ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟรัง colic คนเห็นผี

    ลำดับตอนที่ #22 : คนเชิดหุ่น 100%

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 58






    ลมทะเลพัดโบกโยกทิวสนลู่ตามแรงลม คลื่นทะเลยามเช้าซัดเกยหาดทรายสีขาว

    สีเขียวมรกตส่องประกายระยับรับรุ่งอรุณ

    บนพื้นหาดมีเด็กน้อยวัยกำลังซนสองคนจูงมือกัน

    โดยมีเด็กสาวอีกคู่หนึ่งเดินตามดูแลอยู่ไม่ห่าง..



    ขันทองจูงมือยูนาวิ่งไล่เก็บเปลือกหอย ของฝากจากบางแสน


    "นี่ขันทองอย่าเก็บไปเยอะนะเอาไปแค่ไม่กี่อันก็พอ"


    ขันทองเงยหน้ามองฟรังแล้วทำหน้าฉงน


    "ทำไมอ่ะ..เปลือกหอยตั้งเยอะแยะนี่"


    ขันทองยกถุงเปลือกหอยนานาชนิดให้ฟรังดู

    ฟรังนั่งลงชี้ให้ขันทองดูรูเล็กๆที่มีอยู่เต็มพื้นหาด


    "เปลือกหอยบางชนิดเป็นที่อยู่อาศัยของหนอนทะเลหรือเสฉวนตัวน้อยๆที่อาศัยอยู่ในรูนั่น

    เขาต้องถูกแย่งบ้านไปทุกวันพวกลูกหนอนทะเลต้องขุดรูอยู่น่าสงสารออก"


    ขันทองหน้าจ๋อยลงเด็กน้อยลุกขึ้นเดินไปเทเปลือกหอยลงน้ำทะเล


    "ขอโทษนะน้องหนอน"


    ยูนาอมยิ้มเดินไปหาขันทอง..


    "ท่านจิคาเนะแบมือซิ"


    ขันทองทำหน้างงๆแต่ก็แบมือน้อยออก

    ยูนาวางเปลือกหอยทับทิมสีชมพูอันจิ๋วลงบนฝามือขันทอง


    "น่ารักอ่ะขอบใจนะ"


    ขันทองกระโดดโลดเต้นชูเปลือกหอยอันเล็กส่องกับแสงแดดแล้วหันไปฉีกยิ้มให้กับยูนา

    สิ่งเล็กๆน้อยๆอาจดูเล็กจนไร้ค่าก็แค่เปลือกหอยจะไปมีอะไรมากมายแต่สำหรับสิ่งมีชีวิตเล็กๆ

    นั่นคือบ้านที่มีค่าของหนอนทะเล..

    และเปลือกหอยเล็กๆแค่ฝาเดียวมันช่างมีค่ากับเด็กน้อยสองคนที่จับมือกันวิ่งไปตามหาดทรายขาว



    ***************


    "หมดเวลาสนุกแล้วนะกลับกันได้แล้ว"


    ฟรังกับแพรวาเดินจูงมือกันไปตามเด็กๆให้ขึ้นจากน้ำ

    ขันทองจับมือกับยูนาวิ่งขึ้นมาจากน้ำแล้วกระโดดโผลเข้ากอดแพรวา

    "แม่แพรอุ้มหน่อย"


    แพรวาก้มลงอุ้มขันทองส่วนฟรังอุ้มยูนาทั้งหมดเดินกลับไปที่รถเพื่ออกเดินทาง

    เมื่อเข้าเส้นชลบุรีสายใหม่หมายเลข7 การจราจรบนถนนกลายเป็นอัมพาต

    รถติดยาวเหยียด...


    "สงสัยจะเกิดอุบัติเหตุแน่ๆเลยนะฟรัง"


    แพรวาชะเง้อมองดูเหตุการณ์..


    "หนูไปดูให้มะ"


    ขันทองจอมซนตั้งท่าจะพุ่งกระโจนใส่กระจกด้านหน้ารถ

    แต่ถูกฟรังดึงแขนเอาไว้ซะก่อน..


    "ไปได้แต่ห้ามก่อเรื่องเด็ดขาด!ไปดูเฉยๆเข้าใจนะ"


    ขันทองแยกเขี้ยวใส่ฟรังที่จับไต๋ความซนของเด็กน้อยได้


    "รู้น่า..พี่สาวก็เห็นหนูเป็นเด็กชอบหาเรื่องรึไง"


    ฟรังพยักหน้า..ขันทองยู่จมูกพุ่งตัวผ่านกระจกรถออกไป

    ขันทองน้อยเดินซอกแซกแทรกตัวเข้าไปในวงไทยมุงที่ยืนหน้าสลอนดูเหตุการณ์

    บริเวณที่เกิดเหตุเป็นทางเทิร์นรถอยู่ห่างหน้าม.บูรพาประมาณ200เมตร

    พบรถหกล้อจอดขวางถนนคล้ายกับพุ่งมาจากทางยูเทิร์น

    อัดก๊อบปี้รถbmw 315ทาง ด้านขวาของคนขับจนด้านข้างbmw  บี้แบน

    สภาพด้านหน้ารถหกล้อพังยับ.. หน่วยกู้ภัยร่างยักษ์สองคน

    ช่วยกันใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้ชายวัยกลางคนที่คาดว่า

    น่าจะเสียชีวิตแล้วดูจากสภาพซีกหน้าด้านขวาเละ

    จนไม่เหลือเค้าหน้าเดิม ถูกห่อด้วยผ้าขาวมัดหัวมัดปลายเท้า

    ศพที่สองเป็นร่างผู้หญิงวัยกลางคนเหมือนถูกของแหลมแทง

    ทะลุหลอดลมลำคอเลือดไหลเป็นลิ่มๆ

    และร่างสุดท้ายที่ถูกอุ้มออกมาจากเบาะหลังเป็นภาพสุดอนาถใจ

    กับศพของเด็กผู้หญิงวัยห้าขวบในมือเด็กน้อยยังกำแท่งอมยิ้มไว้แน่น

    ใกล้กับจุดเกิดเหตุนายตำรวจสองนายกำลังสอบปากคำเบื้องต้น

    กับชายคนนึงที่คาดว่าน่าจะเป็นคนขับรถหกล้อคันดังกล่าว


    "ผมไม่ได้โกหกนะคุณตำรวจ!มีนักศึกษาชายหญิงสองคนปั่นจักรยานตัดหน้ารถผม

    แล้วก็หายไปต่อหน้าต่อตาผมตกใจเลยหักหลบ!"


     นายตำรวจสองคนส่ายหัวไปมากับสิ่งที่เขาบอก


    "พอๆไปให้การต่อที่โรงพักดีกว่าพูดจาไม่รู้เรื่องเมายาบ้าแน่ๆเลย

    จ่าเอาตัวไปตรวจฉี่ด้วยนะ"


    นายตำรวจล็อคแขนคนขับรถหกล้อควบคุมตัวขึ้นรถตราโล่ไปดำเนินคดี





    ***********************


    "เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่หนูเล่าให้ฟังนี่แหละ พี่สาวว่าคนขับรถจะโกหกป่ะ"



    ขันทองน้อยไปหาข่าวมารายงานฟรังอย่างละเอียดยิบ

    ฟรังหลับตาลงไม่นานนักก็ลืมตาขึ้นตอบข้อข้องใจของเด็กน้อย


    "ไม่ได้โกหกมีวิญญาณปั่นจักรยานข้ามถนนไปมาจริง"


    ขันทองขมวดคิ้วยุ่งเข้าหากัน..


    "แล้วทำไมหนูไม่เห็นวิญญาณที่ว่านั้นเลยล่ะ"


    ฟรังเอามือโยกหัวขันทองไปมา..


    "ก็เพราะเธอไม่ได้สังเกตุว่ามีวิญญาณยืนปะปนอยู่กับคนไง"


    ขันทองเขกหัวตัวเองที่พลาดจนได้


     "แล้วเอาไงดีล่ะพี่สาววิญญาณนั่นท่าจะเฮี้ยนเล่นออกมาหลอกกลางวันแสกๆแบบนี้ไม่ธรรมดาแน่"


    ฟรังเห็นด้วยกับเด็กน้อยถึงความไม่ธรรมดาของดวงวิญญาณนักศึกษา


    "สงสัยวันนี้กลับถึงบ้านมืดแน่แพรเธอโอเคป่ะ"


    แพรวาพยักหน้าอมยิ้มให้ฟรัง..เมื่อรถพอขยับได้ฟรังก็เลี้ยวรถลงไหล่ทางไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุมากนัก

    ภารกิจพิชิตดวงวิญญาณกำลังจะเริ่มขึ้น...



    ยิ่งกลุ่มของฟรังเดินเข้าใกล้จุดเกิดเหตุมากเท่าไหร่คลื่นพลังงาน

    ที่ฟรังสัมผัสได้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ


    "ไม่ได้มีแค่ดวงวิญญาณนักศึกษา!"


    คำพูดของฟรังทำให้ทุกคนหยุดชะงักเท้ามองหน้าฟรังรอฟังสิ่งที่ฟรังจะพูดต่อ


    "คนเชิดหุ่น!"


    ฟรังขมวดคิ้วแน่นตอนนี้ผู้ฟังลุ้นระทึกใครคือคนเชิดหุ่น?

    ฟรังเดินนำไปหยุดยืนตรงบริเวณจุดเกิดที่ไทยมุง

    ต่างพากันแยกย้ายเมื่อเหตุการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ

    รถคู่กรณีทั้งสองฝ่ายถูกเคลียออกจากพื้นผิวถนน

    การจราจรกลับคืนสู่สภาพคล่อง...

    ฟรังหลับตาสัมผัสเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น




    พ.ศ.2516


    คณะนักศึกษากลุ่มหนึ่งได้จัดการแสดงเชิดหุ่นกระบอก

    ล้อเลียนการเมืองในยุคทหารปกครองประเทศ..

    พวกเขาได้ออกตะเวนเชิดหุ่นไปตามสถาบันการศึกษา

    ทั้งในและนอกจังหวัดเพื่อระดมแนวร่วมในการเรียกร้อง

    ประชาธิปไตยที่มาจากจุดยืนโดยลืมคิดคำนึงไปว่า

    นักธุรกิจมองเห็นถึงผลประโยชน์จากช่องโหว่ในอุดมการณ์

    อันแรงกล้าของเหล่านักศึกษาที่ตกเป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว

    เหล่าพ่อค้าวาณิชย์ทุ่มทุนเป็นสปอนเซอร์ให้กลุ่มนักศึกษา

    เพียงต้องการเห็นระบอบนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง

    กลุ่มคนเชิดหุ่นเอยลืมคิดไปไยถึงกิเลสที่สิงสู่ในรากเหง้า

    ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน จึงได้กลายเป็นหุ่นมีชีวิตที่ถูกนักลงทุนเชิด

    ด้วยคำป้อยอในอุดมการณ์..


    "บัววันนี้เธอจะเชิดหุ่นเรื่องอะไรเหรอ"


    ไผ่เพื่อนชายคนสนิทเอ่ยถามหญิงสาวที่ซ้อนท้ายจักรยานของเขา


    "พวกพี่เป็ดบอกว่าจะเชิดเรื่องปริญญาประชาธิปไตยน่ะ"


    บัวหญิงสาวหนึ่งในสมาชิกคนเชิดหุ่นทุ่มจิตวิญญาณ

    หวังเห็นประชาธิปไตยเบิกบานแทนรั้วรวดหนามของสถาบันปกป้องประเทศ

    ไผ่แม้จะไม่ได้เป็นนักเชิดหุ่นกระบอกแต่เขาคือบุคคลสำคัญในการปฏิสัมพันธ์

    กับผู้คนมีวาทะศิลป์โน้มน้าวจิตใจผู้ฟังให้คล้อยตาม..

    คณะหุ่นกระบอกต้องเดินทางออกนอกสถานที่บ่อยครั้งเช่นเดียวกับวันนี้

    ที่ผู้นำกลุ่มนักศึกษาจะพาพวกเขาไปแสดงที่พระนครศรีอยุธยา


     


    ภายในรถตู้ทรงโบราณที่ต้องเปิดหน้าต่างรับลม

    มีกลุ่มนักศึกษาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีดำกำลังนั่งปรึกษา

    แผนการแสดงละครหุ่นเชิด..พวกเขาคือ

    'คนเชิดหุ่น'..


    "ไผ่มึงทำหน้าที่เรียกคนมาดูให้ได้เยอะนะเรื่องนี้ข้นมากเลยมึง"


    เป็ดหนุ่มปักษ์ใต้ผิวเข้มกำลังวางหน้าที่ให้กับสมาชิกทุกคนด้วยสีหน้าจริงจัง

    บรรยากาศภายในรถอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่นและตั้งใจแน่วแน่

    ไม่มีใครรู้ตัวหรอกว่าเพียงไม่กี่วินาทีที่ถึงบนเส้นทางหลวงแผ่นดิน

    กำลังจะเกิดโศกนาฏกรรมที่คร่าชีวิตพวกเขาทั้งหมด!

    รถสิบล้อที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงของคนขับกึ่งหลับกึ่งตื่น

    เพราะความง่วงนอนที่ต้องขับรถข้ามจังหวัดวิ่งสวนเลนท์ข้ามช่องทาง!

    ชนประสานงาอัดก็อปปี้รถกลุ่มนักศึกษาลากพารถตู้กระแทกกับต้นก้ามปูที่ยืนต้นบนไหล่ทาง

    จนเกิดประกายไฟลุกท่วมระเบิดเสียงดังสนั่นบางร่างถูกฉีกแขนขาออกเป็นชิ้นๆ

    ความร้อนเผาไม้ทุกชีวิตที่อยู่ภายในรถดำเป็นตอตะโกหุ่นกระบอกถูกเปลวเพลิงลามเลีย

    เป็นอาหารแห่งไฟนรก..ดวงวิญญาณหลุดออกจากร่างโดยไม่รู้ตัวว่าตายแล้ว

    ยังคงยึดติดกับห้วงความรู้สึกในสิ่งที่ตั้งมั่น..

    พวกเขายังคงวนเวียนทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมาย



    ฟรังเดินมาจนถึงสถานที่ที่ดวงวิญญาณผูกพันธ์และทั้งหมดเวียนว่ายกลับมาที่นี่

    หน้ามหาลัยที่คณะของพวกเขาได้บันทึกภาพสุดท้ายก่อนประสบอุบัติเหตุสยอง

    และตอนนี้คณะหุ่นกระบอกกำลังร่ายรำเชิดหุ่นอยู่เบื้องหน้าฟรัง

    เหล่าดวงวิญญาณที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนสายนี้ถูกวิญญาณของไผ่

    เดินนำมาดูการแสดง ใช่!หน้าที่ของเขาคือหาคนมาดูการแสดง!

    จากอุบัติเหตุ..


    "พี่สาวนั่นผีสามพ่อแม่ลูกที่เพิ่งตายนี่!"


    ขันทองน้อยชี้นิ้วมือไปที่สามดวงวิญญาณที่เพิ่งตายสดๆร้อนๆ

    ฟรังเข้าใจแล้วว่าเพราะอะไรถึงเกิดอุบัติเหตุที่นี่บ่อยครั้ง


    "ถึงเวลาที่ต้องปล่อยวางได้แล้วนะอุดมการณ์ของพวกพี่จะอยู่ในใจพวกเรา

    การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลา มาเถอะค่ะหนูจะส่งพวกพี่ไปอยู่ในที่ๆควรอยู่"


    ฟรังแบมือสองข้างไปด้านหน้าแล้วหลับตา..

    คณะเชิดหุ่นที่ทาใบหน้าด้วยสีดำลดหุ่นในมือแล้วยืนนิ่ง

    ฟรังบริกรรมคาถาอัญเชิญดวงวิญญาณที่ยึดติดด้วยมนต์

    แห่งคาถามีพลังกล่อมเกลาด้วยรสพระธรรมทำให้เหล่า

    ดวงจิตร่ำไห้ในผิดที่สำนึกได้..

    พลังแห่งพุทธคุณให้อภัยส่องแสงนำทางกลุ่มดวงวิญญาณทั้งหมด

    ที่วนเวียนณ.ที่นี้เปลี่ยนสภาพเป็นกลุ่มก้อนพลังงานพวยพุ่งหายไปกับแสงแห่งธรรม

    เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจพิชิตวิญญาณฟรังพยักหน้าให้กับทุกคน


    "ป่ะ..เราไปกันเถอะ"


    ฟรังก้มลงอุ้มยูนาทำให้ขันทองบุ้ยปากหันไปบ่นกับแพรวาที่จูงมือเด็กน้อย


    "แม่แพรดูนะพี่สาวอุ้มแต่ยูนาไม่ยอมอุ้มหนูเลย!ใช่เด้!ก็ยูนาน่ารักกว่าหนูนี่!"


    ฟรังได้ยินขันทองบ่นตามหลังแต่ทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจคำพูดของเด็กแสบ

    ยูนาหันไปยิ้มน้อยๆให้ขันทอง


    "โอ๋ๆ..มาๆแม่แพรอุ้มเอง"


    แพรวาก้มลงอุ้มเด็กขี้งอนที่เดินหน้าง้ำเพราะเกิดอาการน้อยใจที่ฟรังไม่สนใจเธอ

    งอนได้ไม่นานก็ผล็อยหลับคาไหล่แพรวา


    "ฟรังอ่ะทำไมชอบแกล้งขันทองจังเลย"


    คำต่อว่าที่ทำให้ฟรังยิ้มแบบขำๆ..


    "ฉันก็แค่อยากดัดนิสัยซนๆของขันทองเท่านั้นเธออย่าให้ท้ายยัยแสบนั้นนักซิแพร"


    แพรวานึกโมโหฟรังที่ว่าเธอให้ท้ายเด็กน้อย


    "ก็แพรรักลูกมันผิดตรงไหนอ่ะ!"


    ฟรังถอนหายใจกับความเอาแต่ใจของสองแม่ลูก

    ก็เลยเลือกเงียบไม่อยากต่อความให้อีกฝ่ายโมโหไปมากกว่านี้


    "เออนี่แพรข้างหน้ามีร้านของฝากแวะซื้อของหน่อยไหม"


    ฟรังพยายามง้อแพรที่นั่งหน้างอมาตลอดทาง


    "อือ"..


    คำตอบแค่อือทำให้ฟรังรู้ดีว่าแพรวางอนเธอเรียบร้อยไปอีกหนึ่งคน

    แต่ฟรังยังคงทำหน้าเรียบนิ่งเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    ดัสสันสีแดงจอดเทียบฟุตบาทหน้าร้านขายของฝาก

    ขันทองน้อยลุกพรวด!ตื่นเองโดยอัตโนมัติ!แค่ได้กลิ่นขนมที่ลอยมาแตะจมูก


    "ไปเร็วฮิเดโกะ!ไปหาหนมกินกัน"


    ไงล่ะเด็กตัวแสบงอนได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็หันไปฉีกยิ้มให้ฟรังทำหน้าออดอ้อนขอหนมกิน!

    แพรวาได้แต่ทำตาปริบๆมองหน้าขันทองที่เห็นแก่ของกินลืมหมดสิ้นความโกรธเคือง

    เหลือแต่แนวร่วมตัวแม่ที่ทำหน้าไปไม่เป็นอ้าปากค้าง


    "พี่สาวจ๋าอยากกินหนมอ่า"..


    ขันทองน้อยทำเสียงออดอ้อน ฟรังได้ทียักคิ้วให้แพรวา..


    "เห็นยังว่ายัยเปี๊ยกเนี่ยคบไม่ได้55+"


    เป็นครั้งแรกที่ฟรังหัวเราะได้อย่างกวนอารมณ์คนฟัง


    "หยุดเลยนะ!ไม่ต้องมาหัวเราะเค้าเลย!นี่แนะ!"


    แพรวาทุบตีฟรังที่ยังไม่ยอมหยุดหัวเราะเธอ..


    "ไปกันเหอะฮิเดโกะ!ปล่อยให้คนแก่ตีกันในรถนี่แหละ!"


    ขันทองจูงมือยูนาพากันลงจากรถวิ่งเข้าไปยังร้านขายของฝาก



    ************


    อ.ด่านช้าง


    ร้านแพรวา19:00


    ฟรังเทียบจอดรถด้านหน้าร้านแพวามองผ่านกระจกเข้าไป

    ก็เห็นเก้ากับตาลกำลังช่วยกันเช็ดโต๊ะเก้าอี้อยู่..

    ทั้งสี่คนลงจากรถพร้อมของฝากเต็มสองมือฟรังกับแพวา


    "อ้าวกลับมากันแล้ว..มีไรมาฝากบ้างป่ะจ๊ะน้องสาว"

    แพรวายกถุงของฝากโชว์ให้เก้าดู..


    "มีของพี่ตาลด้วยนะคะ..อ่ะนี่"


    แพรวาส่งถุงขนมให้กับตาลถุงนึง


    "ขอบใจนะ..เออฟรังพี่มีเรื่องเล่าว่ะ"


    เก้ารีบตีแขนตาลแล้วทำตาดุๆเชิงห้ามซึ่งนั้นทำให้ทุกคนเกิดความสงสัย


    "เรื่องอะไรคะ?"


    ฟรังถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง..


    "เรื่อง!หนังขายยา!"..


    ตาลหลุดออกมาได้แค่นั้นก็ต้องขมวดคิ้วยุ่งด้วยความเจ็บ

    เพราะถูกเก้าบิดเอวอย่างแรง..


    "มันเจ็บไหมเนี่ย!?"


    ตาลบุ้ยปากลูบเอวของเธอ..


    "น้องเพิ่งกลับมายังจะหาเรื่องไร้สาระมาหาให้น้องอีกนะ!"


    เก้าฟาดฝ่ามือใส่แขนตาลอีกที..


    "หนังขายยาทำไมคะพี่ตาล?"


    ฟรังเอ่ยถาม..เพราะคิดว่ามันต้องมีเรื่องที่เธอต้องเข้าไปเกี่ยวพัน


    "คืองี้นะ..เมื่อเช้าที่สภากาแฟเขาคุยกันว่าที่ตำบลท่าโขลงมีรถหนังขายยา

    มาฉายหนังที่วัดท่าโขลง!"..


    ทุกคนทำหน้าสงสัยมันมีอะไรก็แค่รถขายยามาฉายหนังเล่

    แต่ดูจากหน้าตาลตื่นเต้นกับมันมาก..


    "ไง..ฟังดูธรรมดาใช่ป่ะ?แต่มันไม่ธรรมดาตรงที่

    ข้อมูลจากคนที่เล่าเป็นสัปเหร่อเฝ้าป่าช้าท้ายวัดท่าโขลง!"


    พอพูดถึงสัปเหร่อสายตาของทุกคนพุ่งตรงไปที่ตาล

    สีหน้าถึงความอยากรู้ทวีเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกหลายเท่าตัว

    โดยเฉพาะขาซนอย่างขันทอง!



    ******************


    จบตอนครับตามกันต่อใน..อาถรรพ์หนังขายยา





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×