ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผ่านภพบรรจบฟ้า (ตีพิมพ์กับสนพ. คำต่อคำ)

    ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ ๒๑ เมาแล้วแม้แต่เทพก็ลงมาคลุกดิน

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 59



    ตอนที่ ๒๑ เมาแล้วแม้แต่เทพก็ลงมาคลุกดิน




    ครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับท่านจอมยุทธ์เฟยหรง เอ้า ดื่ม จินฟู่ยกจอกเหล้าซดทีเดียวหมด


    จะว่าไปเรื่องดื่มเหล้านี้ตั้งแต่ได้รู้จักกับศิษย์พี่ร่วมอาจารย์เพียงหนึ่งเดียวในหอจันทรา ก็ถูกเขาบังคับให้ดื่มเป็นเพื่อนอยู่หลายหน ช่วงแรกทำเป็นอ้างว่าให้ฉันหัดเอาไว้ ไปๆมาๆถึงได้รู้ว่าศิษย์พี่เพียงอยากหาคนมานั่งฟังเขาพร่ำเพ้อเรื่องที่จีบหัวหน้าหน่วยห้าไม่สำเร็จสักทีเท่านั้น ไอ้ครั้นจะไปพร่ำเพ้อให้ลูกหน่วยฟังก็ดูไม่เข้าท่า ไปพร่ำเพ้อให้หัวหน้าหน่วยด้วยกันฟังก็ไม่เข้าที หันซ้ายหันขวาในที่สุดก็มาคว้าเอาฉันซึ่งไม่ได้สังกัดหน่วยไหนทั้งยังเป็นศิษย์น้องของเขาเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ถูกบังคับมาฟังเขาเช่นนี้หลังจากสลบเหมือดคาไหเหล้าไปหลายรอบ ในที่สุดทักษะการดื่มเหล้าก็พัฒนานั่งฟังเขาพร่ำเพ้อจนจบแถมหลังๆยังแบกเขากลับไปส่งเรือนพักได้อีกด้วย นับว่าพัฒนาจนถึงขีดสุดจริงๆ


    ฉันยกจอกเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียว จินฟู่ส่งเสียงเฮ


    เจ้านี่ไม่เบาเลยจริงๆทองคำอันแสนมั่งคั่งยิ้มร่า นอกจากได้หัวใจสาวงามมาแล้ว ยังได้หนทางไปสู่ภารกิจอีก ไม่เบาๆ


    ฉันถลึงตาใส่ อยากจะว่าก็ว่าได้ไม่เต็มปาก ย้อนไปตอนที่อยู่คฤหาสถ์คหบดีจ้าง เจ้าจินฟู่ไม่เสียแรงที่เป็นคนจากหอนภา พูดคุยกับคหบดีไปไม่เท่าไหร่ก็ตีสนิทได้อย่างรวดเร็ว คุยเรื่องการค้าทั้งภายในภายนอกแคว้นอย่างออกรส คุยจนกระทั่งคหบดีเผลอปรับทุกข์มาว่ายังหาคนคุ้มกันขบวนสินค้าที่จะไปเมืองตานหยางไม่ได้ เนื่องจากสินค้าครั้งนี้เป็นอัญมณีสูงค่าที่จะส่งไปให้ขุนนางผู้หนึ่ง นอกจากคนคุ้มกันต้องมีฝีมือแล้วยังต้องไว้ใจได้อีกด้วย


    ตอนแรกจินฟู่เพียงไต่ถามเลียบๆเคียงๆทั่วๆไป กลับได้รู้ว่าขบวนสินค้านี้เมื่อส่งของให้ขุนนางเมืองตานหยางเสร็จ จะรับของจากตานหยางกลับไปเมืองหลวงเพื่อส่งให้เสนาบดีคลังอีกต่อหนึ่ง เท่านั้นทองคำอันแสนมั่งคั่งก็ดั่งเกิดประกายในดวงตา อาศัยทักษะพ่อค้าที่ได้ฝึกฝนมาลากพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้ จบที่เสนอการช่วยเหลือโดยให้หยางชุนจิ้นเหอและฉันเข้าร่วมขบวนคุ้มนี้กันด้วย คหบดีจ้างเกรงอกเกรงใจอย่างมาก เนื่องจากตอนแรกที่เขาเสนอของมีค่าเพื่อเป็นการตอบแทนฉันเรื่องที่ช่วยบุตรสาวเขานั้นฉันไม่ได้รับไว้ จะให้มารับความช่วยเหลือเพิ่มเช่นนี้ก็อย่างไรอยู่ เจ้าจินฟู่กับคุณหนูซือเหมยช่วยกันเกลี้ยกล่อมอยู่นานจนในที่สุดเขายอมตกลง ยังกล่าวยกย่องฉันอีกด้วยว่าเป็นจอมยุทธ์ที่เปี่ยมทั้งความสามารถและคุณธรรม

     

    ชื่อเฟยหรงนั่นเจ้าไปเอามาจากไหนกันจิ้นเหอถาม


    ตอนแนะนำตัวจินฟู่จัดแจงเปลี่ยนชื่อให้ฉันเรียบร้อยว่าเฟยหรง ท่าทางเขาตอนพูดแนะนำนั้นหากไม่สังเกตให้ดีจะไม่ทราบเลยว่าเขาชะงักไปนิดหนึ่งในตอนจะพูดชื่อ แต่เพียงนิดเดียวก็พูดต่อได้อย่างไหลลื่นไร้พิรุธ


    จะเอามาจากไหนเล่า ข้าก็คิดได้มั่วๆเอาตอนนั้นนั่นแหล่ะเจ้าจินฟู่ตอบ


    ได้ยินคำว่ามั่วๆของเขาแล้วฉันก็มีอันต้องยกเหล้าขึ้นดื่มอีกจอกย้อมใจ


    เสนาบดีคลังผู้นั้นใช่ว่าจะได้เข้าพบง่ายๆ พวกเจ้ามีโอกาสได้ไปส่งสินค้าให้เขาเช่นนี้จะได้สืบหาช่องทางวางแผนต่างๆไปด้วย แม้การเดินทางไปตานหยางแล้วกลับไปเมืองหลวงจะนานอยู่สักหน่อยก็นับว่าคุ้มอยู่


    หยางชุนพยักหน้าเห็นด้วย เมืองตานหยางอยู่ทางตะวันตกของแคว้นฉู่ใกล้กับแคว้นฉิน บางทีอาจได้ข่าวความเคลื่อนไหวของฉินมาบ้าง


    พูดถึงแคว้นฉินแล้วก็นึกขึ้นได้จินฟู่วางจอกเหล้า เมื่อสามเดือนก่อนข้าเจอยี่สิบสอง พวกเจ้าจำนางได้หรือไม่


    จำได้ นางก็อยู่หอนภาเหมือนรึฉันถามกลับ ยังจำได้ดีถึงแม่ค้าประจำรุ่นผู้นั้น


    นางผ่านการทดสอบเข้าสู่หอนภาเช่นเดียวกับข้าตอนนี้อยู่สังกัดค้าเร่ สามเดือนก่อนผ่านมาแถวนี้จึงแวะมาเยี่ยม มาเยี่ยมแล้วก็บอกข่าวว่าได้พบกับสิบสองที่แคว้นฉิน


    จิ้นเหอหันมอง 


    งูพิษนั่นไปทำอะไรที่แคว้นฉิน


    เรื่องนี้ข้าไหนเลยจะรู้จินฟู่ตอบ ถามแล้วนางก็ตอบเพียงว่าหอวารีคงส่งนางไปประจำอยู่ที่นั่น ส่วนอยู่ในบทบาทใดนั้นนางไม่ได้บอกข้า


    เหตุใดนางถึงไม่บอก


    หอวารีพวกเจ้าก็รู้กันอยู่ หน้าที่พวกเขาหลักๆแล้วคือแฝงตัวเข้าไปสืบข่าวรวมถึงให้การสนับสนุนหออื่นอย่างลับๆ ดังนั้นตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาจำเป็นต้องกลบไว้ให้มิดที่สุดเพื่อเล่นไปตามบทบาทที่ได้”


    เช่นนั้นก็แปลว่าสิบสองอยู่แคว้นฉิน จะเหลือก็แต่สิบเก้า เจ้าได้ข่าวเขาบ้างหรือไม่


    ไม่เลย ข้าไม่ได้ข่าวใดของเขาแม้แต่น้อย พวกเจ้าทำภารกิจกันไปทั่วไม่เจอเขาบ้างรึ


    ข้าไหนเลยจะได้ออกไปข้างนอกบ่อยๆฉันตอบ ตอบแล้วก็มองหยางชุนกับจิ้นเหอสลับไปมา


    ข้าไม่เคยพบเขาหยางชุนตอบสั้นๆ


    ข้าเองก็ไม่เคยพบเจ้านั่นเลยจิ้นเหอตอบ


    แปลกจริงฉันพึมพำ ในใจนึกเป็นห่วงขึ้นมา เจ้าลองเลียบๆเคียงๆถามพวกวารีที่อยู่แถวๆนี้ดูไม่ได้รึเงยหน้าขึ้นมองจินฟู่ แต่เขาก็ส่ายหน้า


    พวกวารีขึ้นชื่อเรื่องปิดปากเงียบยิ่งกว่าผู้ใด พวกเขาจะไม่บอกสิ่งใดนอกจากเรื่องที่ควรบอก


    บทบาทที่เขาได้รับอยู่ตอนนี้อาจยากต่อการเข้าถึงหยางชุนพูดเสริม จากพรสวรรค์ของเขาที่มีมาตั้งแต่ต้น ไม่แน่ว่าอาจเป็นบทบาทสำคัญ


    จริงของเจ้าฉันเห็นด้วย สิบเก้าโดดเด่นเรื่องหาข่าวมาแต่ไหนแต่ไร ได้รับการชี้แนะจากหอวารีไม่แน่ว่าบัดนี้จะกลายเป็นเจ้าแห่งการสอดรู้ไปแล้ว หนทางสอดรู้รุ่งโรจน์สว่างสไวเป็นอย่างมาก


    จินฟู่สำลัก ไอไปก็กล่าวหาฉันว่าพูดถึงสิบเก้าทั้งหน้ามึนๆอย่างไร้สำนึกเช่นนั้นไม่รู้สึกผิดต่อเขาบ้างหรืออย่างไร ต้องโดนทำโทษให้ดื่มคนเดียวจนหมดกา


    พวกเราพูดคุยกินดื่ม จากกาเริ่มเป็นไห ที่ผ่านมานึกว่าตัวฉันถูกศิษย์พี่เคี่ยวกรำจนคอแข็ง เหล้าธรรมดาไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่คาดพวกเขาทั้งหมดต่างก็ถูกเคี่ยวกรำมาคอแข็งอย่างร้ายกาจไม่ต่างกัน


    จำได้ว่าตอนป่าทดสอบนั่นข้าออกมาเป็นคนสุดท้ายเจ้าจินฟู่ยกไหดื่มอึกหนึ่งก่อนจะเช็ดปากพูด แม้หน้าจะแดงก่ำแต่สภาพยังไม่ถึงกับล้มพับ พวกเจ้าแต่ละคนผ่านมาได้อย่างไรไม่มีโอกาสได้ถามสักที


    ก็ผ่านออกมาอย่างที่เจ้าเห็นนั่นอย่างไรเล่าจิ้นเหอตอบ ลากเก้าอี้ไปนั่งขัดสมาธิกอดไหเหล้าพิงตู้หนังสือของจินฟู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่อาจทราบ


    ข้าเห็น?!จินฟู่ทวนคำเสียงสูง เห็นสิ่งใด ตอนนั้นดวงวิญญาณจะหลุดออกจากร่างอยู่รอมร่อ เจ้าอยู่ตรงนั้นไม่เห็นรึ!” พูดเสียงดังลั่นไม่พอ เอามือข้างหนึ่งชี้หน้าหยางชุนด้วย


    ฉันส่ายหน้า ลุกขึ้นจากพื้นเดินโงนเงนไปดึงมือเขาให้ชี้ไปทางจิ้นเหออย่างถูกต้อง เมื่อถูกต้องแล้วก็โงนเงนกลับมานั่งพื้นที่เดิม


    จริงด้วยจิ้นเหอทำท่านึกได้ เจ้าอ้วกใส่ธงหอนภา ข้าจำได้


    เรื่องนั้นทำข้าต้องล้างบันไดหอไปเป็นเดือน เป็นหอการค้าดันอุตริสร้างบันไดยาวยิ่งกว่าหอสุริยันเสียอีก บ้าบอโดยแท้!”


    คราวนี้ฉันเงยหน้ามองเพดานส่ายหัวไปมา หากมีคนจากหอนภาอยู่แถวนี้โปรดทราบว่าฉันไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเจ้าบ้านั่นทั้งสิ้น


    จำได้ว่าหอเจ้าต้องสังหารหนึ่งชีวิตจินฟู่หันไปหาหยางชุน บัดนี้ตรงโต๊ะน้ำชาเหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ เจ้าผ่านมาได้อย่างไร


    นายท่านผู้ล้ำเลิศนั่งหลังตรง บุคลิกสงบนิ่ง นอกจากหน้าที่แดงจางๆแล้วยากจะดูออกว่าเขาเองก็โดนไปหลายกา


    ข้าถูกซุ่มโจมตีหยางชุนตอบ ระหว่างกำลังสู้กับฝูงหมาป่าพวกเขาก็รุมเข้ามา จึงจัดการไปแล้วผ่านเกณฑ์


    จินฟู่เลิกคิ้ว จัดการ อย่างไร?”


    ตายหมด


    คิ้วจินฟู่ตกลง 


    กี่คน


    สาม


    แล้วหมาป่า


    ตายหมด


    เกิดความเงียบขึ้นในห้องพักส่วนตัวของนายใหญ่แห่งแว่วเสียงคีตา หยางชุนยกจอกเหล้าขึ้นดื่มเงียบๆ ส่วนจินฟู่หันมาสบตากับฉันที่นั่งกองอยู่บนพื้น สบอยู่พักหนึ่งจึงหันไปทางจิ้นเหอ


    แล้วเจ้าเล่า ไม่ใช่ว่าตอนแรกอยากเข้าสุริยันหรืออย่างไร


    จิ้นเหอไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที


    ข้าไปไม่ทันเขาพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ไอ้เจ้าบ้านั่นอาศัยจังหวะข้าต่อสู้ติดพัน วิ่งแซงออกไปหน้าด้านๆ!” พูดแล้วก็ลุกพรวดขึ้นยืนบนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งกอดไหอีกข้างทำเป็นคว้าทวนจากด้านหลัง หากไม่ติดว่าก่อนหน้านี้ข้าหลงทาง ผู้ใดก็แซงข้าไม่ได้!”


    ฉันเงยมองจิ้นเหอที่กำลังถือทวนล่องหนชี้ไปด้านหน้า


    แล้วเจ้าสังหารผู้ใดถึงผ่านเกณฑ์ได้จินฟู่ถาม ตามองมือจิ้นเหอที่กำอากาศไม่ต่างจากฉัน


    นอกจากหมีแล้วข้าก็ไม่ได้สังหารผู้ใดจิ้นเหอตอบ ทำท่าเอาทวนค้ำไว้กับพื้น ติดอยู่เพียงว่าในมือเขาไม่มีทวนจริงๆก็เท่านั้น ไปไม่ทันสุริยัน แต่จันทรากลับบอกว่าข้าผ่านเกณฑ์ของพวกเขาแทน


    หลักเกณฑ์ของจันทราคือสังหารหนึ่งชีวิต ไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นชีวิตคนหรือสัตว์หยางชุนพูดเรียบๆ ข้าได้ยินตัวแทนจันทราพูดว่าจิ้นเหอฆ่าหมีไปเกือบหมดป่า อย่างไรเขาก็ผ่านเกณฑ์


    ตัวฉันที่กำลังจะเลื้อยลงไปเอาหน้าแนบพื้นพลันแข็งทื่อ ที่แท้หนึ่งชีวิตที่ว่านั้นกลับมีช่องโหว่ พวกเขาไม่ได้ทดสอบความโหดเหี้ยมแต่ทดสอบสติปัญญาไปด้วย


    ที่แท้เป็นเช่นนี้เองจินฟู่พยักหน้าเข้าใจ ที่ว่าพวกเขาโหดเหี้ยม แท้จริงแล้วมีแต่พวกเราเข้าใจไปเอง แล้วเจ้าเล่าหลิ่งเฟย


    พอได้แล้วหยางชุนพูดขัดขึ้นมา แยกย้าย


    แยกย้ายอะไรของเจ้าทองคำอันแสนมั่งคั่งถามงงๆ คนบอกแยกย้ายกลับนั่งนิ่งไม่ขยายความใดต่อ


    ฉันพลิกตัวจากท่าคุกเข่ากึ่งคลานมานั่งดีๆ มองรูปภาพดอกไม้ที่ติดอยู่ตรงผนังแล้วก็พูดขึ้นมาว่า


    สองชีวิต มนุษย์ที่ข้าสังหารในป่าแห่งนั้น


    จินฟู่ที่กำลังอ้าปากจะถามหยางชุนอีกรอบชะงักกึก คนทั้งสามหันมองฉันเป็นสายตาเดียว


    หนึ่งคือยี่สิบเจ็ด อีกหนึ่งนั้นคือสามสิบแปดพูดแล้วหันกลับไปยิ้มให้


    พวกเขาต่างนิ่งอึ้ง อึ้งอยู่นานจนฉันยิ้มไม่ออกได้แต่หุบยิ้มแล้วเลี่ยงหลบสายตา เป็นจิ้นเหอที่ลุกอุ้มไหเหล้าเดินมานั่งลงข้างๆ ฉันมองหน้าเขา เขามองหน้าฉัน มองกันไปมาอยู่ๆเจ้าหมาบ้ากลับยกไหเหล้าเทรดหัวฉันหน้าตาเฉย เหล้าชั้นดีไหลเปียกลงไปทั่วตัว ฉันยิ่งกว่าอึ้ง ยังไม่ทันได้อ้าปากพูดสิ่งใดเขากลับเป็นฝ่ายถามออกมาก่อน


    มันยิ้มหรือไม่ดวงตาเรียวดุสบประสานดวงตาฉัน ตอนสุดท้ายมันได้ยิ้มหรือไม่


    หัวใจดั่งถูกฟาดเข้าอย่างแรง อาจด้วยตอนนี้ฉันเมามากแล้วจิตใจอ่อนไหวกว่าปกติ พอถูกฟาดเช่นนี้ภาพจิ้นเหอในสายตาจากที่แจ่มชัดจึงพร่ามัวขึ้นมาเฉยๆ ฉันพยักหน้า ไม่อาจตอบสิ่งใดออกไป เพียงพยักหน้าแล้วปล่อยให้หยดน้ำจากดวงตาไหลปะปน หวังให้หยดเหล้าช่วยอำพราง


    ซ่า


    เหล้าสาดเข้าเต็มหน้าจิ้นเหอ เจ้าหมาบ้าเงยหน้าไปอ้าปากเตรียมอาละวาด แต่คนสาดกลับชิงพูด


    เช่นนั้นก็ดีแล้วจินฟู่ทิ้งตัวนั่งลงอีกข้าง ส่งยิ้มกวนให้ก่อนจะผลักหัวฉันไปข้างหน้าเบาๆทีหนึ่ง ดีแล้ว


    พวกเจ้าไม่...” ฉันพยายามพูด มองพวกเขาไปมา เหตุใดจึงยังคงมองฉันด้วยสายตาเป็นมิตรเช่นนี้ได้อีก


    ข้ารู้จักยี่สิบเจ็ดดีจินฟู่วางแขนพาดบนไหล่ฉัน แล้วข้าก็รู้จักเจ้าดี


    แค่มันมีความสุขก็พอแล้วจิ้นเหอพูด มือยกเสยผมที่เปียกโชกออกจากหน้า


    ชีวิตของคนอย่างพวกเรา หากได้จากไปอย่างมีความสุขก็นับเป็นจุดสิ้นสุดที่ไม่เลวจินฟู่เสริม กอดคอฉันแน่นขึ้น


    รอยยิ้มสุดท้ายของยี่สิบเจ็ดปรากฏในความคิด บางทีสวรรค์อาจเห็นว่าคนอ่อนโยนอย่างเขาไม่เหมาะกับที่นี่ตั้งแต่แรก จึงต้องจากเพื่อไปสู่ภพชาติที่ดีกว่า ในที่ที่เขาจะมีความสุขอย่างแท้จริง


    ไยเอาแต่นั่งทื่ออยู่ตรงนั้นเล่า เจ้าอ่านบรรยากาศไม่เป็นหรืออย่างไรจินฟู่ร้องถามหนึ่งเดียวที่ยังคงนั่งอยู่ตรงโต๊ะน้ำชา ความกล้าบ้าบิ่นในตัวเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณเหล้าที่เข้าปากอย่างไม่ต้องสงสัย


    คนถูกหาว่าอ่านบรรยากาศไม่เป็นนั่งนิ่ง ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาตั้งใจจะลุกขึ้นตั้งแต่ก่อนจิ้นเหอแล้วแต่ลุกไม่ได้ เมื่อลุกไม่ได้จึงนั่งดื่มต่อไปอย่างหดหู่เพียงคนเดียวอย่างนั้น หยางชุนขมวดคิ้วมุ่น ขมวดอยู่ครู่หนึ่งก็ลุกพรวด จังหวะก้าวขากลับทรงตัวไม่อยู่เซถลาเอียงกะเท่เร่จนเกือบไปชนชั้นหนังสือ นายท่านผู้ล้ำเลิศดึงตัวเองกลับ เดินมาคว้าไหเหล้าบนโต๊ะด้วยสีหน้าเรียบสนิท หลับตาส่ายหน้าไปหนึ่งทีแล้วก้าวเดินต่อ ระยะทางแค่นี้สำหรับเขากลับยากยิ่ง ถอยหน้าถอยหลังอยู่หลายครั้งในที่สุดก็เดินมาถึงจนได้


    ฉันพูดไม่ออก จิ้นเหอพูดไม่ออก กระทั่งจินฟู่ก็ยังพูดไม่ออก


    ผู้เคลื่อนไหวเพียงหนึ่งเดียวในห้องนี้หยุดยืนหน้าเจ้าของห้อง ยกไหเหล้าเทรดหัวเขาโดยไม่พูดสิ่งใด เทแล้วก็เซมานั่งลงต่อหน้าฉันอย่างทุลักทุเล


    ฉันพูดไม่ออก จิ้นเหอพูดไม่ออก กระทั่งจินฟู่ที่มีเหล้าหยดติ๋งๆจากปลายผมก็ยังพูดไม่ออก


    พวกเราทั้งสามมองนายท่านผู้ล้ำเลิศซึ่งเปี่ยมด้วยกิริยาสูงสง่ามาโดยตลอดอย่างพร้อมเพรียง นายท่านผู้ล้ำเลิศกลับยื่นไหที่มีเหล้าเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งให้ฉัน


    ถึงตาเจ้าเทรดข้า


    ใจผวาเฮือก กระทั่งน้ำตาก็ดั่งไหลย้อนกลับ ฉันมองสายตามุ่งมั่นของนายท่านตรงหน้า ยื่นมืออันสั่นเทาไปรับ


    เทได้เลยหยางชุนพูด นั่งขัดสมาธิกอดอกด้วยบุคลิกสูงส่ง


    ฉันกลืนน้ำลายเอื้อก เหล่มองจิ้นเหอกับจินฟู่พวกเขาก็อ้าปากค้างสติหลุดไปเสียแล้ว อดีตรัชทายาทเหยียนจวิ้นพยักหน้าให้ ในใจฉันฟูมฟาย กราบขอขมาปู่ย่าตาทวดสายเลือดมังกรของเขาไปสามสี่ตลบ ขอขมาแล้วคุกเข่าโน้มตัวไปหา หลับตายกเหล้าเทราดหัวเขาดังโจ้ก


    กอดไหเปล่ากำลังจะถอยกลับ ไม่ทันได้ถอยข้อมือก็ถูกคว้าจับไว้ ในใจคิดว่าโดนแล้ว เจอเหล้าราดหัวเข้าไปเช่นนี้สติเขาคงคืนกลับมาอย่างน้อยก็สองในสี่ ลืมตาขึ้นมากลับไม่ใช่ หยางชุนมองฉัน สีหน้าหาได้มีความขุ่นเคืองใดๆ นอกจากจะไม่ขุ่นเคืองแล้วริมฝีปากยังเผยรอยยิ้มกว้างที่ไม่เคยได้เห็น ทำเอาคนเห็นในระยะประชิดอย่างฉันตาแทบพร่า


    ไม่เป็นไร จากนี้เจ้ายังมีข้า ยังคงมีข้าตลอดไป


    เหล้าหยดลงจากปลายผมของเขาที่เปียกโชก ดวงตาเป็นประกายไม่แพ้รอยยิ้มที่ส่งมา


    ฉันนิ่งอึ้ง เมื่อครู่...เผลอหยุดหายใจไปอีกแล้ว

     









    จากนี้เจ้ายังมีข้า ยังคงมีข้าตลอดไป ฮ่าๆๆจินฟู่หัวเราะลั่น กลิ้งตัวไปมาในศาลากลางสวน ความทรงจำของข้าเกี่ยวกับเขาคืนนั้นอย่างไรก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมาลบไปได้ ฮ่าๆๆ


    นายใหญ่แห่งแว่วเสียงคีตาเกาะขอบที่นั่งในศาลาหัวเราะอย่างหมดมาด ฉันยกน้ำชาขึ้นจิบ


    "เขาไม่พูดกับพวกเรามาสองวันแล้ว เจ้ายังไม่เลิกขำอีกปากเอ่ยปรามแต่เจ้าจินฟู่กลับหัวเราะก๊ากอีกรอบอย่างไร้สำนึก


    "เมื่อก่อนข้าหลงกลัวเขาอยู่ได้ตั้งนาน ไหนเลยจะรู้ที่แท้เขาก็มนุษย์ธรรมดาไม่ต่างจากเรา ดั่งคำกล่าวเมาแล้วแม้แต่เทพก็ลงมาคลุกดินโดยแท้ ฮ่าๆๆ"


    "คืนนั้นข้านึกว่าเขาเกิดล้มหัวฟาดไปตอนพวกเราไม่ทันเห็น" จิ้นเหอพูดบ้าง


    "นึกว่ากับผีนี่" ฉันแขวะเข้าให้ "เจ้าจะเอาไหเหล้าทุบหัวเขา หาว่าเขาเป็นคนจากพรรคปฐพีทมิฬปลอมตัวมา ลำบากข้ากับจินฟู่ต้องจับแยก"


    หลังจากนายท่านผู้ล้ำเลิศส่งรอยยิ้มเจิดจ้ามาแล้ว เจ้าหมาบ้าจิ้นเหอก็สติแตกตามไปทันที หาว่าหยางชุนที่นั่งยิ้มหวานอยู่ตอนนี้เป็นตัวปลอม ตะคอกบังคับให้เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ตะคอกไปมือก็ง้างไหเหล้าไปด้วย กว่าจะจบเรื่องวุ่นวายได้ห้องพักจินฟู่ก็เละเทะดั่งพายุหมุนทะเลสาด สาวใช้ที่มาทำความสะอาดตอนเช้าคงได้ก่นด่าสาปแช่งพวกเราไปจนถึงต้นตระกูล


    "พูดถึงปฐพีทมิฬ" จินฟู่เลิกหัวเราะหันกลับมา "ครั้งก่อนที่สุริยันมาปฏิบัติภารกิจก็เจอเข้ากับพวกเขา ปะทะกันใหญ่โต หัวหน้าหน่วยสุริยันคนหนึ่งเกิดพลาดให้ทางการเห็นเข้า ป้ายประกาศจับยังติดกลางตลาดอยู่จนถึงตอนนี้


    "เหอะ พวกน่ารำคาญ" จิ้นเหอพ่นลมหายใจ "ข้าเคยถูกส่งให้ไปช่วยขุนนางผู้หนึ่งที่ถูกเจ้าพวกนั้นบุกปล้น วิชาต่อสู้พวกมันชวนหงุดหงิดน่ารำคาญจริงๆ"


    พรรคปฐพีทมิฬที่พูดถึงกันอยู่นี้เป็นพรรคโจรขนาดใหญ่พรรคหนึ่ง ด้วยความที่เป็นพรรคโจรขนาดใหญ่จึงทราบดีถึงตัวตนของไร้นาม มีเหตุให้ต้องปะทะกันอยู่หลายหนจนกลายเป็นอริกันมาอย่างช้านาน ไร้นามนั้นจริงอยู่เราปล้นฆ่า แต่ที่ปล้นฆ่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นบ้านขุนนางโฉดพ่อค้าชั่ว หรือผู้ที่เสี่ยงต่อการทำลายสมดุลเจ็ดแคว้น แม้จะค้าขายเลี่ยงภาษีบ้าง แต่ก็แตกต่างจากปฐพีทมิฬที่เป็นพรรคโจรเต็มขั้นอย่างสิ้นเชิง เพราะพวกเขาปล้นฆ่าไม่เลือกหน้า ดำรงตนตรงข้ามกับกฏหมายอย่างไม่เกรงกลัวผู้ใด ข่าวว่าพวกเขามีฐานที่ตั้งซ่อนอยู่ในแคว้นฉิน แต่จนบัดนี้ฉินก็ยังนิ่งเฉยไม่กระทำการสิ่งใด


    "เสียดายเจ้าสิบเก้าไม่ได้อยู่ด้วย ข้าได้ยินข่าวลือมาว่าประมุขปฐพีทมิฬมีเรื่องบาดหมางกับประมุขแห่งไร้นามมาตั้งแต่กาลก่อน" จินฟู่กอดอกพูด


    "จริงรึ" ฉันอุทาน


    กล่าวกันว่าสิ่งที่ลึกลับที่สุดของไร้นามก็คือประมุขใหญ่ผู้ที่อยู่เหนือประมุขทั้งสี่ของหอหลัก กุมอำนาจสูงสุดทั้งมวล หลายครั้งฉันนึกสงสัย เขาเป็นคนอย่างไร จุดประสงค์แท้จริงของเขาที่เป็นนายใหญ่แห่งพรรคนั้นเพียงรักษาสมดุลเจ็ดแคว้น หรือแท้จริงแล้วเขามีเป้าหมายใดซ่อนอยู่ หากแต่อย่างที่กล่าวเขาเป็นดั่งเงาของเงา อยู่ที่ไหนเป็นผู้ใดคงมีเพียงประมุขหอทั้งสี่เท่านั้นที่รู้ได้


    "เรื่องนี้ผู้ใดจะกล้ายืนยัน ข้าเองก็ไม่กล้าถามต่อ อย่าว่าแต่ประมุขใหญ่เลย ประมุขหอนภาข้ายังเคยเห็นเขาแค่ครั้งเดียว"


    "เจ้าเคยเจอประมุขหอด้วยรึ" ฉันถามทึ่งๆ "ข้าตั้งแต่อยู่หอจันทรามาไม่เคยมีโอกาสได้เห็นประมุขหอสักครั้ง"


    "ก็แค่ครั้งเดียวไกลๆ หัวหน้าข้าที่เป็นเจ้าของแว่วเสียงคีตาคนเก่าไปพบเขาเลยให้ข้ารออยู่ด้านนอก ข้าชะเง้อมองไปจึงได้เห็นเขานั่งเล่นหมากล้อมอยู่ไกลๆจินฟู่ตอบ


    เล่นหมากล้อมเช่นนี้ท่าทางเขาคงเป็นคนฉลาดฉันพึมพำ พูดถึงฉลาดแล้วก็นึกถึงหยางชุนขึ้นมา จริงด้วย ข้าต้องไปรับของที่สั่งไว้!ลุกพรวดด้วยความตกใจ จิ้นเหอ เร็วเข้า!ดึงแขนเจ้าหมาบ้าให้ลุกขึ้นแล้วพวกฉันก็รีบแล่นไปร้านทำเครื่องประดับทันที

     






    ถึงวันนัดหมายให้คุ้มกันขบวนสินค้าของคหบดีจ้าง หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้วฉันรีบวิ่งไปหาจิ้นเหอชวนเขาไปห้องหยางชุน ระหว่างทางเจอจินฟู่ที่จะไปส่งพอดีจึงไปหาหยางชุนด้วยกันเสียทั้งหมด กระซิบนัดแนะกับจิ้นเหออีกรอบหน้าห้อง เจ้าหมาบ้าแม้สีหน้าไม่เต็มใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ค้านสิ่งใด


    ประตูห้องหยางชุนเปิดออก


    พรึ่บ


    หน้ากากถูกล้วงมาวางทาบหน้าอย่างพร้อมเพรียง ของฉันสีขาว ของจิ้นเหอสีแดงเข้มจนเกือบดำ หยางชุนนิ่งอึ้ง จินฟู่เองก็อึ้งแต่อึ้งอยู่พักหนึ่งกลับหลุดขำออกมา พอได้หลุดแล้วก็กลั้นไม่อยู่อีกเกาะขอบประตูหัวเราะก๊ากอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ


    ข้าว่าแล้วว่ามันไม่เข้าท่า!จิ้นเหอเอาหน้ากากออก หันไปเห็นจินฟู่หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหลก็เตะก้นไปทีหนึ่งด้วยความหงุดหงิด


    นี่มัน…” หยางชุนยังคงพูดไม่ออก


    ฉันเอาหน้ากากออกยิ้มแห้งๆ


    ข้าเห็นเจ้าใส่หน้ากากคนเดียวกลัวจะเหงา เลยปรึกษากับจิ้นเหอทำมาใส่เป็นเพื่อน


    ข้าไม่ได้เหงา เขาตอบ สีหน้าเรียบเฉยปรากฏแววงุนงงแฝงอยู่


    ฉันพลิกหน้ากากสีขาวกับมือไปมา


    เจ้าใส่หน้ากากเช่นนี้ท่าทางอึดอัด ข้าดูแล้ว ถ้าปล่อยเจ้าอึดอัดอยู่เพียงคนเดียวก็จะขัดต่อคำกล่าวที่ว่า มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน


    เช่นนั้นเจ้าเลยจะมาอึดอัดร่วมต้านทุกข์เป็นเพื่อนเขาอย่างนั้นรึ จินฟู่พูด พูดแล้วก็หัวเราะก๊ากอีกรอบจนโดนฝ่ามือจิ้นเหอตบหัวทิ่ม


    หยางชุนถอนหายใจเฮือก


    ข้าใส่เพียงคนเดียวยังสามารถอ้างได้ว่าใบหน้ามีรอยแผลฉกรรจ์จึงต้องปกปิดไว้ หากพวกเจ้ามาใส่ด้วย คนสามคนเดินใส่หน้ากากจะไม่เป็นพิรุธหรืออย่างไร


    แล้วผู้ใดใช้ให้เจ้าไม่ยอมพูดกับพวกข้าเล่า!” จิ้นเหอหันมาโวย ก่อนหน้านี้หลิ่งเฟยเพียงอยากทำมาไว้เผื่อวันไหนใส่ออกทำภารกิจพร้อมกับเจ้า มาตอนนี้นางกลัวเจ้าจะคิดมากเรื่องที่ถูกล้อเลยเอามาใส่หวังให้เจ้าเห็นแล้วหายโกรธ เจ้านี่มัน


    เอาน่า ไม่เป็นไรหรอกฉันหันไปปรามจิ้นเหอ อย่างไรมันก็ไม่เข้าท่าจริงๆ ว่าแล้วก็หัวเราะแห้งๆไป


    หยางชุนมองหน้าฉันกับจิ้นเหอสลับไปมาสีหน้าครุ่นคิด


    ไหนพวกเจ้าลองใส่มันอีกรอบ


    เหตุใดข้าต้องใส่อีกรอบด้วย!” เจ้าจิ้นเหอโวย


    ใส่แล้วใส่อีกจะเป็นไร


    เจ้าหมาบ้าเหล่มองฉันพอเห็นฉันพยักหน้าก็หยิบหน้ากากมาใส่ ฉันกับจิ้นเหอใส่หน้ากากยืนกะพริบตาปริบๆ พักหนึ่งหยางชุนก็หยิบหน้ากากสีดำของตนเองขึ้นมาใส่ด้วย นายท่านผู้ล้ำเลิศเดินผ่านพวกฉันไปยืนด้านหน้า


    เป็นผู้คุ้มกันขบวนสินค้าคงไม่เป็นไร เอามือไพล่หลังเงยหน้ามองฟ้า ถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะก้าวขาออกเดิน ไปกัน


    ฉันกับจิ้นเหอเดินตามในขณะที่จินฟู่ซึ่งอยู่ด้านหลังหัวเราะดังลั่น นายใหญ่แห่งแว่วเสียงคีตาบัดนี้ไหลลงไปกองกับพื้น หัวเราะจนตัวงอ จนน้ำตาไหลพราก จนนึกอยากจับพู่กันวาดภาพหอจันทราทั้งสามพร้อมหน้ากากคนละสีตอนนี้ไว้ ติดข้างฝาผนังห้องนอน เผื่อวันไหนมีเรื่องทุกข์ใจจะได้นั่งมอง


    หลิ่งเฟย จิ้นเหอ หยางชุน ข้าส่งพวกเจ้าตรงนี้แล้วกัน ฮ่าๆๆ


    ------------------------------------------------------------


    บ๊ายบายจินฟู่ อยู่กับจินฟู่นี่แลดูเฮฮาปาจิงโกะไร้สาระมาก ฮ่าๆๆ ตอนนี้มีเบาะแสของสิบสองมานิดหน่อย

    หยางหยางอยู่กับเจ้าพวกนี้มากๆ ภาพลักษณ์จะไม่เหลือแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×