ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love Obstacles อุปสรรครักร้าย ขวางใจฉันและเธอ

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 5:"ไม่ต้องกลัวนะคะ พี่ไม่ทิ้งนาวไปไหนหรอก"

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 58


    B E R L I N ❀

              วันสุดท้ายก่อนปิดเทอมผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็มันไม่มีอะไรนี่นา ทุกๆวิชาก็มีการอธิบายการบ้าน (ตัวทำลายความสนุกในช่วงปิดเทอม T^T) คิดๆดูแล้ว เวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วเกินไปแล้วนะ ฉันเพิ่งนึกขั้นมาได้ ว่าพี่เรนอยู่ม.6 นี่ก็จบปีการศึกษาแล้ว แปลว่า...พี่เขาจะไปแล้ว เราจะได้เจอกันน้อยลงหรอ!?! ไม่นะ TTT^TTT

    วันนี้ฉันต้องไปขอร้องน้าพริตตี้ให้อนุญาตให้ฉันไปภูเก็ตสินะ... โอเค ความจริงฉันก็คิดมาบ้างแล้วแหละ ฉันกดกริ่งหน้าบ้านของน้าพริตตี้ และไม่นานหลังจากนั้น น้าเจ้าของบ้านก็มาเปิดประตูให้ฉัน

    “นาว มีไรหรอ”

    น้าพริตตี้ถามด้วยเสียงหวานๆ

    “คือ พรุ่งนี้นาวจะไปเที่ยวภูเก็ตกับกับยัยแตงโมนะคะน้าพริตตี้ นาวมาบอกน่ะค่ะ”

    “หรอ...ไปกี่วันหละ ค่าใช้จ่ายละนาว แล้วทำไมเพิ่งมาบอกน้า”

    น้าพริตตี้พูดด้วยเสียงดุๆ

    “ไปสองวันหนึ่งคืนอะค่ะ นาวใช้ตังเก็บนาวอะค่ะ นาวเพิ่งรู้เรื่องนี้ไม่นาน อยากเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย ให้แน่ใจก่อนน่ะค่ะ นาวเลยเพิ่งมาบอก ขอโทษนะคะที่นาวมาบอกช้า”

    “น้าอนุญาตให้ไป แต่นาว นาวไม่เป็นไรหรอ ที่นั่นนาว...”

    “นาวไม่เป็นไรค่ะ!” ฉันรีบตอบก่อนที่น้าพริตตี้จะพูดจบ

    “โอเคจ๊ะ”

    ฉันเดินออกมาเพื่อที่จะกลับมาจัดของ น้าพริตตี้ไม่น่าพูดถึง ‘เรื่องนั้นเลย’ เห้อ T^T

    ฉันกลับมาที่ห้องเพื่อจัดกระเป๋า (ยังไม่ได้เริ่มจัดเลย -*-) ในที่สุดก็ได้ไปต่างจังหวัดสักที (เพื่อนๆที่นั่งอ่านคงจะเบื่อซีนเดิมๆแล้ว ใช่ม๊า) ฉันก็รีบจัดแจงนำเสื้อผ้าข้าวของยัด (!?!) เข้าไปในกระเป๋าของฉันอย่างลวกๆ -_-^ ก่อนที่จะไปนอน... ก็คนมันง่วงนี่นา เมื่อคืนหลับไม่สนิทเพราะตื่นเต้นเรื่องนี้อะ

    เช้าแล้วๆๆๆ ฉันจะได้ไปเที่ยวที่ภูเก็ตกับพี่เรนแล้ววว ตื่นเต้นจุงเบยยย >///<ฉันรีบไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวจะไปคอยพี่เรนที่หน้าซอยไม่ทัน (บ้านของฉันเป็นทางผ่านเวลาที่พี่เรนจะไปสนามบินพอดีอะนะ เพราะงั้นเขาก็เลยจะนั่งแท็กซี่มารับฉัน...หน้าซอย -0-) มารับหน้าซอยมันฟังไม่ขึ้นเลยใช่ม๊า คนสวยรับไม่ได้ แต่จะทำไงได้ละ ให้มารับหน้าบ้านก็ตายกันหมดพอดี น้าพริตตี้ได้เอามีดอีโต้มาสับหัวพี่เรนแน่ๆเลย T^T

    หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ฉันก็เดินออกมาจากห้องน้ำเพื่อจะแต่งตัว วันนี้ฉันใส่ชุดแม็กซี่เดรสพื้นสีขาว เกาะอก ตรงชายมีลายดอกไม้สีพาสเทลมากมาย มีทั้งสีชมพู ฟ้า เหลือง เขียว ส้ม ม่วง เตรียมหมวกสานๆใบโตๆหนึ่งใบ (ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเรียกว่าไร ก็หมวกที่เขาชอบใส่ตอนไปทะเลกันอะนะ -_-^) ใส่คู่กับรองเท้าส้นตึกคู่ใจ และกระเป๋าใบโต แว่นกันแดดน่ารักๆหนึ่งคู่ แล้วฉันก็เดินออกไปหน้าซอย โดยที่ไม่ลืมไปบอกลาน้าพริตตี้และแพตตี้ก่อน

    ตอนนี้ฉันมาถึงหน้าซอยแล้ว เมื่อไหร่พี่เรนจะมาละเนี่ย ฉันยืนรอตากแดดจนผิวจะไหม้เกรียมอยู่แล้วนะ อารมณ์สียอย่างแรงสสสส์ ยิ่งร้อนอาการก็ยิ่งกำเริบ เมื่อรอจนไม่ไหวจะทนแล้ว ฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับกดเบอร์พี่เรนแล้วโทรออกทันที  ‘ตู๊ด ตู๊ด ตุ๊ดดดดด’ ฉันรอสักผักใหญ่ๆก่อนที่พี่เรนจะรับโทรศัพท์

    (มีไรหรอนาว)

    “ตอนนี้พี่เรนอยู่ไหนคะ นาวรออยู่ตั้งนาน ร้อนก็ร้อน T^T”

    (พี่ยังไม่ได้บอกนาวอีกหรอ...พี่ขอโทษนะ เราคงไปภูเก็ตด้วยกันไม่ได้แล้วแหละ พี่ติดธุระ ต้องอยู่กับครอบครัวน่ะ)

    “อะไรนะคะ!?!”

    ตอนนี้ฉันควบคุมสติตัวเองไม่อยู่แล้ว ทั้งความโมโห เศร้า เสียดาย ผิดหวังมันไหลมารวมอยู่ที่ใจฉันหมดแล้ว แล้วนี่ทำไมพี่เรนถึงไม่เช็คให้เรียบร้อยก่อนละ มาให้ความหวังแล้วพังมันด้วยมือของตัวเองงั้นหรอ แต่...มันก็คงต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เพราะยังไงพี่เรนก็คงยังเห็นฉันเป็นคนที่สำคัญอยู่ เป็นคนที่รักและเข้าใจฉันที่สุด นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดอยู่ในใจ แต่สิ่งที่ฉันพูดออกไปกลับตรงกันข้าม 

            “..." พูดอะไรไม่ออกเลย

    (นาว...คือ พี่ขอโทษ)

    “…”

    (พี่ขอโทษที่เล่นแรงไปหน่อย พี่มาถึงตั้งแต่นาวโทรหาพี่แล้วแหละ ☺)

    พี่เรนพูดในน้ำเสียงกวนประสาทจนน่าตบ -*-

    ฉันหันไปมองข้างหลังและเจอพี่เรนนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ ฉันรีบวิ่งเข้าไปนั่งในรถ และเราก็เริ่มเดินทางไปสนามบิน  

           “พี่เรนเล่นไรก็ไม่รู้ -3-” ฉันทำหน้างอนๆ ก็มันน่างอลจริงๆนี่นา มาแกล้งกันอย่างงี้ได้ยังไงเนี่ย

           “เค้าขอโทษ T^T” มาอีกแล้ววว เสียงน่ารักบวกกับสายตาอ้อนวอนของพี่เรน ฮึ้ยยย มันเป็นอาวุธพิฆาตที่ถ้าใครได้ฟังแล้วจะต้องยอมจำนน และฉันก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น U_U ยอมแล้ววว ไม่โกรธแล้ว...

           “ไม่งอนก็ได้...”

    ในที่สุดพวกเราทั้งคู่ก็มาถึงสนามบินจนได้ เกือบสายแหนะ พี่เรนช่วยยกกระเป๋าและเช็คอินอย่างรวดเร็วและไปรอขึ้นเครื่องภายในเวลาไม่กี่นาที ทำไมเก่งจัง ถ้าฉันมาคนเดียวคงหลงทาง ทำไรไม่ถูกแล้วตกเครื่องแน่ๆเลย -_-^ หลังจากนั้นเราก็รีบวิ่งขึ้นเครื่อง ชั่วโมงนึงสินะ จากกรุงเทพไปภูเก็ตน่ะ เรานั่งได้ไม่ถึงห้านาทีเครื่องก็ออกแล้ว

    และแล้วผลของการอดหลับอดนอน นอนหลับไม่สนิทเพราะความตื่นเต้นเป็นเวลาสองวันติดก็เริ่มสำแดงผล ฉันรู้สึกง่วงมากกก และเผลอหลับไป... ‘นังนี่โดนมอมเหล้าแล้วสินะ เสร็จเราละ 5555’ แต่แล้วฉันกลับฝัน...ฝันร้าย...ฝันร้ายที่สุดของฉัน ฝันที่เกี่ยวกับความหลังที่แสนเจ็บปวด... และฉันก็ถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงของผู้ชายที่ฉันรักมากที่สุด

    “นาว เป็นไรรึเปล่า ฝันร้ายหรอ เหงื่อแตกหมดเลยเนี่ย”

    “อ๋อ...ค่ะ นาวฝันร้าย”

    “...” เงียบไปซะงั้น... = =”

    “ขอบคุณนะคะที่ปลุกนาว”

    “พี่เรน...”

    “ครับ?”

    “รักนาวมั๊ยคะ”

    “รักสิคะ”

          พี่เรนพูดพร้อมกับค่อยๆเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ ละบรรจงจูบฉันอย่างช้าๆ และค่อยๆเร็วขึ้น ถึงแม้ว่าจูบของเขาจะร้อนแรง แต่ฉันก็ยังคงสัมพัสความอ่อนโยนและความรักที่ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยจูบนั้น นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันจูบกับพี่เรนแล้วสินะ ยังไงๆฉันก็ควบคุมหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงไม่ได้เลย และยังควบคุมไม่ให้หลงใหลจูบของเขาไม่ได้ด้วยเหมือนกัน ก็มันทั้งหวาน ทั้งดูดดื่มขนาดนั้นนี่นา >///<

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรามาถึงสนามบินที่ภูเก็ตแล้ว พี่เรนช่วยถือกระเป๋าฉันและเดินออกไปเช่ารถ ที่พักของเราอยู่ไม่ไกลจากสนามบินเลย นั่งรถห้านาทีก็ถึงแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ฉันอึ้งจนต้องอ้าปากค้างไม่ใช่ระยะทางของโรงแรมและสนามบินที่ใกล้กันมากหรอก แต่มันคือโรงแรมและห้องพักต่างหาก ที่นี่ไงละ...ฉากที่อยู่ในฝันร้ายของฉัน อดีตที่ยังตราตรึงอยู่ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจฉัน มันคงไม่มีวันถูกลบเลือนได้แล้ว ไม่สิ มันไม่มีทางถูกลบเลือนได้อีกแล้ว เพราะเราไม่สามาถกลับไปแก้ไขอดีตไงละ จริงมั๊ย? ยังไงเราก็ไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้...ยังไงฉันก็ไม่อาจชิงความบริสุทธ์ของฉันคืนมาได้ เยื่อบางๆนั่น...ไม่อาจประสานขึ้นมาใหม่ได้ ถึงแม้ว่าฉันจะไปฆ่าคนที่ชิงมันไปอย่างเลือดเย็นคนนั้น ผู้ชายที่เลวที่สุดคนนั้น ยังไงฉันก็เป็นสาวที่ผ่านมือชายมาแล้ววันยังค่ำ นั่นคือความจริงที่ขมขื่น...ความจริงที่ฉันไม่อยากจะยอมรับ เพราะฉันอยากจะเก็บมันไว้สำหรับคนที่ฉันรัก ฉันคงไม่พูดหรอก ว่าอยากเก็บมันไว้จนวันแต่งงาน เพราะมันคงเป็นความคิดที่โบราณมากแล้วสำหรับยุคสมัยนี้ แต่อย่างน้อยๆฉันก็ไม่อยากให้มันโดนทำลาย เพราะผู้ชายที่ฉันแทบจะไม่รู้จักหน้าตา เพราะผู้ชายที่ใช้ชีวิตมอมเหล้าผู้หญิง และทิ้งเธอไป... ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งเสียใจ และนึกโกรธตัวเองที่อกหักแล้วไม่สนใจอะไรอีกเลย ความจริงมันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้โลกนี้ดับลงไปในแบล็คโฮลแล้วโผล่ไปในอีกมิติสักหน่อย -0- ฉันก็ดันไปหลงเชื่อผู้ชายที่ไม่รู้จักมักหน้าค่าตา ดื่มไปไม่รู้กี่สิบขวด แล้วผลเป็นยังไงน่ะหรอ ฉันก็โดนพาเข้าโรงแรมยังไงละ และที่สำคัญ โรงแรมดันเป็นที่เดียวกับที่ฉันมาพักกับแฟนน่ะสิ ทำไมถึงได้ซวยอย่างงี้นะนาว T^T

    หลังจากที่ฉันด่าตัวเอง พร้อมๆกับรำลึกถึงความหลัง เสียงของพี่เรนก็แว่วเข้ามา ทำให้ฉันหันกลับไปมองทันที

    “นาว เป็นไรอะ หน้าซีดตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วนะ”

    พี่เรนพูด พร้อมกับทำหน้าเป็นห่วงสุดๆ

    “นาวไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ พอดีนึกถึงฝันร้ายอะค่ะ ห้องตอนนั้นมันคล้ายๆห้องนี้”

    จริงๆเหมือนเลยแหละ TT^TT

    “แล้วฝันถึงอะไรละนั่น”

    “ไม่บอก :p”

    ฉันพูดพร้อมกับทำหน้าท้าทาย หลังจากนั้นไม่นาน พี่เรนก็ไปเช็คอิน และบอกให้ฉันนั่งรอ แต่แล้วสิ่งที่สะดุดตาฉันคือหน้าตาของผู้ชายคนนั้น ใช่ คนที่ฉันนั่งพรรณนามานานสองนานว่าเขาเลวแค่ไหนไงละ ผู้ชายที่ชื่อว่า ‘เจมส์’ ยังไงหละ(ความจริงเขาแก่กว่าฉันตั้งหลายปี แต่ฉันเรียกเจมส์เชยๆอย่างงี้แหละดีแล้ว ฟังดูห่างเหินดี -_-^) เขามาพร้อมกับผู้หญิงสาว ผมดำยาวสลวย ใส่สายเดี่ยวและกางเกงขาสั้น และผู้หญิงคนนั้นก็กำลังเมาหมดสติอยู่ด้วย นั่นคงเป็นสภาพของฉันในตอนนั้นสินะ... แต่แล้วเขากลับไล่ผู้หญิงที่มีหน้าตาสละสลวยคนนั้นกลับไปและเดินมาหาฉันแทน ทำไมต้องมาด้วย รู้มั๊ยว่านายคือคนสุดท้ายในโลกใบนี้ที่ฉันอยากจะเห็นหน้าเป็นครั้งที่สอง ยิ่งตอนที่ฉันมากับแฟนด้วย ถ้าพี่เรนคิดว่านายเป็นกิ๊กของฉันแล้ว ฉันจะทำยังไง ทำไงงงงง เดินใกล้เข้ามาแล้ว ใกล้เข้ามาแล้ว ม่ายยยย T^T

    “หวัดดีจ้า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ถึงวันเวลาจะผ่านไปมากเท่าไหร่ ฉันก็ยังจำเธอได้นะ แม่สาวน้อยโสด ซิง อกหัก 5555 เป็นไงละ ชอบชื่อที่ฉันตั้งให้มั๊ย”

    เจมส์พูดพลางยิ้มบางๆ

    “ฉันมีแฟนแล้ว”

    “เอ เดี๋ยวนะ ฉันคงต้องเปลี่ยนชื่อให้เธอแล้วละ เพราะตั้งแต่วันนั้นเธอก็เสีย... ;)”

    “หยุดพูดถึงวันนั้นวักที มันเป็นความผิดพลาดของฉัน ที่ดันไปหลงเชื่อคำพูดของนาย แต่ตอนนี้ไปได้แล้ว แล้วเราจะทำตัวเหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน”

    “จะทำอย่างงั้นได้ไง เราจะไม่รู้จักกันงั้นหรอ แต่ฉันเป็นผู้ชายที่ได้อยู่ใกล้ชิดเธอมากที่สุดเลยนะ” เขาพูดพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย

    “แล้วนายคิดว่าฉันจะทำอย่างนั้นกับแฟนไม่ได้หรือไง” ฉันพูดไปด้วยความโกรธ

    “ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีนะแม่สาวน้อย...พวกเธอยังเรียนกันอยู่เลยนะ” เขาหัวเราะออกมานิดๆ

    “แล้วเมื่อตอนนั้นที่นายพาฉันมาที่นี่ฉันไม่ได้เรียนอยู่หรือไง กล้าพูด! ตอนนั้นอายุน้อยกว่านี้อีกนะ!!!”

    ฉันตะโกนเสียงดัง และเพิ่งมานึกได้ว่าพี่เรนอยู่ใกล้ๆนี่เอง เขาคงได้ยินสิ่งที่ฉันพูดหมดแล้วสินะ อีกไม่นานไม่นานพี่เรนก็เช็คอินเสร็จเรียบร้อย เขาก็เรีบเดินตรงดิ่งมาที่ๆฉันนั่งคุยกับเจมส์อยู่

    “แกเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาโอบเอวผู้หญิงของคนอื่นหะ!” พี่เรนตะคอกเสียงดัง

    อะไรนะ โอบเอว ไม่จริงงง ทำไมฉันเพิ่งเห็นอะ หมอนี่เอามือมาโอบเอวฉันตั้งแต่เมื่อไร่เนี่ย -0-

    “ปล่อยมื่อนะเจมส์!” ฉันตะโกนใส่เจมส์เต็มๆ

    “นาว หมอนี่เป็นใคร...”

    พี่เรนถาม ด้วยสีหน้าน่ากลัวมากกกก ไม่เคยเห็นเขาทำหน้าแบบนี้มาก่อนเลยอ้า กลัวจุงเบย T^T แต่ก่อนที่ฉันจะได้ตอบอะไรพี่เรน ก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินเข้าบอกให้พวกเราออกไปข้างนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ เพราะตอนนี้พวกเราทำเสียงดังรบกวนแขกท่านอื่นๆที่พักที่นี่ มันก็ดีเหมือนกัน เพราะความจริง...ความลับนี้ เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากให้พี่เรนรู้

    พวกเราทั้งสามก็เดินออกไปข้างนอกตามที่พนักงานคนนั้นบอก แต่มันกลับไม่ใช่การสงบสติอารมณ์ แต่อารมณ์ของทั้งคู่กลับฉุนเฉียวมากยิ่งขึ้นแทน

    “นาว...พี่ถามว่าผู้ชายคนี้มันเป็นใคร!”

    พี่เรนถามฉันอีกรอบอย่างฉุนเฉียว ฉันสาบานได้ว่าฉันมองเห็นไฟในนัยน์ตาของพี่เรนได้แล้วแหละ เขาไม่ต่างกับภูเขาไฟ ที่พร้อมจะปะทุขึ้นทุกเมื่อ

    “คือ ทั้งคู่ใจเย็นก่อนนะคะ”

    ฉันตอบไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

    “ฉันก็เป็นผู้ชายที่มาก่อนแกยังไงละ ใช่มั๊ยนาว”

    คราวนี้เป็นเจมส์ฝ่ายพูด

    “แกหมายความว่ายังไง นาวไม่เคนมีแฟน แล้วแกเป็นใคร!”

    พี่เรนโกรธแล้ว ทำไมเรื่องถึงเป็นอย่างนี้นะ

    “เป็นพี่ชาย!”

    ฉันโกนไป หวังว่าเขาจะเชื่อ แต่มันก็เป็นแค่ความหวังลมๆแล้งๆสินะ T^T

    “ทำไมต้องไปโกหกมันด้วยละนาว”

    เจมส์พูดพลางหันมามองฉัน และยิ้มเจ้าเล่ห์ นายนี่ต้องการอะไรจากช้านนนนน!

    “แก บอกมาสิ ว่าแกเป็นใคร!”

    “ได้ ฉันเป็นผู้ชายคนนึง ที่เคยมาเจอนาวที่นี่ตอนเธออกหักจากรักแรก กินเหล้าเป็นเพื่อนเธอจนเธอเมาหมดสติ แล้วพาเธอเข้าโรงแรมนี้ไงละ พอใจรึยัง”

    “…” ใช่ ตอนนั้นฉันอกหักจากพี่ทิมมี่...

    พี่เรนเงียบไปพักใหญ่

    “แกหมายความว่ายังไง”

    “ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ เห้อออ นาว ฉันเบื่อแล้ว งั้นฉันไปหาเหยื่อรายใหม่ก่อนนะ บ๊ายบาย”

    เจมส์เดินออกไปด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่กระดากปากบ้างหรือไง พูดออกมาได้ เลว เลวที่สุด!

    แต่แล้วก็เดินกลับมาและกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูฉัน “ความจริงวันนั้นฉันไม่ได้ทำอะไรเธอหรอก จำไม่ได้หรอ ว่าตอนเธอตื่นมาเธอยังใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น แถมฉันก็ไม่ได้นอนอยู่ด้วย นั่นก็เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเลยไงแถมนอนตรงโซฟาด้วย ไม่สบายเลย - -ฉันก็แค่เห็นเธอเมาจนไม่ได้สติเลยอุ้มเธอมาพัก ฉันไม่อยากทำผิดนะ มาทำมิดีมิร้ายกับเด็กอย่างเธอน่ะ ถ้าคนอื่นๆรู้ฉันก็ซวยละสิ ^^”

    อะไรนะ...นี้เขาพูดว่าอะไรนะ!!! แล้วที่ฉันมัวกระวนกระวาย ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร กลุ้ม ด่าตัวเองเป็นปี คิดมากอยู่นี่มัน... ไม่ใช่ความจริงอย่างงั้นหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยยย T^T

    “แล้วทำไมนายไม่บอกฉัน!”

    “ก็ตอนแรกฉันจะแกล้งเธอเล่น แต่พอฉันจะบอกความจริงกับเธอ เธอก็ออกไปจากโรงแรมแล้ว เบอร์ติดต่อฉันก็ไม่มี จะให้ทำยังไงละ อีกอย่าง ฉันก็นึกว่าเธอจะคิดได้ ไม่นึกว่าจะโง่ขนาดนี้” นายนั่นตอบก่อนที่จะเดินออกไป สรุปคือฉันโง่สินะ… อืม…

    “ไปคุยกันที่ห้อง” พี่เรนพูดเสียงดังจนฉันสะดุ้ง ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและห่างเกิน ไม่รอฉัน และเดินตรงดิ่งเข้าด้านใน

    “เดี๋ยว พี่เรน ห้องใคร ห้องนาวหรือห้องพี่”

    “เราได้ห้องห้องเดียว พี่กะจะบอกนาวแล้ว แต่ไอ้เวรนั่นดันโผล่มาก่อนน่ะสิ”

    เราเดินไปถึงในห้องในที่สุด หนึ่งนาทีนานเหมือนเป็นชั่วโมง ฉันไม่อยากให้พี่เรนรู้เลย ถ้าเขารู้แล้วเขารับไม่ได้ละ ถ้าเขาทิ้งฉันไป...ฉันคงทนไม่ได้ เพราะฉันรักเขามาก มากจริงๆ

    “ค่ะ...”

    “นาวมีสติมั๊ย ตอนมากับมัน”

    “ไม่ค่ะ...นาวเมามาก เขากรอกหูแล้วก็มอมเหล้านาว”

    “แล้วนาวเสียใจมั๊ย ที่ทำอย่างนั้นไป”

    “นาวเสียใจ มากเลยค่ะ”

    “นาวรักมันมั๊ย”

    “ไม่ค่ะ”

    “นาวรักพี่มั๊ย”

    “...รัก...รักสิคะ”

    “นาว...”

    “พี่เรน แต่ถึงเจมส์นอนห้องเดียวกับนาว เขาไม่ได้ทำอะไรนาวเลยนะคะ เขานอนที่โซฟาอะ -0-”

    “จริงหรอ” ดวงตาของเขาเบอกกว้างด้วยความตกใจ แต่แล้วหน้าตาตึงเครียดก็ค่อยๆ ผ่อนคลาย และคลี่ยิ้มออกมา

    “จริงสิคะ”

    “ทำไมไม่บอกพี่ตั้งแต่แรก พี่เป็นห่วงมากเลยนะ รู้มั๊ย”

    เมื่อฉันพูดจบ พี่เรนก็ไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้หายใจเลย เขากระโจนเข้ามากอดฉันแน่น พร้อมกับพูดประโยคที่ทำให้ใจที่เหี่ยวเฉาของฉันชุ่มชื้นขึ้นมาอีกครั้ง

    “พี่รักนาวนะ พี่ไม่โกรธนาวเลย ไม่ต้องกลัวนะคะ พี่ไม่ทิ้งนาวไปไหนหรอก แล้วพี่ก็จะไม่ทำอะไรเลยเทิดขนาดนั้นด้วยนะ ถ้านาวไม่ชอบอะไรที่พี่ทำก็บอกได้ตลอดเลยนะคะ” เสียงของพี่เรนที่กระซิบเข้ามาในหู ทำให้ใจฉันแทบละลายหายไป หลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นจบ เขาก็ค่อยๆแตะริมฝีปากฉันและบรรจงจูบอย่างรวดเร็ว แต่อ่อนโยน ริมฝีปากของเขาเหมือนจะกระชากวิญญาณของฉันออกไปจาก เขาจูบฉันอย่างหนักหน่วง เหมือนจะบอกว่าฉันเป็นของเขา ของเขาคนเดียว เราจูบกันอยู่อย่างนั้นหลายนาที และหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้…


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×