คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : EP.1 พี่ชื่อเจมส์
ตอนที่ 1
พี่ชื่อเจมส์
ปิ๊บๆๆๆ
เสียงแจ้งเตือนจากขบวนรถไฟฟ้าดังขึ้นเป็นจังหวะที่ทุกคนคุ้นชิน ก่อนที่บานประตูจะปิดอัตโนมัติ และรถไฟฟ้าขบวนนั้นก็เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว มีเสียงฮึดฮัดตามมาทีหลังเพราะพลาดรถขบวนนี้ เสียงนั้นมาจาก ตาต้าร์ หนุ่มน้อยนักศึกษาที่มีแววว่าวันนี้จะไปสายอีกแล้ว
“โอ๊ย ไม่ทันอีกแล้ว” ร่างนั้นบ่นพลางหอบแฮกๆด้วยความเหนื่อย อุตส่าห์วิ่งมาอย่างเร็วแต่สุดท้ายก็ยังไม่ทัน
“ใจเย็นๆน้อง เดี๋ยวขบวนใหม่ก็มาแล้ว” ผู้ที่เอ่ยปลอบบอกพลางอมยิ้มขำท่าทีที่อีกคนแสดงออกมาแบบนั้น และถามต่อ
“รีบเหรอเราน่ะ”
ตาต้าร์หันไปมองคนแปลกหน้าที่ชวนเขาคุยราวกับรู้จักกันมาก่อน เด็กหนุ่มมั่นใจว่าไม่รู้จักอีกคนแน่แต่ก็ต้องตอบตามมารยาท “ครับ ผมต้องรีบไปเรียน เทอมนี้สายบ่อยเกินไปแล้ว เวลาเรียนจะไม่พอ”
“เดี๋ยวก็มา” ชายแปลกหน้ากล่าวย้ำ “ช่วงเวลาเร่งด่วนแบบนี้ขบวนรถจะปล่อยถี่กว่าเดิม เฉลี่ยราวๆ2.4นาทีเท่านั้น ไม่เหมือนช่วงปกติที่เขาจะปล่อยขบวนรถทุก 5 นาที” ตามปกติแล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ขบวนรถบีทีเอสจะปล่อยรอบแรกช่วงตีห้า และรอบสุดท้ายห้าทุ่มหน่อยๆ และจะแบ่งเวลาการปล่อยขบวนรถตามช่วงเวลา ถ้าเวลาปกติก็เฉลี่ยทุก5นาที แต่ถ้าเร่งด่วนจะปล่อยเร็วขึ้นเหลือเพียง2นาทีหน่อยๆเท่านั้น มิฉะนั้นจะมีผู้โดยสารตกค้างที่ชานชาลามากเกินไป
“พี่รู้ได้ยังไงครับ ทำงานที่นี่เหรอ” ตาต้าร์ถามส่วนคนโดนถามก็ยืดอกพรีเซนต์ตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ
“พี่ชื่อเจมส์ ที่พี่รู้คงเพราะพี่ใช้บริการที่นี่บ่อยมั้งครับ” ตาต้าร์ทำหน้าเหวอ เมื่ออยู่ดีๆอีกคนก็แนะนำตัวเองหน้าตาเฉย เขาแค่ถามว่ารู้กำหนดการเดินรถได้ยังไง ไม่ได้ถามว่าชื่ออะไรซะหน่อย
เสียงผู้คนเริ่มเดินขึ้นมาเรื่อยๆ มารอรถไฟฟ้าขบวนใหม่ บ้างก็ตั้งแถวใหม่ บ้างก็ต่อแถวไปเรื่อยๆ มีหลายคนที่เดินมาต่อแถวต่อจากตาต้าร์ สักพักรถขบวนใหม่ก็เริ่มปรากฎให้เห็นแต่ไกลๆแล้ว
“รถมาแล้ว มาเร็วอย่างที่พี่บอกจริงๆด้วย” ตาตาร์หันไปคุยกับคู่สนทนาหลังจากที่หยุดการสนทนาไปสักพักเนื่องจากคนที่มายืนรอบข้างเยอะขึ้น “ขอบคุณนะครับพี่เจมส์”
“ไปขบวนเดียวกันเลย พี่ก็ต้องรีบไปทำงานเหมือนกัน” สายตาตาต้าร์มองไปที่หนุ่มรุ่นพี่ที่เพิ่งทำความรู้จักกันอย่างพินิจ พี่เจมส์ใส่เสื้อยืดสีขาวคอย้วยนิดๆ กางเกงยีนส์เก่าซีด ขาดปะในบางจุด รองเท้าผ้าใบสีซีดไม่ต่าง ที่มือเจมส์ถือวอสีแดง ทำให้ตาต้าร์นึกสงสัยตำแหน่งงานของอีกฝ่ายในใจ เด็กหนุ่มพยักหน้ารับคำนั้นและหันมาสนใจรถไฟฟ้าที่กำลังจะจอดเทียบชานชาลา บานประตูเปิดออกและทั้งสองก็ก้าวเท้าเข้าไปพร้อมกัน
“ลืมถามไป น้องชื่ออะไรเหรอ” เจมส์เดินเข้าไปแล้วหันมาถาม เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้โดยสารคนอื่นดันร่างทั้งคู่ให้เข้าไปในขบวนคนละทิศ ตาต้าร์ไปทางซ้าย เจมส์ไปทางขวา เด็กหนุ่มอ้าปากเอ่ยตอบแต่เจมส์ไม่ได้ยินเพราะผู้โดยสารคนอื่นๆพูดคุยกันเสียงดังและต่างพากันวิ่งเข้าไปในขบวนกลบเสียงตอบจนหมด
รถไฟฟ้าเคลื่อนที่ไปแล้ว เป็นสายสีเขียวเส้นสุขุมวิทมุ่งหน้าปลายทางคูคต ระหว่างทางมีจอดเทียบสถานีต่างๆ ตาต้าร์กระวนกระวายใจมาก ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเห็นเวลาแล้วยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม เด็กหนุ่มไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครบางคนพยายามลอบมองเขาอยู่
“ทำไมมันช้าขนาดนี้” จะว่าไปก็โทษรถไฟฟ้าไม่ได้หรอกต้องโทษตัวเองนั่นแหละที่วันนี้ตื่นสาย ทำให้พลาดรถไฟฟ้าไปถึงสองขบวน ถ้ามาตามเวลาปกติป่านนี้เขาถึงมหาวิทยาลัยแล้ว
“เฮ้ย ไอ้ตี๋ อาจารย์เข้ายังวะ” ตาต้าร์โทรศัพท์สอบถามเพื่อนร่วมชั้นก่อนที่จะขนลุกขนพองสยองเกล้าเมื่อได้ยินเสียงอาจารย์แทรกเข้ามาด้วยในสาย
“วันนี้กูโดนด่าอีกแน่ๆ” ตาต้าร์บ่น ก่อนที่เพื่อนในสายจะตอบกลับมา
“ไม่หรอกวันนี้อาจารย์อารมณ์ดีเขาไม่ด่ามึงหรอก ยังฝากมาบอกมึงด้วยว่าไม่ต้องรีบก็ได้ เพราะเขาเช็คมึงขาดเรียนไปแล้วเรียบร้อย”
“ไอ้ฉิบหาย” ตาต้าร์หลุดสบถคำหยาบออกมาในที่สาธารณะจนผู้โดยสารคนอื่นต่างหันขวับ เด็กหนุ่มต้องยกมือไหว้รอบทิศ ขอโทษขอโพยที่ตนเสียงดังและใช้วาจาไม่สุภาพรบกวนคนอื่น เขาใช้มือป้องปากกระซิบคุยกับคนในสายต่อ “กูใกล้ถึงแล้วเนี่ย”
“มึงรู้ใช่ไหมว่าวันนี้อาจารย์จะพาไปเรียนรู้นอกสถานที่”
“รู้โว้ย ก็เพราะต้องเตรียมตัวไปนี่แหละกูถึงสาย” ตาต้าร์บ่นกระปอดกระแปด เขาลืมสมุดพกที่ต้องเตรียมตัวไปจดจากการฟังวิทยากรมาให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่องจักรในโรงงานจึงแวะซื้อร้านค้าหน้าปากซอย นี่แหละคือต้นเหตุของการมาสาย
“ถึงไหนละ” เสียงไอ้ตี๋ถามชัดขึ้นท่าทางจะออกมาคุยนอกห้องแล้ว
“กูไม่รู้เว้ย แต่กูก็กำลังรีบอยู่ มึงไปขอร้องอาจารย์ให้รอกูเลยนะบอกเขาครั้งนี้จะสายเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว” ตาต้าร์ย้ำและพยายามขอให้เพื่อนช่วยคุยกับอาจารย์ให้อีกรอบ สายสักสิบ ยี่สิบนาที อาจจะโดนอาจารย์เขม่นหรือทำโทษแต่ตาต้าร์ก็ยอม ดีกว่าจะโดนเช็คขาดเพราะเวลาเรียนเขาจะไม่พออยู่แล้ว
“กูไม่รับปากว่าอาจารย์จะยอมไหม” ตี๋แบ่งรับแบ่งสู้ เพราะเพื่อนสายเก่ง สายบ่อย สายจนโดนอาจารย์คาดโทษมาแทบจะทุกวิชาแล้ว
“เออ รู้แล้ว มึงทำให้ดีที่สุดก็พอ” เด็กหนุ่มบอกออกมาอย่างหงุดหงิด อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ยิ่งรีบก็ยิ่งดูช้าไปกันใหญ่ “เลคเชอร์รายละเอียดรอเลยนะ เขียนสวยๆล่ะเดี๋ยวกูจะยืมมาอ่าน”
“จะให้กูบอกอาจารย์ว่าอีกกี่นาที”
“ใกล้ถึงแล้วเนี่ย จะลงบีทีเอสแล้ว” ตาต้าร์ย้ำอีกรอบ รถไฟฟ้าจอดอีกสถานี เป็นสถานีที่ตาต้าร์ต้องลงพอดี เด็กหนุ่มกระชับเป้ให้แน่นที่ไหล่และกระโดดออกไปทันทีที่ประตูเปิดอ้าออก
เจมส์ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้แต่เสียดาย มีโอกาสได้คุยกันแต่เขาก็ไม่ได้รู้ว่าน้องชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ เรียนที่ไหน แต่จากชุดช็อปสีน้ำเงินเข้มที่น้องใส่มันบ่งบอกคณะชัดเจนว่าเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่จะเป็นมหาวิทยาลัยไหนก็อีกเรื่อง เพราะสถานีที่น้องลง ละแวกนั้นมีถึงสามมหาวิทยาลัย
อีกแค่สถานีเดียวก็จะเป็นปลายทางของเจมส์บ้าง ชายหนุ่มขอทางออกมายืนรอตรงประตูเตรียมความพร้อม เพราะผู้โดยสารหนาแน่นมากเกินไปเมื่อประตูเปิดจะได้พุ่งตัวออกไปเลย ขืนรอออกมาตอนนั้นเขาจะออกมาได้ยากมาก เพราะผู้โดยสารจากด้านนอกจะแทรกตัวเข้ามาสมทบทำให้คนด้านในยิ่งเยอะกว่าเก่า
“Next Station..” เสียงแจ้งเตือนจากประชาสัมพันธ์ของรถไฟฟ้าดังขึ้นมาอีกครั้ง เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย พร้อมกับประตูรถที่เปิดออก เจมส์สาวเท้าอย่างรวดเร็วออกมาจากตู้โดยสารเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ร่วมเดินทางคนอื่น สถานีนี้มีคนรอเข้าไปเยอะมากแถวยาวเหยียดเกือบถึงบันไดเลื่อน
ทันทีที่คนด้านในออกมาหมด คนที่รออยู่ด้านนอกก็รีบพรั่งพรูเข้าไปในตู้โดยสารทันที
“ผู้โดยสารโปรดทราบ กรุณาเดินเข้าด้านในของขบวนรถ ไม่ยืนพิงเสาหรือประตู และโปรดจับห่วง หรือ ราว ขณะเดินทาง ขอบคุณค่ะ”
มีเสียงเตือนแว่วตามหลังให้ได้ยิน เป็นเสียงที่คุ้นหูเนื่องจากเจ้าของเสียงเป็นบุุคคลคุณภาพที่รู้จักกันดีในฐานะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้อง หรือแม้กระทั่งนักพากย์ ประโยคเหล่านี้เจมส์ฟังจนคุ้นชินและสามารถพูดตามได้ทั้งประโยค ชายหนุ่มก้าวเท้าลงบันไดเลื่อนและแตะบัตรออกจากสถานีไป
ความคิดเห็น