ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รัก…ภูริทัต

    ลำดับตอนที่ #8 : ทิ้งระเบิดลูกที่1

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 65


    ตอนที่8

    ทิ้งระเบิดลูกที่1

    ฝ่ายการตลาดกลับมาคึกคักเมื่อบริษัทดีลลูกค้ารายใหญ่ได้ การที่ Fresh Enterprize.  จรดปากกาเซ็นต์สัญญานั่นแปลว่าจะมีงานเข้ามายาวตลอดทั้งปี เมื่อมีงานย่อมจะเกิดกำไร และผลตอบแทนที่จะได้ก็คือ โบนัส

    เสียงโทรศัพท์ดังกริ๊งกร๊างไม่หยุด พร้อมกับการเดินเข้า-ออกของคุณอ็อฟฟี่ ผู้จัดการหัวใจหญิง ยิ่งทำให้บรรยากาศวุ่นวายกันไปใหญ่ เด็กฝึกงานที่นั่งหน้าห้องอ็อฟฟี่ถึงกับหัวหมุนเพราะไม่เคยเจองานช้างมาก่อน ถึงกับหยิบจับอะไรไม่ถูก ไหนจะเรื่องคาใจที่ยังไม่ได้เคลียร์กับตันหยงให้รู้เรื่องก็ยิ่งทำให้ไม่มีสมาธิไปใหญ่

    “งานที่สั่งเสร็จรึยังท็อป”อ็อฟฟี่ถามหลังจากที่เดินเข้ามาหลายรอบแล้วแต่งานยังไม่มีความก้าวหน้า

    “จวนแล้วครับพี่”

    “รีบๆหน่อยนะยังเหลืออีกหลายงานให้ทำ” อ็อฟฟี่กำชับทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินออกไป

    เพราะแผนกการตลาดมีบทบาทกับโปรเจคนี้มากจึงทำให้ทุกคนทุ่มเทเต็มที่ เด็กฝึกงานอย่างท็อปก็ด้วย เขาต้องการการยอมรับจากทุกคนในออฟฟิศว่าคนอย่างเขาก็มีดีไม่แพ้คนอื่น ไม่อยากถูกเปรียบเทียบกับตันหยงที่สถานะแค่เด็กฝึกงานเหมือนกันแต่อีกคนก้าวไกลไปจนถึงได้ร่วมคุยงานกับผู้บริหารแล้ว

    เพราะความตั้งใจนี้ทำให้ท็อปมัวแต่ทำงานจนลืมวันเวลา ลืมไปเลยว่าตันหยงรอทานมื้อเที่ยงด้วยกัน

     

    ตันหยง : อยู่ไหนแล้ว

    ตันหยง : กินอะไรรึยัง

    ตันหยง : หยงรอท็อปอยู่นะ

     

    จะบ่ายแล้ว เมื่องานเสร็จเรียบร้อยท็อปจึงรู้สึกถึงความหิว พร้อมๆกับเสียงสนทนาจากรุ่นพี่ในแผนกที่เฮโลกันออกมานอกห้อง ทุกคนต่างบ่นถึงความหินของโปรเจคนี้ที่เล่นเอาสะบักสะบอมกว่าจะผ่าน 

    “นึกว่าจะไม่ผ่านซะแล้ว” เสียงรุ่นพี่คนที่หนึ่งเอ่ยขึ้นมาก่อน ตามด้วยเสียงสนับสนุนจากรุ่นพี่คนอื่นๆ

    “ใช่ นี่หิวข้าวจนไส้จะขาดละ”

    “พยาธิกูอดข้าวตายไปละมั้ง”

    ท็อปลุกขึ้นหยิบเอกสารแผ่นสุดท้ายที่เพิ่งล่าลายเซ็นผู้บริหารครบมาเจาะรูและเก็บเข้าแฟ้มให้เรียบร้อย งานของเขาถ้าดูด้วยสายตาก็น่าจะเพอร์เฟคละ เหลือแค่คอมเมนต์จากพี่อ็อฟฟี่ว่าจะต้องแก้อะไรหรือเพิ่มตรงไหน ถ้าไม่มีก็ถือว่าผ่านฉลุย

    “อ้าวไอ้น้องฝึกงาน ไปกินข้าวด้วยกันเปล่า” รุ่นพี่ที่เพิ่งโวยวายเมื่อกี้หันมาถามท็อปเมื่อเห็นว่าเด็กรุ่นน้องก็อยู่ในสภาพอิดโรยไม่ต่างจากตน น่าจะยังไม่ได้พักเบรกหาอะไรรองท้องเหมือนกัน

    “น้องมันชื่อท็อป”รุ่นพี่อีกคนบอกเพื่อน

    “เออนั่นแหละ ว่าไงไอ้ท็อปไปกินกับพวกพี่เปล่า”

    “ขอบคุณครับพี่แต่ผมมีนัดแล้ว”

    “นัดน้องฝึกงานคนสวยไว้แน่ๆเลย กูขอเตือนด้วยความหวังดีนะเว้ย ถ้ามึงจะจีบน้องเขามึงก็ต้องพยายามหน่อยน้องเขาเสน่ห์แรงมากเลยนะ ขนาดผู้บริหารยังสนใจเลย”

    “สมัยนี้หล่ออย่างเดียวไม่ได้แอ้มนะเว้ย มันต้องมีเงินด้วย เงินมาผ้าถึงจะหลุด ฮ่าๆๆ”

    เสียงเตือนจากรุ่นพี่กระแทกใจท็อปอย่างจังเพราะสิ่งที่พี่ๆในแผนกพูดมันก็อยู่ในความคิดของท็อปมาตลอด เหตุการณ์มันน่าสงสัยตั้งแต่ที่ตันหยงแคนเซิลนัดกินข้าวเที่ยงกับเขาเพื่อไปช็อปปิ้งของแบรนด์เนมกับภูริทัต ถึงแม้ว่าฝ่ายหญิงจะตกลงปลงใจเป็นแฟนเขาแล้วและยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีอะไรเกินเลยมากกว่าคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่ตราบใดที่โลกยังหมุนไม่หยุดอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ เด็กหนุ่มจึงรีบคว้ามือถือขึ้นมาจะเพื่อกดเบอร์โทรหาตันหยงจึงได้เห็นข้อความที่แฟนสาวไลน์ทิ้งไว้เมื่อชั่วโมงที่แล้ว

    “ฉิบหายแล้ว”

     

    ท็อปสาวเท้าก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังทิศทางที่ตันหยงนั่งทำงานอยู่ แม้จะหิวข้าวมากแต่ก็จะต้องไปอธิบายให้คนรอได้ฟังเหตุผลก่อน ช่วงนี้งานมันยุ่งมากตันหยงก็น่าจะพอรู้ แต่ถ้าเธอโกรธเขาก็จะง้อ อย่างน้อยถ้าตันหยงยังไม่ได้กินอะไรเขาจะได้ไปซื้อมาเผื่อ มือเด็กหนุ่มกำลังจะเคาะบานประตูตามมารยาทแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่ลอดออกมาจากห้องทำงานประธานหนุ่ม

    “หยงทำถูกไหมคะ”

    “เก่งมาก เรียนรู้เร็วเหมือนกันนะเนี่ย” มีเสียงของผู้ชายเอ่ยชมพร้อมกับปรบมือเบาๆ

    “แต่ถ้าหยงทำแบบนี้มันจะเร็วกว่าเยอะ ผูกสูตรไว้เลยก็ได้” เสียงทุ้มๆที่ลอดออกมาถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นเสียงภูริทัตแน่ๆ ด้วยความอยากรู้ท็อปจึงเลื่อนบานกระจกอย่างเบามือที่สุดเพื่อไม่ให้คนในห้องได้ยินเสียง เขาเลื่อนเพียงเล็กน้อยแค่พอที่จะสอดส่ายสายตาแอบมองได้แค่นั้น

     

    ภาพที่เห็นก็คือชายหญิงคู่หนึ่งที่สนิทสนมกันมาก ตันหยงที่นั่งบนเก้าอี้กำลังก้มๆเงยๆจดอะไรบางอย่างลงสมุดและเงยหน้าขึ้นกรอกข้อมูลในคอมพิวเตอร์ต่อ ส่วนภูริทัตก็ยืนซ้อนด้านหลังตันหยงอีกที มันจะไม่บาดจิตบาดใจเลยถ้าเจ้านายหนุ่มจะไม่ขยันก้มลงไปดูสิ่งที่ตันหยงเขียน และชี้รายละเอียดตรงหน้าจอประกอบ มองดูเผินๆเหมือนคนกำลังโอบกอดกันมากกว่าคนกำลังสอนงานกันซะอีก

    “แบบนี้ต่างหาก มา…เดี๋ยวทำให้ดู”ภูริทัตแย่งปากกาจากมือตันหยงมาเขียนทำให้คนทั้งคู่ใกล้ชิดกันมากขึ้น ร่างสูงโน้มตัวลงต่ำเขียนอะไรบางอย่างลงไปในนั้น ส่วนตันหยงก็มองอย่างตั้งใจ ภาพที่เห็นมันน่าสงสัย นี่คือสิ่งที่ท็อปคาใจมาตลอด คนเป็นเจ้านายกับเลขาทำไมต้องสนิทสนมและใกล้ชิดกันขนาดนี้ด้วย

    “อ้าวท็อป มาหาตันหยงเหรอจ๊ะ”

    “ครับ”

    แพรพลอยส่งเสียงถามเด็กหนุ่มรุ่นน้องอย่างสดใสตามปกติแต่เธอไม่ได้รอฟังคำตอบ หญิงสาวเดินผ่านท็อปมุ่งหน้ามาที่ห้องทำงานเจ้านายหนุ่ม  เสียงทักทายเมื่อสักครู่ทำให้ภูริทัตขยับท่าทีใหม่เป็นยืนมองตันหยงห่างๆเท่านั้น เพราะคาดเดาสถานการณ์ได้ว่าอีกราวๆไม่เกินนาทีร่างของแพรพลอยต้องเดินเข้ามาในห้องนี้แน่ๆ

    บานประตูถูกเลื่อนเปิดจนสุดก่อนที่ร่างของผู้ช่วยสาวจะแทรกเข้ามาพร้อมแฟ้มงานหลายแฟ้ม เธอเพิ่งไปอัพเดตโปรเจคใหม่ให้ภูรินทร์รับทราบและต้องเข้ามารายงานภูริทัตตามหน้าที่ 

    “ตันหยง แฟนเธอมาหา ไม่รู้มีเรื่องอะไรรึเปล่า” 

    “หยงขอตัวสักครู่นะคะ”ตันหยงรีบลุกไปหาท็อปทันทีที่รู้ว่าอีกคนอยู่ด้านนอก ทิ้งให้ภูริทัตกับแพรพลอยคุยงานต่อตามลำพัง เมื่อแจ้งข่าวกับสาวรุ่นน้องเสร็จแพรพลอยก็หันมาอัพเดตความคืบหน้าของงานที่เธอรับผิดชอบ

    “เอ่อ คุณภูริคะ คุณท่านพอใจกับโปรเจคนี้มากท่านฝากบอกว่า..”

    “คุณแพรครับ ผมยังไม่สะดวกจะคุยอะไรตอนนี้” แพรพลอยพูดยังไม่จบประโยคก็โดนเจ้านายหนุ่มขัดขึ้นมาก่อน ภูริทัตถอดสูทออกไปพาดไว้ที่เก้าอี้ตนเองและหันมากล่าวกับแพรพลอยต่อ

    “ตันหยงกับผมงานยุ่งมาก เคลียร์งานกันตั้งแต่เช้าจนป่านนี้ก็ยังไม่เสร็จ ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ตกถึงท้องเลยสักเม็ด ผมก็เลยว่าจะพาตันหยงไปกินอะไรสักหน่อย คุณมาก็ดีแล้วช่วยเคลียร์งานต่อจากตันหยงที แล้วพอผมกลับมาเราค่อยมาคุยกัน”

    ภูริทัตก้าวขาออกมานอกห้องสองก้าว มองดูภาพตันหยงที่กำลังยืนสบตากับท็อปเงียบๆ ราวๆอึดใจเมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองไม่มีการสนทนากันเกิดขึ้นชายหนุ่มจึงเดินไปหาเลขาฝึกหัด ใช้มือสะกิดที่ต้นแขนเธอเบาๆ

    “ป่ะตันหยง ผมหิวละเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×