ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวีหลงคีรัน

    ลำดับตอนที่ #2 : เหตุผลที่ไม่ชอบ

    • อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 66



     

    วันนั้นคือคืนเดือนหงาย พระจันทร์ดวงใหญ่ลอยอยู่บนท้องฟ้า วันลอยกระทงที่ใคร ๆ ก็ชอบไม่ต่างจากเด็ก ๆ ที่มักจะตื่นเต้นที่จะได้ลอยกระทงสวย ๆ ลงแม่น้ำและกลางเมืองก็มักจะมีเทศกาลซึ่งคนก็พลุกพล่านครึกครื้นแทบทุกปี

    บ้านวัฒนเศรษฐอำภาก็เช่นกัน ด้วยความที่ก็ยังคงสืบสานประเพณีเดิม แต่จะให้พาลูกหลานออกไปลอยกระทงข้างนอกก็ดูจะไม่ใช่อะไรที่ง่ายนัก ในทุก ๆ ปีจึงจัดงานลอยกระทงขึ้นที่บ้านเสียเลย เพราะยังไงเสียบ้านพวกเขาก็ติดแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่แล้ว

    และแขกคนสำคัญขาประจำก็คงหนีไม่พ้นบ้านกรณ์วรนนท์ เพื่อนสนิทชิดเชื้อมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ยังอยู่

    นั่นทำให้เรวัชและรวีได้ติดสอยห้อยตามผู้ใหญ่มาบ้านนี้อยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งลูกหลานของสองตระกูลก็ยังอยู่ในวัยที่ไล่เรี่ยกัน จึงทำให้ความสนิทสนมของเด็ก ๆ มากขึ้นไปด้วย

    รวีในวัยสิบห้าปีที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นเป็นเด็กเรียบร้อย พูดน้อยและมารยาทดีมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งต่างกับพี่ชายของเขาที่โตกว่ากันเพียงแค่ปีเดียวกลับชอบที่จะเล่นซนและมีนิสัยทะเล้นมากกว่า นั่นจึงทำให้รวีชอบที่จะอยู่และเล่นกับศิรา ลูกชายคนเล็กของบ้านวัฒนเศรษฐอำภาที่มีนิสัยเรียบร้อยน่ารักและขี้อ้อน มากกว่าที่จะเล่นซนจนมอมแมมเหมือนพี่ชายเขาและลูกชายคนโตของบ้านนี้อย่างคีรัน

    คีรันเป็นลูกชายคนโตจากภรรยาคนแรกของคุณกิตติ์ วัฒนเศรษฐอำภา แต่มารดาของเด็กหนุ่มที่อายุห่างจากเขาแค่สองปีเสียไปเมื่อเด็กชายอายุได้สามขวบ นั่นจึงทำให้บิดาเขาต้องแต่งงานใหม่เพื่อหวังว่าลูกชายจะไม่ขาดความอบอุ่นและต่อมามีทายาทคนที่สอง ซึ่งก็คือศิรา

    รวีไม่ได้อคติหรือไม่ชอบคีรันตั้งแต่แรก เพราะเขาเคยชอบดวงตาที่เป็นประกายและรอยยิ้มของคีรันเวลาเจ้าตัวเผลอ แต่เขาแค่ไม่ชอบที่จะเล่นอะไรแรง ๆ เช่น ชกต่อย ปีนป่ายหรืออะไรก็ตามแต่ที่จะต้องทำให้ตัวเองมีแผลหรือสกปรกแบบที่คีรันชอบเล่น เขาชอบความสะอาด เรียบร้อย และไม่วุ่นวาย นั่นจึงทำให้เขาเบนเข็มไปนั่งเล่นกับน้องชายของคีรันทุกครั้งที่มาบ้านเพื่อนสนิทคุณพ่อนับตั้งแต่นั้น

    วันนี้ก็เช่นกัน บรรดาผู้ใหญ่นั้นกำลังนั่งคุยสังสรรค์กันอยู่ในบ้าน ส่วนเขากับน้องศิราที่ตอนนี้อายุสิบขวบกำลังเต้นรำกันอยู่กลางสวนที่ประดับตกแต่งด้วยไฟและดอกไม้อย่างสวยงาม รวีที่เพิ่งได้เรียนลีลาสมาจากโรงเรียนจึงอาสาเป็นครูสอนน้องเต้น

    แต่ในขณะที่รวีกำลังเพลิดเพลินไปกับการเต้นรำกับศิรา เด็กชายตัวน้อยที่กำลังหมุนตัวในวงแขนเขาก็ถูกผลักอย่างแรงจนล้มลง ก่อนจะถูกผู้เป็นพี่ชายอย่างคีรันตามไปกระชากโบว์สีฟ้าที่ผูกเป็นหูกระต่ายออกจากคอเสื้อ และหันมาจับมือเขาลากไปเต้นรำแทนน้องชายอย่างหน้าตาเฉย

    ศิราตกใจและนั่งร้องไห้ ส่วนเขาที่เห็นทุกอย่างก็รีบสะบัดมือออกจากคนที่ทำตัวไม่น่ารักแล้วก้มลงไปพยุงน้องศิราให้ลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ เขาไม่ได้อยากเต้นรำกับคีรัน และตอนนี้เขาก็ต้องการให้คีรันคืนโบว์ให้น้อง

    "พี่ไม่เต้นรำกับคนนิสัยไม่ดี เอาโบว์ของน้องศิคืนมานะครับน้องรัน"

    รวีขึ้นเสียงเข้ม แต่คนที่เป็นต้นเรื่องกลับปฏิเสธเสียงแข็ง

    "ไม่!"

    คีรันตะโกนลั่นแล้ววิ่งหนี เสียงร้องไห้ของศิราเรียกไห้คุณหญิงรสสุคนธ์รีบวิ่งออกมาดูลูกชาย 

    "น้องศิ เป็นอะไรคะลูก ทำไมร้องไห้แบบนี้"

    ศิราร้องไห้พลางยกมือชี้ไปทางพี่ชายที่วิ่งหายไปด้านหลัง "โบว์ ฮือออ พี่รันเอาโบว์น้องศิไปครับ ฮือออ"

    ในขณะที่ผู้ใหญ่กำลังปลอบโยนเด็กแก้มยุ้ยที่ร้องไห้เสียใจสะอึกสะอื้นหลังถูกแกล้งและแย่งของไป รวีที่เห็นว่าคีรันทำไม่ถูกต้องก็รีบวิ่งตามไปทันที

    "นี่"​ ​​​​​​ในที่สุดรวีก็ตามตัวคีรันเจอ เด็กหนุ่มนั่งอยู่ริมตะลิ่งเพียงลำพัง ก่อนจะหันหน้ามาทางเขาเมื่อถูกเรียก ดวงตาเรียวเชิดดูดื้อรั้นนั้นมีน้ำตา แต่ใบหน้าที่เรียบเฉยนั้นกลับไม่มีอารมณ์ใด คีรันยกมือขึ้นเช็ดมันลวก ๆ และไม่ได้พูดหรือเอ่ยอะไร ก่อนจะหันหน้ากลับไปทำเหมือนกับรวีเป็นเพียงธาตุอากาศที่ไม่มีความหมาย นั่นจึงทำให้รวีไม่ชอบใจอย่างที่สุด

    รวีเดินเข้าไปใกล้อีกนิด เขาเห็นว่าในมือคีรันมีกระทงเล็ก ๆ ที่ไม่ได้สวยงามนักอยู่ และถูกลอยลงแม่น้ำไปอย่างรวดเร็วเมื่อเขากำลังจะถึงตัวอีกฝ่าย

    แต่คนที่เขามาตามหากลับลุกขึ้นเดินหนี

    "ทำตัวไม่น่ารักแล้วยังมานั่งลอยกระทงสบายใจอีกเหรอน้องรัน"

    รวีพูดออกมาเมื่อคีรันไม่คิดจะอยู่คุย

    "ไม่น่ารักแล้วจะทำไม มายุ่งอะไรด้วย จะไปไหนก็ไป"

    "แต่น้องรันผลักน้องศิจนล้มแล้วยังแย่งโบว์ของน้องมาอีก ขอโทษน้องสักคำก็ไม่มี"

    นั่นจึงทำให้คนที่กำลังจะหนีความผิดหันมาพูดอะไรที่ทำให้รวีไม่พอใจ

    "แล้วทำไมรันต้องขอโทษ" เจ้าของแววตาเรียบเฉยพูดขึ้น

    "ก็น้องรันทำน้องศิเจ็บและแย่งของของน้องมา"

    "รันไม่ได้แย่ง"

    "ยังจะโกหกอีก ก็พี่เห็น ๆ อยู่ว่าน้องรันแย่ง"

    แต่คนที่รวีคุยด้วยกลับไม่พูดอะไรต่อ และหันหลังให้เตรียมจะเดินหนีไปอีกครั้ง นั่นจึงทำให้รวีต้องรีบเข้าไปดึงแขนคีรันไว้

    "เอาโบว์ของน้องศิคืนมานะน้องรัน แล้วก็ไปขอโทษน้องด้วย"

    คีรันสะบัดแขนออกจากรวีอย่างแรงแล้วปฏิเสธทันที

    "รันไม่คืน และไม่มีทางที่จะขอโทษ"

    คีรันกำลังจะเดินหนีเขาอีกครั้ง แต่รวีไม่ยอม เขาเข้าไปคว้าแขนเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับตนไว้ แล้วยื้อแย่งโบว์ในมืออีกฝ่ายคืนมา 

    "เอาไปคืนน้องศิเดี๋ยวนี้นะรัน"

    "ไม่!"

     พลั้ก!

    ครูดดดด

    "โอ๊ย!"

    "เฮ้ย!

    สุดท้ายคีรันก็เสียหลักล้มลงไม่ต่างจากรวีที่ก็เกือบจะล้มเหมือนกัน ดีที่เขาคว้ากิ่งต้นไม้แถวนั้นไว้ได้จึงไม่พลาดท่าล้มลงไปอีกคน แต่นั่นก็นับว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่เด็กหนุ่มในวัยเริ่มโตไม่มีวันลืม

    คีรันนั่งตาค้างตัวแข็ง ในมือข้างหนึ่งยังคงกำโบว์สีฟ้าที่เจ้าตัวเพิ่งแย่งมาจากน้องชายต่างมารดาแน่น แต่มืออีกข้างนึงกลับมีอาภรณ์ที่ปกปิดส่วนล่างของรวีอยู่ในมือ

    ระยะหน้าของคีรันห่างจากส่วนนั้นของเด็กหนุ่มอีกคนเพียงคืบเดียว

    "เฮ้ย! อย่าดูนะ!"

    รวีรีบดึงชายเสื้อลงมาปกปิดส่วนสงวนที่โชว์หราต่อหน้าเด็กหนุ่มที่นั่งก้นจ้ำเบ้ามองส่วนนั้นของเขานิ่ง หน้าตาที่ดูไม่ออกระหว่างเฉยชากับช็อกนั้นทำให้รวีอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี เขารีบยกมือขึ้นมาปิดตาคีรันไว้แล้วดึงกางเกงตัวใหม่ที่เพิ่งสั่งตัดแต่มันดันหลวมไปนิดขึ้นเอวอย่างทุลักทุเล

    แต่ที่มันแย่ไปมากกว่านั้นก็คือ คีรันดันไม่ได้ลื่นล้มแล้วคว้าดึงกางเกงเขาลงแค่ตัวนอกนี่สิ 

    ​​​​​​เพราะมันทั้งชั้นนอกและชั้นในเลยต่างหากที่ลงไปกองอยู่บนพื้น

     

    เป็นความทรงจำที่เลวร้ายสิ้นดี

     

    'สรุปยังไง ทำไมแกถึงไม่ชอบน้องรันนัก ฉันก็ไม่เห็นว่าน้องเค้าจะไปทำอะไรให้แกต้องเจ็บช้ำน้ำใจที่ไหน'

    รวีถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายพลางแอบขบกรามแน่น ถึงแม้ว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุก็เถอะ แต่ถ้าหากเขาบอกพี่ชายออกไปว่าเมื่อก่อนคีรันทำเจ็บแสบอะไรไว้กับเขาบ้าง มีหวังพี่ชายตัวดีที่สนิทกับคนคนนั้นเหมือนกันต้องล้อเขายันลูกบวชแน่

    "ช่างเถอะ ผมจะไม่ชอบเขาเพราะอะไรมันก็เรื่องของผม แค่นี้นะเฮีย ผมรีบ"

    'อ้าว เฮ้ย เดี๋ยว...'

    รวีเลือกที่จะตัดสายพี่ชายทิ้งเพราะเริ่มจะหงุดหงิด อยู่ ๆ ก็มาพูดถึงใครบางคนจนทำให้เขาต้องรื้อฟื้นความทรงจำที่อยากจะลืมขึ้นมาอีกรอบ

    "ขอให้ไม่มาทีเถอะ จะขอบคุณอย่างแรง"

    ในใจชายหนุ่มคิดอย่างที่พูดกับตัวเอง ในวัยเด็กเขาเคยไม่ชอบคีรันอย่างไร ตอนนี้แม้จะผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว เขาก็ยังไม่ชอบคีรันอยู่อย่างนั้น

    มีอย่างที่ไหนจ้องของของเขานิ่งแล้วไม่พูดไม่ตกใจอะไรสักคำ มีแค่หัวคิ้วที่มุ่นเข้าหากันเล็กน้อยเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง มันยิ่งทำให้เขาเองทำตัวไม่ถูก จะร้องสักแอะจะตกใจสักน้อยก็ยังดีกว่านิ่งแล้วมองตาไม่กระพริบ ตอนยังเด็กเขาอายมากที่ต้องมายืนโป๊ให้คนที่ไม่ชอบหน้าเห็น แต่พอโตขึ้นแล้วและได้นึกย้อนกลับไปมันก็ทำให้เขาอดที่จะคิดไม่ได้ว่า ไอ้สีหน้าแบบนั้นของคีรัน มันช่างดูหยามกันสิ้นดี

    "เป็นตอนนี้หน่อยเถอะ พ่อจะยืนโชว์ให้อายกันไปข้าง"

     

     


     

    เอ..... อะไรยังไงนิ อิพี่วี

    ไม่ได้หนา จะมาแก้ผ้าโชว์ไม่ด๊ายยยย


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×