ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวีหลงคีรัน

    ลำดับตอนที่ #3 : คนที่ไม่อยากเจอ

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 66


    ประตูรถปิดลงพร้อมกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางภูมิฐาน ผิวขาวเหลืองที่บ่งบอกเชื้อสายแผ่นดินใหญ่ในตัวส่งเสริมให้ชายหนุ่มราวกับมีออร่า ใบหน้าที่ผสมความเป็นไทยเล็ก ๆ ทำให้ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น เมื่อบวกกับบุคลิกสุภาพและแว่นตาที่สวมแล้วด้วยนั้นจึงทำให้รวีติดโพลหนุ่มโสดในฝันของหนุ่ม ๆ สาว ๆ หลายคน และอยากจะมีโอกาสได้เดทกับหนุ่มฮอตเนิร์ดคนนี้สักครั้ง

    เขาเลือกที่จะนั่งรอในร้านกาแฟ พอใกล้จะถึงเวลานัดรวีจึงเดินออกไปพบกับครอบครัวของศิราที่ยืนรอเจ้าตัวอยู่ก่อนแล้ว

    "สวัสดีครับคุณอา"

    รวียกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่ทั้งสอง

    "อ้าวตาวี มาแล้วนานแล้วเหรอ" คุณหญิงรสสุคนธ์หันมาทักทายอย่างเป็นกันเองเหมือนทุกทีที่พบกัน

    "เพิ่งมาครับ"

    รวีเลือกที่จะตอบออกไปแบบนั้น เพราะหากผู้ใหญ่ทั้งสองรู้ว่าเขามารอรับลูกชายของท่านทั้งคู่ตั้งแต่สามชั่วโมงก่อนหน้า เขาคงเกรงใจและไม่รู้จะพูดยังไงถ้าคุณอาทั้งสองถามว่าทำไมถึงมาเร็วนัก

    รวีพูดคุยกับผู้ใหญ่อยู่นานจวนจะใกล้เวลาที่ศิรามาถึง แต่เขาก็ยังไม่เห็นวี่แววบุตรชายคนโตของบ้านวัฒนเศรษฐอำภาแม้แต่เงา

    ชายหนุ่มแอบยกยิ้มในใจ แล้วเสียงใสที่เขาได้ยินผ่านสายทุกอาทิตย์ก็ร้องเรียก

    "พี่วี"

    รวีหลุดจากภวังค์ความคิด ยังไม่ทันที่เขาจะหันไปทางต้นเสียงดี แรงที่โถมเข้าหาพร้อมกลิ่นวนิลาหอมหวานก็ลอยฟุ้งตีเข้าจมูก

    "Miss you so bad." 

    เสียงออดอ้อนไม่ต่างจากในโทรศัพท์ทำเขาอมยิ้ม แต่ก็ไม่ลืมที่จะคิดถึงผู้ใหญ่อีกสองท่านที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยกลัวว่าจะไม่เหมาะสม

    "เอ่อ พี่ก็คิดถึงน้องศิเหมือนกันครับ" รวีดึงคนตัวเล็กกว่าเขาให้ขยับออกห่างแล้วเอ่ยยินดีที่เจ้าตัวเรียนจบ "Congratulations นะครับ"

    ชายหนุ่มยื่นช่อดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ให้คนตัวเล็ก ทันทีที่ศิราเห็นมัน รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วยิ่งกว้างขึ้นอีกจนตาโต ๆ แทบปิดหยี

    รวีเอ็นดูกับภาพที่เห็น แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตกใจและทำตัวไม่ถูกนั่นก็คือการขอบคุณของคนตัวเล็ก

    "ขอบคุณนะครับพี่วี อุตส่าห์มารอรับศิด้วย เหนื่อยมั้ยครับ"

    ศิราเขย่งเท้าขึ้นมาหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงทำได้เพียงยิ้มบาง ๆ และขยับออกห่าง น้องคงชินกับการอยู่เมืองนอก

    "ไม่เหนื่อยหรอกครับ คุณอาต่างหากที่น่าจะเหนื่อยกว่าเพราะมารอน้องศิก่อนพี่อีก" หลังรวีพูดจบ ศิราราวกับเพิ่งจะนึกได้ จึงรีบเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ตนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่

    "สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ศิคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่จังเลยครับ" คนตัวเล็กพูดเสียงออดอ้อนเหมือนตอนเด็ก ๆ ที่เคยทำ ทำให้ผู้เป็นพ่อแม่อดไม่ได้ที่จะยิ้มแก้มปริอย่างเอ็นดู

    "ยินดีด้วยนะลูก แล้วก็ต้อนรับกลับบ้านเรานะ" คุณกิตติ์กอดรับขวัญลูกชายคนเล็ก

    "ลูกแม่เก่งมาก ๆ เลยน้า" คุณหญิงรสสุคนธ์ก็เดินมากอดลูกชายพร้อมเอ่ยชมอย่างดีใจ

    ในสายตาผู้ที่เดินผ่านไปมาคงจะเป็นภาพครอบครัวที่รักใคร่สุขสันต์ แต่ไม่ใช่กับคนที่นั่งมองเหตุการณ์ทุกอย่างเงียบ ๆ อยู่ในร้านกาแฟอีกฝั่ง

    "หึ!" แก้วเซรามิกที่กาแฟพร่องไปเพียงนิดวางลงบนจานรอง ก่อนจะลุกขึ้นและไม่ลืมที่จะหยิบช่อดอกไม้ที่สั่งเลขาจัดการให้มาด้วย

    "อะแฮ่ม ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ"

    ทุกคนที่ยืนอยู่หันไปทางต้นเสียงแทบจะทันที

    "รัน" คุณกิตติ์เอ่ยชื่นลูกชายคนโต รอยยิ้มของคนที่คิดถึงลูกเผยออกมาเมื่อคีรันยอมมาตามที่ขอ

    แต่ไม่ใช่กับรวี

    มาจนได้สินะ จะให้วันนี้เป็นวันที่ดีทั้งวันหน่อยก็ไม่ได้หรือไง เขาคิดในใจเมื่อคีรันเองก็มารับศิราที่สนามบินด้วยเช่นกัน 

    "สวัสดีครับคุณพ่อ" คีรันยกมือไหว้ทักทายผู้เป็นบิดาและไม่ลืมที่จะหันไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อและทักทายตามมารยาท "สวัสดีครับน้ารส"

    "สวัสดีจ้ะ ไม่คิดว่ารันจะมาได้ เห็นว่าช่วงนี้ยุ่ง ๆ" คุณหญิงยกมือรับไหว้และถามข่าวคราวลูกเลี้ยงด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

    "นั่นสิครับ" เสียงใสเอ่ยแทรกขึ้นบ้าง แล้วมือเล็กเอื้อมมาจับแขนคนพี่

    "พอดีว่าเมื่อคืนศิได้อ่านข่าวที่พี่รันมีเรื่องชกต่อยกันที่ผับ เห็นออกข่าวทุกแพล็ตฟอร์มเลย ศิก็เป็นห่วงว่าพี่รันจะบาดเจ็บมากหรือเปล่า จะมารับศิได้มั้ย แต่พอเห็นพี่ ศิก็ค่อยโล่งใจ"

    แหม มาถึงก็แซะกันเลยนะน้องรักบังเกิดเกล้า 

    คีรันคิดในใจอย่างนึกหมั่นไส้ ส่วนศิรามีสีหน้าดูเป็นห่วงเป็นใยเขาก่อนจะยิ้มจนตาปิดและโผเข้ากอดพี่ชายแน่น

    "ศิดีใจนะครับที่พี่รันมารับศิด้วย ขอบคุณนะครับ"

    คีรันทำตัวไม่ถูกพลางขนลุกที่อยู่ ๆ ศิราก็ดูจะรักเขามาก แต่คีรันก็ไม่ได้เอ่ยหรือต่อต้านอะไร เพียงแค่รอคอยอย่างสังเกตก็เท่านั้นว่าเด็กคนนี้จะมาไม้ไหนอีก

    คนเป็นพี่ชายจึงค่อย ๆ ดึงมือและแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุม ก่อนจะตอบกลับน้องชายไป

    "ไม่ต้องซึ้งอกซึ้งใจขนาดนั้นหรอก เป็นตัวของตัวเองเถอะ ฉันก็แค่บังเอิญมีธุระแถวนี้พอดี และจำได้ว่ารับปากคุณพ่อไว้ก็เลยมา"

    ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ ดวงหน้าขาวอมชมพูของศิราดูจืดลงไปเฉดหนึ่งเมื่อคีรันพูดราวกับไม่ได้ตั้งใจมารับน้องอย่างเขา แม้แต่รวีเองก็นึกขุ่นเคืองอยู่ในใจเช่นกัน

    "แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยินดีด้วยนะ" คีรันยื่นช่อดอกไม้ให้น้องชายต่างมารดา "ในที่สุดก็เรียนจบซะที กว่าจะเลือกคณะที่ถูกใจและเรียนจบได้นี่เนอะ มันก็ต้องมีดอกไม้กันบ้าง"

    มาถึงตรงนี้หน้าของศิราก็ยิ่งซีดลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มสดใสกลบเกลื่อนอีกครั้ง

    "แหม ไม่เห็นต้องลำบากเลยนะครับพี่รัน เดี๋ยวพี่รันก็ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าเสียหายที่พังผับอีก"

    "อ๋อ ไม่ต้องคิดมากหรอก ค่าดอกไม้กับค่าซ่อมร้านน่ะมันน้อยกว่าเงินที่ฉันหาส่งให้เธอเรียนและเปลี่ยนคณะไปมาเยอะ"

    จากรอยยิ้มน่ารักคราวนี้หน้าศิราแดงก่ำอย่างอดกลั้น ไม่ต่างอะไรกับหน้าคุณหญิงรสสุคนธ์ที่ดวงตาแทบจะถลนออกจากเบ้าเพราะถูกลูกเลี้ยงฉีกหน้าลูกชายตนเองต่อหน้าว่าที่ลูกเขยที่เธอหมายมั่นปั้นมือ

    "เธอรู้มั้ย ว่าฉันดีใจจริง ๆ นะ ที่เธอจบซักทีน่ะ ศิรา"

    คีรันตบบ่าน้องชายสองสามครั้งก่อนจะยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อและภรรยาใหม่ของพ่อแล้วขอตัว

    "เดี๋ยวสิรัน วันเสาร์นี้รันว่างมางานเลี้ยงต้อนรับน้องมั้ยลูก พ่ออยากให้รันมานะ"

    คีรันหันกลับมาตอบบิดาครู่หนึ่ง

    "ขอคิดดูก่อนนะครับ ถ้าว่างรันจะไป"

    ดวงตาที่ดูดื้อรั้นคล้ายอ่อนลงเมื่อสบมองผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาเช่นเดิม

    "งั้นผมกลับก่อนนะครับ พอดีมีนัดดูวัสดุซ่อมร้านน่ะ สวัสดีครับ"

    คีรันเดินออกไปโดยที่ไม่รอให้ผู้ใดรั้งเขาไว้ มีเพียงคุณหญิงรสสุคนธ์เท่านั้นที่แทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เธอไม่เคยพอใจ และไม่เคยรักคีรัน

    "ดูลูกชายสุดที่รักของคุณเอาเถอะคุณกิตติ์ นิสัยร้ายตั้งแต่เด็กยังไงก็อย่างนั้น"

    คุณกิตติ์มองตามลูกชายคนโตที่กำลังเดินจากไปและไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาอาวรณ์และรู้สึกผิดต่อคีรันก็เท่านั้น

    "คุณแม่ครับ อย่าไปว่าพี่รันเลยครับ พี่เขาอาจจะกำลังเครียดที่มีเรื่องอยู่ก็ได้ ใจเย็น ๆ นะครับคุณแม่"

    ศิราเดินเข้าไปหามารดาตนพลางพูดให้ใจเย็น

    "แต่ดูไอ้..." เธอเกือบจะพลั้งปากเรียกลูกเลี้ยงอย่าวเคย ๆ "ดูตารันเถอะ จะให้แม่เย็นอยู่ได้ยังไง"

    "ศืไม่โกรธพี่รันหรอกครับ พี่เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ศิชินแล้วครับ"

    แม้ศิราจะพูดแบบนั้น แต่รวีที่อยู่ในเหตุการณ์กลับรู้สึกไม่ต่างจากคุณหญิงรสสุคนธ์นัก 

    "ศิว่าเรากลับบ้านไปพักไปทานอะไรอร่อย ๆ ดีกว่านะครับ ไม่ได้กลับไทยตั้งนาน ศิคิดถึงอาหารไทยจะแย่"

    คุณหญิงรสสุคนธ์ยอมอ่อนลงและเดินให้ลูกชายพยุงกลับไปที่รถ รวีเองก็เดินไปส่งศิราและคุณอาทั้งสองเช่นกัน

    "อย่าลืมมางานเลี้ยงต้อนรับน้องนะตาวี"

    รวียิ้มอ่อนโยนและรับคำ

    "ไม่ลืมครับคุณอา"

    ศิราที่ยังไม่ขึ้นรถก็ยืนร่ำลารวีอย่างเด็กน้อยไม่ยอมกลับบ้าน

    "ต้องมานะครับพี่วี"

    ศิราโผเข้ากอดชายหนุ่มอีกครั้ง รวียังคงไม่ชินแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มทำเพียงยิ้มและรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ

    "งานของน้องศิพี่ไปต้องอยู่แล้วครับ"

    "ศิ! ปล่อยพี่เขาได้แล้ว"

    คุณกิตติ์เอ่ยเรียกลูกชายคนเล็กเสียงเข้ม เมื่อเจ้าตัวยังคงไม่ปล่อยมือจากรวี

    "แหมคุณกิตติ์ เด็ก ๆ เพิ่งจะเจอกัน กอดกันแค่นี้อย่าดุนักเลย" คุณหญิงรสสุคนธ์เอ่ยขึ้น แล้วหันมาพูดกับสามีให้ได้ยินกันแค่สองคน "ถ้าจะดุ รสว่าไปดุลูกชายคนโตของคุณเถอะ วัน ๆ สร้างแต่เรื่อง"

    "คุณรส!"

    สองสามีภรรยาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อกันอีก ความบาดหมางเล็ก ๆ นี้มีมาตั้งแต่คีรันยังเด็ก คุณกิตติ์รับรู้ข้อนี้ดี แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ด้วยเพราะรสสุคนธ์คือบุตรสาวเพื่อนสนิทของผู้เป็นแม่ที่ฝากฝังไว้ก่อนท่านจะเสีย

    "ศิไปแล้วนะครับ"

    "ครับ แล้วเจอกัน"

    รถของบ้านวัฒนเศรษฐอำภาเคลื่อนตัวออกไปไกลแล้ว รอยยิ้มของชายหนุ่มยังคงประทับบนใบหน้าเมื่อนึกถึงศิรา

    รวีเดินกลับมาที่รถของตัวเอง ตั้งใจจะไปเลือกซื้อของขวัญให้ศิรา แต่จังหวะที่กำลังจะออกตัวจากที่จอด ใครบางคนที่บอกว่าจะรีบกลับเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า กลับกำลังยืนนัวเนียกับหนุ่มรูปร่างสูงอยู่ตรงข้ามรถของเขา ก่อนจะขับรถออกไปอย่างรวดเร็วคล้ายรีบร้อน

    "คีรัน"

    แล้วชื่อนี้ก็สร้างความหงุดหงิดให้รวีอีกครั้งจนได้

    "ไม่อายบ้างหรือยังไง ที่สาธารณะยังไม่เว้น"





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×