The Memory [YooSu]
ฟิค แฮปปี้เบิร์ทเดย์ ปาร์คยูชอน ^^
ผู้เข้าชมรวม
651
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นานเท่าไหร่แล้วนะที่เราได้มาอยู่เคียงข้างกัน นานจนแทบจำไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ฉันรักนายได้ขนาดนี้ รู้สึกตัวอีกทีก็ขาดนายไม่ได้ซะแล้ว..........
ผม ปาร์คยูชอน ผู้ชายธรรมดาๆคนนึงที่มีความฝันจะเป็นนักแต่งเพลงที่ยิ่งใหญ่ ผมเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ผมไม่เคยรู้จักคำว่าผิดชอบชั่วดีหรืออะไร ผมทำทุกอย่างที่ผมอยากจะทำ ผมมีความสุขที่ได้ตามใจตัวเอง......................แต่นั่นมันก็เมื่อนานมาแล้วแหละ
ตั้งแต่วันนั้นที่คนๆนั้นเข้ามาในชีวิตก็ทำให้ผมเปลี่ยนไปจนกลายเป็นคนละคน ผมใส่ใจตัวเองมากขึ้น ผมมีความสุขกับการที่ได้ทำให้ใครอีกคนมีความสุขร่วมไปกับผมด้วย ผมไม่ใช่คนดีนักหรอก แต่ต่อหน้าเขาคนนั้น ผมเองก็ไม่อยากจะดูแย่นี่นา
เพราะวันนี้เป็นวันหยุดงานของผม ข้าวของเครื่องใช้เก่าๆที่ถูกเก็บเข้ากรุไปนานจึงถูกรื้อค้นขึ้นมาอีกครั้งเพราะว่าอยากจะทำความสะอาดห้องเพื่อให้ใครอีกคนที่อาศัยอยู่ด้วยกันไม่ต้องคอยจามเพราะแพ้ฝุ่นอีกต่อไป
การรื้อของออกจากกล่องก็เหมือนกับการรื้อฟื้นความทรงจำในชีวิตไปด้วย ฝุ่นหนาที่เกาะตัวอยู่ตามข้าวของ เมื่อถูกปัดออกก็เหมือนกับมีใครเอาภาพวีดีโอมาฉายซ้ำข้างในหัว
ผมอดที่จะยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุขไม่ได้ เมื่อเก็บของไปได้จนเกือบเสร็จ จะเหลือก็เพียงแค่กล่องสีครีมขนาดเหมาะมือใบสุดท้ายเท่านั้นที่รอให้ผมหยิบมันขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ถูกทอดทิ้งเอาไว้ที่ซอกลึกของมุมห้องเป็นเวลานานเสียจนฝุ่นที่เกาะทำให้กล่องสีครีมกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนอย่างช่วยไม่ได้
ผมจามออกมาเล็กน้อย มือทั้งสองข้างถูกเอามาใช้โบกพัดไปในอากาศเพื่อปกป้องลมหายใจของตัวเองจากกลุ่มฝุ่นที่คลุ้งขึ้นมาหลังจากที่เปิดแง้มกล่องออกมาเพียงเล็กน้อย
ภายในกล่องมีของกระจุกกระจิกอยู่ไม่กี่อย่าง ผมใช้สายตาที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นไล่มองทีะชิ้นอย่างแปลกใจ ผมเคยมีของแบบนี้อยู่ด้วยงั้นหรอ......?
ผมหยิบของชิ้นที่เล็้กที่สุดที่อยู่ด้านบนสุดขึ้นมาก่อนเป็นชิ้นแรก กล่องสีชมพูขนาดที่ใส่ลูกอมได้สี่ห้าเม็ดก็เต็มพอดี มีรูปหมีแพนด้าหน้ากลมส่งยิ้มมาให้อย่างอารมณ์ดี
ผมมองมันอย่างพิจารณา ด้านในของกล่องมีเศษลูกอมเก็บไว้จนเต็ม ผมยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อนึกถึงความหลังตอนที่ได้เจ้ากล่องใบจ้อยนี่มา
“นี่ ยูชอนฉันมีของฝากจากเมืองไทยมาฝากหล่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มโปรดพลางมองคนรักที่ส่งยิ้มมาให้ผมพร้อมกับซ่อนอะไรบางอย่างไว้ที่ด้านหลัง
ท่าทางของเขาตื่นเต้นมากกว่าผมที่เป็นคนรับเสียอีก ผมขยี้หัวกลมๆนั่นอย่างหมันเขี้ยว อยากจะรู้เหมือนกันว่าช่วงปิดเทอมที่เจ้าตัวหนีไปเที่ยวเมืองไทยกับครอบครัวนั้นจะซื้ออะไรมาฝาก
“อะไรหล่ะ” ผมยื่นมือข้างหนึ่งไปที่ด้านหน้า แบมือขอของฝากจากคนรัก ที่ตอนนี้ฉีกยิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์ดี สายตาที่ส่อแววทะเล้นอยู่น้อยๆทำให้ผมอดจะหวั่นใจกับของฝากไม่ได้
“นี่ไง” และแล้วเขาก็ยื่นกล่องสีชมพูสดใสขนาดเล็กใส่มือที่แบรออยู่ของผม โล่งใจน้อยๆเมื่อเห็นว่าสิ่งที่คนรักของผมซื้อมาฝากนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ออกจะคิกขุเกินไปสำหรับผมด้วยซ้ำ แต่ก็อดจะแปลกใจไม่ได้ ผมเหลือบคิ้วข้างหนึ่งขึ้นพลางมองเจ้ากล่องใบจ้อยในมืออย่างพิจารณา เปิดฝากล่องดูก็แล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลยนี่นา
“กล่องงั้นหรอ? ” ผมถามย้ำเพื่อความมั่นใจ หลังจากที่สำรวจจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบอะไรนอกจากหน้าเจ้าแพนด้าตัวน้อยที่ติดอยู่ที่ฝากล่อง
“ไม่ใช่สักหน่อย นี่ไม่ใช่กล่องธรรมดานะ” ผมเงยหน้าขึ้นจากล่องสบตากับคนตัวเล็กอย่าสงสัย ไม่ธรรมดาตรงไหน เกาหลีก็มีขายเกลื่อน หรือเพราะว่าซื้อจากไทยมันเลยพิเเศษ
“ไอ่นี่อ่ะ คือขี้หมีนะ” ห๊ะ! อะไรขี้หมี หมีที่ไทยขี้ออกมาเป็นสีชมพูแถมยังเป็นกล่องๆอีกหรอเนี่ย โอว ช่างไม่ธรรมดาเสียจริง
“ขี้หมีแพนด้าด้วยหล่ะ เค้าเอาขี้หมีมาทำเป็นไอ่นี่แล้วก็ของอีกเยอะแยะเลย มันน่ารักมากๆฉันก็เลยซื้อมาฝากน่ะ” คนตัวเล็กจ้องผมตาแป๋ว พลางฉีกยิ้มกว้างบรรยายถึงสรรพคุณของฝากให้ผมฟังเสียยกใหญ่
“นี่นายหนีฉันไปเที่ยวไทยตั้งเกือบเดือน แล้วซื้อขี้หมีแพนด้ามาฝากเนี่ยนะ” ผมมองหน้าเขาอย่างเหลือเชื่อ ไปเที่ยวเมืองไทยแต่ไปซื้อขี้หมีแพนด้า ไปจีนจะดีกว่ามั้ย = =
“ทำไมหล่ะ นายไม่ชอบงั้นหรอ” ริมฝีปากบางเริ่มเบะออกน้อยๆอย่างน้อยใจ ขี้หมีแพนด้าที่ไทยน่ารักออก ทำไมยูชอนถึงไม่ชอบหล่ะ
“เอ่อ ก็ป่าว เพียงแต่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยน่ะ ที่ไทยมีหมีแพนด้าด้วยหรอ ฉันไม่เคยรู้เลยนะเนี่ย” และแล้วผมก็ต้องแกล้งทำเป็นประทับใจไอ่กล่องขี้สีชมพูหวานจ๋อยเพื่อให้เจ้าตัวเล็กยิ้มออกจนได้สิหน่า แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาไอ่กล่องนี้ไปใช้ประโยชน์อะไรอีก เลยได้แต่ใส่เศษลูกอม(ขยะ = =) ที่เราแอบกินด้วยกันในคาบเรียนเท่านั้นเอง.........................
ผมแอบหัวเราะกับตัวเองเบาๆ เมื่อนึกถึงตอนที่ได้ไอ่กล่องขี้สีหวานนี่มา ผมวางมันลงที่ข้างๆตัวพลางหยิบของชิ้นต่อไปออกมา
สมุดโน้ตสีแดงเข้ม ที่หน้าปกบุหนังอย่างดี เพียงแค่เห็นก็ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา ผมพลิกเปิดอ่านผ่านๆไปทีละหน้าจนจบเล่ม รายมือขยุกขยิกที่สลับกันไปทีละหน้าสองหน้าทำให้ผมนึกถึงตอนที่เราเรียนมัธยม
เพราะว่าวันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ คู่รักหลายๆคู่จึงออกมาเที่ยวกัน รวมทั้งผมเองก็ด้วย เราเริ่มจากการออกไปเดินเล่นกันตั้งแต่เช้า ร้องคาราโอเกะ ดูหนัง จนกระทั่งไปช้อปปิ้ง แต่มันคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกถ้าหากว่าเราไม่ได้เข้าไปช้อปปิ้งที่ห้างสุดหรูชื่อดังอยู่ตั้งนานสองนานโดยที่ต่างคนต่างมีเงินติดตัวเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เราทั้งคู่ได้แต่เดินตัวลีบๆอย่างสยดสยองกับราคาของแต่ละชิ้นที่วางขายอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นพวกผมก็ยังเดินกันต่อไป
พวกผมเดินสำรวจร้านกันจนทั่ว แต่ก็ยังไม่ได้ของติดตัวออกมาสักชิ้นจนพนักงานในร้านเริ่มมองมาที่พวกผมตาขวางๆ
ผมกระซิบบอกจุนซูเบาๆว่าให้เลือกของอะไรไปสักอย่างจะได้รีบๆไปจากที่นี่กัน รังสีอำมหิตของพนักงานในร้านแทบจะกลืนกินพวกผมจนมิดแล้ว
เจ้าตัวเล็กเองก็ไม่ขัด มือเรียวหยิบเอาสมุดโน้ตบนชั้นที่อยู่ใกล้ๆตัวขึ้นมาโดยไม่ได้ดูราคา จนถึงตอนที่ไปจ่ายเงินนั่นแหละ พวกผมจึงแทบช๊อคกับราคาของมัน
จนสุดท้ายพวกเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนต่อตามที่วางแผนกันไว้ เพราะสมุดเล่มนั้นเล่มเดียวแท้ๆ ผมแอบงอนเจ้าตัวดีเล็กๆที่ไม่ยอมดูราคาให้ดีเสียก่อน พวกเราต่างก็นั่งเงียบกันอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งใกล้ๆบ้าน
ดูเหมือนเขาเองก็เริ่มรู้สึกตัวว่าทำให้ผมอารมณ์เสียเล็กน้อย ผมเห็นเขานั่งเขียนอะไรขยุกขยิกบนสมุดโน้ตเล่มใหม่ที่เพิ่งซื้อมา สักพักเขาก็ยื่นให้ผมอ่าน
ข้อความที่เล่าเรื่องของวันนี้ถูกเขียนลงบนหน้ากระดาษอย่างย่อๆ ผมไล่อ่านตัวหนังสือทีละตัวอย่างตั้งใจ ข้อความที่เขียนเอาไว้ว่าเขามีความสุขแค่ไหนมันทำให้ผมนึกได้ ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไรกันแน่
ผมรู้สึกถึงแรงโอบรัดจากด้านข้าง จุนซูกอดผมแน่น เสียงอู้อี้ที่ดังเล็ดลอดจากปากของเขาทำเอาผมรู้สึกผิด ผมกำลังทำเขาร้องไห้………..
“ฉันต่างหากที่ผิด ขอโทษนะ ฉันตั้งใจจะพานายไปกินไอติมร้านนึงน่ะ แต่เพราะสมุดนี่เลยทำเราอดไปกัน ฉันนี่โง่ชะมัดเลย อารมณ์เสียกับเรื่องบ้าบอแบบนี้ได้ไงกันนะ” ผมดึงตัวจุนซูมาไว้ในอ้อมกอดพลางลูบหัวปลอบโยน คนตัวเล็กเงยหน้ามองผมหลังจากที่ผมเงียบไปสักพัก
“ทั้งๆที่ฉันควรจะรู้ว่านายต่างหากที่สำคัญที่สุด” มือของผมที่วางอยู่บนหัวเจ้าตัวเล็กถูกเปลี่ยนเป็นจับเอาใบหน้าหวานให้อยู่นิ่งๆ ใบหน้าของเราเคลื่อนตัวเข้าหากันเรื่อยๆ ก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกัน...................จูบแรกของเรา
สุดท้ายแล้วสมุดเล่มนั้นก็ถูกใช้เป็นไดอารี่ของเรา สมุดโน้ตที่ถูกสลับกันเขียนทุกๆวันนั้นทำให้เราเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น ถึงมันจะแพงไปสักหน่อยแต่ก็คุ้มล่ะน่า
ผมวางสมุดโน้ตเล่มนั้นเอาไว้ที่ข้างตัวอีกด้าน คืนนี้ผมอยากจะอ่านทบทวนความหลังของสองเราสักหน่อย ไม่มีหน้าว่างเหลือพอที่จะเขียนเรื่องราวอะไรแล้ว วันหลังคงต้องออกไปเดทพร้อมกับซื้อสมุดเล่มใหม่ได้แล้วมั้ง
แต่ก่อนหน้านั้นผมก็ต้องเคลียร์กับของพวกนี้ให้เสร็จก่อน ถึงจะไปวางแผนเดทครั้งหน้าของพวกเราได้ ผมหยิบเอาของชิ้นที่สามขึ้นมาจากกล่องสีครีมใบเดิม
ถุงพลาสติกใบเล็กสีขาวสะอาดถูกพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อย ดูเผินๆแล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรจากถุงเปล่าที่ถูกพับไว้ใบนึง แต่ถ้าหากเปิดดูก็จะรูว่าที่ข้างในนั้น มีกางเกงในอยู่ (=[]=!?)
กางเกงในลูกไม้สีแดงสดที่แสนจะวาบหวิวถูกกยิบออกมานอกถุง ผมรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อนึกถึงความสำคัญของเจ้ากางเกงในแสนหวาบหวามตัวนี้
“แฮบปี้เบิร์ทเดย์นะจุนซู” เป็นรอบที่ล้านของวันนี้แล้วที่มีคนเดินเอาของขวัญมาให้กับเจ้าตัวเล็กพร้อมทั้งอวยพรวันเกิด ยูชอนมองคนตัวเล็กพลางถอนหายใจออกมาน้อยๆ ของขวัญที่ได้มาเป็นกระบุงนั่น บางอันก็เป็นของแฮนด์เมด บางอันก็เป็นของแพงสุดหรู บางอันก็เป็นขนมธรรมดาๆที่จุนซูชอบ
ไม่ใช่ว่าไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ให้หรอกนะ แต่เตรียมไว้เยอะเกินไม่รู้จะให้อะไรดี ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เวลาที่เขาไปไหนโดยไม่มีจุนซูแล้วเจอของน่ารักๆหรือของที่คิดว่าจุนซูจะชอบก็จะซื้อเก็บไว้ทันที พอถึงวันเกิดคนตัวเล็กขึ้นมาจริงๆปรากฎว่าของขวัญที่เขาเตรียมไว้นั้นมีมากกว่ายี่สิบชิ้น เลยเลือกไม่ถูกว่าจะให้อะไรดี
เวลาทั้งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยูชอนก็ยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้อะไรจุนซูดี อะไรที่จะทำให้จุนซูประทับใจมากที่สุด และคนตัวเล็กจะชอบของขวัญของเขามากที่สุด
ทางเดินขากลับบ้านของพวกเขาวันนี้ทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย เพราะของขวัญที่จุนซูได้รับมานั้นไม่ใช่น้อยๆ แต่ยูชอนเองก็ไม่ยอมให้จุนซูถือของหนัก สุดท้ายแล้วกระเป๋านักเรียนทั้งสองใบก็ถูกจุนซูยื้อแย่งมาถือไว้เองได้ ส่วนยูชอนนั้นก็รับภาระกับถุงขนาดใหญ่ที่บรรจุของขวัญอีกสามถุงไปเต็มๆ
จุนซูถือกระเป๋าทั้งสองใบไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็คล้องควงกับคนรักอย่างออดอ้อน ถึงแม้จะมีถุงคอยเกะกะอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหากับคนขี้อ้อนเลยแม้แต่น้อย
หัวเล็กเอนซบกับบ่ากว้างไปตลอดทาง ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรดังขึ้น จนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงบ้านของคนตัวเล็กที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากบ้านของอีกคนมากนัก
ยูชอนช่วยจุนซูขนของทั้งหมดขึ้นไปไว้บนห้องนอน ของเจ้าตัว ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงของอีกคนอย่างคุ้นเคย เพราะว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะเคยมานอนค้างอ้างแรมทที่นี่อยู่บ่อยๆ
จุนซูยกถาดน้ำและขนมที่คุณแม่เตรียมๆไว้ให้ขึ้นตามมาพลางเรียกให้ยูชอนลุกขึ้นมาทานด้วยกัน แต่กลับถูกคนตัวโตฉุดให้ลงไปนอนด้วยกัน ยูชอยสวมกอดจุนซูเอาไว้แน่น จุนซูเองก็ไดแต่ตัวแข็งทื่อด้วยความเขิน
“ฉันไม่รู้จะให้อะไรนายเป็นของขวัญ” ยูชอนสารภาพกับจุนซูตรงๆ พลางลุกขึ้นนั่งมองหน้าคนตัวเล็กที่กำลังมองมาทางเขาเช่นเดียวกัน
“ยูชอนให้อะไรฉันก็ชอบทั้งนั้นแหละ” คนตัวเล็กตอบพลางฉีกยิ้มกว้างแถมให้ ยูชอนจึงหยิบกระเป๋าเป้ของตนขึ้นมา เทของลงบนเตียงทั้งหมด
“เห๋?” จุนซูได้แต่มองอย่างอึ้งๆ ของมากกว่ายี่สิบชิ้นถูกเทกระจัดกระจายบนเตียงสีฟ้าน้ำทะเลของเขา ทั้งของกระจุกกระจิก ตุ๊กตา และอีกสารพัดอย่าง
“หมดนี่เลยหรอ” จุนซูไล่สายตามองของทีละชิ้นพลางอมยิ้มออกมาน้อยๆ คนตัวเล็กค่อยๆหยิบของทีละชิ้นขึ้นมาสำรวจอย่างชอบใจ เมื่อเห็นว่ายูชอนพยักหน้า
“พอฉันเห็นว่าอะไรมันน่ารัก คิดว่าจุนซูอาจจะชอบหรือเหมาะกับจุนซูก็เลยซื้อๆมา พอดูอีกทีมันก็เยอะขนาดนี้แล้วอ่ะ” ยูชอนเกาท้ายทอยแก้เก้อพลางอธิบายให้คนรักตัวเล็กฟัง
“ขอบคุณนะ ยูชอน” จุนซูกระโจนเข้าหอมแก้มพร้อมทั้งไถหน้าไปกับอกกว้างของยูชอนอย่างอ้อนๆ ยูชอนเองก็หน้าแดงน้อยๆด้วยความเขิน ไม่บ่อยนักหรอกที่จุนซูจะเป็นฝ่ายจู่โจมเขาก่อน
ทั้งคู่ตัดสินใจไปเดินเล่นด้วยกันที่ลานขายของในตอนกลางคืนหลังจากที่ครอบครัวของจุนซูและยูชอนจัดงานฉลองวันเกิดให้กับจุนซูอย่างอบอุ่น
ที่ลานขายของเต็มไปด้วยของนานาชนิด ผมเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างก็จุดประกายยิ้มที่มุมปากขึ้นมาเมื่อนึกแผนที่จะแกล้งคนรักได้ แน่นอนว่าไอ่ของที่ว่านั่นก็คือกางเกงในสีแดงลายลูกไม้
ผมเดินเข้าซื้อโดยไม่อายเพราะความอยากแกล้งมันมีมากกว่า ผมยื่นของขวัญอีกชิ้นให้จุนซูที่ทำหน้างง พลางเปิดดูก่อนที่ใบหน้ากลมๆนั่นจะค่อยเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ
“ของขวัญนี่ไว้คืนให้ฉันตอนวันเกิดแล้วกันนะ แต่แบบไม่ต้องใส่ถุงแล้ว ใส่มากับนายเลยอ่ะ 55+”แต่ใครจะรู้เล่าว่าจากเรื่องล้อเล่น แฟนของผมดันทำจริงๆซะได้ และนั่นก็เป็นเหตุการณ์ครั้งแรกของเรา เหอๆ =////=
ผมรีบเก็บกางเกงในเข้าไปในถุงแล้งพับให้เหมือนเดิมทันทีก่อนที่จะคิดถึงอะไรต่อมิอะไรและพาให้เกิดอารมณ์เปลี่ยวไปมากกว่านี้ = =
ผมหยิบเอาของหนึ่งในสองชิ้นสุดท้ายขึ้นมาจากกล่อง สร้อยข้อมือลูกปัดเส้นเล็กๆที่ตอนนี้มันล็กเกินกว่าที่จะใส่กับข้อมือของผมได้แล้ว
สีน้ำเงินสลับขาวที่เคยดุแวววับและสดใสเมื่อนานมาแล้ว บัดนี้กลายเป็นสีหม่นๆดูมอมแมมไม่น่าดูเหมือนเก่า แต่ผมยังจำได้ดีถึงวันแรกที่ได้เจ้าสร้อยข้อมือเส้นนี้มา เป็นวันเดียวกับที่ผมเพิ่งจะได้รู้จักกับความรักครั้งแรก
วันหยุดของเด็กประถมส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นวันที่ได้ไปเที่ยวกับครอบครัว แต่ไม่ใช่กับครอบครัวของยูชอน อาจเป็นเพราะว่างานของคุณพ่อและคุณแม่ที่ทั้งยุ่งและต้องไปทำงานต่างถิ่นอยู่เรื่อยๆ ยูชอนมักจะถูกฝากเอาไว้กับครอบครัวแถวๆบ้าน แต่นานๆเข้ายูชอนก็เริ่มสนุกกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
ซีดีซีรี่ย์มากมายถูกเปิดดูจนหมด น้ำตาของยูชอนไหลออกมาไม่ขาดสายเมื่อทราบซึ้งกับหนังรักเรื่องล่าสุดที่ดูไป ยูชอนปาดน้ำตาออกจากใบหน้าจนช้ำไปทั้งตา
แต่แล้วเสียงออดก็ดังขึ้นเรียกสติให้เด็กประถมตัวน้อยวิ่งไปเปิดประตูรับแขก เป็นจุนซูเด็กข้างบ้านที่เขามักจะถูกฝากไว้ด้วยนั่นเอง
ทันทีที่จุนซูเห็นหน้าของยูชอนเต็มไปด้วยคราบน้ำตาก็เข้าสวมกอดทันที มือน้อยๆเอื้อมลูบหัวลูบหลังอีกคนเลียนแบบเหมือนกับเวลาที่เขาร้องไห้แล้วมีคุณแท่คอยปลอบ
“ยูชอนเป็นอะไรไปหรอ โอ๋ ไม่เอาไม่ร้องน้า” ยูชอนได้แต่ยืนอึ่งอยู่กับที่ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงกระหน่ำเมื่อถูกสวมกอดจากผู้ที่ไม่คุ้นเคย แต่ความคิดอันเกินเด็กของเขาทำให้คิดถึงฉากรักในหนังที่เพิ่งดูไป หัวใจเต้นแรง..............หรือว่านี่จะเป็นความรัก?
ยูชอนดันตัวออกจากอ้อมกอดของคนตัวเล็กกว่าพลางมองอย่างสำรวจ ดูๆไปหมอนี่ก็น่ารักแหะ ก่อนหน้านี้ไม่เคยสังเกตุมาก่อนเลย
“จุนซู.....” ยูชอนได้แต่เอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอยเมื่อตกอยู่ในภวังค์แห่งรัก ฝ่ายจุนซูก็เข้าใจผิดคิดว่ายูชอนยังคงเศร้าเพราะดวงตาที่เลื่อนลอยดูไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวนั่น
“ ยูชอนไม่ต้องร้องแล้วนะ อ่ะนี่จุนซูให้ แม่ของจุนซูเป็นคนทำให้เองเลยนะ” จุนซูถอดเอาสร้อยลูกปัดออกจากข้อมือของตนเอง ก่อนจะยื่นให้อีกคน พลางส่งยิ้มหวานให้
และตั้งแต่ตอนนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยเป็นแค่เด็กขข้างบ้านก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิท และสุดท้ายก็กลายมาเป็นคนรัก
ยูชอนวางสร้อยลูกปัดลงก่อนที่จะหยิบขจองชิ้นสุดท้ายจากกล่องขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดดู ก็รู้สึกได้ถึงมือเล็กๆที่เอื้อมมาปิดดวงตาของเขาจากทางด้านหลัง
“ทายซิใครเอ่ย” เสียงแหบหวานเป็นเอกลักษณ์เอ่ยขึ้นอย่างน่ารัก ยูชอนหยิบเอามือเล็กออกจากดวงตาของตนอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะฉุดเอาคนตัวเล็กขึ้นมาอยู่บนหน้าตัก
“ก็คนที่น่ารักที่สุดในโลกไง” ยูชอนตอบอย่างเอาใจพลางหอมไล่หอมแก้มซ้ายขวาคนตัวเล็กที่นั่งหัวเราะคิกคักอยู่บนตัก จุนซูได้แต่ทุบคนขี้แกล้งแก้เขิน
“ยูชอนทำอะไรอยู่เนี่ย จัดของหรอ” คนตัวเล็กมองซ้ายมองขวา สำรวจไปทั่วอย่างสนอกสนใจ ก่อนที่มือเล็กจะหยิบเอาของชิ้นสุดท้ายที่วางอยู่ภายในกล่องสีครีมขึ้นมา
คนตัวเล็กจามออกมาเสียงดังเพราะว่าไรฝุ่นที่เกาะอยู่ ยูชอนจึงหยิบเอาของไปถือซะเอง อัลบั้มรูปเล่มหนาที่ไม่ได้ดูมานานค่อยๆถูกเปิดทีละหน้า
จุนซูเอนหลังไปวบกับอกของยูชอนไปพลางมองอัลบั้มรูปที่ถูกเปิดไปเรื่อยๆด้วย ความทรงจำมากมายที่ไม่ได้นึกถึงมานานถูกรื้อฟื้นไปพร้อมๆกัน เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นพักๆเมื่อเจอรูปที่ชวนขำ
สุดท้ายแล้วร่างสองร่างก็ช่วยกันเก็บของทั้งหมดเข้าที่ให้เรียบร้อย เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลาหัวค่ำแล้ว เสียงท้องร้องของคนทั้งคู่ดังแข่งกันไม่ขาดสาย
“ออกไปกินข้างนอกกันนะ ยูชอน” ร่างเล็กเอ่ยออดอ้อนคนตัวโตพลางทำตาปริบๆอย่างน่ารัก เรียกรอยยิ้มหมันไส้จากอีกคนได้เป็นอย่างดี
ขาสองคู่ก้าวเดินออกไปจากห้องที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น“บ้าน”ของพวกเขา เวลาที่ไม่หยุดนิ่งทำให้เกิดเหตุการณ์มากมายที่ผ่านมาและผ่านไป กลายเป็นความทรงจำครั้งใหม่ที่จะถูกเก็บเพิ่มไว้ในลิ้นชักแห่งความทรงจำ
ผลงานอื่นๆ ของ Ontheshortcake ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Ontheshortcake
ความคิดเห็น