ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แย่แล้ว .. เผลอหลงรักคุณดาวเสาร์ (Yuri) - End

    ลำดับตอนที่ #12 : ละครเรื่องนั้น | Rewrite

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 62





            “ยายอย่าดื้ออีกนะ ถ้ายายดื้ออีกหนูจะจับยายตีก้น”
    นอนซมขนาดนี้ ยายยังมีแรงส่งเสียงขู่ในลำคอออกมาได้อีก นับถือใจเหลือเกิน 

    หลังจากย้ายยายมาที่ห้องพักพิเศษ ยายก็หลับสนิทไปเกือบสองชั่วโมงกว่าจะรู้สึกตัว แต่คงเพราะเพลียมาก ถึงยายรู้สึกตัวแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นนั่งได้ปกติ ก็เลยทำได้แค่นอนกลอกตาไปมา มีบ่นปวดขาเป็นเนืองๆจนฉันต้องลงไปนั่งนวดให้ 
    พี่หมอบอกว่าจะตามมาทีหลัง จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็นโผล่มา 
    บ่นในใจได้ไม่ทันไร สงสัยจิตฉันคงสื่อถึงพี่หมอ นึกถึงปุ๊บ โผล่มาปั๊บ แถมไม่ได้มาคนเดียวด้วยสิ พาคุณหมอผู้ชายมาอีกสองคน 

           หนึ่งในนั้นฉันจำได้ว่าคือคุณหมอที่เข้ามาตรวจยายตอนแรก ส่วนอีกคนนี่ไม่คุ้นเลย 


    ยายเห็นคุณหมอเข้ามาปุ๊บก็ขยับตัวตั้งท่าจะยันตัวเองขึ้นมานั่งทันที เดือดร้อนฉันกับพี่หมอต้องรีบเข้ามาคว้าไว้ 
    “ยังไม่ต้องรีบลุกนะคะยาย ความดันยังไม่คงที่ เดี๋ยวจะเป็นลมไปอีกนะคะ” 
    เสียงทุ้มละมุนก้มลงมาคุยกับยาย เจอไม้นี้เข้าไป ยายถึงได้ยอมล้มตัวลงนอนตามเดิม ฉันเผลอมองพี่หมอแวบหนึ่ง ถ้าหมอทุกคนมองคนไข้ด้วยสายตาแบบนี้ คนไข้ที่ไหนจะกล้าดื้อลงกัน 

    “น้าคะ เคสของคุณยาย คุณหมอเอกจะเป็นคนเข้ามาดูแทนปั้นนะคะ”

    หมอเอกเหรอ 
    อ๋อ หมอที่ไม่อยู่เวร ตอนนั้นพี่หมอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วไหงตอนนี้เดินยิ้มมาด้วยกันได้ 
    หมอเอกที่ว่าเดินเข้ามาใกล้ยาย ใช้เสียงโทนเดียวกับพี่หมอเปี๊ยบ แถมเป็นพ่อหนุ่มหน้าตี๋ผิวขาวเนียน ถ้าขอให้ยายเข้าไปผ่าตัดตอนนี้ ฉันว่ายายคงยินดี 
    “คุณยาย ผมขอโทษด้วยนะครับ ที่ไม่อยู่ตอนคุณยายมา ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ หลังจากนี้ผมจะดูแลคุณยายอย่างดีเลยครับ”
    ยายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บีบมือพ่อหมอหนุ่มไปมา บอกแล้วว่ายายแพ้ลูกอ้อนอะไรแบบนี้ 

    “ทำไมถึงเปลี่ยนหมอเหรอคะ น้าไม่เข้าใจ”
    ถามได้ดีมากแม่ กำลังสงสัยอยู่พอดี 

    “มันเป็นกฎของโรงพยาบาลเราค่ะน้า ไม่อนุญาตให้หมอทำการรักษาคนไข้ที่มีความสัมพันธ์ส่วนตัว อย่างเช่น ญาติ คนรัก เพื่อน อะไรประมาณนี้ค่ะ ทางโรงพยาบาลกลัวเรื่องความไม่เท่าเทียมกันในการรักษาค่ะ”
    “ใช่ครับ หมอเอกจะดูแลเรื่องการผ่าตัด ส่วนผมจะดูเรื่องอาการทั่วไปของคุณยายครับ เราจะช่วยกันประเมินความพร้อมของคุณยายในการผ่าตัดครับ” 
    หมอผู้ชายอีกคนที่ดูท่าทางใจดีอธิบายเสริมขึ้นมา ตอนนี้หมอผู้ชายสองคนกำลังรุมซักประวัติยายกันอยู่ ยายยังไม่มีแรงพูดเท่าไหร่ คำตอบส่วนใหญ่เลยมาจากแม่ 
    พี่หมอขยับออกมายืนอยู่ปลายเตียง มือหนานั้นบีบข้อเท้ายายไปมา 

    “พี่หมอ” 
    ฉันเดินเข้าไปใกล้พี่หมอ กระซิบเบาเบาพอให้ได้ยินกันแค่สองคน เจ้าตัวเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงอนุญาตให้ฉันต่อบทสนทนาได้ 
    “พี่หมอไม่โกรธเขาแล้วเหรอ”
    “โกรธใคร”
    “ก็หมอผู้ชายคนนั้นไง ที่เขาหายไปอ่ะ” 
    “อ๋อออ”
    พี่หมอทำท่าทางเหมือนพยายามกลั้นขำ ฉันยังไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรตลกเลย 

    “หมอเขามีธุระฉุกเฉินจริงๆ พี่คุยกับเขาแล้ว” 
    “ธุระอะไรถึงต้องกลับบ้านพัก อยู่โรงพยาบาลไม่ได้”
    แล้วพี่หมอก็กระซิบมาอธิบายให้ฉันฟัง ความจริงที่ทำเอาฉันหัวเราะพรืดเสียงดังลั่นจนเขาหันมามองกันทั้งห้อง เดือดร้อนพี่หมอต้องช่วยแก้ตัวให้ว่าไม่มีอะไร 
    พี่หมอตีฉันเบาๆที่หัวไหล่ โทษฐานที่ฉันไม่ยอมเก็บอาการ
    เป็นใครจะทนได้เล่า ที่หมอคนนี้ต้องรีบกลับบ้านพักก็เพราะท้องเสียอย่างหนัก หนักขนาดที่ว่า ต้องกลับไปเปลี่ยนกางเกงตัวใหม่ ท่าทางดูสะอาดสะอ้านขนาดนี้ นึกภาพกำลังวิ่งกลับบ้านไปเปลี่ยนกางเกง มันก็เลยกลั้นขำไว้ไม่อยู่ 
    พี่หมอก็ร้ายนะ เอาเรื่องเพื่อนร่วมงานมาเล่าให้คนอื่นฟัง มุมร้ายกาจของพี่หมอเริ่มเผยออกมาทีละนิดแล้ว 

    ตรวจกันอีกสักพัก บรรดาหมอๆก็ขอตัวกลับออกจากห้อง เหลือเพียงแค่ฉัน พี่หมอ แล้วก็แม่ 

    “ลุงจะขึ้นมาเยี่ยมยายไหมม๊า”
    “บ้านลุงเขาไปต่างจังหวัดกัน กว่าจะกลับก็อาทิตย์หน้าเลย ป่านนั้นยายคงไปนอนพักที่บ้านแล้วล่ะ” 

    พี่หมอเดินมานั่งตรงโซฟา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรยุกยิก ฉันกำลังจะตามไปนั่งข้างข้าง แต่ก็ต้องชะงัก อยู่ดีดีแม่ก็ดันร้องเสียงหลงออกมา

    “ตายแล้วน้องเอย ม๊าลืมเลย วันอังคารนี้ม๊าต้องไปประชุมผู้ปกครองโรงเรียนน้องเอย แล้วทางนี้ใครจะดูยายล่ะ” 
    “ลุงก็ไม่อยู่ด้วยอ่ะม๊า”
    “นั่นสิ ม๊าลืมไปสนิทเลย” 
    “ไม่เป็นไรหรอกมั้งม๊า เดี๋ยวหนูบอกอาจารย์ไว้ก็ได้”

    ถึงจะเขินนิดหน่อยที่ต้องไปโรงเรียนคนเดียว แต่จะทำไงได้ล่ะ ก็ครอบครัวฉันมีกันอยู่แค่นี้ 

    “วันไหนนะคะน้า” 
    ฉันหันไปมองหมอ เจ้าตัวเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้ว 

    “วันอังคารนี้จ๊ะ”
    ท่าทางแม่ดูกังวล คงไม่อยากให้ฉันรู้สึกไม่ดี แต่จะให้ทิ้งยายเพื่อไปโรงเรียนกับฉันก็ไม่ได้อีก ยังไงทางนี้ก็ต้องมีคนดูแล 
    “ถ้าอย่างนั้นปั้นช่วยดูคุณยายให้ก็ได้นะคะ ปั้นมาทำงานอยู่แล้ว ปั้นคอยแวะเข้ามาดูให้ก็ได้”
    “อย่าเลยปั้น น้าเกรงใจ ต้องทำงานด้วยแล้วต้องเทียวมาดูยาย อีกอย่างน้าอยากดูยายเองด้วย” 

    ฉันกำลังจะออกปากบอกว่าไม่เป็นอะไร ฉันไปคนเดียวได้ ทุกคนจะได้ไม่ต้องลำบาก แต่แล้วหมอดันเสนอวิธีใหม่ วิธีที่ทำเอาฉันอึ้งไปเลย 

    “งั้นก็ให้ปั้นไปโรงเรียนกับน้องเอยไหมคะ ปั้นน่าจะขอแลกเวรกับหมอเอกได้”
    อะไรนะ หมอจะไปเป็นผู้ปกครองของฉันเหรอ หมอจะได้ไปโรงเรียนฉัน ไปเจออาจารย์ ไปเจอเพื่อนฉันเหรอ ถึงหมอจะรู้แล้วก็เถอะว่าฉันอยู่ห้องบ๊วย แต่ชีวิตในโรงเรียนมันคืออีกด้านของฉัน หมอกำลังจะเข้ามาเห็นโลกอีกใบของฉันเหรอ แล้วฉันจะบอกเพื่อนว่าหมอเป็นใครดี ไม่ไหวหรอกแบบนี้ 


    “น้ารบกวนทีนะปั้น ไปเป็นผู้ปกครองให้น้องเอยที น้าเป็นห่วงยาย แต่ก็ไม่อยากให้น้องเอยไปโรงเรียนคนเดียว”


    เรียบร้อย แม่เห็นดีเห็นงาม แก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว 
    “ได้เลยค่ะ เด็กดื้อแบบนี้ ปั้นจัดการเอง”
    ฉันเบะปากใส่หมอที่กำลังกอดอกยิ้มกว้างกับท่าทางของฉัน รู้จักกับหมอได้ไม่เท่าไหร่ หมอก็เริ่มรุกล้ำชีวิตฉันแล้ว ทีเรื่องของตัวเองนะ ลึกลับซับซ้อนเหลือเกิน อย่าให้รู้บ้างก็แล้วกัน




    แม่นอนเฝ้ายายคืนนี้ ส่วนฉันกับพี่หมอกลับมาพร้อมลุงนะ เราแยกย้ายกันบ้านใครบ้านมัน ไม่รู้หมอทำอะไรอยู่ตอนนี้ แต่ฉันกำลังกดรีโมทเปลี่ยนทีวีไปเรื่อย ปกติถ้ายายอยู่ด้วย โทรทัศน์ดูได้แค่ไม่กี่ช่องหรอก 
    บางครั้งช่วงโฆษณาฉันขอเปลี่ยนช่องยังโดนด่าเลย 

    เมื่อไม่มีอะไรน่าดู ฉันเลยเปลี่ยนมาจ้องจอสี่เหลี่ยมในมือแทน จนป่านนี้เฟซบุ๊กหมอฉันก็ยังไม่ได้ ไม่รู้จะตั้งชื่อให้มันเดายากทำไมกัน 
    เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าในโปรแกรมแชทของเฟซบุ๊ก แม่ส่งข้อความมาบอกว่า ให้รีบนอน ปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย ล้ำสมัยไหมล่ะแม่ฉัน 
    เดี๋ยวนะ 
    แม่มีเฟซบุ๊ก แม่รู้จักหมอมาก่อน เป็นไปได้ไหมว่าแม่อาจจะเป็นเพื่อนกับหมอในเฟซบุ๊ก

          ฉันตื่นเต้นกับเรื่องที่คิดได้จนลนลานลุกขึ้นมานั่ง กอดหมอนแน่นอก รีบเข้าเฟซบุ๊กแม่ ไล่หาชื่อเพื่อนของแม่ทันที 

    โชคดีที่เพื่อนแม่ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ไล่ไปเรื่อยๆ ถ้ามีจริง ยังไงก็ต้องเจอ 

    แล้วฉันก็เจอจริงจริง หัวใจข้างในเต้นตึกตักโครมคราม มือไม้สั่นไปหมด ตอนที่เจอของพี่ตั้มมอหก ยังไม่เห็นตื่นเต้นขนาดนี้เลย 
    หมอใช้รูปโปรไฟล์เดียวกับอีกโปรแกรมหนึ่ง ถือว่าต้องขอบคุณหมอนะ ไม่อย่างนั้น อย่าหวังเลยว่าดูแค่ชื่อแล้วฉันจะหาเจอ 
    Nara Jarupraphat 
    25 พฤษภาคม 1987 
    โสด 


    โสด .. 



          โสด ..


    แล้วฉันจะยิ้มทำไมเล่า ถ้าหมอโสดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ทำไมต้องดีใจด้วย 
    แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ลืมตัวเผลอนั่งจ้องคำว่าโสดอยู่นานกว่าสติจะกลับมา ก่อนจะเลื่อนไปดูข้างล่าง 

    จบแล้ว 
    หมอให้ดูแค่นั้น แม้แต่โพสสักโพสฉันก็ไม่เห็น หมอปิดทุกอย่าง อัลบั้มรูปก็ดูได้แค่โปรไฟล์ นอกนั้นดูอะไรไม่ได้เลย ถ้าจะปิดขนาดนี้ ไม่ต้องเล่นก็ได้นะ ไม่ได้ช่วยอะไรเลย    
    ทางเดียวที่จะได้ดูก็คือต้องเป็นเพื่อนกับหมอเท่านั้น ฉันรีบกลับไปสำรวจเฟซบุ๊กของตัวเองทันที ก็ถ้าฉันดูของหมอได้ หมอก็ต้องดูของฉันได้เหมือนกัน แล้วหมอก็จะได้เห็นความเพ้อเจ้อของฉันแต่ละสเตตัส 
    ยอมไม่ได้เด็ดขาด 
    ฉันไล่ลบความบ้าบอของตัวเองจนแน่ใจว่าทุกอย่างคลีนแล้ว ถึงได้วนกลับไปเฟซบุ๊กหมอใหม่อีกรอบ เอาล่ะสิทีนี้ ถึงเวลาต้องกดจริงๆ ดันไม่กล้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น 
    ฉันแค่กลัว กลัวหมอจะไม่กดรับ ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะทำยังไงดี 
    ป่วยการเปล่าที่มานั่งคิดแทนหมอ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน 
    ฉันกดขอเพิ่มเพื่อนแล้วก็มองออกไปที่บ้านอีกหลังที่ไม่รู้ว่าปิดไฟไปตอนไหน หมอคงนอนแล้ว ภาวนาให้พรุ่งนี้เช้าหมอเห็นแล้วกดรับฉันก็แล้วกัน

    ถึงจะดูได้แค่นั้น แต่ฉันก็ยังไล่ดูรูปโปรไฟล์ของหมอจนครบ มีรูปตอนใส่ชุดนักศึกษาด้วย ดูไม่เปลี่ยนเลย พี่หมอไว้ผมประบ่าแบบนี้มาตั้งแต่ตอนเรียนเลยเหรอ 
    พี่หมอไปปลูกป่ามาด้วย ยืนส่งยิ้มกว้างอยู่ท่ามกลางโคลนเกือบครึ่งแข้ง ชูต้นกล้าในมือยิ้มแฉ่งส่งให้กล้อง 
    กดอ่านคอมเม้นเก่าๆใต้รูปโปรไฟล์แล้วก็นั่งยิ้ม ดูท่าเพื่อนจะรักหมอน่าดู  เห็นโผล่มาแซวทุกรูปเลย 



    ไปปลูกป่าที่ไหนมาคะ วันหลังหนูขอไปด้วยน๊า
    ได้เลย รอบหน้ามาด้วยกันนะ




    วันนี้หนูเจอพี่ปั้นที่คณะด้วย แต่ไม่กล้าไปทัก
    555 พี่น่ากลัวเหรอ วันหลังถ้าเจอก็เข้ามาทักได้เลยนะ



    ว่าแล้วว่าต้องฮอตในหมู่ผู้หญิง แล้วดูตอบคอมเม้นแต่ละอัน 
    ฉันเลิกกดดูทันที สรุปว่าพี่หมอคุยกับทุกคนแบบนี้จริงจริง หมอบอกว่าคบกับแฟนตั้งแต่สมัยเรียน แบบนี้เวลาหมอควงแฟนหนุ่มที สาวสาวไม่ใจสลายกันแย่เหรอ 
    จะรู้ตัวบ้างไหมเนอะ ว่าทำตัวให้ผู้หญิงด้วยกันเขาหวั่นไหว ทั้งที่ตัวเองดันชอบผู้ชาย 





    เช้านี้ฉันต้องติดรถพี่หมอไปโรงพยาบาล เดี๋ยวนี้เขามีรถมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเอง ไม่ง้อฉันแล้ว ฉันลงไปเนียนนั่งกินข้าวต้มในห้องอาหารของนักท่องเที่ยว ก่อนจะออกมานั่งรอหมออยู่ที่ลานด้านนอก 
    เมื่อคืนฉันกดอ่านคอมเม้นทุกอัน ทุกประโยคที่หมอตอบกลับ มันช่างดูใจดี นุ่มละมุนไปหมด ไม่นับที่หมอเม้นตอบเพื่อนนะ ห่ามใช้ได้เหมือนกัน 
    หมอเป็นคนไม่กินข้าวเช้า นานนานจะเข้ามากินกาแฟร้อนที แต่ปกติหมอจะไปชงกินเองที่โรงพยาบาลมากกว่า 

            บางทีฉันก็รู้สึกว่า ฉันสนใจเรื่องหมอเยอะกว่าเรื่องของตัวเองอีก 


    หมอเดินขึ้นมาตามทางชัน ท่าทางดูสดชื่น อารมณ์ดี เสื้อผ้าของหมอก็เดิมเดิม เท่เหมือนเดิม 

    “รอนานไหม” 
    “ไม่นานค่ะ เพิ่งกินข้าวเสร็จพอดี” 
    “ปะ งั้นเราไปกัน” 

    ฉันลุกขึ้นเดินตามหลังหมอไปที่รถ ทุกอย่างช่างดูปกติ ไม่มีอะไรแปลกไปเลย ตอนเช้าฉันลองเปิดเข้าไปดู หมอก็ยังไม่กดรับ หรือว่าหมอจะยังไม่เห็น 


    พี่หมอยื่นหมวกกันน็อคใบเล็กฟ้าพาสเทลส่งให้ฉัน 

    “ไม่ต้องใส่หรอก แค่นี้เอง”
    “ไม่ได้ ถึงขี่ในหมู่บ้านก็ต้องกันไว้ เกิดมีหมาตัดหน้ารถขึ้นมาจะทำยังไง”
    “หมอ” ฉันกดเสียงต่ำ รู้หรอกน่าว่ากำลังแขวะ 

    ฉันรับหมวกมาใส่ตามที่หมอบอก ก็หมอเล่นยื่นค้างไว้อย่างนั้น จะให้ทำไม่เห็นแล้วขึ้นซ้อนเลยได้ยังไงล่ะ 

    “ใส่ได้พอดีไหม”
    “คับนิดหน่อยนะ”
    “หัวโตไง จริงๆมันก็ขนาดคนปกตินะ”
    “หมอ ดอกที่สองแล้วนะ” 

    หมอคึกอะไรแต่เช้า แกล้งฉันอยู่ได้ 
    ฉันขึ้นซ้อนด้านหลัง หมอตัวสูง ฉันเลยมองไม่เห็นวิวอะไรข้างหน้า เห็นแต่แผ่นหลังกับปอยผมของหมอ เจ้าตัวหยิบหมวกกันน็อคอีกอันที่เหมือนกันขึ้นมาใส่บ้าง ก่อนจะได้ฤกษ์สตาร์ทเครื่องสักที 

    “จับแน่นๆนะ”
    ฉันเลือกจับแค่ชายเสื้อพี่หมอ สารภาพว่าเขิน ให้จับมากกว่านี้ไม่ได้จริงจริง 

    “นี่จับแล้วเหรอ”
    “จับแล้วไง เนี่ยๆ” ฉันออกแรงกระตุกชายเสื้อพี่หมอประกอบคำตอบ 
    “หมออ!”
    หมอแกล้งเร่งเครื่องแล้วก็เบรกจนฉันหน้าทิ่ม หัวไปโขกกับแผ่นหลังหมออย่างจัง ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก แต่ใจหายวาบลงไปกองกับพื้น ส่วนอีกคนก็ไม่ยอมขี่ออกไป นั่งตัวงอหัวเราะอยู่นั่น 


    “สนุกมากปะ”
    “พี่เคยเห็นในละคร พระเอกเขาชอบแกล้งนางเอกแบบนี้ พี่ก็สงสัยนะว่ามันสนุกตรงไหน เออ มันสนุกจริงด้วย"
    “สนุกบ้าอะไร ตกใจหมด” 


    พี่หมอยังไม่หยุดหัวเราะ ชอบใจนักใช่ไหม ได้ ถ้าอย่างนั้น ฉันขอเอาคืนบ้าง

    “ไม่เห็นเคยดูเลยละครอะไร ที่หนูเคยดู มีแต่พระเอกช้ำรัก หนีมาเลียแผลใจบนเขา”
    “แล้วพระเอกได้เจอนางเอกบนเขาไหม” 
    เขินทำไม ฉันจะเขินทำไม 
    “มะ ไม่รู้ มัน .. มันยังไม่ถึงตอนจบ” 
    พยายามตอบด้วยน้ำเสียงปกติธรรมดาแล้วนะ แต่มันก็ยังดูตะกุกตะกัก ดูสั่นอยู่ดี ยังดีหน่อยไม่ต้องเห็นหน้าพี่หมอ ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่กล้าพูด 
    “พี่ว่าพี่เริ่มคุ้นๆแล้วนะ เรื่องนี้นางเอกดื้อใช่ไหม แถมขี้น้อยใจด้วย”
    ฉันไม่พูดอะไรต่อแล้ว ไม่รู้พี่หมอจะมาไม้ไหนอีก ตั้งใจแกล้งเขาแท้แท้ ดันโดนย้อนกลับเสียเอง 
    “แต่นางเอกน่ารักนะ สงสัยพระเอกคงไม่อยากกลับไปในเมืองแล้วล่ะ” 

    พี่หมอ ..
    ฉันนั่งหลบยิ้มอยู่หลังพี่หมอ ถึงพี่หมออยากกลับ ฉันก็ไม่ให้กลับแล้วล่ะตอนนี้ 

    “จับดีดีนะ” 
    ฉันค่อยๆวางมือลงตรงเอวพี่หมอ ทำไมมือถึงสั่นขนาดนี้ก็ไม่รู้ หมอเอี้ยวตัวหันมองฉัน ที่ตอนนี้หน้าแดงไปหมดแล้ว 
    หมอไม่พูดอะไร แค่มองหน้าฉันแล้วก็ยิ้ม ท่าทางเหมือนหมออยากพูดอะไรสักอย่าง หรือว่าหมอจะเห็นคำขอเป็นเพื่อนของฉันแล้ว 
    มือของหมอเอื้อมมาจับสายรัดตรงคาง ปรับจนแน่ใจว่าแน่นดีแล้ว ถึงได้หันกลับ ก่อนจะเร่งเครื่องออกไป 


    ฉันมองมือตัวเองที่กำลังจับเอวหมอ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้ฉันรู้สึกได้ขนาดนี้ ถึงฉันจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมพี่หมอถึงได้เอ็นดูฉันนัก แต่ฉันก็ไม่อยากปฏิเสธความรู้สึกตัวเอง
    ที่ผ่านมาฉันสับสน คิดว่ามันก็คงเหมือนเวลามีผู้ใหญ่มาเอ็นดูเรา แล้วเราก็รู้สึกดี ถ้าเป็นแบบนั้น มือฉันคงไม่สั่นเหมือนตอนนี้หรอกใช่ไหม 


    ได้ยินเสียงพี่หมอดังมาตามลม 

    “เก็บหมวกไว้นะ พี่ฝากลุงนะซื้อมา เอาไว้ใส่เวลาซ้อนรถพี่ ห้ามเอาไปซ้อนรถคนอื่นนะ ไม่งั้นเอาคืนจริงๆด้วย”  

    การมอบความรู้สึกดีดีให้ใครสักคนที่เขาสมควรจะได้ ก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอ 


    ถึงสุดท้ายมันคงเป็นไปไม่ได้  .. 



    วงแหวนดาวเสาร์


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×