ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Restaurant

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 “เศษกระจกแห่งความทรงจำ”

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 48




                      ณ  สถานที่แห่งหนึ่ง เป็นภัตตาคารธรรมดาๆในบริเวณเบกะ แต่สถานที่แห่งนั้นเป็น สถานที่แห่งความทรงจำของคู่รักหลายๆคู่ รวมกระทั่งเด็กน้อยคนหนึ่ง  ซึ่งดูจากภายนอกแล้วไม่น่าเป็นไปได้ว่าเขาจะมีความทรงจำกับสถานที่นั้นได้เหมือนกัน

        

                      เหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ แต่เขาก็ได้พลาดโอกาสอย่างน่าสมเพช เด็กชายไม่เคยมีแววตาที่มีความสุขหลังจากนั้น เขาได้แต่ไตร่สวนตัวเองว่าทำไมเขาถึงทิ้งโอกาสไปได้อย่างนั้น เด็กชายคนนั้นนั่งมองวิวผ่านหน้าต่างออกไป มองท้องฟ้าออกไปจนสุดสายตา (คนแต่ง: อยากจะอ้วก)  นั่งไตร่ตรองถึงต้นเหตุว่าเพราะเหตุใดถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ในตามประสาของคนช่างสงสัย นาฬิกาเดินผ่านไปเรี่อยๆอย่างที่มันควรจะเป็น แต่ความเงียบที่อยู่ในห้องเงียบๆคนเดียวอย่างนั้น ถึงแม้นว่าจะเป็นเวลาแค่เสี้ยวนาที ความเสียใจของเด็กชายได้ปาดลึกลงไปในจิตใจเหมือนกับเวลาผ่านไปได้เป็นปีๆ เขานั่งคิดไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย...



                     จนในที่สุดเขาก็ได้คำตอบอยู่ในหัวแล้ว สำหรับเขาแล้วจะเป็นคำตอบอะไรก็ช่าง แต่ขอให้ทุกครั้งเวลาที่เขาคิดนั้นมีคำตอบให้กับตัวเองทุกครั้ง สมองของเขาตอบรับมาว่า เพราะว่าเขาอยากจะเป็นนักสืบ  “นักสืบ” เท่านั้น ทำให้เขาทำร้ายคนรอบข้างที่รักเขา รวมกระทั่ง “คนๆนั้น” ด้วย เขานั่งยิ้มเศร้าๆอย่างสมเพชตัวเอง และบ่นกับตัวเองว่า “หึ สมควรแล้วล่ะ...สมควรแล้ว ที่เค้าคนนั้นจะเดินจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา ชั้นมันโง่เอง...เค้าคงจะไม่รอชั้นอีกต่อไปแล้วล่ะ”



    Rrrrrrrrrrrrrrrrrr...



        “ฮัลโหล... สำนักงานนักสืบโมริครับ”

                  “.................................................”

                  “ฮัลโหล...ฮัลโหล........”

                  “...เหอะๆๆๆ...” เสียงลึกลับนั้นตอบขานคำพูดของหนุ่มน้อยคนนั้น

                  “นายเป็นใครน่ะ? ตอบมาเดี๋ยวนี้นะ!!” เด็กชายตะโกนอย่างเสียงเคร่งเครียดลงไปในโทรศัพท์ แต่ใบหน้าของเขานั้นซีดอย่างไม่เห็นวี่แววของสายเลือดขึ้นไปเลี้ยงที่ใบหน้าเลยแม้แต่น้อย



                    ตื๊ด.....ตื๊ด......ตื๊ด.....  



    เขาได้วางโทรศัพท์ลงไป สมองของเขาเริ่มทำงานหาคำตอบอีกครั้งว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาคิดไปต่างๆนาๆ รวมทั้งเรื่ององค์กรลึกลับที่ใส่แต่ชุดสีดำ...และแล้วบางอย่างได้รบกวนสมาธิเขาอีกครั้ง...

                  

    Rrrrrrrrrrrrrrrrrr...



    คราวนี้หนุ่มน้อยคว้าโทรศัพท์อย่างไม่ลังเลใจ



    “นายต้องการอะไรกันแน่?!!!”

    “อะไรกันจ้ะ โคนันคุง เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”  เสียงนุ่มๆของสาววัยรุ่นที่เป็นเจ้าของบ้านรวมทั้งเป็นผู้ดูแลของเด็กชายคนนั้นถามเด็กชายคนนั้น



    “พ...พี่รันเหรอฮะ?”  



    “ใช่จ้ะ จะให้เป็นใครเหรอจ้ะ? มีคนโทรมาก่อนหน้าพี่งั้นเหรอ?”



    “ไม่ใช่ฮะ...เก็นตะเค้าโทรมาแกล้งผมครับ” ทั้งที่จริงแล้วเป็นใครก็ไม่ทราบ แต่สมองเพิ่งนึกขึ้นมาชื่อนึงได้ เขาคนนั้นเลยกลายเป็นแพะรับบาปไป  (น่าสงสารจริงๆ ^_^;;;)



    “อย่างงั้นเหรอจ้ะ? เก็นตะคุงนี่ใช้ไม่ได้เลยเนอะ”



    “เอ่อ...ฮะ...แล้วพี่รันโทร.มามีอะไรครับ?” เด็กชายรีบเปลี่ยนเรื่องโดยทันที



    “อ๋อ...จะถามว่ามีใครโทรมาจ้างงานคุณพ่อบ้างรึเปล่าจ้ะวันนี้?”



    “ไม่มีครับ (คิดในใจ: จะมีได้ไงฟะ?)”  



    “งั้นก็ดีแล้วแหละ” สาวคนนั้นตอบด้วยเสียงใส



    “เอ๋??” เด็กชายเปล่งเสียงด้วยความประหลาดใจ



    “...ก็วันนี้น่ะ คุณพ่อได้รับบัตรทานอาหารฟรีที่ภัตตาคารดาดฟ้าอาคารเบกะเซ็นเตอร์น่ะ ได้ตั้งสามที่เชียวนะ!!!”

    หนุ่มน้อยเงียบไปในขณะหนึ่ง  อดีตที่แตกร้าวที่อยากจะลืมได้หวนกลับมาอีกครั้ง เขาไม่ฟังคำพูดต่อจากนั้นอีกเลย  อดีตมาบาดที่บาดแผลเดิมอีกครั้ง…อีกครั้ง...



    “เฮ้ โคนันคุง!ยังฟังกันอยู่รึเปล่า? สรุปจะไปด้วยกันรึเปล่า?”  เสียงพูดจากโทรศัพท์เรียกสติเด็กชายนั้นอีกครั้ง



    “...ฮ...ฮะ...” เด็กชายตอบ



    “งั้นประมาณ ห้าโมงเย็นพี่จะไปรับที่บ้านนะ แต่งตัวให้เรียบร้อยนะ แค่นี้ก่อนนะจ้ะ บาย”



    “บายครับ”



                   หนุ่มน้อยวางโทรศัพท์แล้วเหลือบมองดูนาฬิกา เขาแทบจะไม่เชื่อสายตาของตนเอง ว่าเหลือเวลาอีกสิบห้านาทีก่อนเวลานัด เขารีบเข้าห้องน้ำแล้วอาบน้ำโดยทันที ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขายังมีเวลาเหลืออีกห้านาทีก่อนเวลานัด เขาเลือกชุดที่เขาคิดว่าดูดีที่สุด ชุดสูทน้ำเงินเข้มกับโบว์กระต่ายสีแดง หวีผมส่องกระจกเพื่อให้แน่ใจว่าดูดีพอแล้ว (ปัดโธ่! ทำยังไงหล่อได้แค่นั้นแหละ อีตาขี้เก๊กเอ๊ย!!)  

    หลังจากที่เขาหวีผมเสร็จ เขาจ้องมองตัวเองที่กระจกพร้อมกับนึกถึงวันเวลาเก่าๆที่มันวนเวียนอยู่ในความทรงจำ เหมือนกับภาพซ้อนกับเวลานั้นไม่มีผิด เหมือนกับว่ากระจกกำลังสะท้อนความหลังที่ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ เขาบ่นพึมพำกับตนเองว่า “อยากกลับไปเป็น คนเดิมจังเลย กลับไปเป็น...คุโด้ ชินอิจิ…”



    นิงหน่อง!





    “โคนันคุง แต่งตัวเสร็จรึยังจ้ะ?” เสียงหวานๆดังมาจากประตู



    “ฮะ พี่รัน ไปเดี๋ยวนี้แหละฮะ” เขาผลุนผลันไปที่ประตูเพื่อจะออกไปอีกที



    เปิดประตูออกไปเจอ “พี่สาว(?)” ของเด็กชาย ใส่ชุดแซกสั้นสีขาว แก้มชมพูระเรื่อ ริมฝีปากสีชมพูใสๆพร้อมกับรอยยิ้มหวานราวกับนางฟ้า แต่ทว่าดวงตาที่มีเปลือกตาสีขาวจางราวกับไข่มุกของหญิงสาวนั้นดูขุ่นมัว ไม่เหมือนกับใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย มันหมายความว่าอย่างไร? เด็กชายคนนั้นสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง



    “พร้อมรึยังจ้ะ?” หญิงสาวถาม



        “พร้อมฮะ”



        “ เอ๋? โคนันคุงลืมใส่แว่นตาน่ะ เปิดประตูได้ยังไง เห็นประตูเหรอจ้ะ”



        “...เ...เอ่อ...ยังพอมองเห็นบ้างฮะ ยังพอเห็นเลือนลาง” เด็กหนุ่มโกหกออกไปอย่างไม่ละอายปาก



                  “โคนันคุงตอนนี้ดูดีกว่าตอนใส่แว่นนะ...ดูดีเหมือนกับชิน...” ยังไม่ทันได้เสร็จประโยค หญิงสาวนิ่งเงียบไป พร้อมกับน้ำตาคลอที่เบ้าตา เด็กชายก็นิ่งไปเหมือนกัน เขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับเอาเศษกระจกแห่งความจำปาดแผลให้มันลึกลงไปอีก ในใจของเด็กน้อยคนนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเพราะไม่อยากเห็นน้ำตาของคนรักของเขาอีกแล้ว...ไม่อยากอีกแล้ว...เขาอยากจะบอกความจริงเรื่องที่เกี่ยวกับองค์กรให้มันรู้แล้วรู้รอดไป และเรื่องนั้นด้วย...เรื่องที่ยังไม่ได้พูดตอนที่อยู่ในภัตตาคารนั้น ช่วงเวลาสั้นๆที่เด็กน้อยกลับร่างเดิม, ร่างชินอิจิ



               “ไม่ไปเอาแว่นตาเหรอจ้ะ พี่ไม่อยากจูงคนตาบอดนะ ฮิฮิ” เสียงใสๆนั้นทำลายความเงียบลง พร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนคราบน้ำตาของหญิงสาวผู้นั้น เด็กชายพยักหน้าแล้วรีบวิ่งไปเอาแว่นตาบนโต๊ะเครื่องแป้งทันที ระหว่างที่หญิงสาวยืนรอได้บ่นพึมพำเบาๆพร้อมกับปาดน้ำตาว่า



                   “ชั้นนี่มันบ้าจัง ยังคิดถึงอีตาบ้าที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่” เด็กชายวิ่งกลับมาที่ประตูอีกครั้ง ปิดประตู แล้วเดินออกไปลงบันไดพร้อมกับจูงมือที่แสนนุ่มอย่างเคย เดินออกไป มุ่งหน้าไปสถานที่แห่งความทรงจำของเขาทั้งสอง



                    

                     ระหว่างทาง สองคนนั้นดูเหมือนว่าไม่ได้เดินด้วยกันถ้าไม่เห็นจูงมือกัน ไม่มีการพูดคุยหัวเราะคิกคักเหมือนเคย เด็กน้อยมองสิ่งรอบๆตัว สิ่งที่เขาเห็นนั้น คือ ท้องฟ้ากำลังจะเปลี่ยนสี พระอาทิตย์กำลังตกดิน แสงไฟตามถนนเริ่มสว่างขึ้น รถติดยาวรอสัญญาณไฟอยู่บนถนน ต้นไม้ที่อยู่ตามทางประดับดวงไฟเล็กหลายๆสี ผู้คนเดินไปเดินมาอย่างคึกคัก มีหลายๆคู่หนุ่มสาวเดินจูงมือกันอย่างมีความสุข ภาพบาดตานั้นทำให้เด็กน้อยเลิกสนใจแล้วหันมาสนใจที่เดินข้างๆแทน เขาเห็นสีหน้าอันหมองหม่นของเธอ สีหน้าแบบนั้นของเธอทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เขาจึงทำลายความเงียบพร้อมกับคำถามว่า



      “พี่รันเป็นอะไรฮะ?”



      “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีเพื่อปิดบังความเศร้าของเธอ แล้วเธอตอบต่อเขาว่า



      “พี่น่ะ แค่คิดอะไรไปเรี่อยเปื่อย อย่าสนใจเลยจ้ะ” แค่เด็กชายมองตาของเธอเขารู้โดยทันทีว่าเธอกำลังโกหก ทักษะการวิเคราะห์ที่เขาสะสมมานานและรู้จักกันมานาน เขารู้ทันทีว่าเธอกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่คิดจะถามต่อ เขาเปลี่ยนเรื่องทันทีเพื่อให้เธอลืมความเศร้าชั่วคราว



      “พี่รัน พวกเราจะไปเจอลุงโคโกโร่ที่ร้านอาหารเหรอครับ?”



      “จ้ะ ว่าแล้วพี่โทรถามก่อนนะ ว่าตอนนี้คุณพ่ออยู่ตรงไหนแล้ว” หลังจากนั้นเธอหยิบมือถีอที่เด็กหนุ่มเป็นคนให้ขึ้นมาเพื่อโทรไปถาม แต่แล้ว สรุปว่า...



      “ว่าไงนะ? คุณพ่อมีนัดแล้วเหรอ? ทั้งๆที่เป็นคนชวนเองนะ ทำไมเป็นคนแบบนี้ล่ะ”



      “ลูก นี่มันงานกะทันหันนะ ชวนคนอื่นแทนพ่อแล้วกัน เอ้อ! อย่าลืมบอกพนักงานว่าโต๊ะที่จองเป็นชื่อพ่อนะ”  “เสียงแก่ๆ”ในโทรศัพท์พูด

      

      “เหอะๆ เสียงงี้เหรอที่พบกับลูกค้า? เสียงเหมือนคนเมาอย่างงี้เนี่ยนะ? ไม่แปลกใจเล้ยที่แม่เค้าทิ้งไปน่ะ” หญิงสาวพูดอย่างเบื่อหน่ายกลับไป



       “นี่ๆ พูดมากไปแล้วนะ อย่ามายุ่งกะเรื่องผู้ใหญ่เค้า แค่นี้ก่อนแล้วกัน ”



       “คะ ดื่มไปให้สบายนะคะ!”  ถึงเสียงของเธอพูดจาไพเราะ แต่ความรู้สึกที่เด็กชายรับรู้นั้นมีแต่ความโกรธ หลังจากเสร็จจากการสนทนาสั้นๆกับพ่อของเธอ หญิงสาวยืนอยู่นิ่งๆ ใบหน้านิ่งๆ แต่ที่มือเธอนั้น เธอกำโทรศัพท์ไว้แน่นจนเห็นเส้นเลือด เด็กชายได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆ พร้อมกับภาวนาขอให้เธอหายโกรธเร็วๆ



                      ช่วงเวลาหนึ่งระหว่างที่เขารอให้คนข้างๆหายโกรธ สัญชาตญาณของนักสืบของหนุ่มน้อยได้ถูกกระตุ้นขึ้น อะไรบางอย่างกำลังจับจ้องมาที่พวกเขา



        “นั้นอะไรน่ะ?” เด็กชายคิดในใจพร้อมกับมองหาเป้าหมาย แต่ทว่าคนข้างๆมีปฎิกิริยา เขาเลยเลือกที่จะสนใจเธอมากกว่า หญิงสาวคลายมือที่กำโทรศัพท์ออก แล้วกดโทรศัพท์อีกที...



    ตรู๊ด......ตรู๊ด......



    “ฮัลโหล” มีเสียงตอบกลับมาในโทรศัพท์





    “โซโนโกะเหรอ? วันนี้ว่างที่จะมาทานข้าวไหมที่ภัตตาคารดาดฟ้าอาคารเบกะเซ็นเตอร์น่ะ?” เธอถามอย่างเสียงใส



    “ จริงอะ?   อุ๊ยต๊าย!  ที่นั่นหรูมากเลยล่ะ ทำไมถึงไปทานถึงที่นั่นล่ะ?”



    “อ๋อ...คุณพ่อได้รับบัตรฟรีน่ะ แล้วพ่อเค้าเบี้ยว เลยชวนโซโนโกะน่ะ



    “ เหรอ? งั้น อีก 15 นาทีเจอกันนะ”



    “จ้า” เธอตอบอย่างเสียงใส



    “แล้วเจอกันนะ ที่หน้าประตู บาย”



                              

                                หลังจากวางหูโทรศัพท์ ใบหน้าของหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จึงทำให้เขาลืมสัญญาณอันตรายที่สัญชาตญาณได้เตือนเขา เด็กชายมอ หน้าสาวข้างกายเขา ไม่ต้องบอกหรือแอบได้ยินการสนทนา หนุ่มน้อยก็พอจะเดาออกว่า โซโนโกะยอมที่จะไปกับเธอ ใบหน้าของเด็กชายเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เศร้าๆ ในใจของเด็กชายนั้นได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า อย่างน้อยการไปภัตตาคารครั้งนี้ จะเป็นความทรงจำที่ดีสำหรับ “รัน” เธอจะได้ไม่ต้องผูกใจเจ็บกับเรื่องเก่าๆ ณ ภัตตาคารแสนอร่อยแห่งนี้ แต่ในใจลึกๆของเขาแล้ว เขาอยากให้ความทรงจำที่ภัตตาคารนั้นระหว่างเขาและเธอ งดงามเหมือนกับในอดีต... ซ้ำรอยเดียวกับตำนานรักของพ่อแม่ของเขา แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะมันอยู่เหนือการควบคุมของเขาแล้ว

                                                                                   ******





    (....แต่ทว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้...   ^_~)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×