง!”
ความคิดเห็น