ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My little boy | ปูนปั้นน้อยของเฮีย

    ลำดับตอนที่ #6 : 5

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 67


    ตอนนี้ภายในห้องรับรองบ้านใหญ่พวกบรรดาลูกหลานก็ต่างพากันมารวมตัวด้วยกันเต็มไปหมด มีทั้งคนร้องไห้ คนโวยวายเสียงดังเอ็ดตะโรไปหมดจนกระทั่งครอบครัวของเทียนเดินเข้ามา ทุกคนก็เงียบและหันมาสนใจพวกเขาทั้งที

    "พี่หล่ง นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะพี่" เอกรีบเดินเข้าถามด้วยความสงสัย

    "นั่นสิพี่ มีคนบอกว่าพ่อตายแล้วมันไม่จริงใช่ไหมพี่" มุกดาเข้ามาเขย่าตัวพี่ชายอย่างคนขาดสติจนเจสันต้องเข้ามาช่วยประคองมุกดาให้ถอยออก

    "ปล่อยนะ! ฉันคุยกับพี่ชายอยู่แกไม่เห็นหรือไง" มุกดาหันไปตวาดเจสันแล้วพลักเขาออกทันที

    "พี่หล่ง...ฮือ...พ่อยังไม่ตายใช่ไหมพี่...อึก...บอกฉันสิว่าบอดี้การ์ดพวกนี้มันรับสารมาผิดอ่ะ...ฮื้อ...ฮือ...พี่หล่ง" มุกดาพยายามเต้นเอาคำตอบจากพี่ชายทั้งที่ในใจเธอก็รู้ดีว่าคนของบ้านใหญ่ไม่มีทางเผยแผ่ข่าวสารที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน

    "นพ" คุณหล่งหันไปหาน้องเขยที่นั่งปลอบใจลูกสาวอยู่แล้วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงดุดัน

    "ครับ" นพลุกขึ้นแล้วตอบทันที

    "มาพาเมียแกไปนั่งทีไป" คุณหล่งพูด

    "ครับ" นพตอบแล้วรีบเข้ามาพยุงมุกดาไปนั่งพักอยู่ข้างๆ ลูกสาว จากนั้นครอบครองของคุณหล่งก็เดินไปนั่งประจำที่เพื่อรอผู้นำหญิงทั้งสองออกมาพูดคุยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เจสันกับเวกัสก็เดิินอ้อมไปยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายด้วยเช่นกัน

    รอไม่นานคุณหญิงหยาดทิพย์และคุณโฉมก็เดินลงมาแล้วนั่งลงประจำที่ของตัวเอง แม้จะไม่มีสีหน้าที่ดูเศร้าเสียใจแต่แววตาของคุณผู้หญิงทั้งสองกลับแดงก่ำและบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด

    "จากที่พวกเราได้รับข่าวมาว่าคุณท่านเสียชีวิตแล้วที่ฮ่องกง...หลังจากตรวจสิบข้อเท็จจริงแล้ว...ฮึก...ปรากฏว่าเป็นความจริง" สิ้นสุดคำพูดของคุณโฉมลูกหลานทุกคนก็แสดงออกถึงความเสียใจอย่างเห็นได้ชัดแม้แต่ลูกเขยลูกสะใภ้เองก็ยังเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้ด้วยเพราะถึงแม้ตระกูลนี้จะมีกฎที่เข้มงวดและน่ากลัวอยู่บ้างแต่คุณซ่งผู้นำตระกูลกับเป็นคนที่มีจิตใจเมตตากรุณาต่อลูกหลานทุกคนมากจึงทำให้ทุกคนต่างก็รักเขา

    "ย่ารองครับ...ย่ารองทราบเหตุผลที่คุณปู่จากไปไหมครับ" เทียนลุกถึงถามด้วยความไม่เข้าใจเพราะเมื่อคืนก่อนไปคุณปู่ของเขายังปกติดีอยู่เลย

    "เรื่องนี้คงต้องรอให้วิสุทธิ์กลับมาอธิบายเอง" คุณโฉมตอบ

    "แต่เมื่อคืนนี้ก่อนที่คุณปู่จะไปฮ่องกง คุณปู่ยังดีๆ อยู่เลยนะครับย่ารอง" เทียนพูด 

    "ทำไมแกถึงรู้ว่าคุณพ่อจะไปฮ่องกง พวกฉันไม่เห็นมีใครรู้เลยว่าคุณพ่อจะออกจากบ้าน" เอกถาม

    "ใช่ แล้วกำหนดกลับไทยของแกมันตั้งอีกอาทิตย์นึงไม่ใช่เหรอทำไมอยู่ดีๆ ถึงกลับมากระทันหันล่ะ" มุกดาถาม

    "พูดแบบนี้หมายความว่าไง" หล่งถามน้องทั้งสองคนด้วยความไม่พอใจที่ทั้งคู่พูดเหมือว่าลูกชายของเขารู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องการจากไปของพ่อตัวเอง

    "ผมก็แค่สงสัย ก็ในเมื่อพวกเราอยู่ที่ไทยยังไม่รู้เลยว่าคุณพ่อจะไปฮ่องกงแต่ไอ้เทียนมันผู้ไกลถึงญี่ปุ่นทำไมถึงรู้แล้วกลับมาได้อย่างเหมาะเจาะขนาดนี้" เอกตอบ

    "แกพูดใหม่สิ!" หล่งลุกขึ้นชี้หน้าน้อฝชายด้วยความโกรธจนดารินต้องรีบห้ามเอาไว้

    "คุณค่ะ" ดารินพูดแล้วพยายามดึงสามีให้นั่งลงสงบสติอารมณ์ก่อน

    เพล้ง!!

    "หยุดนะ!" คุณโฉมตะโกนห้ามแล้วขว้างแก้วน้ำชาลงมาจนแตกกระเด็นอยู่กลางห้อง

    "มันใช่เวลาจะมาทะเลากันไหม อายุขนาดนี้แล้วหัดมีความเกรงใจกันบ้าง แม่ใหญ่ก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้นะ" คุณโฉมพูดออกมาเสียงดังจนทุกคนค่อยๆ หยุดนิ่ง

    "นั่งลงก่อนเถอะค่ะคุณ" ดารินกระซิบบอกสามีเบาแล้วดึงแขนลูกชายให้นั่งลงด้วย

    "ขอโทษครับแม่รอง" หล่งพูดแล้วนั่งลงที่เดิม

    "ขอโทษครับคุณแม่" เอกพูดแล้วก็หันไปมองหน้าพี่ชายด้วยความไม่พอใจที่ทำให้เขาถูกตำหนิต่อหน้าทุกคน หล่งเองก็จ้องกลับไปที่เอกเช่นกันเพื่อให้เขารู้ว่าตัวเขาเองไม่ได้กลัวน้องชายคนนี้เลยด้วยซ้ำ

    "เรื่องเมื่อคืนที่ตาเทียนมันรู้ว่าคุณท่านจะไปฮ่องกงก็เพราะว่าคุณท่านเป็นคนเรียกตาเทียนมาคุยเอง ส่วนเรื่องที่ทำไมถึงกลับมาตรงกับวันที่คุณท่านจะไปฮ่องกงมันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญเฉยๆ" คุณโฉมพูดแทนเทียนเลยทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่กล้าเอ่ยถามอะไรเขาอีก

    "เอาล่ะ เมื่อเข้าใจตรงกันแล้วก็ดีเพราะที่เรียกทุกคนมาในวันนี้ก็เพื่อบอกว่าถึงแม้คุณท่านจะจากปแล้วแต่พวกเราอยากจะให้ทุกคนตั้งใจและรับผิดชอบงานของตัวเองเหมือนเดิมจนกว่าจะมีการเปิดพินัยกรรม" คุณหญิงหยาดทิพย์พูดขึ้นหลังจากเงียบมาตลอด

    "ครับ/ค่ะ" ทุกคนตอบรับทันที

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    ร้าน Happy Time

    "วันนี้ที่เรียกทุกคนมารวมตัวกันก็เพื่อจะพูดคุยปัญหาเรื่องเมื่อวานนิดหน่อย...ไหนมีใครอยากจะแจ้งอะไรผมไหมครับ" ปูนปั้นถาม พนักงานหันหน้ามองกันแล้วซุบซิบใหญ่แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมาสักคน

    "มีไหมครับ" ปูนปั้นถามย้ำแล้วกวาดสายตามองไปทั่วๆ 

    "มีค่ะ" เมย์ยกมือขึ้นแล้วตอบเสียงดัง

    "ว่าไงครับ" ปูนปั้นถาม

    "พี่อยากทราบว่าคุณเอมม่าจะกลับมาทำงานที่ร้านได้เมื่อไหร่คะ" เมย์พูด

    "ทำไมเหรอครับ" ปูนปั้นถาม เขารู้อยู่ว่าเมย์ไม่ค่อยพอใจกับการทำงานของเขาเพราะเธอแสดงออกอย่างชัดเจน

    "พี่ไม่อยากจะพูดตรงนะคะเพราะพี่รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์พูดอะไรได้มากแต่ว่าช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ร้านของเรามีปัญหาหนักมากทำให้พนักงานต้องทำงานเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว น้องปูนปั้นเองก็ไม่มีประสบการณ์ด้านการบริหารงานมาก่อนพี่เลยคิดว่าน่าจะให้คุณเอมม่ากลับมาบริหารร้านน่าจะเหมาะสมกว่า" คำพูดของเมย์ฟังดูแรงมากแต่ก็จริงเพราะพนักงานหลายคนก็ดูจะเห็นด้วยมากๆ 

    "เป็นพนักงานก็ควรตั้งใจทำงานไม่ใช่มายุ่งเรื่องการบริหารร้าน ร้านนี้เป็นของคุณเอมม่าและน้องปูนไม่ว่าใครจะบริหาร...ทุกคนตรงนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์ทั้งนั้น" หลังจากนั่งเงียบมานานกุ๊กไก่ก็พูดขึ้นมาแล้วมองไปหาเมย์ด้วยความไม่พอใจ

    "แต่ถ้าร้านมีปัญหาหาเยอะๆ ลูกค้าก็ไม่อยากเข้านะคะแล้วถ้าร้านไม่มีลูกค้าพนักงานตาดำๆ อย่างพวกเราจะไปกันรอดได้ยังไง" พนักงานสาวอีกคนตอบ

    "ที่มันมีปัญหาก็เพราะพวกเธอบริการลูกค้าช้าเองไม่ใช่เหรอ" กุ๊กไก่พูด

    "พูดแบบนี้ได้ไงอ่ะ! งานในครัวมันไม่ต้องเดินไปมารับหน้าลูกค้าแบบพวกเราหนิ" เมย์ลุกขึ้นตอบด้วยความโมโห

    "แล้วใครบอกบอกว่างานในครัวมันไม่ต้องเดินอ่ะ" กุ๊กไก่ก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นโต้กลับเมย์เหมือนกันจนหมิงต้องรีบลุกขึ้นมาจับไว้

    "แล้วมันเดินเยอะเท่ากันไหมล่ะ" เมย์ตอบแล้วจะเดินตรงเข้าไปหากุ๊กไก่จนเพื่อนก็ต้องรีบรั้งเธอไว้เหมือนกัน

    "ไม่มีฝีมือก็ต้องใช้แรงงานถูกแล้วป่ะ" กุ๊กไก่พูด

    "พี่กุ๊กไก่ใจเย็นก่อนครับ" หมิงพูดแล้วพยายามดึงกุ๊กไก่ไว้

    "ว่าใครไม่มีฝีมือฮะ!" เมย์ตอบ

    "ก็พูดอยู่กับใครล่ะ" กุ๊กไก่ตอบ

    "มึงจะเอายังไงว่ะอีกะเทย" เมย์เริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว

    "แล้วมึงจะเอายังไงล่ะอีชะนี" พอได้ยินเมย์พูดจาไม่ดีใส่กุ๊กไก่เองก็ทนไม่ไหวเริ่มโต้กลับด้วยคำหยาบบ้าง

    "แน่จริงมึงก็เข้ามาดิ" 

    "มึงก็มาดิ"

    โธ่~อีกะเทยเอ้ย"

    "กระเทยแล้วหนักหัวแม่มึงเหรอ" 

    "หนักหัวกูนี่แหละ"

    "กูตัดออกให้ดีไหมเผือมันจะได้สวยขึ้นมาบ้าง" เมย์และกุ๊กไก่ต่างไม่มีใครยอมใคร ขนาดมีเพื่อนๆ ค่อยรั้งไว้ก็ยังแทบจะเอาไม่อยู่

    "หยุดดดด!!" ปูนปั้นทนไม่ไหวจึงตะโกนออกไปเสียงดังเพื่อห้ามทั้งสองคนให้เลิกทะเลาะกัน นอนแรกเขากะจะให้ทั้งสองคนคิดได้แล้วหยุดทะเลาะกันเองเพราะทั้งคู่ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ดูเหมือนว่ามันจะไร้แววเขาจึงรีบห้ามทัพก่อนที่จะซัดกันจริงๆ ซะก่อน

    "ผมยังยืนอยู่ตรงนี้นะครับ" ปูนปั้นพูดด้วยความโมโหที่ทุกคนมายืนเถียงกันข้ามหน้าข้ามตาเขาอย่างกับไม่ให้เกียรติเขาในฐานะเจ้าของร้านเลย

    "พี่กุ๊กไก่ ในนี้นี่พี่โตที่สุดเลยนะครับ...ผมรู้ว่าพี่หวังดีกับผมแต่ช่วยใจเย็นลงหน่อยได้ไหมครับ" ปูนปั้นพูด เขารู้ว่ากุ๊กไก่เป็นคนใจร้อนและพูดจาโผงผางไปหน่อยแต่วันนี้ที่มาทะเลาะกันแบบนี้ต่อหน้าเขามันเกินไปจริงๆ

    "ส่วนพี่เมย์ ผมรู้นะครับว่าพี่เมย์ไม่ชอบผมปละผมก็ตอบพี่เมย์ไม่ได้ด้วยว่าพี่เอมม่าจะหายดีแล้วกลับมาทำงานได้เมื่อไหร่ ถ้าพี่เมย์ไม่พอใจกับการทำงานของผมแล้วอยากจะออกไปทำงานที่อื่นก็ได้ผมไม่บังคับ" คำพูดของปูนปั้นสร้างความไม่พอใจให้เมย์เป็นอย่างมากเพราะมันเหมือนกับเธอกำลังโดนไล่ออกต่อหน้าทุกคน

    "น้องปูนปั้นกำลังอยากจะไล่พี่ออกใช่ไหมคะ" เมย์ถาม

    "ผมไม่ได้พูดแบบนั้นครับ" ปูนปั้นตอบ

    "แต่มันก็เหมือนใช่หนิคะ น้องปูนปั้นทำงานได้ไม่ดีเองพอพี่พูดตรงๆ ก็ไม่พอใจอยากจะไล่พี่ออก...ดีจังเลยนะคะ" เมย์พูดแล้วจ้องมองไปที่ปูนปั้นอย่างท้าทาย

    "พูดให้มันดีๆ หน่อยนะ" กุ๊กไก่หมันไส้สีหน้าของเมย์จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

    "แล้วมึงจะทำไม" เมย์หันไปตวาดใส่กุ๊กไก่ทันทีที่เขาพูดขัดขึ้นมา

    "อย่ามาเสือก...เก็บร่างกายเน่าๆ ของมึงไว้เจ็บกับอีพวกเสี่ยเงินหนาเถอะ ฮึ!" เมย์พูดเน้นเสียงใส่หน้ากุ๊กไก่และแสยะยิ้มใส่เขาด้วยความสะใจ

    "อ้าวอีนี่!" กุ๊กไม่พอใจจะกระโจนเข้าไปใส่เธอแต่ก็ถูกปูนปั้นจับไหล่เอาไว้ก่อนเพื่อบอกให้เขาใจเย็น ซึ่งตัวกุ๊กไก่เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำมาปูนปั้นเดินมาเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

    "ไม่พอใจเหรอครับ" ปูนปั้นถาม

    "เฮอะ~ น้องปูนปั้นอย่าคิดนะคะว่าแค่เพิ่มเงินเดือนให้พวกเราแค่นิดหน่อยมันจะมาทดแทนความเหนื่อยที่เพิ่มขึ้นมหาศาลของพวกเราได้" เมย์ตอบอย่างลอยหน้าลอยตาจนปูนปั้นเองก็แทบจะอดทนไม่ไหวอยากจะกระชากหัวเธอแรงๆ สักครั้งแต่ติดที่เธอเป็นผู้หญิงและเขาเองก็อยู่ในฐานะผู้นำเลยไม่อยากทำอะไรที่มันไม่สมควร

    "แล้วทนอยู่ทำไมล่ะครับ ผมมาบริหารอยู่ตั้งเกือบ 4 เดือนถ้าพี่เมย์ไม่พอใจทำไมยังไม่ไปอีกล่ะหรือว่าไม่มีที่ไหนจ้างแล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละเนอะร้านผมให้เงินเดือนพนักงานสูงกว่าร้านอื่นๆ จะยอมเสียศักดิ์ศรีทนหน่อยก็คงไม่เป็นไร อ่อ~แต่ถ้าพี่เมย์อยากได้เงินเดือนที่สูงกว่านี้ผมแนะนำให้ได้นะครับ....เอ้~เหมือนจะเป็นเมียน้อยของเสี่ยชัชที่ปล่อยเงินกู้อยู่แถวตลอดสดเจ๊สีนะครับ ถ้าพี่เมย์อยากสบายแล้วได้เงินเยอะก็บอกผมได้นะผมมีเบอร์เสี่ยชัชเขาอยู่" ปูนปั้นพูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้เมย์อย่างไม่กลัว ที่พนักงานในร้านไม่ค่อยเคารพเขาเป็นเพราะเขาอายุยังน้อยแล้วก็ยอมทนคนมาตลอด พอพนักงานรู้ว่าสามารถพูดจายังไงกับเขาก็ได้พักหลังถึงกล้าทำตัวล้ำเส้นกับเขามากขึ้น ดังนั้นนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาพูดจาแบบนี้กับทุกคนและเป็นการเตือนทุกคนด้วยว่าเขาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรและต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมให้พนักงานคนไหนกล้าปีนเกลียวกับเขาอีก

    "อีตุ๊ด!" เมย์ว่าปูนปั้นแล้วง้างมือขึ้นมาหมายจะตบหน้าเขาแต่ก็ถูกปูนปั้นชี้หน้าแล้วห้ามไว้ซะก่อน

    "หยุดนะ! อย่ามาทำตัวกร่างแถวนี้ไม่งั้นจะหาว่าผมใจร้ายไม่ได้" ปูนปั้นพูด ทำเอาเมย์ไม่กล้าไม่ลงมือกับเขาเลย

    "มึงจำให้ดีนะว่าทำอะไรกับกูไว้บ้าง...แล้วมึงจะเสียใจ" เมย์พูดแล้วเดินถอยหลังออกไป

    "พวกมึงทุกคนด้วย คิดจะฝากอนาคตไว้กับเด็กน้อยโง่ๆ คนนึงพวกมึงก็เตรียมตัวอดตายไปกับมันได้เลย ร้านเนี่ยมันไปไม่รอดหรอกโว้ย~ ฮ่าๆๆ" เมย์พูดแล้วก็เดินออกไปแถมยังถอดผ้ากันเปื้อนโยนทิ้งไว้ที่พื้นอีก 

    "เออ มึงไปเลยนะ ไป!" กุ๊กไก่ตะโกนไล่ตามหลังเมย์ไปด้วยความโมโหเช่นกันและหลังจากที่เมย์ออกไปบรรยากาศในร้านก็เงียบลงทันที ทุกคนที่ยืนตรงนั้นล้วนแต่เกิดคสามรู้สึกอึดอัดใจกันไปหมด

    ปูนปั้นถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกสับสนพร้อมไล่สายตามองไปที่พนักงานทุกคนส่วนหมิงก็เดินไปเก็บผ้ากันเปื้อนผืนนั้นที่เมย์โยนทิ้งเอาไว้แล้วหันกลับมามองสบตากับปูนปั้นด้วยความรู้สึกเห็นใจ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×