ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : อดีตของธิดาวรรณ...
"ทำไมปุ้ย...ยังทำใจไม่ได้อีกเหรอ?" หลังจากเพื่อนเงียบไปนานหลายนาที...เจนจิราก็ทนไม่ได้ จึงเอ่ยถามออกมาตรงๆ ถึงธิดาวรรณจะต้องเสียใจ...ก็ดีกว่าที่เธอจะได้รับรู้ความเจ็บปวดของเพื่อนครั้งนี้ เพราะการที่ธิดาวรรณได้ระบายออกมาบ้าง อาจทำให้ความเจ็บปวดลดน้อยลงไป...
"เธอไม่ได้มีเรื่องฝังใจในอดีตอยู่คนเดียวหรอกนะปุ้ย...เธอก็ต้องเข้าใจ ทุกคนก็ผ่านพบ เจอะเจอประสบการณ์และเรื่องราวเลวร้ายกับชีวิตและครอบครัวมาไม่น้อยไปกว่ากัน...แต่แม้ว่าอดีตจะโหดร้ายแค่ไหน ปัจจุบันเราก็ยังต้องเดินก้าวต่อไปไม่ใช่เหรอ ฉัน...ก็เคยเจ็บ ฉัน...เข้าใจดี" เสียงท้ายประโยคหนักแน่นและเข้มแข็ง
แววตาว่างเปล่า...เหม่อมองออกไปข้างหน้า ค่อยๆหันมาสบตากับเจนจิราช้าๆ นัทยาแอบเหลือบสายตามามอง...เพียงวูบเดียวเธอก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดจากแววตาของทั้งสองที่ส่งไปถึงกัน เลยพาลไปนึกถึงภาพในอดีตของตัวเองบ้าง...
"แม่..." นัทยาส่งเสียงพึมพำออกมาเบาๆ แต่ทั้งเจนจิราและธิดาวรรณก็ยังได้ยินเสียงนั้น เรื่องราวในอดีตของแต่ละคน ค่อยๆผุดขึ้นมาในหัว...
เงียบ... ไม่มีใครกล่าวอะไรกับใครอีก แต่ล่ะคนกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองทั้งสิ้น...จนกระทั่ง ธิดาวรรณทำลายความเงียบขึ้นมา...
"พวกเธอรู้ไหม? ว่าวันที่ฉันกำลังจะเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป มันเป็นยังไง...วันสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าแม่ พ่อ นายเจมส์ และพี่เชษฐ์" น้ำเสียงของธิดาวรรณไม่ได้บ่งบอกถึงความเศร้า แต่เป็นเพียงเสียงเบาๆ ที่ไร้ความรู้สึก ราวกับว่า...กำลังพูดกับตัวเองหรือกับสายลมมากกว่าจะเล่าให้คนอีก 2 คนในห้องฟัง...
"วันนั้นวันเกิดฉันแท้ๆ ทั้งๆที่กำลังจะกลับไปเลี้ยงฉลองกับครอบครัว แต่กลับเห็นบ้านตัวเองกำลังถูกไฟไหม้ พ่อนอนจมกองเลือดอยู่หน้าบ้าน โดยมีแม่ซึ่งยังพอจะมีสติอยู่พยายามจะตะเกียกตะกายเข้าไปในบ้าน...เพื่อช่วยนายเจมส์ออกมา ฉันที่พยายามจะช่วยแม่...แต่แม่บอกให้ฉันรีบไปเอาน้องออกมาก่อน ทั้งห่วงน้อง ทั้งห่วงแม่ แต่ฉันสงสารคนที่กำลังจะถูกไฟคลอกมากกว่า...ยิ่งได้ยินเสียงน้องชายร้องออกมาแบบนั้น กับแววตาขอร้องของแม่ ฉันเลยรีบวิ่งไปช่วยน้องออกมาก่อน..."
ธิดาวรรณเงียบเสียงลง แล้วค่อยๆหลับตาลงช้าๆ แผงขนตางอนปิดสนิท ขณะที่เจ้าตัวกำลังนึกย้อนกลับไปยืนยังจุดๆเดิมในอดีตอีกครั้งหนึ่ง...
"ทั้งๆที่ฉันพยายามลากน้องออกมาได้แล้วแท้ๆ แผ่นไม้ฝาแผ่นหนึ่งกลับล้มลงมาพาดกลางระหว่างฉันที่กำลังจะอุ้มนายเจมส์ที่ร้องไห้อย่างขวัญเสียออกมา ยิ่งเห็นฉันเข้าไปช่วยไม่ได้แบบนั้น นายเจมส์ก็ยิ่งร้อง...ตอนนั้นนายเจมส์ถูกขังไว้เรียบร้อย ในกองเพลิง ฉันก้าวเข้าไปไม่ได้เลย...และตอนนั้น ฉันก็กำลังจะโดนย่างสดไปด้วย ถ้าไม่มี ด็อกเตอร์ มาลากฉันออกไปเสียก่อน..."
"แล้ว...ทำไมด็อกเตอร์ ถึงไปเจอพี่ปุ้ยในบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้ได้ล่ะค่ะ" นัทยาถามอย่างสงสัย หลังจากเงียบฟังเรื่องของพี่สาวอยู่นาน...
"นั่นแหละ...ด็อกเตอร์ล่ะ คนที่เจอเรื่องของคนที่กำลังเดือดร้อนแล้วชอบเสี่ยงเข้าไปช่วย ด็อกเตอร์เคยบอกพี่ว่า...เจอใบปลิวตกอยู่ใกล้ๆกับบ้านพี่ เป็นข้อความที่บอกให้รู้ว่า 'ถ้าใครคิดจะลองดีกับพวก วันชัย อย่าคิดว่าจะรอดไปได้' แต่ที่ด็อกเตอร์ลุยไฟเข้าไปช่วยพี่...ไม่ใช่เพราะว่า แค่ใบปลิวพวกนั้นหรอก...เพราะด็อกเตอร์เจอแม่พี่นอนเจ็บอยู่กับลมหายใจสุดท้าย ที่พยายามบอกด็อกเตอร์ว่า...พี่ติดอยู่ข้างในกับน้อง" ธิดาวรรณอดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงบุญคุณของ 'ด็อกเตอร์ วิทยา' ผู้เป็นเจ้านายใหญ่คนปัจจุบัน ที่หล่อนยินดีทำงานด้วยอย่างเต็มใจ และแน่นอน...ด็อกเตอร์วิทยาคนนี้คือผู้อยู่เบื้องหลัง แก๊ง...Drawing และแน่นอนไม่มีทางที่จะลืมบุญคุณมารดาของตน ที่ห่วงใยเธอแม้จวบจนลมหายใจสุดท้าย...
"นั่นสินะ...แม่ซึ่งเป็นผู้ห่วงใยลูกจนลมหายใจสุดท้าย" เจนจิราพูดขึ้น...แน่นอนนั่นทำให้นัทยาถึงกับเงียบ เพราะนี่อาจเป็นส่วนหนึ่งในอดีตของเธอเช่นกัน
"นั่นสินะค่ะ...แม่ทุกคน รักลูก...เป็นห่วงลูกตัวเองทั้งนั้น ยกเว้นนัท" น้ำเสียงเลือนลอยของนัทยาทำให้ธิดาวรรณและเจนจิรารู้ว่า...นัทยาต้องการระบายความรู้สึกออกมาเช่นเดียวกัน...
"เธอไม่ได้มีเรื่องฝังใจในอดีตอยู่คนเดียวหรอกนะปุ้ย...เธอก็ต้องเข้าใจ ทุกคนก็ผ่านพบ เจอะเจอประสบการณ์และเรื่องราวเลวร้ายกับชีวิตและครอบครัวมาไม่น้อยไปกว่ากัน...แต่แม้ว่าอดีตจะโหดร้ายแค่ไหน ปัจจุบันเราก็ยังต้องเดินก้าวต่อไปไม่ใช่เหรอ ฉัน...ก็เคยเจ็บ ฉัน...เข้าใจดี" เสียงท้ายประโยคหนักแน่นและเข้มแข็ง
แววตาว่างเปล่า...เหม่อมองออกไปข้างหน้า ค่อยๆหันมาสบตากับเจนจิราช้าๆ นัทยาแอบเหลือบสายตามามอง...เพียงวูบเดียวเธอก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดจากแววตาของทั้งสองที่ส่งไปถึงกัน เลยพาลไปนึกถึงภาพในอดีตของตัวเองบ้าง...
"แม่..." นัทยาส่งเสียงพึมพำออกมาเบาๆ แต่ทั้งเจนจิราและธิดาวรรณก็ยังได้ยินเสียงนั้น เรื่องราวในอดีตของแต่ละคน ค่อยๆผุดขึ้นมาในหัว...
เงียบ... ไม่มีใครกล่าวอะไรกับใครอีก แต่ล่ะคนกำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองทั้งสิ้น...จนกระทั่ง ธิดาวรรณทำลายความเงียบขึ้นมา...
"พวกเธอรู้ไหม? ว่าวันที่ฉันกำลังจะเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป มันเป็นยังไง...วันสุดท้ายที่ได้เห็นหน้าแม่ พ่อ นายเจมส์ และพี่เชษฐ์" น้ำเสียงของธิดาวรรณไม่ได้บ่งบอกถึงความเศร้า แต่เป็นเพียงเสียงเบาๆ ที่ไร้ความรู้สึก ราวกับว่า...กำลังพูดกับตัวเองหรือกับสายลมมากกว่าจะเล่าให้คนอีก 2 คนในห้องฟัง...
"วันนั้นวันเกิดฉันแท้ๆ ทั้งๆที่กำลังจะกลับไปเลี้ยงฉลองกับครอบครัว แต่กลับเห็นบ้านตัวเองกำลังถูกไฟไหม้ พ่อนอนจมกองเลือดอยู่หน้าบ้าน โดยมีแม่ซึ่งยังพอจะมีสติอยู่พยายามจะตะเกียกตะกายเข้าไปในบ้าน...เพื่อช่วยนายเจมส์ออกมา ฉันที่พยายามจะช่วยแม่...แต่แม่บอกให้ฉันรีบไปเอาน้องออกมาก่อน ทั้งห่วงน้อง ทั้งห่วงแม่ แต่ฉันสงสารคนที่กำลังจะถูกไฟคลอกมากกว่า...ยิ่งได้ยินเสียงน้องชายร้องออกมาแบบนั้น กับแววตาขอร้องของแม่ ฉันเลยรีบวิ่งไปช่วยน้องออกมาก่อน..."
ธิดาวรรณเงียบเสียงลง แล้วค่อยๆหลับตาลงช้าๆ แผงขนตางอนปิดสนิท ขณะที่เจ้าตัวกำลังนึกย้อนกลับไปยืนยังจุดๆเดิมในอดีตอีกครั้งหนึ่ง...
"ทั้งๆที่ฉันพยายามลากน้องออกมาได้แล้วแท้ๆ แผ่นไม้ฝาแผ่นหนึ่งกลับล้มลงมาพาดกลางระหว่างฉันที่กำลังจะอุ้มนายเจมส์ที่ร้องไห้อย่างขวัญเสียออกมา ยิ่งเห็นฉันเข้าไปช่วยไม่ได้แบบนั้น นายเจมส์ก็ยิ่งร้อง...ตอนนั้นนายเจมส์ถูกขังไว้เรียบร้อย ในกองเพลิง ฉันก้าวเข้าไปไม่ได้เลย...และตอนนั้น ฉันก็กำลังจะโดนย่างสดไปด้วย ถ้าไม่มี ด็อกเตอร์ มาลากฉันออกไปเสียก่อน..."
"แล้ว...ทำไมด็อกเตอร์ ถึงไปเจอพี่ปุ้ยในบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้ได้ล่ะค่ะ" นัทยาถามอย่างสงสัย หลังจากเงียบฟังเรื่องของพี่สาวอยู่นาน...
"นั่นแหละ...ด็อกเตอร์ล่ะ คนที่เจอเรื่องของคนที่กำลังเดือดร้อนแล้วชอบเสี่ยงเข้าไปช่วย ด็อกเตอร์เคยบอกพี่ว่า...เจอใบปลิวตกอยู่ใกล้ๆกับบ้านพี่ เป็นข้อความที่บอกให้รู้ว่า 'ถ้าใครคิดจะลองดีกับพวก วันชัย อย่าคิดว่าจะรอดไปได้' แต่ที่ด็อกเตอร์ลุยไฟเข้าไปช่วยพี่...ไม่ใช่เพราะว่า แค่ใบปลิวพวกนั้นหรอก...เพราะด็อกเตอร์เจอแม่พี่นอนเจ็บอยู่กับลมหายใจสุดท้าย ที่พยายามบอกด็อกเตอร์ว่า...พี่ติดอยู่ข้างในกับน้อง" ธิดาวรรณอดยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงบุญคุณของ 'ด็อกเตอร์ วิทยา' ผู้เป็นเจ้านายใหญ่คนปัจจุบัน ที่หล่อนยินดีทำงานด้วยอย่างเต็มใจ และแน่นอน...ด็อกเตอร์วิทยาคนนี้คือผู้อยู่เบื้องหลัง แก๊ง...Drawing และแน่นอนไม่มีทางที่จะลืมบุญคุณมารดาของตน ที่ห่วงใยเธอแม้จวบจนลมหายใจสุดท้าย...
"นั่นสินะ...แม่ซึ่งเป็นผู้ห่วงใยลูกจนลมหายใจสุดท้าย" เจนจิราพูดขึ้น...แน่นอนนั่นทำให้นัทยาถึงกับเงียบ เพราะนี่อาจเป็นส่วนหนึ่งในอดีตของเธอเช่นกัน
"นั่นสินะค่ะ...แม่ทุกคน รักลูก...เป็นห่วงลูกตัวเองทั้งนั้น ยกเว้นนัท" น้ำเสียงเลือนลอยของนัทยาทำให้ธิดาวรรณและเจนจิรารู้ว่า...นัทยาต้องการระบายความรู้สึกออกมาเช่นเดียวกัน...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น