ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟรัง colic คนเห็นผี

    ลำดับตอนที่ #2 : นางรำ

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 58


     

     

     
    เรื่องบางเรื่อง..ที่คุณเผลอทำโดยไม่ได้ตั้งใจ

    อาจทำให้คุณหวาดผวาได้กับผู้มาเยือน!



    ***************


     06.00 น.



    ณ.บ้านเรือนไทยไม้สักทองหลังใหญ่โบราณ

    ที่ตั้งตะหง่านอยู่กลางสวนผสมและฟาร์มสัตว์

    นานาชนิดบนพื้นที่กว่าห้าร้อยไร่ ใครจะคิดว่า

    ที่นี่มีเพียงเด็กสาวตัวน้อยอาศัยอยู่เพียงลำพัง

    ภายในบ้านหลังใหญ่นี้..น้อยคนนักที่จะแวะเวียน

    หรือผ่านเข้ามาทายทักจะมีแต่เพียงพระธุดงค์หนึ่ง

    รูปที่มาบิณฑบาตร ณ.หน้าบ้านที่ปกคลุมไปด้วย

    ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่บางคนอาจมองว่าดูเว้งว้าง

    จนรู้สึกกลัวในความร่มรื่นและเงียบสงบแต่สำหรับ

    ฉันที่นี่อบอุ่นไปด้วยอ้อมแขนของธรรมชาติ

    เพราะที่นี่คือบ้านของฉัน..

    "อายุ..วันโน..สุขขัง..พะลัง" ฉันนั่งก้มหน้า

    พนมมือไหว้หลวงตาที่รับบาตรและให้พรฉัน

    "สาธุ" ฉันมองชายผ้าเหลืองสีเข้มและสองเท้าเปล่า

    ของหลวงตาพระธุดงค์ที่ปรักกรดอยู่บริเวณท้าย

    สวนของฉัน เดินเยื้องย่างเท้าอย่างสงบออกไป

    ตามทางลูกลังอย่างช้าๆ..รู้สีกอิ่มบุญจัง

    ฉันถือขันทองเหลืองแล้วคว้ากระบวยกระลา

    มะพร้าวเปิดฝาไม้ตักน้ำฝนในตุ่มขนาดเล็ก

    ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไม้สำหรับไว้ให้คนผ่านไปมา

    ได้ดื่มกิน..ใส่ลงไปในขันทองเหลือง แล้วนั่งลง

    ใต้ต้นคูณที่อยู่ติดกับศาลาขนาดเล็กที่มีตุ่มน้ำตั้งไว้

    "ติธัง..เมญาตินังโหนตุ..สุฃิตาโหนตุ..ญาติโย

    ฉันขออุทิศสวนกุศลอาหารทิพย์นี้ให้แก่ดวง

    วิญญาณบุพกาลี คุณตาอินทร์ผู้เป็นที่รักของฉัน

    ขันทองกุมาลีน้อย ดวงวิญญาณของพี่จิ๊บ

    พยาบาลสาวและเหล่าดวงวิญญาณสัมพเวสี

    ผีไม่มีญาติเจ้ากรรมนายเวรในอดีตภพของ

    ข้าพเจ้าด้วยเถิด" ฉันใช้มือปัดพื้นดินแล้ว

    ค่อยๆเทน้ำในขันลงสู่พื้นดินที่มีบุญคุณกับทุก

    สรรพสิ่งที่มีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ นกตัวเล็ก

    ที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้บินถลาลงมาจิกกินเศษข้าวสุก

    ใต้โครนต้นคูณใหญ่ ฉันยืนยิ้มแล้วมองดูภาพน่ารักๆ

    จนกระทั้งมีมือเล็กมาจับมือฉันไว้ ฉันหันมายิ้มให้

    ขันทองที่ยืนยิ้มตาปิด ใบหน้าเล็กรูปไข่ จมูกแด่นรั้น

    ปากบางเล็กสีชมพูแก้มใสจนเห็นเส้นเลือดฝาด

     
    หัวมัดจุกเล็กๆผูกหน้าม้าไว้ด้วยเชือกสีทอง

    ปล่อยผมสั้นละคอ  ใส่เสื้อคอกระเช้าสีชมพูมีรูป

    หมีคุมะอยู่ตรงหน้าอก นุ่งโจงกระเบนสีทอง..

    แถมใส่รองเท้าคอนเวิสสีชมพูหุ้มข้อ!!ในมือถือ

    ถุงขนมลูกชุบที่ฉันเพิ่งใส่บาตรไปให้..

    "ขันทองใครจับเราแต่งตัวแบบนี้เนี่ย?"

    ขันทองก้มมองตัวเองขมวดคิ้วนิดแล้วหมุนหัว

    เป็นลูกข่างจนครบ 380 องศาํ ก่อนตอบ

    "เท่ห์ใช่ป่ะล่ะ!!เนี่ยเทร์นใหม่จากเกาหลีเลยน๊า!!"

    ฉันส่ายหน้าให้ขันทอง!!ยัยเด็กเพ้อเจ้อเอ๋ย!!

    "เกาหลีตรงไหน!!" ยัยขันทองทำปากยู่

    "ทำไมพี่ถึงเชยขนาดนี้เนี่ย!!ไม่เข้าใจวัยรุ่นเล๊ย!!"

    อือหือตัวสักกระเปียก แก่แดดจริงๆ

    "เอาล่ะเกาหลีก็เกาหลีปะขึ้นบ้านกันพี่จะไป

    ไหว้คุณตา คุณพ่อ คุณแม่ ก่อนไปสวนวันนี้มี

    งานให้ทำเยอะเลยนะขันทอง" ขันทองส่ายหัว

    ด็อกแด็กแล้วเดินตามฉันขึ้นบ้าน...

    หิ้งไม้ขนาดใหญ่ถูกตบแต่งด้วยแจกันสีขาว
     
    สองใบที่ปักด้วยดอกมะลิซ้อนโชยกลิ่นหอม

    เชิงเทียนสีทองคู่โบราณที่ถูกขัดเงารักษา

    อย่างดีปักด้วยเทียนสีขาวและดวงประทีป

    สว่างสไวขึ้นด้วยไม้ขีดไฟ  กระถางธูปทอง

    เหลืองอายุมากกว่าร้อยปีรอก้านธูปที่สอง

    มือน้อยพนมไหว้ สายตาจับจ้องไปที่โกฐ

    กระดูกทองเหลืองทั้งสามโกฐที่ตั้งเรียงราย

    คุณตา คุณพ่อ คุณแม่ ไม่ต้องห่วงฟรังนะฟรัง

    ดูแลตัวเองได้ และอีกอย่างฟรังมีขันทองคอย

    ช่วยเหลือเป็นเพื่อนทั้งยามสุขและยามทุกข์

     ฉันปักธูปลงกับกระถางธูป..

    เอื้อมมือไปแตะโกฐของคุณพ่อคุณแม่ภาพ

    ความเจ็บปวดในอดีตก็ไหลย้อนเข้ามาในความ

    ทรงจำอีกครั้ง..


    ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวขนาดใหญ่ถูกประดับตกแต่ง

    ด้วยตุ๊กตาตัวเล็กตัวใหญ่มากมาย ผ้าม่านสีฟ้าอ่อน

    บางเบาพริ้วสไวยามเมื่อต้องสายลมผ่าน กลางห้อง

    กว้างมีเปลไม้สีขาวสำหรับเด็กอ่อนขนาดใหญ่ตั้ง

    ตะหง่านอยู่กลางห้องสี่มุมขาเปลมีเสาไม้สำหรับกลาง

    มุ้งทรงโดมสีฟ้า ข้างเตียงมีเก้าอี้ไม้โยกสีขาวบนเก้าอี้ไม้

    มีหญิงสาวผิวขาวใบหน้าสะสวยดวงตากลมโตจมูกโด่ง

    เป็นสันรับกับริมฝีปากบางได้รูป หญิงสาวใช้มือผลักเปล

    ให้แกว่งไปมาเบาๆใบหน้าอมชมพูยิ้มน้อยมองเด็กหญิง

    อายุไม่ถึงสิบวันอย่างแสนรัก..

    "อุแว้!!!อุแว้!!" เด็กน้อยร้องเสียงดังลั่นเมื่อปรากฏร่าง

    ชายที่กลางหน้าผากเป็นรูเลือดไหลอาบยื่นหน้ามา

    ใกล้เด็กน้อย วิญญาณผีเร่ร่อนทำเด็ก colic

    ร้องไห้จ้าหญิงสาวผู้เป็นแม่ลุกพรวดด้วยความ

    ตกใจแล้วอุ้มเด็กน้อยที่ร้องจนหน้าแดงไว้กับอก

    "อุแว้!!!!!!อุแว้!!!!" เด็กร้องไม่ยอมหยุด..

    "โอ๋ๆแม่อยู่นี่แล้วลูก อย่าร้องเลยนะลูก"

    ตึง!ตึง!แอ๊ดด!!ชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำตาลอ่อน

    ใบหน้าลูกครึ่งผิวขาวสูงโปร่งจมูกโด่งตาสีน้ำตาล

    ปากรูปกระจับไว้หนวดเคลานิดๆทำให้ใบหน้าหล่อ

    เข้มขึ้น เปิดประตูห้องเดินตรงดิ่งมาหาภรรยากับ

    ลูกน้อยที่ร้องไห้เสียงดังไม่ยอมหยุด..

    "ฟุคคะ!ลูกร้องแบบนี้อีกแล้วนะคะ!!เราทำตาม

    คุณหมอแนะนำทุกอย่างแล้วทำไมลูกเรายัง

    ร้องแบบนี้อีกละคะฟุค!! พิมทนเห็นลูกร้องแบบนี้

    ไม่ไหวแล้วนะคะ!!เราจะทำยังไงกันดีคะฟุค!!"

    หญิงสาวมองหน้าสามีทีก้มมองลูกน้อยที

    "อุแว้!!อุแว้!!" ชายหนุ่มเอามือลูบหัวลูกน้อยเบาๆ

    "พรุ่งนี้ผมจะพาลูกไปพบหลวงพ่อให้ท่านช่วยดู

    ว่าลูกของเราเป็นอะไร" ชายหนุ่มกอดภรรยาและ

    ลูกน้อยไว้ด้วยความรัก..

    "ไปเดี๋ยวนี้เลยไม่ได้หรือคะฟุคลูกร้องไม่หยุดอย่างนี้

    ใจพิมจะขาดแล้วนะคะ"

    หญิงสาวอ้อนวอนสามีเสียงสั่น

    "แต่ฝนใกล้จะตกแล้วอีกอย่างมันก็เย็นมากแล้วนะพิม"

    ชายหนุ่มมองหน้าภรรยาและลูกน้อย..

    "นะคะฟุคพิมสงสารลูก" ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ

    ก่อนพยักหน้าตอบตกลง..

    "โอเคครับ..งั้นเรารีบไปกันเถอะพิม"

    ชายหนุ่มกอดประคองหญิงสาวและลูกน้อย

    เดินตรงไปที่รถหรู..มินิคาสีบอร์นค่อยๆเคลื่อน

    ตัวออกจากบ้านหลังใหญ่สไตค์โมเดิร์น..

    ครึน!! เสียงฟ้าร้องคำราม!!ระหว่างการ

    เดินทางจากบ้านไปวัด..รถมินิคาร์วิ่งไป

    ด้วยความเร็ว..เปาะแปะๆเม็ดฝนค่อยๆ

    หล่นลงกระทบกระจกใส..ซ่า..ซ่า

    จากบางเบาค่อยๆเป็นแรงขึ้นและหนักขึ้น.

    จนมองแทบไม่เห็นถนนหนทาง..ชายหนุ่ม

    เพ่งมองถนนอย่างใจจดจ่อ เด็กน้อยที่อยู่

    ในอ้อมอกแม่จ้องหน้ามารดานิ่ง..

    "ว่าไงจ๊ะลูกฟรัง เดี๋ยวเราไปเที่ยวกันนะคะ"

    หญิงสาวก้มหน้าคุยกับลูกน้อยที่ยิ้มให้เธอ

    "ฟุคคะดูลูกคุยกับพิมซิคะ" ชายหนุ่มที่ตั้ง

    อกตั้งใจขับรถชำเรืองมองหน้าลูกสาวแล้ว

    เอามือลูบหัวลูกน้อยแต่ตายังคงจับจ้องไป

    ที่ท้องถนน..พลันจู่ๆชายหนุ่มก็สะดุ้ง!!สุดตัว

    เมื่อปรากฏร่างทะมึนพรุ่งพรวดออกมาจาก

    ข้างทาง.."เห้ย!!!"..เอี๊ยดด!! "กรี๊ดดดด!!"..

    โครม!!โครม!! โครม!!ชายหนุ่มเหยียบเบรค

    กระทันหันรถมินิคาร์เสียหลัก!!หมุนตีลังกา

    คว้างกลางอากาศก่อนพลิกคว่ำหลายตลบ

    "อุแว้!!! อุแว้!!!" ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำ

    ในซากรถที่ยุบบี้เข้าหากันของหลังคาและตัวรถ

    ร่างไร้ลมหายใจของชายหนุ่มที่โชกไปด้วยเลือด

    กอดร่างภรรยาและลูกน้อยไว้แน่นหญิงสาวที่หาย

    ใจระรวยมองหน้าลูกน้อยที่ส่งเสียงร้องจ้า..

    "ฟรังแม่รักลูกนะ"สิ้นเสียงพูดที่แผ่วเบาลิ่ม

    เลือดบริเวณคอของหญิงสาวที่ถูกกระจก

    ปักคาอยู่ก็ไหลทะลักเต็มหน้าเต็มตัวของ

    เด็กน้อยที่หญิงสาวกอดแนบอกไว้แน่น

    นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่หญิงสาวสั่งลาลูก

    น้อย..น้ำตาของฉันรินไหลอาบทั้งสองแก้ม

    หวออ..หวออ..หวออ..!!!

     "เห้ยๆ!!มานี่เร็ว!!มีเด็กรอด!!" เสียงบรรดา

    หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่พยาบาลรีบวิ่งมา

    ช่วยกันนำเด็กน้อยออกมาจากอ้อมอกของ

    ผู้เป็นพ่อและแม่!!..

    "เชี้ย!เอ๊ย..น่าสงสารชิบหาย!!"ชายร่างใหญ่

    ยกมือขึ้นปาดน้ำตากับภาพที่น่าเศร้าสลดนั้น

    "ติดต่อญาติของผู้เสียชีวิตได้หรือยังหมวด"

    เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่มาดูเหตุการณ์

    ถามลูกน้องที่เก็บหลักฐาน..

    "เรียบร้อยแล้วครับท่านตอนนี้น่าจะกำลัง

    เดินทางไปโรงพยาบาลครับ"

    ผู้กำกับพยักหน้าให้ลูกน้องแล้วมองไปที่

    ผู้ชายสติไม่ดีคนนึงที่คาดว่าน่าจะเป็น

    ต้นเหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้!!..

    ฉันปล่อยมือจากโกฐสีทองก้มหน้าปล่อย

    น้ำตาให้รินไหล..พลันมีมือน้อยๆเช็ดน้ำตา

    ให้ฉันเบาๆ ฉันมองขันทองที่ลอยตัวขึ้นมา

    เช็ดน้ำตาแล้วยิ้มน้อยๆให้ฉัน...

    "พ่อแก่บอกหนูว่าคุณพ่อคุณแม่ของพี่อยู่

    บนฟ้าคอยมองดูพี่อยู่นะพี่สาวของหนูเก่ง

    อย่าร้องเลยนะพี่ เราไปเก็บไข่ไก่กันดีกว่า

    หนูอยากเล่นกับลูกเจี๊ยบแล้ว"

    ฉันกอดขันทองไว้อย่างน้อยฉันก็ยังมีเธอ



    "ขันทองเรามาแบ่งหน้าที่กันเธอไปเก็บ

    ไข่ไก่แล้วก็ให้อาหารให้เรียบร้อย

    ส่วนพี่จะไปรีดนมวัวถ้าเธอเสร็จก่อน

    ค่อยมาช่วยงานที่คอกวัว โอเคมะ"

    ขันทองทำมือโอเคแล้วหายวั๊บไปอย่างเร็ว

    ฉันกับขันทองช่วยกันเก็บผลผลิตในฟาร์ม

    จนเสร็จเราช่วยกันยกผลผลิตที่ได้ทั้งหมด

    ขึ้นรกระบะเก่าทรงโบราณสีแดงแต่สภาพ

    ยังดีอยู่มาก เป็นรถคันโปรดของคุณตาฉัน

    ท่านหัดให้ฉันขับรถแค่ครั้งเดียวฉันก็จำขั้น

    ตอนการขับรถได้ทั้งหมด ฉันยังจำคำพูดของ

    คุณตาได้ดี..

    "ฟรังจำในสิ่งที่ตาสอนให้ขึ้นใจไว้นะหลาน

    ต้องเป็นคนดีช่วยเหลือสรรพสิ่งที่เขาอยู่ใน

    ความทุกข์ใช้พรสวรรค์ที่หลานมีสร้างแต่

    กรรมดีเพื่อเป็นกุศลให้กับสิ่งรอบตัว

    ตาแก่มากแล้วไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ดูแลหลาน

    ได้อีกกี่ประน้อยเมื่อถึงเวลาตาก็ต้องจาก

    หลานไปหลานต้องอยู่และดูแลตัวเองให้ได้

    เงินทองที่พ่อแม่หลานทิ้งไว้ให้ก็มากอยู่แต่

    ถ้าไม่รู้จักใช้วันนึงมันก็จะหมดลง หลานต้อง

    รู้จักหาเงินในสวนของเรามันคือเหมืองทอง

    หลานต้องเรียนรู้ที่จะสร้างผลผลิตแล้วแปร

    เป็นเงินตาจะสอนทุกอย่างให้หลานเอง"

    ฉันเหยียบคันเร่งให้รถวิ่งไปอย่างช้าๆ มองท้องนา

    ที่เขียวชะอุ่มริมฝั่งถนนลูกรัง..

    "พี่สาววันนี้ส่งของเสร็จเราไปกินข้าวที่ร้านแพรวา

    กันนะหนูอยากกินไอติมอ่ะ" ฉันพยักหน้าให้ขันทอง

    ตึกตัก ตึกตัก แพรวา!!ใจฉันเต้นแปลกๆเมื่อได้ยิน

    ชื่อนี้ลูกเจ้าของร้านอาหารแพรวาและเป็นเพื่อน

    ร่วมชั้นเรียนเดียวกับฉัน..


    **************


    09.30 น.



    ณ.ร้านขายของชำโกตี๋..

    เอี๊ยดดด..ฉันจอดรถบริเวณหน้าร้านขายของชำ

    ทีเป็นเรือนไม้สมัยเก่าที่เห็นได้ทั่วๆไปตามตลาด

    ชนบทแบบนี้..

    "อ้าวมาพอดีเลยนะอาฟรัง อั๊วกะลังคิดถึงอยู่พอดี

    วันนี้ลื้อมีอารายมาบ้างล่ะ" เฮียโกยิ้มให้ฉัน

    อย่างเอ็นดู คุณตาฉันเป็นเพื่อนสนิทกับเฮียโก

    และค้าขายกันมานานตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ

    "ฉันมีไข่เป็ดมา5แผงไข่ไก่มา10แผง

    มีกล้วยหอมเขียวสองเคลือใหญ่ๆ มะพร้าว

    สามทลายแล้วก็พวกผักสดอีก3-4เข่ง

    จ้ะโก"..เฮียโกยิ้มอย่างพอใจแล้ว

    เดินไปสำรวจท้ายรถ..

    "งั้นเฮียเอาหมดนี้เลยละกันนะอาฟรังของ

    จากสวนลื้อคุณภาพดีจริงๆ"

    ฉันกับเฮียโกช่วยยกของลงจากรถเฮียโก

    ยื่นแบงค์พันให้ฉันสามใบฉันยกมือไหว้

    ก่อนลาเฮียโกขึ้นรถเพื่อไปส่งนมสดให้

    ร้านแพรวา..ตึกตัก ตึกตักใจฉันเต้นแรง

    อีกครั้งเมื่อฉันจอดรถที่หน้าร้านอาหาร

    ร้านหนึ่ง..ฉันมองเข้าไปในร้านที่ตบแต่ง

    อย่างน่ารักตามสไตค์ร้านอาหารสมัยใหม่

    ที่ดูดีที่สุดในอำเภอบ้านนอกๆแบบนี้..

    "ตะเอ๋น้องฟรังมาส่งนมหรือจ๊ะ!!"พี่เก้าพีสาว

    แสนสวยของแพรวา และเป็นเพื่อนห้องเดียว

    กับพี่ฝนพี่เบลล์ ยื่นหน้ามาทักทายพร้อม

    ยิ้มหวานให้ฉัน..

    "ค่ะ!!คุณป้าอยูไหมคะพี่เก้า"ฉันถามหาคุณแม่ของ

    พี่เก้าแต่ตาแอบชำเรืองมองแพรวาที่นั่งกดเครื่อง

    คิดเลขอยู่ที่เคาเตอร์ไม่มองฉันแม้หางตาใช่ไม่ว่า

    จะที่นี่หรือที่โรงเรียนแพรวาก็ไม่เคยมองฉัน..

    "คุณแม่อยู่ในครัวจ้ะ มาๆเดี๋ยวพี่ไป

    ช่วยยกถังนมดีกว่า" พี่เก้าจับมือฉันแล้วดึง

    ออกไปหน้าร้าน แว๊บนึงที่ฉันว่าแพรวาชำเรือง

    มองพี่เก้ากับฉัน...

    ฉันกับพี่เก้าช่วยกันยกถังนมลงจนเสร็จ

    คุณป้าก็เดินยิ้มออกมาจากครัว..

    "เป็นไงฟรังเหนื่อยไหมลูกอ่ะนี่จ้ะเงินค่านม"

    คุณป้ายื่นเงินแบงค์พันให้ฉันสองใบ ฉันยก

    มือไหว้แล้วรับเงินใส่กระเป๋า..

    "คุณป้าคะวันนี้มีปลาหมึกไหมคะ" ฉันถามคุณป้า

    ที่แสนใจดี คุณป้ายิ้มเหมือนจะรู้ว่าฉันจะสั่งอะไร

    "กระเพราปลาหมึกไม่เผ็ดกับไข่ดาวสุกๆ"

    คุณป้าพูดชื่ออาหารที่ฉันจะสั่งเหมือน

    ความคิดฉันเปะ!ฉันพยักหน้าอย่างเขินๆ

    "แล้วก็.."ฉันพูดยังไม่ทันจบก็โดนพี่เก้าชิง

    พูดขึ้นมาซะก่อน..

    "ช็อกโกแลตซันเดย์ 2ที่" พี่เก้าพูดจบก็ยักคิ้ว

    ให้ฉัน ฉันก้มหน้ายิ้มเขินๆเดินไปนั่งรออาหารที่สั่ง

    กริ๊งๆๆ..เสียงกระดิ่งตรงประตูร้านถูกเปิดออก..





    ฉันหันไปมองเสียงประตูที่ถูกเปิดออกแล้วยิ้มหน้าแดง

    เมื่อเห็นว่าเป็นใคร พี่เบลล์!รุ่นพี่ที่ฉันแอบชอบแต่ต้อง

    หุบยิ้มลงแทบไม่ทันเมื่อเห็นยัยสี่ตาที่พี่เบลล์จับมือกัน

    ซะแน่นเชียว!ไม่น่าเชื่อว่ายัยเสร่อนั่นจะเป็นคนที่

    พี่เบลล์เลือกเอามาเป็นแฟน!!พี่ฝน!!สวยตรงไหน

    ฉันเด็กชมรมนาฏศิลป์ที่ใครๆก็รุมจีบทำไม

    พี่เบลล์มองข้ามฉันไปได้ยังไง!!..

    "หวัดดีแพร..เก้าอยู่ไหม?" พี่เบลล์ทักทาย

    ฉันแต่ถามหาพี่เก้า..

    "พี่เก้าอยู่ในครัวค่ะพี่เบลล์จะให้แพรไป

    ตามให้ไหมคะ" ฉันชำเรืองมองหน้าพี่ฝนนิดนึง

    "ไม่ต้องหรอกแพรพี่พาฝนมากินไอติมน่ะ"

    ฉันยิ้มให้พี่เบลล์..แต่ใช้หางตามองพี่ฝน

    จืด!!ไม่มีที่ติ...

    "อ้าวฟรัง!มาทานข้าวเหรอดีเลยงั้นเดี๋ยว

    มื้อนี้พี่เลี้ยงนะ" เสียงเล็กๆของพี่ฝนเอ่ยทัก

    ยัยผีดิบฟรังดูดีอกดีใจที่ได้เจอ จริงๆแล้วสองคนนี้

    มันน่าจะเป็นแฟนกันที่สุดเหมาะสมกันจะตาย!!

    ยัยฟรังยิ้มแล้วพยักหน้าให้พีฝน

    "ฟรังวันนี้ยัยตัวแสบมาด้วยป่ะ" ใครกันยัยตัวแสบ

    นั่นยัยฟรังยิ้มแล้วพยักหน้า เหอะ!คุยกันรู้เรื่องด้วยวุ๊ย

    "ฝนคุยอะไรกันอ่ะฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย" พี่ฝนทำหน้า

    ตาเหรอหรามีพิรุธฉันชักเริ่มสงสัย..

    "ได้แล้วจ้ากระเพรา..อ้าวเบลล์ฝนมาตั้งแต่เมื่อไหร่"

    หึ!หมั่นไส้พี่สาวตัวดีของฉันแท้ทำตัวเป็นแม่สื่อ

    แม่ชักดีนัก!!ตัวเองก็เจ็บเหมือนกัน!!ดันอยาก

    ทำตัวเป็นนางเอก!!สนับสนุนให้พี่เบลล์จีบพี่ฝน

    พอเขาลงเอยกันตัวเองก็มาแอบนั่งร้องไห้ที่ไป

    แอบหลงรักเพื่อนสนิทอย่างพี่เบลล์!! ฉันชำเรือง

    มองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้!โดยเฉพาะ

    ยัยผีดิบฟรัง..วันๆอยู่โรงเรียนไม่ค่อยพูดจากับ

    ใคร ทำตัวลึกลับชอบกลและที่หนักกว่านั้นคือ

    ชอบนั่งพูดคนเดียวเหมือนคนบ้า!! ทุกๆเช้า

    ก่อนไปโรงเรียนยัยนี่จะเอานมมาส่งให้ที่

    ร้านทุกวัน ถ้าวันหยุดก็จะนั่งทะมึนอยู่ตรง

    มุมด้านในสุดของร้าน สั่งไอติมทีสองถ้วย

    แต่กินแค่ถ้วยเดียว!ไม่รู้สั่งไปทำบ้าอะไร!!

    แต่ฉันก็แอบชอบมองยัยฟรังบ่อยๆไม่รู้ทำไม

    ถ้าไม่ติดว่าชอบทำตัวหลอนๆฉันคงชอบยัยนี่แน่  

    หลายครั้งที่ฉันรู้สึกสับสนจนฉันเลือกที่จะไม่มอง

    ไม่พูดคุยกับฟรังไม่ใช่เพราะรังเกียจแต่ฉันกลัว

    ความรู้สึกบางอย่างฉันกลัวหัวใจตัวเอง ฉันยังไม่

    อยากถูกสังคมมองว่าฉันเป็นตัวประหลาดที่ไป

    ชอบมนุษย์ผีดิบอย่างฟรัง..ช่างเหอะเลิกคิด

    เลิกคิดฉันจะต้องไม่ชอบเธอฟรัง!ฉันกลืนก้อน

    ที่ทำให้ใจฉันเสียวแป๊บๆลงไป..เจ็บจัง!!




    พี่เก้าวางจานข้าวและไอติมสองถ้วยลง

    ตรงหน้าฉัน
    ฉันเลื่อนไอติมถ้วยนึงไปที่หน้า

    ขันทองที่นั่งข้างๆฉันขันทองปรบมือดีใจ

    เมื่อได้กินของที่ถูกใจ พี่ฝนยิ้มให้ขันทอง

    มีเพียงฉันกับพี่ฝนที่เห็นขันทอง ขันทองจะ

    ปรากฏกายให้คนบางคนเห็นเท่านั้น..

    "เอ่อ!ฟรังทำไมสั่งไอติมมาตั้งสองถ้วยล่ะ"

    พี่เบลล์ถามฉันอย่างสงสัย ฉันไม่รู้จะตอบ

    ยังไงดีไม่อยากโกหกแต่ก็ไม่รู้จะพูดความ

    จริงยังไงเหมือนกัน..

    "เบลล์เอาเวลาที่มานั่งสงสัยเรื่องของฟรัง

    เบลล์ตอบเก้ามาก่อนดีกว่าวันนี้พาฝน

    มาเดทใช่ไหม"พี่เก้าถามพี่เบลล์เล่นเอา

    พี่ฝนหน้าแดงก่ำ พี่เบลล์ยิ้มกว้างแล้ว

    พยักหน้าให้พี่เก้าพลางหันไปจับมือจ้องตา

    พี่ฝนนิ่งความรู้สึกบางอย่างสั่งฉันให้ชำ

    เรืองตามองหน้าพี่เก้าแววตาของพี่เก้าเศร้า

    อย่างเห็นได้ชัด ฉันเอื้อมมือไปจับชายเสื้อ

    ของพี่เก้าเบาๆ..แซด!แซด!วูบ..ภาพที่ปรากฏ

    คล้ายม้วนฟิล์มภาพถ่ายที่มีแต่ภาพของพี่เบลล์

    ทับซ้อนไปมา.."ฮือออ..ฮือออ" เสียงร้องไห้

    ฉันหลับตานิ่งมองให้ลึกลงไปภายในใจของ

    พี่เก้า ภาพที่ลางเลือนค่อยๆชัดขึ้นจนชัดเจน

    ผู้หญิงในชุดนักเรียนคนนึงซุกหน้าร้องไห้อยู่

    ในห้องน้ำ
    ในมือที่สั่นเทาถือภาพถ่ายใบเล็กไว้

    ในภาพถ่ายเป็นรูปของพี่เบลล์!!

    "เก้าเธออยู่ในห้องน้ำเปล่าเนี่ย"พี่เบลล์เดิน

    เข้ามาในห้องน้ำ ผู้หญิงที่นั่งซุกหน้าร้องไห้

    เมื่อซักครู่เงียบกริบแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้น

    พี่เก้า!!..พี่เก้ารีบเช็ดน้ำตาแล้วเก็บรูปพี่เบลล์

    ใส่กระเป๋า..เอื้อมมือไปกดชักโครก พี่เก้าสูด

    ลมหายใจปั้นหน้าให้เป็นปกติก่อนเปิดประตู

    ออกมาส่งยิ้มหวานให้พี่เบลล์..

    "ว่าไงเบลล์เรียกซะเสียงดังเชียวแล้วฝนล่ะ"

    พี่เก้าชะเง้อมองหาพี่ฝน พี่เบลล์ขมวดคิ้ว

    จ้องหน้าพี่เก้าพลางใช้มือสองข้างจับหน้า

    พี่เก้าให้หันมามองสบตากับพี่เบลล์

    "เก้าเป็นอะไรจู่ๆก็วิ่งออกมาทั้งที่เธอเป็นคน

    วางแผนให้ฉันกับฝนได้จูบกัน"

    พีเก้าหลบตาพี่เบลล์ก้มหน้ามองพื้น..

    "เก้าก็แค่ไม่อยากเป็น กขค.น่ะเบลล์"

    พี่เบลล์เอียงคอมองพี่เก้า..

    "ทำไมตาแดงๆห๊ะเก้าร้องไห้ใช่ไหม"

    พี่เก้าเม้มปากบางสั่นๆ..

    "ปะเปล่า!แมลงเข้าตาเก้าน่ะ" แววตาที่

    พี่เบลล์จ้องหน้าพี่เก้าเริ่มสั่นไหวพี่เบลล์

    ดึงพี่เก้ามากอดไว้พี่เก้ากอดพี่เบลล์แน่น

    พี่เก้าซุกหน้ากับอกพี่เบลล์แล้วปล่อยน้ำ

    ตาให้ไหลริน ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไร

    ได้แต่กอดกันนิ่งอยู่แบบนั้น..

    "ฟรัง..ฟรัง"ฉันสะดุ้งลืมตาขึ้นมองคนที่เขย่า

    แขนฉันเบาๆ พี่เก้ายื่นหน้าเข้ามาจนใกล้ฉัน

    "เป็นอะไรหรือเปล่าเห็นหลับตานิ่งเชียว"

    ฉันยิ้มน้อยๆให้พี่เก้าพลางส่ายหน้าไปมา

    พี่เก้าใช้หลังมือแตะเบาๆที่หน้าผากฉัน


    "ตัวอุ่นๆนะฟรังเดี๋ยวพี่ไปเอายามาให้

    ทานกันไว้ก่อนดีกว่านะ" ฉันมองตาม

    หลังพี่เก้าแต่ต้องสะดุดกับสายตาแปลกๆ

    ของแพรวาที่เหล่มองมาทางฉันแต่แค่แว๊บ

    เดียวเท่านั้นแล้วแพรวาก็ก้มหน้าก้มตากด

    เครื่องคิดเลขต่อไป..

    "นี่จ้ะยาทานซะ..ฟรังยังใช้เบอร์เก่าอยู่ใช่ไหม"

    ฉันรับยามาใส่ปากพลางพยักหน้าให้พี่เก้า

    "ถ้าไงเดี๋ยวพี่โทรไปถามอาการนะจ๊ะ"

    ฉันยิ้มน้อยๆมีความรู้สึกว่าพี่เบลล์มองฉัน

    แปลกๆเวลาที่พี่เก้าคุยกับฉัน..ฉันไม่อยาก

    อ่านความรู้สึกใครในตอนนี้ฉันปวดหัวมาก

    "พี่สาวแย่ใช่ไหมคะกลับบ้านเราเถอะ"

    ฉันพยักหน้าให้ขันทอง..

    "พี่เก้าคะคิดเงินด้วยค่ะ"ฉันหยิบแบงค์พันส่งให้พี่เก้า

    "เห้ยฟรังพี่เลี้ยงเอง"พี่ฝนร้องบอกฉันเสียงดัง

    "ไม่เป็นไรค่ะพี่ฝนให้ฉันเลี้ยงพี่ๆเถอะค่ะ ฉันอยาก

    ฉลองเดทแรกให้พี่สองคน"ฉันยิ้มให้พี่เบลล์ พี่เบลล์

    ขมวดคิ้วเหมือนคิดอะไรไม่ตกพี่ลังเลใช่ไหมพี่เบลล์

    ฉันกล่าวลาพวกพี่ๆก่อนเดินออกมา ฉันชำเรืองมอง

    แพรวาอีกครั้งเหมือนเดิมแพรวาไม่มองฉันสักนิดนึง


    ***************


    18.00น.

    ฉันค่อยๆวางกระเป๋าสัมภาระที่บรรจุเครื่อง

    แต่งกายแต่งหน้าลงบนโต๊ะไม้ ฉันกวาดสายตา

    ไปรอบๆห้องที่ทางเจ้าของบ้านจัดเตรียมไว้ให้

    สำหรับแต่งตัว ห้องไม้ถูกประดับตกแต่งไปด้วย

    รูปภาพของหญิงสาวในชุดนางรำ ฉันยืนจ้องรูป

    ของหญิงสาวนั้นสวมชุดนางรำไทยสมันโบราณ

    ในท่ารำลงสรง ภาพเก่าขาวดำจนซีดน่าจะหลาย

    สิบปีมาแล้วแน่ๆเลย ฉันนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

    ที่ทำจากไม้แกะสลักลวดลายดอกพิกุลสวยจังเลย

    ฉันนั่งส่องกระจกบานใหญ่รูปทรงลีพลางหยิบ

    กระเป๋าแต่งหน้าออกมาตั้งหน้ากระจก..ฟรุบ!

    ฉันเห็นเงาอะไรบางอย่างผ่านกระจกหายไป

    อย่างรวดเร็วฉันหันไปมองข้างหลังก็ไม่เห็นมี

    อะไรตาคงฝาดไปแน่ๆ ฉันหยิบหลอดมาร์ค

    ลองพื้นออกมาแล้วบีบเนื้อครีมแต้มแล้วไล้นิ้ว

    บนผิวหน้าจนทั่วเปิดตลับแป้งพับแล้วตบแป้ง

    จนทั่วผิวหน้าจนถึงลำคอ ฉันหวีผมแซกกลาง

    แล้วรวบมัดจนตรึงเทน้ำมันใส่ผม ลูบผมนิดหน่อย

    พลางหยิบดินสอเขียนคิ้วลงคิ้วจนเส้นคิ้วใหญ่

    และเข้มแล้วใช้แปลงปัดไล่คิ้วอีกรอบ...

    ฉันค่อยๆสวมมงกุฏปลายเกียวแหลมลายบัว

    ลงบนศรีษะ แล้วลุกขึ้นสำรวจตัวเองหน้า

    กระจกอีกครั้ง..ชุดไทยสมันโบราณ สไบสวม

    แดงทองดูเข้ากันดีกับปากสีแดงสดของฉัน

    "แพรวาแต่งตัวเสร็จยังมีอะไรให้พี่ช่วยไหม"

    ฉันหันไปมองพี่เก้าที่อุตส่าห์ตามมาด้วย!!

    "ไม่มีหรอกพี่ฉันแต่งตัวเสร็จแล้ว"

    พี่เก้าจับตัวฉันหมุนไปมา..

    "สวยจังเลยน้องสาวพี่ไป ไปเหอะแพร

    จะได้เวลารำแล้ว"..ฉันเดินตามพี่เก้า

    ลงมาข้างล่าง บ้านของเจ้าภาพที่ว่าจ้าง

    ให้ฉันมารำเป็นบ้านไม้เรือนไทยสมัยเก่า

    ตั้งอยู่กลางสวนผลไม้ ด้านหน้าบ้านมีศาล

    ไม้หลังใหญ่ที่มีเครื่องเส้นไหว้นานาชนิด

    วางเต็มหน้าศาลเจ้าโดยเฉพาะตุ๊กตานางรำ

    จำนวนมากวางเกลื่อนเต็มพื้นหน้าศาลคุณแม่ฉัน

    ที่รับงานพิเศษมาให้บอกว่าที่นี่จัดรำหน้าศาลเจ้านี้

    ทุกปีและปีนี้เป็นปีแรกที่ฉันได้มารำ เจ้าภาพต้องการ

    ให้ฉันรำลงสรงปี่พาทย์เป็นการร่ายรำแสดงการอาบ

    น้ำของนางรำที่ต้องรำมันออกมาด้วยจิตวิญญาณ..

    "หนูแพรพร้อมหรือยังลุงจะบรรเลงเพลงปี่พาทย์แล้วนะ"

    ลุงบุญเจ้าของวงปี่พาทย์ถามฉัน ฉันพยักหน้าให้ลุงบุญ

    แล้วเดินออกไปด้านหน้าศาล..เมื่อเสียงเพลงปี่พาทย์ดัง

    ฉันก็ค่อยๆเยื้องย่างเท้าวาดมือร่ายรำ จังหวะที่ฟ้อนรำ

    เป็นวงเท้าฉันเหมือนเหยียบโดนอะไรบางอย่าง กรอบ!!

     ฉันไม่ได้สนใจยังคงร่ายรำจนเสียงปี่พาทย์จบลง

    ฉันพนมมือไหว้ยกเท้าขึ้นแล้วย่อลงถือเป็นฉาก

    จบที่สมบูณ์..เปาะแปะ..เปาะแปะ!! เสียงปรบมือ

    ของผู้ชมดังขึ้นพร้อมเพียงกัน ฉันชำเรืองมอง

    สิ่งที่ฉันเหยียบเมื่อซักครู่ว่ามันคืออะไร..

    ตุ๊กตานางรำถูกฉันเหยียบจนคอหัก

    คงไม่มีอะไรหรอกมั้งก็ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่!!

    "แพร!เป็นอะไรหรือเปล่า"พี่เก้าสะกิดแขน

    ฉันเบาฉันหันไปมองพี่เก้าที่ชำเรืองตาไปที่

    ลุงบุญเจ้าของวงปี่พาทย์ที่ยืนยิ้มใหฉัน..

    "ว่าไงหนูแพรที่ลุงจะว่าจ้างให้หนูไปรำถวาย

    มือในงานบุญบ้านใหม่ของลูกชายลุงน่ะ"

    ตายล่ะนี่ฉันคงไม่ได้ฟังที่ลุงบุญพูดเลยซินะ

    "คะ..ด้วยความยินดีค่ะลุง"ลุงบุญยิ่มให้ฉัน

    พร้อมกับยื่นซองค่าจ้างมาให้ ฉันยกมือไหว้

     แล้วรับซองไว้..

    "แพรไปเปลี่ยนชุดเถอะเราจะได้กลับบ้านกัน"

    ฉันรู้สึกหนาวๆร้อนๆยังไงบอกไม่ถูก

    "พี่เก้าขึ้นไปเป็นเพื่อนแพรหน่อยซิรู้สึก

    เหมือนจะไม่สบายเลยอ่ะ"

    พี่เก้าแตะหน้าผากที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

    ของฉันทั้งๆที่อากาศก็ไม่ร้อน

    "ทำไมตัวร้อนขนาดนี้เนี่ยปะๆเดี๋ยวพี่ไปช่วย"

    พี่เก้าปะคองฉันขึ้นไปบนบ้านไม้อีกครั้ง  

    ฉันนั่งลงหน้ากระจกค่อยๆแกะกิ๊บดำออก

    เพื่อถอดมงกุฏบนหัวออก พลันก็มีมือจับ

    ที่ไหล่ฉันทั้งสองข้างฉันต้องตกใจสุดขีด

    เมื่อหน้าที่เลื่อนลงมาต่ำที่ฉันมองผ่าน

    กระจก..ใบหน้าของผู้หญิงคนนึงขาว

    จนซีดดวงตาแดงก่ำ ปากแดงเป็นสีเลือด

    มัดผมเรียบตรึง!บนหัวมีมงกุฎนางรำสวม

    อยู่เธอแสยะยิ้มแล้วบีบไหล่ฉันไว้แน่น!!

    "กรี๊ดดดดด..ช่วยด้วย!!"ฉันร้องเสียงดังลั่น

    "แพร!!แพร!!เป็นอะไร!!" ฉันรับรู้ถึงแรงเขย่าตัว

    ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น หัวใจฉันเต้นตุบๆด้วยความ

    กลัวฉันผวากอดพี่เก้าไว้แน่น!!

    "ฮืออ..ฮืออ..ฮืออพี่เก้าแพรกลัว!!"

    พี่เก้าลูบหัวฉันเบาๆ..

    "ฝันร้ายละซิ..ไม่มีอะไรหรอกมันก็แค่ฝัน

    แพรคงเหนื่อยมากไปนอนต่อเถอะแพร

    พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนนะ"ฉันกับพี่เก้าล้ม

    ตัวลงนอนฉันซุกตัวกอดพี่เก้าไว้แน่น..

    ภาพผู้หญิงคนนั้นยังชัดเจนและติดตาฉัน

    ไม่ผีไม่มีจริงหรอกแพรวาอย่าคิดมาก

    ฉันพยายามข่มตาลงอีกครั้งไม่รู้ว่านาน

    แค่ไหนกว่าจะหลับได้สนิท...


    **************


    รร.สวนมะลิ

    ชม.ดนตรีไทย..


    วันนี้รู้สึกเพลียๆเพราะเมื่อคืนนี้แทบไม่ได้นอน

    เลยทั้งคืน ฉันนั่งประจำตำแหน่งเครื่องดนตรีไทย

    ที่ฉันเล่น..ขิม..ที่ตั้งอยู่คู่กับระนาดเอกที่ฟรังเป็น

    คนตีฉันยอมรับว่าทึ่งในความสามารถของฟรัง

    ยัยผีดิบนี่เรียนก็เก่ง กีฬาก็ดี แถมยังเป็นเลิศใน

    การเล่นดนตรี..ถ้าไม่ติดว่าชอบพูดอะไรงึมงำ

    อยู่คนเดียวยัยผีดิบนี่คงป็อปไม่แพ้พี่เบลล์แน่!!

    เอาล่ะนักเรียน..วันนี้เราจะมาซ้อมเพลงเขมร

    ไทรโยคกันอ่ะนี่เป็นโน๊ดเพลงส่งต่อๆกันให้

    ครบทุกคนนะ



    เพลงเขมรไทรโยค      
                     
    ท่อน1 -  -  -  - -  ดํ  -   -  -  ดํ       -   -  -         -   -  -     -      
      ซ ล ด ร ฟ ด ร ฟ -  -   ล ซ     -   -  ดํ  ดํ  ดํ -    -   -    ดํ         
      -  -  -  - -  -  -   -  -  ดํ         ดํ -  -  -  รํ ดํ  มํ  รํ  รํ -  -  -  รํ -  รํ  รํ  รํ
      ดํ    ดํ   -    -   -  -         -   -  ดํ ดํ  ดํ -    -   -    ดํ         
      -  -  -  -               -    -   -  -  -  -               -    -  
      -  -  -  - -  -  -   -  -  -       ดํ   -  -  ดํ       -   -  -  -   -      
                               -   -  -  -  -        -    -   -      
      -  -  -  - -  ดํ  -   -  -  ดํ       -   -  -            -    -         
    ท่อน2 -  -  -  รํ -  ดํ  -   -    -  รํ -  ดํ  -   ดํ  รํ  ดํ   -    -   -  -         -  
      -  -  -  - -  -  -   -  -  -       ดํ   -  -  ดํ       -   -  -  -   -      
      -    -   -  ดํ  -  รํ -  ดํ  -  มํ -  รํ  รํ  รํ -  -  -  - -  -  -  รํ -  รํ  รํ  รํ -  รํ  -  รํ
      ดํ  รํ  ดํ   -    -   -  -         -   -  ดํ  ดํ  ดํ -    -   -    ดํ         
      (-  -  -  -            ดํ         ร) (-  -  -  - - ซออู้รับ  - -  -  -  - -  -  -  -)
      (-  -  -  -       ดํ   รํ    ดํ       ร)  (-  -  -  - - ซออู้รับ  - -  -  -  - -  -  -  -)
      (-  -           ดํ -  -  ฟํ  รํ ดํ      ฟ) (-  -  -  - - ซออู้รับ  - -  -  -  - -  -  -  -)
      (-  -         -  ฟ) (-  -  -  - -    -  ฟ) -  -         -              -  

     
    ฉันวางโน๊ตไว้ข้างตัว ก่อนค่อยทดสอบตีเบาๆ ซลดร!

     เอาล่ะเดี๋ยวพอครูนับ 1-3 ก็บรรเลงได้เลยนะ

    1..2..3 ติ๋ง..ติ๊งติ๋ง..ติงติ่งติง!!ในขณะที่ฉันกำลัง

    บรรเลงตีขิมอยู่นั้น ในจังหวะที่ฟาดไม้ตีขิมลงไป

    เพล๊ะ!!"กรี๊ดด!!" ฉันร้องลั่นเมื่อสิ่งที่ใช้ไม้ขิมตีลงไป

    ไม่ใช่สายสแตรนเลสแต่เป็นใบหน้า!ของผู้หญิงที่

    ฉันฝันเห็นเมื่อคืนเลือดที่พุ่งกระฉูดจากดวงตาที่

    ถูกไม้ขิมตีสาดกระเซ็น!!เต็มหน้าเต็มตัวฉัน!!

    "หึ!หึ!..ฮา!ฮา!!"ผีตนนั้นฉีกยิ้มสยองหัวเราะยะเยือก


    เสียงดัง!!ดวงตาที่มีเส้นเลือดปูดโปนถลึงตาใส่ฉัน

    "กรี๊ดด!!!" ฉันกรีดร้องออกมาอีกรอบก่อนจะ

    ลุกพรวด!!แล้ววิ่งออกมาจากห้องท่ามกลาง

    ความตื่นตะหนกของคุณครูและเพื่อนๆ..ฉันวิ่ง

    ออกมาอย่างไม่คิดชีวิต แม้จะมีเสียงวิ่งตามฉัน

    มาติดๆฉันก็ไม่กล้าหันหลังกลับไปมอง..หมับ!!

    ฉันถูกกระชากแขนอย่างแรงจนเซถลาเข้าหา

    อ้อมอกคนที่วิ่งตามฉันมา..

    "กรี๊ดดดด!!ปล่อยฉันนะ!!"ฉันหลับหูหลับตา

    กรี๊ดใส่คนที่กอดฉันไว้แน่น!!

    "แพรวา!!นี่ฉันเอง!!"เสียงแหบนุ่มแบบนี้!!

    ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมอง..ตึกตัก..ตึกตัก

    "ฟรัง!!ฮือออ.."ฉันปล่อยโฮแล้วกอดฟรังไว้แน่น

    "ไม่เป็นไรแล้วนะแพรวาฉันอยู่ตรงนี้แล้ว"

    ทำไมอ้อมกอดของฟรังอบอุ่นจังความหวาดกลัว

    มลายหายไปหมดสิ้นกลายเป็นความสุขเล็กๆ

    ที่ฉันไม่อยากออกจากอ้อมกอดนี้เลย




    ฉันสัมผัสบางอย่างได้จากการกอดแพรวา

    วิญญาณนางรำที่คอยตามหลอกหลอนมีฤทธิ์

    ไม่ใช่น้อยอยากรู้นักว่าวิญญาณนั้นต้องการ

    อะไรจากแพรวากันแน่..

    "แพรวาเธอต้องกลับไปที่บ้านหลังนั้น!!"

    แพรวาเงยหน้ามองฉันสองแก้มที่เต็มไป

    ด้วยคราบน้ำตาทำให้ฉันใช้สองมือค่อยๆ

    เช็ดน้ำตาให้แพรวา..

    "เธอรู้เหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน"

    ฉันพยักหน้าให้แพรวา..

    "ฟรังฉันกลัว!!ฉันไม่กล้ากลับไปที่นั่นแน่!"

    แพรวากอดฉันแน่นมันทำให้ใจฉันสั่นๆ

    "ไม่ต้องกลัวฉันจะไปกับเธอด้วย"แพรวา

    กลืนน้ำลายแล้วจ้องหน้าฉันนิ่ง..

    "ฟรังเธอสัญญานะว่าจะอยู่ข้างๆฉัน"

    ฉันยิ้มให้แพรวาและกระชับกอดไว้แน่น

    "ไม่ต้องกลัวนะแพรวาฉันไม่มีทางปล่อย

    ให้เธอเป็นอะไรไปแน่ๆฉันจะช่วยเธอเอง"

    แพรวาซุกหน้าลงกับอกฉัน ฉันรับรู้ความ

    รู้สึกบางอย่างที่แพรวารู้สึกกับฉันนี่เธอต้อง

    ฝืนใจตัวเองเพราะกลัวชอบคนพิลึกอย่างฉัน

    นี่ใช่ไหมที่เธอพยายามไม่พูดไม่มองฉัน!! 

    โถ่เอ๋ย!ฉันก็นึกว่าเธอเกลียดฉันซะอีก

    ฉันแอบยิ้มน้อยๆอย่างดีใจ..

    "ฮันแน่!!พี่สาวกอดพี่แพรซะแน่นเชียว

    ชอบพี่เขาใช่ม๊า..หนูรู้น๊า..อิอิ"

    ฉันแหงนหน้ามองบนกิ่งไม้ก็เจอขันทองนั่ง

    ห้อยขา..ทำหน้าทะเล้นใส่ฉันฝากไว้ก่อน

    เถอะยัยผีน้อยเจ้าเล่ห์..

    "งั้นเย็นนี้เราไปที่บ้านหลังนั้นกันเลยนะ"

    แพรวาพยักหน้าให้ฉัน..

    "เธอดีขึ้นยังแพรวา เรากลับเข้าห้องเรียน

    กันดีกว่านะ"แพรวาคลายอ้อมกอดออกจากฉัน

    หลบตามองพื้นฉันยื่นมือไปให้แพรวา แพรวา

    อมยิ้มแล้วจับมือฉันไว้แน่น..

    "ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือจากเธอ"ตอนนี้

    แก้มแพรวาแดงมากกำแพงหัวใจเธอพัง

    ลงไปแล้วซินะ..รู้สึกดีจังที่ได้จับมือเธอไป

    แบบนี้ฉันคงชอบเธอแล้วล่ะแพรวา..


    *****************


    16.30 น.


    รถกระบะสีแดงทรงโบราณวิ่งคลุกคลักบนถนนลูกรัง

    ที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อเล็กบ้างใหญ่บ้างสองข้างทาง

    เป็นท้องนาประดับประดาไปด้วยรวงข้าวสีทองอร่าม

    กลิ่นอา
    ยของธรรมชาติบ่งบอกได้ดีถึงวิถีชาวชนบท

    ฉันพอใจกับการเป็นเพียงเด็กบ้านนอกคนนึง

     

    อ.ด่านช้าง ถึงจะเป็นอำเภอที่ทุรกันดารห่างไกล


    ความเจริญสำหรับฉันที่นี่กับเป็นที่ที่น่าอยู่ที่สุด

    หรืออาจจะเป็นเพราะคนข้างฉันคนนี้นะ ฟรัง!

    เธอทำให้หัวใจฉันพองโตและอบอุ่นได้อย่างน่า

    ประหลาดใจไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเป็นคนที่แสน

    อ่อนโยนได้ขนาดนี้..

    ฉันนั่งก้มหน้าแล้วแอบชำเรืองมองใบหน้า

    ด้านข้างที่ดูตั้งอกตั้งใจในการขับรถเป็น

    อย่างมากของฟรัง..

    "แพรวาเดี๋ยวฉันแวะไปเตรียมของทำพิธีที่บ้านก่อนนะ"

    เอาแล้วงะพูดอะไรแปลกๆอีกแล้วแต่ฉันจะลองเปิดใจ

    กับความพิลึกพิลั่น ของเธอละกันนะฟรังก็หัวใจฉันดัน

    ชอบเธอไปแล้วนี่..เฮ้อ!เอาวะแพรวาลองบ้าไปกับฟรัง

    ซักครั้งจะเป็นไรไป..

    "อืม..เธอจะเตรียมของอะไรหรือฟรัง" ฟรังทำหน้านิ่ง

    "ฉันจะทำพิธีให้เธอขอขมาดวงวิญญาณนางรำที่ตาม

    เธออยู่แต่ฉันไม่แน่ใจนะว่าวิญญาณนั้นต้องการอะไร

    จากเธอกันแน่" ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ยัยนี่เป็นใครกันแน่

    รู้ได้ไงว่าผู้หญิงที่ฉันห็นเป็นนางรำฉันยังไม่ได้เล่าอะไร

    ให้ฟังเลยถ้าเธอรู้ขนาดนั้นแล้วเธอจะรู้ไหมนะว่าฉัน

    รู้สึกยังไงกับเธอ..ไม่หรอกน่าแพรวามันเป็นแค่ความ

    บังเอิญมากกว่าฟรังอาจจะพูดขึ้นมาลอยๆแล้วบังเอิญ

    เดาถูกก็ได้มั้ง..

    "เออนี่ฟรังบ้านเธอยังไปอีกไกลไหม"

    ฉันมองไปข้างหน้าเห็นทางแยกที่สองข้างทาง

    ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่...

    "แยกหน้าก็ถึงแล้วเธอรอได้ไหมแพรวาฉันต้อง

    ทำงานบ้านนิดหน่อยก่อนไปด้วย"

    ฉันยิ้มแล้วพยักหน้าให้ฟรังแทนคำตอบ..

    ฟรังเลี้ยวรถเข้าซอยลูกรังที่สองข้างครึ้ม

    ไปด้วยต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นดีจัง..

    เอี๊ยดด..ฟรังจอดรถหน้าประตูไม้แล้วลงไปเปิดประตูรั้ว

    ก่อนขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ที่รอบๆ

    บ้านร่มรื่นไปด้วยหมู่มวลไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด

    "ลงมาก่อนซิแพรวา" ฟรังสะกิดแขนฉันเบาๆที่มัวแต่มอง

    พันธุ์ไม้จนเพลิน..ฉันเปิดประตูรถลงมาแล้วมองไป

    รอบๆตัว บ้านใหญ่สวยขนาดนี้ทำไมดูเงียบเหงาจัง

    "ฟรัง!!คุณพ่อคุณแม่เธอล่ะไม่อยู่เหรอ?"

    ฉันถามระคนสงสัยที่มองไปรอบๆไม่เห็นมีใครเลย

    "ท่านอยูบนบ้านตามฉันมาซิจะพาไปไหว้ท่าน"

    ฉันเดินตามฟรังขึ้นมาบนบ้านเรือนไทยหลังใหญ่

    ตรงเชิงบันไดมีประตูบานพับไม้มีหลังคาจั่วประตู

    ประตูถูกล็อคด้วยแม่กุญแจรูปทรงโบราณ

    แปลกจัง มีคนอยู่บ้านแล้วจะล็อคขังตัวเองทำไม

    บ้านนี้สงสัยจะพิลึกกันทั้งบ้าน!..ประตูไม้ถูกเปิด

    ออก ทำให้เห็นระเบียงกว้าง ภายในประกอบไปด้วย

    บ้านทรงเรือนไทยแบ่งแยกย่อยเป็นหลังใหญ่บ้างเล็กบ้าง 

    ทั้งหมดห้าหลังและตรงกลางเป็นศาลาเปิดโล่งยกระดับพื้น

    มีโต๊ะไม้เตี้ยและเบาะรองนั่งพื้นใช้สำหรับเป็นที่นั่งเล่นและ

    รับประทานอาหาร..ภายในล้อมรอบด้วยระเบียงไม้ที่เชื่อม

    เรือนไทย ให้เป็นหลังเดียวกัน..รอบๆระเบียงมีกระถาง

    ไม้ดอกไม้ประประดับตบแต่ง..กล้วยไม้สีเหลืองดอกใหญ่

    บานสะพรั่ง..สวยจังเลย..ฟรังนำฉันเข้ามาภายใน

    เรือนไทยหลังใหญ่ที่ด้านหน้าเปิดโล่ง ด้านในสุดมีห้อง

    ประตูไม้แบบพับแบ่งเป็นห้องๆอีก สามห้องย่อย

    ฟรังแตะแขนฉันที่มัวแต่ยืนมองสำรวจไปรอบๆ

    บริเวณฉันหันมามองฟรังที่ยื่นธูปที่จุดแล้วดอกนึง

    มาให้ฉัน ฉันขมวดคิ้วมองอย่าง งงๆ จนฟรังดึงมือ


    ฉันให้มาหยุดยืนที่หน้าหิ้งไม้ขนาดใหญ่ บนหิ้งไม้

    มีโกฐทองเหลืองสามใบตั้งเรียงรายกัน..

    "แพรวาไหว้คุณตา คุณพ่อและคุณแม่ของฉันซิ"

    ห๊ะ!!ใจฉันกระตุกวูบกับคำพูดของฟรัง!!

    ฟรังจุดธูปอีกดอกแล้วพนมมือไหว้..

    "คุณตา,คุณพ่อคุณแม่คะนี่แพรวาเพื่อนของฟรังเองค่ะ"

    "สวัสดีค่ะคุณตา,คุณพ่อคุณแม่แพรขอฝากเนื้อฝาก

    ตัวด้วยนะคะ"ฉันยิ้มให้กับโกฐกระดูกที่อยู่ตรงหน้า

    แล้วส่งธูปให้ฟรังนำไปปรักลงในกระถางธูป

    "ฟรังท่านทั้งสามคนเสียไปนานยัง"

    ฉันถามเพราะอยากรู้จริงๆสงสารเธอจัง

    "คุณตาจากฉันไป3ปีแล้วส่วนคุณพ่อคุณแม่ฉัน

    ท่านประสบอุบัติเหตุตั้งแต่ฉันลืมตาดูโลกได้

    ไม่ถึงสิบวัน" แววตาฟรังเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

    หัวใจของฉันสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก..ฉันจับมือฟรังไว้

    "แล้วตอนนี้เธออยู่กับใครล่ะ" ฟรังเงียบไปพักนึง

    เหมือนกำลังจะพูดอะไรซักอย่าง..จู่ๆก็มีเสียง

    เด็กเล็กๆดังขึ้นมา..

    "พี่ฟรังอยู่กับหนูไงพี่สาวคนสวย!!" ฉันมองไป

    รอบๆตัวก็ไม่เห็นมีใคร!!

    "หนูอยู่นี่!!"ฉันมองตามฟรังที่แหงนคอมองทำตา

    ดุๆใส่อะไรซักอย่างบนขื่อไม้บนหลังคาทำให้ฉัน

    แหงนหน้ามองตาม..ห๊ะ!!

    "ฟะฟะฟรัง!!ขึ้นไปเอาน้องลงมาเร็ว!!"ฉันตกใจสุดขีด

    เมื่อเห็นเด็กน้อยอายุสัก 3-4ขวบนั่งห้อยขาแกว่ง

    ไปมาอยู่บนขื่อไม้สูงกว่า5 เมตร!!

    "อุ้มหนูลงไปที!!"เด็กน้อยอ้าแขนร้องให้ช่วย!!

    "ขึ้นได้ก็ลงได้!!ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ!!"

    ฟรังกอดอกมองเด็กน้อยอย่างดุๆ!!

    "แง!!!พี่สาวจายร้าย!!!"เด็กน้อยร้องไห้จ้า!!

    ฉันบิดแขนฟรังแรงๆแต่ยัยนั้นกับทำหน้ามึนๆ

    มองฉันนิ่ง!!เหมือนไม่รู้สึกรู้สา!!

    "นี่ถ้าเธอไม่ช่วย!!ฉันช่วยเองก็ได้!!"ฉันทำท่า

    จะปีนขึ้นไปแต่ถูกฟรังดึงแขนเอาไว้

    "ไม่ต้องเดี๋ยวฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน.

    แล้วจะออกมาจัดการกับยัยตัวแสบนี่!!"

    ฟรังชำเรืองตามองเด็กน้อยก่อนเปิดประตู

    แล้วเดินหายเงียบเข้าไปในห้อง

    "ตัวเล็กนั่งนิ่งๆนะคะ!!เดี๋ยวพี่ฟรังขึ้นไปช่วยน๊า"

    เด็กน้อยยิ้มตาปิดให้ฉัน..น่ารักจริงๆเลย

    ซักพักฟรังเดินออกมากับชุดเสื้อยืดสีขาวพับแขนเสื้อ

    กับกางเกงยีนขาสั้นในมือถือถุงขนมลูกชุบ!!แล้วหยิบ

    ลูกชุบออกมาใส่ปากเคี้ยวๆแล้วแหงนหน้ามองเด็กน้อย

    ที่จ้องถุงขนมพลางกลืนน้ำลายลงคอ..

    "ถ้าไม่รีบลงมาหมดนะ!!พรุ่งนี้ยายมาหยุด!!

    ไม่ขายคงอดกินไปหลายวัน" อ๊ะ!อะไรของยัยฟรัง!!

     ฟรังหยิบลูกชุบกำลังจะใส่ปากอีกลูก..

    "หยุ๊ดด!!อย่าเพิ่งกิน!!หนูลงแล้ว!!"ฉันรีบแหงนมอง

    เด็กน้อยที่ใช้สองแขนเล็กๆกอดเสากลมแล้วรูดปรื๊ด!!  

    ลงมายืน..เล่นเอาฉันตะลึงงัน!!เด็กน้อยวิ่งมากอดแขน

    ของฟรังทำเสียงออดอ้อนขอขนมกิน..

    "พี่สาวจ๋าขอขันทองกินบ้างดิ..นะนะ" ฟรังเขกหัว

    เด็กน้อยที่ชื่อขันทองเบาๆ..ก่อนส่งถุงขนมให้

    "กินเสร็จแล้วไปให้อาหารเป็ดไก่!,รดน้ำผัก,ให้อาหาร

    ปลา,เสร็จแล้วตามพี่ไปช่วยกวาดคอกวัวด้วย!!"

    ฉันถึงกับตาเหลือก!!นี่ยัยฟรังใช้แรงงานเด็ก!โหดจัด!!

    "นี่ฟรัง!!เธอจะบ้าเหรอ!เด็กตัวนิดเดียวจะไปทำไหวได้ไง"

    ฉันว๊ากใส่ยัยฟรังอย่างเหลืออดเหลือทน!!

    "เธออย่าสนใจเลยแพรวา!!ยัยเด็กนั่นถึกจะตาย!!"  

    กร๊อด!!ดูยัยผีดิบมันพูดเข้า!!ฉันหันไปมองเด็กน้อย

    ที่นั่งขัดตะหมาดกินขนมอย่างไม่ประสีประสา

    ก่อนจะหันควับมาส่งสายตาพิฆาตให้ยัยฟรัง

    "ไปฟรังฉันจะช่วยเธอทำเอง!!" ฟรังเลิกคิ้วมองฉัน

    ฉันดึงแขนฟรังแล้วพยักหน้าให้ฟรังนำไป..





    ฉันพาแพรเดินมาจนถึงฟาร์มสัตว์สวนผสม

    "โอโฮ..ฟรังนี่เธอทำคนเดียวเลยเหรอเนี่ย"

    แพรดูตื่นตาตื่นใจกับสัตวฺเลี้ยงนานาชนิด

    ที่อยู่ในฟาร์มขนาดเล็กนี้..

    "ฉันกับขันทองช่วยกันน่ะ" แพรวาทำหน้า

    หงิกใส่ฉันทันที "

     "ฟรังอ่ะ!!โหดใช้แรงงานเด็ก!!แล้วพ่อแม่

    ขันทองไม่ว่าเอารึไงห๊ะ!!" แพรวาทำหน้างอใส่ฉัน

    "ขันทองเป็นเด็กกำพร้าถูกพ่อแม่เอามาทิ้ง

    ฉันก็เลยเอามาเลี้ยงไว้ขันทองเก่งกว่าที่เธอ

    คิดไว้เยอะเลยนะจะบอกให้"

    ฉันยังไม่อยากบอกอะไรแพรวามากนัก

    ปล่อยให้แพรวาค่อยๆรู้เองดีกว่าว่าขันทอง

    เป็นอะไร..ฉันพาแพรวามาดูโรงเรือนที่ใช้

    เลี้ยงไก่แบบปิดแบบเปิด..ที่ปลูกค่อมบ่อ

    ปลาขนาดย่อม..

    "ห๊ะ!!ขันทองนี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่!!ก่อนมายังเห็น

    นั่งกินขนมอยู่เลย!" ขันทองที่กำลังตักอาหาร

    ให้ไก่หันมายิ้มให้แพรวาตาปิด..

    "พี่สาวหนูรดน้ำผักและสวนผลไม้เสร็จแล้วนะ

    เหลือให้อาหารเป็ดกับบ่อปลาทางนู้น

    ขันทองทำปากจู๋ยื่นหน้าไปทางทิศใต้ของสวน

    แพรวาถึงกับอ้าปากเหว๋อ..ฉันรู้ว่าเธอช็อค!!

    "ป่ะแพรวาเราไปให้อาหารวัวกันดีกว่าเสร็จ

    งานในคอกวัว เราจะไปตัดดอกดาวเรือง

    ในสวนไปทำพิธีกัน" ฉันลากแขนแพรวา

    ที่ยืนงง ให้เดินตามฉันมา..



    ***************


    19.00 น.  


    ฉันยังมึนไม่หายกับเด็กน้อยตัวเล็กๆที่นั่งอยู่บนตัก

    ฉันตอนนี้ คลึก!คลึก! รถที่กระแทกไปกระแทกมา

    ยังไม่ทำให้ฉันเวียนหัวได้เท่ากับเรื่องแปลกๆที่ฉัน

    ได้พบเจอกับตาตัวเอง ฉันว่าฟรังเป็นอะไรที่น่าทึ่ง

    แล้วนะ แต่ขันทองเป็นอะไรที่น่าทึ่งเหนือคำ

    บรรยายตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอนี่แหละ

    ขันทองนั่งดูดนิ้วแล้วหลับคาอกฉัน ฉันกอด

    ขันทองไว้แนบอกพลางลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ

    จู่ๆน้ำตาฉันก็ไหลออกมารู้สึกสงสารขันทอง.

    ขึ้นมาจนจับใจ!!เด็กน่ารักขนาดนี้ยังทิ้ง!

    ได้ลงคอ!!ใจร้ายใจดำจริงๆ!!..มืออุ่นๆของ

    ฟรังค่อยๆปาดน้ำตาให้ฉันแม้สายตาจะ

    จ้องไปยังท้องถนนยามฟ้ามืดแต่ฟรังก็ยัง

    อ่อนโยนเสมอ..ขอบคุณนะฟรัง..

    เอี๊ยดดด..ฟรังจอดรถหน้าบ้านเรือนไทยของ

    ลุงบุญที่คนในละแวกนี้รู้จักดี..ฉันอุ้มขันทองที่

    ยังนั่งหลับอยู่ลงจากรถ..ฟรังรีบเดินมาอุ้ม

    ขันทองจากฉัน..ฉันกับฟรังเดินตรงไปที่

    หน้าบันไดบ้านของลุงบุญทันที..

    "ลุงบุญคะ!ลุงบุญ!!"ฉันร้องเรียกลุงบนจน

    ป้าแก้วภรรยาลุงบุญเปิดประตูออกมา

    "อ้าว!แพรวาเองเหรอลูก!มาหาตาบุญเหรอ

    ตาบุญไม่อยู่พาวงไปเล่นงานศพในเมือง

    หนูมีธุระอะไรหรือเปล่าลูก"

    ป้าแก้วเดินลงมาหาฉันกับฟรัง..

    "คือวันนั้นที่หนูมารำให้ที่หน้าศาลแม่ย่า

    ชบาทอง หนูเผลอทำตุ๊กตานางรำที่หน้า

    ศาลเสียหายหนูไม่สบายใจเลยอยากมา

    กราบขอขมาแม่ย่าน่ะคะป้าแก้ว"

    ป้าแก้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ

    "งั้นก็ตามสบายเลยนะลูกเดี๋ยวป้าจะจุดธูป

    บอกแม่ย่าให้ว่าหนูไม่เจตนาและอยากขอ

    ขมาแม่ย่า" ป้าแก้วยิ้มให้ฉันแล้วเดินนำพวก

    เราไปที่ศาลแม่ย่าพวกเรานั่งลงหน้าศาล

    ฉันมีความรู้สึกเสียววาบที่ลำคอเหมือนมี

    ลมหายใจราดรดไอเย็นๆลงบนลำคอฉัน!

    ไม่มีอะไรหรอกฉันคงรู้สึกไปเอง..ในขณะ

    ที่ป้าแก้วจุดธูปเทียนบอกกล่าวแม่ย่าแล้ว

    ปักธูปลงกระถาง..วู๊วว..วู๊วว!! สวบ!สวบ!

    พลันก็เกิดสายลมกรรโชกอย่างแรง!!

    พัดเอาเปลวเทียนดับลงสนิท!!ฉันหันไปมอง

    หน้าฟรังที่ยังคงนั่งทำหน้านิ่ง!!มีขันทองนั่ง


    ลืมตาแป๋วอยู่ที่ตัก..ส่วนป้าแก้วหน้าซีดอย่าง

    เห็นได้ชัด!!..

    "แพรวารีบขอขมาแม่ย่าเถอะลูก!!" ฟรังหยิบ

    ดอกไม้ธูปเทียนและหมากพลูแผ่นทองเก้าแผ่น

    ออกจากกระเป๋าผ้าจัดใส่พานทองส่งให้ฉัน..

    "แพรวาเธอจุดธูปเก้าดอกแล้วว่าตามฉัน"

    ฉันรีบจุดธูปด้วยมือที่สั่นเทาจนฟรังต้อง

    เอื้อมมือมาจับมือฉันไว้..


    ฟรัง : อุกาสะ อัจจะโยโนภันเต

    แพรวา : อุกาสะ อัจจะโยโนภันเต

    ฟรัง : อัจจะขมา ยะถาพาเล ยะถามูลเห

    แพรวา : อัจจะขมา ยะถาพาเล ยะถามูลเห

    ฟรัง : ยะถาอะกุศเลเยมะ ยังกะรัมหา

    แพรวา : ยะถาอกุศเฃเยมะ ยังกะรัมหา

    ฟรัง : เอวังภันเต อัจจะโยโน ปะฏิคัณหะถะ

    แพรวา : เอวังภันเต อัจจะโยโนปะฏิคัณหะถะ

    ฟรัง :  อายะติง สังวะเรยยามะ

    แพรวา : อายะติง สังวะเรยยามะ

    "ลูกแต่แม่ย่าชบาที่ลูกหลานบูชากราบไหว้สิ่งใดที่ลูก

     

    ได้กระทำผิดอันเป็นการลบหลู่แม่ย่าโดยไม่มีจิตเจตนา


    ประสงค์ร้ายให้แม่ย่าได้อย่าขุ่นข้องหมองใจลูกกราบขอ

    อภัยแม่ย่าขออย่าได้โกรธแค้นลูกเลยขออโหสิกรรม

    ให้ลูกด้วยเถิด" ฉันจรดศรีษะลงแล้วก้มลงกำลังจะปักธูป!

    ทันใดนั้น!!ฉันต้องสะดุงสุดตัวตาเหลือกค้าง!!เมื่อปรากฎ

    เงาร่างทะมึน!ในชุดรำไทย!!นั่งชันเข่า ดวงตาแดงก่ำ!!  

    ถลึงตาใส่ฉันอย่างกราดเกี้ยว!! ยกขาที่ชันเข่าตวัดเท้า

    เตะพานดอกไม้ของขมา!!กระจัดกระจาย!!..

    "กรี๊ดดดด!!"ฉันกรี๊ดดร้องเสียงหลง!!หงายหลังถอยกรูด

    ด้วยความกลัวสุดขีดกลับภาพเบื้องหน้า!! หมับ!!ฉันโผล

    เข้าหาอ้อมกอดฟรัง แล้วกอดฟรังไว้แน่น!!

    "ฮืออ..ฟรัง!!ช่วยแพรด้วย!!" ฉันหลับตาซุกหน้ากับ

    อกฟรังด้วยอาการสั่น!!ไปทั้งตัว!!..

    "ไม่เป็นไรนะแพรวาทำใจดีๆไว้เดี๋ยวฉันจัดการเอง!!"  

    ฉันไม่ได้ยินสิ่งที่ฟรังพูดคอนนี้หูฉันอื้ออึงไปหมด

    "แพรวาทำใจดีๆไว้นะลูกรอตาบุญกลับมาก่อน

    แล้วค่อยขอขมาแม่ย่าใหม่"..ภาพสยอง!!

    จนติดตาติดใจทำให้ฉันกอดฟรังไว้แน่น!!กอดฉัน

    ไว้นะฟรังได้โปรดอย่าปล่อยฉัน..






    ฉันกอดแพรวาที่เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัวกับ

    สิ่งที่ฉันเห็นมาตลอด..ฉันนึกไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้

    ต้องไม่จบแบบธรรมดาๆแน่ๆมันต้องมีอะไรที่

    มากกว่านั้นแต่!!ดวงวิญญาณมีบ่วงกรรมผูกอยู่

    บ่วงกรรมที่ว่านั้นคืออะไรนะ!!ฉันต้องแกะปมนี้ให้

    ได้ซะก่อนถึงจะหาวิธีแก้ได้..ฉันหันไปพยักหน้า

    ให้ขันทอง..ขันทองยิ้มแล้วเดินกอดอกตรงดิ่ง

    ไปที่หน้าศาล..เพื่อหาข้อมูล!!

    "นี่ป้า!!ทำไมป้าเป็นผีเยี่ยงนี้เนี่ย!!น้ำใจอ่ะมีบ้างป่าว!!

    พี่สาวหนูก็ขอขมาป้าแล้วน๊า!!ทำไมใจดำแท้!!นี่ป้า!!

    อยากได้อะไรก็ก็บอกหนูมา!!หนูหาให้ป้าได้นะ!!

    เอานี่มะหนูมีบัตรทัวว์นรกขุมที่180!!เอาไหมป้า!!

     ไปทัวว์ชั่วกัปชั่วกัลป์ไปไม่ต้องกลับมาอีกเลย!!

    สนไหมป้า 555"..เฮ้ออ!!ยัยขันทองเอ๋ยให้ไปหา

    ข้อมูลดันไปกวนทีนผีซะงั้นแล้วจะได้เรื่องไหม

    ละเนี่ย..ฉันได้แต่นั่งทำใจ!!

     "นังเด็ก!!ปากยังไม่สิ้น!!กลิ่นน้ำนม!!มึงอย่ามายุ่งเรื่องของกู!!"

    เสียงแหบแห้งของผีนางรำคำรามก้อง!!..

    "อ้าวป้า!!เดี๋ยวตบปากแตกเลย!!พูดจา

    ไม่ไพเราะ!เอาซะเลย!!หนูมาเคลียร์ดีๆ

    น๊าพูดงี้มาไฟว์กันดีก่าป้า!!" ขะขะขันทอง!!

    "หึ!หึ!หึ! นังเด็ก!!ผีถังขยะเน่าๆ!!สมควรแล้ว!!

    ที่แม่สำส่อนแกไข่แล้วทิ้ง!! 555!!"

    ฉันกัดฟันแน่นกับคำพูดของผีนางรำ

    ฉันมองขันทองตัวน้อยทียกแขนน้อยเช็ดน้ำตา

    "ขันทองมาหาพี่มาไม่ต้องคุยแล้วเรากลับบ้าน.."

    ไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ..ขันทองวิ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่ 

    ข้างศาล..จะทำอะไรน่ะ!!

    "นี่แนะ!!ไม่ต้องอยู่เย่อมันแล้ว!!"ขันทองกระโดดเตะ!!

    เข้าที่ต้นไม้ใหญ่..คลึกๆๆโครม!!!

    "ขันทอง!!!"ต้นไม้ใหญ่หักโครม!!ทับศาลพังเละ!!

    แพรวาสะดุ้งสุดตัวหันไปมองสภาพศาลที่พังยับ

    "โอยย!!อกอีแก้วจะแตก!!นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

    จู่ๆต้นไม้ก็หักทับศาลแม่ย่า!!" ป้าแก้วทำท่าจะเป็นลม

    "ฟรัง!!มันเกิดอะไรขึ้น!!"ฉันได้แต่ช็อคกับสิ่งที่ขันทองทำ

    "ฟรัง!!แล้วขันทองล่ะ!ขันทองไปไหน!!" ฉันมองหาขันทอง

    "ตะเอ๋!..หนูอยู่นี่!!"ขันทองโผล่หน้ามาจากหลังต้นไม้

    เดินปัดไม้ปัดมือออกมาหลังจากสร้างวีรกรรมสุด

    แสบทรวงเอาไว้..แพรวารีบลุกไปอุ้มขันทองกอดไว้

    "ขันทองไปไหนมา..เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"

    ขันทองกอดคอแพรวาไว้สะอึกสะอื้น..

    "ฮืออ..พี่แพรเป็นแม่ให้หนูได้ไหมหนูอยากมีแม่

    นอนกอดหนูบ้าง" ฉันน้ำตาซึมกับภาพที่ขันทอง

    ร้องไห้ตั้งแต่ฉันเลี้ยงขันทองมายัยตัวน้อยไม่เคย

    ร้องไห้ให้ฉันเห็นซักครั้งเดียว..

    "ได้ซิพี่จะเป็นแม่ให้เองนะโอ๋ๆ..เงียบซะนะลูกแม่"

    ขันทองหลับปุ๋ยทั้งน้ำตา..ฉันลูบหัวของขันทองเบาๆ

    "หนูแพรกลับบ้านก่อนเถอะลูก!!เดี๋ยวทางนี้รอให้

    ตาบุญมาจัดการ" เราสองคนยกมือไหว้ลาป้าแก้ว

    แล้วขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับ..

    "ฟรังคืนนี้ขอแพรค้างด้วยนะอยากอยู่กับขันทอง

    อีกอย่างแพรกลัวด้วย" ฉันเอื้อมมือไปจับมือแพรไว้

    "ได้ซิแพรแต่เธอต้องโทรไปบอกทางบ้านด้วยนะ

    เดี๋ยวคุณป้ากับพี่เก้าเป็นห่วง"แพรพยักหน้าให้ฉัน



    ************

    21.00 น.


    ฟรังที่อยู่ในชุดยืดสีขาวกับกางเกงขาก๊วย

    สีเดียวกับเสื้อส่งชุดนอนลายหมีสีฟ้าให้ฉัน

    ฉันยืนจ้องหน้าฟรังนิ่งก็ฉันไม่เคยฟรังปล่อย

    ผมเลยนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นฟรัง

    ปล่อยผมยาวดำสลวยเป็นมันวาว

    ดวงตากลมโตที่แฝงไปด้วยความลึกลับ

    ซับซ้อนจมูกโด่งเป็นสันรับกับปากชมพูอิ่ม

    น่าจูบจัง!!ฟรังที่สัมผัสมือฉันเลิกคิ้วทำตาโต

    อ๊ะ!!จู่ๆแก้มใสของฟรังก็แดงระเรื่อน่ารักจัง!!

     จับปล้ำ!!ซะดีมั้งเนี่ย!! ฟรังสะดุ้งเฮือก!!หน้าแดง

    จนถึงใบหู..เป็นอะไรของเขานะ

    "ฟรัง!!เธอไม่สบายหรือเปล่า" ฉันเอื้อมมือไปแตะ

    หน้าผากของฟรัง ฟรังจับมือของฉันไว้

    "แพรวาเธอไปอาบน้ำเถอะจะได้มานอน

    เดี๋ยวฉันไปสวดมนต์ที่ห้องพระรอเธอนะ"

    ฉันทำท่าลังเลนิดนึงเพราะฉันไม่คุ้นเคย

    กับบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ขนาดนี้..

    "แม่แพร!!เดี๋ยวหนูไปอาบน้ำเป็นเพื่อน"

    ฉันหันไปมองขันทองที่ตอนแรกหลับ

    อยู่บนเตียงแต่ตอนนี้โผล่หน้ามาจาก

    ข้างหลังฟรังซะงั้นไวเป็นลิงจริงๆยัย

    ตัวน้อยของฉัน..

    "ดีเลยงั้นเราไปอาบน้ำกันเถอะค่ะสาวน้อย"

    ขันทองวิ่งมากอดฉันแน่นฉันอุ้มขันทองขึ้นมาแล้ว

    เดินออกไปเข้าห้องน้ำที่เป็นเรือนไทยหลังน้อยที่ตั้ง

    อยู่ด้านหลังเรือนไทยหลังใหญ่ ฟรังเดินแยกกับฉัน

    หายเข้าไปในเรือนไทยหลังเล็กที่อยู่ด้านเหนือสุด

    ของบ้าน คนอะไรยิ่งรู้จักยิ่งใกล้ชิดกลับมองเห็น

    แต่สิ่งดีๆที่มีอยู่ในตัวฟรัง..ฉันเปิดเข้ามาในห้องน้ำ

    ก็ให้ตะลึงกับการตบแต่งพื้นห้องน้ำปูด้วยหินกราบ

    และหินก้อนเล็กๆอ่างอาบน้ำทีทำจนเหมือนธาร

    น้ำตกขนาดเล็กบริเวณรอบตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้

    น้ำนานาชนิด..สวยจังนี่ถ้าได้อาบน้ำกับฟรัง

    คงฟินน่าดูเลย..แต่อาบกับลูกสาวไปก่อนละกัน

    ฉันกับขันทองเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน

    ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เราเล่นน้ำกันอยู่อย่างนั้น

    จนกระทั้งเสียงแหบนุ่มดังขึ้น..

    "แพรวา,ขันทองยังอาบไม่เสร็จกันอีกเหรอ

    นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะไปนอนกันได้แล้ว".

    "ฮา..ฮา..ฮา" ฉันกับขันทองหัวเราะให้กันเบาๆ

    ก่อนที่จะรีบขึ้นจากน้ำมาแต่งตัวแล้วรีบจูงมือ

    กันออกมาก็พบกับคนที่ยืนหันหลังรอพวกเรา






    "เสร็จแล้วคร่า ปะไปนอนกันดีกว่าเนอะ"

    แพรวายื่นหน้ามาจนใกล้หน้าของฉันเล่นเอา

    หัวใจฉันเต้นโครมคราม!หน้าร้อนผ่าวไปหมด

    "อืมๆไปนอนกันได้แล้วพรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า

    รู้ใช่ไหมขันทองว่าเรามีงานต้องทำ"

    ขันทองยักคิ้วแล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน

    "ไม่ต้องห่วงนะลูกมีแม่แพรอยู่อีกทั้งคน"

    ขันทองยิ้มหน้าบานที่ได้แพรวาเป็นแม่

    "ไปเหอะไปนอนกันได้แล้ว"

    ฉันเดินนำสาวๆไปเข้าห้องนอน...

    ฉันนั่งดูแพรวานั่งเช็ดผมให้ขันทองอย่าง

    ใส่ใจทั้งที่หัวของตัวเองก็ยังเปียกอยู่ฉัน

    เอื้อมไปคว้าผ้าที่คอของแพรวาแล้วค่อยๆ

    เช็ดผมให้แพรวา แพรวาเหลือบตามอง

    หน้าฉันแล้วอมยิ้มแก้มแดง..

    "กรี๊ด!ฟรังเช็ดผมให้ฉันด้วยคนอะไรทำไม

    ถึงได้อ่อนโยนขนาดนี้อยู่ใกล้ขนาดนี้ฟรัง

    จะได้ยินเสียงของหัวใจฉันไหมว่ามันเต้นแรง

    แค่ไหน" เฮ้ออ!!ฉันได้ยินทั้งหมดนั่นแหละ

    แพรวารวมทั้งความคิดของเธอในตอนนี้ด้วย

    แล้วเธอล่ะได้ยินเสียงของหัวใจฉันไหม..

    "ผมแห้งแล้วเธอนอนก่อนเลยนะแพรวา

    ฉันขอสวดมนต์ก่อน" แพรวาพยักหน้า

    แล้วล้มตัวลงนอนโดยมียัยตัวน้อยนอน

    คั่นกลางระหว่างฉันกับแพรวา......

    "นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต...."

    ฉันกราบหมอนสามครั้งแล้วล้มตัวลงนอน

    ฉันนอนเหยียดตัวตรง ผีนางรำต้องการ

    อะไรกันแน่นะแถมยังถูกยัยขันทองถล่ม!!

    ศาลซะเละขนาดนั้นคงแค้นเป็นร้อยเท่า

    พันทวีคูณแน่ๆ!!ฉันขมวดคิ้วแน่น!!ฉันจะ

    ช่วยเธอยังไงดีนะแพรวา ฉันเอียงหน้าไป

    มองแพรวาที่นอนกอดขันทองหลับสนิท

    ฉันเอื้อมมือไปเกี้ยวเส้นผมยาวสลวย

    ของแพรวาที่ร่วงละผิวหน้า..ฉันจะไม่มี

    วันยอมให้เธอเป็นอะไรไปอย่างเด็ดขาด

    ฉันสาบาน!!...


    ***************


    13.10 น.

    รร.สวนมะลิ ม.5/1


    วิชาสังคมและประวัติศาสตร์..

    "นักเรียน!ทำความเคารพ!".."สวัสดีค่ะ,ครับคุณครู"

    คุณครูอิงอรครูสังคมยิ้มน้อยๆให้พวกเรา

    "วันนี้เราจะมาเรียนกันในบันทึกประวัติศาสตร์

    ที่คนไทยไม่ควรลืมให้นักเรียนเปิดหนังสือ

    ไปที่หน้า 170 บทที่ 9 สงครามโลกครั้งที่2"

    ฉันเปิดหนังสือไปหน้า170 ตามที่คุณครูสั่ง

     



    เครื่องบินบี 29 ทิ้งระเบิดทั่วมหานคร


     

    ฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดที่สะพานพระราม6


    เมื่อไทยประกาศสงครามอย่างเต็มตัวกับ
    ฝ่ายสัมพันธมิตร ทางสหรัฐอเมริกาและ
    อังกฤษได้ส่งเครื่องบิน บี 24บี 29 และ
    (Vickers Windsor) ฝ่ายสัมพันธมิตรจึง
    ได้ทำการทิ้งระเบิด ทำลายสนามบิน 
    ชุมทางรถไฟ ท่าเรือ..

    "พ.ศ.2484เป็นปีที่กรุงเทพลุกเป็นไฟเรา
    ถูกทิ้งระเบิดกว่า 30ครั้ง มีผู้คนล้มตายเป็น
    จำนวนมาก..."

     คลึก!คลึก!ฉันหันไปมองตามเสียงสั่นของโต๊ะ!!
    แล้วต้องชะงักเมื่อคนที่สั่นโต๊ะเป็นแพรวาที่นั่ง
    ก้มหน้าตัวสั่น!!สองมือจิกขอบโต๊ะ!!ไว้แน่น
    เพื่อนที่นั่งข้างแพรวามองแพรวาตาเหลือกเมื่อ
    จู่ๆแพรวาก็ลุกพรวดพราด!แล้วกระโดด!ตัวลอย!
    ขึ้นไปยืนบนโต๊ะ!!..
    "แพรวาเป็นอะไร!!ขึ้นไปยืนบนโต๊ะทำไม"
    คุณครูอิงอรถามแพรวาอย่างตกใจ
     แพรวายืนก้มหน้านิ่ง แล้วเสียงหัวเราะในลำคอก็ดังขึ้น
    "หึหึหึ..ฮาฮาฮา!!" ฉันนั่งดูแพรวาที่ถูกผีนางรำเข้าสิง
    ด้วยความอยากรู้ว่าผีนางรำต้องการอะไรจากแพรวา
     กันแน่..แพรวาตั้งท่าย่อขาวาดแขนในลักษณะ
    การรำแม่บทหรือท่ารำเบิกโรง..ทุกคนในห้อง
    ตะลึงงันกับท่ารำแบบนางรำโบราณ ทุกท่วงท่า
    เป็นการนำท่ารำ 18 ท่ารำของ
    เรื่องนารายณ์ปราบนนทุก..ซึ่งเป็นละครหลวงโบราณ
    ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1..แต่เมื่อแพรวารำถึง
    ท่าที10 ท่ารำแขกเต้า ก็กับหยุดนิ่งงัน!!
    ก่อนที่ผีนางรำจะออกจากร่างของแพรวา
    ฉันรีบลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปคว้าร่างแพรวา
    ให้ลงมาจากโต๊ะแล้วกอดไว้แน่น..
    "กรี๊ดดด!ปล่อยกู!!" ผีนางรำกรีดร้องโหยหวล
    ด้วยพลังธรรมที่ฉันสั่งสมมา..

    "วาโธโนอะมะมะวา วาทุสะนะโสนะ โมสิสะโน
    นะโมติสสา โอม เสฏโฐ โมคคัลลายันติ สีละทานัง
    ปัญจะโกฏิ นะโมพุทธายะ พุทธะ กัญจะ ธัมมัง
    กัญจะ สังฆัง กัญจะ นะระนะ พุทธะคุณัง ธัมมะ
    คุณัง สังฆะคุณัง พุทโธ ธัมโม สังโฆ" 

    ฉันรีบสวดบทสะกดวิญญาณให้สงบ
     เพื่อที่ฉันจะได้อ่านสิ่งที่ดวงจิตยังยึดติดก่อน
    ตาย..วูบ..วูบ..แซด..แซด..ภาพจางๆที่วูบไหว
    ลางเลือนค่อยๆชัดเจนขึ้น..
    หญิงสาวผมยาวในตากลมโต ในชุดคอกระเช้า
    โจงกระเบนแดง ร่ายรำ ย่อยก ย่อย่อยก
    "สวยมากชบา..นั่นแบบนั้นแหละ ดีมากดี"
    หญิงสูงอายุเดินปรบมือให้จังหวะกับท่ารำที่
    หญิงสาวร่ายรำ.
    ."ชบาเตรียมตัวให้พร้อมนะพรุ่งนี้ครู
    จะพาเราเข้าเมืองหลวงเธอจะได้รำโชว์
    ต่อหน้าเจ้าขุนมูลนาย..รำสวยๆอย่างเธอ
     อาจได้เป็นนางรำหลวงก็ได้นะชบา
    ตั้งใจทำให้ดีดีล่ะ" หญิงสาวยิ้มแล้ว
    กอดครูรำของเธอไว้..
    "ครูคะชบาจะทำให้ดีที่สุดเลยค่ะชบา
    สัญญา แล้วครูจะให้ชบารำเรื่องอะไรคะ"
    ครูหญิงลูบหัวหญิงสาวอย่างเอ็นดู
    ในตัวศิษย์รัก..
    "นารายณ์ปราบนนทุก..ละครเรื่องเนี่ย
    สร้างนางรำบ้านนอกเป็นนางรำหลวง
    มาหลายคนแล้วนะและเธอเป็นศิษย์เอก
    ที่ครูหมายมั่นให้เธอได้เป็นนางรำหลวง
    เธอเป็นความหวังของครูนะชบา"
    .. แซด..แซด..ซา.. ภาพถูกตัดมาอีก
    ณ.อีกสถานทีหนึ่ง คล้ายโรงละคร
    ขนาดใหญ่..ชายในชุดเครื่องแบบ
    ข้าราชกาลสมัยก่อนวิ่งถือหนังสือพิมพ์
    "ท่านเจ้ากรมขอรับ ท่านเจ้ากรมขอรับข่าว
    จากสำนักพิมพ์หลวงออกมาแล้วขอรับ.."
    ชายสูงอายุหันมารับหนังสือพิมพ์จากลูกน้อง





    "แย่แล้วพันธมิตรต้องโจมตีเราแน่ๆ"
    ท่านเจ้ากรมรำพึงออกมา..
    "แล้วเรายังจะจัดรำโชว์อีกหรือครับท่าน"  
    ท่านเจ้ากรมขมวดคิ้วก่อนตอบลูกน้อง
    "ยังไงก็คงต้องจัดการแสดงละครต่อไป
    เพราะมันเป็นหน้าที่เรา เจ้ากรมละครหลวง
    ปีนี้เราต้องเฟ้นหานางรำหลวงเสนอ
    เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่จะรำโชว์ไอ้ยุ่น!"
    ท่านเจ้ากรมขบกรามแน่นอย่างชิงชัง!!
    "เอาล่ะไปเตรียมสถานที่ให้พร้อมคืนนี้
    จะมีการแสดงชุดใหญ่รำ เบิกโรง
    ละครหลวง..นารายณ์ปราบนนทุก"
    บริเวณหน้าเวทีของโรงละครหลวง
    คราครั่งไปด้วยผู้ดีมีชาติตระกูลที่
    ทยอยกันเข้ามาชมการแสดงรำเบิกโรง
    นารายณ์ปราบนนทุก จนแน่นขนัด
    "ชบาพร้อมไหม" แม่ครูถามหญิงสาว
    ที่ตอนนี้อยู่ในชุดนางรำสีแดงทอง
    "พร้อมค่ะแม่ครู"หญิงสาวก้มกราบแม่ครู
    เพื่อขอพร..แม่ครูพนมมือไหว้
    มงกุฏปลายเกียวแหลมสีทองมีมาลามะลิ
    สดทัดปีกข้าง แล้วยกขึ้นสวมศรีษะให้
    ศิษย์เอก..
    "ครูได้ถ่ายทอดท่ารำแม่บทให้เธอจนหมดสิ้นแล้ว
    ฝากเธอช่วยสานฝันของครูให้เป็นจริง
    ด้วยนะชบาขอให้เธอประสบความสำเร็จ
    และได้เป็นนางรำหลวงอย่างที่เธอฝันไว้
    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสัญญากับครูนะว่าเธอ
    จะรำจนจบ!!"แม่ครูลูบหัวหญิงสาว..
    "หนูสัญญาค่ะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหนูจะ
    รำทั้ง18ท่าจนจบค่ะ".
    .เสียงระนาดเอกบรรเลงโหมโรง เหล่าตัวละคร
    นางรำได้ออกไปร่ายรำเบิกโรงละคร..หญิงสาว
    ร่ายรำอย่างอ่อนช้อยและแข็งแรงในเวลาเดียวกัน
    บรรดาผู้ชมที่มียศถาบรรดาศักดิ์เอ่ยปากชมชบา
    ที่รำออกมาได้อย่างงดงามลีลาท่าทางดูช่าง
    กลมกลืนกับใบหน้าและรอยยิ้มหวานๆของเธอ..
    เมื่อหญิงสาวเยื้องย่างท่ารำในท่าแขกเต้าต้อง
    หยุดชะงักลง ตูม!!!เสียงสนั่น!!หวั่นไหว!!
    คล้ายเสียงของระเบิด ดังขึ้นพร้อมกับเสียงหวอ
    เตือนภัยส่งเสียงโหยหวล..
    หว๊ออออ!!!!..ตูม!! ตูม!!
    "กรี๊ดดด!!มันเกิดอะไร!;"
    "ท่านหญิงรีบไปเถอะครับตอนนี้เครื่องบินรบ
    ของสัมพันธมิตรกำลังทิ้งระเบิดที่ฝั่งธน"
    "ท่านชายครับเชิญทางนี้!!" เสียงโกลาหลวุ่นวาย
    ของผู้ชมผู้สูงศักดิ์วิ่งหนีตายกันให้จ้าละหวั่น
    ด้านบนเวทีก็ไม่แพ้กันเมื่อเหล่าบรรดานายรำ
    และนางรำนับร้อยชีวิตวิ่งเบียดเสียดกันหนีตาย
    พลัก!!ชบาถูกชนจนมงกุฏกระเด็น!!หญิงสาว
    หยุดชะงักแล้วกวาดสายตามองหามงกุฏ!!
    "ชบาหนีเร็ว!!" เสียงแม่ครูร้องเรียกหญิงสาว
    พลันสายตาของชบาก็เหลือบไปเห็นมงกุฏที่
    ถูกเหยียบบี้จนปลายยอดหัก!!
    เธอรีบแทรกตัวคลานเข่าไปที่มงกุฏนั้น 
    เธอถูกฝ่าเท้าของของผู้คนที่พากันวิ่งหนี
    เหยียบลงบนร่างเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า!!
    แต่ธอก็ไปจนถึงมงกุฏนางรำที่เป็นดั่ง
    ความฝันและลมหายใจของเธอ
    มงกุฏที่ตกทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
    เธอก้มลงกราบทั้งน้ำตาสิ่งที่ไม่คาดคิด
    ก็เกิดขึ้นเมื่อฝ่าเท้าของชายร่างใหญ่คนนึง
    วิ่งเข้ามาเหยียบลงไปที่ บริเวณก้านลำคอ
    ของเธอ...กรอบ!! นั่นคือสิ่ง
    สุดท้ายที่เธอได้ทำก่อนตาย..ไปพร้อมกับ
    เสียงระเบิดที่ดังระงมไปทั่วแต่มา
    ไม่ถึงโรงละครทีเธอแสดงอยู่!!
    นี่ถ้ามีสติกันสักนิด..โศกนาฏกรรม
    ที่น่าเศร้าสลดแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น!!  
    "สิ่งที่แม่ย่าต้องการคือให้แพรวารำต่อท่าแม่ย่า
    ให้จบใช่ไหมคะ"ฉันที่กอดแพรวากระซิบถาม
    วิญญาณแม่ย่าชบาที่สิงร่าง.
    ."ฮืออออ..ใช่..ช่วยสานฝันของฉันที"
    แม่ย่าสะอื้นไห้ก่อนออกจากร่างของแพรวา
    แพรวาทรุดฮวบ!!ฉันรีบพยุงร่างแพรวา
    ให้นอนราบกับพื้น..ฉัน คุณครูและเพื่อนๆ
    ช่วยกันนำร่างแพวาไปห้องพยาบาล.




    ฉันค่อยๆปรือตาที่หนักอึงขึ้นอย่างช้าๆ..
    "แพร!แพรฟื้นแล้ว!!" เสียงของพี่เก้า!!
    ฉันหันไปมองพี่เก้าที่นั่งจับมือฉันไว้แน่น
    "แพร!!ไม่เป็นไรแล้วนะพี่อยู่นี่แล้ว"
    พี่เก้าโน้มตัวลงมากอดฉันไว้แน่น!!
    นี่ฉันเป็นอะไรฉันงงไปหมดแล้ว!!
    ฉันมองไปทางประตูห้องพยาบาล
    ฉันเห็นฟรังยืนจับมือกับขันทองส่ง
    ยิ้มมาให้ฉันก่อนจะหันหลังเดินหายไป
    "ฟรัง.."เสียงเรียกที่ไม่มีเสียงมันดังก้อง
    อยู่ในใจฉัน..
    "พี่เก้าแพรเป็นอะไรไปคะ" พี่เก้าลูบหัวฉัน
    "แพรแค่เป็นลมนะจ้ะ" พี่โกหก..
    ฉันยันตัวลุกขึ้นนั่งพี่เก้าช่วยประคองตัวฉัน
    "แพรอยากเจอฟรังพี่เก้าพาแพรไปหาฟรังหน่อยนะ"
    พี่เก้ามองหน้าฉันอย่างสงสัย..
    "มีอะไรกับฟรังหรือเปล่าแพร"
    พี่เก้าจ้องหน้าฉันเพื่อรอฟังคำตอบ
    "คือ..แพร..อยากอยู่ใกล้ๆฟรัง"
    พี่เก้าทำหน้าตกใจที่ได้ยินคำตอบ
    "แพรชอบฟรังเหรอ!ตั้งแต่เมื่อไหร่
    พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย" ฉันหลบสายตาพี่สาว
    "นานแล้ว..พี่เก้าคงไม่ได้ชอบฟรังใช่ไหม"
    พี่เก้าเงียบกริบ!ไม่ตอบฉัน ฉันจ้องหน้าพี่สาว
    ที่ทำหน้าคิดหนัก..
    "พี่เก้าก็ชอบฟรังเหรอตอบฉันซิพี่!!"
    พี่เก้าถอนหายใจก่อนเปิดปากพูด
    "เอาน่าแพรพี่ไม่แย่งคนที่แพรชอบหรอก
    ลุกไหวไหมอ่ะป่ะไปหาฟรังกัน"
    พี่ไม่ปฏิเสธก็แสดงว่าชอบแล้วก็เล่นบท
    นางเอกอีกตามเคย...
    พี่เก้าพยุงฉันกลับมาที่ห้องเรียน
    ที่ไม่มีคุณครูสอน..น่าจะไปประชุมกัน
    เพื่อนๆในห้องต่างหันมามองฉันเป็นตาเดียว
    พี่เก้าพยุงฉันที่ไปโต๊ะริมหน้าต่างด้านหลัง
    สุดของห้องซึ่งเป็นอาณาเขตของยัยผีดิบ!!
    ฉายาที่เพื่อนๆตั้งให้ฟรัง..
    ฟรังเงยหน้าขึ้นจากหนังสือแล้วมองฉัน
    กับพี่เก้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง พี่เก้าเลื่อน
    เก้าอี้ให้ฉันได้นั่งลงข้างๆฟรัง..
    "แพรงั้นพี่ไปก่อนนะ..ฟรังดูแลน้องสาวพี่ด้วยนะ"
    ฟรังยิ้มบางๆให้พี่เก้าก่อนที่พี่เก้าจะหมุนตัวแล้ว
    เดินออกจากห้องไป..
    "ฟรัง..มันกะ.." ฟรังใช้นิ้วชี้ปิดปากฉันเบาๆ
    แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าฉัน..
    ตึกตัก..ตึกตัก..หัวใจฉันเต้นรัว..
    "แม่ย่าชบาทองเข้าสิงร่างเธอท่านต้องการ
    ให้เธอสานต่อความฝันของท่านให้จบ เธอ
    รำแม่บททั้ง 18 ท่าได้ใช่ไหม"
    ห๊ะ!!นี่ฉันถูกผีสิง!!ฉันกลืนน้ำลายก่อนพยักหน้า
    "แล้วฉันต้องทำไงต่อละฟรัง"..ฟรังหันไปจ้องหน้า
    บรรดาเพื่อนร่วมชั้นที่มองมาที่ฉันทั้งสองแล้ว
    พยายามตะแครงหูฟรัง จนพวกนั้นหลบตาฟรัง
    กันฟุบฟับ ฟรังยื่นหน้ามาจนจมูกโด่งๆของฟรัง
    ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆแก้มฉัน เล่นเอาฉันเคลิ้ม
    ตาลอย..จนฟรังสะกิดฉัน
    "คืนนี้เราจะไปบ้านลุงบุญเพื่อสานต่อสิ่งที่
    แม่ย่าทำค้างไว้ให้จบดวงวิญญาณของแม่ย่า
    จะได้หลุดพ้นจากบ่วงทุกข์" ฉันจับมือฟรัง

    แล้วจ้องลึกเข้าไปในแววตาของฟรัง
    ขอบคุณนะ เธอเอาหัวใจของฉันไปจนหมด
    แล้วนะ รู้ไหม..ว่าฉัน รักเธอ..ฟรังพยักหน้า
    ให้ฉัน..เธอได้ยินสิ่งทีฉันคิดหรือไงเนี่ย
    ฟรังยิ้มแล้วพยักหน้า..
    "งะงั้นที่ผ่านมาเธอก็ได้ยินหมดเลยดิ"
    ฟรังยิ้ม..โอย!!แพรวาจะเป็นลม!!

    ************

    20.00

    ลุงบุญนั่งเล่าประวัติของต้นตะกูล ดวงประทีป
    ของลุงให้พวกเราได้ฟัง..
    "ตะกูลลุงหลายชั่วอายุคน ได้สืบสานมรดก
    ของต้นตะกูล ด้านดุริยางศิลป์และรำไทย
    มาหลายยุคหลายรุ่น จนเมื่อถึงยุคของ
    แม่ย่าชบา พวกเราก็ต้องสูญเสีย แม่แบบ
    ในด้านการรำไปกับสงครามโลก ครั้งที่ 2
    ในยุคนั้นคุณปู่ของลุงซึ่งเป็นพี่ชายของ
    แม่ย่าได้เล่าให้ลุงฟังว่า แม่ย่าชบาเป็น
    ผู้หญิงที่หน้าตางดงาม กิริยามารยาท
    ไม่ต้องพูดถึงเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้
    คุณยายทวดได้ส่งมอบชุดนางรำ และ
    มงกุฏเกรียวยอดปลายแหลมให้แม่
    ย่าชบาซึ่งเป็นหลานรักได้เป็นผู้สืบทอด
    และหมายมั่นว่าแม่ย่าจะได้เป็น
    นางรำหลวงคนต่อไปของวงค์ตะกูล
    ในด้านการร่ายรำเป็นรุ่นต่อไป.."
    ลุงบุญหยุดเล่าแล้วถอนหายใจ..
    "แต่สงครามก็พรากคนที่เป็นความฝัน
    และความหวังของวงตะกูล ดวงประทีป
    ไปอย่างไม่มีวันกลับ แม่ย่ายังรำไม่ทัน
    จบการแสดงด้วยซ้ำ!! "
    พวกเราได้แต่นั่งเงียบมันหดหู่จนไม่รู้
    จะพูดอะไรกับลุงบุญ..
    "ลุงคะงั้นหนูขอสานฝันของแม่ย่า หนูจะ
    รำเบิกโรงเรื่องนารายณ์ปราบนนทุกเองค่ะ"
    คำพูดของแพรวาทำให้ ลุงบุญและ
    ป้าแก้วยิ้มออกมา..
    "งั้นหนูรอลุงตรงนี้แป๊บนึงนะ"
    ลุงบุญเดินหายเข้าไปในห้องและเดิน
    กลับออกมาพร้อมกับหีบไม้ใบย่อม
    ลุงบุญวางหีบไม้นั้นลงตรงหน้าแพรวา
    "แม่ย่าคงเลือกหนูแพรให้เป็นผู้สืบสาน
    การรำต่อจากแม่ย่า ลุงขอมอบหีบไม้นี้
    ให้กับหนู"แพรวาเปิดออกดูก็ทำให้เห็น
    ของที่อยู่ภายในหีบใบนั้น ชุดนางรำ
    พร้อมเครื่องประดับ..แพรวาค่อยๆหยิบ
    มงกุฏเกรียวยอดปลายแหลมขึ้นมา
    "เดิมทีมันเสียหายแต่ปู่ของลุงได้ทำ
    การซ่อมแซมจจนกลับคืนสภาพเดิม"
    แพรวายกมือไหว้ลุงบุญฉันพยักหน้า
    ให้แพรวาว่าถึงเวลาทำพิธีแล้ว..


    *************

    21.00

    ฉันตั้งโต๊ะประกอบพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ
     แม่ย่าชบา แล้วจุดธูปเทียนบริกรรมคาถา

    นมัสสิตวา ติโลกะนาถัง มะนาปะกัปเป
    สุอาคะโต ปัญจะปทุมังทิสวา
    นะโมพุทธายะ วันทะติ สัมมาอาระหัง

     ขออัญเชิญดวงวิญญาณแม่ย่าชบา
    มารับชมการรำเบิกโรง  เรื่อง
     นารายณ์ปราบนนทุก  ด้วยเถิด  
    พอสิ้นคำฉัน..

    เสียงระนาดเองก็บรรเลงโหมโรง
    ตามมาด้วยปี่พาทย์ทำเพลงรัว..
    ร้องเพลงชมตลาด..

    แพรวาตั้งท่าวาดแขนร่ายรำ
    เกิดภาพซ้อนในร่างของแพรวา
    เป็นร่างของหญิงสาวแสนสวยใน
    ชุดรำไทยซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่แพรวา
    ใส่ร่ายรำอยู่ในร่างเดียวกัน
    ใบหน้ายิ้มบางๆของหญิงสาวสองคน
    ในคราเดียวกันช่างสวยงาม
    ไม่แพ้ท่ารำที่ชดช้อย..อาจจะอยู่
    ต่างภพต่างมิติแต่การร่ายรำไม่ต่างกันเลย
    ฉันมองดูความงดงามตรงหน้าจน
    ไม่กล้ากระพริบตาสักเสี้ยวนาที

    ท่าเทพพนมพรมสี่หน้า
    (ท่าเทพพนม+ท่าปฐม+พรหมสี่หน้า)
    สอดสร้อยยมาลาเฉิดฉิน
    กินรินเลียบถ้ำอำไพร
    (ท่าสอดสร้อยมาลา)
    ทั้งกวางเดินดงหงษ์บิน
    (ท่ากวางเดินดง+ท่าหงษ์บิน)

    ปี่พาทย์บรรเลงรับ  

    อีกช้านางนอนภมรเคล้า
    (ท่าช้านางนอน+ท่าภมรเคล้า)
    แขกเต้าผาลาเพียงไหล่
    (ท่าแขกเต้า+ท่าผาลาเพียงไหล่)
    เมขลาโยนแก้วแววไว
    (ท่าเมขลาล่อแก้ว)
    มยุเรศฟ้อนในอำพร
    (ท่ามยุเรศฟ้อน)  

    ปี่พาทย์บรรเลงรับ

     ยอดตองต้องลมพรหมนิมิตร
    (ท่าลมพัดยอดตอง+ท่าพรหมนิมิตร)
    อีกทั้งพิศมัยเรียงหมอน
    (ท่าพิศมัยเรียงหมอน)
    ย้ายท่ามัจฉาชมสาคร
    (ท่ามัจฉาชมสาคร)
    พระสี่กรขว้างจักรฤทธิถา
    (ท่าพระสี่กรขว้างจักร)

    ปี่พาทย์บรรเลงรับเพลงชมตลาด
    ปี่พาทย์รัวเพลงเร็ว..ลา
     เปาะแปะ..เปาะแปะเสียงปรบมือดังขึ้น
    เมื่อ แพรวาที่อยู่ในท่าจบของการร่ายรำ
    ร่างแม่ย่าเดินออกมาจากร่างของแพรวา
    ราวภาพซ้อนที่ถูกแยกออกจากกัน
    แม่ย่าชบาหันมาส่งยิ้มหวานให้ฉัน
    "ขอบใจพวกเธอสองคนมาก ที่สาน
    ต่อความฝันของฉันให้เป็นจริง
    ถ้าไม่ได้พวกเธอสองคน
    ดวงวิญญาณฉันคงวนเวียน
    อยู่ในบ่วงทุกข์  ไม่รู้อีกกี่ภพ
    กี่ชาติฉันจึงจะหลุดพ้น..
    ขอบใจพวกเธอจริงๆนะ
    ถึงเวลาที่ฉันคงต้องไปแล้ว 
    ขอให้พวกเธอโชคดี..ลาก่อน"
    เสียงแม่ย่าที่หวานและไพเราะ
    เอ่ยคำร่ำลาฉัน ฉันยกมือไหว้ลาแม่ย่า
    ขอให้แม่ย่าไปสู่ภพภูมิแห่งสรวงสวรรค์
    ฉันหันไปยิ้มให้แพรวา  จบเรื่องซักที
    "ขอบใจนะหนูแพรที่รำเพื่อแม่ย่า
    แม่ย่าคงหมดห่วงเสียที"
    ลุงบุญยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่าง
    ตื้นตันใจในสิ่งที่แพรวาทำให้แม่ย่าชบา
    "ไม่เป็นไรค่ะลุงบุญหนูทำด้วยความยินดี"
    แพรวายิ้มให้ลุงบุญแล้วจับมือฉันไว้
    ฉันกระชับมือแพรวาไว้แน่น
    ขันทองวิ่งมากอดแขนเราสองคนที่จับมือกัน
    "พี่สาว แม่แพรกลับบ้านเรากันเถอะ"
    ฉันกับแพรวายิ้มให้ยัยตัวน้อย
    "ลุงบุญคะงั้นพวกเราขอตัวกลับเลยนะคะ"
    ฉันยกมือไหว้ลาลุงบุญ ..
    ฉันก้มลงอุ้มขันทองแล้วจับมือแพรวาไว้
    "กลับบ้านเรากันเถอะแพรวา"
    ฉันกับแพรวายิ้มให้กัน..
    สิ่งที่ฉันเคยโหยหาตอนนี้มันกำลังถูก
    เติมเต็มด้วยความรักของผู้หญิง
    ที่ยืนเคียงข้างฉันในตอนนี้
     แพรวาเธอคือส่วนหนึ่งของหัวใจฉัน



    **************

    เฮ้ออ..จบซะที..รอตอนหนุกๆ..ซึ้งๆ
    ในตอน..ฉันนี่แหละขันทอง  กันนะครับ..

































     




























     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×