คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : - Ankylose - Chapter.21
Happy Birthday To Kim Jaejoong~
ปีนี้แจจ๋าก็อายุ 24 แล้ว...ขอให้แจจ๋ามีความสุขมากๆทั้งในปีนี้และปีต่อๆไป
ขอให้รอยยิ้มสวยๆนั้นคงอยู่ตลอดไปนะ...
ไม่ว่ายังไงก็จะรอด้วยความเชื่อมั่นเสมอ.
TALK ::
มาอัพอีกแล้วค่า^^~ คราวที่แล้วที่มีคนแซวมาให้อัพทุกชม.จริงๆ นี่เหงื่อตกเลยนะคะ (ฮา)
วันเว้นวันก็เร็วแล้วน้า~ เรื่องหน้าอาจจะไม่เร็วแบบนี้ก็ได้นะคะ ฮ่าๆๆ
ส่วนเรื่องรวมเล่มที่มีบางท่านถามมา...
คิดว่าจะรวมเหมือนกันค่ะ เพราะส่วนตัวก็อยากเก็บของตัวเองไว้เป็นเล่มๆด้วย
แต่ไม่รู้ว่าจะสนใจกันรึเปล่า แหะๆ><
แต่อีกพักนึงเลยค่ะว่าจะจบ~ น่าจะประมาณกลางๆปลายๆกุมภาเลย ^^
ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และทุกคอมเมนท์มากๆนะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยค่ะ~
Chapter.21
วันนี้มีอัดรายการช่วงตั้งแต่บ่ายสองโมงไปจนถึงสามทุ่ม และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ยูชอนและจุนซูปฏิเสธที่จะตื่นในตอนเช้าจนกระทั่งเกือบเที่ยง เสียงเปิดประตูและปิดแผ่วๆที่ดังขึ้นทำให้ร่างโปร่งค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย ยังไม่ทันที่จะได้เรียกสติหรืออะไร เสียงทุ้มอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นบริเวณเตียงของคนตัวเล็กข้างๆจนต้องตาสว่าง
“พี่จุนซู
พี่จุนซูฮะ”
“อื้ออ~”
เสียงครวญหวานๆฟังแล้วชวนให้หัวใจเต้นผิดจังหวะของคนตัวเล็กที่ดังขึ้นมายิ่งทำให้นัยน์ตาคมลืมได้เต็มตื่น ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะทำให้ต้องกระเด้งตัวขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างช่วยไม่ได้
น้องชายสุดท้องของวงกำลังอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงสีสะอาด มือทั้งสองข้างจับไหล่บอบบางของพี่ชายตัวเล็กไว้หลวมๆ ในขณะที่จุนซูซึ่งกำลังงัวเงียก็ทำเหมือนจะรั้งให้ชางมินลงมานอนข้างๆตนเองเสียให้ได้ เพราะมือเล็กนั้นกำชายเสื้อสีเข้มของผู้เป็นน้องไว้แน่น มิหนำซ้ำยังจะใช้ศีรษะกลมๆนั้นซุกหาแผ่นอกกว้างอีกต่างหาก
“เค้าจะนอนนนน~”
เสียงหวานออดอ้อนอย่างที่เขาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทแท้ๆกลับแทบไม่เคยได้ยิน ยิ่งทำให้สติเริ่มที่จะขาดผึง มือหนาเผลอกำเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว
ทุกครั้งที่เขาต้องเป็นคนปลุก จุนซูไม่เห็นจะเคยมาอ้อนแบบนี้เลย!
“ชางมิน
เดี๋ยวฉันปลุกจุนซูเอง!”
น้ำเสียงที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกได้ถึง ‘ความไม่พอใจ’ ที่แฝงอยู่ชัดเจนนั่นหรือไม่ ชางมินลอบยิ้มเล็กน้อยก่อนที่เตรียมจะผละออกตามที่พี่ชายร่างโปร่งต้องการ
“ชางมินอา~ช่วยดึงหน่อยสิ
ดึงงง~”
เสียงงัวเงียดังขึ้นอย่างง่วงงุนในขณะที่มือเล็กยังกำชายเสื้อของน้องชายร่างสูงไว้แน่น ริมฝีปากบางยู่ลงก่อนที่ชางมินจำต้องดึงให้ร่างเล็กลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทั้งๆที่ตาเรียวแทบจะลืมไม่ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“พี่จุนซู วันนี้มีอัดรายการบ่ายสองนะฮะ นอนแบบนี้เดี๋ยวก็อืดหรอก”
“ว่าไงนะ!”
ถึงจะยังไม่ตื่นดีแต่ว่าเจ้าตัวเล็กยอมให้จิกกัดแบบนี้ฝ่ายเดียวซะที่ไหนกัน กำปั้นเล็กทุบอั่กๆเข้าที่บ่ากว้างของชางมินจนน้องสุดท้องทำหน้าเบ้ ก่อนที่จะรั้งคอเสื้อของน้องชายมากระซิบแผ่วเบา
“ดูแลยูฮวานดีๆนะ”
เมื่อรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่แก้มของชางมินที่เหมือนจะสูงขึ้นพร้อมกับสีระเรื่อที่จางแทบมองไม่เห็น จุนซูก็หัวเราะคิกคักชอบใจที่ในที่สุดน้องชายคนเล็กของเขาก็ได้มีความรักกับเขาบ้างเสียที จะได้ไม่ต้องมานั่งบ่นเป็นหมีกินผึ้งเวลาเห็นพี่ยุนโฮกับพี่แจจุงสวีทกันอย่างออกหน้าออกตาอยู่แบบนี้ มือหนาเกาท้ายทอยของตนเองแก้เขินก่อนที่จะพูดเสียงแผ่ว
“
พี่บ้าไปแล้วรึไง ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย”
“อิยะฮะฮ่าๆ~นายเขินใช่มั้ยล่า~”
“ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ!”
เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้กำลังรู้สึกโมโหจนแทบจะเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกที ได้แต่เดินเข้าห้องน้ำไปทั้งๆที่ในใจอยากจะรั้งคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมแขนของเขาต่อหน้าน้องชายร่างสูงเลยด้วยซ้ำ
ชางมินที่เห็นอาการ ‘หึงไม่รู้ตัว’ ของพี่ชายเสียงพร่าแล้วก็ได้แต่หัวเราะเบาๆจนคนร่างเล็กที่นั่งตาแป๋วอยู่บนเตียงเอียงคอน้อยๆพร้อมเอ่ยถามอย่างงุนงง
“หัวเราะอะไรน่ะชางมิน?”
“
เปล่าฮะ ว่าแต่พี่เถอะ
ไม่เป็นไรใช่มั้ย
?”
ทันทีที่สิ้นเสียงของผู้เป็นน้องชาย รอยยิ้มจางๆที่แต่งแต้มอยู่บนดวงหน้าหวานก็ค่อยๆหายไป แววสดใสในดวงตาที่เคยสร้างขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันก็พลันหายไปหมดทุกอย่างจนคนมองอดใจหายไม่ได้ นัยน์ตาสีหม่นกระพริบถี่ๆหลายๆครั้งก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ
“ไม่นี่
ไม่ได้เป็นอะไรเลย
”
“เวลาพี่พูดว่า ‘ไม่’ ทีไร
ผมก็แปลว่ามัน ‘ใช่’ ทุกครั้งนั่นแหละ
”
“
บ้าน่ะ
”
เสียงเล็กเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนที่จะยิ้มออกมาน้อยๆทั้งๆที่ในใจแทบจะอยากจะกรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ
ทำไม่ได้เลย
ทุกอย่างที่ทำให้สามารถยิ้มได้อย่างร่าเริงเป็นเพียงเกราะป้องกันตนเองเท่านั้น
ทั้งๆที่สัญญาแล้วว่าจะเป็นแค่เพื่อน
ทั้งๆที่สัญญาแล้วว่าจะไม่คิดเกินเลยไปจากนี้
แต่สุดท้ายแล้ว
หัวใจกลับเรียกร้องจนเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
หัวใจ
ที่ร่างโปร่งเป็นคนมอบมันคืนมาให้เพราะไม่อาจตอบรับมันได้
“
ไม่คิดที่จะหยุดพักบ้างเหรอฮะ
?”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยถามออกมาทำให้จุนซูนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะส่ายหน้าเบาๆด้วยรอยยิ้ม
“
ถ้าทำได้จริง
พี่ก็คงจะหยุดมันไปตั้งนานแล้ว
”
“พี่จุนซูแก้มนิ่มจังเลยอ่ะ!”
“เอ๊ะ
?”
จู่ๆน้องชายตัวสูงก็พูดเสียงดังลั่นอย่างจงใจขึ้นมาจนคนตัวเล็กทำหน้างงเต๊ก ชางมินลอบหัวเราะเบาๆเพราะเขาจงใจให้คนที่อยู่ในห้องน้ำได้ยิน มือหนายื่นไปดึงให้แก้มกลมนุ่มนิ่มนั้นยืดออกเบาๆพร้อมๆกับประตูห้องน้ำที่ถูกกระชากเปิดออก
“จุนซู! ไปอาบน้ำได้แล้ว!”
น้ำเสียงทุ้มพร่าที่ติดจะใส่อารมณ์นิดๆทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งน้อยๆ ก่อนที่จะฉีกยิ้มสดใสอย่างน่ารักให้กับผู้เรียกจนความหงุดหงิดทั้งหมดที่สุมอยู่ในใจหายไปหมดสิ้น ชางมินปรายสายตามองใบหน้าคมที่มีหยาดน้ำเกาะอยู่บนใบหน้าอย่างรู้ทัน
“ชางมิน ถ้านายไม่รีบลงไปกินข้าว เดี๋ยวยูฮวานแย่งหมดนะ” ร่างเล็กหัวเราะคิกเมื่อเห็นสีหน้าคิดหนักของน้องชายตนเองก่อนที่จะหันมาพูดกับร่างโปร่ง “ยูชอนลงไปก่อนก็ได้นะ”
ยูชอนทำเพียงพยักหน้ารับเจ้าของรอยยิ้มน่ารักนั้นที่เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย ทว่าทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลง ร่างโปร่งก็เป็นคนเปิดการสนทนาทันที
“นี่นายตั้งใจใช่มั้ยชางมิน?”
“
ตั้งใจอะไรเหรอฮะ?”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลย จงใจยั่วให้ฉันหงุดหงิดใช่มั้ย? ถึงไปเข้าใกล้จุนซูแบบนั้น”
“ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะฮะ
”
“
..”
“ในเมื่อพี่ยูชอนก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่จุนซูสักหน่อยนี่นา”
คำพูดของน้องสุดท้องราวกับมีดที่ปักลงมาแทงใจดำดังฉึกจนยูชอนเม้มริมฝีปากอิ่มของตนเองอย่างเผลอตัว ชางมินอมยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะผินกายเพื่อเดินออกไปหาอาหารใส่ท้องอย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อเสร็จภารกิจ ‘ยั่วโมโห’ พี่ชายร่างขาวคนนี้เรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวชางมิน!”
ทว่าเสียงพร่าที่เอ่ยขึ้นมาก็ทำให้หยุดชะงัก ใบหน้าคมของน้องเล็กสุดหันมามองพี่ชายของตนเองอย่างช้าๆ พร้อมๆกับคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินมันและประกายแววตาที่มุ่งมั่นจากร่างโปร่งหน้า
“ฉันให้ไม่ได้
”
“
..”
“
ฉันยกจุนซูให้นายไม่ได้!”
รู้ตัวแล้วรึไงนะ..?
ช่างเถอะ
ขอทิ้งระเบิดไว้อีกสักนิดก็แล้วกัน
“เรื่องนั้น
พี่เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอฮะ
ว่ามันขึ้นอยู่กับตัวพี่จุนซูต่างหาก”
รอยยิ้มมุมปากปรากฏที่ใบหน้าหล่อเหลาก่อนที่เจ้าของประโยคนั้นจะเดินลงไปหาของกินสุดที่รักตามที่ใจหวังไว้เสียที ทิ้งไว้ให้ยูชอนยืนนิ่งอยู่อย่างนั่นทั้งๆที่กำมือแน่น ร่างโปร่งถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนที่เตรียมจะเดินตามลงไปบ้าง
“
อ๊า~ลืมเอาเสื้อเข้าไปได้ยังไงกันนะ”
เสียงหวานๆที่ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออกทำให้ยูชอนเผลอหลบหลังประตูโดยไม่รู้ตัว นึกสงสัยตนเองว่าทำไมต้องมีปฏิกิริยาอะไรแปลกๆแบบนี้ด้วย ก็แค่
นัยน์ตาคมเบิกกว้างขึ้นเมื่อคนตัวเล็กเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่มีผ้าขนหนูพันอยู่รอบเอวคอดเล็กที่เปียกชื้นอย่างหมิ่นเหม่เท่านั้นโดยที่ร่างบางเล็กหันหลังให้ ผิวขาวชมพูนวลตาดูนุ่มนิ่มน่าสัมผัสปรากฏแก่สายตา ทั้งๆที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแท้ๆ แต่กลับดูบอบบางอย่างไม่น่าเชื่อ ยูชอนนึกโทษสายตาของตนเองที่จับจ้องอยู่ที่หยดน้ำพราวไหลลู่จากปลายเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเกาะอยู่ที่แผ่นหลังบางอย่างน่ามองไล่ไปถึงสะโพกกลมกลึงภายใต้ผ้าขนหนูสีสะอาดจนตนเองเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว
ตื่นเต้นอะไรของเราวะ?
ทั้งๆที่เห็นก็ออกจะบ่อย
แต่ทำไมคราวนี้มันถึงหัวใจเต้นแรงแบบนี้..
ไม่นานเรือนกายขาวบางนั้นก็ถูกบดบังด้วยผ้าสีอ่อนเนื้อดีและกางเกงขาสั้นเท่าเข่าสีน้ำตาลเข้ม ยูชอนแสร้งเปิดประตูเข้าไปเอ่ยถามคนตัวเล็กที่เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จอย่างพอดิบพอดี
“จุนซู เสร็จรึยัง?”
“อ้าว
ยูชอน
ยังไม่ลงไปกินข้าวอีกเหรอ?”
“เอ่อ
คือพอดีฉัน
พี่แจจุงให้มาตามน่ะ”
“จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ
เดี๋ยวพี่แจจุงต้องบ่นอีกแน่เลยอ่า~”
ร่างเล็กทำปากยู่อย่างน่ารักก่อนที่จะเดินออกจากห้องโดยมียูชอนที่แอบขอโทษรุ่นพี่หน้าสวยอยู่ในใจเดินตามหลังลงบันไดมาเพื่อทานข้าวเที่ยงก่อนออกไปอัดรายการตามตารางงานของวัน กลิ่นหอมๆที่โชยมาแตะจมูกกลับไม่ใช่กินของแกงกิมจิของโปรด แต่กลับเป็นกลิ่นหวานๆอ่อนเหมือนแป้งเด็กจากร่างเล็กเคียงข้างที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นส่ำ
จุนซู
นายทำอะไรฉันเนี่ย
?
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“จุนซูกินน้ำไหม?”
“จุนซูเล่นเกมกันเถอะ”
“จุนซูไปกับฉันหน่อยสิ”
“จุนซูนายเคยฟังเพลงนี้รึยัง?”
“จุนซูทำอะไรอยู่น่ะ?”
“จุนซู
”
“จุนซู
”
วันทั้งวันนี้มีแต่เสียงพร่าวนเวียนไปมารอบกายคนตัวเล็กไม่ขาด ยูชอนที่ตามติดจุนซูทั้งวันไม่ว่าจะในเวลาพัก เตรียมตัว หรือกระทั่งช่วงอัดรายการ เรียกได้ว่าที่ว่างข้างกายเล็กๆนั้นไม่เคยจะขาดร่างโปร่งของปาร์ค ยูชอนไปเลยแม้แต่นาทีเดียว
“ให้ตายเถอะ
เจ้านั่น
อะไรเข้าสิงรึยังไง?”
ยุนโฮที่ยืนถือแก้วน้ำอยู่ที่ฝั่งหนึ่งของห้องแต่งตัวได้แต่ถอนหายใจในขณะที่จ้องมองน้องชายร่างโปร่งคอยติดตามเทคแคร์ดูแลอยู่ข้างๆจุนซูจนคนตัวเล็กแทบจะไม่ต้องทำอะไรเองเลยด้วยซ้ำ ชางมินที่ยืนอยู่ข้างๆพี่ชายหัวหน้าวงได้แต่หัวเราะเล็กน้อยจนแจจุงต้องหันไปมอง
“หัวเราะอะไรน่ะชางมิน?”
น้องเล็กกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยตอบ
“
ก็แค่หัวเราะคนขี้หวงน่ะฮะ”
คำตอบของน้องสุดท้องทำเอายุนโฮหันมามองหน้า “อย่าบอกนะว่านายไปวางระเบิดอะไรไว้”
คิ้วเข้มหนาที่ยักขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มพรายที่มุมริมฝีปากได้รูปทำให้พี่ใหญ่ทั้งสองคนของวงรู้ว่าเจ้าน้องชายตัวแสบนี่ไปทำอะไรแผลงๆเอาไว้อีกแล้ว
“ทำเป็นหัวเราะไปเถอะ
ฉันล่ะสงสารยูฮวานจริงๆ”
เสียงหวานจากรุ่นพี่หน้าสวยที่ตอบกลับมาทำเอาใบหน้าคมของชางมินถึงกับเหวอไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยสวนโต้ตอบพัลวัน
“เกี่ยวอะไรกับเด็กนั่นล่ะพี่ ผมไม่ได้คิดอะไรกับเจ้าตัวเล็กนั่นสักหน่อย”
“ให้มันจริงเถอะ ไอ้รอยยิ้มแปลกๆเวลานายอยู่กับยูฮวานน่ะ อย่าคิดว่าพวกฉันไม่เห็นนะ”
ชิม ชางมินนิ่งงันไปครู่หนึ่ง พยายามไล่ความขัดเขินที่พุ่งปราดขึ้นมาจนรู้สึกถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปของใบหน้า ก่อนที่จะยักไหล่อย่างลวกๆและเดินไปหาของกินที่โต๊ะของว่างมุมห้อง ทิ้งให้ยุนโฮและแจจุงมองหน้ากันอย่างรู้ทันถึงนิสัยของน้องชายคนเล็ก
ถ้ายูชอนรู้จะเป็นยังไงบ้างนะ
?
แต่ตอนนี้เจ้าตัวคงยังไม่รู้อะไรนอกจากหาวิธีอยู่ใกล้ๆจุนซูให้มากที่สุดล่ะมั้ง?
“ยูชอน..เป็นอะไรเนี่ย
”
ดวงหน้าหวานมุ่ยลงก่อนที่จะเอ่ยถามร่างโปร่งที่เอาแต่จับผม จับแก้ม จัดเสื้อ และคราวนี้ก็มาจับมือของเขาไว้ทั้งสองข้างแล้วแกว่งไปมาโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ ยอมรับว่าความจริงแล้วตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะถูกสัมผัสโดยคนร่างโปร่งเลยสักนิด ทว่าเพื่อคำว่า ‘เพื่อน’ อย่างที่สัญญาเอาไว้ก็ทำให้ต้องกลืนความรู้สึกหวั่นใจนั้นลงไปอย่างช่วยไม่ได้
นายทำแบบนี้แล้วจะให้ฉันตัดใจได้ยังไง
?
“ตอนนี้กล้องก็ไม่มีสักหน่อย
ปล่อยฉันเถอะยูชอน”
“จุนซู
ทำไมต้องสนใจด้วยล่ะว่ากล้องจะอยู่รึเปล่า?”
แววตาเรียวรีไหวระริกแวบหนึ่งจนไม่อาจสังเกตเห็นกับคำถามนั้นของผู้เป็นเพื่อนรัก ก่อนที่ริมฝีปากบางจะคลี่ยิ้มน้อยๆในขณะที่ดึงมือของตนเองออกมาจากการเกาะกุมของร่างโปร่งอย่างช้าๆ
“
ก็
ยูชอนไม่เห็นต้องคอยเซอร์วิสแบบนี้ตลอดเวลาเลยนี่นา
”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะจุนซู
คือว่าฉัน
”
มือหนาที่ยื่นไปคว้าข้อมือเล็กของคนตรงหน้าเอาไว้ราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่างทำให้ดวงหน้าหวานฉายแววงุนงง ริมฝีปากอิ่มค่อยๆเม้มเข้าหากันก่อนที่จะคลายออก เตรียมที่จะเปล่งเสียงออกไปเพื่อพูดอะไรสักอย่าง
แต่ว่าต้องพูดอะไรล่ะ
?
ในเมื่อเขายังไม่แน่ใจเลยว่าความรู้สึกที่มีต่อร่างเล็กนี่มันคืออะไรกันแน่
ความรู้สึกที่คล้ายกับที่เขามีให้พี่แจจุง
และใครคนอื่นๆในชีวิตที่เขาเคยคบมา
แต่มันเหมือนมีอะไรที่แตกต่างไปจากนั้น
แล้วแบบนี้
เขาจะพูดออกไปว่า ‘รักจุนซู’ ทั้งๆที่เพิ่งจะปฏิเสธไปเมื่อไม่กี่วันก่อนแบบนี้ได้ยังไง
“จุนซู
จริงๆแล้วฉัน
ฉันคิดว่า
”
“พี่จุนซูฮะ”
“ช
ชางมิน
!”
มือเล็กเผลอขืนออกมาให้พ้นจากมืออบอุ่นคู่ที่โหยหานั้นก่อนที่จะรีบเดินไปหาผู้เอ่ยเรียกตนเองที่ยืนอยู่ด้านหลัง มือบางกำชายเสื้อของน้องชายตัวสูงไว้แน่น สายตาที่เชยขึ้นมองใบหน้าคมเข้มนั้นไหวระริกอย่างน่าสงสารเสียจนชางมินนึกโล่งใจว่าเขาคิดถูกแล้วที่มาขวางบทสนทนาของพี่ชายทั้งสองคนแบบนี้
“พ
พอดีเลย! ฉันจะคุยเรื่องสคริปต์น่ะ เดี๋ยวฉันมานะยูชอน
”
เสียงเล็กพูดระรัวเร็วก่อนที่จะหันมาเอ่ยประโยคสุดท้ายกับผู้เป็นเพื่อนด้วยรอยยิ้ม พร้อมลากแขนของชางมินที่มาได้จังหวะจนต้องขอบคุณในใจออกไปจากห้องแต่งตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะยูชอน
อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น
สายตาของนาย
ที่มันเหมือนกำลังบอกกับฉันว่า
นายจะเอาหัวใจของฉัน
กลับไปอีกครั้งนึง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued...
ความคิดเห็น