ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My little boy | ปูนปั้นน้อยของเฮีย

    ลำดับตอนที่ #7 : 6 (ลงผิดแก้ไขแล้ว)

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 67


    เทียนนั่งมองโรงศพของปู่เขาทุกวันตั้งแต่ที่ศพมาถึงประเทศไทยจนพรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะได้อยู่กับปู่เป็นวันสุดท้าย ยิ่งมองเรื่องราวความทรงจำในอดีตของเขากับปู่ก็ยิ่งผุดขึ้นมาในหัวเขา 

    "ทำไมปู่ถึงทิ้งไปผมแบบนี้ล่ะครับ...ไหนปู่บอกว่าจะกลับมาฟังคำตอบจากผมไม่ใช่เหรอ" เทียนพูดออกมาทั้งน้ำตา ตอนนี้ทุกคนกลับไปพักหมดแล้วเหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยังนั่งอยู่เป็นเพื่อนปู่ตรงนี้

    "พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องแยกจากกันแล้ว ฮึก~งั้นผมขอตอบคำถามปู่ตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ...ฮือ...ผมทำไม่ได้ครับปู่...ฮึก...ฮือ...ผมทำไม่ได้ ผมแต่งงานกับผู้หญิงไม่ได้ครับ...ฮื้อ...ฮือ...ผมขอโทษ ผมทำให้ปู่ผิดหวังอีกแล้ว...ฮื้อ...ฮือ...ฮือ...ฮื้อ...ฮึก...ฮือ" เทียนนั่งร้องไห้จนตัวโยนด้วยความเสียใจ เขารู้สึกผิดมากที่ไม่สามารถทำตามความต้องการของปู่ได้แถมการที่ปู่จะจากไปเขายังได้ติดค้างคำตอบของปู่อีก

    เวกัสเดินเข้ามาดูเทียนที่นั่งร้องไห้ปานคนจะขาดใจ เขารู้ว่าเทียนกับคุณซ่งรักและสนิทกันมากแค่ไหนและก็รู้ว่าคงไม่มีคำปลอบโยนใดที่จะทำให้หัวใจของเทียนรู้สึกดีขึ้น เวกัสเดินเข้าไปแล้วย่อตัวนั่งลงข้างๆ เทียน เขาใช้มือทั้งสองข้างโอบไหล่ของเทียนไว้แล้วลูบเบาๆ

    "คุณเทียนไปพักผ่อนเถอะนะครับ ทำแบบนี้ร่างกายจะไม่ไหวเอานะ" เวกัสพูด

    "ฮือ...ฮื้อ...ฮือ...ฮึก~" เทียนยังคงเอาแต่ร้องไห้อยู่แบบนั้น เวกัสไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีตอนนี้เขารู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของเทียนมากๆ เพราะตั้งแต่วันแรกที่ศพของคุณซ่งมาถึงเทียนก็เอาแต่นั่งเฝ้าโรงศพของคุณซ่งแบบนี้ทุกวันไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรและนอกจากดื่มน้ำแล้วเขาก็ไม่ยอมทานอะไรเลยขนาดคุณหญิงทั้งสองของบ้านสั่งให้เขาไปพักผ่อนเขาก็ยังไม่เป็นผม

    "เดี๋ยวผมพาไปพักนะ" เวกัสพูดแล้วประคองเทียนขึ้นมาช้าๆ จากนั้นก็พาเทียนกลับไป 

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    หลังจากผ่านพ้นเรื่องงานศพของคุณซ่งทุกคนก็ได้มารวมตัวกับที่บ้านใหญ่ตามคำสั่งของคุณผู้หญิงทั้งสองพร้อมกับทนายประจำตระกูล

    "ในเมื่อมากันครบแล้วก็ประกาศเถอะค่ะคุณทนาย" คุณหญิงหยาดทิพย์พูด

    "ครับ" ทนายตอบแล้วยืนขึ้น

    "กระผมนายเจษฎา บริพัตรทนายส่วนตัวของคุณซ่ง วัฒนา สิริยากร วันนี้ขอประกาศถึงเนื้อความตามพินัยกรรมที่คุณซ่งได้กระทำไว้ตั้งแต่ก่อนเสียชีวิต" ทนายพูดแล้วไล่มองหน้าลูกหลานของคนในตระกูลก่อนจะก้้มหน้าลงไปอ่านอีกครั้ง

    "ข้าพเจ้านายวัฒนา สิริยากรได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี 2565 โดยมีคุณเจษฎา บริพัตรทนายส่วนตัวและวิสุทธิ์ วงศ์ศาลเป็นพยาน ข้าพเจ้าขอมอบบ้านหลังนี้ให้กับคุณหญิงหยาดทิพย์ สิริยากรและคุณโฉม พรนภา สิริยากร ภรรยาทั้งสองอองข้าพเจ้ารวมถึงเงินสดอีกคนละ 200 ล้านบาท

    ​​​​​​2.ข้าพเจ้าขอยกกิจการโรงแรมทั้งหมด 12 แห่งทั้งในและต่างประเทศให้กับนายธำรง สิริยากร ลูกชายคนโตของ้าพเจ้าพร้อมด้วยเงินสดจำนวน 100 ล้านบาท

    3.ข้าพเจ้าขอยกที่ดินที่ภูเก็ตพร้อ​มบ้านพักส่วนตัวของตระกูลให้กับนางสาวเขมมิกา สิริยากรลูกสาวของข้าพเจ้าพร้อมด้วยเงินสดจำนวน 100 ล้านบาท

    4.ข้าพเจ้าขอยกอพาร์ตเมนต์ SKJ ที่สมุทรปราการและนนทบุรีให้กับนายเอกราช สิริยากรลูกชายคนเล็กของข้าพเจ้าพร้อมด้วยเงินสดจำนวน 100 ล้านบาท

    5.ข้าพเจ้าขอสงวนสิทธิ์ผู้ดูแลกิจการทุกอย่างให้แก่ผู้นำตระกูลคนต่อไปเป็นคนจัดสรรแต่เพียงผู้เดียว" 

    ทนายพูดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองทุกคนที่ดูกำลังแตกตื่นตกใจกันไม่น้อยจนไม่มีสมาธิสนใจสิ่งที่เขากำลังพูดอยู่เลย

    "แบบนี้หมายความว่าไงอ่ะ" มุกดาหัรไปพูดกับสามีตัวเอง

    "อย่าบอกนะว่าจะมีการจัดสรรคนดูแลกิจการใหม่น่ะแล้วที่พวกเราทำกันมาจะทำยังไง" เอกถามทนาย

    "ผมไม่ทราบครับว่าผู้นำคนใหม่จะจัดสรรคนยังไง พวกคุณอาจได้ดูแลกิจการเดิมหรือไม่ก็หมุนเวียนไปดูแลกิจการอื่นของตระกูล...หรือไม่แน่ก็อาจจะไม่ได้ดูแลกิจการไหนเลยซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ความต้องการของผู้นำคนใหม่เท่านั้น" ทนายตอบ

    "แบบนี้ก็ไม่แฟร์น่ะสิ พวกเราดูแลโรงสีกันมาเป็นสิบๆ ปีอยู่ดีๆ จะมาให้คนอื่นเอาไปทำต่อง่ายๆ ได้ยังไงถ้าจะให้เราไปดูแลงานอื่นพวกเราก็ทำไม่เป็นเหมือนกันนั่นแหละ" มุกดาลุกขึ้นถามด้วยความโมโห

    "เงียบแล้วนั่งลงเดี๋ยวนี้เลยยัยมุกดา" คุณโฉมพูด

    "แม่~" 

    "นั่งลง!" เมื่อเห็นลูกสาวทำตัวดื้อด้านคุณโฉมก็ใช้เสียงที่จริงจังขึ้นจนมุกดาต้องยอมนั่งลงแต่โดยดี

    "ต่อเลยค่ะคุณทนาย" คุณโฉมหันไปบอกทนายเจษฎา

    "ครับ...ข้าพเจ้าขอยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับ..."  ทุกคนต่างลุ้นระทึกกับคำตอบขอทนายมากเพราะตอนนี้ชะตากรรมของทุกคนกำลัังขึ้นอยู่กับผู้นำตระกูลคนใหม่ของตระกูลแล้ว

    "นายเทียน เมธัส สิริยากร" จบคำของทนายร่างกายของเทียนก็รู้สึกชาขึ้นมาทันที ครอบครัวของเทียนหันมายินดีกับเขาทุกคนแต่เขากลับไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย

    "ไม่จริง! ลูกๆ ยังมีชีวิตอยู่ทุกคนพ่อจะมายกตำแหน่งผู้นำให้ไอ้เทียนได้ไง" เอกลุกขึ้นโวยวายด้วยความไม่พอใจ

    "แต่ผมก็อ่านทุกอย่างตามพินัยกรรมนะครับ" ทนายตอบ

    "มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ไอ้เทียนมันเป็นหลานประสบการณ์อะไรก็ไม่มีแล้วจะให้ขึ้นมาบริหารทุกอย่างได้ยังไง" เอกพูด

    "ใช่ อย่างน้อยตรงนี้คนที่เป็นไปได้มากที่สุดก็ต้องเป็นพี่หล่งสิ คุณพ่อไม่มีทางข้ามหัวลูกๆ อย่างเราหรอก" มุกดาพูด

    "ฉันเคยบอกคุณพ่อไปแล้วว่าไม่เคยต้องการตำแหน่งผู้นำตระกูล คุณพ่อเห็นสมควรให้ใครก็สามารถเลือกได้ตามต้องการได้เลย" หล่งตอบ

    "แต่มันก็ต้องไม่ใช่ไอ้เทียนป่ะพี่" เอกพูด

    "แล้วเทียนมันทำไม" หล่งถาม

    "ก็เทียนมันไม่ได้ชอบผู้หญิงยังไงล่ะแล้วแบบนี้จะมีทายาทสืบสกุลให้พวกเราได้ยังไง" เหมยหลินลุกขึ้นแล้วตอบหล่งด้วยสีหน้าเหยียดเทียนอยู่พอสมควร

    "ผมเคยคุยกับคุณปู่เรื่องนี้แล้วครับว่ายังไงก็คงไม่มีทางแต่งงานกับผู้หญิงแต่คุณปู่ก็ยังมอบตำแหน่งนี้ให้ผม ผมว่ามันน่าจะตอบคำถามอาเหมยได้นะครับว่าต่อให้ผมชอบผู้ชายคุณปู่ก็ยังเลือกผมอยู่ดี" เทียนพูด 

    "แต่แกไม่เคยเรียนรู้งานของที่บ้านเลยแล้วจะเข้าใจมันได้ยังไง" มุกดาพูด

    "ของพวกนี้มันเรียนรู้ไม่ยากหรอกครับ...แล้วก็เหมือนอามุกดาจะลืมนะว่าคุณปู่สอนงานทุกอย่างผมมาตั้งแต่ผมเด็กๆ เพียงแค่ช่วง 4-5 ปีมานี้ผมไม่ได้มีเวลามาสนใจตรงนี้เฉยๆ ก็เท่านั้นเอง" เทียนตอบ

    "แล้วแกรู้ไหมล่ะว่า 4-5 ปีมานี้กิจการของที่บ้านมันเป็นยังไงบ้าง ฉันใช้เวลาเป็นสิบๆ ปีดูแลแก้ไขปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่โรงสีอยู่ๆ จะให้เด็กอย่างแกมาทำต่อแกคิดว่าฉันจะวางใจได้เหรอ" มุกดาพูด

    "ผมยังไม่เคยบอกเลยนะครับว่าจะย้ายทุกคนไปดูแลกิจการอื่น ทำถึงต้องตกใจกันขนาดนั้นหรือว่ากิจการที่ทุกคนดูแลอยู่มันมีความลับอะไรอยู่กันแน่" เทียนถามหยั่งเชิงพวกอาของเขาและดูทุกคนจะมีพิรุธอยู่ไม่น้อยเพราะสีหน้าของพวกเขาต่างเลิ่กลั่กกันไปหมด

    "เวกัส เจสัน" เทียนเอ่ยเรียกคนของบ้านตัวเองให้เข้ามาหาทันที

    "ครับ" ทั้งสองรีบเข้ามาหาเทียนแล้วตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น 

    "ส่งคนของเราไปที่กิจการทุกอย่างของตระกูลแล้วนำบัญชีรายรับรายจ่ายและเอกสารสำคัญมาให้หมด...ผมจะตรวจสอบเอง" เทียนพูด

    "ครับ" เวกัสและเจสันตอบรับแล้วออกไปทำงานของตัวเองทันที

    "ตาเทียน! นี่แกกล้าทำเรื่องข้ามหัวพวกฉันขนาดนี้เลยเหรอ" มุกดาถามด้วยความโกรธที่จู่ๆ เทียนก็คิดจะตรวจสอบงานของเธอทั้งที่ยังไม่ไม่ได้ขออนุญาตจากเธอก่อนเลย

    "ผมก็แค่อยากรู้งานของที่บ้านทั้งหมดเฉยๆ ในฐานะผู้นำตระกูลคนใหม่...ไม่ได้เหรอครับอามุกดา" เทียนตอบด้วยสีหน้ายียวนจนมุกดาแทบอยากจะเดินเข้ามาตบหน้าหลานชายสักฉาก

    "อยากจะตรวจสอบจริงๆ น่ะมันก็ได้อยู่แต่ก็ควรจะขออนุญาตพวกอาก่อนไหมยังไงซะตอนนี้พวกอาก็ดูแลกิจการตรงนั้นอยู่" เหมยหลินพูด

    "ตอนนี้ผมเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่อยากจะตรวจสอบกิจการในการดูแลของตัวเองยังจำเป็นต้องขออนุญาตจากใครด้วยเหรอครับ" เทียนถาม

    "ฮึ~ก็ตามมารยาทน่ะจ๊ะ" เหมยหลินตอบ

    "งั้นถ้าว่ากันตามมารยาทจริงๆ ผมว่าผมน่าจะต้องถามอาเอกกับอาเหมยหลินหน่อยนะครับว่าตอนนี้เมฆอยู่ที่ไหน...คุณปู่ตายทั้งทีทำไมหลายชายคนเล็กขอวตระกูลถึงไม่มาร่วมงานศพเลย" เทียนถาม เอกและเหมยหลินทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจว่าเทียนจะสื่ออะไร

    "ตาเมฆก็ช่วยงานตาสายฟ้าอยู่ที่ฮ่องกงไง" เหมยหลินตอบ

    "งั้นเหรอครับ" เทียนถาม ตอนนี้ทุกคนในห้องล้วนต่างสงสัยกันหมดว่าเทียนเป็นอะไรทำไมอยู่ดีๆ ถึงเจาะจงไปที่เมฆ

    "ใช่ งานมันเยอะจาเมฆจะมาไม่ได้ก็ไม่เห็นแปลกอีกอย่างต่อให้ตาเมฆไม่มาพวกเราก็จัดงานศพกันเองได้ไม่ใช่หรอ" เอกตอบ

    "ถ้างานยุ่งจริงๆ งั้นทำไมสายฟ้าที่เป็นคนคุมงานถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ได้แต่เมฆที่เป็นแค่เด็กคนนึงที่ตามพี่ชายไปทำงานถึงมาไม่ได้ล่ะครับ" เทียนถาม 

    "นี่แกจะพูดอะไรกันแน่" เอกถามแล้วจ้องตาเทียนเอาไว้ตลอดเหมือนพยายามข่มเขา

    "ก็ก่อนที่คุณปู่จะไปฮ่องกง คุณปู่ได้บอกผมว่าจับหนอนบ่อนไส้ที่แอบลักลอบเอาข้อมูลของพวกเราไปบอกคู่แข่งได้แล้ว...ซึ่งคนๆ นั้นก็คือเมฆ ลูกชายของอาเอกกับอาเหมยหลินไงครับ" เทียนตอบ ทุกคนพอได้ฟังก็ตกใจอย่างมากยกเว้นคุณผู้หญิงทั้งสองคนที่รู้อยู่แล้ว เอกไม่พอใจที่เทียนว่าลูกชายของตัวเองจึงยกมือขึ้นมาแล้บตบไปที่หน้าของเทียนอย่างแรง

    "แกอย่ามาใส่ความลูกชายฉันนะ" เอกพูด หล่งและดารินรีบเข้ามาดูลูกชายทันทีด้วยความเป็นห่วง

    "ไอ้เอก! มึงกล้าตบลูกกูเหรอ" หล่งชี้หน้าน้องชายด้วยความโกรธหมายจะเข้าไปซัดให้รู้แล้วรู้รอดแต่ธูปก็รีบเข้ามากอดรั้งพ่อของตัวเองไว้ก่อน ด้านของเอกก็มีนพและสายฟ้าคอยดึงเอาไว้เหมือนกัน

    "พอสักที!" คุณโฉมพูดขึ้นหลังจากเหตุุการณ์ในบ้านเริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

    "วิสุทธิ์ไปส่งคุณทนายที" คุณโฉมหันไปพูดกับวิสุทธิ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ

    "ครับคุณโฉม" วิสุทธิ์เดินไปหาทนายแล้วเชิญออกไปที่รถเพื่อที่จะให้คนไปส่งเขาถึงที่

    "มีแขกอยู่ในบ้านก็ยังกล้าลงมือกันอีก น่าขายหน้าจริงๆ" คุณหญิงหยาดทิพย์พูด

    "แม่ใหญ่ค่ะ คุณแม่ ตาเมฆไม่มีทางทำแบบนั้นแน่ๆ คุณแม่อย่าไปเชื่อไอ้เทียนมันนะคะ" เหมยหลินรีบคุกเข่าต่อหน้าคุณผู้หญิงทั้งสองอ้อนวอนขอร้องความเห็นใจ

    "ฉันก็หวังว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น" คุณหญิงหยาดทิพย์ตอบ

    "แต่ถ้ามันเป็นคนชักศึกเข้าบ้านต่อให้มันจะเป็นหลานชายของฉัน ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยมันไปเด็ดขาด" คุณโฉมพูด

    "คุณแม่ค่ะได้โปรดเห็นแก่ความสัมพันธ์ในครอบครัวไว้ชีวิตตาเมฆ รอเขากลับมาอธิบายทุกอย่างเองเถอะนะคะ...ฮึก...ฉันเชื่อนะคะว่าตาเมฆจะไม่มีวันทรยศตระกูลของเราเด็ดขาด...ฮึก...นะคะคุณแม่ นะคะแม่ใหญ่" เหมยหลินพูดไปร้องไห้ไปเธอกลัวว่าเทียนจะไม่ให้โอกาสลูกชายของตัวเองจึงพยายามพูดโน้มน้าวใจขอแม่ๆ ทั้งสอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×