ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คนที่ไม่อยากเจอ
ประตูรถปิดลงพร้อมกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางภูมิฐาน ผิวขาวเหลืองที่บ่งบอกเชื้อสายแผ่นดินใหญ่ในตัวส่งเสริมให้ชายหนุ่มราวกับมีออร่า ใบหน้าที่ผสมความเป็นไทยเล็ก ๆ ทำให้ดูเป็นผู้ชายอบอุ่น เมื่อบวกกับบุคลิกสุภาพและแว่นตาที่สวมแล้วด้วยนั้นจึงทำให้รวีติดโพลหนุ่มโสดในฝันของหนุ่ม ๆ สาว ๆ หลายคน และอยากจะมีโอกาสได้เดทกับหนุ่มฮอตเนิร์ดคนนี้สักครั้ง
เขาเลือกที่จะนั่งรอในร้านกาแฟ พอใกล้จะถึงเวลานัดรวีจึงเดินออกไปพบกับครอบครัวของศิราที่ยืนรอเจ้าตัวอยู่ก่อนแล้ว
"สวัสดีครับคุณอา"
รวียกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่ทั้งสอง
"อ้าวตาวี มาแล้วนานแล้วเหรอ" คุณหญิงรสสุคนธ์หันมาทักทายอย่างเป็นกันเองเหมือนทุกทีที่พบกัน
"เพิ่งมาครับ"
รวีเลือกที่จะตอบออกไปแบบนั้น เพราะหากผู้ใหญ่ทั้งสองรู้ว่าเขามารอรับลูกชายของท่านทั้งคู่ตั้งแต่สามชั่วโมงก่อนหน้า เขาคงเกรงใจและไม่รู้จะพูดยังไงถ้าคุณอาทั้งสองถามว่าทำไมถึงมาเร็วนัก
รวีพูดคุยกับผู้ใหญ่อยู่นานจวนจะใกล้เวลาที่ศิรามาถึง แต่เขาก็ยังไม่เห็นวี่แววบุตรชายคนโตของบ้านวัฒนเศรษฐอำภาแม้แต่เงา
ชายหนุ่มแอบยกยิ้มในใจ แล้วเสียงใสที่เขาได้ยินผ่านสายทุกอาทิตย์ก็ร้องเรียก
"พี่วี"
รวีหลุดจากภวังค์ความคิด ยังไม่ทันที่เขาจะหันไปทางต้นเสียงดี แรงที่โถมเข้าหาพร้อมกลิ่นวนิลาหอมหวานก็ลอยฟุ้งตีเข้าจมูก
"Miss you so bad."
เสียงออดอ้อนไม่ต่างจากในโทรศัพท์ทำเขาอมยิ้ม แต่ก็ไม่ลืมที่จะคิดถึงผู้ใหญ่อีกสองท่านที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยกลัวว่าจะไม่เหมาะสม
"เอ่อ พี่ก็คิดถึงน้องศิเหมือนกันครับ" รวีดึงคนตัวเล็กกว่าเขาให้ขยับออกห่างแล้วเอ่ยยินดีที่เจ้าตัวเรียนจบ "Congratulations นะครับ"
ชายหนุ่มยื่นช่อดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ให้คนตัวเล็ก ทันทีที่ศิราเห็นมัน รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วยิ่งกว้างขึ้นอีกจนตาโต ๆ แทบปิดหยี
รวีเอ็นดูกับภาพที่เห็น แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตกใจและทำตัวไม่ถูกนั่นก็คือการขอบคุณของคนตัวเล็ก
"ขอบคุณนะครับพี่วี อุตส่าห์มารอรับศิด้วย เหนื่อยมั้ยครับ"
ศิราเขย่งเท้าขึ้นมาหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงทำได้เพียงยิ้มบาง ๆ และขยับออกห่าง น้องคงชินกับการอยู่เมืองนอก
"ไม่เหนื่อยหรอกครับ คุณอาต่างหากที่น่าจะเหนื่อยกว่าเพราะมารอน้องศิก่อนพี่อีก" หลังรวีพูดจบ ศิราราวกับเพิ่งจะนึกได้ จึงรีบเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ตนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่
"สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ศิคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่จังเลยครับ" คนตัวเล็กพูดเสียงออดอ้อนเหมือนตอนเด็ก ๆ ที่เคยทำ ทำให้ผู้เป็นพ่อแม่อดไม่ได้ที่จะยิ้มแก้มปริอย่างเอ็นดู
"ยินดีด้วยนะลูก แล้วก็ต้อนรับกลับบ้านเรานะ" คุณกิตติ์กอดรับขวัญลูกชายคนเล็ก
"ลูกแม่เก่งมาก ๆ เลยน้า" คุณหญิงรสสุคนธ์ก็เดินมากอดลูกชายพร้อมเอ่ยชมอย่างดีใจ
ในสายตาผู้ที่เดินผ่านไปมาคงจะเป็นภาพครอบครัวที่รักใคร่สุขสันต์ แต่ไม่ใช่กับคนที่นั่งมองเหตุการณ์ทุกอย่างเงียบ ๆ อยู่ในร้านกาแฟอีกฝั่ง
"หึ!" แก้วเซรามิกที่กาแฟพร่องไปเพียงนิดวางลงบนจานรอง ก่อนจะลุกขึ้นและไม่ลืมที่จะหยิบช่อดอกไม้ที่สั่งเลขาจัดการให้มาด้วย
"อะแฮ่ม ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ"
ทุกคนที่ยืนอยู่หันไปทางต้นเสียงแทบจะทันที
"รัน" คุณกิตติ์เอ่ยชื่นลูกชายคนโต รอยยิ้มของคนที่คิดถึงลูกเผยออกมาเมื่อคีรันยอมมาตามที่ขอ
แต่ไม่ใช่กับรวี
มาจนได้สินะ จะให้วันนี้เป็นวันที่ดีทั้งวันหน่อยก็ไม่ได้หรือไง เขาคิดในใจเมื่อคีรันเองก็มารับศิราที่สนามบินด้วยเช่นกัน
"สวัสดีครับคุณพ่อ" คีรันยกมือไหว้ทักทายผู้เป็นบิดาและไม่ลืมที่จะหันไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อและทักทายตามมารยาท "สวัสดีครับน้ารส"
"สวัสดีจ้ะ ไม่คิดว่ารันจะมาได้ เห็นว่าช่วงนี้ยุ่ง ๆ" คุณหญิงยกมือรับไหว้และถามข่าวคราวลูกเลี้ยงด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
"นั่นสิครับ" เสียงใสเอ่ยแทรกขึ้นบ้าง แล้วมือเล็กเอื้อมมาจับแขนคนพี่
"พอดีว่าเมื่อคืนศิได้อ่านข่าวที่พี่รันมีเรื่องชกต่อยกันที่ผับ เห็นออกข่าวทุกแพล็ตฟอร์มเลย ศิก็เป็นห่วงว่าพี่รันจะบาดเจ็บมากหรือเปล่า จะมารับศิได้มั้ย แต่พอเห็นพี่ ศิก็ค่อยโล่งใจ"
แหม มาถึงก็แซะกันเลยนะน้องรักบังเกิดเกล้า
คีรันคิดในใจอย่างนึกหมั่นไส้ ส่วนศิรามีสีหน้าดูเป็นห่วงเป็นใยเขาก่อนจะยิ้มจนตาปิดและโผเข้ากอดพี่ชายแน่น
"ศิดีใจนะครับที่พี่รันมารับศิด้วย ขอบคุณนะครับ"
คีรันทำตัวไม่ถูกพลางขนลุกที่อยู่ ๆ ศิราก็ดูจะรักเขามาก แต่คีรันก็ไม่ได้เอ่ยหรือต่อต้านอะไร เพียงแค่รอคอยอย่างสังเกตก็เท่านั้นว่าเด็กคนนี้จะมาไม้ไหนอีก
คนเป็นพี่ชายจึงค่อย ๆ ดึงมือและแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุม ก่อนจะตอบกลับน้องชายไป
"ไม่ต้องซึ้งอกซึ้งใจขนาดนั้นหรอก เป็นตัวของตัวเองเถอะ ฉันก็แค่บังเอิญมีธุระแถวนี้พอดี และจำได้ว่ารับปากคุณพ่อไว้ก็เลยมา"
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ ดวงหน้าขาวอมชมพูของศิราดูจืดลงไปเฉดหนึ่งเมื่อคีรันพูดราวกับไม่ได้ตั้งใจมารับน้องอย่างเขา แม้แต่รวีเองก็นึกขุ่นเคืองอยู่ในใจเช่นกัน
"แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยินดีด้วยนะ" คีรันยื่นช่อดอกไม้ให้น้องชายต่างมารดา "ในที่สุดก็เรียนจบซะที กว่าจะเลือกคณะที่ถูกใจและเรียนจบได้นี่เนอะ มันก็ต้องมีดอกไม้กันบ้าง"
มาถึงตรงนี้หน้าของศิราก็ยิ่งซีดลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มสดใสกลบเกลื่อนอีกครั้ง
"แหม ไม่เห็นต้องลำบากเลยนะครับพี่รัน เดี๋ยวพี่รันก็ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าเสียหายที่พังผับอีก"
"อ๋อ ไม่ต้องคิดมากหรอก ค่าดอกไม้กับค่าซ่อมร้านน่ะมันน้อยกว่าเงินที่ฉันหาส่งให้เธอเรียนและเปลี่ยนคณะไปมาเยอะ"
จากรอยยิ้มน่ารักคราวนี้หน้าศิราแดงก่ำอย่างอดกลั้น ไม่ต่างอะไรกับหน้าคุณหญิงรสสุคนธ์ที่ดวงตาแทบจะถลนออกจากเบ้าเพราะถูกลูกเลี้ยงฉีกหน้าลูกชายตนเองต่อหน้าว่าที่ลูกเขยที่เธอหมายมั่นปั้นมือ
"เธอรู้มั้ย ว่าฉันดีใจจริง ๆ นะ ที่เธอจบซักทีน่ะ ศิรา"
คีรันตบบ่าน้องชายสองสามครั้งก่อนจะยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อและภรรยาใหม่ของพ่อแล้วขอตัว
"เดี๋ยวสิรัน วันเสาร์นี้รันว่างมางานเลี้ยงต้อนรับน้องมั้ยลูก พ่ออยากให้รันมานะ"
คีรันหันกลับมาตอบบิดาครู่หนึ่ง
"ขอคิดดูก่อนนะครับ ถ้าว่างรันจะไป"
ดวงตาที่ดูดื้อรั้นคล้ายอ่อนลงเมื่อสบมองผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาเช่นเดิม
"งั้นผมกลับก่อนนะครับ พอดีมีนัดดูวัสดุซ่อมร้านน่ะ สวัสดีครับ"
คีรันเดินออกไปโดยที่ไม่รอให้ผู้ใดรั้งเขาไว้ มีเพียงคุณหญิงรสสุคนธ์เท่านั้นที่แทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เธอไม่เคยพอใจ และไม่เคยรักคีรัน
"ดูลูกชายสุดที่รักของคุณเอาเถอะคุณกิตติ์ นิสัยร้ายตั้งแต่เด็กยังไงก็อย่างนั้น"
คุณกิตติ์มองตามลูกชายคนโตที่กำลังเดินจากไปและไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาอาวรณ์และรู้สึกผิดต่อคีรันก็เท่านั้น
"คุณแม่ครับ อย่าไปว่าพี่รันเลยครับ พี่เขาอาจจะกำลังเครียดที่มีเรื่องอยู่ก็ได้ ใจเย็น ๆ นะครับคุณแม่"
ศิราเดินเข้าไปหามารดาตนพลางพูดให้ใจเย็น
"แต่ดูไอ้..." เธอเกือบจะพลั้งปากเรียกลูกเลี้ยงอย่าวเคย ๆ "ดูตารันเถอะ จะให้แม่เย็นอยู่ได้ยังไง"
"ศืไม่โกรธพี่รันหรอกครับ พี่เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ศิชินแล้วครับ"
แม้ศิราจะพูดแบบนั้น แต่รวีที่อยู่ในเหตุการณ์กลับรู้สึกไม่ต่างจากคุณหญิงรสสุคนธ์นัก
"ศิว่าเรากลับบ้านไปพักไปทานอะไรอร่อย ๆ ดีกว่านะครับ ไม่ได้กลับไทยตั้งนาน ศิคิดถึงอาหารไทยจะแย่"
คุณหญิงรสสุคนธ์ยอมอ่อนลงและเดินให้ลูกชายพยุงกลับไปที่รถ รวีเองก็เดินไปส่งศิราและคุณอาทั้งสองเช่นกัน
"อย่าลืมมางานเลี้ยงต้อนรับน้องนะตาวี"
รวียิ้มอ่อนโยนและรับคำ
"ไม่ลืมครับคุณอา"
ศิราที่ยังไม่ขึ้นรถก็ยืนร่ำลารวีอย่างเด็กน้อยไม่ยอมกลับบ้าน
"ต้องมานะครับพี่วี"
ศิราโผเข้ากอดชายหนุ่มอีกครั้ง รวียังคงไม่ชินแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มทำเพียงยิ้มและรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ
"งานของน้องศิพี่ไปต้องอยู่แล้วครับ"
"ศิ! ปล่อยพี่เขาได้แล้ว"
คุณกิตติ์เอ่ยเรียกลูกชายคนเล็กเสียงเข้ม เมื่อเจ้าตัวยังคงไม่ปล่อยมือจากรวี
"แหมคุณกิตติ์ เด็ก ๆ เพิ่งจะเจอกัน กอดกันแค่นี้อย่าดุนักเลย" คุณหญิงรสสุคนธ์เอ่ยขึ้น แล้วหันมาพูดกับสามีให้ได้ยินกันแค่สองคน "ถ้าจะดุ รสว่าไปดุลูกชายคนโตของคุณเถอะ วัน ๆ สร้างแต่เรื่อง"
"คุณรส!"
สองสามีภรรยาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อกันอีก ความบาดหมางเล็ก ๆ นี้มีมาตั้งแต่คีรันยังเด็ก คุณกิตติ์รับรู้ข้อนี้ดี แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ด้วยเพราะรสสุคนธ์คือบุตรสาวเพื่อนสนิทของผู้เป็นแม่ที่ฝากฝังไว้ก่อนท่านจะเสีย
"ศิไปแล้วนะครับ"
"ครับ แล้วเจอกัน"
รถของบ้านวัฒนเศรษฐอำภาเคลื่อนตัวออกไปไกลแล้ว รอยยิ้มของชายหนุ่มยังคงประทับบนใบหน้าเมื่อนึกถึงศิรา
รวีเดินกลับมาที่รถของตัวเอง ตั้งใจจะไปเลือกซื้อของขวัญให้ศิรา แต่จังหวะที่กำลังจะออกตัวจากที่จอด ใครบางคนที่บอกว่าจะรีบกลับเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า กลับกำลังยืนนัวเนียกับหนุ่มรูปร่างสูงอยู่ตรงข้ามรถของเขา ก่อนจะขับรถออกไปอย่างรวดเร็วคล้ายรีบร้อน
"คีรัน"
แล้วชื่อนี้ก็สร้างความหงุดหงิดให้รวีอีกครั้งจนได้
"ไม่อายบ้างหรือยังไง ที่สาธารณะยังไม่เว้น"
เขาเลือกที่จะนั่งรอในร้านกาแฟ พอใกล้จะถึงเวลานัดรวีจึงเดินออกไปพบกับครอบครัวของศิราที่ยืนรอเจ้าตัวอยู่ก่อนแล้ว
"สวัสดีครับคุณอา"
รวียกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่ทั้งสอง
"อ้าวตาวี มาแล้วนานแล้วเหรอ" คุณหญิงรสสุคนธ์หันมาทักทายอย่างเป็นกันเองเหมือนทุกทีที่พบกัน
"เพิ่งมาครับ"
รวีเลือกที่จะตอบออกไปแบบนั้น เพราะหากผู้ใหญ่ทั้งสองรู้ว่าเขามารอรับลูกชายของท่านทั้งคู่ตั้งแต่สามชั่วโมงก่อนหน้า เขาคงเกรงใจและไม่รู้จะพูดยังไงถ้าคุณอาทั้งสองถามว่าทำไมถึงมาเร็วนัก
รวีพูดคุยกับผู้ใหญ่อยู่นานจวนจะใกล้เวลาที่ศิรามาถึง แต่เขาก็ยังไม่เห็นวี่แววบุตรชายคนโตของบ้านวัฒนเศรษฐอำภาแม้แต่เงา
ชายหนุ่มแอบยกยิ้มในใจ แล้วเสียงใสที่เขาได้ยินผ่านสายทุกอาทิตย์ก็ร้องเรียก
"พี่วี"
รวีหลุดจากภวังค์ความคิด ยังไม่ทันที่เขาจะหันไปทางต้นเสียงดี แรงที่โถมเข้าหาพร้อมกลิ่นวนิลาหอมหวานก็ลอยฟุ้งตีเข้าจมูก
"Miss you so bad."
เสียงออดอ้อนไม่ต่างจากในโทรศัพท์ทำเขาอมยิ้ม แต่ก็ไม่ลืมที่จะคิดถึงผู้ใหญ่อีกสองท่านที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วยกลัวว่าจะไม่เหมาะสม
"เอ่อ พี่ก็คิดถึงน้องศิเหมือนกันครับ" รวีดึงคนตัวเล็กกว่าเขาให้ขยับออกห่างแล้วเอ่ยยินดีที่เจ้าตัวเรียนจบ "Congratulations นะครับ"
ชายหนุ่มยื่นช่อดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ให้คนตัวเล็ก ทันทีที่ศิราเห็นมัน รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วยิ่งกว้างขึ้นอีกจนตาโต ๆ แทบปิดหยี
รวีเอ็นดูกับภาพที่เห็น แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตกใจและทำตัวไม่ถูกนั่นก็คือการขอบคุณของคนตัวเล็ก
"ขอบคุณนะครับพี่วี อุตส่าห์มารอรับศิด้วย เหนื่อยมั้ยครับ"
ศิราเขย่งเท้าขึ้นมาหอมแก้มเขาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงทำได้เพียงยิ้มบาง ๆ และขยับออกห่าง น้องคงชินกับการอยู่เมืองนอก
"ไม่เหนื่อยหรอกครับ คุณอาต่างหากที่น่าจะเหนื่อยกว่าเพราะมารอน้องศิก่อนพี่อีก" หลังรวีพูดจบ ศิราราวกับเพิ่งจะนึกได้ จึงรีบเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ตนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่
"สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ ศิคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่จังเลยครับ" คนตัวเล็กพูดเสียงออดอ้อนเหมือนตอนเด็ก ๆ ที่เคยทำ ทำให้ผู้เป็นพ่อแม่อดไม่ได้ที่จะยิ้มแก้มปริอย่างเอ็นดู
"ยินดีด้วยนะลูก แล้วก็ต้อนรับกลับบ้านเรานะ" คุณกิตติ์กอดรับขวัญลูกชายคนเล็ก
"ลูกแม่เก่งมาก ๆ เลยน้า" คุณหญิงรสสุคนธ์ก็เดินมากอดลูกชายพร้อมเอ่ยชมอย่างดีใจ
ในสายตาผู้ที่เดินผ่านไปมาคงจะเป็นภาพครอบครัวที่รักใคร่สุขสันต์ แต่ไม่ใช่กับคนที่นั่งมองเหตุการณ์ทุกอย่างเงียบ ๆ อยู่ในร้านกาแฟอีกฝั่ง
"หึ!" แก้วเซรามิกที่กาแฟพร่องไปเพียงนิดวางลงบนจานรอง ก่อนจะลุกขึ้นและไม่ลืมที่จะหยิบช่อดอกไม้ที่สั่งเลขาจัดการให้มาด้วย
"อะแฮ่ม ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ"
ทุกคนที่ยืนอยู่หันไปทางต้นเสียงแทบจะทันที
"รัน" คุณกิตติ์เอ่ยชื่นลูกชายคนโต รอยยิ้มของคนที่คิดถึงลูกเผยออกมาเมื่อคีรันยอมมาตามที่ขอ
แต่ไม่ใช่กับรวี
มาจนได้สินะ จะให้วันนี้เป็นวันที่ดีทั้งวันหน่อยก็ไม่ได้หรือไง เขาคิดในใจเมื่อคีรันเองก็มารับศิราที่สนามบินด้วยเช่นกัน
"สวัสดีครับคุณพ่อ" คีรันยกมือไหว้ทักทายผู้เป็นบิดาและไม่ลืมที่จะหันไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อและทักทายตามมารยาท "สวัสดีครับน้ารส"
"สวัสดีจ้ะ ไม่คิดว่ารันจะมาได้ เห็นว่าช่วงนี้ยุ่ง ๆ" คุณหญิงยกมือรับไหว้และถามข่าวคราวลูกเลี้ยงด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
"นั่นสิครับ" เสียงใสเอ่ยแทรกขึ้นบ้าง แล้วมือเล็กเอื้อมมาจับแขนคนพี่
"พอดีว่าเมื่อคืนศิได้อ่านข่าวที่พี่รันมีเรื่องชกต่อยกันที่ผับ เห็นออกข่าวทุกแพล็ตฟอร์มเลย ศิก็เป็นห่วงว่าพี่รันจะบาดเจ็บมากหรือเปล่า จะมารับศิได้มั้ย แต่พอเห็นพี่ ศิก็ค่อยโล่งใจ"
แหม มาถึงก็แซะกันเลยนะน้องรักบังเกิดเกล้า
คีรันคิดในใจอย่างนึกหมั่นไส้ ส่วนศิรามีสีหน้าดูเป็นห่วงเป็นใยเขาก่อนจะยิ้มจนตาปิดและโผเข้ากอดพี่ชายแน่น
"ศิดีใจนะครับที่พี่รันมารับศิด้วย ขอบคุณนะครับ"
คีรันทำตัวไม่ถูกพลางขนลุกที่อยู่ ๆ ศิราก็ดูจะรักเขามาก แต่คีรันก็ไม่ได้เอ่ยหรือต่อต้านอะไร เพียงแค่รอคอยอย่างสังเกตก็เท่านั้นว่าเด็กคนนี้จะมาไม้ไหนอีก
คนเป็นพี่ชายจึงค่อย ๆ ดึงมือและแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุม ก่อนจะตอบกลับน้องชายไป
"ไม่ต้องซึ้งอกซึ้งใจขนาดนั้นหรอก เป็นตัวของตัวเองเถอะ ฉันก็แค่บังเอิญมีธุระแถวนี้พอดี และจำได้ว่ารับปากคุณพ่อไว้ก็เลยมา"
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ ดวงหน้าขาวอมชมพูของศิราดูจืดลงไปเฉดหนึ่งเมื่อคีรันพูดราวกับไม่ได้ตั้งใจมารับน้องอย่างเขา แม้แต่รวีเองก็นึกขุ่นเคืองอยู่ในใจเช่นกัน
"แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยินดีด้วยนะ" คีรันยื่นช่อดอกไม้ให้น้องชายต่างมารดา "ในที่สุดก็เรียนจบซะที กว่าจะเลือกคณะที่ถูกใจและเรียนจบได้นี่เนอะ มันก็ต้องมีดอกไม้กันบ้าง"
มาถึงตรงนี้หน้าของศิราก็ยิ่งซีดลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มสดใสกลบเกลื่อนอีกครั้ง
"แหม ไม่เห็นต้องลำบากเลยนะครับพี่รัน เดี๋ยวพี่รันก็ต้องเอาเงินไปจ่ายค่าเสียหายที่พังผับอีก"
"อ๋อ ไม่ต้องคิดมากหรอก ค่าดอกไม้กับค่าซ่อมร้านน่ะมันน้อยกว่าเงินที่ฉันหาส่งให้เธอเรียนและเปลี่ยนคณะไปมาเยอะ"
จากรอยยิ้มน่ารักคราวนี้หน้าศิราแดงก่ำอย่างอดกลั้น ไม่ต่างอะไรกับหน้าคุณหญิงรสสุคนธ์ที่ดวงตาแทบจะถลนออกจากเบ้าเพราะถูกลูกเลี้ยงฉีกหน้าลูกชายตนเองต่อหน้าว่าที่ลูกเขยที่เธอหมายมั่นปั้นมือ
"เธอรู้มั้ย ว่าฉันดีใจจริง ๆ นะ ที่เธอจบซักทีน่ะ ศิรา"
คีรันตบบ่าน้องชายสองสามครั้งก่อนจะยกมือไหว้ผู้เป็นพ่อและภรรยาใหม่ของพ่อแล้วขอตัว
"เดี๋ยวสิรัน วันเสาร์นี้รันว่างมางานเลี้ยงต้อนรับน้องมั้ยลูก พ่ออยากให้รันมานะ"
คีรันหันกลับมาตอบบิดาครู่หนึ่ง
"ขอคิดดูก่อนนะครับ ถ้าว่างรันจะไป"
ดวงตาที่ดูดื้อรั้นคล้ายอ่อนลงเมื่อสบมองผู้เป็นพ่อ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาเช่นเดิม
"งั้นผมกลับก่อนนะครับ พอดีมีนัดดูวัสดุซ่อมร้านน่ะ สวัสดีครับ"
คีรันเดินออกไปโดยที่ไม่รอให้ผู้ใดรั้งเขาไว้ มีเพียงคุณหญิงรสสุคนธ์เท่านั้นที่แทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เธอไม่เคยพอใจ และไม่เคยรักคีรัน
"ดูลูกชายสุดที่รักของคุณเอาเถอะคุณกิตติ์ นิสัยร้ายตั้งแต่เด็กยังไงก็อย่างนั้น"
คุณกิตติ์มองตามลูกชายคนโตที่กำลังเดินจากไปและไม่พูดอะไร มีเพียงสายตาอาวรณ์และรู้สึกผิดต่อคีรันก็เท่านั้น
"คุณแม่ครับ อย่าไปว่าพี่รันเลยครับ พี่เขาอาจจะกำลังเครียดที่มีเรื่องอยู่ก็ได้ ใจเย็น ๆ นะครับคุณแม่"
ศิราเดินเข้าไปหามารดาตนพลางพูดให้ใจเย็น
"แต่ดูไอ้..." เธอเกือบจะพลั้งปากเรียกลูกเลี้ยงอย่าวเคย ๆ "ดูตารันเถอะ จะให้แม่เย็นอยู่ได้ยังไง"
"ศืไม่โกรธพี่รันหรอกครับ พี่เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ศิชินแล้วครับ"
แม้ศิราจะพูดแบบนั้น แต่รวีที่อยู่ในเหตุการณ์กลับรู้สึกไม่ต่างจากคุณหญิงรสสุคนธ์นัก
"ศิว่าเรากลับบ้านไปพักไปทานอะไรอร่อย ๆ ดีกว่านะครับ ไม่ได้กลับไทยตั้งนาน ศิคิดถึงอาหารไทยจะแย่"
คุณหญิงรสสุคนธ์ยอมอ่อนลงและเดินให้ลูกชายพยุงกลับไปที่รถ รวีเองก็เดินไปส่งศิราและคุณอาทั้งสองเช่นกัน
"อย่าลืมมางานเลี้ยงต้อนรับน้องนะตาวี"
รวียิ้มอ่อนโยนและรับคำ
"ไม่ลืมครับคุณอา"
ศิราที่ยังไม่ขึ้นรถก็ยืนร่ำลารวีอย่างเด็กน้อยไม่ยอมกลับบ้าน
"ต้องมานะครับพี่วี"
ศิราโผเข้ากอดชายหนุ่มอีกครั้ง รวียังคงไม่ชินแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มทำเพียงยิ้มและรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะ
"งานของน้องศิพี่ไปต้องอยู่แล้วครับ"
"ศิ! ปล่อยพี่เขาได้แล้ว"
คุณกิตติ์เอ่ยเรียกลูกชายคนเล็กเสียงเข้ม เมื่อเจ้าตัวยังคงไม่ปล่อยมือจากรวี
"แหมคุณกิตติ์ เด็ก ๆ เพิ่งจะเจอกัน กอดกันแค่นี้อย่าดุนักเลย" คุณหญิงรสสุคนธ์เอ่ยขึ้น แล้วหันมาพูดกับสามีให้ได้ยินกันแค่สองคน "ถ้าจะดุ รสว่าไปดุลูกชายคนโตของคุณเถอะ วัน ๆ สร้างแต่เรื่อง"
"คุณรส!"
สองสามีภรรยาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อกันอีก ความบาดหมางเล็ก ๆ นี้มีมาตั้งแต่คีรันยังเด็ก คุณกิตติ์รับรู้ข้อนี้ดี แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ด้วยเพราะรสสุคนธ์คือบุตรสาวเพื่อนสนิทของผู้เป็นแม่ที่ฝากฝังไว้ก่อนท่านจะเสีย
"ศิไปแล้วนะครับ"
"ครับ แล้วเจอกัน"
รถของบ้านวัฒนเศรษฐอำภาเคลื่อนตัวออกไปไกลแล้ว รอยยิ้มของชายหนุ่มยังคงประทับบนใบหน้าเมื่อนึกถึงศิรา
รวีเดินกลับมาที่รถของตัวเอง ตั้งใจจะไปเลือกซื้อของขวัญให้ศิรา แต่จังหวะที่กำลังจะออกตัวจากที่จอด ใครบางคนที่บอกว่าจะรีบกลับเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า กลับกำลังยืนนัวเนียกับหนุ่มรูปร่างสูงอยู่ตรงข้ามรถของเขา ก่อนจะขับรถออกไปอย่างรวดเร็วคล้ายรีบร้อน
"คีรัน"
แล้วชื่อนี้ก็สร้างความหงุดหงิดให้รวีอีกครั้งจนได้
"ไม่อายบ้างหรือยังไง ที่สาธารณะยังไม่เว้น"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น