ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟรัง colic คนเห็นผี

    ลำดับตอนที่ #14 : ผีป่า

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 58







    สถานที่ป่านั้นเป็น สถานที่ ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ว่าเมื่อคุณเข้าไปแล้วจะเจอกับอะไรบ้าง?
    คุณจึงต้อง เตรียมตัว และ เตรียมใจ เมื่อจะต้องเข้าไปสำรวจในป่านั้น เรื่องลี้ลับซับซ้อน
    อาจโผล่มาหลอกหลอนในรูปแบบที่คุณไม่เคยพบเคยเจอ..
    ป่า..ลึกลับเกินคาดเดาได้ในปรากฏการณ์ที่ชวนพิศวง..
    มารู้จักป่ากัน!!..

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    ตอน..เจ้าป่าเจ้าเขา

    *สถานีรถไฟ*05:00

    เด็กนักเรียนชายหญิงที่แต่งกายด้วยชุดพละของโรงเรียนสวนมะลิ
    สะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ทยอยมารวมตัวกันที่บริเวณชานชาลา
    "เอาล่ะมอสี่ไปรวมตัวกันที่ครูกนกอร มอห้าไปรวมตัวกันที่ครูสมชาย
    ส่วนมอหกมาที่ครูนี่เลยค่ะ"..
    คุณครูผู้หญิงรูปร่างตุ้ยนุ้ยถือโทรโขลงกระจายเสียงสื่อสารกับเด็กนักเรียน
    ที่เดินทางไปเข้าค่าย ในโครงการเยาวชนรักพื้นป่า..
    จุดมุ่งหมายปลายทางคือ..จังหวัดกาญจนบุรี

    ~~~~~~~~~~~~~~~~

    เก้า..

    พวกฉันไปรวมกลุ่มต่อแถวรับการฉีดยาป้องกันไข้มาลาเรีย
    จากพยาบาลที่มาตั้งโต๊ะรอฉีดยาให้พวกเรา..
    "อุ๊ย!!.." เบลล์หลับตาปี๋ร้องออกมาเหมือนเด็กๆ
    ก่อนจะลุกขึ้นบ่นงึมงำเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้
    ชิส์!!..หมั่นไส้ตาลจัง..ทำหน้าขึมเชียวนะต่อหน้าพยาบาลสาวๆเนี่ย!!

    หลังจากฉีดยาเสร็จครูอรุณีก็เดินนำพวกเราขึ้นตู้รถไฟ
    "เอาล่ะเด็กๆนอกจากเราจะไปทำกิจกรรมอนุรักษ์พื้นป่ากันแล้ว
    เราจะมาร่วมแชร์ประสบการณ์ที่เราพบเจอผ่านเรียงความอิสระ
    ใครอยากเล่าอยากเขียนอะไรก็ว่ากันไปเต็มที่เลยมีคะแนนให้
    20คะแนนด้วยนะ"..เฮ!!..ทุกคนต่างโห่ร้องอย่างดีใจ
    เอาเหอะ..ค่อยไปหาแรงบันดาลใจเอาข้างหน้าละกัน
    "เก้า..นอนเต๊นท์เดียวกันนะ"..
    ฉันย่นจมูกใส่คนเจ้าชู้ที่จับมือฉันไว้แน่นเชียว ตาลใช้นิ้วจิ้มจมูกฉันเบาๆ
    "เชอะ!เมื่อกี้เห็นนะว่าทำตาเชื่อมให้พี่พยาบาลน่ะ"
    ฉันทุบแขนตาลด้วยความหมั่นไส้..
    "ใช่ที่ไหน..ตาฉันเป็นแบบนี้เองไม่เชื่อก็ลองจ้องดูซิ"
    ตาลทำตาหวานใส่ฉัน..
    "นี่แนะไอ้คนเจ้าชู้.."..55+..ฉันทั้งบิดทั้งหยิกตาล
    คนอะไรกระล่อนจริงๆ..

    ~~~~~~~~~~~~~~~









    ฟรัง..

    "โหวว!!!..น่ากลัวอ่ะ!!!!" เสียงเจี้ยวจ้าวของคนที่ชะโงกหน้ามองลงไปที่หุบเหวเบื้องล่างเป็นพื้นน้ำ

    ขณะที่รถไฟวิ่งเลาะสะพานมรณะเหลี่ยมเขาสูงกับรางรถไฟที่หมอนไม้
    แต่ละหมอนต้องแลกด้วยชีวิตของเชลยสงคราม..ตลอดระยะทางที่รถไฟลากขบวนวิ่ง
    เหยียบย้ำดวงวิญญาณ
    ที่ตายเกลื่อนใต้รางรถไฟส่งเสียงกรีดร้องโหยหวลออกมาอย่างทุกข์ทรมาน  ..
    "ฟรัง..แพรรู้สึกอยากร้องไห้ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน"..ฉันยกแขนขึ้นโอบไหล่แพรเอาไว้
    "เธอคงสัมผัสความทุกข์ทรมานของวิญญาณเชลยสงครามน่ะ"
    แพรวาเอนหัวซบลงบนไหล่ฉัน..
    "น่าสงสารอ่ะ..ไม่รู้พวกเขาต้องทุกข์ทรมานอีกนานแค่ไหน"
    ทุกอย่างมีขอบเขตของมันและฉันเองก็มีขอบเขตในการใช้พลังที่มี
    เราต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขแห่งความสมดุล..
    โลกมนุษย์ยังต้องควบคุมอัตราการเกิดของประชากร
    ไม่ต่างกันกับโลกของนรกและสวรรค์เหล่าดวงวิญญาณก็ถูกจำกัดด้วย
    กฏแห่งกรรม..และการชดใช้ในรูปของดวงวิญญาณ
    ที่ผ่านมาหลายเคสที่ฉันแหกกฏของสวรรค์..ทำตามความรู้สึกของตัวเอง
    "เมื่อวาระกรรมหมดลงดวงวิญญาณเหล่านี้จะหมดทุกข์ไปเอง"
    แพรวาสอดแขนกอดเอวฉันเอาไว้..เธอกำลังรู้สึกเศร้าซินะ..



    *สถานีรถไฟกาญจนบุรี* 09:00

    ตาล..

    พวกเราลงรถไฟที่สถานีก็ต้องนั่งรถบัสสีแดงมุ่งหน้าไปสังขละบุรีต่อ
    คุณครูและหัวหน้าห้องเดินแจกข้าวกล่องและน้ำดื่มตลอดการเดินทาง
    ฉันแทบจะไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวเพราะหัวใจฉันจดจ่ออยู่กับผู้หญิงข้างๆ
    ไม่ว่าเธอจะอยู่ในอิริยาบถไหนมันก็ทำให้ฉันยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
    "มองไร?"..เก้าเลิกคิ้วถามฉัน..แบบนี้ต้องแกล้ง..
    "มองคนน่า..อ้าม" ผัวะ!!..ฉันลูบแขนด้วยความเจ็บ เก้าทำตาดุชี้หน้าฉัน
    "เดี๋ยวเหอะนะ!!ทะลึ่ง!!"..ฉันนั่งอมยิ้มทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้..
    เพราะยังงี้งะฉันถึงยกใจให้หมดเลย..


    *ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร*12:00

    รถบัสจอดให้คณะเดินทางลง คุณครูให้พวกเราจับคู่และแจกเต๊นท์
    "เอาละเดี๋ยวเราจะพักทานอาหารกันที่นี่และจากนี้ไปเราจะต้องเดินเท้า
    ไปหมู่บ้านเกาะสะเดิงตลอดระยะทางสิบกว่ากิโลจะเป็นพื้นที่ป่าดงดิบดังนั้นพวกเธอ
    ห้ามซนหรือเล่นอะไรแผลงๆอย่างซ่อนแอบมันอาจทำให้พลัดหลงป่าได้
    ดังนั้นให้เกาะกลุ่มกันไว้เข้าใจไหม..อย่าแอบไปจู๋จี๋จนหาไม่เจอล่ะ!!
    แยกย้ายกันไปรับข้าวกล่องพวกเธอมีเวลาหนึ่งชั่วโมงถ้าใครอยาก
    จะหวานกันล่ะก็นี่คือโอกาศไปจีบกันได้กลางลานสนามหญ้าโล่ง
    อยู่ในสายตาของครูนะคะเข้าใจไหมคะเด็กๆ"
    พูดเหมือนรู้ทันเลยนะครูอรุณีนี่..ฉันจับมือเก้าต่อหน้าครูที่เหล่ตามองฉันกับเก้า
    ก็แค่จับมือค่ะครูขา..ฉันทำหน้าทะเล้นใส่เก้าที่ทำตาดุใส่ฉัน



    เก้า..

    หลังจากเดินทางไกลเข้ามาในเขตป่าลึกคนนำทางของศูนย์อนุรักษ์
    ก็แนะนำให้พวกเราตั้งค่ายค้างแรมกันใกล้กับน้ำตก..
    "เด็กๆรีบกางเต๊นท์ก่อนจะมืดค่ำครูให้เวลาสองชั่วโมงจัดการเต๊นท์ตัวเอง
    และอาบน้ำเปลี่ยนชุดลำลอง ผู้ชายตามครูสมชายแยกไปกางเต๊นท์
    และอาบน้ำอีกฝั่งเลยจ้ะ..อย่าปนหรือแอบดูสาวๆเด็ดขาดนะ
    ช่วยเป็นสุภาพบุรุษด้วย"..
    สิ้นเสียงครูอรุณีพวกผู้ชายก็พากันเดินคอตกไปหาครูสมชายที่ยืนถือไม้เรียวรออยู่
    ฉันกับตาลช่วยกันกางเต๊นท์จนเสร็จ มันลำบากนะที่จะหลบสายตาของตาล
    ขณะที่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในเต๊นท์ยัยนั้นทำหน้ามึนเนียนเก่งซะด้วย
    ถึงจะเป็นแฟนกันแต่มันก็ต้องมีขอบเขต..
    "นี่เก้าเธอจะนั่งแบบนี้อีกนานไหม?รีบถอดเสื้อผ้าซิจะได้ไปอาบน้ำกัน"
    ห๊ะ!!ยัยบ้าเอ๊ย!!ก็เล่นจ้องฉันตาไม่กระพริบแบบนั้น..
    "ตัวเองก็ออกไปรอข้างนอกก่อนซิ"
    ตาลยักคิ้วแล้วก็ออกไปแต่โดยดีว่าง่ายเหมือนกันแฮะ
    เข้าค่ายในป่าแบบนี้มันก็ลำบากเอาการอยู่เหมือนกัน
    เพราะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆต้องอาศัยวิชาเนตรนารี
    ในการดำเนินชีวิตในป่าเป็นหลัก..
    ดีแต่ว่าฉันเตรียมกระดาษทิชชู่ไว้เยอะ..เฮ้อ..
    เกิดมาเป็นผู้หญิงนี่ไม่ดีเลยนะเวลาเข้ามาอยู่ในป่าดิบชื้นแบบนี้
    แต่อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่าคนที่ฉันร่วมเต๊นท์ด้วย
    คืนแรกฉันจะเอาตัวรอดได้ไหมนะ?..
    "เธอทำอะไรของเธอน่ะ?" ฉันเอากระเป๋าเป้ของฉันกับของตาลกันกลางเอาไว้
    "แบ่งเขตห้ามล้ำเข้ามาล่ะ!!"..ตาลถอนหายใจขมวดคิ้วมองหน้าฉัน
    "ตามใจเธอ!!"..ชิส์!!..ทำเป็นงอน!! ตาลล้มตัวลงนอนหันหลังให้ฉัน
    "ฝันดีนะ"..ฮิ..ฉันอมยิ้มให้กับความน่ารักของตาล
    "อืม..ฝันดีค่ะ"..ฉันตะแคลงมองตาลที่นอนหันหลังให้
    อยากกอดจัง..แต่กลัวความใกล้ชิดเหลือเกิน..
    เป็นฉันเองที่นอนกระสับกระส่ายกระเป๋าเป้นี่ก็เกะกะจัง
    แต่ทำไงได้ล่ะมันเป็นความคิดของฉันเองนี่นา..
    "เป็นไรนอนไม่หลับเหรอ?"..ตาลนอนหันหลังถามฉัน
    ฉันยกสิ่งกีดขวางระหว่างเราออกไป..กระเถิบตัวจนติดตาล
    แนบหน้าลงบนแผ่นหลังอุ่นจัง..ตาลยังคงหันหลังให้ฉัน
    "นอนไม่หลับหันมากอดหน่อยซิ"..แค่นั้น..ตาลก็หันหน้ามาหาฉัน
    ฉันซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดอุ่นของตาล...แค่นี้ก็พอแล้ว..



    ตาล..

    "ตัวเอง..ตัวเอง"..อือ..ฉันปรือตาหนักๆขึ้นกับเสียงเรียกของเก้า
    "เก้าปวดท้องเบาอ่ะ"..อืม..ฉันควานหาไฟฉายบนหัวนอน
    "ป่ะ.." ฉันคว้าข้อมือเก้าเอาไว้..เราสองคนเดินฝ่าความมืดออกไปห่างเต๊นท์พักพอสมควร
    ภายในป่าที่มืดมิดที่มีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆมักมีสิ่งน่ากลัวแฝงอยู่ฉันจึงมองหาพุ่มไม้เตี้ยๆ เจอที่เหมาะละ
    "นั่น..ตรงนั้น"..ฉันเดินนำเก้าที่กอดแขนฉันไว้แน่น..ใช้ไฟฉายส่องดูความปลอดภัย..
    "โอเค..เดี๋ยวฉันหันหลังส่องไฟให้"..เก้าทำหน้าคิดหนักตามเคย
    แต่ในที่สุดเธอก็เดินไปข้างหลังฉันจึงไขว้มือส่องไฟให้เธอ
    แต่เอ๊ะ..เก้านั่งลงใกล้จับมือฉันเอาไว้แน่นฉันยืนใจเต้นระทึกเมื่อเสียงธุระเธอจบลง
    สวบ!!..มีเงาคนวูบไหวแอบอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าฉัน..
    ฉันรอให้เก้าแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนดูจากลักษณะเงารูปร่างผอมสูง
    มันต้องเป็นผู้ชายแน่ๆ..เดี๋ยวก่อนนะมาแอบดูแบบนี้จะตีให้หัวแตกเลย
    "ไปกันเถอะตัวเอง"..เก้าจับมือฉันเอาไว้..
    "แป๊บนะขอล่อกบาลไอ้พวกถ้ำมองก่อน"..เก้าทำหน้าตกใจ..
    ฉันสาดไฟลงพื้นจนเจอท่อนไม้ขนาดพอเหมาะมือ
    "เธอรอตรงนี้แหละมันแอบอยู่หลังต้นไม้นั่นเอง"
    ฉันส่งไฟฉายให้เก้า..แต่เก้ากับส่ายหัวกอดแขนฉันแน่น
    "ไม่เอา..ให้เก้าอยู่ใกล้ๆตัวเองนะ"..ฉันพยักหน้ายอมจำนน
    ฉันเดินนำหน้าเก้ากอดเอวเดินตามหลังฉันจนถึงต้นไม้นั้น..
    ฉันสูดลมหายใจชะโงกส่องไฟไปที่ ผู้ชายคนนั้นยืนหันหลังให้
     "แก!!..ห๊ะ!!"..ผู้ชายคนนั้นค่อยๆหมุนคอมา..ดวงตามีแสงสีเขียวแบบนั้น
    ไม้ในมือหล่นลงพื้นหัวใจฉันเต้นรัว ฉันค่อยๆถอยหลังเมื่อร่างผู้ชายคนนั้นขยายตัวใหญ่ขึ้น
    เก้าที่ซุกหน้าอยู่กับแผ่นหลังฉันคงไม่เห็นอะไร..
    "หลับตาไว้นะเก้าแล้วตามฉันมา"..ห๊ะ!!..ไม่ต้องรอให้ถามฉันกระชากข้อมือเก้าแล้ววิ่งไปให้พ้นจากตรงนั้น
    ฉันวิ่งไปยังทิศที่พักค่ายที่อยู่ไม่ไกลแต่ทำไมยังไม่ถึงซักที!!..อะอะไรกัน?..ฉันมีความรู้สึกว่าฉันวิ่งอยู่กับที่
    "ตาล..เก้าเหนื่อยทำไมเรายังอยู่ที่เดิมดูนั่นซิที่เก้าปลดทุกข์ไว้!!"
    ฉันกับเก้ามองหน้ากัน..
    "เราถูกผีป่าขังไว้!!"..ตึกๆ..ตึกๆ..เก้าหน้าซีดเผือด..
    "ฟรัง!!!ช่วยด้วย!!!"..เราสองคนกอดกันแน่นท่ามกลางป่ารกทึบ
    ความมืดที่มีเสียงพัดโยกของกิ่งไม้..ดังสวบๆ..
    อ้อมกอดของฉันจะปกป้องเธอเองเก้าตัวสั่นเทาภายในอ้อมกอดฉัน
    "เก้าเคยอ่านเรื่องลี้ลับเขาบอกว่าถ้าถูกผีจับซ่อนแล้วออกไปไม่ได้
    ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเราจะติดอยู่ในดินแดนนั้นตลอดไป"
    ฉันลูบหลังเก้าเบาๆ..
    "ไม่เป็นไรฉันจะอยู่ข้างๆเธอเอง"..



    ฟรัง..

    เสียงพี่เก้า..ฉันลุกขึ้นนั่งลางสังหรณ์กำลังบอกฉันว่าพี่เก้าตกอยู่ในอันตราย
    แพรหลับสนิทฉันล้วงหยิบเทียนอาคมในกระเป๋าเป้ลุกออกไปจากเต๊นท์
    ฉันเปิดเต๊นท์ของพี่เก้ากับพี่ตาลสองคนไม่ได้อยู่จริงๆด้วย..
    ฉันแตะมือลงบนพื้นที่ทั้งคู่นอน..แย่แล้ว..
    ถ้าปลดทุกข์โดยไม่บอกกล่าวเจ้าป่าเจ้าเขาจะถูกผีป่าเล่นงาน!!
    ฉันสัมผัสเห็นทิศทางที่คนทั้งคู่เดินหายเข้าไปในป่า..
    เทียนอาคมถูกจุดขึ้นส่องนำทาง ตลอดทางที่ฉันเดิน
    ต้นไม้ทุกต้นจับจ้องมองมาที่ฉัน..
    เสียงบางอย่างกำลังเลื้อยแหวกฝ่าพงหญ้ามาด้วยความไว
    ใกล้แล้วมันเข้ามาใกล้ทุกที..มีดอาคมเล่มเล็กถูกชักออกมาจากกระเป๋ากางเกง
    ฉันก้มลงแทงเถาวัลที่เลื้อยพุ่งตัวพ้นพื้นดินมันดิ้นกวัดไปมา..
    เสียงประหลาดร้องโหยหวลลั่นป่า..พวกมันพยายามขัดขวางฉัน!!
    ถ้าฉันพาพี่เก้ากับพี่ตาลกลับออกมาไม่ได้ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
    สองคนนั้นจะกลายเป็นสางเฝ้าป่านี้!!
    ฉันร่ายคาถาเบิกทางเปิดป่า ..ฝูงหิ้งหอยบินส่องนำทางเข้าสู่ดินแดน
    แห่งสนธยา..ที่มีแต่เสียงหัวเราะจากเหล่าต้นไม้เซงแซ่ระงมป่าดงดิบ
    นั่น!!..อยู่นั่นเอง..พี่ตาลกับพี่เก้ายืนกอดกันแน่นร่างกายของสองคน
    มีเถาวัลและรากไม้เลื้อยพันเกาะตรึงทั้งคู่ไว้..ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นทั้งสองคน
    จะกลายเป็นต้นไม้เป็นส่วนหนึ่งของป่านี้ตลอดไป..ดีนะ..ที่เจอก่อน..
    ฉันใช้ไฟอาคมเผาทำลายรากไม้และเถาวัลจนพวกมันดิ้นพลาดๆ
    "พี่ตาล,พี่เก้า!!"..ฉันเขย่าตัวทั้งคู่..ที่ไม่ได้สติ..
    นี่คงโดนมนต์ของผีป่าสะกดเอาไว้ซินะ!!

    "นะโมเม พุทธะเตชะสา ระตะนัตตะยะธัมมิกา
    เตชะปะสิทธิ สะณะประสาเทวา...โอมเพี้ยง
    ขวัญเอยจงลืมตาสู่โลกแห่งความจริง.."
     ฉันเป่าลมพุทธคุณใส่พี่ตาลกับพี่เก้า...
    ทั้งคู่สะดุ้งสะบัดหัวไปมาหลุดออกมาจากมนต์แห่งผีป่า!!
    "ฟรัง!!!"..ทั้งสองคนโผลเข้ากอดฉันแน่นอย่างดีใจ..
    ครืดๆสวบๆ..พวกฉันสามคนยืนนิ่งอยู่กับที่..
    ต้นไม้ใหญ่กำลังคลืบคลานเข้ามาใกล้..รากของมันทำหน้าที่ดั่งนิ้วเท้า
    กิ่งก้านขนาดใหญ่โยกไหวดั่งแขนที่มีชีวิต..
    "นี่มันเรื่องจริงใช่ไหม!" พี่ตาลรำพึงออกมา..
    "มันต้องการขังเราสามคนไว้ที่นี่!"..ใครจะไปยอมล่ะ!!
    ฉันยกมีดอาคมที่อยู่ในมือขึ้นไหว้เสกคาถาศาสตราปราบผี
    กำกับพลังพุทธคุณ..สองแขนแห่งต้นไม้ผีสิงโบกกระพือพัด
    กลิ่นสาบสางและความตาย..ฉันพุ่งตัวปักมีดในมือใส่ลำต้น
    กรีดควานเหมือนผ่าท้องปลา..สิ่งที่ทะลักทะลวงออกมา
    เหล่าฝูงแมลงเมียงสีดำ!!กระจายตัวไต่คลานเต็มพื้นยั้วเยี้ย
    "โอมเพี้ยง.."..เปลวไฟอาคมจากเทียนเผาทำลายเหล่าฝูงแมลงผีจนมอดไหม้
    เมื่อเหล่าฝูงแมลงผีสูญสลายต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตายใบไม้เหลืองร่วงลงสู่พื้นดิน
    เสียงร่ำไห้จากพ้องเพื่อนระงมป่า...
    ชัยชนะไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ฉันแค่ต้องการพาทุกคนกลับออกไป
    "พี่ตาล,พี่เก้าเรามาขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขากันเถอะ"
    ฉันปักเทียนลงบนพื้นดิน..นั่งลงตั้งสมาธิ..รุ่นพี่ทั้งสองนั่งลงด้านหลังฉัน
    สองมือยกขึ้นพนมไหว้...
    "ลูกแด่เจ้าป่าเจ้าเขาที่ปกป้องผืนป่านี้..อย่าได้โกรธเคืองในความรู้เท่าไม่ถึงการ
    ของพวกลูกเลย ถ้าหากพวกลูกสามคนได้ล่วงเกินสิ่งใดไปขออโหสิกรรมด้วยเถิด"
    ชายรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลาปรากฏกายออกมาจากต้นไม้ใหญ่..
    "ข้าอโหสิ.."สิ้นเสียงบุรุษลึกลับก็หายตัวเข้าไปในต้นไม้ต้นเดิม..
    ผีป่าคลายมนต์บังตา เชื่อมป่ากับโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง
    "ใกล้รุ่งพอดี.."..พวกเราสามคนส่งยิ้มให้กันรุ่นพี่ทั้งสองกราบลงบนพื้นดิน
    "เด็กๆตีห้าแล้วตื่นกันได้แล้วจร้า!!!"..
    เสียงครูอรุณีปลุกทุกคนให้ตื่นจากการหลับใหลผ่านโทรโขลง
    "ไปกันเถอะค่ะพี่ตาล,พี่เก้า"..พวกเราสามคนก้าวขาออกไปสู่โลกของพวกเรา
    ป่ามีความลี้ลับ..ป่ามีเจ้าที่ปกครอง..เมื่อเราเข้ามาอยู่อาศัยพื้นที่ของเขา
    ความเคารพในสถานที่คือกฏเกณฑ์การอยู่ร่วมกันของคนกับป่า..

    ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

    จบตอนเจ้าป่าเจ้าเขาตามผีป่าตอนต่อไปนร้า





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×