ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Restaurant

    ลำดับตอนที่ #3 : \"เศษกระจกแห่งความทรงจำ\" VOL.I

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 48


    ....แต่ทว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้...   ^_~



                    “ว่าไงนะ? โต๊ะที่จองมีแค่สองที่นั่งเท่านั้นเหรอ? ” หญิงสาวถามด้วยความงุนงง



        “หมายความว่าอย่างไรคะ? เรามีตั๋วสามใบนะคะ” เพื่อนของเธอสมทบถาม



        “คืออย่างนี้ครับ ภัตตาคารแห่งนี้ ดีไซน์สำหรับคู่เดทเท่านั้นน่ะครับ” ชายที่ยืนอยู่หน้าภัตตาคารพูด ดูจากป้ายชื่อแล้ว ชายคนนี้ทำงานอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการ



        “ขอประทานโทษนะครับ ผู้หญิงที่มากับคุณเป็นคู่เดทของคุณเหรอครับ?” ผู้จัดการถาม “พี่สาว”ของเด็กชาย หน้าของเขาซีดและเหงื่อหยดที่หน้าผากนิดๆ แล้วถามต่อว่า...



                     “...เอ่อ...คือว่า ภัตตาคารแห่งนี้รับคู่เดทเฉพาะ...”



        “ไม่ต้องพูดมากแล้วน่า!! ความผิดน่ะอยู่ที่คุณนะ ทำไมพวกเราถึงได้บัตรฟรีไม่ครบ 4 ใบ คุณต้องรับผิดชอบเรื่องนี้นะคะ” หญิงสาวพูดเสียงอย่างสงบเสงี่ยม แต่หนักแน่น



                     “ดิฉันไม่เคยทราบมาก่อนว่าภัตตาคารนี้สำหรับคู่ออกเดท ดิฉันเคยมากับเพื่อนแล้วทีนึงเมื่อปีที่แล้ว ดิฉันยังเห็นครอบครัว เพื่อนกับเพื่อน มารับประทานอาหารที่นี่ ไม่เห็นมีปัญหาเลย ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นคะ” หญิงสาวถามอีกครั้งเพื่อขอความเป็นธรรม



                      “นี่คือคอนเซ็ปใหม่ของเจ้าของร้านใหม่ครับ ต้องขอประทานโทษด้วย เจ้าของร้านใหม่เขาอยากโปรโมทให้ภัตตาคารนี้เป็นที่สถานที่สำหรับคู่เดท จำลองภาพเดียวกับตำนานความรักของ ยอดดาราหญิง ฟุจิมิเนะ ยูกิโกะ และนักเขียนนิยายชื่อดัง คุโด้ ยูซากุ ต้องขอประทานโทษด้วยนะครับ จะเพิ่มตั๋วให้เดี๋ยวนี้แหละครับ” พอพูดเสร็จ เขาก็วิ่งไปในร้าน

    ระหว่างรอเขากลับมาพร้อมกับตั๋ว  เพื่อนของหญิงสาวสะกิดเธอเพื่อดึงความสนใจของเธอจากความหงุดหงิด แล้วพูดกับเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และดวงตาที่ตื่นเต้น



                       “ที่นี่ เป็นที่บอกรักของพ่อแม่ชินอิจิเหรอ? ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นที่นี่ เคยแต่ได้ยินข่าว รัน เธอนี่เจ๋งมากเลยนะ ที่ได้มาที่นี่ได้”



                      “ตัวชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ตกใจเหมือนกันตอนที่ได้ยิน”



                      “นี่...” ตาใสปิ๊งๆของเพื่อนมองมาที่เธอ



                      \"?\"



                      “อย่าบอกนะเพื่อนที่ชวนมาทีนี่น่ะเป็นชินอิจิ”



                      “............................” หญิงสาวหน้าแดงอย่างปกปิดไม่อยู่ รวมทั้งคนข้างๆที่เป็นผู้ชายด้วย แต่เพื่อนของเธอจับจ้องแต่หญิงสาว แค่ได้มองตา เพื่อนของเธอก็รู้คำตอบได้อย่างชัดเจน



                      “นั่นแน่ ไม่เคยบอกกันเลยนะ ว่าสามีเคยชวนมา”



                      “บอกแล้ว แต่โซโนโกะไม่ได้สนใจตะหาก” หญิงสาวเฉไฉ



                      “อ๊ะๆ อย่ามาเฉไฉหน่อยเลย มีรึที่ชั้นจะจำไม่ได้? รันนั่นแหละที่ไม่ได้บอก อย่างงี้เหรอที่เรียกว่าเพื่อนน่ะ หา?”



                      “ก็แหม...”



                    “เอาเถอะๆ มันเป็นเรื่องระหว่างเธอสองคนนิ ชั้นไม่ถือหรอกหน่า” การสนทนายังไม่ทันจบ ผู้จัดการก็กลับมาพร้อมกับตั๋วอีกหนึใบ ไม่ทันใดมือเล็กๆฉกไปได้ก่อนเจ้าของ แล้วพูดว่า



                     “ข้อหาที่รันไม่ยอมบอกชั้นเรื่องที่เธอมาแอบจู๋จี๋กะชินอิจิที่นี่ ชั้นจะเอาบัตรนี้ไปทานข้าวกับคุณมาโคโตะสองคนในวันหลัง ฮิฮิ” เพื่อนสาวพูดอย่างหน้าตาระรื่น

                  

                    “แล้ววันนี้ละ?” หญิงสาวถาม

                  

                   “อ้าว! ตั๋วมีเหลืออยู่แค่สองใบเอง ชั้นไม่ยอมเสียตั๋วใบนี้ไปหรอก” เธอพูดพร้อมกับหลิ่วตาให้อย่างเจ้าเล่ห์ แล้วกระซิบที่หูเธอเบาๆว่า

                

                 “วันนี้ ชั้นให้เธอจู๋จี๋กับ น้องชายที่หน้าเหมือนชินอิจิไปก่อนแล้วกัน บาย” แล้วเพื่อนสาวก็เดินจากไป



                     “เฮ้ โซโนโกะ เหมือนกันที่ไหนเล่า? นี่ กลับมาก่อน มาคุยกันให้รู้เรื่องนะ!” เธอตะโกนตามหลังเพื่อนของเธอ เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างๆไม่ได้ยินเสียงกระซิบแต่ก็สงสัยว่าเขาสองคนคุยกันเรื่องอะไร



                     “เฮ้อ โซโนโกะนี่พึ่งไม่ได้เล้ย” หญิงสาวพูดเสียงอย่างเบื่อหน่าย แต่สายตาของเธอแพรวพราวอย่างน่าแปลกใจ เด็กชายได้แต่ยืนสงสัยว่าพวกเขาคุยอะไรกัน สายตาของเธอถึงได้สดใสขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เธอหันมาทางเด็กชายแล้วพูดอย่างยิ้มแย้มว่า

                    

                     “ตอนนี้มีกันอยู่แค่สองคน เรามาเป็นคู่เดทกันนะ โคนันคุง” เธอพูดไปหัวเราะไปอย่างเบาๆ เธอจูงมือเด็กชายเข้าไปในภัตตาคารหรู ผู้จัดการได้แต่ยืนดูเหงื่อหยด มองเขาสองคนเดินจูงเข้าภัตตาคารกับสาวเสริฟอีกคนหนึ่ง เขาคิดในใจว่า



                                      “สงสัยว่าจะหาคู่เดทไม่ได้จริงๆ เลยหันมาเลี้ยงต้อยแทน เฮ้อ... หน้าตาก็ออกจะน่ารัก”





                     บรรยากาศในภัตตาคารหรูนั้น มีเสียงดนตรีนุ่มๆ ไพเพราะเพราะพริ้ง ฟังแล้วน่าเคลิ้มตาม เสียงจากแกรนด์เปียโนช่วยบรรเลงเชิญบรรยากาศจากท้องฟ้ามาเคล้ากับกลิ่นอายของความรักระหว่างหนุ่มสาวที่อบคลุ้งอยู่ภายในภัตตาคาร มองออกไปทางกระจก เป็นเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะลาจากท้องฟ้า สีท้องฟ้าเป็นสีชมพูอมส้มอ่อนๆ แสงจากพระอาทิตย์ส่องเข้าในตัวภัตตาคารเหมือนมาแสดงความยินดีของความรักของหนุ่มสาวที่รับประทานอยู่ในภัตตาคารแห่งนี้ก่อนที่จะลาจากไป รู้สึกถึงได้ถึงความอบอุ่นจากแสงพระอาทิตย์และความรักที่อบอวลอยู่ไปทั่ว หลายตึกที่มองออกไปผ่านทางกระจกเริ่มมีแสงไฟส่องออกมาข้างนอก ...      

      



                                                                  ...เหมาะแล้วที่เป็นภัตตาคารแห่งความรัก...





                   พอถึงโต๊ะที่จองไว้ เด็กชายบอกกับคนที่มาด้วยว่าไปเข้าห้องน้ำก่อนเดี๋ยวกลับมาสั่งอาหาร  หลังจากที่เด็กชายเข้าห้องน้ำ เขาสวนทางคนใส่ชุดดำทั้งชายและหญิงเดินอย่างเกลื่อนกลาด ราวกับมางานศพ บรรยากาศดูแปลกๆ ไม่สมกับภัตตาคารแห่งความรักเลย...เฮ้!..เดี๋ยวก่อน....!







    …..หรือว่า?...



                    เด็กหนุ่มน้อยนั่งไตร่ตรองอยู่นาน…สรุปว่า “ไม่หรอกหน่า นายน่ะคิดมากไปเอง รีบกลับไปหารันดีกว่า” เด็กชายรีบเดินกลับไปที่ภัตตาคาร ไม่นานนักคนใส่สูทดำกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวให้เห็นชัดขึ้น เสียงสนทนาของพวกเขาก็ดังขึ้นด้วย แต่ไม่ดังพอที่หูของนักสืบตัวน้อยได้ยิน จับใจความได้ว่า



                   “ได้รึยัง ไอ้ตัวที่ผลิตใหม่น่ะ” คนหนึ่งจากกลุ่มสองคนพูด ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเพศไหน ตัวสูงๆผอมๆกล่าวขึ้นอย่างเสียงต่ำๆ คาดเดาว่าเป็นผู้ชาย



                    “ยังเลยลูกเพ่ ทั้งของที่สั่งรวมทั้งคนที่ทำด้วย มันเลยเวลามานานแล้วนะ ผมย้ำแล้วนะ...ผมย้ำแล้วนะว่า...”



                    “หุบปาก ไม่ต้องย้ำก็ได้ กูรู้หน่าความผิดที่อยู่ที่ใคร” คนเดิมพูดให้คนข้างๆ ลักษณะล่ำๆ ใส่แว่นตาดำแม้แต่อยู่ในตัวอาคาร(มันตาบอดรึงายเนี่ย?) ไม่ต้องพูดต่อ เด็กหนุ่มหันมาอีกครั้งเพราะเหมือนได้ยินสียงแว่วๆ แต่ไม่เห็นและได้ยินอะไรจึงเดินเข้าภัตตาคารอย่างไม่ได้สนใจ



                    “Sorry นะที่ทำให้รอนาน” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา บริเวณที่สองคนอยู่ใกล้กัน มองจากภาพรวมๆแล้ว เธอน่าจะเป็นเพศหญิง ผมบลอนด์ยาวหยิกเป็นคลื่นๆสรวย ใส่หมวกดำ ใส่ชุดทำงานแบบกระโปรงสั้นสีดำ ส้นสูงสีดำ ริมฝีปากแดงราวกับสีเลือด เธอยิ้มแค่มุมปากนิดๆ เห็นหน้าของเธอไม่ชัดนัก จึงไม่แน่ใจว่าจะเป็นคนต่างชาติรึเปล่า



                    “ทำไมถึงนานนักล่ะ” คนใส่แว่นดำถาม



                   “ไม่เคยได้ยินสำนวนนึงเหรอว่า ‘ช้าๆได้พร้าเล่มงาม’ น่ะ” หญิงสาวถาม



                   “ไม่เคย” เขาขานตอบ



                   “ไม่แปลกใจเล้ย” เธอพูดอย่างกระแนะกระแหน



                  “หมายความว่าไง? ตอบ...” คำพูดนั้นไม่ได้ดำเนินต่อ เนื่องจากฝ่ามือยาวๆของชายอีกคนยกขึ้นเป็นสัญญาณให้คนพูดเงียบลง เขา

    พูดต่อว่า



                    “อย่าให้เล่นลิ้นมากนักนะ สรุปว่าไง? รายงานมา” เขาพูดอย่างเย็นชา



                    “แหม...อย่าเย็นชามากนักสิ I don’t want to crush on you น่ะ” หญิงสาวพูด

                  (แหม...อย่าเย็นชามากนักสิ ชั้นไม่อยากหลงใหลในตัวเธอนะ)

                                                                                      *****

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×