คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ความเจ้าเล่ห์ของภูริทัต
ตอนที่7
ความเจ้าเล่ห์ของภูริทัต
การประชุมวันนี้ราบรื่นกว่าที่คิด ทาง Fresh Enterprize.พอใจกับสิ่งที่วงศ์ปริญญากรุ๊ปเสนอให้มาก อีกทั้งยังทึ่งในความสามารถของตันหยงอีกด้วยเมื่อรู้ว่าเด็กสาวเป็นเพียงแค่นักศึกษาฝึกงานเท่านั้น และที่สำคัญที่สุดครั้งนี้คือการพรีเซนต์งานครั้งแรกของเธอ
“วันนี้คุณทำได้ดีมากเลยนะตันหยง”ภูริทัตเอ่ยชมออกมาจากใจ ตันหยงมีเวลาเตรียมตัวแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นแต่เธอสามารถสรุปใจความสำคัญของวาระการประชุมได้และนำเสนอให้ลูกค้าฟังได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่ามีจิตวิญญาณการเป็นเลขาอยู่เต็มตัว
“ขอบคุณค่ะคุณภูริ”
“จริงๆแล้วการมาพรีเซนต์งานแบบนี้ผมจะให้ทางการตลาดเขาเป็นคนทำมากกว่า แต่ลูกค้ารายนี้เคยติดต่อกันมาตั้งแต่สมัยที่พ่อผมยังทำงานอยู่ท่านก็เลยอยากให้ผมดูแลต่อไปเรื่อยๆ ภาระมันก็เลยมาตกที่คุณอย่างนี้แต่คุณก็แก้ไขสถานการณ์ได้ดีกว่าที่คิด” ภูริทัตเอ่ยชมไม่หยุดปากและสั่งงานต่อ “ส่วนรายละเอียดที่เราได้คุยกับทาง Fresh Enterprize. อย่าลืมไปอัพเดตให้คุณแพรฟังด้วยนะและแจ้งงานให้ผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย งานของเราจะได้ไม่ล่าช้า”
“รับทราบค่ะ”
การเดินคุยงานเข้าไปในออฟฟิศของคนทั้งสองเรียกความสนใจจากพนักงานแทบจะทุกแผนก สายตานับสิบๆคู่ต่างจับจ้องไปยังร่างของเจ้านายและเลขาสาว ตอนออกจากออฟฟิศยังเดินห่างกันเป็นวาอยู่เลย หายไปด้วยกันครึ่งวันกลับมาอีกทีก็สนิทชิดเชื้อกันเสียแล้ว ที่น่าจับตามองมากไปกว่านั้นก็คือชุดสวยที่อยู่บนตัวตันหยงนั่น มองตาเดียวก็รู้ว่าราคาสูงมาก ไหนจะถุงกระดาษบอกยี่ห้อดังที่ตันหยงหอบหิ้วมาอีก
“ไปคุยงานกันอีท่าไหนวะเนี่ยกลับมาถึงราศีคุณนายจับแบบนี้”
“ใช่ๆ เห็นชุดที่เด็กนั่นใส่ไหม แค่เสื้อตัวเดียวเก็บเงินทั้งเดือนไม่รู้จะซื้อได้รึเปล่า ไหนจะรองเท้ากระเป๋าเข้าชุดอีก แค่เด็กฝึกงานจะเอาที่ไหนมาจ่ายวะถ้าไม่ใช่คุณภูริซื้อให้”
“พวกมึงสังเกตรึเปล่าว่าน้องเขาไปทำผมมาด้วยนะ ดูสวยหรูเป็นลูกคุณหนูเชียว”
พนักงานสองสามคนเดินคุยกันเรื่องนี้ผ่านไปทางแผนกการตลาด ท็อปที่ได้ยินแบบนั้นก็หูผึ่งและรีบวิ่งออกไปดูบ้าง ภาพที่เห็นทำให้เข่าแทบทรุด ไม่น่าเชื่อว่าตันหยงจะกลับมาในสภาพนี้
“หยง…”
ตันหยงหันขวับมามองตามเสียงเรียก ทำให้คนที่เดินข้างๆพลอยหันมาด้วย
“ท็อป มาได้ไงอ่ะ” นี่มันยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะแต่ท็อปกลับทิ้งงานและเดินมาหาเธอ ตันหยงรีบหันไปมองภูริทัต เธอกลัวเจ้านายจะดุแฟนหนุ่ม
“ก็มาหาหยงไง ไปทานข้าวที่ไหนทำไมเพิ่งกลับ แล้วทำไมต้องเปลี่ยนชุดด้วย”
“เรื่องมันยาว หยงว่าท็อปกลับไปทำงานต่อก่อนนะเดี๋ยวเลิกงานหยงจะเล่าให้ฟัง” สาวน้อยดันร่างแฟนหนุ่มให้เดินกลับไปที่แผนก การกระทำของท็อปอาจจะส่งผลให้เขาไม่ผ่านการฝึกงานได้และมันจะทำให้เขาต้องหาที่ฝึกงานใหม่ พลอยเรียนจบทีหลังเพื่อนไปอีก
“แล้วนั่นหยงซื้ออะไรมาเยอะแยะเชียว”
“เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอกท็อป บอกแล้วไงว่าเรื่องมันยาวเดี๋ยวค่อยคุยกัน”
สายตาจับผิดทำให้ตันหยงรีบเอาถุงช้อปปิ้งซ่อนข้างหลัง พลางถอนหายใจอย่างโล่ง ดีนะที่เธอถือลงมาด้วยแค่ถุงเสื้อผ้าชุดเก่าที่เธอเปลี่ยน แต่ชุดใหม่ทั้งหมดรวมทั้งกระเป๋ารองเท้าที่เพิ่งโดนภูริทัตกวาดมาทั้งแผนกยังอยู่บนรถหรู มิฉะนั้นท็อปคงสงสัยหนักกว่าเดิมแน่ๆ
“ตันหยง วันนี้ผมมีนัดตอนสองทุ่มใช่ไหม”
ขาของท็อปแข็งจนก้าวเดินกลับแผนกไม่ได้ทันทีที่ได้ยินเจ้านายหนุ่มเรียกตันหยงอย่างสนิทสนม ภูริทัตเคยเรียกเธอว่า ‘คุณตันติยา’ มาตลอด แต่ตอนนี้สรรพนามเปลี่ยนเป็นแค่ ‘ตันหยง’ เฉยๆซะแล้ว ความสนิทสนมแทบจะไม่ต่างกับเขาที่รู้จักตันหยงมาสี่ปีเลย
“ใช่ค่ะ อย่าเลทนะคะ”
“โอเค เข้าใจแล้ว” ผู้บริหารหนุ่มเดินไปที่รถ สตาร์ทรถก่อนที่จะขับออกไป
“ท็อป ท็อปรอหยงด้วยสิ”
ตันหยงวิ่งตามง้อท็อปแทบไม่ทันเพราะอีกฝ่ายเดินเร็วมาก ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าท็อปโกรธเธอมากแค่ไหนเพียงแค่เขาไม่พูดมันออกมาก็แค่นั้น พอสัญญาณออดเลิกงานปุ๊บท็อปก็พุ่งตัวออกจากบริษัทปั๊บ ผิดจากทุกครั้งที่เขาจะต้องไปนั่งรอตันหยงเก็บข้าวของและเดินคุยกันออกมาอย่างมีความสุข
“ท็อป ฟังหยงก่อนสิ ไหนบอกว่าอยากรู้ไงว่าหยงไปไหนมา”
“แล้วไปไหนมาล่ะ”
“หยงจะเล่าให้ฟังก็ได้แต่ท็อปต้องสัญญาก่อนนะว่าจะใจเย็นๆ ไม่โกรธ นะๆๆๆ” มือน้อยๆยื่นไปเขย่าแขนท็อปรัวๆจนคนตัวสูงไหวสั่น ตันหยงยังเอาศีรษะถูไปมาที่แขนท็อปเป็นการออดอ้อนจนแฟนหนุ่มอดใจอ่อนไม่ได้
“โอเค ท็อปสัญญาว่าจะไม่โกรธ”
“คือเรื่องมันเป็นแบบนี้”
ตันหยงเท้าความยาวไปตั้งแต่ตำแหน่งของผู้ช่วยภูริทัตที่เธอเพิ่งได้รับรวมทั้งอธิบายเนื้องานของเลขาว่าต้องทำอะไรบ้าง ก่อนที่จะบอกว่าวันนี้เธอจำเป็นต้องตามภูริทัตไปประชุมที่ Fresh Enterprize.
“ปกติพี่แพรจะเป็นคนไปเองไม่ใช่เหรอ”
“ก็วันนี้พี่แพรไม่ว่างไง ต้องตามคุณภูรินทร์ไปพบลูกค้าทั้งวันเลย และตอนเย็นยังต้องตามคุณภูรินทร์ไปออกงานอีก หยงว่างหยงก็ต้องไปประชุมแทนพี่แพรสิ”
“งานเลขาผู้บริหารนี่เยอะจังเนาะ ไหนยังจะต้องล่วงเวลาอีกต่างหาก” ท็อปบ่นและก็อดคิดมากไม่ไหว ตันหยงเพิ่งฝึกงานได้แค่เดือนเดียวยังต้องออกงานคู่เจ้านายแล้ว และถ้าต้องทำงานต่อไปเรื่อยๆคงต้องเดินทางไปไหนมาไหนด้วยกันอีกนับครั้งไม่ถ้วนแน่ๆ ต่อไปก็คงหาเวลาเจอกันลำบากแน่
“ใช่เลยท็อป งานเยอะมากๆ วันนี้หยงเหนื่อยมากเลยอ่า”
มือหนาของท็อปวางแหมะบนศีรษะทุยอย่างปลอบโยนก่อนจะสัมผัสถึงความนุ่มลื่นเป็นพิเศษของเส้นผม ปกติผมยาวสลวยของตันหยงจะถูกเธอรวบตึงเสมอเพื่อให้คล่องตัวและสะดวกในการทำงานไม่ได้ปล่อยผมตรงดิ่งแบบนี้หรอก
“ไปพบลูกค้าต้องแต่งตัวสวยขนาดนี้เลยเหรอหยง” ร่างบางถูกจับหมุนซ้ายขวาเพื่อดูอย่างใกล้ชิด เห็นละก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชุดนี้เหมาะกับตันหยงมาก คนซื้อเข้าใจเลือกและรสนิยมดี
“นี่ทำผมแต่งหน้าด้วยนี่นา”
“ไฟต์บังคับน่ะสิไม่ว่า”ตันหยงทำหน้าเซ็งๆก่อนที่จะชี้แจงต่อ
“คุณภูริบอกว่าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเป็นการให้เกียรติลูกค้า และก็พาหยงไปแต่งหน้าทำผมด้วย มันก็เลยออกมาในสภาพนี้แหละท็อป แต่ผลตอบลัพธ์ที่ได้ก็ดีมากเลยนะ พอหยงบุคลิกภาพดีหยงก็มีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้การพรีเซนต์ของหยงดีไปด้วย ลูกค้านี่ชมเปาะเลยนะท็อป”
“แปลว่าคุยงานวันนี้ราบรื่นดีใช่ไหม”
“ใช่แล้ว ผ่านฉลุย ไม่ติดขัดเลยสักนิด”
“แฟนใครเนี่ย เก่งจังเลย”
หนุ่มสาวเดินหยอกล้อกระหนุงกระหนิงกันมาเรื่อยๆ จนถึงป้ายรถเมล์หน้าปากซอย แม้จะพักกันคนละที่ กลับกันคนละทางแต่ทั้งคู่ก็นั่งรอรถเมล์ที่ป้ายเดียวกัน เพราะท็อปตั้งใจจะส่งตันหยงขึ้นรถเมล์กลับก่อนตัวเขาจึงจะข้ามไปรอรถเมล์ฝั่งตรงข้ามและกลับบ้าง รถเมล์คันแล้วคันเล่าผ่านไปแต่ก็ไม่ใช่สายที่ตันหยงรออยู่ บรรยากาศเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ตันหยงจึงหันไปบอกท็อปให้กลับไปก่อน แต่ท็อปไม่ยอมกลับ
“ท็อปจะปล่อยให้หยงรอรถเมล์คนเดียวได้ยังไงล่ะ ดูสิตรงนี้มันมืดจะตาย เปลี่ยวก็เปลี่ยว” ท็อปให้เหตุผลกำกับ
“หยงรอได้ อีกแป๊บเดียวรถเมล์ก็คงมาแล้ว”
“แต่หยงรอมานานมากแล้วนะจนป่านนี้รถก็ยังไม่มาเลย ท็อปว่าเรานั่งแท็กซี่กลับกันดีกว่า เดี๋ยวท็อปไปส่งหยงก่อนแล้วค่อยให้แท็กซี่วกรถกลับมาส่งท็อปที่หอก็ได้”
ตันหยงเริ่มลังเล เห็นด้วยกับสิ่งที่ชายหนุ่มบอกเพราะวันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว และพรุ่งนี้เธอก็ยังต้องไปทำงานแต่เช้าอีก มีงานที่ภูริทัตฝากให้เธออัพเดตอีกตั้งหลายอย่าง
“โอเค งั้นเรามาลุ้นกันว่าอะไรจะมาก่อน ถ้ารถเมล์มาก่อนก็ต่างคนต่างกลับนะท็อป”
รถเมล์และแท็กซี่รอนานพอๆกัน ผ่านไปหลายสิบนาทีก็ยังไม่ปรากฎ รถคนอื่นๆก็เริ่มน้อย ถนนทั้งสายโล่งมาก จนกระทั่งมีรถยนต์หรูเปิดไฟเลี้ยวก่อนจะมาจอดที่ป้ายรถเมล์นั้น เจ้าของรถกดแตรหนึ่งทีเพื่อเรียกคนทั้งสองให้หันมามองพร้อมกับลดกระจกลง
“ตันหยง เจษฎา ขึ้นรถสิ เดี๋ยวผมไปส่ง”
“เอ่อ… ไม่เป็นไรค่ะคุณภูริ พวกเรากลับกันเองได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”ตันหยงรีบปฏิเสธความช่วยเหลือเพราะเกรงใจท็อปที่กำลังหน้าบึ้งอยู่ข้างๆ ซึ่งมันก็ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเมื่อท็อปเริ่มยิ้มออกมาได้
“โอเคงั้นก็ตามใจนะ กลับกันดีๆละกัน” กระจกรถถูกเลื่อนปิดราวกับคนบนรถสิ้นสุดการสนทนาแล้ว ก่อนที่ภูริทัตจะก้าวลงจากรถและเปิดกระโปรงเพื่อหยิบของในนั้นชูขึ้นให้ทั้งคุู่เห็น
“ว่าแต่ไอ้ของที่เพิ่งช็อปมานี่จะเอายังไงดี จะฝากผมไว้ก่อนไหมหรือจะขนกลับไปเลย”
ความคิดเห็น