ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์วิวาห์เจ้าชายมาเฟีย (พริม สกาย)

    ลำดับตอนที่ #7 : ท้าทายเจ้าพ่อเหมือง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.85K
      4
      7 ก.ย. 58

     

                                        บทที่7 ท้าทายเจ้าพ่อเหมือง

                “จะไปไหนแต่เช้านังพริมเสียงค่อนขอดประชดประชันของลินลณีแว่วมาแต่ไกล เมื่อหล่อนเห็นพริริสากำลังจะก้าวขาออกจากบ้านด้วยชุดที่แปลกตาจากทุกวัน

     “พี่ลิน.... พริมกำลังจะออกไปหางานค่ะ

     “ทำงาน! แกจะไปทำงานอะไร เรียนก็ยังไม่จบ ใครที่ไหนเขาจะรับแกทำงานหะ”   ลินลณีเหยียดปาก กอดอกพูดอย่างดูแคลน

    มีก็แล้วกันค่ะ พริมว่าพี่ลินไปพักผ่อนเถอะค่ะ เพิ่งกลับมาเหนื่อยๆไม่ใช่เหรอคะ” พริริสามองหน้าพี่สาวแล้วถอนหายใจ  จะมีสักวันไหมที่ลินลณีจะพูดจา ภาษาดอกไม้กับเธอ

    อย่าแส่!!! เรื่องของฉัน”  ลินลณีใช้นิ้วเรียวจิ้มลงบนขมับของหญิงสาว

    พริริสาเม้มปากเป็นแนวตรง ไม่อยากถือสากับการกระทำและวาจาเสียดสีหยันเหยียดของพี่สาว เพราะเธอชินเสียแล้ว กับถ้อยคำถากถางและเย้ยหยันเหล่านี้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินออกจากบ้านไปด้วยหัวใจที่เหนื่อยล้า พร้อมกับสายตาที่ดูถูกดูแคลนจากผู้เป็นพี่

     “น้องพริม!!! เสียงของชายหนุ่มที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นเมือเธอก้าวพ้นขอบประตูรั่วบ้าน

    พริริสามีสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มที่เรียกขานชื่อเธอ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอกำลังระแวงเขาอยู่ พร้อมยกมือไหว้และส่งยิ้มจางๆกลับไปให้แทน

     “สวัสดีค่ะคุณต้นน้ำ มาหาพี่ลินเหรอค่ะ” พริริสาถามไปตามมารยาท เมือเห็นว่าชายหนุ่มโผล่มาตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า แถมสภาพก็เหมือนคนอดหลับอดนอนมาทั้งคืน

    ป่ะ....เปล่า พี่เพิ่งมาส่งลิลลี่นะครับ แล้วนี่น้องพริมกำลังจะไปไหนครับ ไม่มีเรียนเหรอวันนี้”  ต้นน้ำถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก  เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมองเห็นใบหน้าหวานของเธอเปื้อนรอยยิ้มจางๆ

    เปล่าคะ พริมกำลังจะไปทำงาน” เธอก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือเล็กก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาบอกลาชายหนุ่มอีกครั้ง

    พริมขอตัวก่อนนะคะ “

    ดะ....เดี๋ยวครับน้องพริม ให้พี่ไปส่งนะครับ” ต้นน้ำเดินมาขวางทางหญิงสาวเอาไว้ ดวงตาสีเข้ม จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่นั้นของเธอ คล้ายรอคำตอบจากหญิงสาว

    ขอบคุณค่ะ แต่พริมไม่รบกวนจะดีกว่า” 

    ไม่รบกวนหรอกครับพี่เต็มใจ” 

    ไม่เป็นไรดีกว่าคะ พริมเกรงใจ” พริริสาเริ่มชักสีหน้า น้ำเสียงไม่เต็มใจบ่งบอกอย่างชัดเจน เธอไม่อยากยุ่ง กับผู้ชายของพี่สาว เพราะถ้าลินลณีรู้เข้า งานนี้เธอก็ต้องโดนหล่อนเล่นงานเอาแน่ๆ

     “พริมขอตัวนะคะ มีนัดสัมภาษณ์งานตอนเช้า” พุดจบก็พาร่างบางระหง เดินออกไปจากตรงนั้น โดยไม่ได้สนใจเสียงทันทานจากชายหนุ่มอีก

      แม้จะดูออกว่า ชายหนุ่มที่เข้ามาคุยด้วย ไม่ได้มีแววเจ้าชู้กรุ้มกริ่มใส่ อาจจะมาดีด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายของพี่สาว เธอก็ควรจะออกให้ห่างเป็นดีที่สุด

    ต้นน้ำมองตามหลังหญิงสาวอย่างครุ่นคิด ทำไมเขาถึงรู้สึกถูกชะตากับเธออย่างบอกไม่ถูก แม้จะเพิ่งเคยพบหน้า มันคงจะดีไม่น้อยหากใบหน้าหวานนั้น จะฉาบไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่สีหน้าเรียบเฉย ตึงเครียด แววตาอมทุกข์อย่างที่เป็นอยู่

       กว่าจะมาถึงโรงแรม ที่พี่สาวของวริชทำงานอยู่ก็เล่นเอาเกือบสาย  เพราะต้องฝ่าการจารจรที่หนาแน่นของเมืองหลวง ในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคือง และความเห็นแก่ตัวมีมากกว่าความมีน้ำใจของคนเช่นนี้ ก็เล่นเอาพริริสาเสียเหงื่อไปไม่น้อยเลยที่เดียว และด้วยความรีบร้อน เธอจึงวิ่งเข้ามาแบบไม่ทันได้ระแวดระวัง ว่าประตูอีกด้านจะมีใครเปิดมันออกมาเช่นกัน

    ผลั่ก!!

     “โอ๊ย!!  ประตูบานใหญ่ที่ทำจากกระจกใส เปิดออกมาโดนศีรษะของเธออย่างแรง ด้วยแรงผลักของชายหนุ่มอีกคนที่เปิดประตูออกมาจากด้านใน จึงเป็นผลให้พริริสา ถึงกับล้มก้นจ้ำอ้าวลงไปกองอยู่กับพื้นทันที

    “I’m Sorry”  เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น เมื่อเขาเห็นหญิงสาวนั่งกุมศีรษะของตนเองอยู่ นึกขำที่เจ้าหล่อนพรวดพราดเข้ามา นี่หล่อนรีบถึงขนาดไม่อ่านป้ายเลยเหรอ ว่านี่คือทางออกไม่ใช่ทางเข้า

    คุณ!! เป็นไรมากมั้ย เสียงสื่อสารภาษาอังกฤษยังคงดังขึ้นอีกระรอก เมื่อคู่กรณีเอา แต่เงียบไม่โต้ตอบ หรือเอ่ยอะไรออกมา หรือเธอจะไม่เข้าใจที่เขาพูด

       พริริสารู้สึกเหมือนมีใครเอาไม้หน้าสามมาฟาดตรงศีรษะอย่างแรง คนบ้าอะไรผลักประตูออกมาอย่างแรง ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่อีกด้านหรือยังไง   เมื่อชายหนุ่มตรงหน้าถามขึ้น เธอจึงได้แต่กัดฟันข่มความเจ็บเอาไว้ ก่อนจะตอบคำถามชายหนุ่ม โดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาสักนิด

      ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ คราวหน้าคุณก็ระวังหน่อยแล้วกัน เปิดประตูแรงขนาดนี่ ไม่คิดบ้างหรือไงคะ ว่าจะมีคนอยู่อีกด้าน ดีนะคะ ฉันไม่ใช่แขก ถ้าหากเป็นแขกท่านใดท่านหนึ่ง เขาอาจไม่พอใจในบริการก็ได้ “ เมื่อเห็นว่าเป็นชาวต่างชาติ เธอก็เลยไม่อยากจะเอาความอะไร แต่ก็ไม่วายปรามด้วยคำพูด

    คุณต่างหากที่พรวดพราดไม่ดูตาม้าตาเรือวิ่งเข้ามาให้ผมชนเอง”   น้ำเสียงเยาะเย้ย ปนขบขันเปล่งขึ้น  

    พริริสาเงยหน้าสบตากับเจ้าของน้ำเสียงเย้ยหยันนั้นอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากใช้สายตาตำหนิ ชายหนุ่มตรงหน้า  เปิดประตูมาชนเธอแท้ๆยังมีหน้ามาหาว่าเธอไม่ดูตาม้าตาเลย  ผู้ชายคนนี้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรษเอาซะเลยหญิงสาวคิดอยู่ในใจ

                   “ลุกขึ้นไหวมั้ยเดี๋ยวผมช่วย” ชายหนุ่มทำทีจะเข้ามาประคองแต่ก็โดนเธอปัดมือทิ้ง

                   “ไม่ต้องค่ะ!!! ฉันลุกของฉันเองได้”  พริริสายังสงวนท่าที ทั้งทีเจ็บระบม

    สกายแอบยิ้มหยันคนตรงหน้า เจ็บขนาดนี้แล้วยังอวดดีถือตัวไม่ยอมให้เขาช่วย  ผู้หญิงนี่เล่นตัวเก่งชะมัด กะจะโก่งราคาเรียกร้องค่าเสียหายตอนหลังละสิ

     “อย่าเล่นตัวหน่อยเลยคุณ เจ็บแบบนี้ สะโพกร้าวหรือเปล่าก็ไม่รู้

                “นี่คุณกรุณาพูดให้มันดีๆหน่อย ใครเล่นตัวไม่ทราบ” คำพูดห้วนอย่างแจ่มแจ้ง

    แล้วที่นั่งจ้ำอ้าวอยู่นี่และไม่ยอมให้ผมช่วย มันไม่เล่นตัวตรงไหนไม่ทราบ “

     คุณ!!! พรริสาเม้มปากตัวเองไว้แน่น ทั้งโกรธ ทั้งเจ็บ ผู้ชายบ้าอะไร เกิดมาเพิ่งเคยพบเจอปากคอเราะร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก

     “ฉันช่วยตนเองได้ไม่จำเป็นต้องให้คุณช่วย

    ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงประเภท ชอบช่วยตนเอง” สกายพูดขึ้นอย่างขบขัน

       “คนบ้า!ทุเรศ น่าไม่อาย”  พริริสาตะคอกใส่หน้าชายหนุ่ม ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง

    อะไรก็คุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือยังไง ว่าคุณชอบช่วยตนเอง ผมพูดผิดตรงไหน  คุณนี่ตาหน้าก็สวยนะ แต่ไม่ยักกะรู้ว่าความจำสั้น” สกายนั่งลงและยื่นมือเข้าไปเชยคางมนเธอขึ้นมามอง ก่อนที่พริริสาจะปัดมือเขาออกทันควัน

    หญิงสาวกำมือแน่น หลับตาสูดลมหายใจเข้าปอด และนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ ระงับความขุ่นเคือง ที่กำลังจะก่อตัวขึ้นอีกระลอก เธอไม่ใช่นางเอกที่จะยิ้มรับกับแขกชาวต่างชาติ ที่ปากอย่างกับตะไกร และมายืนว่าเธอฉอดๆแบบนี้ แค่โดนลินลณีกระแนะกระแหน่ทุกวัน ก็เกินทนอยู่แล้ว

       พริริสา... ใจเย็นๆ...  ใจเย็นๆ เธอมาทำงาน.... ทำงาน ท่องไว้ เธอมาทำงาน อย่าไปสนใจ ไอ้ขี้เก็ก ... ปากหมา...คนนี้เด็ดขาด” พริริสาพูดขึ้นกับตัวเธอเบาๆ เพื่อระงับอารมณ์และเรียกสติของตนเองกลับมา  แต่ถึงอย่างนั้นคำพูดของเธอก็ยังเล็ดลอดเข้าหูชายหนุ่ม

    เธอว่าใครปากหมา!! เสียงดุดันตวาดเข้ม พร้อมๆกับพริริสาที่เบิกตากว้าง ตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่เธอเอ่ยออกมา

     “คุณ!!!  

     “ใช่ผมพูดไทยได้ ฟังรู้เรื่อง แล้วก็รู้ด้วยว่าเมื่อสักครู่ คุณกำลังด่าผม ว่าปากหมาอยู่

    ก็แล้วมันจริงมั้ยละ ปากคุณมันยิ่งกว่าตะไกรซะอีก พูดจาแบบนี้กลับไปกินนมแม่ที่บ้านเลยไป๊”  พริริสาลุกขึ้นยืน หลังจากที่นั่งจำอ้าวอยู่นาน แล้ว ไอ้ที่คิดๆไว้ว่าจะ ไม่โกรธไม่โต้ตอบตั้งแต่แรก ก็เปลี่ยนเป็นคำพูดที่ร้ายกาจไม่แพ้ชายหนุ่ม ลืมความเจ็บไปชั่วคราวเพราะความโกรธมันกำลังคลุกครุ่น   เธอยอมให้ลินลณีคนเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเป็นคนอื่น ไม่มีทาง ยิ่งผู้ชายไร้มารยาทแบบนี้ เธอยิ่งไม่มีวันอ่อนข้อให้

    เธอ!!! มันจะมากไปแล้วนะ”   สกายเองก็ตะคอกใส่ และฉวยข้อมือเธอขึ้นมาบีบอย่างแรง จนใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ต้องทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ

    มันยังน้อยไปสำหรับผู้ชายปากหมาๆอย่างคุณ”  พริริสาพูดขึ้น สบตากับดวงตาคมเข้มที่ดุดันคู่นั้นของเขาอย่างท้าทาย

                   คำก็ปากหมา สองคำก็ปาก ปากหมาใช่มั้ย ดี!! งั้นลองลิ้มลองรสชาติจูบของคนปากหมาที่เธอพูดหน่อยแล้วกัน ว่ามันจะหวานขนาดไหนสิ้นเสียง ชายหนุ่มก็กระชากแขนเธอเข้ามาปะทะกับแผงอกของเขาอย่างแรง โดยไม่ปล่อยให้หญิงสาวได้ขัดขืน มือหนาก็บีบรัดคางมนให้ เผยอปากขึ้น ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาปะกบปากบางทันที แล้วประคองท้ายทอยของเธอไม่ให้ดิ้นหนี

       คนที่ตั้งตัวไม่ทัน เมื่อถูกชายหนุ่มจู่โจมแบบไม่คาดคิด ร่างบางจึงสั้นสะท้าน เพราะไม่คิดว่าเจอเหตุการณ์แบบนี้ เธอเบิกตาโพรงด้วยความตกใจ ในขนาดที่ชายหนุ่มยังพยายามใช้ลิ้นหนา ซอกซอนควานหาน้ำหวานในโพรงของเธอ อย่างช่ำชองจนพริริสาไม่มีโอกาสขัดขืน

    และเมื่อตั้งสติได้ ร่างบางจึงพยายามดิ้นรนขัดขืน หาทางเข้าตัวรอด ทั้งผลักทั้งข่วนร่างใหญ่ให้ออกจากตัว แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะสกายที่ไม่มีอาการสะทกสะท้าน แถมเขายังกอดรัดเธอไว้แน่น ยิ่งกว่าเดิมอีก

       สกายเริ่มจูบหนัก จูบแล้วจูบอีก  ดูดซับปากบาง จนเลือดซิบ  ไม่เว้นช่องว่างเพื่อให้เธอได้หายใจ ตามมาด้วยการใช้ลิ้นตวัดหยอกเอินกับลิ้นบางของเธออย่างเผ็ดร้อน เพราะดูเหมือนคนตัวเล็กยิ่งดิ้น เขายิ่งทล่ำลึกไม่ย่อมปล่อย  ชายหนุ่มทั้งจูบ ทั้งสูบ เหมือนดูดเอาวินญาณเธอออกจากร่าง เพราะเขาไม่เว้นโอกาสให้เธอได้มีช่องว่างระหว่างหายใจ  พริริสากำลังจะหมดแรง เพราะขาดอากาสหายใจ ร่างบางสั่นสะท้าน ก่อนเรี่ยวแรงที่ยืนจะหมดไป

    สกายตวัดเอวกิ๋วเอาไว้ เมื่อเห็นร่างบางอ่อนยวบยาบ เพราะรสจูบอันร้อนแรงของเขา ก่อนจะถอนริมฝีปากออก และมองคนในอ้อมกอด ที่ยืนหอบหายใจโรยแรง เพื่องับเอาอากาศเข้าปอด เมือเขาถอนจูบออกจากปากบางสีชมพูระเรือนั้น ถ้าให้เดายัยตัวเล็กนี่ไม่เคยจูบกับใครแน่ๆ เพราะเขารู้สึกกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไปถูก  ในขนาดที่เธอดิ้นรนหนีจูบจากเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

    พริรสาเหมือนจะขาดใจตายให้ได้กับจูบแรกในชีวิตของเธอ ผู้ชายคนนี้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก  เธอพยายามรวบรวมสติให้กลับมา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล เหมือนเธอยังตื่นตะลึงกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น และยังไม่สามารถยืนหยัดได้ด้วยสองเท้าของตัวตน  ก่อนสมองอันน้อยๆจะดับวูบลงเพราะความตื่นตกใจ

    ให้ตายสิ!! สกายบ่นพึมพำ เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวหมดสติลงตรงหน้าก่อนจะช้อนร่างบางขึ้น แล้วอุ้มเดินหายเข้าไปในตัวตึก ที่เขาเพิ่งเดินออกมา

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครึ่ง ทำให้ชายหนุ่มอีกคนที่กำลัง นั่งตรวจงานอยู่ในห้องพัก ต้องวางปากกาลงอย่างเลี่ยงไมได้ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้แขกผู้มาเยือน

    อ้าวสกาย  ฉันคิดว่าแกกลับไปแล้วซะอีก แล้วนี่ .... วินเหลือบตามองหญิงสาวที่หมดสติอยู่ในวงแขนของเจ้าพ่อเหมือง

    แกอย่างเพิ่งถามมากได้มั้ยวิน เปิดประตูให้ฉันเข้าไปก่อน ผู้หญิงไรว่ะ ตัวก็เล็กนิดเดียว แต่หนักเป็นบ้าเลย” ยังไม่ทันที่วินจะได้พูดอะไรต่อ สกายก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

       “เออ...เข้ามา” วินเปิดประตูรับสกาย แต่ไม่วายมองตามร่างบางที่หมดสติ อยู่ในวงแขนใหญ่

       “ใครวะ!!

    ฉันก็ไม่รู้ บังเอิญไปเจอเธออยู่หลังโรงแรม

    แกอย่าบอกนะ ว่าแกเจอเธอสลบอยู่ แล้วแกก็พาเธอขึ้นมาข้างบน วินถาม เขาไม่อยากจะเชื่อ เพราะรู้ดีว่าสกายเกลียดผู้หญิงสำออยขนาดไหน

    เปล่าแกอย่าถามเยอะเลยวะ รำคาญขี้เกลียดตอบ เอาเป็นว่าฉันขอยืมห้องทำงานแกสักพักก็แล้วกัน พอเธอฟื้นเดี๋ยวฉันจะพาเธอออกไปเอง. สกายพูดตัดบท ไม่อยากให้วินเซ้าซี้ เพราะเขาเองก็ไม่รู้จะตอบคำถามเพื่อนยังไงเหมือนกัน คิดแล้วก็ขำตัวเอง ผู้ชายอย่างเขาไม่เคยฝืนจูบใคร ไม่เคยใช้กำลังเพื่อบังคับผู้หญิงที่ไหน แต่กลับเธอทำไมเขาถึงรู้สึกอยากเอาชนะ และกำราบแม่ผู้หญิงตัวเล็ก นัยต์ตาเศร้านี่ก็ไม่รู้

    เออ ตามสบาย ฉันมีเอกสารต้องตรวจเชิญนายใช้ห้องรับแขกให้เต็มที จะทำอย่างอื่นร่วมด้วยก็ได้นะ ฉันไม่ว่า” วินหันมาพูดกับสกาย ก่อนจะตรงไปยังโต๊ะทำงานที่อยู่ถัดไป และไม่คิดจะสนใจเพื่อนรักอีก

    ขอบคุณสกายบอกเสียงห้วนๆเมื่อวินตั้งใจคอนแขวะตน ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองร่างเล็กที่นอนไร้สติอยู่บนโซฟา

     นอนพักนี่ก่อนแล้วกันนะสาวน้อย ตื่นขึ้นมาเรามีเรื่องคุยกันอีกยาว”  สกายเท้าเอวพูดขึ้นกับร่างที่นอนไร้สติอยู่ตรงหน้า ก่อนจะขยับตัวไปนั่งลงกับโซฟาอีกตัว แล้วหยิบรีโมททีวีมาเปิด เพื่อฆ่าเวลา

     

                                      

                 “ พี่วราว่าอะไรนะคับ” น้ำเสียงค่อนข้างตกใจและแปลกใจของวริชเอ่ยขึ้น เมื่อวราโทรมาบอกว่าพริริสาไม่ได้เข้ามาหาเธอตามที่นัดไว้

                “เป็นไปไม่ได้ พริมไม่เคยผิดนัดนะคับพี่วรา” วริชแย้ง ขึ้นอีกครั้ง

                “พี่พยายามโทรเข้ามือถือเธอแล้วแต่เธอไม่รับ น้องพริมมีธุระที่ไหนหรือเปล่า นี่มันก็เลยเวลานัดมามากแล้วตาวริช พี่เกรงว่าฝ่ายบุคคล จะรับคนอื่นทำงานแทนเธอก่อนละสิ” วราบอก ด้วยน้ำเสียงกังวลใจไม่ต่างจากน้องชาย

    เอางี้พี่วรา เดี๋ยวผมจะพยายามติดต่อพริมให้ ได้เรื่องยังไงแล้วผมจะรีบติดต่อ พี่วราทันที

    รีบๆหน่อยนะว่าวริช พี่ไม่อยากให้น้องพริมเธอพลาดตำแหน่งนี้ไป

     “ครับพี่วรา” 

    พริมหายไปไหน วริชนึกกังวลอยู่ในใจ เป็นห่วงพริริสาไปต่างๆนาๆ กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาว เพราะโดยปกติแล้ว พริริสาไม่ใช่คนที่จะหายไปโดยไม่บอกกล่าว ยิ่งเวลามีนัดสำคัญแบบนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ว่าเธอจะเบี้ยวนัด  

    สกายนั่งมองใบหน้าหวานของหญิงสาวที่นอนหมดสติไปเกือบชั่วโมงแล้ว โดยไม่ได้สนใจโทรทัศน์ที่เขาเปิดฆ่าเวลาเอาไว้ ชายหนุ่มนั่งเท้าคางกับพนักเก้าอี้ ดวงตาคมเข็มมองสำรวจไปทั่วใบหน้าของหญิงสาว คิ้วที่โก่งดังคันศร ขนตายาวที่เรียงกันเป็นแพ บวกกับใบหน้าเรียวรูปไข่ ยิ่งทำให้พวงแก้มสีชมพูนั้นหน้ามอง โดยที่ไม่แต่งแต้ม สีสันอะไรลงไป ใบหน้างามนั้นดูอ่อนเยาว์ยิ่งนึก ถ้าเดาไม่ผิด เขาคิดว่าเธอน่าจะอายุรุ่นเดียวคราวเดียวกันกับ ปรายฉัตรภรรยาที่รักของวิน หรือไม่ก็อ่อนกว่า จะติดก็ตรงจมูกเป็นสันที่เชิดจนดูรั้นของเธอนั้นแหละ ที่ขัดตาเขายิ่งนัก

    พริริสากระพริบตาถี่ๆ เมื่อเริ่มรู้สึกตัว หญิงสาวใช้นิ้วเรียวเลื่อนขึ้นไปนวดตรงขยับซีกขวาของตนเอง รู้สึกมึนงงและปวดระบวมตรงศีรษะ ผลจากการโดนประตูกระแทกอย่างแรง จากฝีมือคนที่กำลังจ้องดูปฏิกิริยาเคลื่อนไหวของเธออยู่ ด้วยความสนใจ

    ร่างบางขยับจะลุก เพื่อปรับโฟกัสการมองเห็นให้ชัดขึ้น แต่ก็ต้องชะงัก เพราะรู้สึกเหมือนมีใครเอามีดเล่มใหญ่มาทิ่มลงตรงสะโพกพายอย่างแรง เพราะมันเจ็บจิ๊ด จนเธอโอดครวญออกมาเสียงดัง

     โอ๊ย!!! พริริสาร้องครวญ พร้อมๆกับมือเล็ก ที่เลือนลงไปจับไว้ตรงบั้นท้าย เพราะรู้สึกเหมือนมันจะหักร้าว ก่อนจะล้มตัวลงนอนกับโซฟาใหญ่เหมือนเดิม 

    เบาๆสิ น้ำเสียงห้วนห้าว ของคนที่นั่งจ้องอยู่นานพูดขึ้น พร้อมๆกับขยับตัวลุกจากโซฟา แล้วมายืนเท้าเอวอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว

    เพียงได้ยินเสียงของคนที่เธอเพิ่งมีเรื่องไปหมาดๆ พริริริสาก็ต้องลืมตาขึ้นมามองเจ้าของน้ำเสียงกระด้างอีกครั้ง เพียงแค่มองเห็นใบหน้าคม ที่หนวดเครารกรุงรัง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใจเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง ว่าทำไมเพราะอะไรเธอถึง มานอนอยู่ตรงนี้ พริริสาหน้าถอดสีทันที ที่คิดได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ พลันเสียงร้องตะโกนโวยวายก็ดังขึ้น พร้อมกับการขยับลุกขึ้น โดยไม่สนใจความเจ็บปวดของร่างกายที่เกิดขึ้น  เหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอเลยอย่างนั้น เพราะตอนนี้ความกลัวมันมีมากว่าความเจ็บก่อนจะหันมาสำรวจร่างกายและเสื้อผ้าของตนเองว่ายังอยู่ครบถ้วน

     “กริ๊ดดดดดดด!!! คนบ้า คนโรคจิต ไอ้ผู้ชายปากหมานายทำอะไรฉัน ร่างเล็กขยับจะถอยหนี แต่ก็เป็นไปด้วยความลำบาก

     “ช่วยด้วย ช่วยด้วยสองไม้สองมือควานหาของที่พอจะขว้างปาได้ใส่ชายหนุ่ม

    เงียบ!!จะส่งร้องเอ็ดตะโรทำไม ฉันยังไม่ได้ปล้ำเธอสักหน่อยสกายทำเสียงเกรี้ยวกราดทันที เมื่ออยู่ดีๆ หญิงสาวที่เขานั่งเฝ้ามาเกือบชั่วโมง พอลืมตาตื่นขึ้นมาได้ ก็เอาแต่ร้องโวยวาย   

     ช่วยด้วย  ใครก็ได้ช่วย.....

    เงียบ ฉันบอกให้เงียบไงเล่า จะร้องหาสวรรค์วิมานอะไรของเธอ” ยังไม่ทันที่พริริสาจะอ้าปากแผดเสียงร้องอะไรได้อีก คนที่ยืนเท้าเอวอยู่ ก็เข้ามานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกันกับเธอ ก่อนจะเอื้อมแขนข้างหนึ่ง โอบตัวเธอไว้ แล้วใช้มือหนาอีกข้างขึ้นปิดปากของคนที่กำลังแผดเสียงร้องโววายขอความช่วยเหลืออยู่ 

        เมื่อถูกอ้อมแขนคนตัวใหญ่ โอบรัดไว้แน่น พร้อมกับมือใหญ่อีกข้างที่ปิดปากของเธอเอาไว้ พริริสาทั้งดิ้นทั้งขัดขืน แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะความเจ็บปวดจากแรงกระแทกที่บั้นท้าย แม้จะพยายามต่อสู้และดิ้นสักแค่ไหน แต่ดูเหมือนมันจะไม่ระคายผิว ของเจ้าพ่อเหมืองเลยแม้แต่น้อย เสียงอุบอิบดังลอดออกมาจากริมฝีปากบาง ถึงจะฟังดูไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ชายหนุ่มก็แน่ใจ ว่าเธอกำลังด่าทอเขาอยู่อย่างหัวเสีย

    อยู่นิ่งๆแล้วเงียบอย่าดัดจริตส่งเสียงร้อง ฉันไมได้พิศวาสเธอเลยสักนิด ดู!!มีอะไรน่ามองมั้ง”  สายตาหยันเหยียดอย่างโจ่งแจ้ง จ้องลึกเข้าไปบนเนินเนื้อที่โผล่พ้นคอเสื้อของหญิงสาว จนพริริสาต้องยกมือขึ้นมาปัดป้องไว้ตรงหน้าอกของเธอ

    และมันก็ได้ผลคนขี้โวยวายหยุดชะงักลงทันแต่เห็น แต่สีหน้าและแววตาบ่งบอกอารมณ์ของเจ้าตัวได้เป็นอย่างนี้ว่ากำลัง โกรธเกรี้ยวคนตัวใหญ่ที่กำลังกอดรัดเธอไว้อยู่

     “ตัวก็ผอมอย่างกับไม้เสียบผี แล้วไอ้นี่…...” เจ้าพ่อเหมืองถือวิสาสะใช้มือใหญ่จิ้มลงไปบนทรวงอกของหญิงสาว อย่างถือสิทธิ์

    มันก็เล็กซะจนแยกไม่ออกเลย ว่ามันคือข้างหน้าหรือข้างหลังเธอกันแน่ ฉันไม่ตาต่ำถึงขนาดเอาผู้หญิงอย่างเธอมาทำเมียหรอก ร้องเอะอะโวยวาย อย่างกับควายถูกเชือด” คำพูดหยาบคาย แสนขกระ ถูกพ่นออกจากปากหนาได้รูปของชายหนุ่มอย่างหงุดหงิด

    พริริสาตาลุกวาวสุดแสนจะแค้นเคือง เพราะทำอะไรไม่ได้นอกจากดิ้นขลุกขลิกอยู่ในอ้อมแขนใหญ่ พลันสมองอันชาญฉลาดก็คิดอะไรบางอย่างได้  เธอใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าไปที่หน้าท้องแกร่งของคนตัวใหญ่ แรงกระแทกของข้อศอก ถึงจะไม่แรงแต่ก็พอทำให้ชายหนุ่ม เผลอปล่อยมือหนาที่ปิดบังปากบางของเธออยู่

    เมื่อได้โอกาสหญิงสาวก็ไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไป เธอขยับตัวลุกขึ้นแม้จะรู้สึกเจ็บแปล๊บ แล้วโน้มตัวเข้าไปกัดใบหูของเจ้าพ่อเหมืองอย่างแรง โทษฐานที่บังอาจ พูดจาไม่เข้าหูเธอ แถมยังฉวยโอกาสกับเธออีก

     “โอ๊ยยัยบ้านี่เสียงร้องโอดครวญของของชายหนุ่มดังลั่นไปทั่วห้อง ก่อนจะผลักร่างเล็กออกจากตัว แล้วลุกขึ้นยืนกุมใบหูของตนเอง

    สมน้ำหน้าผู้ชายปากหมา

      เธอนี่มันดวงตาวาวโรจน์ ลุกโชนเพราะความโกรธ  ชายหนุ่มกัดปากล่างตนเองไว้เพื่อระงับความครุ่นโกรธที่กำลังก่อเกิดขึ้น เพราะยังไม่อยากทำร้ายคนตัวเล็กที่ ฤทธิ์เยอะตอนนี้

    เสียงร้องโวยวายของชายหนุ่มปลุกให้ชายหญิงอีกคู่ที่กำลังเปิดประตูเข้ามาในห้อง ต้องรีบวิ่งตามเสียงนั้นเข้ามา เพื่อจะมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    เอ๊ย! เกิดอะไรไอ้กาย วินถามเพื่อนรัก ทันทีที่วิ่งเข้ามาถึงห้องรับแขก

    ก็ยัยบ้านี่สิ หล่อนกัดหูฉันเสียงโอดครวญของสกายดังขึ้น พร้อมกับชายตามองหญิงสาวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงโซฟา ด้วยสายตาลุกวาว

         ก็คุณอยากไร้มารยาทกับฉันก่อนทำไมพริริสาสวนขึ้นทันควัน

        “คุณคะ ช่วยฉันด้วย ไอ้หน้าหนวดนี่มันจะลวนลามฉันพูดพร้อมใช้นิ้วเรียวชี้หน้าชายหนุ่ม

    ใครจะลวนลามเธอไม่ทราบ แม่ไม้เสียบลูกชิ้นสกายก็ไม่ยอมน้อยหน้า เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอ ผู้หญิงบ้าอะไร ปากคอเราะร้ายผิดกับใบหน้า นี่คงไม่รู้ละสิ ว่าเขาเป็นใคร ถึงได้กล้าอวดดี ด่าเขาฉอดๆ

        เกิดอะไรขึ้นคะพี่วินเสียงของหญิงสาวที่เพิ่งจะเดินเข้ามาถึงพูดขึ้น

        เปล่าไม่มีอะไรครับ เพื่อนพี่มันเจอของจริงนะ วินหันมาตอบปรายฉัตรอย่างขบขัน

         คนที่เดินเข้ามาใหม่ได้แต่ยืนมองหน้าคนทั้งสองสลับกันไปมา เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่วินเอ่ยขึ้น  ก่อนจะเหลือบไปเห็น เจ้าของดวงตากลมโตอีกคู่ที่เหมือนกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่

     แล้วนั้นเธอเป็นอะไรคะ” 

    เธอไม่เป็นอะไรหรอกครับน้องปราย แค่ผู้หญิงสำออยอยากเรียกร้องค่าเสียหายเท่านั้นเอง

    ใครสำออย คุณไม่ใช่เหรอที่ทำให้ฉันต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แล้วยังมีหน้ามาพูดอีก ไอ้ผู้ชายเฮงซวย คนที่นั่งปั้นหน้าบิดเบี้ยวสวนขึนทันควัน

    เธอ!!   สกายชี้หน้าไม่อยากต่อปากต่อคำไปมากกว่านี้ แต่เรื่องเหน็บแนมผู้หญิงนี่ขอให้บอก ยิ่งผู้หญิงอย่างหล่อนนี่ เขายิ่งชอบ ค่อยดูมีโอกาสเมื่อไร่จะปราบพยศหล่อนให้มาศิโรราบคุกเข้าอ้อนวอนต่อหน้าเขาเลย

    หยุด!!! พอกันทั้งสองคนนั้นแหละ น้ำเสียงเยือกเย็นของวินพูดสวนขึ้น ก่อนที่หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงโซฟาใหญ่ จะได้เอ่ยอะไรต่อ

    พริริสานั่งหน้าง้ำงอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้ปะทะอารมณ์กับผู้ชายตรงหน้า หลังจากที่เธอต้องเก็บงำ กล่ำกลืน คำด่าทอจากลินลณีอยู่นานแล้ว  เหมือนได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจที่มีมานานนับปี เมื่อมาเจอผู้ชายปากเสียอย่างไอ้หน้าหนวด ที่เธอเพิ่งตั้งฉายาให้เขาไปเมื่อสักครู่   ก็เลยใส่เขากลับแบบเต็มหน่วยไม่ยั้งเหมือนกัน จนเธอลืมไปสนิท ว่าเธอมาที่นี่ทำไม

    คุณค่ะช่วยฉันด้วย” เมื่อมองเห็นสายตาห่วงใยจากปรายฉัตร พริริสาจึงเอ่ยปากขอร้องอีกครั้ง แล้วก็ได้ผล เพราะปรายฉัตรผละออกจาการเกาะกุมแขนของวินและเดินตรงไปหาเธอทันที

    คุณเป็นยังไงบ้างค่ะ” เสียงหวานของปรายฉัตร ที่เอ่ยขึ้นเป็นภาษาไทย ถามขึ้นอย่างอ่อนโยน ทำให้เธอใจชื้นขึ้นตั้งเยอะ อย่างน้อยก็ยังมีอีกคนที่สามารถสื่อสารกับเธอเป็นภาษาไทย

    ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ แค่รู้สึกเจ็บแปลบที่สะโพก เกรงว่ามันจะยอกนะค่ะพริริสาส่งยิ้มเหยเกกลับไปให้ปรายฉัตร เมือขยับตัวจะลุกขึ้นแต่กลับรู้สึกเจ็บ

    เธอไม่เป็นอะไรมากหรอก นี่ไงยังมีแรงลุกขึ้นมากัดหูพี่เลยสกายนั้นเองที่เป็นคนพูดแทรกขึ้น  พร้อมกับเบี่ยงตัวให้ปรายฉัตรเห็นผลงานชิ้นเอกที่พริริสาฝากเอาไว้ให้ดูต่างหน้า ผู้หญิงบ้าไรสำออยเก่งชะมัด

    ช่วยไม่ได้ ก็คุณอยากมาปากหมากับฉันทำไมล่ะพริริสาก็ใช่ว่าจะกลัวที่ไหน  เธอกำลังท้าทายอำนาจของเจ้าพ่อเหมืองอย่างเห็นได้ชัด ดูได้จากใบหน้าที่เชิด ประกอบกับสายตาที่จ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อนั้น คนอย่างเธอ ดีมาก็ดีตอบ ร้ายมาร้ายกลับเช่นกัน ลินลณีเท่านั้นที่เธอจะยอมให้ คนอื่นเหรอ เมินซะเถอะ ถึงเธอจะอ่อนแอแต่ก็ไม่ยอมให้มาดุถูกง่ายๆหรอก

     เอาละค่ะ หยุดเถียงกันได้แล้ว ขอพี่ดูแผลที่ศีรษะกับที่สะโพกหน่อยนะคะ เดี๋ยวพี่ทายาให้ ส่วนคุณผุ้ชายทั้งสองกรุณาออกไปจากห้องด้วยค่ะ”  ปรายฉัตรพูดตัดบท เพราะถ้าขืนปล่อยให้สองคนนี่ยังประจันหน้ากันอยู่ มีหวังได้ยืนด่ากันทั้งวันแน่ เพราะดูจากหญิงสาวตรงหน้าเธอนี้ ไม่เกรงกลัว ราชสีห์หนุ่มแห่งลุ่มแม่น้ำไนท์ซักนิด นี่เธอคงไม่รู้สินะว่าชายหนุ่มเป็นใคร

    ไปสกาย เดี๋ยวฉันดูใบหูแกให้ ว่ายังอยู่ดีหรือเปล่าวินเข้ามากอดไหล่ชายหนุ่ม แต่ไม่วายหยอกเย้าจนสกายใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่กล้ามเนื่อหน้าท้องของเขาเบาๆ

    น้องปรายครับ พี่ฝากเอาน้ำเกลือกับแอลกอฮอล์ล้างปากให้เธอด้วย เผื่อเชื้อโรคที่อยู่ในปากเธอมันจะได้ตายๆไปบ้าง”  ก่อนเดินออกจากห้องสกายไม่วายทิ้งระเบิดลูกใหญ่ให้พริริสา ได้เจ็บแค้นเล่น

        “ผู้ชายบ้า เอาไว้ล้างปากคุณคนเดียวเหอะ “

       อย่าไปสนใจคำพูดของพี่กายเขาเลยค่ะ แล้วนี่น้อง เออ. “   

     “พริริสาค่ะ เรียกพริมก็ได้

    ค่ะน้องพริม ไปไงมาไงคะ ถึงได้หกล้ม สะโพกร้าวแบบนี้” พูดพร้อมเดินไปหยิบกล่องยามาทาให้พริริสา

       พริมรีบค่ะ มีนัดสัมภาษณ์งานตอนเก้าโมงเช้า เลยวิ่งเข้าหลังโรงแรมแต่ดัน เปิดประตูผิดบาน นายนั้นไม่รู้พรวดพราดมออกมา เลยเปิดประตูกระแทกพริมซะเต็มแรง ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ” หน้าบูดบึ้งเมื่อพูดถึงคู่กรณี

       แค่เปิดประตูกระแทกคงไม่ทำให้น้องพริมกับพี่กาย ด่าทอถกเถียงกันแบบนี้หรอกมั้งคะ”  

    คือ..เอ่อ...  พริริสากระอักกระอ่วนใจที่จะตอบ ว่าเพราะเหตุอะไรเธอกับไอ้หน้าหนวดนั้น ถึงได้ไม่ลงรอยกันตั้งตาแรกพบ

    ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องตอบก็ได้ นอนพิงไปกับโซฟาเลยคะ ปลดตะขอประโปรงด้วยเดี๋ยวพี่ทายาที่บั้นท้ายให้ จะได้ช่วยบรรเทาอาการปวด”   

    ขอบคุณค่ะ” 

     “แล้วน้องพริม มาสอบสัมภาษณ์อะไรคะ” ปรายฉัตรชวนคุยในขนาดที่มือเรียวก็ทำหน้าทีป้ายยาไปที่สะโพก แล้วบีบนวดให้เธอเบาๆ

    ตายจริงพริมลืมไปสนิทเลย พริมมีนัดสัมภาษณ์งานตอนเก้าโมงเช้า  แล้วนี่มันกี่โมงแล้วคะ” เสียงเล็กตื่นตระหนก นี่เธอลืมไปสนิทเลยว่าว่ามาทำอะไรที่นี่   ร่างบางผุดลุกนั่งในท่าปกติ แต่แล้วก็ร้องโอดครวญออกมาเพราะความเจ็บ

    โอ๊ย!!!

    เบาๆค่ะน้องพริม  มันยังช้ำอยู่เลย”  เสียงปรายฉัตรดังขึ้น เมื่อเห็นร่างเล็กขยับกายอย่างเร่งรีบ

    พริริสา ก้มหน้ามองดูเวลาในนาฬิกาบนข้อมือของเธอ  แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อเข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขสิบเอ็ด นี่เธอสลบไปเกือบชั่วโมงเลยเหรอ! แล้วงานเธอละ งานที่วริชอุตสาห์ตั้งใจหาให้  ใบหน้าหวานซีดเผือดสลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าตนเองคงพลาดงานนี่

                 ขอบคุณพี่ปรายมากนะคะ พริมค่อยยังชั่วแล้วค่ะพริริสาบอกปรายฉัตรด้วยน้ำเสียงเนือยๆ

    งานก็ชวดแถมยังมาเจ็บตัวอีก เพราะผู้ชายคนนั้นคนเดียวแท้ๆยังคิดก็ยิ่งเจ็บใจ นี่เธอต้องตะลอนหางานใหม่ทำใช่มั้ย เวลาอีกแค่สองเดือน กับเงินสิบล้าน มันไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าว่าแต่สิบล้านเลย แค่แสนเดียวภายในสองเดือนมันก็แสนสาหัสแล้วสำหรับเธอ เว้นเสียแต่ว่า สวรรค์จะเป็นใจเอาเงินสิบล้านบาทมากองอยู่ตรงเธอเท่านั้นเอง

    พริมไม่เป็นไรมากก็ดีแล้วจ๊ะ เห็นทีพี่กับพี่วินต้องกลับสักที ปรายฉัตรเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน นึกเอ็นดูสาวน้อยตรงหน้า ดูเธอเด็ดเดี่ยวและไม่ยอมใคร แถมยังปากกล้า กล้าต่อกรกับสกาย จนชายหนุ่มเองก็อึ้งไปเลยทีเดียว

                   อ้าวพี่สองคนไม่ได้พักที่นี่เหรอคะ พริริสาเอียงคอถามอย่างสงสัย

     “เปล่าค่ะ พี่สองคนกำลังจะกลับอังกฤษนะ บังเอิญสามีพี่เขาลืมเอกสารสำคัญเลยต้องวนกลับมาเอาอีกรอบ แล้วก็เจอเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี่แหละ” ปรายฉัตรตอบคำถามของเธอ พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้

    แล้วเออ....  นายคนนั้นล่ะคะ พรริสากำลังเอ่ยถึงชายหนุ่มที่บังอาจมาปล้นจูบแรกของเธอไป ด้วยใบหน้าขุ่นเคือง

    ถ้าน้องพริมหมายถึงพี่สกาย  เขาไม่ได้พักที่นี่หรอกค่ะ เขาแค่แวะเข้ามาหาสามีพี่น่ะ  เดี๋ยวก็คงจะกลับแล้วเหมือนกัน พริริสาพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็ยิ้มแห้งๆ  

    ขอบคุณพี่ปรายอีกครั้งนะคะ และต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ต้องเสียเวลา

    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แล้วนี่พริมไหวนะ ปรายฉัตรเอ่ยถามเธออีกครั้งก่อนเอื้อมแขนเข้าไปจับบ่าเล็กของพริริสา

         ไม่ไหวก็ต้องไหวแล้วล่ะค่ะ” พริริสาบอกปรายฉัตร เมื่อเหลือบไปเห็นใบหน้าของใครคนที่เธอกำลังพูดถึงอยู่   จนปรายฉัตรต้องเหลียวหน้าหันไปมองด้วย

     อ้าวนั้นไงมากันพอดีเลย ปรายฉัตรเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นสองหนุ่มกำลังเดินตรงเข้ามาทางเธอกับพริริสา

     ไปกันหรือยังครับปราย เดี๋ยวตกเครื่องเอา วินนั้นเองที่เป็นคนเอ่ยขึ้น

      ค่ะพี่วิน พี่กายคะ ปรายฝากน้องพริมด้วยนะคะ ปรายฉัตรลุกขึ้นยืนแล้วหันมาบอกชายหนุ่ม ที่ยืนปั้นหน้าเป็นยักษ์อยู่ สายตาคู่คมกำลังจ้องมองอยู่กับดวงตาเขียวปิ๊ดของหญิงสาวที่ปรายฉัตรเอ่ยถึง

    ครับ น้องปรายไม่ต้องเป็นหวง พี่จะดูแลให้เป็นอย่างดี จะไปส่งให้ถึงบันไดบ้านเลย ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงยียวน ให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยินอย่างชัดเจน

      ไม่ต้องฉันกลับเองได้ เสียงแหลมของพริริสาตวาดแว้ด   จนวินกับปรายฉัตรต้องส่ายหน้า ให้กับความกล้าบ้าบื่นของเธอ

      ฉันกลับละไอ้กาย ส่วนห้องพักนี่ฉันบอกผู้จัดการโรงแรมไว้แล้ว แกเข้ามาใช้ได้ทุกเวลา จะทำอะไรฉันไม่ว่า แต่อย่ารุนแรงจนข้างห้องเขา เข้ามาด่าแล้วกันวินเอ่ยขึ้นอย่างขบขัน

     ขอบใจว่ะ เดินทางปลอดภัย ฉันไม่ส่งนะ ถึงโน้นแล้วโทรบอกด้วย ฝากบอกจาคอบด้วย ว่าฉันกำลังทำตามที่มันแนะนำอยู่สกายยืนกอดอกพูดกับเพื่อนรักด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะปลายตามองคนตัวเล็กที่นั่งตัวลีบอยู่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

     พี่ไปนะค่ะน้องพริม ปรายฉันเอ่ยลาพริริสาอีกครั้ง

    ค่ะพี่ปราย เดินทางโดยสวัสดิภาพนะค่ะ พริริสายกมือไหว้คนทั้งคู่อีกครั้ง ก่อนขยับตัวจะลุกตาม คนทั้งสองออกไป

    จะไปไหนแม่ตัวดี เสียงเข้มหันมามองร่างบางที่กำลังจะก้าวเดิน

    พริริสาไม่ตอบ เธอพยายามก้าวขายาวๆออกจากห้องให้เร็วที่สุด เพราะยังไม่อยากต่อปากต่อคำกับชายหนุ่ม มันไม่ดีแน่หากต้องอยู่ตามลำพังกับผู้ชายที่ปากเสีย ที่พร้อมจะฉวยโอกาสกับเธอได้ทุกเมือ

    ฉันถามว่าเธอจะไปไหน” ไม่พูดเปล่า แขนใหญ่มารั้งเอาข้อแขนของเธอจนร่างบางปลิวว่อนไปตามแรกฉุดกระชาก

    โอ้ยคุณทำบ้าอะไรของคุณ ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับบ้าน  เสียงแหลมเล็กเอ่ยออกมาอย่างขัดใจเมื่อชายหนุ่ม รั้งแขนเธอไว้แล้ว จับลากลงไปนั่งกับโซฟาตัวเดิม

      เธอนี่เจ็บตัวแล้วยังจะอวดดีอีกนะ ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเย็น

     แล้วคุณมายุ่งอะไรกับฉันเล่า

    ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก ถ้าฉันไม่บังเอิญเป็นคนที่ทำให้เธอตกงาน

    คุณรู้!!!   พริริสามีสีหน้าประหลาดใจ  กับคำตอบของชายหนุ่ม

     ฉันบังเอิญได้ยินเธอพูดกับน้องปราย ชายหนุ่มบอกไม่ค่อยเต็มเสียง

    นี่คุณแอบฟังฉันคุยเหรอ คุณนี่มัน... พรริสากำมือแน่น แล้วมองหน้าชายหนุ่มอย่างเคืองๆ

        ก็บอกแล้วไงว่าบังเอิญได้ยิน!! สกายเข็ดเสียงเข้ม ก็มันบังเอิญจริงๆเขาแค่จะเดินออกไปข้างนอกแต่ดันมาได้ยินสิ่งที่เธอคุยกับปรายฉัตร คนอยากเขาไม่ชอบให้ใครมาเดือดร้อนเพราะตนเอง ถ้าเขาคือต้นเหตุเขาก็พร้อมจะรับผิดชอบ แค่หางานใหม่ให้เธอทำ มันไม่ใช่เรื่องยาก

       มันก็เหมือนกันนั้นแหละ พริริสาตวาดกลับ

         แล้วเธอจะเอายังไงสกายเดินมานั่งตรงโซฟาตัวเดียวกับเธอก่อนจะเอนหลังพิงกับเบาะแล้วเยถามด้วยน้ำเสียงยียวน

    ฉันถามว่าเธอจะยังไงต่อ หูแตกหรือไง เมื่อเห็นหญิงสาวยังเงียบสกายก็เปิดฉากแขวะเธอต่อ

     คุณอยากรับผิดชอบมากใช่ป่ะ ที่ทำให้ฉันตกงานบวกเจ็บตัวแบบนี่ ถึงได้แหกปากถามอยู่ได้ว่าจะเอายังไง ถ้าฉันบอกว่าจะเอาเงินสิบล้าน คุณมีปัญญาหามาให้ฉันมั้ยละ พริริสาพูดขึ้นด้วยความโมโห ที่ชายหนุ่มเอาแต่หาเรื่องตวาดเธอ โดยที่ไม่คิดว่าคำพูดของตนเอง จะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้า มองด้วยสายตาเย้ยหยัน ปนสังเวช เพราะเธอเองก็ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมีเงินมากพอที่จะทำเช่นนั้น ที่สำคัญเธอก็แค่อยากจะแกล้งยั่วโทสะของชายหนุ่มเล่น

    คุณมองฉันแบบนี้หมายความว่าไง พรริสากั้นใจถาม เพราะรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ส่งมาจากสายตาคู่คมนั้น จู่ๆเธอก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาดื้อๆ

    สกายเหยียดตามองคนตรงหน้าอย่างสมเพช พร้อมแสะยิ้ม ผู้หญิงในโลกนี้เหมือนกันหมด ใจกล้า หน้าด้าน ไร้ยางอาย  หน้าเงิน นี่เธอคงไม่รู้สินะ ว่าเขาเป็นใครถึงกล้า เอ่ยวาจาน่าขยะแขยงออกมาแบบนี้

    ดี..ในเมื่อเธอเห็นแก่เงิน เขาก็ใช่เงินสิบล้านนี่แหละ ใส่โซ่ตรวนจองจำให้เธอรู้สึกหลาบจำที่บังอาจมาอวดดี และถือดีกับคนอย่างเขา เธอจะได้รู้ว่าคนที่กล้าท้าทายกับอำนาจเจ้าพ่อเหมืองอย่างเขาจะเจออะไรบ้าง

    สิบล้าน ได้!! ฉันจะเอาเงินสิบล้านมากองตรงหน้าเธอ แต่ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน แล้วฉันว่ามันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มสำหรับคนอย่างเธอ

     คุณพูดบ้าอะไรของคุณ  พริริสากระชากเสียง

     เงินสิบล้านจะมากองอยู่ตรงหน้าของเธอทันที ถ้าเธอยอมมาเป็นเมียฉันสกายเขยิบตัวเข้ามาใกล้แล้วใช้มือใหญ่ช้อนคางหญิงสาวให้มองมายังเขา

    คุณพูดพรามอะไรของคุณ พร้อมใช้มือปัดมือชายหนุ่มทิ้ง แล้วกระถดตัวหนี

    ถึงฉันจะอยากได้เงินสิบล้าน แต่ฉันก็มีศักดิ์ศรีพอ ที่จะไม่เอาเรือนร่างมาสนองตัณหาให้ผู้ชายบ้ากามอย่างคุณหรอก  หนีฉันจะกลับบ้าน  พูดจบก็พลักชายหนุ่มให้พ้นทาง

    ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าศักดิ์ศรีของเธอมันจะค้ำคอเธอได้แค่ไหน ผู้หญิงอย่างเธอฉันเจอมาหนักต่อหนักแล้วพริริสา ตอนแรกก็เล่นตัวกันทุกคน แต่พอมีเงินมากองอยู่ตรงหน้าขี้คล้านจะเดินเข้ามากราบอ้อนวอนฉันแทบไม่ทัน  สกายพูดเย้ยหยัน อย่างไม่เยเสกับหญิงสาวตรงหน้า ที่จ้องเขาอย่างเอาเรื่อง

    คุณ!!! ... คุณนี่มัน คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าหรือยังไง ถึงคิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นอย่างที่คุณพูดทุกคน วันนี้มันวันซวยของฉันจริงๆ เจ็บตัวและตกงานยังไม่พอ ต้องมาเจอผู้ชายเฮงซวย บ้าอำนาจอย่างคุณอีก ถ้าคุณคิดว่า ผู้หญิงทุกคนจะเป็นอย่างที่คุณพูด ก็เชิญคุณเสวยสุขบนกองเงินกองทองของคุณไปคนเดียวเหอะ ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใครและใหญ่โตมาจากไหน แต่ที่นี่และเวลานี่ คุณมันก็แค่ผุ้ชายไม่รู้จักโต อยากได้อะไรก็เอาเงินฟาดหัวคนอื่น ถ้าให้ฉันเดานะ ไม่มีผู้หญิงคนไหน รักคุณจริงหรอก นอกจากมาหลอกใช้เพราะอยากได้เงินเท่านั้นเอง พรริสาตอบโต้เร็วระรัว ไม่ปล่อยช่องว่างให้ชายหนุ่มได้พูด จนเธอเองหอบหายใจแรง เพราะคำพูดของตนเอง

    เธอ!!! ว่าอะไร น้ำเสียงชายหนุ่มเกรี้ยวกราด สายตาเริ่มแข็งกร้าว พร้อมขยับเข้ามากระชากแขนของเธออย่างแรง จนพริริสานิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด ผู้หญิงคนนี่คิดว่าตนเองเป็นใคร 

     ได้..แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะอวดดีได้สักกี่น้ำ พูดพร้อมเข้าไปกระซิบข้างหูของเธอ

    ปล่อยฉันนะ พริริสาสะบัดแขนอย่างแรงเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการของเขาเพราะผู้ชายตรงหน้าเธอตอนนี้ เริ่มหน้ากลัวขึ้นทุกวินาที ยิ่งแววตาขุ่นเคือง ที่ซ่อนอยู่ในผมยาวที่ยุ่งเหยิงนั้น มันทำให้เธอรู้สึกประหม่า และอยากหนีให้พ้นจากตรงนี้รู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูก 

       ฉันว่าคุณกับฉันอย่าเจอกันอีกจะดีกว่า  ฉันขอกรวดน้ำคว่ำขันตรงนี้เลย  อย่าได้เจอะได้เจอกันอีก พูดเสร็จก็หันไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขก และก้าวขายาวๆสะบัดหน้าออกไปด้วยความขุ่นเคือง  แม้จะรู้สึกปวดระบมที่บั้นท้ายแปลบๆ แต่ก็ยังดีกว่าจะต้องมาทนให้ผุ้ชายตรงหน้าคนนี้ดูถูกเธอ ผู้ชายบ้าอะไรไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ แถมการแต่งตัวก็แย่สุดๆพอกับผมเผ้าและหนวดเราที่รุงรังนั้น ไม่รู้ไปสนิทอะไรกับ ผู้ชายที่ทั้งหล่อและเฟอร์เฟคอย่างคุณวิน สามีของฉัตรปรายที่เธอเพิ่งรู้จักไปเมื่อครู่ได้ยังไงกัน

    เชิญ แล้วสักวันฉันนี่แหละ จะทำให้มาคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาต่อฉัน

    ฝันไปเถอะยะ!!! พริริสาเอ่ยเสียงแผ่วเบา มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน

    ปัง!! เสียงประห้องถูกปิดลง พร้อมๆกับสายตาพิโรธของชายหนุ่มที่มองตามไปอย่างเหี้ยมเกรียม

    จองหองอวดดีพริริสาสักวันเธอต้องเป็นฝ่ายวิ่งกลับมาขอร้องอ้อนวอนฉัน สกายหมายหมั่นอยู่ในใจ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×