ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟรัง colic คนเห็นผี

    ลำดับตอนที่ #17 : คฤหาสน์แมวผี 2

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 58









    *คฤหาสน์นายอำเภอปั่ง*18:00


    เอี๊ยด...จิ๊ปทหารเบรคล้อลากฝุ่นลูกรังสีแดงตลบ

    หน้าประตูที่ปกคลุมด้วยป่ากกและเถาไม้เลื้อยนานาชนิด

    หญิงสาวมาดเท่ในชุดสีกากีเครื่องแบบข้าราชการ..

    ก้าวขายาวๆลงจากรถจี๊ป..

    แว่นเรย์แบนสีดำถูกย้อมด้วยฝุ่นสีแดงหน้าตาเปอะเปื้อน

    ไปด้วยฝุ่นลูกรังเธอปัดแบบลวกๆไม่ใคร่สนใจซักเท่าไหร่

    แต่สิ่งที่เธอให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งคือคฤหาสน์หลังโต

    ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของเธอ..

    เพราะเธอคือทายาทที่รับมรดก..คฤหาสน์ผีสิง..

    เจี๊ยบ ลลนา ปลัดอำเภอคนใหม่ของบ้านด่านช้าง


    ~~~~~~~~~~~~~~~~~


    เจี๊ยบ..


    เก่ามาก..ฉันยืนมองตึกหลังโตรูปแบบโบราณ

    ที่อยู่ตรงหน้ามรดกที่ปู่ปั่งยกให้ฉัน

    คงเพราะสีที่เก่าซอมซ่อและแบบทรงของตึก

    ทำให้ชาวบ้านล่ำลือกันว่าที่นี่ผีดุ!!..

    อันนี้เป็นคำบอกเล่าจากปลัดอาวุโสที่เกษียณอายุเตือนฉันด้วยความหวังดี

    แต่ด้วยความที่ฉันเป็นคนไม่กลัวผีเพราะถึงมันจะมีอยู่จริงฉันก็ไม่ใส่ใจ

     ต่างคนต่างอยู่แต่ถ้ามันออกมาวุ่นวายกับฉันมันได้กินลูกตะกั่ว!!

    ตายอีกรอบแน่!!..

    "พี่ชาย!มาทำอะไรที่นี่เหรอ?" ..

    ฉันหันไปมองเสียงเด็กเล็กๆทักทายฉันอยู่ด้านหลัง

    เด็กผู้หญิงตัวน้อยวัยซักสี่ห้าขวบหน้าตาน่ารักน่าชัง

    มัดแกะสองข้างยืนกอดอกขมวดคิ้วทำหน้าเป็นเจ้าหนูน้อยทำไม?  

    แต่!!น่าตกใจนะที่เด็กตัวแค่นี้ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่แค่คนเดียว

    พ่อแม่เด็กไปไหนเนี่ย?..

    ฉันรีบย่อตัวลงพูดคุยกับเด็กน้อยเพื่อหาข้อมูลทันที

    งานชิันแรกของฉันคือพาเด็กคนนี้ส่งคืนพ่อแม่เธอ


    เจี๊ยบ : ว่างัยคะตัวเล็กชื่ออะไรคะ?

    ทำไมมาอยู่ตรงนี่คนเดียวพ่อแม่ไปไหนเอ่ย?


    [หนูน้อยเลิกคิ้วขึ้นข้างนึงหรี่ตาบุ้ยปากใส่ฉันท่าทางแก่นกระโหลกน่าดู]


    ขันทอง : หนูชื่อขันทองมาเดินเล่น!บ้านหนูอยู่แถวนี้แหละ!

    เด็กกำพร้าพ่อแม่ไม่มี!อยู่กับพี่สาวแค่สองคน!


    [นี่เด็กสมัยนี้พูดจาฉะฉานขนาดนี้เลยหรือเนี่ย?

    แต่..ตอนที่เด็กน้อยพูดว่าเด็กกำพร้า..

    แค่แว๊บเดียวที่แววตาเธอเศร้าๆน่าสงสารจัง]


    ขันทอง : แล้วพี่เป็นใคร?ชื่ออะไร?มาทำไมที่นี่? เย็นป่านนี้แล้วไมไม่กลับบ้าน?

    เดี๋ยวผีก็หลอกเอาหรอก!!แถวนี้ผีดุนะ!!


    [โอโห!!ถามมาเป็นชุดเลยแหะแถมมีหลอกผีอีกนะเด็กเอ๊ยเด็ก]


    เจี๊ยบ : พี่ชื่อเจี๊ยบเป็นเจ้าของบ้านนี้แหละจ้ะ

    พี่กลับมาทำงานพัฒนาชุมชนที่นี่..อ้อพี่ไม่กลัวผีค่ะ


    [เด็กน้อยพยักหน้าแบบกวนๆให้ฉัน]..


    ขันทอง : ขอให้ไม่กลัวจริงเหอะ!ว่าแต่คืนนี้พี่จะนอนนี่เหรอ?

    เจี๊ยบ : แล้วแถวนี้มีโรงแรมหรือโฮมสเตบ้างไหมคะเจ้าถิ่นตัวน้อย


    [ฉันแกล้งถามกวนๆออกไปอารมณ์อยากแกล้งเด็กจอมแก่น]


    ขันทอง : ไปค้างบ้านหนูป่ะล่ะวันนี้เพื่อนๆพี่สาวหนูมาค้างที่บ้าน

    มีแต่สาวๆสวยๆนะจะบอกให้..แถมมีข้าวให้กินด้วยนะ

    [เด็กคนนี่สุดยอดจริงๆเอาสาวๆมาล่อหลอกอีกนะ

    แต่ก็น่าจะดีกว่าที่นี่เพราะดูจากสภาพล่ะไม่พร้อมอยู่เอาซะเลย]


    เจี๊ยบ : โอเคตามนั้นว่าแต่ตัวเล็กจะคิดค่าหัวพี่เท่าไหร่คะ..


    [เด็กน้อยทำหน้าคิดราคาดูจากหน้าตาล่ะน่าจะแพงเอาการ

    สงสัยจะหมดตัวแน่งานนี้นี่คิดถูกคิดผิดล่ะเนี่ย

    คบเด็กสร้างบ้านหรือเปล่าเรา?]


    ขันทอง : แค่อนุญาตให้หนูเข้าไปวิ่งเล่นในบ้านพี่ได้ตลอด24ช.ม.ก็พอ


    [อ๊ะ!!เด็กคนนี้แปลกจัง!!ใครๆก็ว่าที่นี่น่ากลัวจนไม่มีใครกล้าผ่าน

    แต่เด็กน้อยนี่กลับอยากมาวิ่งเล่น พูดถึงมันก็ดีเหมือนกัน

    มีเด็กซนๆวิ่งเล่นฉันจะได้ไม่เหงา]


    เจี๊ยบ : ตกลงค่ะเจ้านายตัวน้อย..


    ฉันอุ้มเด็กน้อยไปที่รถ..กลิ่นตัวของเด็กคนนี้หอมๆ

    กลิ่นคล้ายๆกับน้ำอบ..ได้กลิ่นอ่อนๆแบบนี้ชวนง่วงนอนเลย

    ฉันขับรถออกมาไกลพอสมควร..



    เจี๊ยบ : ขันทองพาพี่หลงทางเปล่าคะเนี่ย?

    ไหนว่าบ้านอยู่แถวนี้ไงนี่ออกมาไกลจากบ้านพี่หลายโลแล้วนะลูก


    [เด็กน้อยนั่งเอามือไพล่หัวไขว้ห้างกระดิกเท้าไปมา

    กำแล้วงะถูกเด็กเลี้ยงแกละหลอกแน่เรา]


    ขันทอง :  แค่นี้ทำบ่นไม่ได้เดินซักหน่อยแยกหน้าก็ถึงแล้ว

    เจี๊ยบ : นี่อย่าบอกนะว่าเราไปวิ่งเล่นไกลขนาดนั้น!!

    [ขันทองยักคิ้วยิ้มกวนๆให้ฉัน ไม่นะ!!นี่มันเหลือเชื่อเกินไปหรือเปล่า]



    เรือนไทยไม้สักทองหลังใหญ่มีระเบียงและเรือนลูกล้อมรอบ

    ตั้งอยู่กลางสวนไม้ผสมตามหลักทฤษฏีของพ่อหลวง

    ฉันย่างเท้าตามเด็กน้อยแต่กวาดสายตาไปทั่วบริเวณบ้าน

    เหล่าพืชไม้นานาพันธุ์ถูกจัดปลูกตามทุกมุมส่วนของพื้นที่

    มีทั้งซุ้มผักไฮโดรโปรนิกส์ปลอดสารพิษ..

    นี่มันบ้านตัวอย่างที่เข้าร่วมโครงการหลวงหรือเปล่านะ?

    "ว๊ายๆ!!!..กรี๊ดดด!!"..ฮือ!!..ฉันที่มัวคิดอะไรเพลินๆก็ต้องขมวดคิ้ว

    แหงนมองสิ่งที่อยู่บนหัว!!..

    "อ้าว!!เห้ยๆ!!.."..!!!..

    "กรี๊ด!!"..ตุ่บ!!..ฉันรีบอ้าแขนรับร่างผู้หญิงซุกซนคนนึงที่ร่วงจากกิ่งต้นมะม่วงไว้ได้ทัน

    ดูท่าเธอจะตกใจมากหลับตาปี๋กอดฉันไว้แน่นเชียว!!

    "นี่เธอ..ไม่เป็นไรแล้ว" ..

    สาวน่าตาน่ารักค่อยๆลืมตาขึ้นน่ารักดีแฮะ

    เราสองคนสบตากันแว๊บนึงที่หัวใจฉันเต้นแปลกๆ

    "อ่า..ขอบคุณค่ะปล่อยก้อยลงได้แล้วค่ะ"

    ฉันปล่อยเธอให้ลงยืนหลังจากที่รับมาอุ้มไว้นาน

    เธอดึงชายกางเกงยีนขาสั้นลงยืนท่าเรียบร้อยเชียว

    "ชื่อก้อยซินะ..พี่ชื่อเจี๊ยบยินดีได้รู้จักนะ".. ดูท่าเธอจะเขินนะนั้นแก้มแดงเชียว

    เธอยกมือไหว้ฉันคงด้วยชุดที่ฉันใส่ด้วยมั้ง

    "แล้วมานี่มีธุระกับฟรังรึเปล่าคะ?"

    ใครกันนะฟรัง?..คงเป็นเจ้าของบ้าน..

    "อืม..ก็ประมาณนั้นคือขันทองชวนฉันมาค้างที่นี่น่ะ"

    เธอทำหน้าตกใจยิ้มแหย๋ๆส่ายตาล่อกแล่กไปมา

    "มีอะไรหรือเปล่า?ถ้าไม่สะดวกฉันกลับก็ได้นะ"

    ตาตี่ของเธอโตขึ้นโบกมือไปมา..

    "ปะปะเปล่าค่ะ..ก้อยไม่ใช่เจ้าของบ้านไปหาฟรังกันดีกว่าค่ะ"

    ก้อยรีบหมุนตัวไปยังเข่งผลมะม่วงเขียวเสวย

    แต่ฉันไวกว่ารีบคว้าเข่งมายกเองเธออมยิ้มน้อยๆ

    แล้วหลบสายตาของฉัน..เขินอีกแล้ว




    ฟรัง..


    ฉันกับแพรวายกมือไหว้พี่เจี๊ยบแขกพิเศษของยัยตัวแสบ

    ฉันเหล่หน้าขันทองเด็กแผนสูงที่ไม่ละความพยายาม

    จะทำสงครามกับคฤหาสน์ผีสิงนั่น..

    แอบหนีไปคอยสอดส่องจนเจอเป้าหมายลากมาเกี่ยวพันจนได้

    "พี่บอกหนูเองนร้าว่าให้เข้าตามตรอกออกตามประตูทีนี้เราก็ไม่โดน

    ข้อหาบุกรุกแล้วใช่ป่ะ..อิอิ"

    ยัยตัวร้ายส่งโทรจิตมากวนประสาทฉัน..

    แถมทำเนียนนั่งกินขนมตุ้ยๆ อย่างสบายอารมณ์

    เด็กอะไรกวนโมโหแท้!

    "ขอบใจนะฟรังที่ให้พี่พักที่นี่จนกว่าบ้านจะเรียบร้อยน่ะ"

    เซ้นฉันสัมผัสได้ถึงพลังคุณธรรมความดีในตัวพี่เจี๊ยบ

    มันมีมากซะจนกลายเป็นเกาะธรรมคุณคอยปกป้อง

    จากภยันอันตรายต่างๆ..คนดีๆแบบนี้ฉันจะไม่ช่วยได้ยังไง

    "นี่เป็นการตอบแทนที่พี่มาทำงานช่วยเหลือชาวบ้านค่ะ"

    ฉันรู้สึกยังไงก็พูดไปแบบนั้นพี่เจี๊ยบเป็นคนยิ้มเก่งอัธยาศัยดีมาก

    พูดคุยเป็นกันเองอย่างเป็นธรรมชาติแต่พี่ก้อยนั่นซิ!!

    เรียบร้อยจนผิดปกติ..ดูจากสายตาและแก้มแดงๆของพี่ก้อยแล้ว

    เธอกำลังมีความรัก..ฉันกับแพรวาอมยิ้มให้กัน

    แพรวาก็คงคิดเหมือนฉันแน่ๆเลย..


    ~~~~~~~~~~~~~~~~






    คฤหาสน์นายอำเภอปั่ง..


    ประกายตาวาวเย็นยะเยือกของสัตว์เดรัจฉานที่ซ่อนตัวภายใต้เงามืด

    ของคฤหาสน์หลังเก่าที่ปล่อยทิ้งร้างมากว่ายี่สิบปี..

    วิญญาณของพวกมันกำลังจ้องมองไปที่กลุ่มคนงาน

    ที่เข้ามาซ่อมแซมความชำรุดทรุดโทรมของคฤหาสน์หลังนี้

    "นายช่างครับเรือนหลังนั้นมีโซ่คล้องล็อคกุญแจไว้ครับ"

    นายช่างหัวหน้าคนงานมองตามมือที่ชี้นำของลูกน้อง

    "ทำส่วนอื่นไปก่อนแล้วกันรอถามปลัดก่อนว่าเปิดได้ไหม

    ถ้าไม่ได้ค่อยใช้เครื่องตัดเหล็ก ตัดออก"

    บุรุษร่างสูงวัยกลางคนที่เป็นนายช่างหมุนตัวเดินเข้าไปในตึก

    ผ้าขาวที่ปิดคลุมฟอนิเจอร์ของใช้ที่ถูกทั้งฝุ่นและยักไย้เกาะเกี่ยว

    ระโยงระยางเชื่อมใยแมงมุมจากการไม่มีคนดูแลให้กลาย

    เป็นบ้านของพวกมันที่ชักสานใยจับจองเป็นเจ้าของ

    ขั้นบันไดและราวจับเต็มไปด้วยฝุ่นเกาะตัวหนา

    นายช่างผู้ดูแลงานซ่อมแซมเดินสำรวจตรวจตราจุดที่ชำรุด

    เขาเดินย้ำเท้าขึ้นไปตามชั้นของขันบันได..

    พลันหูเขาก็ได้ยินเสียงแปลกๆที่ลากอยู่บนพื้นของชั้นบน

    เสียงลากนั้นดังเข้ามาใกล้ทุกขณะเขาหยุดชะงักบนบันไดขั้นที่แปด

    ตาเขาเหลือกโพลงกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า!

    ฝูงแมวที่ลากทึ้งซากเน่าเปื่อยของศพ!พวกมันพุ่งกระโจนใส่ร่างของเขา

    คมเล็บที่คมยาวเจาะฝังแน่นที่ใบหน้าฉีกกระชากจนหนังเนื้อหลุด

    "อ๊าก!!..ชะ..ช่วย!!!"..คลึงๆ..ตุ่บ!!..ร่างของนายช่างภมรกลิ้งตกลงมาสู่พื้นล่าง

    คอหักตาย!!..เสียงที่ดังกระหึ่มของเครื่องมือก่อสร้างกลบเสียงร้องของเขา

    ครืดๆ..ร่างของเขาถูกฝูงสัตว์เดรัจฉานลากลงไปยังห้องใต้ดิน..

    เลือดและเนื้อสดๆของมนุษย์ถูกพวกมันรุมแทะกินอย่างหิวกระหาย

    อาหารรสเลิศที่น่าสยดสยอง..ผืนหนังท้องถูกฉีกกระชาก

    เครื่องในมนุษย์ไหลทะลัก พวงไส้กับเลือดสีแดงสด

    ถูกลากออกมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย..

    ไม่นานฝูงแมวปีศาจนับร้อยก็จัดการมนุษย์คนนึง

    จนเหลือแต่โครงกระดูก..


    ~~~~~~~~~~~~~~~~

    18:00 น.


    เจี๊ยบ..


    ฉันรีบขับรถออกจากอำเภอหลังได้รับแจ้ง

    จากคนงานว่านายช่างที่ไปซ่อมแซมบ้านปู่ของฉันหายตัวไป

    พวกคนงานเดินหาตัวกันทั่วบ้านแล้วแต่ยังหาไม่เจอ

    มันเกิดเรื่องอะไรกันนะ?..

    ฉันมองถุงกระดาษของฝากใครบางคน

    สุดท้ายฉันก็ต้องถอนหายใจออกมา

    เหตุผลหนึ่งที่ฉันตัดสินใจมาประจำที่นี่

    เพราะหนีหน้าใครบางคน..

    แล้วตอนนี้ฉันกำลังเริ่มรู้สึกแบบนั้นอีกไม่เข็ดหรือไงกัน?

    จะมีผู้หญิงซักคนที่เกิดมาเพื่อฉันบ้างไหม? เลิกคิดเหอะ!!

    คนหายไปทั้งคนมัวมาคิดเรื่องบ้าอะไรแบบนี้กันล่ะ!!

    ฉันไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวสมองเร่งเหยียบคันเร่ง

    ให้เร็วขึ้นเพื่อตามหานายช่างที่หายตัวไป..




    ฉันเปิดคอนโซลที่เก็บของล้วงหยิบปืนลูกโหม่.38

    ก่อนก้าวขาลงจากรถตรงดิ่งไปหากลุ่มคนงานที่เดินขวักไขว่

    ตะโกนเรียกนายช่างภมร..เมื่อได้พูดคุยกับคนงานจึงได้ความว่า

    ก่อนจะหายตัวไปมีคนเห็นว่านายช่างภมรเดินเข้าไปภายในตัวบ้าน

    "พวกผมเดินหาทุกซอกทุกมุมข้างในบ้านแล้วนะคับ

    แต่ไม่พบอะไรเลย"..

    คนทั้งคนจะหายไปอย่างเฉยๆโดยไม่ทิ้งหลักฐานอะไรเลยหรือไง?

    "นายช่างไม่ได้มีปากเสียงกับใครนะ?"

    ทุกคนส่ายหน้าพร้อมกันฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในบ้าน

    เผื่อเจอเบาะแสอะไรบ้าง..ใช่มันต้องมีเบาะแสซิ!!

     บนพื้นที่ถูกฝุ่นหนาเกาะปรากฏรอยเท้าจำนวนมากแต่เอะ!!

     รอยลากเป็นทางยาวนี่?..ฉันเดินตามรอยนั้นไปเรื่อยๆ

    น่าแปลกรอยนั้นกับหยุดแค่ที่หน้าประตูห้องครัว

    ฉันเดินเข้าไปสำรวจในครัวแต่ก็ไม่พบอะไรเลย

    ฮึก!!..ความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังมีอะไรซักอย่าง

    จับตามองฉันอยู่ฉันหันกลับไปมองด้านหลังอย่างไว!!

    เฮ้อ!!..แมวสีสวาท!แมวใครกัน?..

    มันหันหลังวิ่งกระโจนหนีหายไปด้วยความเร็ว


    พวกเรายังค้นหาการหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาของนายช่างภมร

    "ปลัดครับผมว่าพวกเรากลับกันก่อนดีกว่าครับถ้ายังไงพรุ่งนี้

    เราขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยค้นหาอีกแรงจะดีกว่านะครับ"..

    ผู้ใหญ่องอาจที่เข้ามาช่วยค้นหารอบๆบริเวณเสนอความคิดในการหยุดค้นหา

    ฉันมองดูนาฬิกาข้อมือจะสามทุ่มแล้วนี่ ฉันพยักหน้าหยุดภารกิจไว้ชั่วคราว




    ขันทอง..


    เกิดเรื่องจนได้ซินะ!!

    "หนูบอกพี่สาวแล้วไอ้แมวปีศาจพวกนั้นปล่อยไว้ไม่ได้!!

    ถ้าวันนี้หนูไม่จำศีลรับรองพวกมันจะไม่มีทางได้ฆ่าใครได้

    ไปเจอก็เหลือแต่โครงกระดูกแล้ว!!"

    หนูเอาแต่โมโหพอมองหน้าพี่ฟรังอีกทีก็ต้องหุบปากแทบไม่ทัน

    น้ำตาพี่ฟรังหยดเปาะแววตาโกรธจัดแบบนั้นพี่สาวกำลังโกรธตัวเอง!!

    มันน่าดีดปากตัวเองแท้ๆ..

    "กลับมาแล้วจ้ะ"..พี่ก้อยหอบหิ้วของกินมาเพียบเลย

    ตั้งแต่ปราบผีที่ร้านกงเต๊กพี่ก้อยก็กลายเป็นสมาชิก

    ของพวกเราไปโดยปริยายตอนเช้าพี่ฟรังไม่ต้องรีบเหมือนก่อน

    พี่ก้อยต้องไปเปิดร้านกงเต๊กจึงอาสาเอาของไปส่งให้เลยเพราะเป็นทางผ่าน

    หนูชำเรืองมองหน้าพี่ฟรังอีกทีน้ำตาก็แห้งหายไปหมดแล้วไวแท้พี่สาวหนู

    "ขันทองเตรียมตัวให้พร้อมคืนนี้เราจะไปจัดการมันกัน"

    "เย้ๆ..พวกแกเสร็จแน่!!"..หนูกระโดดอย่างดีใจที่จะได้ออกไปยืดเส้นยืดสาย

    "งานอะไรกันเหรอ?"พี่ก้อยทำหน้าสงสัยพวกเราพี่น้อง

    ไม่มีความลับต่อกันอยู่แล้วหนูจึงเล่าเรื่องผีแมวให้พี่กัอยฟัง

    "มีอะไรให้พี่ช่วยไหม?"..อ๊ะ!!เสียงรถของพี่เจี๊ยบ..

    หนูยิ้มเจ้าเล่ห์..

    "ช่วยหาข้าวหาน้ำให้พี่เจี๊ยบก็พอมั้ง..แบร่'
    พี่ก้อยหน้าแดงแป๊ดทันทีทันใด...55+




    เจี๊ยบ..


    วันนี้เป็นวันที่ฉันเหนื่อยมากกังวลว่านายช่างภมรจะปลอดภัยหรือเปล่า?

    ฉันก้าวขาลงจากรถอย่างหมดแรง..

    "อ้าวฟรัง,ตัวเล็กจะไปไหนกันเหรอ?"

    ฉันหยุดทักฟรังกับขันทองที่แต่งตัวสะพายกระเป๋า

    เหมือนพวกเธอจะออกไปข้างนอก..

    "ไปทำธุระนิดหน่อยค่ะ" ฉันพยักหน้าให้ฟรัง

    เฮ้อเหนื่อยจังหิวด้วยป่านนี้ก้อยนอนยังนะ?

    แค่คิดถึงหน้าคนขี้อายก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

    เธอจะรู้สึกเหมือนกันหรือเปล่านะ?

    พอขึ้นมายังระเบียงบ้านฉันต้องชะงักเท้า

    รู้สึกตื่นเต้นที่เห็นก้อย..

    เธอนั่งเท้าค้างอยู่ที่เรือนศาลากลางบ้าน

    กำลังส่งยิ้มตาปิดมาให้ฉัน..

    เป็นฉันเองที่ประหม่ายืนนิ่งอยู่แบบนั้น

    ในมือกำถุงของฝากแน่น..

    เอาน่าลองเปิดใจอีกสักครั้งจะเป็นไรไป

    สูดลมหายใจลึกๆแล้วเดินไปหาเธอ

    ทำตามหัวใจอีกครั้งเถอะ...




    *คฤหาสน์นายอำเภอปั่ง*22:30


    ฟรัง..


    เสียงร้องแห่งความเจ็บปวด! ความแค้น!ดังระงมออกมาจากตัวตึก

    เสียงขู่ฟ่อๆของแมวปึศาจจำนวนมากพอๆกับกลิ่นไอมรณะสีดำ

    ที่ปกคลุมคฤหาสน์หลังนี้..แต่เสียงสะอื้นของผู้หญิงนั่น!!  ใครกัน?

    "ลุยกันเถอะขันทอง" พอหันไปมองยัยตัวแสบเท่านั้นแหละ

    ฉันต้องส่ายหน้าให้กับเด็กจอมเพี้ยน!!  

    ขันทองในชุดลายพลางของทหารมีทั้งมีดพกระเบิดมือรอบเอว!  

    แถมแบกปืนยิงระเบิดRPGกระบอกโต!

    "แบบนั้นบ้านพี่เจี๊ยบไม่ย่อยยับหมดหรือไง?"

    ขันทองยืนเต๊ะพยักหน้าอย่างน่าหมั่นไส้

    ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ายัยนี่เข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า!

    "พี่สาว!ขอร้องล่ะอย่าทำหน้าเครียดแบบนั้น"

    อะไรของยัยนี่อีกล่ะ?จู่ๆก็ทำเสียงแอ็คโค่แบบนั้น!

    "จะไม่ให้เครียดได้ไง!ก็เล่นขนขีปณาวุธมาซะ!!"

    เด็กแสบหันมายิ้มทะเล้นให้ฉัน..

    "โห!พี่สาวอ่ะมีแต่ระเบิดน้ำมนต์ทั้งนั้นทำเครียดไปได้..55+"

    หึ!!คบเด็กสร้างบ้านแท้ๆ!!กวนประสาท!!



    แค่ฉันกับขันทองเยื้องย่างเท้าเข้ามายังพื้นที่บริเวณคฤหาสน์

    เงี้ยว!!!..ง๊าวว!!!...ฟ่อๆ!!!..ฝูงแมวผีนับร้อยๆตัว

    ก็โจนทะยานกราดเกลื่อนบนหลังคาบ้าง

    ระเบียงประตูหน้าต่างเต็มไปด้วยดวงตาที่เรืองแสงแดง

    ยั้วเยี้ยเดินไต่กันเต็มไปหมด!!

    "ไงล่ะพี่สาวหนูจำหน้ามันได้หมดทุกตัวเลยจะบอกให้!!"

    ขันทองนี่จริงๆเลยที่หายๆไปนี่คงมาหมกทำประวัติแมวผีอยู่นี่เอง

    เมื่อฉันสูดกลิ่นพยาบาทของมันเข้าไปจึงสัมผัสได้ทันทีว่า

    "พวกมันถูกกักขังให้เฝ้าคฤหาสน์หลังนี้ไว้"

    ฉันจึงสร้างเขตอาคมไม่ให้พวกมันเข้ามาก่อกวน

    กำแพงอักขระอาคมสีเขียวเรืองแสงกลางคุ้มครองฉันกับขันทอง

    ฉันจำเป็นต้องรู้ที่มาที่ไปของวิญญาณเหล่านี้ซะก่อน

    ที่จะลงมือปราบพวกมัน..

    ญาณสมาธิถูกรวมเข้าอยู่ในตำแหน่งระหว่าง

    ดวงตากับหน้าผากเปิดเนตรดวงตาของสวรรค์

    ญาณขั้นสูงที่ทำให้ฉันมองเห็นอดีตได้พรสวรรค์

    ที่ติดตัวฉันมาตั้งแต่เกิดมีไว้เพื่อช่วยและปลดปล่อยวิญญาณ

    ที่อยู่ในบ่วงกรรมการปลดปล่อยรวมถึงการปราบปราม

    ที่กำหนดขอบเขตถ้าหากดวงวิญญาณทำเรื่องต้องห้าม

    นั่นคือการทำร้ายมนุษย์เราสามารถใช้กฏในการปราบปราม

    เข้ามาควบคุมพวกมันได้ทันที..



    ภาพพื้นที่โล่งมีกลุ่มคนกำลังขุดหลุมขนาดเล็กแต่ลึกหลายสิบหลุม

    ชายวัยกลางคนในชุดข้าราชการสมัยเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว

    ท่าทางน่าเกรงขามเดินเข้าในพื้นที่ปลูกสร้างพร้อมกลุ่มชายฉกรรณ์

    ที่แบกกรงแมวนับสิบกรงใหญ่ ในแต่ละกรงมีแมวนับสิบตัวอัดแน่นอยู่ในนั้น

    "หลุมเสาเอกเอากรงที่มันท้องใส่ลงไปนะโว้ย!!"

    เสียงดังทรงอำนาจของเขาเริ่มสั่งงาน..

    ความเชื่อผิดๆของคนที่ได้ชื่อเป็นมนุษย์ที่มีมันสมอง

    กำลังกระทำการคร่าชีวิตสัตว์ตัวเล็กที่ไร้หนทางสู้

    ภาพอำมหิตไร้ซึ่งความเมตตาธรรมกระทำเรื่องสยดสยอง!

    "มานี่ๆเอากรงแมวท้องมานี่กูจัดการเองพวกมึงเอาพวกมันไปใส่เสาลูก

    หลุมละเก้าตัวแมวเก้าชีวิตกับความก้าวหน้าเป็นใหญ่เป็นโต..55+"

    ใบหน้าฉายแววอำมหิตผิดมนุษย์เมื่อเขาจับคอแมวท้องขึ้นมา

    แววตาของมันช่างน่าสงสารเหลือเกิน มันได้แต่แหงนหน้ามอง

    ส่งเสียงร้องเมี๊ยวๆด้วยความเชื่องแต่กลับไม่ได้รับความเอ็นดู

    จากเขาเลยซักนิดพวกมันถูกจับโยนลงไปทับกันอยู่ก้นหลุม

    เสียงร้องเมี๊ยวๆคือสัญญาณขอความช่วยเหลือแต่สิ่งที่ได้รับ!!

    แท่งปูนขนาดใหญ่ที่กระแทกทับพวกมันจนร่างแหลกเละ

    ตายอนาถอยู่ในหลุมใต้เสาใหญ่มรณะ!!..

    "บ้าสิ้นดี!!"...





    ขันทอง..


    หนูสะดุ้งตกใจเมื่อพี่ฟรังคำรามเสียงดังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    ตัวของพี่ฟรังสั่นๆน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง

    พี่สาวหนูเห็นอะไร?..ดูเหมือนจะโกรธมากกับสิ่งที่เห็น.

    มันคืออะไรกัน? พี่ฟรังลืมตาขึ้นปากพี่ฟรังสั่นๆ!!

    "พวกมันเอาแมวเป็นๆบางตัวท้องแก่ด้วยซ้ำใส่ลงไปในหลุมเสาบ้าน!!"

    ห๊ะ!!..หนูทิ้งปืนที่แบกเอาไว้ร่วงไปกองอยู่กับพื้น..

    นี่หรือการกระทำของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์!!

     "โหดร้าย!!โหดร้ายเกินไปแล้ว!!..ฮือๆ..หนูไม่อยากช่วยคนอีกแล้ว!!"

    พี่ฟรังดึงหนูไปกอดเอาไว้พี่สาวลูบหลังให้หนูเบาๆ

    "สังคมมนุษย์มีทั้งคนดีและคนไม่ดีอยู่รวมกัน

    ยังไงพวกเราก็ต้องทำความดีต่อไปเพื่อไถ่บาป

    ให้กับสัตว์โลกที่ถูกมนุษย์เบียดเบียน..

    ทำเถอะความดีเพราะคนดีมีน้อยถ้าเรานิ่งเฉย

    คนดีๆเรื่องดีๆก็จะหายไปอีก..

    ขันทองเข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมเราต้องเป็นส่วนหนึ่ง

    ของกลุ่มคนดีที่มีอยู่บนโลกที่โหดร้ายใบนี้นะ"

    หนูกอดคอพี่ฟรังเอาไว้แน่นถึงหนูจะยังเด็ก

    แต่หนูก็เข้าใจในสิ่งที่พี่ฟรังบอก..หนูเข้าใจดี

    เพราะถ้าไม่ได้คนดีๆอย่างพี่สาวยื่นสองมือมาอุ้มหนูออกจากกองขยะ

    ในวันนั้นป่านนี้หนูคงกลายเป็นผีเร่ร่อนเนื้อตัวเหม็นเน่า

    ลอยไปลอยมาอยู่ตามข้างทางคอยหลอกหลอนคนอื่นแน่ๆ

    "อืม..หนูรู้หนูไม่ทิ้งให้พี่สาวเหนื่อยคนเดียวอยู่แล้ว"




    ฟรัง..


    ฉันเช็ดน้ำตาให้กับขันทองน้อยฉันรู้ถึงความขมขื่น

    ของเด็กคนนี้แต่เพราะความเข้มแข็งขันทองจึงได้แต่เก็บ

    ความเจ็บปวดเอาไว้ในใจวิ่งเล่นซุกซนไปวันๆ..

    "แล้วเราจะช่วยพวกมันได้ยังไงล่ะพี่สาวเพราะหนทางเดียว

    ที่จะปลดปล่อยพวกมันได้คือต้องทำลายคฤหาสน์หลังนี้เท่านั้น"

    ถูกอย่างที่ขันทองพูดต้องทำพิธีประชุมเพลิงส่งวิญญาณ

    โดยการทำลายสุสาน ที่ฝังพวกมันเอาไว้!

    "ตอนนี้ทำได้แค่สวดแผ่กุศลให้ดวงวิญญาณสงบเสียก่อน

    เรื่องที่พวกมันมีพลังถึงกับฆ่าคนได้มันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น"

    ฉันบริกรรมคาถาแผ่ส่วนกุศลให้กับแมวผี

    ฝูงแมวผีค่อยๆหายไป..

    จากที่จับกลุ่มก็เดินแยกย้ายหายเข้าไปในกำแพงบ้าน

    ฉันกับขันทองช่วยกันนำสายสินและข้าวสารเสก

    ไปขึงและโรยข้าวสารเสกไว้โดยรอบสร้างเขตกักกัน

    ไม่ให้แมวผีออกไปทำร้ายใครได้อีก..

    "พี่สาวเรือนหลังนั้นไงที่หนูเล่าให้ฟังมันมีพลังบางอย่างอยู่ในนั้น

    หนูเข้าไปไม่ได้พลังมันคล้ายกับพ่อปู่บ้านเราไม่ทำร้ายแต่ห้าม

    ไม่ให้เข้าไป"..จริงอย่างที่ขันทองบอกเพราะฉันสัมผัสได้กับพลังสีขาว

    ใช่ไสยเวทย์ฝ่ายขาว!แต่ทำไมถึงนำไปใช้ทำเรื่องชั่วร้ายฆ่าคน..

    ทั้งที่เป็นฝ่ายขาวแท้ๆเพราะอะไร?..

    "พี่ไม่เห็นอะไรไปมากกว่านี้ต้องเปิดห้องนี้ออกแล้วสัมผัสโดยตรงเท่านั้น

    ที่นี่ถูกอาคมปิดเอาไว้"..ใครกันนะที่เป็นคนทำ!!

    "ขันทองเรากลับกันก่อนเถอะบางทีเราคงต้องเล่าเรื่องนี้ให้พี่เจี๊ยบฟัง"

    ไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวจะมีเงื่อนงำขนาดนี้!!

    คืนนี้ฉันคงทำได้แค่นี้เรื่องนี้จะจบหรือไม่ขึ้นอยู่กับพี่เจี๊ยบคนเดียว

    ปมจะถูกแกะออกต้องได้รับความร่วมมือจากเจ้าของคฤหาสน์!!




    ในขณะที่ฉันกับขันทองเดินขึ้นมายังระเบียงบ้าน

    พลันฉันได้ยินเสียงบริกรรมคาถา!!..ฉันหยุดฝีเท้ากึกมองหน้าขันทอง

    คาถาต้องห้าม!!..คาถาเชิญวิญญาณ!!..คาถาเชื่อมระหว่างโลก

    มนุษย์กับโลกวิญญาณ!!..มันดังออกมาจากห้องของพี่เจี๊ยบ!!

    ไม่จริง!!..



    เจี๊ยบ..


    ปัง!!..ฉันหยุดสวดมนต์ล้วงปืนใต้หมอนเล็งไปที่ผู้บุกรุก!!  

    แต่แล้วต้องรีบลดปืนลงต่ำเมื่อคนๆนั้นคือ..

    "ฟรัง!!"..ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นมองฉันเหมือนกับ

    ฉันทำอะไรผิดยังงั้น..

    "พี่เจี๊ยบทำแบบนี้ทำไมคะ?"..เป็นคำถามที่ทำให้ฉันงง

    "พี่ทำอะไร..พี่ทำอะไรเหรอ?"..ฟรังกัดริมฝีปากเดินตรงดิ่งเข้ามาจนฉันต้องถอยหลัง

    แต่เธอกับก้มลงหยิบสมุดสวดมนต์เล่มเก่าที่ปู่ให้ฉันไว้ขึ้นมา

    เธอหลับตานานจนฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอเป็นอะไร..

    "แบบนี้นี่เอง.." อะไรของเด็กคนนี้นะ?..

    "ขอโทษนะคะที่ทำให้ตกใจแต่เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยคะ"

    ฉันงงไปหมดแล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน?

    ฟรังเป็นอะไรบุกเข้ามาอย่างโมโหพูดจาแปลกๆ

    แต่พอหยิบสมุดสวดมนต์ขึ้นมาท่าทางก็เปลี่ยนไป

    "พี่งงไปหมดแล้วนะฟรังมันเรื่องอะไรกัน?

    แล้วสมุดสวดมนต์นั้นเกี่ยวอะไรด้วย?"  

    ฟรังยืนหน้านิ่งก่อนเดินมาจับมือฉันดึงไปนั่งลงบนเตียง

    "พี่เจี๊ยบทำใจให้สบายก่อนค่ะมันอาจจะเหลือเชื่อ

    แต่เชื่อเถอะว่าพี่เจี๊ยบจะเชื่อทุกคำพูดที่หนูจะเล่าให้ฟัง

    พี่เจี๊ยบคือกุญแจสำคัญที่จะจบเรื่องทั้งหมดค่ะ"

    ฉันคือกุญแจ??




    ฟรัง..


    "สมุดเล่มนี้ไม่ใช่บทสวดมนต์หรอกนะคะ แต่มันคือคาถาไสยเวทย์ของสายขาว

    คนที่มีดวงจิตบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถปลุกมนต์ของคาถาให้มีพลังได้

    พี่เจี๊ยบคือคนที่ถูกเลือกมาค่ะจับมือหนูเอาไว้หลับตาตั้งสมาธิหนูจะพาพี่เจี๊ยบ

    ไปดูเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา"

    ฉันกับพี่เจี๊ยบนั่งหันหน้าเข้าหากันสองมือประสานจับกัน

    รวบรวมสมาธิถอดกระแสจิตจูงมือของพี่เจี๊ยบฝ่าประตูกาลเวลา

    ย้อนกลับไปในอดีต..






    พ.ศ.2510

    ณ.ตำบลด่านช้าง


    ว่าที่นายอำเภอหนุ่มใหญ่ไฟแรงนามว่าปั่งลงมือปลูกคฤหาสน์ใหญ่

    ให้สมกับตำแหน่งและฐานะด้วยความที่ในสมัยนั้น

    เชื่อและศรัทธาในไสยศาสตร์นายอำเภอปั่งได้รับการบอกเล่า

    ถึงวิธีการสร้างบริวารไว้คอยเฝ้าทรัพย์และเกื้อหนุนดวงชะตา

    นำมาซึ่งตำแหน่งและชื่อเสียง..

    ในวันที่ลงเสาเอกเขาได้กระทำการอันโหดเหี้ยม

    โดยการสังเวยชีวิตแมวท้องแก่และหนึ่งในนั้น

    เป็นแมวของเขาเองเขาโยนมันลงไปที่ก้นหลุม

    และตรึงพวกมันด้วยเสาต้นใหญ่นับร้อยตัว

    ตายอย่างน่าอนาถใจพวกมันถูกจองจำให้อยู่ใต้เสาบ้าน

    เป็นบริวารเฝ้าทรัพย์ตามความเชื่อของเขา

    ความโกรธแค้นพยาบาทของดวงวิญญาณแมวผี

    ทำให้เกิดอาถรรพ์ต่างๆภายในคฤหาสน์ของเขา

    พ่อของเขายิงตัวตายเพราะทนเสียงร้องโหยหวน

    ของแมวผีนับร้อยตัวไม่ไหว..

    ภรรยาของเขาคลอดลูกและเสียชีวิต

    ตัวเขาเองก็เจอเหตุการณ์อาฆาตเกือบเอาชีวิตไม่รอด

    คืนนึง..ในขณะที่เขายังคงนั่งทำงานอยู่ภายในห้องทำงาน

    สิ่งของบางอย่างได้ตกกระทบพื้นเสียงดัง!..

    เขาคิดว่ามีขโมยรอบเข้าบ้าน..เขาเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานหยิบปืนพก

    เดินออกไปจากห้องลงบันไดไปที่ชั้นล่าง..

    แมวนับร้อยยืนจังก้าพุ่งกระโจนหมายเอาชีวิตของเขา

    แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งเหรียญหลวงพ่อวัดปากน้ำที่เขาห้อย 

    ที่เป็นยันต์ปกป้องชีวิตของเขานายอำเภอปั่งจึงรอดพ้นความตาย

    เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองเขาอยู่เขาจึงย่ามใจจะใช้มันเป็นเครื่องมือ

    ในการควบคุมผีแมวเหล่านั้นให้อยู่ในอาณัติคำสั่งของเขา..

    เขาเริ่มศึกษาไสยเวทย์สายขาวแต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถ

    ใช้ไสยเวทย์นั้นได้เวลาผ่านไปยี่สิบปีลูกชายของเขาก็มีทายาท

    กำเนิดเกิดมาเด็กน้อยเพศหญิงสองคน..

    ลูกสาวฝาแฝดของเขาคนนึงได้เสียชีวิตตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่

    นายอำเภอปั่งผู้เป็นพ่อของชายหนุ่มได้นำร่างของหลานสาวที่เสียชีวิต

    ไปย่างไฟร่ายคาถาที่ใช้ไม่ได้หมายสร้างกุมารทองไว้ต่อกรกับผีแมว

    แต่วิญญาณนั้นไม่มีอิทธิฤทธิ์ใดๆเป็นเพียงดวงวิญญาณที่ถูกจองจำ

    ไว้ด้วยตาแก่โง่ๆคนนึงที่ยึดความเชื่อตัวเองเป็นใหญ่!

    ตั้งแต่หลานสาวเขาเข้ามาอยู่ในบ้านผีแมว

    ไม่เคยปรากฏกายอีกเลยทำให้เขามั่นใจว่ามันเป็นเพราะกุมารที่เขาสร้างนั่นเอง

    เขาจึงสร้างเรือนไม้หลังเล็กให้กับกุมารหลานสาวเขาแล้วปิดคล้องกุญแจอย่างดี

     กันคนเข้าไปขโมยซากศพแห้งเกรียมนั้นไปจากเขาเพราะมันคือสิ่งวิเศษ

    ที่เขาสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของเขาเอง..

    เขาคิดว่าเขาคือผู้วิเศษมีวิชาอาคมแก่กล้าจึงหมายมั่นปั้นมือ

    ถ่ายทอดวิชาให้กับหลานสาวที่เจริญวัยได้7ขวบปี

    ทายาทของเขาคนนี้เป็นนางฟ้าลงมาจุติผู้มีดวงจิตบริสุทธิ์

    ที่ผีแมวสงบไม่ใช่เพราะสิ่งที่เขาสร้างแต่เป็นเพราะพลังธรรมคุณ

    ในตัวเด็กที่เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ผีแมวจึงถูกตรึงด้วยพลังนั้น

    เธอคือกุญแจที่จะปลดปล่อยความทุกข์ของเหล่าดวงวิญญาณ

    ที่ถูกตาแก่ประสาทเสียจองจำ..




    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    จบตอนครับ..อ่านตอนจบในตอนต่อไปนะคับ



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×