ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รัก…ภูริทัต

    ลำดับตอนที่ #6 : เล่ห์รักบทที่2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 152
      4
      16 ก.พ. 65

    ตอนที่6

    เล่ห์รักบทที่2

    ตันหยงสลัดคราบเด็กน้อยไปจนหมดเมื่อเลิกสวมชุดนักศึกษาไม่เหลือเค้าเดิมเลยสักนิด ตอนนี้เธอกลายเป็นสาวเต็มตัว ชุดสีกรมท่าขับผิวสาวให้ผุดผาด รูปแบบยูนิฟอร์มที่เข้ารูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งจนดูสะดุดตามาก อะไรที่ควรเว้าก็เว้าจนน่าเป็นห่วง ส่วนอะไรที่ควรนูนควรผายก็มีพอเหมาะพอเจาะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป

    เพราะรูปร่างที่ดูเป็นสาวผิดหูผิดตาแบบนี้จึงทำให้ตันหยงเป็นจุดสนใจของหนุ่มๆทั้งบริษัท ต่างพากันมาขายขนมจีบให้ผู้ช่วยชั่วคราวของภูริทัตจนหัวกระไดไม่แห้ง ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจเจ้านาย หนุ่มๆเหล่านั้นคงเทียวมาเฝ้าตันหยงจนไม่เป็นอันทำงานแน่ๆ

    “คุณตันติยา ช่วงบ่ายผมมีงานที่ไหนรึเปล่า”

    ตันหยงดูตารางงานของเจ้านายหนุ่มสักครู่ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาตอบ

    “มีประชุมกับผู้บริหารบริษัท Fresh Enterprize. ตอนบ่ายสามค่ะและสองทุ่มคุณภูรินทร์ให้เตือนคุณภูริว่าอย่าลืมไปตามนัดกับคุณพิงค์กี้นะคะ”

    “เฮ้อ…”

    ฟังแล้วก็เหนื่อยใจ ภูริทัตถอนหายใจออกมาทันทีที่ตันหยงพูดจบ พ่อเขาช่างมีความพยายามอย่างเหลือล้นที่จะจับคู่เขากับกับลูกหลานคนรู้จัก คราวภูบดินทร์ก็ทีนึงละ ดีนะที่น้องชายเขากับคนที่โดนคลุมถุงชนด้วยต่างคนต่างมีความรู้สึกดีๆให้กันไม่งั้นเรื่องราวไม่จบสวยแบบนี้แน่ๆ

    “โอเค ขอบคุณมาก”

    “เอ่อ…คุณภูริคะ”ตันหยงเรียกเจ้านายหนุ่มเอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้อง

    “คือหยงจะบอกว่าคุณภูริเรียกหยงว่าตันหยงเหมือนคนอื่นๆก็ได้นะคะ ไม่ต้องเรียกว่าคุณหรอกค่ะ คือมันรู้สึกแปลกๆ อีกอย่างคุณภูริก็เป็นเจ้านายด้วยหยงว่ามันไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่เหมือนหยงกำลังลามปามเจ้านายอยู่เลยค่ะ”

    ภูริทัตก้มหน้าซ่อนยิ้มอย่างพอใจที่สามารถเพิ่มระดับความสนิทกับตันหยงไปอีกขั้นก่อนที่จะรีบตีสีหน้ากลับมาเคร่งขรึมเหมือนเดิม

    “ให้ผมเรียกคุณแบบสนิทสนมแบบนั้นมันจะดีเหรอ ไม่กลัวว่าแฟนคุณจะไม่พอใจรึไง”

    หางเสียงภูริทัตตวัดอย่างขุ่นเคืองเมื่อพูดถึงแฟนหนุ่มของคู่สนทนา หลังจากที่สงสัยมาสักพักในที่สุดก็รู้สักทีว่าทำไมเด็กฝึกงานสองคนถึงได้สนิทสนมกันมาก ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าทั้งคู่กำลังคบหาดูใจกันนี่เอง 

    “ไม่หรอกค่ะ ท็อปเป็นคนมีเหตุมีผลเราสองคนไม่เคยทะเลาะกันเรื่องพรรค์นี้เลยนะคะ”

    เฮ้อ… อยากจะให้ปฏิเสธซะหน่อยว่าเหตุการณ์วันนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่ฝ่ายหญิงดันไม่ปฏิเสธซะงั้น แต่เอาเหอะเพิ่งคบหาดูใจกันยังไม่รู้จักกันเท่าที่ควร บางทีความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปก็ได้ ก็ให้มันรู้ไปสิว่ารักแท้จะเอาชนะความใกล้ชิด เขาจะพยายามเอาชนะใจตันหยงจนเห็นเขาในสายตาบ้างนอกจากท็อป

    “แล้วเที่ยงนี้คุณมีนัดกับนายเจษฎาอะไรนั่นรึยัง” อยู่ดีๆภูริทัตก็นึกอะไรออก ชายหนุ่มถามผู้ช่วยชั่วคราวอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีเกริ่นนำเลยสักนิด

    “ท็อปจะซื้อข้าวเที่ยงมาฝากหยงค่ะเพราะวันนี้เอกสารเยอะมาก นี่หยงเพิ่งเคลียร์เสร็จไปแฟ้มเดียวเอง”

    “นี่ผมคงจะใช้แรงงานคุณมากเกินไปสินะ” ภูริทัตแกล้งโยนหินถามทางดูท่าทีคู่สนทนาก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเหยื่อสาวกำลังติดกับ

    “เปล่าค่ะ มันเป็นเพราะหยงทำงานยังไม่ค่อยคล่องมากกว่าค่ะก็เลยเคลียร์งานช้า”

    “งั้นก็ไลน์ไปแคนเซิลนายเจษฏาซะสิ”

    “คะ?”ตันหยงเอ๋อ ไม่เข้าในสิ่งที่เจ้านายหนุ่มบอก

    “ถ้าคุณอยากให้ผมเชื่อว่าผมไม่ได้ใช้งานคุณหนักเกินไปคุณก็ต้องยืนยันด้วยการไปทานข้าวเที่ยงกับผม ไม่งั้นก็แสดงว่าที่คุยกันเมื่อกี๊คุณกำลังโกหก อ้อ…ถ้าจะไปกับผมก็อย่าลืมแคนเซิลนัดกับแฟนคุณด้วยล่ะผมไม่ชอบมีปัญหาตามมาทีหลัง” 

     

     

    ท็อปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตันหยงเพิ่งไลน์มาบอกว่าเธอมาทานข้าวกับเขาไม่ได้เพราะต้องออกไปกับภูริทัต เพิ่งมาทำงานที่นี่แค่เดือนเดียวแต่ตันหยงกลับอัพเลเวลความสนิทสนมกับหัวหน้างานจนถึงขั้นไปกินข้าวกันสองต่อสองแล้ว จริงอยู่ที่สาวคนสนิทเป็นคนอารมณ์ดีและเข้ากับคนอื่นได้ง่ายแต่มันจะง่ายเกินไปไหม

    รถยนต์คันหรูวิ่งสวนทางกับเขาหน้าบริษัท คนในรถกำลังพูดคุยอะไรกันเขาไม่รู้ รู้แต่ว่าตันหยงมองไม่เห็นเขาเลยด้วยซ้ำ ป่านนี้ภูริทัตคงพาตันหยงไปทานมื้อเที่ยงหรูๆสมฐานะ ไม่ใช่อาหารข้างทางเหมือนที่เขากำลังซื้อมาฝาก

     

    “คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า” ภูริทัตเอ่ยถามเพื่อชวนคุยเพราะตั้งแต่ขึ้นรถมาตันหยงก็เอาแต่เงียบ

    “แล้วแต่คุณภูริเลยค่ะ หยงกินได้ทุกอย่าง”

    “งั้นไปกินข้าวที่บ้านผมนะ” ชายหนุ่มบอกพลางลอบมองปฏิกิริยาคนนั่งข้าง เมื่อเห็นตันหยงทำหน้าเหวอเขาจึงพูดต่อ

    “ก็ถ้าผมถามแล้วคุณไม่มีความคิดเห็นผมก็จะตัดสินใจเองแบบนี้แหละ ไปบ้านผมก็ดีนะแม่บ้านผมทำอาหารอร่อยมากรับรองจะติดใจ”

    “งั้นไปแค่ร้านหน้าปากซอยก็ได้ค่ะคุณภูริ จะได้รีบกินรีบกลับมาทำงาน”

     

     

    ร้านอาหารที่ตันหยงเลือกดูดีไม่ใช่น้อย ถูกใจภูริทัตมาก เขานึกชมเธออยู่ในใจว่ารสนิยมอีกฝ่ายดีไม่ใช่เล่น ทีนี้ก็เหลือแต่รสชาติของอาหารแล้วว่าจะดีสมกับบรรยากาศรึเปล่า ถ้าดีเขาก็จะได้จดบันทึกเอาไว้ว่าที่นี่ต้องเป็นสถานที่โปรดของเขาและเธอ

    “ผมลืมบอกคุณอีกเรื่องนะว่าบ่ายสามคุณต้องไปประชุมกับผมที่ Fresh Enterprize.”

    ตันหยงทำช้อนส้อมหลุดมือทันที่ที่ได้ยินแบบนั้น เธอไม่ได้เตรียมกายเตรียมใจมาก่อน แค่ต้องมาทานข้าวกับเจ้านายก็เหนือความคาดหมายมากพอแล้ว

    “ไปในฐานะเลขาของผม อย่าลืมสิว่าตอนนี้คุณเป็นเลขาผมอยู่นะ”

    “แต่ว่าหยงไม่ได้เตรียมอะไรมาด้วยสักอย่างเลยค่ะ”ตันหยงพูดพลางก้มลงมองสภาพตัวเอง ชุดที่ใส่ก็ยับยู่ยี่ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะเธอเครียดกับเอกสาร สมบัติส่วนตัวเธอไม่ได้เอาอะไรมาด้วยมีเพียงแค่มือถือเครื่องเดียวเท่านั้นที่หยิบฉวยได้ แฟ้มเอกสารการประชุมก็ไม่ได้เตรียมแม้กระทั่งเนื้อหาการประชุมก็ยังไม่ได้อ่านเลยด้วยซ้ำ

    เอาง่ายๆ เธอไม่พร้อมนั่นเอง

    “ประชุมกี่โมงนะ” ภูริทัตถามเสียงเรียบ เมื่อตันหยงตอบว่าบ่ายสามชายหนุ่มก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู

    “มีเวลาให้เตรียมตัวตั้งเยอะ เหลือเฟือ”

     

     

     

    “คุณภูริพาหยงมาที่นี่ทำไมคะ”

    ตันหยงคิดว่าทานมื้อเที่ยงเสร็จเจ้านายหนุ่มจะพาเธอกลับออฟฟิศเพื่อให้เวลาเธอเตรียมเนื้อเตรียมตัวสำหรับการประชุมช่วงบ่าย แต่กลับผิดคาดเมื่อภูริทัตดันพาเธอมาห้างซะงั้น

    แผนกเสื้อผ้าสตรีคือเป้าหมายของภูริทัต เขาผายมือเชิญชวนให้เธอเดินเข้าไปอีกรอบหลังจากที่เธอหยุดนิ่งหน้าแผนกมาสักพักแล้ว

    “เข้ามาสิตันหยง เร็วๆ”

    ชุดที่พนักงานนำมาแนะนำดูเหมาะสมกับตันหยงทุกชุด มันทั้งน่ารักสดใสสมวัยและดูเหมาะกับตำแหน่งผู้ช่วยของเขา ภูริทัตชอบแทบทุกชุดแต่มันคงจะดูโอเวอร์มากเกินไปถ้าเขาจะเหมาซื้อทั้งแผนกให้กับเลขาฝึกหัด

    “คุณชอบชุดไหนบ้าง”ตันหยงหยิบชุดสีน้ำตาลแดงมาเปรียบเทียบสีเงิน ก่อนที่จะชำเลืองดูสีชมพูอ่อน มันก็น่ารักหมดทุกชุดนั่นแหละติดแค่เรื่องของราคา มันแพงเกินไป แพงเกินฐานะเด็กฝึกงานอย่างเธอมากเกินไป

    “ว่าไงตันหยง”

    “เอ่อ คุณภูริคะ แค่เข้าประชุมไม่จำเป็นต้องซื้อชุดใหม่ก็ได้ค่ะ หยงแค่ขอเวลาแต่งหน้าให้ดูดีกว่านี้หน่อยและอ่านแฟ้มการประชุมเพื่อเตรียมตัวก็พอ”

    “คุณจะไปในฐานะเลขาผมนะตันหยง คุณจะไปในสภาพนี้จริงๆเหรอ อย่าลืมนะว่าตอนนี้คุณไม่ใช่แค่เด็กฝึกงานที่มีหน้าที่แค่ชงกาแฟหรือถ่ายเอกสารจะได้แต่งตัวยังไงก็ได้ คุณเคยเห็นคุณแพรปล่อยตัวเองโทรมแล้วเดินข้างผมไปพบลูกค้ารึเปล่า”

    “ไม่เคยค่ะ”ตันหยงตอบเสียงอ่อย มันก็จริงอย่างที่ภูริทัตบอกทุกอย่าง บางทีบทบาทหน้าที่มันก็จำเป็นต้องให้ความสำคัญบ้าง

    “ติดขัดอะไร หรือชุดไม่สวย”

    “สวยค่ะ สวยทุกชุด” ตันหยงรีบพูดเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มกำลังยกมือเรียกพนักงานสาวให้เลือกชุดมานำเสนอเพิ่ม เธอไม่อยากจะเข้าๆออกๆห้องลองอีกแล้ว

    “ถ้าสวยก็บอกพนักงานเขาไปเลยว่าชอบชุดไหน”

    “เอ่อ………..” มันแพงเกินไป แววตาตันหยงบอกภูริทัตแบบนั้น ชายหนุ่มพยักหน้า เขาเข้าใจในสิ่งที่เลขาพยายามสื่อสารแล้ว

    “โอเค ผมรู้ละ” นิ้วเรียวล้วงกระเป๋าหยิบบัตรเครดิตใบหรูยื่นให้พนักงานที่รออยู่ด้านข้าง พลางระบุความต้องการออกไป เสียงดังชัดเจน

    “เอาทุกชุดที่คุณผู้หญิงลองเมื่อสักครู่ และหยิบชุดเดรสสีดำปาดไหล่ตัวนั้นและชุดสีแดงเพลิงเว้าหลังนั่นมาด้วย” พนักงานรีบค้อมตัวรับคำสั่งอย่างเต็มใจ

    “เดี๋ยวครับ ผมยังพูดไม่จบ ช่วยเลือกหมวก รองเท้าและกระเป๋าที่แมทช์กับเสื้อผ้าเหล่านี้มาเพิ่มด้วยเสร็จ อะไรที่คุณคิดว่าสวยและเหมาะกับคุณผู้หญิงก็จัดมาแล้วก็รูดบัตรได้เลย ผมรีบ”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×