ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รัก…ภูริทัต

    ลำดับตอนที่ #1 : โครงการสิทธิณีย์พูลทรัพย์

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.พ. 65


    ตอนที่1

    โครงการสิทธิณีย์พูลทรัพย์

    ก็อก ก็อก ก็อก

    มีเสียงดังจากประตูหน้าห้องทำให้คนที่กำลังเคร่งเครียด ทำงานจนหัวฟูต้องเงยหน้ามอง เมื่อพบว่าผู้ที่มารบกวนเวลาคือเลขานุการสาว เจ้านายหนุ่มจึงเอนหลังพิงเก้าอี้ผู้บริหาร และอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้ามาได้

    “ว่าไงคุณแพร มีงานด่วนอะไรรึเปล่า”

    “ปีนี้มีเด็กในโครงการ ‘สิทธิณีย์พูลทรัพย์’ ยื่นความประสงค์เข้ามาฝึกงานกับบริษัทเราสองคนนะคะคุณภูริ” แพรพลอย แจ้งข่าวแก่ CEO หนุ่มผู้ที่เพิ่งเข้าได้รับตำแหน่งนี้จากบิดาหมาดๆ ภูริ หรือภูริทัต วงศ์ปริญญาพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะสอบถามรายละเอียดที่ตัวเองควรรู้จากผู้ช่วยสาว

    “ปกติแล้วคุณพ่อท่านจะรับเด็กฝึกงานกี่คนเหรอครับ”

    “คุณภูรินทร์รับทุกคนตามที่โครงการนำเสนอมาค่ะ เพราะท่านบอกว่าเด็กที่ผ่านโครงการนี้ได้แสดงว่ามีฝีมือและเก่งพอตัว อย่างปีที่แล้วมีถึงห้าคนเลยนะคะที่โครงการส่งเรื่องมาและตอนนี้หนึ่งในนั้นก็กลายมาเป็นพนักงานประจำของบริษัทเราแล้ว” แพรพลอยอธิบายเสริม เธอเหลือบมองนาฬิกาที่ผนังห้องเจ้านายหนุ่มสักครู่ก่อนที่จะตัดบท ขอตัวไปทำงานต่อ

    “ใกล้ถึงเวลาส่งงานให้คุณภูรินทร์แล้ว งั้นแพรจะวางแฟ้มเอกสารไว้ให้บนโต๊ะนะคะ คุณภูริลองตรวจเช็คดูอีกทีนะคะว่าปีนี้จะรับเด็กฝึกงานได้สักกี่คน”

    “ขอบคุณมากครับ”

    ผู้ช่วยสาวเดินออกไปแล้ว นอกจากแพรพลอยจะเป็นเลขาของเขาเธอยังรับหน้าที่อีกตำแหน่งคือเป็นผู้ช่วยของภูรินทร์ด้วย แม้ภูรินทร์จะยกตำแหน่งใหญ่ให้ลูกชายคนโตทำแทนแล้วแต่ท่านก็ยังไม่วางมือซะทีเดียว เอกสารบางอย่างยังต้องผ่านการตรวจสอบและตัดสินใจจากภูรินทร์อยู่

    ภูริทัตปิดแฟ้มสรุปงบประมาณประจำปีลงและหันไปเปิดแฟ้มใหม่ที่ผู้ช่วยสาวเพิ่งนำมาส่งมอบให้แทน ในนั้นเป็นประวัติของโครงการ ‘สิทธิณีย์พูลทรัพย์’  ซึ่งภูริทัตไม่จำเป็นต้องอ่านให้เสียเวลา เพราะตนเองก็รู้เรื่องราวและจุดประสงค์ของโครงการนี้โดยละเอียดไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อเลย

    โครงการ ‘สิทธิณีย์พูลทรัพย์’ คือโครงการเพื่อการกุศลที่ครอบครัววงศ์ปริญญาก่อตั้งขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่บุคคลอันเป็นที่รัก ผู้ก่อตั้งคือนายภูรินทร์ วงศ์ปริญญา ซึ่งก่อตั้งเพื่อนางสิทธิณีย์ พูลทรัพย์ ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ทำบุญร่วมกันมาน้อยจนต้องด่วนลาโลกไปก่อน ทิ้งไว้เพียงลูกชายสุดที่รักสองคนไว้ให้นายภูรินทร์ดูต่างหน้า ซึ่งโครงการนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ ภูบดินทร์ วงศ์ปริญญา ลูกชายคนเล็กอายุได้เพียงขวบเศษๆเท่านั้น นับมาจนปัจจุบันนี้โครงการนี้ก็ก่อตั้งมาได้ถึง 24ปีเต็มแล้ว

    หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายมากขึ้นก็คือโครงการนี้เป็นโครงการที่พ่อของภูริทัตก่อตั้งขึ้นเพื่อแม่ของภูริทัตนั่นเอง

     

    “ปีนี้มีแค่สองคนงั้นเหรอ”มือเรียวเปิดเอกสารหน้าต่อไปด้วยความอยากรู้ ถ้าเปรียบเทียบกับปีก่อนๆที่บริษัทเคยได้รับเด็กฝึกงานถือว่าปีนี้น้อยมาก โดยเฉพาะกับปีที่แล้วที่โครงการยื่นเรื่องนำเสนอมาถึงห้าคนยิ่งทำให้ปีนี้น้อยไปใหญ่ เด็กเก่งๆน้อยลงเหรอหรือว่าไปฝึกงานที่อื่นกันหมด

    “หรือว่าที่ผ่านมาการฝึกงานไม่ประสบผลสำเร็จ”

    ถึงแม้ว่าจะผ่านการฝึกงานทุกคนตลอดระยะเวลา24ปีที่ผ่านมา แต่ก็เพิ่งมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่พอเรียนจบแล้วกลับมาทำงานต่อที่นี่ เด็กฝึกงานคนอื่นๆพอเรียบนจบก็เงียบหาย ไม่มีใครอัพเดตให้รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าการฝึกงานที่ผ่านมาสามารถนำไปใช้ประกอบวิชาชีพได้จริงแค่ไหนกัน

    CEO หนุ่มยกหูโทรศัพท์ภายในต่อสายไปยังโต๊ะเลขาสาว ไม่นานนักแพรพลอย ผู้ช่วยรุ่นพี่ก็กรอกเสียงหวานลอดสายตอบรับ

    “ค่ะคุณภูริ มีอะไรให้แพรรับใช้คะ”

    “คุณแพรพอจะมีประวัติเด็กฝึกงานคนเก่าๆของเราไหมครับ ย้อนหลังไปแค่สักห้าปีก็ได้”

    ที่ขอในช่วงเวลาดังกล่าวก็เพราะว่าแพรพลอยเพิ่งเข้ามาทำงานได้แค่หกปีเท่านั้น ก่อนหน้านั้นจะเป็นอีกคนที่ดูแลรับผิดชอบในส่วนนี้ ซึ่งผู้ช่วยคนนั้นก็ลาออกไปนานแล้ว แม้จะมีการฝากงานกันแต่ช่วงรอยต่อแบบนั้นบางทีงานก็อาจจะหลุดได้

    “เดี๋ยวแพรส่งเมล์ให้นะคะคุณภูริ ว่าแต่คุณภูริจะเอาไปทำอะไรเหรอคะ”

    “ผมอยากย้อนไปดูว่าที่ผ่านมาเราสอนงานอะไรเด็กเหล่านั้นบ้างครับ ประกอบการตัดสินใจเฉยๆครับ ไม่มีอะไรคุณแพรไม่ต้องกังวล”

    “ค่ะ งั้นรอไม่เกินห้านาทีนะคะคุณภูริ เดี๋ยวแพรส่งเมล์ให้นะคะ”

    “ขอบคุณครับ”

     

    แม้แพรพลอยจะขอเวลาห้านาทีในการเตรียมเอกสาร แต่เอาเข้าจริงๆภูริทัตก็นั่งรอแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น นอกจากเมล์จะเด้งว่ามีข้อความใหม่เข้าแล้ว เลขาสาวยังโทรมาบอกเขาด้วยตัวเองว่าส่งแล้วเรียบร้อยยิ่งทำให้ภูริทัตชื่นชมผู้ช่วยสาวในใจ ทั้งทำงานเก่งเป็นระเบียบเรียบร้อย รวดเร็วและรอบคอบ เหมาะสมกับตำแหน่งเลขานุการของเขาจริงๆ

     

    หลังจากดูเอกสารที่แพรพลอยส่งมาให้ภูริทัตก็ยิ่งขมวดคิ้ว ยิ่งดูก็ยิ่งเอ๊ะ มันเป็นไปได้ยังไงที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเด็กฝึกงานจะได้ทำงานแค่ชงกาแฟ ถ่ายเอกสาร เดินเอกสารให้แผนกอื่นๆ จะบ้าตายถ้าต้องทำแค่นี้ไม่ต้องถ่อสังขารมาฝึกงานถึงที่นี่ก็ได้ แล้วปีที่แล้วมีเด็กฝึกงานถึงห้าคน อย่าบอกนะว่าทั้งห้าคนก็มาทำแค่อย่างที่ว่าเท่านั้น

    ภูริทัตหยิบแว่นตาขึ้นมาสวมเพราะท่าทางจะต้องดูเอกสารนานกว่าที่คิด ยิ่งต้องเพ่งจอนานๆอาการปวดเบ้าตาเรื้อรังก็กำเริบ หนักเข้าลามไปจนถึงดูทีวีหรือตรวจเอกสารแล้วชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องสวมแว่นทุกครั้งเมื่อต้องเพ่งอะไรนานๆ

    มือขวาภูริทัตคลิกเมาส์ ส่วนมือซ้ายเปิดแฟ้มที่แพรพลอยเอามาวางไว้ให้ สายตาก็ดูสลับกันไปมาระหว่างเอกสารสองชุดนั้น จนในที่สุดก็สะดุดตาเข้ากับรายชื่อนักศึกษาฝึกงานที่โครงการนำเสนอมาของปีนี้

    “นางสาวตันติยา ผาสุข ชื่อเล่นชื่อตันหยง อายุ21ปี”

    รูปถ่ายหน้าตรงขนาดสองนิ้วที่ติดมากับใบสมัครเป็นรูปของนักศึกษาคนหนึ่งที่น่ารักสดใส  ผิวขาวตาโต แววตาขี้เล่น ริมฝีปากอวบอิ่ม แก้มป่องสีชมพูระเรื่อสุขภาพดี เธอรวบผมยาวเปิดหน้าผาก แต่งกายด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบ ติดเข็มกลัดมหาวิทยาลัยเด่นชัดและห้อยบัตรของโครงการสิทธิณีย์พูลทรัพย์ ถูกต้องตามระเบียบการยื่นเรื่องเป็นนักศึกษาฝึกงานทุกอย่าง

    “ทำไมเด็กคนนี้ถึงน่ารักขนาดนี้เนี่ย”

    เพียงแค่เห็นรูปก็ทำให้หนุ่มผู้เคร่งขรึมทำแต่งานถึงกับเพ้อได้ ภูริทัตหลงรูปเด็กฝึกงานตั้งแต่แรกเห็นราวกับวิหยาสะกำที่หลงรูปนางบุษบา

    ตั้งแต่เกิดมา นอกจากบัวบูชาว่าที่น้องสะใภ้แล้ว ภูริทัตก็ไม่เคยมองว่าใครสวยหรือน่ารักมาก่อน มีเด็กคนนี้แหละเป็นคนแรกที่ผ่านด่านหัวใจเย็นชาของ CEO หนุ่มมาได้ แค่มองผ่านรูปยังน่าพิสมัยขนาดนี้ ถ้าได้เห็นตัวจริง ได้อยู่ใกล้ชิดภูริทัตคงหลงเสน่ห์เด็กฝึกงานคนนี้จนโงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ ชายหนุ่มหน้าเห่อร้อน คิดเองก็เขินเอง

    “บ้าไปแล้วภูริเอ๊ย..”

    ข้อมูลในอีเมล์ที่แพรพลอยส่งมาให้ไม่น่าสนใจอีกต่อไปแล้ว  แม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจนักที่ไม่ได้สอนงานเด็กฝึกงานอย่างเต็มที่แต่อดีตที่ผ่านมามันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เขาจึงตั้งใจจะเริ่มแก้ไขกับเด็กฝึกงานในปีนี้แทน ภูริทัตวางเมาส์หันมาเปิดแฟ้มอ่านอย่างตั้งใจเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

    “เรียนเอกบริหารธุรกิจโดยตรงเลยเหรอเนี่ย แบบนี้ก็เหมาะเลยสิ”

    แผนการถูกวางไว้ในหัวเรียบร้อยตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าเด็กฝึกงานด้วยซ้ำ ผู้บริหารหนุ่มตั้งใจว่าจะให้ตันหยงมาฝึกงานในตำแหน่งของผู้ช่วยแพรพลอยอีกทีและเมื่อเขาเห็นว่าเด็กสาวคล่องงานมากขึ้นเขาก็จะย้ายแพรพลอยให้ไปเป็นเลขาของพ่อเขาแค่คนเดียวและดันตันหยงให้มาเป็นเลขาของตัวเองอย่างเต็มตัว

    “อยากเห็นตัวจริงเร็วๆจังเลยว่าจะน่ารักกว่าในรูปมากแค่ไหนเชียว”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×