คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : - Ankylose - Chapter.8
TALK ::
ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านักอ่านทุกท่านนะคะ^^~
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากๆนะคะที่ติดตาม แฮ่ๆ^^ ดีใจที่ชอบกันค่ะ
ช่วงนี้ไรเตอร์ได้หยุดย๊าวยาว~ แต่จะเปิดเรียนวันจันทร์นี้ เพราะงั้นช่วงนี้เลยเอามาลงให้ไวๆ
จะได้ไม่ต้องรอนานกันนะคะ^^~
คิดว่าอัพครั้งหน้า ไม่วันเสาร์ก็อาทิตย์ล่ะค่ะ แต่น่าจะเป็นเสาร์มากกว่า
ยังไงก็ช่วยติดตามกันเหมือนเดิมนะคะ^^ ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์และกำลังใจนะคะ
และขอบคุณนักอ่านทุกท่านเลยค่ะ
Chapter.8
ปาร์ค ยูชอนง่วนอยู่กับการทำข้าวต้มในครัวด้วยความคิดในสมองที่แล่นสลับไปสลับมาด้วยความสับสน ภาพของความฝันนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำไม่ยอมเลือนหายไปไหน
ฝันที่เหมือนจริง
เหมือนจริงมากเกินไป
ความหอมหวานที่ได้สัมผัสนั้นเหมือนจะยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูก
จุนซู
ทำไมฉันถึงฝันเห็นนาย
เขาชอบแจจุงไม่ใช่หรือ
? แล้วทำไม
?
“กลับมาแล้ว~!”
เสียงอันคุ้นเคยพร้อมกันสามเสียงทำให้ยูชอนไล่ความคิดแปลกๆที่วนเวียนอยู่ตั้งแต่ลืมตาตื่นออกไปได้จนหมด น้องคนเล็กเป็นคนแรกที่โผล่เข้ามาในห้องครัวราวกับรู้ว่ามีใครอยู่ในนั้น
“กลิ่นข้าว~พี่ยูชอนทำอะไรกินเหรอฮะ?”
สมกับเป็นชิม ชางมินที่มีสัมผัสการดมกลิ่นอาหารเป็นเลิศที่ถามได้อย่างตรงประเด็น สาเหตุที่รู้ว่ามีคนอยู่ที่ห้องครัวก็เป็นเพราะกลิ่นอาหารนี่เอง
“ข้าวต้มน่ะ พอดีว่าจุนซูไม่สบาย
”
“ไม่สบาย? แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าฮะ?”
น้ำเสียงร้อนรนของน้องชายตัวสูงทำให้ยูชอนเผลอขมวดคิ้วน้อยๆ ทว่าก่อนที่จะได้ตอบอะไร เสียงคุ้นเคยของพี่ชายหน้าสวยที่เดินมาที่ครัวพร้อมๆกับหัวหน้าวงก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“ใคร
ใครไม่สบาย?”
“เอ้อ
จุนซูน่ะครับ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ตัวรุมๆ”
“มานอนซมช่วงที่ได้หยุดพักแบบนี้โชคร้ายชะมัด แล้วนี่นายทำของกินไปให้จุนซูเหรอ?”
เจ้าของใบหน้าเล็กคมเข้มที่ยังคงโอบเอวแจจุงไม่เลิกเอ่ยถามและได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้าจากน้องในวงที่หันไปสนใจหม้อข้าวต้มตรงหน้าต่อ
“ผมจะขึ้นไปดูพี่จุนซูหน่อยแล้วกันนะครับ” เสียงน้องเล็กที่เอ่ยชื่อทำให้มือเรียวของยูชอนกระตุกเล็กน้อยแต่เจ้าของก็หลีกเลี่ยงที่จะสนใจมัน
“
เดี๋ยวพวกฉันไปด้วย ยูชอน ฝากเรื่องข้าวของจุนซูด้วยแล้วกันนะ” แจจุงเอ่ยกับคนในครัวก่อนที่จะเตรียมเดินตามน้องคนเล็กไป
“ครับ”
.
ยุนโฮ แจจุงและชางมินค่อยๆเปิดแง้มประตูห้องออกอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะเดินไปยังเตียงของคนไม่สบาย เจ้าของใบหน้ากลมสีระเรื่อหลับตาพริ้มอยู่ในห้วงของนิทรา ผ้าพันคอสีเข้มที่พันอยู่รอบลำคอดูน่าอึดอัดนั้นทำให้แจจุงขมวดคิ้วน้อยๆ
“หลับอยู่เหรอเนี่ย
แล้วผ้าพันคอพันไว้แบบนั้นใช้ได้ที่ไหนกัน เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกตายพอดี ชางมิน นายช่วยเบาแอร์หน่อยนะ”
น้องคนสุดท้องพยักหน้าหงึกก่อนที่จะเดินไปหารีโมทเครื่องปรับอากาศ ในขณะที่มือเรียวเล็กของพี่คนโตจะค่อยๆประคองท้ายทอยน้องชายหน้าหวานโดยที่มียุนโฮช่วยคลายผ้าพันคอสีเข้มนั้นออก
ร่องรอยสีก่ำที่ปรากฏแม้จะเป็นรอยจางแต่ก็ตัดกับผิวขาวเด่นชัดทำให้แจจุงและยุนโฮถึงกับผงะ มือเรียวของแจจุงที่ประคองศีรษะของคนบนเตียงไว้เผลอปล่อยจนศีรษะกลมกระทบกับหมอน ส่งผลให้จุนซูขมวดคิ้วน้อยๆก่อนที่จะค่อยๆปรือตาขึ้น
“
นี่มันอะไรกันน่ะ
”
เสียงคุ้นเคยของพี่ชายทำให้จุนซูกระพริบตาถี่ๆเป็นจังหวะเดียวกับที่ชางมินเดินมาอีกฝั่งหนึ่งของเตียง ดวงตาคู่คมของน้องคนเล็กเบิกกว้างอย่างตกใจไม่แพ้กับพี่ชายอีกสองคนเลยสักนิด
ร่างเล็กบนเตียงเอียงคออย่างงุนงงก่อนที่จะยิ้มจางๆพร้อมกับเสียงแหบหวานที่เอ่ยผะแผ่วพร้อมๆกับค่อยๆยันกายขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงด้วยท่าทางที่เหนื่อยอ่อน
“กลับมาแล้วเหรอฮะ? แล้วทำไม
ทำหน้าอย่างนั้----อ๊ะ!”
ดวงตาใสแป๋วเรียวรีเบิกกว้างเมื่อรู้สึกถึงความโล่งบริเวณลำคอ มือเล็กรีบฉวยผ้าพันคอให้พันปกปิดมิดชิดแทบจะในทันที
แต่ก็คงไม่ทันเสียแล้ว
“จุนซู”
เสียงของยุนโฮที่เอ่ยเสียงเข้มทำให้ร่างเล็กสะดุ้งน้อยๆ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวยังไงดี
“ค
คือว่าพี่ยุนโฮ
ยุงมัน
กัดน่ะฮะ
”
“ยุงบ้านนายสิกัดแล้วเป็นรอยแบบนั้น พี่ไม่ได้โง่นะจุนซู ใครเป็นคนทำ?”
เสียงของคิม แจจุงที่เอ่ยขึ้นมาทำให้จุนซูก้มหน้างุดลงไปอีกครั้งหนึ่ง หยาดน้ำสีใสเริ่มระรื้นที่ดวงตาคู่สวยเมื่อความทรงจำเรื่องสาเหตุของรอยสีกุหลาบทั่วลำคอและแผ่นอกของตนเองย้อนกลับเข้ามาในความคิด
“
ค
คือว่า
”
“จุนซู
นี่เราเป็นอะไรทำไมไม่บอกพี่!”
เสียงที่ดูห้วนขึ้นของลีดเดอร์วงที่ใครๆก็รู้ดีว่ารักและหวงคิม จุนซูมากแค่ไหนทำให้คนตัวเล็กบนเตียงสะดุ้งอีกครั้งหนึ่ง กายเล็กสั่นระริกทั้งๆที่ยังไม่คลายริมฝีปากที่เม้มแน่นหนักกว่าเก่า
“คิม จุนซู!”
“
เดี๋ยวผมคุยเองฮะ พวกพี่ออกไปกันพี่ยูชอนให้อย่าเพิ่งเข้ามาที่ห้องนี้ได้มั้ย?”
ชางมินที่ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้ามากกว่าใครเอ่ยบอกกับพี่ใหญ่สองคนที่ขมวดคิ้วมุ่นเป็นปม ในคราแรกดูเหมือนยุนโฮจะเอ่ยปฏิเสธ แต่แรงรั้งเบาๆที่ต้นแขนจากคนรักร่างบางก็ทำให้เขาต้องเดินออกจากห้องไปด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก
ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องอีกครั้งก่อนที่ชางมินจะค่อยๆนั่งลงบนเตียง สายตาที่มักจะใช้กวนประสาทคนตัวเล็กอยู่เสมอๆกลับฉายแววเป็นห่วงออกมาอย่างปิดไม่มิด
“พี่จุนซู
รอยพวกนี้
”
“
”
“พี่ยูชอนใช่มั้ยครับ?”
การสะดุ้งเฮือกของคนตัวเล็กตรงหน้าเป็นคำตอบได้อย่างดี ดวงหน้าหวานที่ก้มต่ำอยู่นานค่อยๆเงยขึ้น รอยยิ้มสดใสกลับถูกแทนที่ด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
“อยะ
อย่าบอกเค้านะ
”
“
”
“ฮึก
ห้ามบอกยูชอนนะ
สัญญากับพี่นะ
”
“เล่าให้ผมฟังได้มั้ย?”
จุนซูนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ไหล่เล็กสะท้านเพราะแรงสะอื้น ก่อนที่จะรีบปาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอาบพวงแก้ม
“
ม
เมื่อวาน
ยูชอนเมา
เมามาก พ
พี่ก็เลยพาเค้าขึ้นมาที่ห้อง
แล้ว
ฮึก
พี่ไม่ดีเองชางมิน
”
“
..”
“พี่รู้ว่า
ยูชอนเค้า
ฮึก
ไม่มีสติในตอนนั้น
อึ่ก
แต่พี่ก็ยัง
ฮึก”
เสียงสะอื้นปนเปไปกับเสียงแหบหวานจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง ชางมินถอนหายใจออกมาแผ่วเบาก่อนที่จะค่อยๆโน้มตัวเข้าไปโอบคนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน
“ไม่ต้องเล่าแล้วนะฮะ
ไม่เป็นไรนะ
”
“ห้ามบอกนะ
อย่าบอกยูชอนนะ
ฮือ
”
“ครับๆ ไม่บอกครับ
หยุดร้องไห้ได้แล้ว มันไม่ใช่ความผิดพี่สักหน่อย
”
“ต
แต่พี่ฉวยโอกาส
ฮึก
ยูชอนเองไม่ได้ผิดอะไรเลย
”
ผิดสิ
ผิดที่ทำให้พี่ชายตัวเล็กของเขาต้องร้องไห้แบบนี้
“เลิกร้องไห้ได้แล้วน่าพี่ เดี๋ยวก็ไข้ขึ้นมาจริงๆหรอก นี่โชคดีที่ยังแค่ตัวรุมๆนะ”
“ส
สัญญาแล้วนะ
ว่า
”
“ว่าผมจะไม่บอกพี่ยูชอน จะให้ผมย้ำอีกร้อยรอบเลยรึยังไงกัน เช็ดน้ำตาซะ เสื้อผมเปียกไปหมดแล้วเนี่ย”
เสียงกวนๆที่แฝงด้วยความเป็นห่วงตามแบบฉบับของน้องคนเล็กทำให้จุนซูคลี่ยิ้มออกมาบางๆจนชางมินต้องยิ้มตาม มือหนาเลื่อนไปขยี้เรือนผมนุ่มๆนั้นอย่างจงใจกลั่นแกล้ง
ยังไงพี่ชายตัวเล็กของเขาคนนี้ก็ยังดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนเดิม..
บริสุทธิ์เหมือนน้ำที่ไม่มีสิ่งใดมาเจือปน
ถึงเขาจะแสดงออกในอีกด้านหนึ่ง แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าเขารักและเคารพในตัวพี่ชายคนนี้มากเพียงใด
เหมือนกับที่รักและเคารพพี่ๆคนอื่นในวง เพียงแค่คนตรงหน้าดูใสซื่อจนน่าปกป้องมากเกินไปก็เท่านั้นเอง
“พี่ยูชอนน่าจะเอาข้าวต้มมาแล้วล่ะฮะ ยังไงก็อย่ามัวแต่นั่งร้องไห้จนตาปูดน่าเกลียดกว่าเดิมล่ะ”
เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยแผ่วๆที่เล็ดลอดมาจากข้างนอกทำให้ชางมินเอ่ยเช่นนั้นก่อนที่จะยืนขึ้น
“ชางมิน!”
“ฮ่าๆ”
น้องชายตัวสูงทิ้งเสียงหัวเราะอย่างสะใจไว้ให้(?)ก่อนที่ตัวเองจะรีบเดินออกไปจากห้องเพื่อไปหาอะไรทานแทบจะในทันที สายตาคมนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นยูชอนที่กำลังเดินถือถาดชามข้าวต้มหอมฉุยมาตามทาง
“พี่แจจุง~ผมหิวแล้ว”
ถึงจะใช้เสียงอ้อนครวญเช่นนั้น ทว่าแววตากลับบุ้ยใบ้ไปทางห้องครัวชั้นล่างเพื่อที่จะให้รุ่นพี่อีกสองคนที่กำลังรอฟังเรื่องราวทั้งหมดลงไปคุยกันข้างล่าง
“ยูชอน พี่ฝากดูจุนซูด้วยนะ”
“ครับ”
.
“ว่าไงนะ!?”
ชางมินกลอกตาไปมาอย่างหน่ายๆเมื่อเสียงแหวของคิม แจจุงที่ทำตาโตพูดคำว่า ‘ว่าไงนะ’ เป็นรอบที่สาม
“พี่จะให้ผมพูดอีกกี่ครั้งกันล่ะฮะ ก็อย่างที่พูดไปนั่นแหละ”
“นายจะบอกฉันว่าสองคนนั้น
”
“ไม่ใช่สองคนหรอกครับ เพราะพี่ยูชอนจำไม่ได้ว่าทำอะไรไปบ้าง”
เสียงห้วนๆของน้องสุดท้องเอ่ยขณะที่เดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาของกิน ทิ้งพี่ใหญ่สองคนที่กำลังยืนอึ้งคิ้วขมวด ก่อนที่ชางมินจะหันหน้าหงอยๆมากล่าวอย่างผิดเวลาอย่างไรบอกไม่ถูก
“พี่แจจุง
”
“
..”
“หิวข้าวอ่ะ~”
ใบหน้าสวยหวานของแจจุงเบ้ออกเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้าอย่างเข้าใจ ทว่าคนตัวสูงเคียงข้างกลับไม่เป็นเช่นนั้น
“ฉันต้องไปคุยกับยูชอนให้รู้เรื่อง! จุนซูร้องไห้ขนาดนั้นแล้
”
“พี่จุนซูเค้าขอร้องไว้ว่าอย่าบอกพี่ยูชอนเค้านะครับ”
“
..”
เมื่อเห็นว่าหัวหน้าวงเงียบไปด้วยสีหน้าที่ไม่พึงพอใจอย่างชัดเจน ด้วยนิสัยที่รักและหวงน้องชายคนสนิทที่รู้จักกันมานานและความเป็นหัวหน้าวงยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดในใจมากขึ้นไปอีก
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคิม จุนซูให้ความสำคัญกับปาร์ค ยูชอนมากแค่ไหน ถึงทั้งสองคนจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากก็ตามที แต่ในดวงตาเรียวรีใสซื่อคู่นั้นมักจะสะท้อนออกมาด้วยความความรู้สึกที่เกินกว่านั้นโดยที่มีเพียงแค่คนในวงเท่านั้นที่จะสังเกตเห็น
แต่ปาร์ค ยูชอนคนนั้นกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“จุนซู อิ่มแล้วเหรอ?”
สายตาของยูชอนปรายมองชามข้าวต้มที่พร่องไปแทบไม่ถึงครึ่งที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะโดยที่คนตัวเล็กพยักหน้าน้อยๆกับคำถามนั้น
“ทำไมกินแค่นี้ล่ะ นายไม่สบายอยู่นะ
หรือว่าฝีมือฉันมันไม่อร่อย
”
“ม
ไม่ใช่อย่างนั้น อร่อยสิ
แต่ฉันกินไม่ลงจริงๆ”
“กินอีกหน่อยได้มั้ย?”
คนตัวเล็กส่ายหน้าพึ่บพั่บจนร่างสูงอ่อนใจกับความหัวรั้นของคนตรงหน้าที่แม้จะไม่สบายก็ยังไม่ยอมทานข้าวให้มากๆ แล้วแบบนี้จะไปหายได้ยังไงกัน
“งั้นเดี๋ยวฉันไปเอายามาให้นะ”
“ไม่กินยานะ!”
เสียงแหบหวานร้องห้ามก่อนที่จะดึงรั้งชายเสื้อสีเข้มของคนตัวสูงกว่าที่หันหน้ามาทำสีหน้าดุใส่
“ถ้าไม่กินยาแล้วจะหายมั้ยฮะ?”
“ฉ
ฉันไม่ได้ไม่สบายซะหน่อย
ก็แค่ตัวรุมๆ”
“จุนซู”
เสียงทุ้มพร่ากลับเข้มขึ้นจนคนตัวเล็กต้องทำหน้าหงอย ก่อนที่จะสะดุ้งตัวโยนเมื่อมือหนาเลื่อนมาสัมผัสมือของตนเองที่จับชายเสื้อของอีกฝ่ายอยู่ มือเล็กรีบชักกลับทันทีจนยูชอนต้องขมวดคิ้ว
“
เป็นอะไรไป?”
“ป
เปล่านี่
”
“งั้นฉันจะไปเอายามาให้ นอนพักซะนะ”
“ข
ขอบคุณนะ
”
จุนซูยิ้มน่ารักให้ก่อนที่จะไถลตัวลงนอนบนเตียง อาการปวดหนึบทั่วร่างกายยังคงไม่หายไปและตอกย้ำความทรงจำนั้นซ้ำไปซ้ำมา
ทุกครั้งที่สัมผัสยูชอนก็อดสะดุ้งไม่ได้ทุกที
เหตุการณ์ของเมื่อคืนย้อนเข้ามาในความคิดจนต้องเผลอผละออก
“มันเป็นแค่ความฝัน
เป็นแค่ความฝันเท่านั้นเอง ลืมมันซะ
”
เสียงเล็กได้แต่พึมพำซ้ำๆกับตนเองทั้งๆที่ส่วนลึกๆในใจก็รู้ดีกว่าไม่อาจลืมความเจ็บปวดภายในใจและความรู้สึกของเหตุการณ์ในคืนนั้นได้เลยแม้แต่นิดเดียว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued...
ความคิดเห็น