คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : - Ankylose - Chapter.23
TALK ::
มาอัพแล้วค่า^^~ วันนี้อัพเย็นไปนิดนึง ขอโทษนะคะ~
(คือจริงๆแล้วเผลอหลับกลางวันอย่างที่ไม่ได้ทำมานานโข...)
สำหรับเรื่องรวมเล่มที่สอบถามเข้ามากัน
คิดว่าพอลงเรื่องนี้จบแล้วก็จะมีการเปิดจองค่ะ^^ ประมาณกลางๆปลายๆกุมภา~
ยังไงก็ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์และการติดตามมากๆนะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยค่ะ~
Chapter.23
“งั้นฉันจะนั่งตรงกลางก็ได้นะ”
ถึงจะชอบนั่งริมกระจกและดื้อรั้นมากพอที่จะปฏิเสธสายตาอ้อนๆของยูชอนหรือคำขอชางมินได้ แต่ทว่าความห่วงใยที่มีให้กับน้องชายและความ
ผูกพันและความรักของเพื่อนอย่างยูชอนก็ทำให้จุนซูใจอ่อนพอที่จะยอมแลกที่นั่งริมกระจกที่ตนเองชอบนักชอบหนากับชางมินเพื่อมานั่งตรงกลางเสียแทน
“จะได้เลิกเถียงกันซะที วันนี้เป็นอะไรกันเนี่ย คนนึงง่วงอีกคนนึงปวดหัว”
จุนซูอดที่จะบ่นเล็กๆไม่ได้เมื่อน้องชายตัวแสบก็เอนมาพิงไหล่ขวา แล้วจู่ๆยูชอนก็พรวดพราดเอนมาซบไหล่ซ้ายเสียจนเผลอสะดุ้ง แต่พอเห็นสีหน้าเหนื่อยอ่อนบนใบหน้าคมของคนด้านซ้ายแล้วก็ได้แต่นั่งเงียบ
“ยูชอนกลับบ้านไปต้องกินยาด้วยนะ”
“จุนซูต้องเตือนฉันอีกรอบนะ
”
เสียงทุ้มพร่าเอ่ยออกมาแผ่วเบาในขณะที่มือหนาเลื่อนไปจับมือเล็กไว้หลวมๆ กลิ่นหอมอ่อนๆที่ทำให้รู้สึกสบายใจของจุนซูยิ่งทำให้เขารู้สึก ‘หวง’ จนไม่อยากให้ใครเข้าใกล้เลยจริงๆ แค่เพียงคิดว่าตอนนี้ชางมินเองก็คงจะคิดไม่ต่างกัน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกร้อนรนจนอยากจะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าคนตัวเล็กนี่เป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ยังไง
ตอนนี้จุนซูก็ไม่ได้เป็นของเขาอยู่ดี
..
“เฮ้อ~ถึงบ้านซะที ปวดไหล่ชะมัดเลย~”
กว่าที่รถตู้จะมาส่งถึงบ้านก็ปาเข้าไปจะห้าทุ่มอยู่รอมร่อแล้ว จุนซูเอ่ยบ่นทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากรถในขณะที่ขยับยักไหล่เอียงคอด้วยใบหน้าที่ยู่ลง โดนใช้ไหล่ทั้งสองข้างเป็นหมอนให้กับคนตัวสูงกว่าสองคนที่เอาแต่ใจอย่างกับอะไรดี ขาเล็กก้าวเท้าเข้าบ้านเป็นคนแรกโดยตามมาด้วยยูชอนและชางมินติดๆกัน ส่วนคู่พี่ใหญ่สองคนนั้นก็มัวแต่คุยหัวเราะคิกคักกันรั้งท้าย
“กลับมาแล้วเหรอฮะ!”
เสียงของคนร่างผอมที่โผล่ออกมาในห้องนั่งเล่นด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับพี่ชายไม่มีผิดเพี้ยนทำให้จุนซูยิ้มออกมาน้อยๆ อดที่จะปรายสายตาส่อแววหยอกเย้าไปมองน้องเล็กที่ยืนเยื้องอยู่ทางด้านหลังของตนเองไม่ได้ โดยที่ชางมินก็ยังคงตีหน้าขรึมและส่งสายตาดุๆมาที่เขาตอบกลับมาจนต้องเผลอหัวเราะคิก
“นายยังไม่นอนอีกเหรอ? ตัวเล็ก”
“ไม่เล็กนะ!” เสียงทุ้มพร่าคล้ายคลึงผู้เป็นพี่ชายทว่าอ่อนกว่าเอ่ยหน้ามุ่ย “
ฉ
ฉันก็รอไม่สิ
ก็แค่นอนไม่หลับน่ะ นายนี่ช้าชะมัด
”
เสียงอุบอิบที่เอ่ยขึ้นมาแผ่วๆนั้นทำเอาชางมินถึงกับเงียบกริบ จะเพราะความขัดเขินหรืออะไรสักอย่างที่เจ้าตัวไม่รู้จักแต่ก็ไม่ได้ฉลาดน้อยถึงขนาดจะไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นคืออะไร เพียงแต่ไม่รู้จะแสดงออกไปยังไงดีก็เท่านั้นเอง
“
ก็กลับมาแล้วไง
ไม่ยักรู้ว่าตาถั่ว”
ก็เพราะอย่างนั้นนั่นแหละ ถึงได้เผลอเอ่ยกัดออกไปทุกทีเสียแบบนี้
“ชางมิน! พูดดีๆกับน้องหน่อยซี่~”
“
เป็นไงบ้างอ่ะ? นายง่วงเหรอ?”
ยูฮวานเดินมาตรงหน้าของคนที่ทำสีหน้าเหมือนเพิ่งจะตื่นมาไม่นาน นัยน์ตาคมใสช้อนขึ้นมองคนตัวสูงกว่าด้วยแววเป็นห่วงที่พยายามกลบเกลื่อนจนยูชอนอดที่จะสังเกตพฤติกรรมของน้องชายตัวแสบของตัวเองไม่ได้
ยูฮวาน
อย่าบอกนะว่านาย
“ก็นิดหน่อย แล้วทำไมนายยังไม่นอน”
“
ฉัน
ฉันไม่ค่อยง่วงอ่ะ!”
จะให้บอกยังไงเล่าว่ารอนายอยู่
ชางมินหลุดยิ้มเล็กน้อยที่มุมริมฝีปากหยักได้รูป ก่อนที่จะเดินนำคนร่างผอมที่กำลังทำหน้างงไปที่บริเวณบันได พร้อมทั้งหันใบหน้าคมคายหล่อเหลากลับมาพร้อมเอ่ยด้วยเสียงทุ้มที่น่าฟังจนยูฮวานอดที่จะปล่อยให้ใบหน้าขาวของตนเองขึ้นสีระเรื่อไม่ได้เพราะถูกคนตัวสูง ‘รู้ทัน’ เข้าให้เสียแล้ว
จริงๆว่าจะกินมื้อดึกซะหน่อย
แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ จะปล่อยให้วันนึงก็แล้วกัน
“นี่ฉันก็กลับมาแล้ว ทีนี้จะนอนได้รึยังล่ะ?”
...
“ชางมินน่ารักอ้ะ!”
สองร่างบางแห่งทงบังชินกิเอ่ยขึ้นมาพร้อมเพรียงก่อนที่จะมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคัก ภาพของยูฮวานที่ใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อยกล่าวราตรีสวัสดิ์กับพวกตนเองแล้วเดินตามน้องสุดท้องของพวกเขาไปนั้นยังทำให้จุนซูและแจจุงอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ ท่าทีของทั้งสองคนตัวเล็กทำเอายุนโฮและยูชอนตวัดสายตาไปมอง ‘คนของตัวเอง’ โดยมิได้นัดหมาย
“พี่ไม่เคยเห็นชางมินเป็นแบบนี้เลย เจ้าตัวแสบนั่นก็มีมุมน่ารักๆเยอะเหมือนกันนะเนี่ย”
“ชางมินน่ารักน้า~ ล้อนิดหน่อยก็เขินแล้วอะ”
“แจจุงอ่า~”
เสียงทุ้มต่ำของหัวหน้าวงทำให้ทั้งแจจุงและจุนซูหันหน้าไปมองพร้อมกัน ก็พบเจ้าของเสียงใบหน้าเข้มที่กำลังทำสีหน้าออดอ้อนอย่างไม่สมกับหน้าตาจนแจจุงต้องเผลอถอนหายใจ
“อะไรอีกล่ะ?”
“แล้วฉันล่ะ? ฉันไม่น่ารักเหรอ?”
เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยถามในขณะที่ยื่นมือหนาของตนเองมาเขย่าแขนบางของแจจุงเบาๆ พร้อมทั้งริมฝีปากยื่นๆและน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าต้องการจะอ้อนเสียเต็มที่ชวนให้น่าขำมากกว่าที่จะเอ่ยบอกว่ามันน่ารัก คิม แจจุงได้แต่ส่ายหน้าเบาๆแล้วหัวเราะน้อยๆกับท่าทีที่ทำเหมือนเด็กไม่รู้จักโตของคนรัก ก่อนที่จะแสร้งเอ่ยเสียงดุ
“ไม่น่ารักแน่ๆถ้ายังไม่ขึ้นไปอาบน้ำนอนตอนนี้ ฉันง่วงแล้วนะ!”
“ไปจ้ะไป ไหนๆแล้วก็ไปอาบด้วยกันเลยดีกว่านะ!”
“ยุนโฮ!!!”
แจจุงร้องเสียงสูงในขณะที่ขมวดคิ้วมุ่นทั้งๆที่ใบหน้าหวานเป็นสีระเรื่อ ยุนโฮทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนที่จะฉวยโอกาสช้อนตัวคนหน้าสวยขึ้นอุ้ม พร้อมกับเอ่ยกับน้องชายอีกสองคนที่ยืนนิ่งอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“ไปก่อนล่ะนะพวกนาย อย่านอนดึกนักล่ะ”
ไม่ว่าเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มที่ฉายแววทั้งเอ่ยสั่งและเป็นห่วงอยู่ในทีตามประสาหัวหน้าวงและพี่ชายคนหนึ่ง ก่อนที่จะอุ้มคนรักที่ดิ้นขลุกขลักจนแทบเอาไม่อยู่เดินขึ้นห้องไปอีกคู่ ปล่อยให้ยูชอนและจุนซูยืนนิ่งอยู่กลางห้องนั่งเล่นที่เงียบสนิท ร่างโปร่งนึกขอบคุณรุ่นพี่หน้าคมอยู่ในใจ ก่อนที่จะเลื่อนมือไปสัมผัสไหล่บางๆของคนตัวเล็กเคียงข้างที่สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย
“นายหิวรึเปล่า?”
น้ำเสียงทุ้มพร่าที่น่าฟังเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน แม้ยูชอนจะรู้ดีว่าจุนซูจะไม่ทานอาหารในเวลากลางคืนก็ตามทีเถอะ แต่อย่างน้อยเขาก็อยากไต่ถามเผื่อว่าคนตัวเล็กเกิดอยากจะทานมื้อดึกขึ้นมาบ้าง จุนซูกระพริบตาปริบๆก่อนที่จะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน
“ไม่หิวหรอก แล้วยูชอนล่ะ
หิวรึเปล่า?”
เสียงแหบหวานยังคงน่าฟังเสมอสำหรับใครหลายๆคน ยิ่งโดยเฉพาะรอยยิ้มอ่อนโยนและบริสุทธิ์ราวกับเด็กตัวน้อยๆที่ประดับอยู่บนดวงหน้ากลมนั้นยิ่งทำให้รู้สึกหัวใจเต้นแรง ยูชอนคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่หิวหรอก เดี๋ยวฉันว่าจะไปกินน้ำสักหน่อย”
ร่างเล็กไม่ตอบอะไรหลังจากสิ้นเสียงทุ้มพร่า ทว่าทันทีที่ขายาวของร่างโปร่งก้าวเดินไปยังตู้เย็นสีสะอาดในห้องครัว ก็พบว่าขาเรียวเล็กนั้นก็เดินเตาะแตะตามมาด้วยอย่างเงียบๆจนยูชอนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“ยูชอนจะไม่กินอะไรหน่อยจริงๆเหรอ? วันนี้นายกินข้าวเที่ยงกับข้าวเย็นไปนิดเดียวเองนะ”
น้ำเสียงหวานที่สะท้อนถึงความเป็นห่วงที่มักจะได้ยินเสมอๆจากคนตัวเล็กตรงหน้าทำให้หัวใจของร่างโปร่งเต้นระรัวในอกจนเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก รู้สึกดีที่จุนซูใส่ใจเขาแบบนี้ พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยแบบนี้ ยูชอนยิ้มออกมาก่อนที่จะส่ายหน้าอีกครั้ง
“ฉันไม่หิวจริงๆจุนซู แค่หิวน้ำนิดหน่อยเอง”
เสียงทุ้มเอ่ยตอบก่อนมือข้างขวาของตนเองที่จะเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบขวดน้ำสีใสออกมา ก่อนที่จะหยิบแก้วน้ำสีขาวเพนท์ลายท้องฟ้าสีครามสดใสจากตะแกรงเหล็กที่วางแก้วมาวางไว้บนโต๊ะสีน้ำตาลอ่อน
บรรยากาศเงียบๆที่เหมือนจะดูน่าอึดอัดแต่ก็เป็นความรู้สึกที่ไม่เชิงเรียกว่าอึดอัดค่อยๆถูกก่อตัวขึ้น จุนซูที่ยืนนิ่งมองดูร่างสูงเทน้ำออกจากขวดใสสู่แก้วใบสวยรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมชาติของตนเอง มือเรียวบางลูบจอนผมของตนเองสองสามครั้งอย่างติดนิสัยเวลารู้สึกขัดเขินหรือทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะเพื่อทำลายความเก้ๆกังๆของตนเองที่เกรงว่าเพื่อนสนิทร่างโปร่งเคียงข้างนี้จะรับรู้ถึงมัน พร้อมกับก้าวขาเล็กออกไปเพื่อที่จะหยิบแก้วลายปลาโลมาที่อยู่บนตะแกรงเหล็กของตนเองบ้าง
“
ฉ
ฉันว่าฉันเทน้ำผลไม้มากินก่อนนอนบ้างก็ดีเหมือนกันนะ! ย
ยูชอนเอาด้วยมั้----หวา!!”
อาจเป็นเพราะความร้อนรนภายในจิตใจหรืออะไรบางอย่างที่ทำให้ขาเล็กเกิดสะดุดกับขาเก้าอี้ของโต๊ะรับประทานอาหารจนร่างเล็กเริ่มเซล้มไปกับพื้นพร้อมๆกับเสียงร้องที่ดังขึ้นอย่างตกใจ ร่างโปร่งที่ยังไม่ทันจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเบิกตากว้าง ก่อนที่จะรีบรั้งคนตัวเล็กซุ่มซ่ามให้เข้ามาแนบกับแผ่นอกของตนเองจนล้มไปกองกับพื้นทั้งคู่
“
นายนี่
ซุ่มซ่ามจริงๆนะจุนซู
”
“
ก
ก็สะดุดขาเก้าอี้นี่----!”
เสียงเล็กที่เอ่ยขึ้นแผ่วเบาของคนร่างเล็กในอ้อมแขนแกร่งต้องขาดห้วงไปเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าใบหน้าของตนเองกับใบหน้าคมคายร่างโปร่งที่เป็นคนรองรับช่วยตนเองเอาไว้อยู่ห่างกันไม่ถึงสิบเซนฯด้วยซ้ำไป!
ความใกล้ชิดที่แทบเรียกได้ว่าร่างโปร่งกำลังกอดกายเล็กไว้กระชับ ลมหายใจอุ่นร้อนที่รู้สึกได้บริเวณข้างพวงแก้มทำให้จุนซูเผลอก้มหน้างุด เม้มริมฝีปากบางของตนเองอย่างทำอะไรไม่ถูกในความขัดเขินนั้น มือเล็กเลื่อนขึ้นมาลูบจอนผมสีน้ำตาลเข้มของตนเองสองสามครั้ง ก่อนที่ความเงียบงันจะปกคลุมคนทั้งคู่อย่างช้าๆ
มองหน้าใกล้กว่านี้ก็เคยมาแล้ว
กอดกันก็ออกจะบ่อย
นับครั้งไม่ถ้วนเลยล่ะมั้ง
?
แล้วทำไม
?
“จุนซู
.”
เป็นครั้งแรก
ที่สามารถบอกกับตัวเองได้ว่าเขา ‘เข้าใจ’ แล้วจริงๆ
ไออุ่นของความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า ‘มิตรภาพ’
เจ้าของกลิ่นหอมหวานราวกับเด็กตัวเล็กๆ ผิวนุ่มนิ่มที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาตอนนี้
เป็นครั้งแรก
ที่รู้สึกได้ว่า ‘หัวใจ’ ของคนเรา
ก็สามารถ ‘พูด’ เป็นเหมือนกัน
รัก
เขารักจุนซู
“
ค
คือ เจ็บตรงไหนรึเปล่ายูชอน?”
จุนซูพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกของตนเองที่เคยคิดว่าจะเก็บงำมันไว้ลึกที่สุดภายในจิตใจอย่างสุดความสามารถด้วยการเอ่ยถามร่างโปร่งเสียงแผ่ว มือเล็กพยายามดันแผงอกอบอุ่นของคนตรงหน้าออกอย่างช้าๆแม้ว่าอาการชาหนึบที่ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายจะทวีแรงขึ้นทุกที จุนซูค่อยๆผละตัวเองออกมาจากอ้อมแขนของคนที่ยังคงจดจ้องใบหน้าหวานของคนตรงหน้าไม่เลิกจนคนตัวเล็กรู้สึกประหม่า
ไม่ได้
ไม่ได้นะ
เราจะเอาความรู้สึกเดิมๆมาทำให้ยูชอนลำบากใจไม่ได้อีกแล้ว
“ค
คือ..ขอบคุณนะยูชอน---อ๊ะ!”
เสียงหวานร้องเบาๆเมื่อจู่ๆมือหนาของเจ้าของอ้อมแขนเมื่อครู่ก็รั้งข้อมือบางของคนตัวเล็กเอาไว้จนต้องกลับมาแนบชิดกันอีกครั้งหนึ่ง ดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรื่ออย่างไม่อาจหักห้าม เมื่อใบหน้าคมคายอยู่ใกล้มากเกินไปจนในหัวสมองรู้สึกขาวโพลน ริมฝีปากอิ่มของยูชอนเม้มเข้าหากันช้าๆ ในขณะที่มือหนาอบอุ่นค่อยๆสัมผัสพวงแก้มใสร้อนผะผ่าวของคนในอ้อมแขนอย่างช้าๆ ทอดมองดวงตาเรียวรีที่พยายามเสมองไปทางอื่นด้วยแววตาที่อ่อนโยนจนจุนซูรู้สึกเหมือนตนเองจะระเบิดออกมาเพราะความเขินอาย
“จุนซู
คือฉัน
.”
มือที่ไล้แก้มใสค่อยๆเชยปลายคางมนของคนตัวเล็กที่ยังคงหลบสายตาขึ้นอย่างช้าๆ ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะก้มลงไปโน้มเก็บเกี่ยวความหอมหวานที่เสมือนความฝันนั้นอย่างเผลอใจ จุนซูนั่งนิ่งตัวแข็งทำอะไรไม่ถูกในอ้อมแขนของร่างโปร่งที่กำลังโน้มใบหน้าคมคายเข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีๆกระทั่งระยะห่างเหลือเพียงลมหายใจกั้น
“ฉันคิดว่าฉัน
.”
ครืดดด ครืดดด~
แรงสั่นสะเทือนเบาๆที่บริเวณต้นขาจากเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงสีเข้มของคนตัวเล็กดังขึ้นในความเงียบที่ชวนให้หัวใจเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกจากอก จุนซูสะดุ้งตัวโยนอย่างคืนสติก่อนที่จะรีบผละออกมาจากอ้อมแขนของคนตรงหน้าแทบจะในทันที ยูชอนขมวดคิ้วมุ่นอย่างหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะอยู่ภายในใจแต่ก็ไม่อาจที่จะทำอะไรได้ ได้แต่ใช้นัยน์ตาคมจ้องมองคนตัวเล็กที่หยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องจิ๋วขึ้นมากดปุ่มรับสายและกรอกน้ำเสียงแหบหวานลงไปเท่านั้น
“ฮยอกแจ!~”
ชื่อของคนปลายสายที่ดังขึ้นมาจากริมฝีปากเล็กนั้นทำให้ยูชอนถึงกับคิ้วกระตุก
อึนฮยอกอีกแล้วเหรอ!?
แล้วทำไมต้องโทรมาตอนนี้ด้วย มีตาทิพย์รึยังไงฮะ!
“อื้ม! ฉันสบายดี ทำไมโทรมาดึกจัง จะชวนเล่นเกมรึไง? อิยะฮ่าฮ่า~”
รอยยิ้มสดใสเปล่งประกายที่ชวนให้คนมองยิ้มตามแต่ตอนนี้ปาร์ค ยูชอนกลับยิ้มไม่ออก ยิ่งเห็นดวงหน้าหวานแสดงถึงความดีใจที่เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยประถมติดต่อมาเท่าไร ความรู้สึกไม่สบอารมณ์ของเขาก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น แม้จะเข้าใจดีว่าจุนซูกับอึนฮยอกสนิทกันแค่ไหน แต่ก็อดที่จะรู้สึก
แปลกๆแบบนี้ไม่ได้
เพราะเขากำลังรู้สึกว่า ‘ตอนนี้’ ตัวของเขาเองก็ไม่ต่างจากอึนฮยอก
เป็นแค่ ‘เพื่อนสนิท’ เพียงเท่านั้น
คำว่ารักของจุนซู
สายตาของจุนซู
รอยยิ้มของจุนซูที่เขาเคยมั่นใจว่ามีให้เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาเท่านั้นที่เป็นคนพิเศษ
แต่ตอนนี้
มันหายไปแล้ว
สิ่งที่เขาได้รับจากจุนซูในตอนนี้
ไม่ได้ต่างไปจากสิ่งที่ ‘เพื่อนสนิท’ ควรมอบให้กันเลยแม้แต่น้อย
“อ้าว
งั้นเหรอ
? อื้ม
รู้แล้วน่า นายเองก็ตั้งใจทำงานล่ะ”
“
.”
“
ฉัน
ก็คิดถึงนายเหมือนกันแหละน่า”
คำว่าคิดถึงที่ดังอ้อมแอ้มมาจากปากของคนตัวเล็กที่ยืนลูบท้ายทอยของตนเองอยู่ข้างกายทำเอาปาร์ค ยูชอนถึงกับหูผึ่ง นัยน์ตาคมกริบจ้องใบหน้าหวานๆของจุนซูเสียจนคิดว่าตัวเองจะตาถลน!
ยิ่งเห็นก็ยิ่งเจ็บใจตัวเอง
ทำไมเขาถึงไม่เอะใจให้มันเร็วกว่านี้ ทำไมเขาถึงปล่อยให้เรื่องราวมันยืดเยื้อได้ถึงขนาดนี้
ทำไมเขาถึงทำให้คนตัวเล็กนี่ปล่อยมือไปจากเขาในฐานะของ ‘ความรัก’
ทำไมเขาต้องเจ็บปวดเพราะความ ‘หึงหวง’ คนตัวเล็กตรงหน้าได้ขนาดนี้
แล้วทำไม
ทำไมเขาถึงอยากครอบครองร่างเล็กๆนี้ให้เป็นของเขาเพียงคนเดียวมากขนาดนี้!
มือหนากำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกชาจนไร้ความรู้สึก เจ้าของริมฝีปากอิ่มที่เม้มเข้าหากันแน่นได้แต่มองคนตัวเล็กที่วางสายโทรศัพท์มือถือนั้นไปแล้ว ทว่ารอยยิ้มน่ารักที่ปรากฏบนใบหน้ากลมยามที่มองหน้าจอของเครื่องมือสื่อสารตนเองก็ยิ่งทำให้ยูชอนเกิดความหึงหวงมากเสียจนรู้สึกหน้ามืด
จุนซู
นายเป็นของฉัน
ของฉันแค่คนเดียวเท่านั้นนะ!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued...
ความคิดเห็น