ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ Fiction] - Ankylose - [YooSu,Yunjae,MinRic]

    ลำดับตอนที่ #21 : - Ankylose - Chapter.21

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.03K
      4
      26 ม.ค. 53

    Happy Birthday To Kim Jaejoong~
    ปีนี้แจจ๋าก็อายุ 24 แล้ว...ขอให้แจจ๋ามีความสุขมากๆทั้งในปีนี้และปีต่อๆไป
    ขอให้รอยยิ้มสวยๆนั้นคงอยู่ตลอดไปนะ...

    ไม่ว่ายังไงก็จะรอด้วยความเชื่อมั่นเสมอ.



    TALK ::
    มาอัพอีกแล้วค่า^^~ คราวที่แล้วที่มีคนแซวมาให้อัพทุกชม.จริงๆ นี่เหงื่อตกเลยนะคะ (ฮา)
    วันเว้นวันก็เร็วแล้วน้า~ เรื่องหน้าอาจจะไม่เร็วแบบนี้ก็ได้นะคะ ฮ่าๆๆ
    ส่วนเรื่องรวมเล่มที่มีบางท่านถามมา...

    คิดว่าจะรวมเหมือนกันค่ะ เพราะส่วนตัวก็อยากเก็บของตัวเองไว้เป็นเล่มๆด้วย
    แต่ไม่รู้ว่าจะสนใจกันรึเปล่า แหะๆ><

    แต่อีกพักนึงเลยค่ะว่าจะจบ~ น่าจะประมาณกลางๆปลายๆกุมภาเลย ^^

    ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และทุกคอมเมนท์มากๆนะคะ
    ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยค่ะ~







    Chapter.21

     





     

    วันนี้มีอัดรายการช่วงตั้งแต่บ่ายสองโมงไปจนถึงสามทุ่ม และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ยูชอนและจุนซูปฏิเสธที่จะตื่นในตอนเช้าจนกระทั่งเกือบเที่ยง เสียงเปิดประตูและปิดแผ่วๆที่ดังขึ้นทำให้ร่างโปร่งค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย ยังไม่ทันที่จะได้เรียกสติหรืออะไร เสียงทุ้มอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นบริเวณเตียงของคนตัวเล็กข้างๆจนต้องตาสว่าง

     

    พี่จุนซูพี่จุนซูฮะ

     

    อื้ออ~”

     

    เสียงครวญหวานๆฟังแล้วชวนให้หัวใจเต้นผิดจังหวะของคนตัวเล็กที่ดังขึ้นมายิ่งทำให้นัยน์ตาคมลืมได้เต็มตื่น ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะทำให้ต้องกระเด้งตัวขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างช่วยไม่ได้

     

    น้องชายสุดท้องของวงกำลังอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงสีสะอาด มือทั้งสองข้างจับไหล่บอบบางของพี่ชายตัวเล็กไว้หลวมๆ ในขณะที่จุนซูซึ่งกำลังงัวเงียก็ทำเหมือนจะรั้งให้ชางมินลงมานอนข้างๆตนเองเสียให้ได้ เพราะมือเล็กนั้นกำชายเสื้อสีเข้มของผู้เป็นน้องไว้แน่น มิหนำซ้ำยังจะใช้ศีรษะกลมๆนั้นซุกหาแผ่นอกกว้างอีกต่างหาก

     

    เค้าจะนอนนนน~”

     

    เสียงหวานออดอ้อนอย่างที่เขาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทแท้ๆกลับแทบไม่เคยได้ยิน ยิ่งทำให้สติเริ่มที่จะขาดผึง มือหนาเผลอกำเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว


     

     

    ทุกครั้งที่เขาต้องเป็นคนปลุก จุนซูไม่เห็นจะเคยมาอ้อนแบบนี้เลย!

     

     


    ชางมินเดี๋ยวฉันปลุกจุนซูเอง!”

     

    น้ำเสียงที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกได้ถึง ความไม่พอใจที่แฝงอยู่ชัดเจนนั่นหรือไม่ ชางมินลอบยิ้มเล็กน้อยก่อนที่เตรียมจะผละออกตามที่พี่ชายร่างโปร่งต้องการ

     

    ชางมินอา~ช่วยดึงหน่อยสิดึงงง~”

     

    เสียงงัวเงียดังขึ้นอย่างง่วงงุนในขณะที่มือเล็กยังกำชายเสื้อของน้องชายร่างสูงไว้แน่น ริมฝีปากบางยู่ลงก่อนที่ชางมินจำต้องดึงให้ร่างเล็กลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทั้งๆที่ตาเรียวแทบจะลืมไม่ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

     

    พี่จุนซู วันนี้มีอัดรายการบ่ายสองนะฮะ นอนแบบนี้เดี๋ยวก็อืดหรอก

     

    ว่าไงนะ!”

     

    ถึงจะยังไม่ตื่นดีแต่ว่าเจ้าตัวเล็กยอมให้จิกกัดแบบนี้ฝ่ายเดียวซะที่ไหนกัน กำปั้นเล็กทุบอั่กๆเข้าที่บ่ากว้างของชางมินจนน้องสุดท้องทำหน้าเบ้ ก่อนที่จะรั้งคอเสื้อของน้องชายมากระซิบแผ่วเบา

     

    ดูแลยูฮวานดีๆนะ

     

    เมื่อรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่แก้มของชางมินที่เหมือนจะสูงขึ้นพร้อมกับสีระเรื่อที่จางแทบมองไม่เห็น จุนซูก็หัวเราะคิกคักชอบใจที่ในที่สุดน้องชายคนเล็กของเขาก็ได้มีความรักกับเขาบ้างเสียที จะได้ไม่ต้องมานั่งบ่นเป็นหมีกินผึ้งเวลาเห็นพี่ยุนโฮกับพี่แจจุงสวีทกันอย่างออกหน้าออกตาอยู่แบบนี้ มือหนาเกาท้ายทอยของตนเองแก้เขินก่อนที่จะพูดเสียงแผ่ว

     

    “…พี่บ้าไปแล้วรึไง ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย

     

    อิยะฮะฮ่าๆ~นายเขินใช่มั้ยล่า~”

     

    ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ!”

     

    เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้กำลังรู้สึกโมโหจนแทบจะเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกที ได้แต่เดินเข้าห้องน้ำไปทั้งๆที่ในใจอยากจะรั้งคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมแขนของเขาต่อหน้าน้องชายร่างสูงเลยด้วยซ้ำ

     

    ชางมินที่เห็นอาการ หึงไม่รู้ตัวของพี่ชายเสียงพร่าแล้วก็ได้แต่หัวเราะเบาๆจนคนร่างเล็กที่นั่งตาแป๋วอยู่บนเตียงเอียงคอน้อยๆพร้อมเอ่ยถามอย่างงุนงง

     

    หัวเราะอะไรน่ะชางมิน?

     

    “…เปล่าฮะ ว่าแต่พี่เถอะไม่เป็นไรใช่มั้ย?

     

    ทันทีที่สิ้นเสียงของผู้เป็นน้องชาย รอยยิ้มจางๆที่แต่งแต้มอยู่บนดวงหน้าหวานก็ค่อยๆหายไป แววสดใสในดวงตาที่เคยสร้างขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันก็พลันหายไปหมดทุกอย่างจนคนมองอดใจหายไม่ได้ นัยน์ตาสีหม่นกระพริบถี่ๆหลายๆครั้งก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

     

    ไม่นี่ไม่ได้เป็นอะไรเลย…”

     

    เวลาพี่พูดว่า ไม่ทีไรผมก็แปลว่ามัน ใช่ทุกครั้งนั่นแหละ…”

     

    “…บ้าน่ะ…”

     

    เสียงเล็กเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนที่จะยิ้มออกมาน้อยๆทั้งๆที่ในใจแทบจะอยากจะกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ


     

     

    ทำไม่ได้เลย

    ทุกอย่างที่ทำให้สามารถยิ้มได้อย่างร่าเริงเป็นเพียงเกราะป้องกันตนเองเท่านั้น


     

    ทั้งๆที่สัญญาแล้วว่าจะเป็นแค่เพื่อนทั้งๆที่สัญญาแล้วว่าจะไม่คิดเกินเลยไปจากนี้

    แต่สุดท้ายแล้วหัวใจกลับเรียกร้องจนเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก




     

    หัวใจที่ร่างโปร่งเป็นคนมอบมันคืนมาให้เพราะไม่อาจตอบรับมันได้



     

     

    “…ไม่คิดที่จะหยุดพักบ้างเหรอฮะ?

     

    น้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยถามออกมาทำให้จุนซูนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะส่ายหน้าเบาๆด้วยรอยยิ้ม

     

    “…ถ้าทำได้จริงพี่ก็คงจะหยุดมันไปตั้งนานแล้ว…”

     

    พี่จุนซูแก้มนิ่มจังเลยอ่ะ!”

     

    เอ๊ะ?

     

    จู่ๆน้องชายตัวสูงก็พูดเสียงดังลั่นอย่างจงใจขึ้นมาจนคนตัวเล็กทำหน้างงเต๊ก ชางมินลอบหัวเราะเบาๆเพราะเขาจงใจให้คนที่อยู่ในห้องน้ำได้ยิน มือหนายื่นไปดึงให้แก้มกลมนุ่มนิ่มนั้นยืดออกเบาๆพร้อมๆกับประตูห้องน้ำที่ถูกกระชากเปิดออก

     

    จุนซู! ไปอาบน้ำได้แล้ว!”

     

    น้ำเสียงทุ้มพร่าที่ติดจะใส่อารมณ์นิดๆทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งน้อยๆ ก่อนที่จะฉีกยิ้มสดใสอย่างน่ารักให้กับผู้เรียกจนความหงุดหงิดทั้งหมดที่สุมอยู่ในใจหายไปหมดสิ้น ชางมินปรายสายตามองใบหน้าคมที่มีหยาดน้ำเกาะอยู่บนใบหน้าอย่างรู้ทัน

     

    ชางมิน ถ้านายไม่รีบลงไปกินข้าว เดี๋ยวยูฮวานแย่งหมดนะร่างเล็กหัวเราะคิกเมื่อเห็นสีหน้าคิดหนักของน้องชายตนเองก่อนที่จะหันมาพูดกับร่างโปร่ง ยูชอนลงไปก่อนก็ได้นะ

     

    ยูชอนทำเพียงพยักหน้ารับเจ้าของรอยยิ้มน่ารักนั้นที่เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ทว่าทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลง ร่างโปร่งก็เป็นคนเปิดการสนทนาทันที

     

    นี่นายตั้งใจใช่มั้ยชางมิน?

     

    “…ตั้งใจอะไรเหรอฮะ?

     

    อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย จงใจยั่วให้ฉันหงุดหงิดใช่มั้ย? ถึงไปเข้าใกล้จุนซูแบบนั้น

     

    ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะฮะ…”

     

    “…..”

     

    ในเมื่อพี่ยูชอนก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่จุนซูสักหน่อยนี่นา

     

    คำพูดของน้องสุดท้องราวกับมีดที่ปักลงมาแทงใจดำดังฉึกจนยูชอนเม้มริมฝีปากอิ่มของตนเองอย่างเผลอตัว ชางมินอมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะผินกายเพื่อเดินออกไปหาอาหารใส่ท้องอย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อเสร็จภารกิจ ยั่วโมโหพี่ชายร่างขาวคนนี้เรียบร้อยแล้ว

     

    เดี๋ยวชางมิน!”

     

    ทว่าเสียงพร่าที่เอ่ยขึ้นมาก็ทำให้หยุดชะงัก ใบหน้าคมของน้องเล็กสุดหันมามองพี่ชายของตนเองอย่างช้าๆ พร้อมๆกับคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินมันและประกายแววตาที่มุ่งมั่นจากร่างโปร่งหน้า

     

    ฉันให้ไม่ได้…”

     

    “…..”

     

    “…ฉันยกจุนซูให้นายไม่ได้!”


     

     

    รู้ตัวแล้วรึไงนะ..?


     

    ช่างเถอะขอทิ้งระเบิดไว้อีกสักนิดก็แล้วกัน


     

     

    เรื่องนั้นพี่เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอฮะว่ามันขึ้นอยู่กับตัวพี่จุนซูต่างหาก

     

    รอยยิ้มมุมปากปรากฏที่ใบหน้าหล่อเหลาก่อนที่เจ้าของประโยคนั้นจะเดินลงไปหาของกินสุดที่รักตามที่ใจหวังไว้เสียที ทิ้งไว้ให้ยูชอนยืนนิ่งอยู่อย่างนั่นทั้งๆที่กำมือแน่น ร่างโปร่งถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนที่เตรียมจะเดินตามลงไปบ้าง

     

    “…อ๊า~ลืมเอาเสื้อเข้าไปได้ยังไงกันนะ

     

    เสียงหวานๆที่ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออกทำให้ยูชอนเผลอหลบหลังประตูโดยไม่รู้ตัว นึกสงสัยตนเองว่าทำไมต้องมีปฏิกิริยาอะไรแปลกๆแบบนี้ด้วย ก็แค่

     

    นัยน์ตาคมเบิกกว้างขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่มีผ้าขนหนูพันอยู่รอบเอวคอดเล็กที่เปียกชื้นอย่างหมิ่นเหม่เท่านั้นโดยที่ร่างบางเล็กหันหลังให้ ผิวขาวชมพูนวลตาดูนุ่มนิ่มน่าสัมผัสปรากฏแก่สายตา ทั้งๆที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ แต่กลับดูบอบบางอย่างไม่น่าเชื่อ ยูชอนนึกโทษสายตาของตนเองที่จับจ้องอยู่ที่หยดน้ำพราวไหลลู่จากปลายเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเกาะอยู่ที่แผ่นหลังบางอย่างน่ามองไล่ไปถึงสะโพกกลมกลึงภายใต้ผ้าขนหนูสีสะอาดจนตนเองเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว

     


     

    ตื่นเต้นอะไรของเราวะ?

     

    ทั้งๆที่เห็นก็ออกจะบ่อยแต่ทำไมคราวนี้มันถึงหัวใจเต้นแรงแบบนี้..


     

     

    ไม่นานเรือนกายขาวบางนั้นก็ถูกบดบังด้วยผ้าสีอ่อนเนื้อดีและกางเกงขาสั้นเท่าเข่าสีน้ำตาลเข้ม ยูชอนแสร้งเปิดประตูเข้าไปเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จอย่างพอดิบพอดี

     

    จุนซู เสร็จรึยัง?

     

    อ้าวยูชอนยังไม่ลงไปกินข้าวอีกเหรอ?

     

    เอ่อคือพอดีฉันพี่แจจุงให้มาตามน่ะ

     

    จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะเดี๋ยวพี่แจจุงต้องบ่นอีกแน่เลยอ่า~”

     

    ร่างเล็กทำปากยู่อย่างน่ารักก่อนที่จะเดินออกจากห้องโดยมียูชอนที่แอบขอโทษรุ่นพี่หน้าสวยอยู่ในใจเดินตามหลังลงบันไดมาเพื่อทานข้าวเที่ยงก่อนออกไปอัดรายการตามตารางงานของวัน กลิ่นหอมๆที่โชยมาแตะจมูกกลับไม่ใช่กินของแกงกิมจิของโปรด แต่กลับเป็นกลิ่นหวานๆอ่อนเหมือนแป้งเด็กจากร่างเล็กเคียงข้างที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำ


     

     

    จุนซูนายทำอะไรฉันเนี่ย?

     


     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

     

    จุนซูกินน้ำไหม?

     

    จุนซูเล่นเกมกันเถอะ

     

    จุนซูไปกับฉันหน่อยสิ


    จุนซูนายเคยฟังเพลงนี้รึยัง?

     

    จุนซูทำอะไรอยู่น่ะ?

     

    จุนซู…”

     

    จุนซู…”

     

    วันทั้งวันนี้มีแต่เสียงพร่าวนเวียนไปมารอบกายคนตัวเล็กไม่ขาด ยูชอนที่ตามติดจุนซูทั้งวันไม่ว่าจะในเวลาพัก เตรียมตัว หรือกระทั่งช่วงอัดรายการ เรียกได้ว่าที่ว่างข้างกายเล็กๆนั้นไม่เคยจะขาดร่างโปร่งของปาร์ค ยูชอนไปเลยแม้แต่นาทีเดียว

     

    ให้ตายเถอะเจ้านั่นอะไรเข้าสิงรึยังไง?

     

    ยุนโฮที่ยืนถือแก้วน้ำอยู่ที่ฝั่งหนึ่งของห้องแต่งตัวได้แต่ถอนหายใจในขณะที่จ้องมองน้องชายร่างโปร่งคอยติดตามเทคแคร์ดูแลอยู่ข้างๆจุนซูจนคนตัวเล็กแทบจะไม่ต้องทำอะไรเองเลยด้วยซ้ำ ชางมินที่ยืนอยู่ข้างๆพี่ชายหัวหน้าวงได้แต่หัวเราะเล็กน้อยจนแจจุงต้องหันไปมอง

     

    หัวเราะอะไรน่ะชางมิน?


    น้องเล็กกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยตอบ

     

    “…ก็แค่หัวเราะคนขี้หวงน่ะฮะ

     

    คำตอบของน้องสุดท้องทำเอายุนโฮหันมามองหน้า อย่าบอกนะว่านายไปวางระเบิดอะไรไว้

     

    คิ้วเข้มหนาที่ยักขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มพรายที่มุมริมฝีปากได้รูปทำให้พี่ใหญ่ทั้งสองคนของวงรู้ว่าเจ้าน้องชายตัวแสบนี่ไปทำอะไรแผลงๆเอาไว้อีกแล้ว

     

    ทำเป็นหัวเราะไปเถอะฉันล่ะสงสารยูฮวานจริงๆ

     

    เสียงหวานจากรุ่นพี่หน้าสวยที่ตอบกลับมาทำเอาใบหน้าคมของชางมินถึงกับเหวอไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยสวนโต้ตอบพัลวัน

     

    เกี่ยวอะไรกับเด็กนั่นล่ะพี่ ผมไม่ได้คิดอะไรกับเจ้าตัวเล็กนั่นสักหน่อย

     

    ให้มันจริงเถอะ ไอ้รอยยิ้มแปลกๆเวลานายอยู่กับยูฮวานน่ะ อย่าคิดว่าพวกฉันไม่เห็นนะ

     

    ชิม ชางมินนิ่งงันไปครู่หนึ่ง พยายามไล่ความขัดเขินที่พุ่งปราดขึ้นมาจนรู้สึกถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปของใบหน้า ก่อนที่จะยักไหล่อย่างลวกๆและเดินไปหาของกินที่โต๊ะของว่างมุมห้อง ทิ้งให้ยุนโฮและแจจุงมองหน้ากันอย่างรู้ทันถึงนิสัยของน้องชายคนเล็ก


     

     

    ถ้ายูชอนรู้จะเป็นยังไงบ้างนะ?

     

    แต่ตอนนี้เจ้าตัวคงยังไม่รู้อะไรนอกจากหาวิธีอยู่ใกล้ๆจุนซูให้มากที่สุดล่ะมั้ง?

     


     

    ยูชอน..เป็นอะไรเนี่ย…”

     

    ดวงหน้าหวานมุ่ยลงก่อนที่จะเอ่ยถามร่างโปร่งที่เอาแต่จับผม จับแก้ม จัดเสื้อ และคราวนี้ก็มาจับมือของเขาไว้ทั้งสองข้างแล้วแกว่งไปมาโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ยอมรับว่าความจริงแล้วตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะถูกสัมผัสโดยคนร่างโปร่งเลยสักนิด ทว่าเพื่อคำว่า เพื่อนอย่างที่สัญญาเอาไว้ก็ทำให้ต้องกลืนความรู้สึกหวั่นใจนั้นลงไปอย่างช่วยไม่ได้


     

     

    นายทำแบบนี้แล้วจะให้ฉันตัดใจได้ยังไง?

     

     


    ตอนนี้กล้องก็ไม่มีสักหน่อยปล่อยฉันเถอะยูชอน

     

    จุนซูทำไมต้องสนใจด้วยล่ะว่ากล้องจะอยู่รึเปล่า?

     

    แววตาเรียวรีไหวระริกแวบหนึ่งจนไม่อาจสังเกตเห็นกับคำถามนั้นของผู้เป็นเพื่อนรัก ก่อนที่ริมฝีปากบางจะคลี่ยิ้มน้อยๆในขณะที่ดึงมือของตนเองออกมาจากการเกาะกุมของร่างโปร่งอย่างช้าๆ

     

    “…ก็ยูชอนไม่เห็นต้องคอยเซอร์วิสแบบนี้ตลอดเวลาเลยนี่นา…”

     

    ไม่ใช่อย่างนั้นนะจุนซูคือว่าฉัน…”

     

    มือหนาที่ยื่นไปคว้าข้อมือเล็กของคนตรงหน้าเอาไว้ราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่างทำให้ดวงหน้าหวานฉายแววงุนงง ริมฝีปากอิ่มค่อยๆเม้มเข้าหากันก่อนที่จะคลายออก เตรียมที่จะเปล่งเสียงออกไปเพื่อพูดอะไรสักอย่าง


     

     

    แต่ว่าต้องพูดอะไรล่ะ?

     

    ในเมื่อเขายังไม่แน่ใจเลยว่าความรู้สึกที่มีต่อร่างเล็กนี่มันคืออะไรกันแน่

    ความรู้สึกที่คล้ายกับที่เขามีให้พี่แจจุงและใครคนอื่นๆในชีวิตที่เขาเคยคบมา

     

    แต่มันเหมือนมีอะไรที่แตกต่างไปจากนั้น

     

    แล้วแบบนี้เขาจะพูดออกไปว่า รักจุนซูทั้งๆที่เพิ่งจะปฏิเสธไปเมื่อไม่กี่วันก่อนแบบนี้ได้ยังไง


     

     

    จุนซูจริงๆแล้วฉันฉันคิดว่า…”

     

    พี่จุนซูฮะ

     

    ชางมิน…!”

     

    มือเล็กเผลอขืนออกมาให้พ้นจากมืออบอุ่นคู่ที่โหยหานั้นก่อนที่จะรีบเดินไปหาผู้เอ่ยเรียกตนเองที่ยืนอยู่ด้านหลัง มือบางกำชายเสื้อของน้องชายตัวสูงไว้แน่น สายตาที่เชยขึ้นมองใบหน้าคมเข้มนั้นไหวระริกอย่างน่าสงสารเสียจนชางมินนึกโล่งใจว่าเขาคิดถูกแล้วที่มาขวางบทสนทนาของพี่ชายทั้งสองคนแบบนี้

     

    พอดีเลย! ฉันจะคุยเรื่องสคริปต์น่ะ เดี๋ยวฉันมานะยูชอน…”

     

    เสียงเล็กพูดระรัวเร็วก่อนที่จะหันมาเอ่ยประโยคสุดท้ายกับผู้เป็นเพื่อนด้วยรอยยิ้ม พร้อมลากแขนของชางมินที่มาได้จังหวะจนต้องขอบคุณในใจออกไปจากห้องแต่งตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้




     

     

    อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะยูชอน


    อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น


     

    สายตาของนายที่มันเหมือนกำลังบอกกับฉันว่า





     

    นายจะเอาหัวใจของฉันกลับไปอีกครั้งนึง

     




     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    To Be Continued...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×