คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : - Ankylose - Chapter.6
TALK ::
คราวนี้มาต่อเร็วมากค่ะ~ ฮ่าๆ ถือซะว่าสุขสันต์วันครบรอบ 6 ปีของทงบังที่รักของเรานะคะ~
ก่อนที่อาจจะมาต่อประมาณวันอังคารไม่ก็วันพุธค่ะ^^ ฮ่าๆ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และทุกๆคอมเมนท์กำลังใจนะคะ~
Chapter.6
“ยูชอน! เมื่อกี้นายทำอะไรของนายน่ะ!”
เสียงแหบหวานอันเป็นเอกลักษณ์เอ่ยขึ้นแทบจะทันทีที่เดินเข้ามาในห้องพักของวงที่มีเพียงเจ้าของเสียงทุ้มน่าฟังนั่งเล่นแล็บท็อปอยู่เพียงลำพัง หลังจากผ่านพ้นการสัมภาษณ์และถ่ายPV เดี่ยวเป็นคนๆไป
ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่จุนซูก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้นทุกทีๆว่าการเซอร์วิสของคู่ ‘ยูซู’ มันเริ่มมากเสียจนเกิดผลเสียต่อหัวใจของตนเองเกินไปแล้ว เนื่องด้วยช่วงนี้เวลาถ่ายทำรายการ เกมส์โชว์ หรืออะไรต่อมิอะไรก็ตามแต่ ร่างสูงกว่าก็มักจะหาวิธีทาง ‘เซอร์วิส’ ตลอดไม่มีขาด
โดยเฉพาะวันนี้ที่แทบเรียกได้ว่า ‘นัวเนีย’ เพราะแขนยาวเรียวของปาร์ค ยูชอนมักจะโอบที่ไหล่ เอว กอดจากด้านหลัง ด้านข้าง ด้านหน้า หรือไม่ มืออบอุ่นนั้นก็สัมผัสส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเขาแทบจะตลอดเวลา
“หืม? ฉันทำอะไรเหรอ?”
“ก
ก็
ที่นาย...เอาหน้ามาแถวๆคอฉันอ่ะ!”
ใบหน้าหวานขึ้นสีขึ้นมาแทบจะในทันทีที่เอ่ยถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาเอ่ยถามร่างสูงเช่นนี้ ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาก็เป็นเพียงรอยยิ้มขี้เล่นที่ยูชอนมักจะทำอยู่เป็นประจำก็เท่านั้น
“นิดหน่อยเองน่า นายก็อย่าคิดมากเลย หน้าแดงไปหมดแล้วนะ ฮ่าๆๆ”
“ยูชอน!”
“เป็น Rising Xiah สมชื่อจริงๆ ฮ่าๆๆ”
“ปาร์ค ยูชอน!!!”
ร่างสูงได้แต่หัวเราะออกมาอย่างไม่ปิดบังกับท่าทีของคนตัวเล็กตรงหน้าซึ่งกำลังทำสีหน้าไม่พอใจที่ดูยังไงก็ไม่ได้น่ากลัวเอาเสียเลย วูบหนึ่งของหัวใจในโพรงอกเผลอเต้นผิดจังหวะไปกับอาการแสนงอนที่น่ารักน่าหยิกของคนตรงหน้า
ทำไมเขาจะไม่รู้ตัวว่าเดี๋ยวนี้เขาเริ่มพยายามจะหาทางสัมผัสตัวคนๆนี้มากขึ้น
แต่มันเป็นเพราะเหตุผลอะไรตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
รู้แค่เพียงว่าร่างเล็กๆตรงหน้าที่ช่างใสซื่อ แสนงอน และสดใสไปในคราเดียวกันแบบนี้มันน่ารักซะจนอดที่จะยื่นมือเข้าไปสัมผัสไม่ได้
“ไม่คิดบ้างเหรอว่าไม่มีแฟนเซอร์วิสไหนสมจริงเท่าคู่ฉันกับนายแล้ว?”
แววหน้าทะเล้นและน้ำเสียงพร่าอันเป็นเสน่ห์ของคนตัวสูงกว่าทำเอาจุนซูเผลอก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย เลือดค่อยๆสูบฉีดขึ้นสู่พวงแก้มใสอีกครั้งหนึ่ง
“
ช
ใช้อะไรตัดสินกันเล่า!?”
“อ้าว
ก็นายเคยพูดเองไม่ใช่เหรอว่าคู่เราเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกน่ะ ฮ่าๆๆ”
“ยูชอน!”
คิม จุนซูเรียกชื่อนี้อีกครั้งเป็นรอบที่ร้อยของวันแล้ว!
เมื่อเห็นว่าร่างเล็กจะดูเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้วจริงๆ ยูชอนเลยรีบเดินเข้าไปกอดอย่างที่ชอบทำเป็นประจำเมื่อถึงเวลาจะขอโทษในเรื่องที่ตัวเองล้อเล่นไป
“อย่าหงุดหงิดไปเลย ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ
ที่สมจริงก็เพราะว่าเราสนิทกันมากใช่มั้ยล่ะ~ Best friend อย่างที่นายเคยพูดไง”
“ฉันไม่ได้หงุดหงิดซะหน่อย
”
เสียงเล็กตอบอู้อี้ก่อนที่จะผละกายออกมาจากอ้อมกอดอุ่นๆนั้นก่อนที่หัวใจจะเต้นระรัวและเจ็บแปลบไปในคราเดียวกันมากกว่านี้
เพื่อนสนิท
บางครั้ง
เขาก็นึกเกลียดคำๆนี้ขึ้นมาจริงๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เอ่อ
นี่
”
เสียงทุ้มหวานของพี่ใหญ่หน้าสวยประจำวงที่เอ่ยขึ้นขณะที่สมาชิกทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันเพื่อจะทานข้าวเช้าในวันแรกของวันหยุดพักผ่อนสามวันที่นานๆทีจะมีสักครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นสายตาทุกคู่ที่เปลี่ยนตำแหน่งจากจานอาหารตรงหน้าเป็นใบหน้าของตนเองแล้ว คิม แจจุงก็ปรายสายตามองคนรักที่ส่งสายตาสงสัยอยู่ด้านข้างเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะกลืนน้ำลายเล็กน้อย
“แบบว่าคือ
”
“
..”
ความเงียบงันกลืนบรรยากาศไปร่วมนาทีทว่าก็ยังไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากจนน้องเล็กที่ตักข้าวใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆต้องขมวดคิ้วถาม
“อะไรล่ะพี่ ไม่พูดแล้วพวกผมจะรู้มั้ยเนี่ย”
“คือว่าฉันกับยุนโฮ
เป็นแฟนกันแล้วอ่ะ”
คำพูดที่จู่ๆก็โพล่งออกมาตามนิสัยการพูดของร่างบางทำเอายุนโฮแทบจะสำลักน้ำจนไม่ทันสังเกตว่าสีหน้าของสมาชิกอีกสามคนที่เหลือเป็นยังไง
“แล้วไงต่อครับ?”
ชิม ชางมินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านใดๆราวกับประโยคที่ร่างบางๆเอ่ยเมื่อครู่เป็นเพียงแค่ ‘วันนี้อากาศแจ่มใสดีนะ’ เท่านั้น ทำให้แจจุงหน้าเหวอไปเล็กน้อย
“
ไม่
ตกใจเหรอ?”
ดวงตากลมโตมัวแต่จ้องหน้าน้องชายคนเล็กที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยความแปลกใจจนไม่ทันได้สังเกตถึงน้องของวงอีกสองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“ถ้าพวกพี่ตั้งใจจะไม่ให้พวกผมรู้
ทีหลังก็อย่าประเจิดประเจ้อแบบนี้สิครับ”
“
.”
จุนซูที่อึ้งไปเล็กน้อยกับสิ่งที่จู่ๆพี่ใหญ่ในวงก็พูดโพล่งขึ้นมาปรายตามองร่างสูงเคียงข้างแทบจะในทันที ดวงตาเรียวใสหม่นลงอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นอาการของเพื่อนสนิทที่ดูซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ยูชอนหลับตาลงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยยิ้มๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น
“ก็นั่นน่ะสิ ทำแบบนี้คนเค้ารู้กันทั่วโลกแล้วล่ะพี่แจจุง” ยูชอนแสร้งหัวเราะ ก่อนที่จะยันกายขึ้นจากเก้าอี้นั่ง
“ผมอิ่มแล้ว ขอไปนอนต่อก่อนนะครับ”
ไม่รอให้ใครเอ่ยถาม เจ้าของเสียงนุ่มก็เดินจากโต๊ะอาหารไปโดยที่จุนซูไม่อาจเก็บงำความรู้สึกเป็นห่วงไว้ได้เลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนจะไม่อาจหลุดพ้นสายตาของจอง ยุนโฮไปได้ด้วย
“จุนซู ยูชอนเป็นอะไรน่ะ?”
“คือว่า
ยูชอนเค้า
งอนผมนิดหน่อยน่ะครับ”
ร่างเล็กไม่รู้จะหาอะไรมาอ้างที่ดีกว่านี้ได้แล้ว ยิ่งสายตาคมของผู้เป็นหัวหน้าวงจ้องมายังตนเองแล้ว คนโกหกไม่ค่อยจะเก่งอย่างคิม จุนซูก็ได้แต่ก้มหน้าลงอย่างเศร้าๆเท่านั้น
“เรื่องใหญ่รึเปล่า? ให้พี่ช่วยเคลียร์ให้มั้ย?”
น้ำเสียงที่ฟังแล้วอบอุ่นสมกับคนที่เป็นพี่ชายทำให้จุนซูยิ้มออกมาน้อยๆก่อนที่จะส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่เป็นไรฮะ เดี๋ยวผมไปคุยกับเขาเอง ขอตัวก่อนนะฮะ”
ร่างเล็กส่งรอยยิ้มน่ารักก่อนที่จะรีบเดินเข้าห้องของเขาและยูชอนไป เหลือเพียงสายตาของสมาชิกอีกสามคนที่ส่งตามไป โดยที่ชางมินรู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อยเพราะเขารู้เรื่องทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นก็ขอจัดการกับของกินตรงหน้าที่ไม่ต้องมีใครมาแย่งกิน
....................
“
ยูชะ
.”
ทันทีที่จุนซูเปิดประตูเข้าไปในห้อง เสียงแหบหวานที่กำลังจะเอ่ยเรียกคนที่หลงรักก็ต้องขาดห้วงไป เมื่อภาพตรงหน้าคือปาร์ค ยูชอนที่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้ริมระเบียงหน้าต่าง น้ำสีใสที่คลออยู่ในแววตาหม่นสะท้อนกับแสงแดดอ่อนๆจนร่างเล็กรู้สึกสงสารจับใจ
“
ยูชอน
”
เสียงคุ้นเคยที่เอ่ยเรียกทำให้เจ้าของชื่อหันไปมอง ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มขื่นๆออกมาก่อนที่จะเอ่ยพูดเสียงแผ่วด้วยน้ำเสียงเว้าวอนในสิ่งที่จุนซูสามารถทำให้ได้อย่างเต็มใจ
“
ช่วยกอดฉันหน่อยได้มั้ย?”
ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำสอง ร่างเล็กๆของจุนซูก็โผเข้ากอดคนตรงหน้าทันทีพร้อมๆกับหยาดน้ำตาหยดเล็กที่ร่วงหล่นลงมาอย่างไร้เหตุผล
“ไม่เป็นไรนะยูชอน
ฉันรู้ว่ายูชอนต้องไม่เป็นไร
”
“รู้สึกเจ็บๆทั้งๆที่มันชาๆยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน
กอดแน่นๆกว่านี้อีกได้ไหม
”
ร่างเล็กที่หลับตาในความอบอุ่นที่เจ็บแปลบนี้พยักหน้าน้อยๆก่อนที่จะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นโดยที่ไม่ปริปากพูดอะไรอีกเลยเป็นเวลาร่วมหลายสิบนาที
“จุนซู
” ร่างสูงเอ่ยเรียกในขณะที่ค่อยๆผละจากอ้อมกอดปลอบประโลมจากคนตัวเล็ก
“
หือ
มีอะไรเหรอยูชอน
”
“เข่านาย
”
จุนซูมองที่ขาของตนเองที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นพรมเพราะว่าต้องกอดคนตรงหน้านี้ก่อนจะยิ้มแหะๆเพราะมันชาจนไม่มีความรู้สึกซะแล้ว ร่างเล็กค่อยๆยันกายขึ้นแม้ว่าจะโซเซไปบ้างเพราะอาการชาที่ขาและช่วงเข่า
“ขอโทษนะ
”
“ไม่เป็นไรหรอกยูชอน ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย”
รอยยิ้มเล็กน่ารักที่ส่งมาอย่างน้อยก็ทำให้ปาร์ค ยูชอนยิ้มออกมาจางๆด้วยความรู้สึกขอบคุณต่อมิตรภาพที่ร่างเล็กมีให้ด้วยความตื้นตันใจ
“ขอบใจนะ ฉันรักนายจัง”
จุนซูยิ้มออกมาบางๆก่อนที่จะยื่นมือไปกุมมือหนาของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอก
“รู้แล้วน่า ฉันก็รักนายนะ”
ฉันรักนายนะ
ขอบคุณมากที่รักฉัน
ถึงความรักของเราสองคน
จะไม่เหมือนกันเลยแม้แต่นิดเดียวก็ตามที
..
“นี่มันค่ำแล้วนะยูชอน! จะออกไปไหนน่ะ!?”
หลังจากที่ร่างสูงขออยู่คนเดียวเป็นเวลาตั้งแต่เช้าจรดเย็นถึงจะยอมออกมาจากห้อง ยุนโฮและแจจุงก็ออกไปข้างนอกและบอกว่าจะกลับในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ รวมถึงชางมินที่กลับบ้านไปหาครอบครัวอีก เลยทำให้มีเพียงจุนซูที่นั่งหง่าวอยู่โทรทัศน์อย่างเบื่อหน่ายแทบทั้งวัน
“
ฉันจะออกไปเดินเล่นน่ะ”
เสียงเรียบๆที่เอ่ยตอบออกมาทำให้จุนซูเผลอเม้มริมฝีปากแน่น
“ฉันไปเป็นเพื่อนมั้ย?”
“ไม่ต้องหรอก ขอบใจนะ ฉันอยากไปคนเดียวน่ะ
”
“แล้วนายจะกลับกี่โมง
”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน ฉันมีกุญแจอยู่แล้ว ถ้าดึกแล้วนายก็นอนก่อนได้เลยนะ”
“เดี๋---”
ยังไม่ทันที่จุนซูจะได้รั้งไว้ เจ้าของเสียงพร่าทุ้มเป็นเอกลักษณ์ก็ปิดประตูเดินออกจากบ้านไปเสียแล้ว
“เฮ้อ
”
ร่างเล็กถอนหายใจออกมาดังๆด้วยความรู้สึกหนักอึ้งและเจ็บแปลบจนแทบทนไม่ไหว
อิจฉา
เป็นความรู้สึกที่เขาต้องยอมรับว่าเขามีต่อพี่ชายหน้าสวยของวงมากเหลือเกินจนไม่น่าให้อภัยตัวเอง
ถึงเขาจะพร่ำบอกกับตัวเองเป็นล้านๆครั้งว่าเขาสามารถเก็บงำความรักนี่ไว้ได้ตลอดไป
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า
ลึกๆในใจเขาเองก็อยากได้รับความรักจากปาร์ค ยูชอนมากเหลือเกิน..
จะเที่ยงคืนแล้ว
นาฬิกาที่เข็มสั้นและเข็มยาวกำลังจะตรงกันบอกเขาแบบนั้น จุนซูถอนหายใจก่อนที่จะมองไปที่ประตูบ้านอย่างเงียบงันราวกับว่าหากจ้องอยู่อย่างนั้นแล้วจะมีใครบางคนกลับมา
มือเรียวเล็กที่กอดเข่าตนเองอยู่บนโซฟาสั่นน้อยๆก่อนที่หยาดน้ำตาสีใสจะหลั่งรินลงมาอีกครั้งหนึ่ง ภาพของคนที่หลงรักที่แววตาเศร้าหมองอย่างไม่สมกับเป็นยูชอนผุดขึ้นมาในความคิดจนทำให้เขาเจ็บปวดไปหมดทั้งหัวใจ
“ฮึก
กลับมาซะทีสิ
ยูชอน
”
บ้านเงียบๆสีสลัวที่ตัวเขาต้องอยู่คนเดียวไม่เคยรู้สึกเหงาเท่านี้มาก่อนเลย
.
นาฬิกาบอกเวลาสามโมงเช้าของวันใหม่ ร่างเล็กที่ยังคงรั้นที่จะรอให้ร่างสูงกลับมาถึงบ้านเผลอหลับไปบนโซฟาสีสะอาดทั้งๆที่มีคราบน้ำตาเกรอะกรังอยู่บนแพขนตาดำนั้น
เสียงของลูกบิดประตูและเสียงกุญแจที่เหมือนจะกระแทกกับประตูหลายๆครั้งทำให้คิมจุนซูสะดุ้งตื่นขึ้นมาแทบจะในทันที ดวงหน้าหวานยิ้มกว้างทั้งๆที่ง่วงงุนแต่ก็ตาสว่าง ร่างเล็กๆรีบวิ่งไปเปิดประตูให้ทันที
“ยูชะ
อ๊ะ
!”
“จุนซู~~~”
เสียงพร่าๆยิ่งฟังดูชวนให้หวั่นไหวเข้าไปอีกเมื่อน้ำเสียงของคนที่กำลังเมามายเดินโซเซมาเกยคางบนไหล่เล็ก กลิ่นของเหล้าที่คละคลุ้งติดจมูกทำให้จุนซูหน้าเบ้อย่างไม่ชอบใจ
“ยูชอน! นี่นายดื่มมาเหรอ!?”
“นิดเดียวเอง~หึหึ
แค่นี้ไม่ทำให้
ปาร์ค ยูชอนเมาได้หรอกก
”
“ยูชอน
โธ่! นายเมามากแล้วนะ...!”
จุนซูใช้แรงทั้งหมดพยุงร่างสูงที่กำลังเมามายให้เข้ามาในบ้าน โชคดีที่ยูชอนตัวบางจึงยังพอที่จะพยุงให้ขึ้นไปนอนที่ห้องไหว
ร่างเล็กค่อยๆเดินโซเซวางร่างสูงลงบนเตียงก่อนที่จะรีบวิ่งไปหาอ่างใส่น้ำและผ้าเช็ดหน้าเมื่อแน่ใจว่ายูชอนเหมือนจะหลับไปแล้ว
ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำบิดหมาดๆก่อนที่จะซับที่ใบหน้าคมคายของคนที่นอนอยู่บนเตียงแผ่วเบา จุนซูถอนหายใจน้อยๆกับความหม่นหมองที่สะท้อนออกมาทางสีหน้าของคนที่รักอย่างเห็นได้ชัด พร้อมๆกับค่อยๆซับเรื่อยมาถึงลำคอ
“อือ
”
เสียงครางต่ำในลำคอของคนตัวสูงกว่าทำให้จุนซูสะดุ้งน้อยๆ พวงแก้มขาวซับสีเลือดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ คนตัวเล็กหลับตาปี๋ในขณะที่ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของคนบนเตียงทีละเม็ด
ใจเย็น
ใจเย็นเข้าไว้คิม จุนซู
เป็นเพื่อนสนิทกันก็ต้องเคยเห็นเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่
ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยเล่า!?
เสียงหัวใจดวงเล็กเต้นถี่ระรัวจนนึกโกรธตัวเองอยู่ในใจ แต่กระนั้นก็ยังคงเหลือบมองอย่างกล้าๆกลัวๆเพื่อที่จะได้ทำความสะอาดให้คนตรงหน้าให้เสร็จๆไปเสียที
“
นายนี่มันจริงๆเลยนะยูชอน..”
เสียงแหบหวานเอ่ยเสียงพร่าด้วยแววตาที่เศร้าหมองอยากปิดไม่มิด แม้จะรู้ว่าคนตรงหน้าคงจะไม่ได้ยินก็ตามที
“ทำไม
ถึงชอบให้ฉันเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ
”
“
.”
“บ้าที่สุดเลย
อ๊ะ
!”
เสียงหวานร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆคนที่ควรจะหลับไม่ได้สติไปแล้วกลับลุกขึ้นมารั้งข้อแขนของเขาอย่างแรงจนจุนซูลงไปนอนราบแผ่บนเตียงกว้างโดยมีร่างสูงคร่อมอยู่ด้านบน โชคดีที่อ่างน้ำถูกวางไว้อยู่ที่ใต้โต๊ะข้างเตียง ไม่อย่างนั้นก็คงจะหกเปียกเละเทะแน่ๆ
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนั้นซะหน่อย!!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued...
ความคิดเห็น