ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แย่แล้ว .. เผลอหลงรักคุณดาวเสาร์ (Yuri) - End

    ลำดับตอนที่ #10 : น้องปั้นของพี่เอย + Writer Talk | Rewrite

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 909
      89
      23 ก.ค. 62


           
            ฝันแบบนี้อีกแล้ว
           ครั้งที่แล้ว พ่อยังอยู่ข้างฉัน หากแต่ฝันครั้งนี้ ใครบางคนกลับเข้ามาแทนที่ สัมผัสที่ฉันไม่คุ้นเคยแต่กลับรู้สึกปลอดภัยเหลือเกิน 
     

    “น้องเอย ตีห้าครึ่งแล้วลูก ตื่นมาอาบน้ำได้แล้ว”
    ฉันขานรับออกไปให้แม่รู้ว่าตื่นแล้ว ความฝันที่เพิ่งผ่านพ้นไป กลิ่นไอความรู้สึกนั้นยังคงอบอวลอยู่รอบตัว อยู่ดีดีก็คิดถึงพ่อขึ้นมา บางทีพ่ออาจจะคิดถึงฉันเหมือนกันก็ได้
    พอคิดแบบนี้แล้ว ความเศร้ามันก็หายไป ฉันส่งยิ้มให้ตัวเองอยู่หน้ากระจก คนแรกที่คิดถึงในเช้านี้คือพ่อ ส่วนคนที่สองก็คือ .. 

    ผ้าขนหนูพาดบ่าเตรียมพร้อมอาบน้ำแล้ว แต่ฉันกลับอยากเดินมาส่องหน้าต่างสักหน่อย ท้องฟ้าข้างนอกยังมืดสนิทอยู่ อากาศเย็นยะเยือกจนหนาว บ้านหลังน้อยนั้นเปิดไฟอยู่ 
    พี่หมอตื่นแล้ว 
    วันนี้ยังเป็นวันหยุดหมอ แปลว่า พี่หมออยู่กับฉันได้ทั้งวัน
    ดีใจจัง 


     
    ของคาวหวานส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลอยู่หลังบ้าน เผลอๆคงส่งกลิ่นลอยฟุ้งไปทั่วรีสอร์ท ฉันนั่งเทแกงเทโพใส่ปิ่นโตขนาดกลาง มันไม่เคยเป็นงานยากเลยนะ ถ้าเพียงแต่ฉันได้ใส่กางเกงสบายๆ หรือไม่ก็ตอนที่สภาพขาสมบูรณ์กว่านี้
    ทุกครั้งที่ไปวัด ยายชอบบังคับให้ฉันใส่ผ้าถุง ยายบอกว่า มันดูเรียบร้อย ถูกกาลเทศะมากกว่า ฉันก็ไม่ได้เถียงอะไร อยากให้ใส่ฉันก็ใส่ได้ แต่แผลที่เข่าเนี่ยสิ เดินนั่งธรรมดาก็ยากแล้ว นี่ฉันต้องคอยหนีบขาชิดกันตลอด ไอ้แผลนี่ก็ตึงจนน่ารำคาญ 
    “ผืนนี้สวยดีนะคะแม่ เข้ากับน้องเอยเลย”
    แม่ยืนคนแกงอะไรอีกไม่รู้บนเตา หันมองมาทางฉันพลางลอบยิ้ม หันไปคุยกับยายที่กำลังลำเลียงสาคูไส้หมูใส่ปิ่นโต 

    “ผิวขาวๆแบบนี้ ใส่สีน้ำเงินมันช่วยขับผิวดี” 
    ยายเสริมขึ้นมา แวบแรกฉันนึกว่ายายจะขัดแม่เสียอีก ยอมใส่ก็ได้ เห็นว่าแม่กับยายชอบหรอกนะ ไม่ได้บ้ายออะไรทั้งนั้น 

    “อ้าวหมอ ตื่นแต่เช้าเลย”
    ฉันหันหลังไปดูทันที พี่หมอส่งยิ้มกว้างให้แม่ฉัน วันนี้พี่หมอใส่เสื้อยืดสีพื้นเหมือนเดิม จะต่างออกไปหน่อยก็ตรงที่มีเสื้อคลุมยีนส์ตัวยาวคุมทับ แขนเสื้อถูกพับม้วนขึ้นไว้ตรงแถวข้อศอก 
    เหนื่อยจะคิดเรื่องความเท่ของหมอแล้วล่ะ เออ แล้วถ้าหมอใส่ผ้าถุงแบบฉันล่ะ มันจะออกมาแบบไหน น่าสนใจนะ

    “ทำไมยายไม่ให้หมอใส่ผ้าถุงบ้าง”
    “พี่เขาโตแล้ว จะมาใส่ผ้าถุงทำไม”
    “ไม่เห็นเกี่ยวเลย ยายแก่แล้วยายยังใส่เลย”
    “มะเหงกสิ” 
    จากตรงนั้น ยายสามารถพาตัวเองมาเขกหัวฉันได้ในเวลาไม่ถึงห้าวินาที เรียกเสียงหัวเราะให้คนทั้งห้องครัวรวมไปถึงคนมาใหม่

    “ให้ปั้นช่วยอะไรดีคะ”
    “หมอช่วยยกหม้อไปให้น้องก็ได้ลูก น้องเดินไม่ค่อยถนัด” 
    พี่หมอพยักหน้าทำตามคำสั่งของแม่ทันที เจ้าตัวเดินไปยกซึ้งที่ใส่ห่อหมกทะเลมาวางไว้ให้ฉัน ตามด้วยยกหม้อเปล่าแกงเทโพที่ฉันจัดการเทลงปิ่นโตเรียบร้อยแล้วไปวางไว้ที่ครัวด้านหลัง ก่อนจะกลับมานั่งลงข้างฉัน ช่วยหยิบเจ้าห่อหมกทั้งหลายใส่ลงปิ่นโต 
    ฉันนั่งมองทุกการเคลื่อนไหวของหมอ ไม่ได้รู้สึกเลยว่าตัวเองถือไม้คีบค้างอยู่ในมือนานแล้ว 


    เขาแค่ทำให้มันเร็วขึ้นแค่นั้นเอง พี่ตั้งใจจะกลับมาที่นี่อยู่แล้ว .. กลับมาหาน้องเอย


    ฉันได้ยินเสียงพี่หมอพูดประโยคนี้ซ้ำอยู่ในหัวตั้งแต่เมื่อคืน เผลอทีไรเป็นต้องนึกถึงทุกที 
    ตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นนางเอกนิยาย ช่วงที่กำลังเพ้อถึงพระเอก เก็บทุกอย่างที่พระเอกพูด พระเอกทำ มาฝันเฟื่องวนไปเรื่อย 
    แค่เหมือนนะแค่เหมือน เพราะความอบอุ่นของพี่หมอทำให้ฉันเผลอรู้สึกไปแบบนั้น 
    ใช่ แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก 
    แต่นางเอกในนิยายก็คุยกับตัวเองแบบนี้เหมือนกันนะ 

    “โอ๊ย” 
    “เป็นอะไรน้องเอย เจ็บแผลเหรอ”
    พี่หมอทิ้งไม้คีบ ลุกขึ้นมาดูแผลฉันทันที แต่เพราะฉันใส่ผ้าถุงอยู่ ท่าทางพี่หมอดูกังวล มองที่เข่าสลับกับหน้าฉัน 
    ฉันไม่ได้เจ็บแผล ที่ร้องออกมาเพราะฉันรำคาญความคิดตัวเองเฉยๆ แล้วพี่หมอมาทำแบบนี้ ฉันยิ่ง .. 

    “เปล่าค่ะเปล่า” 
    “แน่ใจนะ”
    ฉันพยักหน้าหงึกๆยืนยันอยู่หลายที หมอถึงได้ยิ้มออกมา มือของหมอกำลังเอื้อมมาข้างหน้า หมอจะลูบหัวฉันอีกแล้วใช่ไหม ไม่ได้นะ หมอลูบหัวฉันตอนนี้ไม่ได้ ภูมิต้านทานฉันต่ำลงเรื่อยๆแล้ว 
    มือของฉันคว้าข้อมือพี่หมอไว้ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ เจ้าตัวดูตกใจ เลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถาม 
    “มะ มือพี่หมอเลอะห่อหมก เอามาลูบหัวหนูได้ไง” 
    “ใครบอกพี่จะลูบ พี่แค่จะเอื้อมไปหยิบฝาหม้อข้างหลังน้องเอยเฉยๆ”

    ละเอียด แตกละเอียด หน้าฉันเนี่ยแหละ แตกยับ 
    พี่หมอเอื้อมไปหยิบฝาหม้อจริงๆ ก่อนเดินออกไป ฉันมั่นใจว่าเห็นพี่หมอแอบอมยิ้มด้วย ให้มันได้อย่างนี้สิฉัน น่าอายได้กว่านี้อีกไหม 





    วันนี้เป็นวันพระใหญ่ คนแทบจะทั้งหมู่บ้านรวมไปถึงนักท่องเที่ยวรวมตัวกันอยู่ในศาลาวัด อาหารคาวหวานวางเรียงกันแน่น ดูเหมือนจะเยอะกว่าจำนวนพระทั้งวัดด้วยซ้ำ
    ผู้เฒ่าผู้แก่เห็นฉันก็ส่งเสียงร้องทักดีใจ คุณตาคุณยายแทบทุกคนล้วนเอ็นดูฉัน คงเพราะเรื่องของพ่อ ฉันเดินเข้าไปไหว้ ไล่กอดทีละคน กว่าจะถึงโถงห้องครัวก็เล่นเอาเกือบสิบนาทีได้ 
    ฉันคงไม่เท่าไหร่ พี่หมอต่างหากทำให้ฉันแปลกใจ ใครเห็นพี่หมอก็ยกมือไหว้กันใหญ่ ฉันเห็นหลายคนที่คงผ่านมือหมอมาแล้ว เดินเข้ามาทักทาย จับมือหมอ ออกปากขอบคุณอวยพรยกใหญ่ หนึ่งในนั้นรวมไปถึงคุณลุงไส้ติ่งอักเสบวันนั้นด้วย 
    พี่หมอยิ้มกว้างคุยกับทุกคน ขนาดฉันเองเห็นภาพนี้แล้วยังอิ่มใจเลย ในเมืองมีหมอเยอะมากก็จริง แต่จะมีหมอสักกี่คนที่ยอมสละชีวิตสบายของตัวเองขึ้นมาอยู่บนนี้ เพราะแบบนี้ ใครใครถึงได้ดูรักหมอนัก 
    “น้องเอยพาพี่หมอไปตักบาตรสิลูก”
    เพราะคนเยอะมาก เจ้าหน้าที่ของวัดเลยเอาบาตรพระวางเรียงกันอยู่กลางศาลา ใครที่มาถึงแล้วก็เดินตักข้าวใส่บาตรที่เรียงไว้ได้เลย 
    พี่หมออาสาถือชามใบโตที่บรรจุข้าวสวยร้อนๆอยู่ในนั้น ฉันคว้าทัพพีสองอันที่วางใกล้กันขึ้นมาถือไว้ ก่อนจะพาคนตัวสูงเดินไปที่กลางศาลา 
    “น้องเอยจับแขนพี่ไว้ก็ได้นะ ดูน้องเอยเดินไม่ถนัดเลย” 
    ใช่ เดินไม่ถนัด และการจับแขนพี่หมอไม่ได้ทำให้เดินถนัดขึ้นหรอก 
    “จับแขนพี่เร็ว” สาบานว่ามือมันเอื้อมออกไปเองอัตโนมัติ พี่หมอพยายามเดินไม่เร็วมาก เพื่อให้ฉันขยับน้อยที่สุด 

    แผลวันที่สาม แน่นอนว่ามันดีขึ้นเยอะมากแล้ว ฉันทรงตัวได้มากกว่าเมื่อวาน แถมอาการแสบตรงแผลก็น้อยลงแล้วด้วย แต่เพราะท่าทีของหมอทำให้ฉันคิดอยากเนียนต่ออีกสักหน่อย 

    “ปกติเข้าวัดกับเขามั่งหรือเปล่า” 
    ฉันชวนพี่หมอคุยระหว่างที่เราเดินไล่ตักบาตรพระที่วางเรียงอยู่ พี่หมอตักก่อนแล้วฉันถึงตักตาม  
    “เห็นพี่เป็นคนยังไงเนี่ย เข้าสิ พี่ตักบาตรทุกวันพระเลยนะ”
    “ไม่น่าเชื่อเนอะ” ฉันเผลอเบะปากใส่หมอ เดาว่าพี่หมอคงหัวเราะตอบกลับมา แต่ผิดคาด พี่หมอเบะปากใส่ฉันกลับด้วย จากที่ฉันคิดว่าตัวเองจับทางหมอได้แล้ว กลายเป็นเหมือนหมอดิ้นไปทางอื่นอีก 
    หมอต้องเอาสักทางแล้วนะ จะอบอุ่นหรือจะกวนประสาท หมอต้องเลือก

    “ตักบาตรด้วยกันแบบนี้ แปลว่าชาติหน้าเราต้องกลับมาเจอกันอีกนะ”
    “ถ้างั้นหนูจะตักเยอะกว่าพี่หมอ ชาติหน้าหนูจะได้เกิดก่อนบ้าง” 
    “อยากเป็นพี่เหรอ”
    “ก็ดีกว่าเป็นน้องหรือเปล่าล่ะ”
    ฉันตักข้าวเยอะกว่าหมอ ทำจริงอย่างที่พูด พี่หมอตักเสร็จแล้วรอดูฉัน แล้วก็หัวเราะทุกครั้งที่ฉันตักข้าวลงไปเยอะกว่า จนมาถึงบาตรสุดท้าย 
    “ไม่ต้องรอชาติหน้าหรอก เดี๋ยวเป็นน้องให้ก็ได้ ดีไหมคะพี่เอย” 
    “ดีมากค่ะน้องปั้น”
    ฉันหัวเราะลั่นกับความขี้เล่นของพี่หมอ พี่หมอเองก็ขำเหมือนกัน เราสองคนมองข้าวที่เหลือติดก้นหม้อนิดเดียวแล้วก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอีกครั้ง เราตักข้าวกันเสียจนหมด ไม่เหลือให้แม่กับยายได้ตักต่อแล้ว 


    คนที่โรงพยาบาลก็มาทำบุญด้วยเหมือนกัน ฉันจำพี่พยาบาลคนนั้นได้ ตอนนี้พี่หมอไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนอยู่อีกด้านหนึ่ง ดูท่าทางคุยหัวเราะกันสนุกสนาน ส่วนฉันก็นั่งอยู่กับยายและเพื่อนยายอีกสี่ห้าคน ไม่รู้ว่ากลุ่มโน้นคุยอะไรกัน แต่ตรงนี้กำลังคุยเรื่องโกรกผมกันอยู่ 
    หนึ่งในเพื่อนยายก็คือยายของมะนาว ฉันเลยค่อยหายเบื่อหน่อย อย่างน้อยก็มีมะนาวคุยเป็นเพื่อน
    หรือจะเบื่อกว่าเดิมก็ไม่รู้ 

    “วันก่อนมะนาวอ่านเจอว่า การอ่านหนังสือตอนกลางคืนช่วยให้จำได้มากขึ้นกว่าปกติ 60% เลยนะเอย .. มะนาวลองนั่งทำโจทย์เมื่อคืน ได้คะแนนเยอะมาก เอยลองทำตามดูนะ” 
    ฉันอือออกับมะนาวไปตามมารยาท อรรถรสอย่างเดียวในชีวิตมะนาวก็คือการเรียน ซึ่งตรงกันข้ามกับฉันโดยสิ้นเชิง 
    “แล้วเอยถามพี่เขาหรือยัง ว่าทำไมถึงไม่เรียนต่อ”
    คำถามมะนาวทำให้ฉันต้องมองตามคนในคำถามนั้น ที่กำลังนั่งยิ้มฟังเพื่อนในกลุ่มพูดอยู่ 
    ถึงไม่เคยถามออกไป แต่ฉันคิดว่าฉันพอเข้าใจ ลองใครเจอขนาดนั้นแล้วยังยิ้มได้แบบหมอตอนนี้ก็เก่งแล้ว 

    โชคดีที่พระเข้ามาในศาลาพอดี ฉันเลยทำเนียนไม่ตอบคำถามของมะนาว ถึงในใจอยากให้หมอกลับมานั่งฟังพระสวดข้างกัน แต่จากที่เห็น หมอคงปักหลักอยู่ตรงนั้น คงไม่ลุกมาตรงนี้แล้ว 
    “หมอไปไหนน้องเอย”
    “นั่งอยู่กับเพื่อนตรงนู้น” 
    ฉันตอบยายไป แล้วคงเผลอทำหน้าเหมือนตอนที่หมอไปกินหมูกระทะ ยายถึงได้หัวเราะออกมา 

    “เรานี่นะ ติดพี่เขาตั้งแต่เด็ก โตมายังติดอีก” 
    “ตอนนั้นหนูติดพี่หมอมากเลยเหรอยาย”
    “ติดมาก วันสุดท้ายที่หมอจะกลับ เราก็ร้องไห้ลั่นบ้าน ไม่ยอมให้พี่เขากลับ จนพี่เขาต้องรอให้เราหลับ เขาถึงกลับ”
    ตอนนี้คงร้องไห้แบบนั้นไม่ได้แล้วสินะ 
    ฉันขอตัวลุกมาเข้าห้องน้ำ ด้วยปริมาณคนที่นั่งกันเต็มศาลา กว่าจะเบี่ยงหลบคนออกมา กว่าจะทำธุระเสร็จ เดินกลับมาอีกที ใครบางคนกลับมานั่งแทนที่ฉันข้างยายแล้ว 

    พี่หมอ .. 
    หุบยิ้มไม่ได้อีกแล้วสิ 

    เดี๋ยวนะ 
    มะนาว
    ปล่อยมะนาวให้อยู่ลำพังกับหมอไม่ได้เด็ดขาด เกิดมะนาวถามอะไรไม่ชอบมาพากลล่ะก็แย่แน่ 
    ฉันรีบเขยิบเข้าไปแทรกกลางระหว่างหมอกับมะนาว ลักษณะเหมือนมะนาวกำลังคุยอะไรบางอย่างกับหมอค้างอยู่ด้วย ถ้าเป็นคนอื่นปกติทั่วไป เวลาเราคุยถึงเรื่องบุคคลที่สาม แล้วเจ้าตัวดันโผล่มาพอดี เราก็คงทำเนียนเงียบไป แค่นั้นเขาก็ไม่รู้แล้ว แต่ไม่ใช่กับมะนาว ..
    “พี่ปั้นถามมะนาวว่า ตอนอยู่ที่โรงเรียนเอยเป็นยังไง แต่เราตอบไปแล้วว่าเราไม่ค่อยได้เจอเอย เพราะว่าเอยอยู่ห้องบ๊วย” 
    อยากด่ามะนาวนะ แต่เพราะความหน้านิ่งของมะนาว ที่ชัดเจนว่าคงไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าที่พูด ฉันเลยทำไม่ลง 

    “ไม่ตั้งใจเรียนเหรอเรา”
    “พระสวดอยู่เห็นปะ” 
    หมอทำหน้าทะเล้น ทำเป็นพยักหน้ายอมฟังพระสวดแล้วก็อมยิ้มอยู่อย่างนั้น 
    ตอนนี้มะนาวกำลังตั้งใจสวดตามพระเสียงดังฟังชัด ชัดจนคิดว่า หรือเป็นพระนะที่สวดตามมะนาว 

    “มะนาวเล่าอะไรให้พี่หมอฟังบ้างอะ”
    “พระสวดอยู่เห็นปะ” 
    กระสุนปืนลูกเดียวกับที่ใช้ยิงหมอถูกย้อนศรกลับมายิงตัวฉันเอง แล้วหมอก็ไม่ตอบคำถามด้วย ทำเป็นตั้งใจฟังพระสวด รู้หรอกว่าอยากแกล้งฉันเล่น 
    ดอกที่สองแล้วนะของวันนี้ 



    ฉันกับพี่หมอกำลังช่วยยายกับแม่เก็บถ้วยชามที่เอาติดมาจากบ้าน อาหารเหลือบานจนต้องแบ่งคนที่มาทำบุญให้เอากลับ ทีแรกฉันเล็งสาคูของยายไว้ แต่สาคูของยายดันขายดิบขายดี หมดเกลี้ยงเลย 
    “พี่ปั้นคะ เดี๋ยวพวกแพรวจะกลับกันแล้ว พอดีจะลงไปเที่ยวที่ตัวเมือง พี่ปั้นไปด้วยกันไหม” 
    ฉันแอบชำเลืองมองแวบหนึ่ง ก่อนจะทำเป็นก้มหน้าเก็บหม้อเก็บชามต่อ พยาบาลคนนั้นอีกแล้ว คนเดิมเลย 
    พี่หมอวางของที่ทำอยู่ ก่อนจะเดินตามพี่ผู้หญิงคนนั้นออกไปนอกศาลา ที่คิดไว้ว่าวันนี้จะได้อยู่กับพี่หมอ ดูท่าเพื่อนใหม่ของหมอคงลากหมอไปอีกแล้ว 

    พี่หมอวิ่งกลับเข้ามาใหม่อีกรอบ บอกให้ฉันพายายไปนั่งรอที่ใต้ต้นไม้ข้างรถ ส่วนเจ้าตัวก็เข้าไปช่วยแม่ของฉันเก็บของ 
    ฉันยืนพิงรถ แอบมองเพื่อนหมอตอนที่กำลังพายายออกไปด้านนอก กลุ่มคนที่โรงพยาบาลยังยืนคุยกันอยู่ตรงนั้น เดาว่าคงรอหมออยู่ล่ะมั้ง 

    สองมือพี่หมอหิ้วตะกร้าหวายอันใหญ่สองอันกำลังเดินมาทางฉัน ระหว่างทางก็แวะคุยกับคนที่โรงพยาบาล ก่อนจะเดินเอาของมาใส่หลังรถ ฉันที่คันปากมาสักพักแล้วเลยอดไม่ไหว
    “พี่หมอจะไปเที่ยวในตัวเมืองเหรอ”
    คนที่กำลังสาละวนจัดของอยู่หลังรถ หันมาเลิกคิ้วใส่ฉัน พอของบนนั้นเข้าที่แล้ว เจ้าตัวก็หันเต็มตัวมาหา
    “อื้ม พอดีน้องๆเขาชวนน่ะ .. น้องเอยไปด้วยกันไหม”
    ถึงฉันจะแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่หมอคงไม่ไป ซักแค่เปอร์เซ็นต์เดียว แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ถ้าฉันบอกออกไปตรงๆว่าไม่อยากให้พี่หมอไปจะได้ไหมนะ
    ตอนนี้เกือบสิบโมงแล้ว กว่าจะลงไปถึง กว่าจะกลับมาก็มืดพอดี 
    “มีอะไรหรือเปล่า”
    พี่หมอคงเห็นท่าทางของฉันแปลกๆ ถึงได้ถามขึ้น ท่าทางพี่หมอดูกังวล 
    “ไม่ไปได้ไหม..”
    เสียงที่เบาหวิวของฉันเอ่ยออกไป
    “ได้สิ ถ้าน้องเอยไม่อยากไป พี่ไม่บังคับหรอก”
    “หมายถึงว่าพี่หมอ .. ไม่ไปได้ไหม”
    ฉันไม่กล้ามองหน้าพี่หมอตรงๆ เลยก้มมองพื้นไม้ใบหญ้าสลับกับหน้าหมอ พี่หมอหันหน้าหนีไปอีกฝั่ง จากเสี้ยวหน้านั้น .. พี่หมอกำลังยิ้ม 
    ทำไมต้องแอบหันไปยิ้มคนเดียวด้วยล่ะ 
    พี่หมอหันกลับมาหาฉัน ทำเหมือนว่าไม่ได้ยิ้ม แต่หน้ายังทิ้งร่องรอยไว้อยู่เลย เจ้าตัวไม่พูดอะไรสักคำ เดินไปคุยอะไรบางอย่างกับกลุ่มนั้น แล้วก็หายเข้าไปในศาลาอีกรอบ 
    นั่นคงเป็นคำตอบของหมอ กลุ่มที่ยืนกันอยู่ทยอยขึ้นรถกลับกันออกไปแล้ว 
    พี่หมอไม่ไปแล้ว 

    ฉันฉีกยิ้มกว้างแบบไม่เก็บอาการ ไม่สนด้วยว่ายายนั่งอยู่ตรงนี้ ก็คนมันดีใจ จะให้เก็บไว้ทำไมกัน พี่หมอเดินกลับมาอีกรอบ พร้อมไอศกรีมในมือสองแท่ง ยื่นส่งให้ฉันหนึ่งอัน ไม่รู้ไปเอามาจากที่ไหน แล้วเจ้าตัวก็ยืนพิงรถทานไอศกรีมสบายใจเฉิบ

    “แล้วสรุปไม่ไปกับเพื่อนแล้วเหรอ”
    “ก็มีคนไม่อยากให้ไป พี่จะไปได้ยังไง”

    พี่หมอพูดตอบฉัน ตาก็มองไอศกรีมแท่งในมือแล้วก็ยิ้มไปยิ้มมา 
    มันดูช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย เราแค่เคยเจอกันเมื่อสิบห้าปีก่อน หลายครั้งแล้วที่พี่หมอทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองสำคัญสำหรับหมอ แถมหมอยังชอบถามถึงพ่อฉันอยู่เรื่อย 
    แต่ว่าก็ว่านะ หมอทำแบบนี้บ่อยๆ ฉันจะเคยตัวเข้าสักวัน 

    ผลัก 


    “ยาย!” 
    ถาดหมากที่วางอยู่ข้างตัวยายหกลงมา ยายล้มลงนอนนิ่งอยู่ที่พื้น ไอศกรีมที่ถืออยู่ร่วงหล่นจากมือทันที พี่หมอคือคนที่ได้สติก่อน รีบเข้าประชิดตัวยาย เรียกชื่อยายดังลั่นก่อนจะเขย่าที่หัวไหล่ยาย แต่ยายยังคงไม่รู้สึกตัว 
    “น้องเอยประคองยายไว้ พี่จะวิ่งไปตามลุงนะ”
    ฉันมือสั่นไปหมด กอดยายเอาไว้ ร้องเรียกยาย แต่ยายกลับไม่ตอบสนองอะไรเลย 
    อะไรกัน เมื่อเช้ายังวิ่งมาเขกหัวฉันได้อยู่เลย 

    ยาย .. 


    วงแหวนดาวเสาร์.

              Writer Talk : 
              สวัสดีทุกคน เรามาดึกแต่เรามานะ วันนี้รู้สึกอยากหลบชีวิตการทำงานที่วุ่นวายขึ้นมาอยู่บนเขาสักพัก ค่อยลงไปสู้ใหม่ 
              ตอนที่คิดพล็อตนี้ได้ เรานั่งหาโลเกชั่นที่จะใช้เป็นแรงบันดาลใจอยู่นานมาก จนสุดท้ายก็มาลงตัวที่นี่ สารภาพว่ายังไม่เคยไปเห็นกับตาเลยสักครั้ง แต่แค่เห็นจากในภาพ ก็รู้สึกเหมือนน้องเอยกับพี่หมออยู่ในนั้นแล้ว : ) ขออุบไว้ก่อนว่าที่ไหน เอาไว้จะถ่ายของจริงมาฝากนะ : )))
              แอบเห็นเรื่องอื่นเขามีแฮชแทกเอาไว้คุยตามทวิตเตอร์บ้าง ในคอมเม้นบ้าง เราเลยชักอยากมีบ้างแฮะ 5555 ช่วยกันหน่อยสิทุกคนนน เราจะใช้แฮชแทกว่าอะไรดี 555555 
              ไปแล้วดีกว่าดึกแล้ว อย่านอนดึกนะทุกคน รักษาสุขภาพด้วย ฝนตกนะช่วงนี้ ดูแลตัวเองกันดีดี
              ฝันดีน๊าา .. : ) 
              
              

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×