คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : - Ankylose - Chapter.9
TALK ::
วันจันทร์นี้เปิดเรียนแล้วล่ะค่ะ T^T ไม่อยากไปรร.เลยจริงๆ~
แต่ยังไงก็จะพยายามมาอัพให้เร็วเหมือนเดิมนะคะ^^
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ทุกคอมเมนท์กำลังใจมากๆนะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยค่า^^~
Chapter.9
“จุนซู
”
เวลาพลบค่ำของวันเสียงทุ้มพร่าของร่างสูงที่เดินเข้ามาในห้องเพื่อเรียกคนตัวเล็กที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงนุ่มให้ทานข้าว เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ ยูชอนทำเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะเดินอ้อมมาใบหน้ากลมที่กำลังนอนตะแคงหันหลังให้กับเขาอยู่
“ได้ทีนอนกินบ้านกินเมืองเชียวนะ ตัวแค่รุมๆเองแท้ๆ”
ยูชอนได้ทีกัดเล็กน้อยแม้จะรู้ดีว่าคนที่อยู่ในห้วงนิทราได้อย่างน่ารักน่าชังตรงหน้านั้นคงไม่มีทางที่จะได้ยิน ร่างบางค่อยพลิกตัวกลับมานอนหงายด้วยนัยน์ตาที่หลับพริ้ม ริมฝีปากบางสีอ่อนเผยอน้อยๆชวนให้หัวใจเต้นระรัว
“อย่างกับแมวเลยนะ
นายน่ะ..”
ร่างสูงเอ่ยยิ้มๆก่อนที่จะจ้องใบหน้ากลมนั้นอย่างไม่วางตา แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับเพียงใด แต่เสียงหัวใจของเขามันก็ดังจนสามารถได้ยินอย่างชัดเจนจริงๆ
ริมฝีปากบางๆนี่
จะหวานเหมือนในฝันรึเปล่านะ
?
เรียวนิ้วยาวค่อยๆสัมผัสที่ริมฝีปากนุ่มอย่างเผลอใจก่อนที่จะค่อยๆผละออก ความเงียบงันของบรรยากาศยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะทาบทับริมฝีปากนุ่มนิ่มนั่นด้วยตัวของเขาเองเสียเหลือเกิน
ใบหน้าคมเผลอโน้มเข้าไปใกล้ๆโดยที่ไม่รู้ตัว ใกล้จนรู้สึกได้ถึงเสียงและความอุ่นร้อนของลมหายใจ ทุกอย่างภายในหัวสมองดูเหมือนจะเบลอจนคิดอะไรไม่ออกนอกจากก้มลงไปประทับกับริมฝีปากเล็กๆนั่นเท่านั้น
“
.มิน
”
ทว่าเสียงเล็กๆที่ครวญงัวเงียออกมาทำให้ต้องหยุดชะงัก ยูชอนที่ได้คืนสติรีบผละออกมาแทบจะในทันที
นี่เรากำลังจะทำอะไรน่ะ!?
“ชาง
มิน
.”
เสียงเครือๆที่ได้ยินลางๆพร้อมกับมือเล็กที่คว้าหมับที่ข้อมือร่างสูงไว้แน่นทำให้ยูชอนเผลอเม้มริมฝีปากก่อนที่จะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“
ไม่ได้
นะ
มิน
ชางมิน
.”
เสียงที่ได้ยินจากริมฝีปากบางที่สั่นระริกยิ่งแผ่วเบาเข้าไปทุกที หยาดน้ำสีใสที่ไหลจากปลายหางตาที่หลับพริ้มร่วงหล่นสู่พื้นเตียงสีสะอาดทำให้ยูชอนเบิกตากว้าง
“จุนซู! จุนซู..!”
แรงเขย่าเบาๆที่ต้นแขนทั้งสองข้างทำให้ร่างเล็กค่อยๆปรือตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย ภาพของคนที่ฝังลึกติดอยู่ภายในใจค่อยๆปรากฏสู่สายตาเรียวใส
“ยู
ชอน
?”
เสียงเล็กเอ่ยเรียกร่างสูงตรงหน้าแผ่วเบาก่อนที่จะเอียงคอน้อยๆอย่างงุนงง
“เป็นอะไรของนายน่ะ
?”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามนาย เจ้าบ้า”
“หือ?”
ใบหน้าน่ารักที่เอียงคอน้อยๆอย่างงุนงงพร้อมกับส่งสายตาใสแป๋วมาให้ทำเอายูชอนเกือบที่จะหยิกแก้มใสๆนั่นแรงๆสักทีสองที
“นายร้องไห้ทำไม?”
“ร้อง? ฉันเนี่ยนะจะร้องไห้
อ้าว
”
จุนซูที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าใบหน้าของตนเองมีหยดน้ำหยดเล็กเกาะอยู่ก็ต้องร้องขึ้นมาอย่างงุนงง แนวฟันขาวเผลอขบริมฝีปากของตนเองตามนิสัยก่อนที่จะช้อนสายตาสบกับร่างสูงที่ดูเหมือนจะจับผิดอยู่ในที
“
ส
สงสัยฉันคงฝันร้ายน่ะ
ฮะๆ”
“
ฝันร้าย
แต่นายละเมอชื่อชางมินเนี่ยนะ”
ดวงตาสีรัตติกาลเรียวรีไหวระริกอีกครั้งหนึ่งด้วยแววตื่นตระหนก ก่อนที่จะปล่อยให้บรรยากาศรอบกายอึดอัดไปมากกว่านี้ จุนซูจึงทำเพียงหัวเราะออกมาเท่านั้น
“ก็ใช่น่ะสิ! ฉันฝันว่าชางมินจู่ๆก็กลายเป็นซอมบี้แล้วจะมาไล่ฆ่าฉันอะ”
“
.”
“มันน่ากลัวมากๆเลยนะรู้รึเปล่า พูดถึงก็ขนลุก โชคดีจังที่นายปลุกฉัน ไม่งั้นฉันต้องตายแน่ๆเลย”
ร่างสูงทำเพียงจ้องมองใบหน้าน่ารักที่แย้มยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะทำสีหน้าอย่างจงใจที่จะ ‘กวน’ เหมือนที่เคยใช้ในการหยอกล้ออยู่บ่อยครั้ง
“ฝันอะไรไม่เข้าท่า นี่ลุกไหวรึยัง? จะลงไปกินข้าวหรือจะกินในห้องล่ะ?”
“เดี๋ยวฉันลงไปกินข้างล่างดีกว่า ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”
“ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่นอนกินบ้านกินเมืองทั้งวันเนี่ยนะ?”
“เงียบน่ายูชอน!”
ร่างบางๆของคนตัวเล็กทำแก้มพองลมอย่างแง่งอนและส่งค้อนวงโตให้กับยูชอนอีกรอบหนึ่งซึ่งไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย
“อ๊ะ
!”
เสียงแหบหวานที่ร้องขึ้นมาเบาๆเมื่อรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาทันทีเมื่อลุกขึ้นนั่ง ทำให้ร่างสูงยื่นมือไปประคองตามสัญชาตญาณ ทว่าทันทีที่มือหนาสัมผัสกับไหล่บาง คนตัวเล็กก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมาจนแม้แต่ยูชอนเองยังตกใจ จุนซูขืนตัวออกมาจากการสัมผัสนั้นก่อนที่จะพูดอย่างตะกุกตะกัก
“มะ
ไม่เป็นไรยูชอน
ฉันแค่..ตกใจนิดหน่อยน่ะ
”
ดวงตาเรียวรีที่หลบสายตาคมของร่างสูงอย่างชัดเจนยิ่งเพิ่มทวีความงุนงงและสงสัยให้มากขึ้น เท้าเล็กค่อยๆแตะพื้นเย็นเฉียบก่อนที่จะขึ้นมายืนตัวตรงเคียงข้างผู้เป็นเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา
“ลงไปกินข้าวกันเถอะ~”
คงมีแต่คนไม่ฉลาดเท่านั้นที่จะดูไม่ออกว่าร่างบางๆตรงหน้าของปาร์ค ยูชอนคนนี้มีอะไรที่ปิดบังร่างสูงอยู่เป็นแน่ ทว่ายูชอนก็หลีกเลี่ยงที่จะเอ่ยถามถึงมัน แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกตะขิดตะขวงกับท่าทีแปลกๆของเพื่อนรักมากเท่าใดก็ตาม
เขาเชื่อว่าเขากับจุนซูไม่มีความลับต่อกัน..
เมื่อถึงเวลาที่จุนซูพร้อม
เขามั่นใจว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจะเป็นคนบอกเขาเอง
ใช่
อย่างน้อยเขาก็เชื่ออย่างนั้น
“อ้าว
จุนซู
ลงมาแล้วเหรอ”
พี่ใหญ่ของวงที่กำลังวางจานกับข้าวลงบนโต๊ะทานข้าวสีสะอาดรีบเดินมาหาคนตัวเล็กที่ในสายตาของเขาแล้วกำลังพยายามเดินให้ดูปกติที่สุดแม้ว่ามันจะไม่สามารถตบตา
เอ่อ
‘คนมีประสบการณ์’ เช่นเขาได้ก็ตามที
“เป็นยังไงบ้าง?”
มือเรียวสัมผัสหน้าผากของคนตัวเล็กเบาๆและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง จุนซูทำเพียงยิ้มน้อยๆอย่างสดใสเหมือนที่เคยทำ ก่อนที่จะส่ายหน้าดุ๊กดิ๊ก
“ผมไม่เป็นไรแล้วฮะ วันนี้พี่แจจุงทำอะไรกินอ่า?”
แจจุงลอบมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างกายเจ้าตัวเล็กที่กำลังตื่นเต้นกับของกินอย่างเงียบๆ ยูชอนจ้องมองจุนซูอย่างเป็นห่วงไม่วางตาจนแจจุงรู้สึกอยากจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้เจ้าคนกระทำได้รับรู้อะไรซะบ้าง ทว่าคำพูดของชางมินที่วนอยู่ในหัวก็ทำให้ริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างปิดลง
“มีแกงกิมจิ แล้วก็ไก่ทอ---อ้าว ไปไหนแล้ว
”
“จุนซูเดินเข้าไปในครัวตั้งนานแล้วครับพี่แจจุง แล้วพี่จ้องหน้าผมทำไมเนี่ย?”
เสียงทุ้มพร่าเอกลักษณ์ของเจ้าน้องชายตัวดีทำให้แจจุงขมวดคิ้วน้อยๆก่อนที่จะส่ายหน้าปฏิเสธเชิงว่าไม่มีอะไร
“อ๊า!! ทำอะไรน่ะชางมิน!?”
เสียงโลมาแหลมปรี๊ดทำให้ยูชอนและแจจุงรีบเข้าไปดูในครัวก่อนที่จะนิ่งค้างเมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังกอดเอวของผู้เป็นน้องคนสุดท้องไว้แน่น
“เป็นอะไรไปน่ะจุนซู!?”
“พี่แจจุง ชางมินจะแอบกินไก่ทอดก่อนแหละ!”
จุนซูได้ทีฟ้องพี่ใหญ่จนน้องชายคนเล็กทำหน้าเบ้เมื่อถูกคุณแม่คนสวยจับได้ ริมฝีปากหยักสวยได้รูปของชางมินขยับเข้าออกเพื่อเป็นการล้อเลียนเสียงของพี่ชายที่ชอบง้องแง้งจนจุนซูหันมาค้อนขวับ
“อ๊า~ทำอะไรน่ะชางมิน~”
เสียงทุ้มที่ดัดให้แหลมไม่ต่างอะไรไปจากตอนจัดรายการวิทยุแล้วต้องแสดงละครเป็นผู้หญิงเลยแม้แต่นิดเดียว รางวัลที่ได้รับก็เลยกลายเป็นกำปั้นเล็กๆของพี่ชายตัวเล็กที่ทุบอั่กๆมาอย่างไม่เกรงใจ
“โอ๊ย! ผมเจ็บนะพี่จุนซู!”
“สมควรแล้ว!! ใครใช้ให้นายมาเลียนแบบฉันแบบนี้เล่า! อีกอย่างเสียงฉันก็ไม่ได้ทุเรศขนาดนั้นซะหน่อย!!!”
ฝ่ายแม่บ้านหน้าสวยที่ดูเหมือนต้องรีบหยุดน้องทั้งสองก่อนที่สงครามขนาดย่อมจะขยายใหญ่ไปมากกว่านี้ก็เอ่ยเสียงดุ
“หยุดทั้งคู่นั่นแหละ! ชางมิน ทีหลังห้ามมาแอบกินแบบนี้อีกนะ!”
ชางมินเบ้หน้าน้อยๆก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นแยกเขี้ยวใส่พี่ชายคู่กรณีตัวเล็กที่ได้ทีหันมาแลบลิ้นใส่ให้อย่างจงใจ และท่าทางทะเล้นๆหัวรั้นของคนตัวเล็กก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของคุณแม่ประจำวงไปได้
“นายก็เหมือนกันจุนซู! เลิกใช้เสียงแหลมๆนั่นโวยวายได้แล้ว!”
เป็นทีของโลมาที่ต้องทำหน้าหงอยก่อนที่จะเบ้ปากเมื่อน้องชายคนเล็กได้ทีทำสีหน้าล้อเลียนจนอยากจะก่อสงครามใหม่อีกรอบจริงๆ ในสมองของคนตัวเล็กมีแต่คำว่ากล่าวชางมินจนลืมไปเสียสนิทเลยว่า
มือของน้องสุดท้องที่ยังคง ‘กอด’ เอวบางของตนเองไว้หลวมๆ
และเหตุผลที่ปาร์ค ยูชอนนิ่งเงียบไม่มีบทอยู่นานสองนานก็เพราะมัวแต่นิ่งค้างจดจ้องมือแกร่งของผู้เป็นน้องของวงที่ยังคงโอบรอบเอวบางไว้นั่น!
หัวใจกระตุกวูบอย่างแปลกประหลาดพร้อมกับความรู้สึกอะไรบางอย่างที่พุ่งพล่านในร่างกาย มือหนาเผลอกำแน่นอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นผู้ที่เป็นเพื่อนสนิทผู้ใสซื่อมัวแต่ส่งค้อนวงโตให้ร่างสูงตรงหน้าจนลืมไปว่าอยู่ใกล้ชิดกันขนาดไหน!
จะโอบหลวมหรือว่าแน่น เขาไม่รู้หรอก!
รู้อย่างเดียวคืออะไรบางอย่างกำลังแล่นในสมองเขาและบอกว่า ‘ไม่ชอบ’ ดังลั่น
“จุนซู”
กว่าที่จะรู้ตัวอีกที เสียงทุ้มพร่าของตนเองก็ดันเอ่ยชื่อของเจ้าของใบหน้าน่ารักนั่นเสียแล้ว ดวงตาใสไหวระริกอยู่ครู่หนึ่งที่หันมา ทว่าก็เป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีจนยูชอนคิดว่าตนเองตาฝาดไป
“
อ
อะไรเหรอยูชอน?”
“
นาย
”
ร่างสูงอ้ำอึ้งอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีในเมื่อการที่เรียกชื่อคนตัวเล็กออกไปก็แทบเรียกได้ว่า ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ เสียด้วยซ้ำ สายตาที่กร้าวขึ้นเล็กน้อยค่อยๆอ่อนลงเมื่อเห็นจุนซูผละตนเองออกมาจากน้องชายคนเล็กที่วิ่งไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวแทนแล้ว
“หือ?”
ยิ่งเห็นดวงตาใสแป๋วจ้องมาที่เขาอย่างนั้น ร่างสูงก็คิดอะไรไม่ออกจนต้องหาเรื่องมาแหย่หรือแกล้งคนตรงหน้าทุกทีไป
“นายลงมาแล้วไม่รู้จักจัดเตียงบ้างเลยรึยังไง รู้รึเปล่าว่าเมื่อกี้ฉันต้องทำให้นายที่จู่ๆก็เดินพรวดพราดออกไปแบบนั้นน่ะห๊ะ”
“ก
ก็นี่ฉันป่วยอยู่นะ!
จ
จะลืมบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่!”
เสียงแหลมๆที่เอ่ยแก้ตัวอย่างไม่ยอมแพ้ทำให้ยูชอนอดที่จะหัวเราะออกมาน้อยๆไม่ได้ ไม่ว่ายังไงคนตรงหน้าของเขาก็ช่างสดใส น่ารักอยู่เสมอแม้จะคงความหัวรั้นอย่างน่าเอ็นดูแบบนี้ก็ตามที
“เลิกเถียงกันได้แล้ว กินข้าวซะจุนซู นายจะได้หายไข้ซะที เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปทำงานไม่ไหวหรอก”
คำว่า ‘ทำงาน’ ทำให้คนมีไข้แอบทำแก้มป่อง เพราะดูเหมือนวันหยุดสามวันที่นานๆครั้งจะได้มีหายไปกับคำว่า ‘ไม่สบาย’ ของตนเองได้ถนัดนัก ดวงตาเรียวรีหม่นลงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น คืนที่ไม่อาจให้อภัยตนเองได้
“นั่นสิ ไปกินข้าวกัน~”
ยูชอนเอ่ยยิ้มก่อนที่จะได้ทีวางแขนพาดบ่าของคนตัวเล็กอย่างที่ชอบทำจนเคยชิน และจุนซูก็ไม่เคยว่าอะไรเขาเลยสักครั้ง นั่นก็เพราะว่าความสนิทสนมที่เหมือนกับครอบครัวนั่นน่ะแหละ
แต่ทว่า
“อย่านะ!”
แรงสะบัดจากเจ้าของใบหน้าน่ารักเคียงข้างที่ทำให้มือของเขาหล่นจากบ่าเล็กทำเอายูชอนถึงกับนิ่งอึ้ง จุนซูเผลอหอบหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะรู้ตัวว่าตนเองทำอะไรลงไป
“..เอ่อ
ขอโทษนะยูชอน คือว่า
ฉันแค่ตกใจน่ะ
”
รอยยิ้มน่ารักที่เพื่อนสนิทอย่างปาร์ค ยูชอนดูเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าจงใจแสร้งขึ้นทำให้ต้องขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แจจุงที่มองดูอาการของน้องชายตัวเล็กอยู่นานก็รีบเอ่ยปากก่อนที่อะไรๆจะคลุมเครือไปมากกว่านี้
“ไปกินข้าวได้แล้ว ทั้งสองคนนั่นแหละ”
แล้วก็เป็นหน้าที่ของคุณแม่ของวงเจ้าของใบหน้าสวยที่ลากน้องชายทั้งสองคนไปกินข้าวพร้อมๆกันโดยที่มียุนโฮและชางมินนั่งรออยู่แล้ว
..
ข้าวไม่ถึงสิบคำค่อยๆผ่านริมฝีปากบางของจุนซูที่พยายามกินอย่างลำบาก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพิษไข้ที่แม้จะทุเลาลงแล้วก็ยังรู้สึกขมคอจนไม่อยากจะทานอะไร และส่วนหนึ่งก็เพราะหัวใจดวงเล็กที่ยังคงครุ่นคิดถึงแต่อาการของตนเองเมื่อครู่
เขาเป็นอะไรไป
?
ตอนนี้เขารู้สึก ‘กลัว’ ทุกครั้งที่ยูชอนจะมาแตะตัว
นี่เขาเป็นอะไรไปกันแน่..?
“จุนซู นายเป็นอะไรน่ะ? ไม่อร่อยเหรอ?”
เสียงที่อ่อนลงของแจจุงทำให้จุนซูที่กำลังตกอยู่ในภวังค์รีบเอ่ยขึ้นเพื่อแก้การเข้าใจผิด
“เปล่าครับพี่แจจุง! มันอร่อยมากๆเลยฮะ
แค่ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ก็เท่านั้นเอง..”
ชางมินที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวเพื่อยัดลงกระเพาะหลุมดำปรายสายตาขึ้นมามองพี่ชายตัวเล็กอย่างเป็นห่วง ก่อนที่จะก้มลงไปกินข้าวต่อ(อ้าว?)
“วันนี้เป็นอะไรไปน่ะจุนซู? พรุ่งนี้ไหวรึเปล่า?”
ยุนโฮอดที่จะถามขึ้นมาเพราะความเป็นห่วงไม่ได้ ไหนจะปัญหาของเจ้าน้องชายตัวเล็กกับยูชอนที่เหมือนจะไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยอีก ยิ่งทำให้เขาเป็นห่วงเข้าไปใหญ่
“ไหวอยู่แล้วฮะพี่ยุนโฮ งั้นผมขอไปนอนเอาแรงดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ทำงานเต็มที่”
จุนซูเอ่ยยิ้ม ไม่ว่ายังไงความรักในการทำงานของร่างเล็กนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยูชอนยิ้มออกมาที่มุมปากก่อนที่จะเอ่ยประโยคที่ทำให้จุนซูเผลอสะดุ้ง
“งั้นฉันจะพาไปที่ห้องนะ”
“
เอ่อ
ม
ไม่เป็นไรหรอกยูชอน กินข้าวไปเถอะ ฉันไปเองได้”
“แต่ว่า
”
“จุนซู” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยชื่อของคนตรงหน้าจนคนร่างเล็กนิ่งเงียบไป
ชางมินที่เห็นท่าทีว่าคนตัวเล็กจะปฏิเสธยูชอนไม่ได้ก็เอ่ยอะไรบางอย่างออกมาในขณะที่ลุกขึ้นมายืนข้างๆร่างเล็กที่มองหน้าตนเองอย่างขอความช่วยเหลือในที
“เดี๋ยวผมไปส่งพี่จุนซูเองฮะ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued...
ความคิดเห็น