คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : :: Outreach :: Chapter.4
TALK ::
สวัสดีค่า ^ ^ มาอัพฟิคชันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ
ต้องขออภัยสำหรับความล่าช้าด้วยนะคะ TT; ช่วงนี้หัวสมองตีบตัน ไม่ค่อยแล่นเลยจริงๆ
แล้วก็ดูเหมือนจะออกนอกบ้านอยู่ตลอดเวลาจนไม่ได้แต่งเลยล่ะค่ะ แฮ่
อาทิตย์หน้ามายด์จะไปต่างประเทศ อาจจะไม่ได้มาอัพนะคะ คงจะเว้นระยะหายไปสักสองอาทิตย์เจ้าค่ะ TT;
ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆท่านที่คอยติดตามอยู่เสมอนะคะ
ไปมาๆกลายเป็นเรื่องที่แต่งยากพอสมควรยังไงก็ไม่รู้ค่ะ (ฮา) มายด์ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอารมณ์ออกมาได้ดีแค่ไหน
ต้องขอขอบคุณทุกๆกำลังใจจริงๆนะคะ
ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์ที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอมาเลยค่ะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ ^^
Chapter.4
เมื่อตกเย็นของวันที่มีการแสดงครั้งใหญ่ของชมรมดนตรีในมหาวิทยาลัย ทำให้เสียงพูดคุยจอกแจจอแจของนักศึกษาทุกคนย่อมมีแต่ประเด็นนี้เป็นหลักในการสนทนาจนฟังดูคล้ายว่าจะเป็นการพูดซ้ำไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เจ้าของร่างโปร่งใบหน้าหล่อเหลาประจำคณะบริหารอย่างปาร์ค ยูชอน ไม่ได้ตัวติดกับคนน่ารักประจำคณะคิม จุนซูอย่างที่เคย
“ไงวะไอ้ปาร์ค ปีนี้ก็ได้ที่นั่งหน้าสุดอีกรึเปล่า ?” ชอง ยุนโฮซึ่งนั่งเคียงข้างกายบางของคนรักหน้าหวานเอ่ยถามแม้จะรู้คำตอบอยู่แก่ใจ
“จุนซูจองไว้ให้แล้ว ทั้งของพวกนายแล้วก็ของฉันนั่นแหละ”
“มีเพื่อนเป็นคนแสดงก็ดีแบบนี้ล่ะนะ เพราะถ้าต้องให้ไปแย่งที่นั่งกับคนอื่นๆล่ะก็มีหวังคงโดนเบียดตายก่อนแน่ๆ” ก็ดีกรีความนิยมของคนในชมรมดนตรีน่ะมีน้อยเสียที่ไหน
“อีกประมาณชั่วโมงกว่าๆก็น่าจะเริ่มแล้ว
คราวนี้จุนซูเองก็เป็นถึงนักร้องนำ เป็นดาวเด่นของงานนี้เลยนะ พูดแล้วก็ตื่นเต้นแทนเจ้าตัวกลมนั่นชะมัดเลย” เป็นแจจุงที่พูดขึ้นมาบ้างก่อนจะปรายสายตาไปยังเพื่อนร่างโปร่งซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตามีเลศนัย
“แล้วพ่อคนเป็นเพื่อนสนิทอย่างปาร์ค ยูชอน เนี่ยจะมีเตรียมอะไรไว้ให้รึเปล่าน้า ~”
‘เพื่อนสนิท’ ที่ว่าทำเพียงนิ่งงันครู่หนึ่ง ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยด้วยท่าทางดูอ่อนโยนและมีความสุข ก่อนจะยันกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ม้าหินอ่อนขณะเอ่ยเสียงแผ่วและเดินจากไป
“
ก็ไม่รู้สินะ”
ชายหนุ่มร่างโปร่งประจำคณะบริหารก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข ยูชอนยกนาฬิกาข้อมือของตนเองขึ้นมาดูเวลาขณะเดินไปตามทางเพื่อไปยังจุดหมาย
สถานที่นั้นก็คือร้านดอกไม้แห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากตัวมหาวิทยาลัยมากเท่าใดนัก ตัวร้านทำด้วยบานกระจกใสที่สามารถมองผ่านเข้าไปเห็นดอกไม้นานาชนิดหลากสีสันอันสวยงามได้อย่างชัดเจน
ริมฝีปากอิ่มปรากฏรอยยิ้มอีกครั้งหนึ่ง ขณะผลักบานประตูกระจกใสเข้าไปในร้าน
“สวัสดีครับ”
“เชิญจ้ะ”
“ผมมาเอาของที่สั่งไว้ครับ” เสียงนุ่มเอ่ยกับเจ้าของร้าน
“อ๋อ
เรานั่นเอง” คุณป้ายิ้มใจดีพลางเดินไปหยิบสิ่งที่ลูกค้าหนุ่มของเธอได้สั่งเอาไว้ “นี่จ้ะพ่อหนุ่ม”
ช่อดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์ซึ่งแซมเสียบด้วยดอกไฮเดรนเยียสีชมพูและสีเหลืองอ่อนที่จัดแต่งไว้อย่างงดงามช่อโตถูกนำขึ้นมายื่นให้กับเจ้าของร่างโปร่งที่จ้องมองมันด้วยความพอใจ
เพียงแค่เขาคิดว่าใบหน้ากลมๆนั้นจะแย้มยิ้มสดใสแค่ไหนยามได้รับมัน เพียงแค่นั้นหัวใจของเขามันก็พองโตไปหมดแล้ว
เพราะคิม จุนซูเหมาะกับดอกลิลลี่สีขาวที่สุดในความคิดของเขา
“ขอบคุณมากครับ”
“น่ารักจังเลยนะ จะเอาไปให้แฟนหรือจ๊ะ ?”
ปาร์ค ยูชอนยกยิ้มขึ้นจางๆกับคำถามนั้น
“
ผมเอาไปให้เพื่อนน่ะครับ”
..
“จุนซู ! ทางนี้ๆ”
ร่างเล็กๆในเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดและกางเกงยีนส์สีซีดซึ่งกำลังคุยอยู่กับคนในชมรมหันไปตามเสียงเรียก ก่อนดวงหน้าน่ารักจะเผยรอยยิ้มกว้างและเอ่ยขอตัวกับกลุ่มเพื่อนพลางรีบเดินตรงเข้ามาหาเมื่อพบว่าเป็นใคร
“ยุนโฮ แจจุง ขอบคุณนะที่มา” เสียงเล็กเอ่ยอย่างอารมณ์ดีก่อนที่นัยน์ตาเรียวจะปรายมองหาใครอีกคนหนึ่งโดยอัตโนมัติ หากแต่เมื่อไม่พบคนที่ตนเองคิดไว้ก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยถาม “แล้วยูชอนล่ะ ? ไม่ได้อยู่กับพวกนายเหรอ”
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆหมอนั่นก็เดินหายไปไม่ยอมบอกอะไรเลยสักคำ”
“
งั้นเหรอ”
สีหน้าสดใสของร่างน้อยหม่นลงไปนิดหนึ่ง จนแจจุงที่สังเกตเห็นมันต้องยื่นมือเรียวออกไปตบไหล่เล็กดังปุๆ
“อย่าคิดมากน่าจุนซู นั่นปาร์ค ยูชอนนะ คิดว่าหมอนั่นจะไม่มาดูนายแสดงเหรอไง ?”
คำพูดนั้นทำให้ใบหน้ากลมน่ารักของคนตัวเล็กเผยยิ้มออกมา “ขอบคุณมากนะนายสองคน”
“ขอบคุณอะไร ยังไงนายแสดงทั้งทีพวกฉันก็ต้องมาดูอยู่แล้ว ทำให้เต็มที่เลยนะจุนซู ฉันจะเอาใจช่วยนาย”
“ขอบคุณนะแจจุง ยุนโฮ”
“อีกสิบห้านาทีก็จะเริ่มแล้ว นายกลับเข้าหลังเวทีไปได้แล้วล่ะ พวกฉันเองก็จะไปนั่งที่เหมือนกัน”
จุนซูดูลังเลไปเล็กน้อย นัยน์ตาคู่เรียวปรายมองซ้ายทีขวาทีราวกับตามหาใครสักคนหากแต่ไม่แสดงออกชัดเจน แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องคลี่ยิ้มออกมาและเอ่ยเสียงเบา “อื้ม ไว้หลังแสดงจบค่อยเจอกันนะ”
“อื้อ ทำให้เต็มที่นะ สู้ๆ”
“อื้ม !”
เสียงเล็กตอบรับด้วยสีหน้าและท่าทางยิ้มแย้ม หากแต่ก็ยังไม่วายเผลอหันกลับมามองยามที่เดินกลับไปยังด้านหลังของเวทีอยู่ดี จนคนร่างบางหน้าหวานและเจ้าของใบหน้าคมเข้มได้แต่มองหน้ากันด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“เจ้ายูชอนมันหายไปไหนของมัน
นี่อีกไม่นานงานก็จะเริ่มแล้วนะ” ยุนโฮเอ่ย
“เดี๋ยวก็คงจะมาเองนั่นแหละ หมอนั่นไม่พลาดงานแสดงของจุนซูหรอกน่า รีบไปนั่งที่เถอะยุนโฮ” แม้จะรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย หากแต่แจจุงก็คิดว่าตนเองรู้จักนิสัยของเพื่อนร่างโปร่งดี จึงจัดการดันแผ่นหลังกว้างของคนรักหน้าหมีให้เดินไปยังที่นั่งด้านหน้าสุดติดเวทีการแสดงด้วยกัน
อีกไม่ถึงสิบนาทีการแสดงกำลังจะเริ่ม
แต่ที่นั่งหน้าสุดที่เขาเตรียมเอาไว้ก็ยังไม่มีวี่แววของยูชอน
คนตัวเล็กที่ควรจะยืนนิ่งๆเพื่อเตรียมตัวขึ้นแสดงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าในเวลานี้กลับคอยชะเง้อศีรษะออกมาจากหลังเวทีราวกับว่ากำลังมองหาใครสักคนด้วยสีหน้าท่าทางคล้ายคนกระวนกระวายและกังวลใจเสียจนคนในชมรมเดียวกันรู้สึกผิดสังเกต
“จุนซู”
“
.”
“จุนซู !”
“ฮ
ฮะ ?”
“อีกสามนาทีจะเริ่มแล้วนะ มัวแต่มองหาอะไรอยู่น่ะ ?”
“ป
เปล่าฮะรุ่นพี่ยองโจ”
“มารอตรงบันไดได้แล้วนะจุนซู !”
“ขอบคุณฮ --- อะ !”
ช่วงเวลาที่คิม จุนซูหันไปมองยังที่นั่งอันว่างเปล่าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไปเตรียมแสตนด์บายตามคำของรุ่นพี่ ภาพของร่างสูงโปร่งแสนคุ้นเคยที่ตนเองมองหามาตลอดแทบทั้งวันซึ่งกำลังเดินตรงไปยังเก้าอี้ของตนเองก็ปรากฏแก่สายตาจนทำให้ต้องชะงักนิ่งงัน
ยูชอนมาแล้ว
ภายในสมองของจุนซูมีแต่คำนี้วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา
ราวกับอีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังจ้องมองอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อจู่ๆเจ้าของใบหน้าคมคายนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับคนตัวเล็กอย่างพอดิบพอดี ก่อนริมฝีปากอิ่มนั้นจะคลี่รอยยิ้มกว้างแสนอ่อนโยนมาให้พลางขยับเป็นข้อความสั้นๆที่ทำเอาหัวใจดวงน้อยของจุนซูถึงกับกระตุกอย่างไร้สาเหตุ
[พ - ยา - ยาม - เข้า - นะ]
จุนซูไม่เคยใจเต้นกับยูชอน จุนซูมั่นใจ
หากแต่ความรู้สึกบางอย่างที่อัดแน่นอยู่ภายในอกเหมือนจะเอ่อล้น จนทำให้หัวใจเต้นแรงแบบนี้
มันช่างคล้ายคลึงกับที่เคยเป็นเวลาอยู่ต่อหน้าชิม ชางมินเหลือเกิน
แต่จุนซูจะใจเต้นกับยูชอนได้ยังไง
ก็ยูชอนเป็นแค่เพื่อนนี่นา
“จุนซู การแสดงจะเริ่มแล้วนะ !!”
“อะ
ฮะ !”
เพราะเสียงของรุ่นพี่คนเดิมที่เอ่ยออกมาทำให้ร่างเล็กจำต้องละสายตาออกมาจากเพื่อนสนิทของตนและรีบเดินตรงไปเตรียมตัวยืนบริเวณบันไดของเวทีทันทีเพื่อรอการแสดงซึ่งกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า ก้อนเนื้อในอกซ้ายยังคงเต้นระรัวไม่หยุด แม้ว่าร่างน้อยจะพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม
“สวัสดีครับทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่การแสดงประจำปีของชมรมดนตรีครับ ในวันนี้ผม
”
เสียงของพิธีกรประจำงานดังขึ้นเพื่อทักทายและกล่าวอะไรเล็กๆน้อยกับผู้เข้าชมทั้งหมด หากแต่เสียงเหล่านั้นกลับไม่ได้เข้าไปถึงโสตประสาทของคิม จุนซูเลยแม้แต่น้อย เพราะในตอนนี้คนตัวเล็กกำลังพยายามบังคับใจของตนเองให้เย็นลงและคลายจากความตื่นเต้นทั้งหมดซึ่งกำลังค่อยๆก่อตัวขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ขอเชิญพบกับการแสดงร้องเพลงโซโล่
เวทีของคิม จุนซูคณะบริหารปีสามครับ !”
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวพร้อมๆกับทำนองเพลงอินโทรที่ดังขึ้นมา ร่างเล็กๆสูดลมหายใจลึกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะค่อยๆก้าวออกไปยังบนเวทีอย่างมั่นคง ภาพแรกที่เห็นคือผู้เข้าชมจำนวนมากที่แม้จะดูลายตา แต่แจจุง และยุนโฮซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางพอดิบพอดีนั้นก็เป็นจุดสนใจของเขาได้อย่างง่ายดาย
ท่าทางให้กำลังใจที่คู่รักสองคนแสดงออกทำให้หัวใจที่เคยเต้นถี่ๆของจุนซูค่อยๆคลายลง เรียวปากบางคลี่ยิ้มอ่อนหวาน ในขณะที่ค่อยๆเปล่งเสียงร้องเพลงอันไพเราะและทรงพลังจนสะกดและตรึงผู้ฟังทุกคนให้นิ่งงันไปแสนเนิ่นนาน
แวบหนึ่งที่นัยน์ตาคู่เรียวสบกับดวงตาคมของชายหนุ่มร่างโปร่งซึ่งนั่งอยู่เคียงข้างร่างบางหน้าหวานประจำคณะบริหาร ความรู้สึกเดิมๆก็ย้อนกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่งจนพวงแก้มอิ่มฝาดสีระเรื่อ ต้องรีบหลบสายตาไปด้วยท่าทางเลิ่กลั่กและพยายามหาจุดทอดสายตาจุดอื่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
และฉับพลันสายตาของตนเองก็สบเข้ากับนัยน์ตาคมของชิม ชางมิน
รุ่นพี่ที่ตนเองเฝ้าแอบหลงรักซึ่งนั่งอยู่แถวหน้าสุดเข้าอย่างพอดิบพอดี ชายหนุ่มร่างคมเข้มคลี่ยิ้มอ่อนโยนพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือให้เป็นเชิงบอกว่าทำได้ดีมากพร้อมขยิบตาข้างหนึ่งให้ จนคนตัวเล็กต้องฉีกยิ้มกว้างสดใสเป็นการตอบรับ ภายในสมองลืมความรู้สึกเมื่อครู่ของตนเองไปเสียสนิทใจ
คิม จุนซูปรายสายตามองชางมินเกือบตลอดทั้งเพลง
แต่ปาร์ค ยูชอนก็มองเพียงแต่คนตัวเล็กไม่ยอมละสายตาเช่นเดียวกัน
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่หันมามองเขาเลยก็ตาม
เสียงเพลงค่อยๆจบลงไปพร้อมกับร่างเล็กของคนน่ารักประจำคณะบริหารที่โค้งกายเล็กน้อยให้กับผู้ชมทุกคนตรงหน้า เสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดกร๊าดดังกระหึ่มจนสามารถเรียกรอยยิ้มกว้างจนเห็นแนวฟันขาวเรียงตัวสวยอันเป็นเอกลักษณ์ได้เป็นอย่างดี เจ้าของใบหน้าหวานค่อยๆก้าวลงจากเวทีการแสดงอย่างช้าๆ
“ครับ ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับการแสดงของนักร้องเสียงดีของเรา ลำดับต่อไปจะเป็นการบรรเลงดนตรี
”
งานแสดงของชมรมดนตรียังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้เข้าฟังทุกคน แสงสีของสปอร์ตไลท์สาดส่องวูบวาบไม่ต่างจากเสียงเครื่องดนตรีที่ดังกระหึ่มสมกับเป็นงานประจำปีที่ใครๆต่างก็รอคอย ปิดท้ายด้วยการร้องเพลงรวมที่ประธานชมรมอย่างชิม ชางมินก็แอบเซอร์ไพรส์ด้วยการลุกจากเก้าอี้ที่นั่งผู้ชมด้านล่างขึ้นไปร่วมร้องบนเวทีด้วย
ทุกอย่างจบลงอย่างสวยงาม
โดยมีเพียงแค่หัวใจสองดวงที่รู้สึกแตกต่างกันออกไป
“เก่งจังเลยนะจุนซู”
“เสียงนายเพราะมากๆเลย ฉันฟังแล้วขนลุกเลยล่ะ”
“นายทำดีมากๆเลยจุนซู ต่อไปก็สู้ๆเขานะ”
ร่างเล็กๆของคนน่ารักประจำคณะบริหารถูกรายล้อมด้วยผู้คนมากมายที่ต่างก็เดินเข้ามาแสดงความชื่นชมหลังจากจบการแสดง ใบหน้าอ่อนหวานมีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่แทบตลอดเวลาขณะโค้งศีรษะน้อยๆขอบคุณทุกคนที่เข้ามาหาไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ รุ่นเดียวกันหรือกระทั่งรุ่นน้อง
“จุนซูวววววววว”
“อ
แจจุง
หวา !”
คนตัวเล็กเกือบเซหงายหลัง เพราะจู่ๆเพื่อนสนิทหน้าหวานของตนเองก็วิ่งพุ่งตรงเข้ามาสวมกอดเสียเต็มรัก พร่ำบอกคำว่าเก่งจัง เพราะจังซ้ำไปซ้ำมา ในขณะที่ชอง ยุนโฮซึ่งเดินตามมาทีหลังก็ทำเพียงยื่นมือมาขยี้เรือนผมสีน้ำตาลเข้มของเขาอย่างมันเขี้ยวเท่านั้น
“ทำได้ดีมากๆเลยนะจุนซู”
“ขอบคุณนะทั้งสองคน
แล้ว ---”
นัยน์ตาคู่เรียวเผลอเอ่ยค้างเอาไว้พร้อมปรายสายตามองยังรอบกายของตนเองและเพื่อนรักทั้งสอง หวังว่าจะได้พบใครอีกคนหนึ่งที่ตนเองหลบสายตามาตลอดการแสดงนั้น
หากแต่ก็ไร้วี่แวว
ยูชอนหายไปอีกแล้ว
..
เจ้าของตำแหน่งเดือนคณะบริหารปีสามรีบก้าวฉับๆออกมาจากตัวอาคาร ใบหน้าคมคายเปื้อนยิ้มสีหน้าแช่มชื่นขณะทอดสายตามองช่อดอกไม้ในมือของตนเองอย่างอารมณ์ดี
หลังจากที่เขารีบออกไปเอาดอกไม้ที่สั่งเอาไว้ที่ร้าน ก็ต้องเอามาซ่อนไว้ภายในล็อคเกอร์ห้องชมรมของตนเองก่อนเพราะไม่อยากให้มีใครมาเห็น และก่อนจบการแสดงก็รีบวิ่งออกมาเพื่อจะนำไปให้เพื่อนตัวเล็กของเขา
ที่ทำถึงขนาดนี้ก็เพราะถ้าเขาเอาติดตัวไปนั่งดูการแสดงด้วยล่ะก็ ยังไงจุนซูก็ต้องเห็นมันอย่างแน่นอน จึงต้องหาที่เก็บเอาไว้เป็นความลับเสียก่อน
เขาก็แค่อยากทำให้จุนซูดีใจ
ใบหน้ากลมๆนั่นตอนเห็นดอกไม้ช่อนี้จะสดใสและน่ารักขนาดไหนกันนะ
ลำพังเพียงแค่ความคิดนั้น หัวใจของยูชอนก็พองโตอัดแน่นด้วยความรู้สึกดีๆเต็มไปหมดแล้ว
ยิ่งเห็นร่างน้อยๆที่แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายก็ยังเป็นที่สะดุดตา ชายหนุ่มร่างโปร่งก็รีบสาวเท้าให้ก้าวยาวๆออกไปให้เร็วมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากอิ่มเตรียมเปล่งเสียงเรียกชื่อเพื่อนสนิทตัวเล็กของตนเองหมายจะให้อีกฝ่ายหันกลับมา
“จุน ---”
“จุนซู”
หากแต่เสียงทุ้มโทนสูงซึ่งดังจากอีกฝั่งหนึ่งของคนตัวเล็กก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“พี่ชางมิน !”
ดวงหน้าน่ารักคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะรีบขอตัวจากคนรอบกายเพื่อเดินไปหารุ่นพี่หนุ่ม จนยูชอนที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งได้แต่หยุดชะงักนิ่งไปอย่างนั้น
“เราทำได้ดีมากเลยนะ”
“ม
ไม่หรอกฮะ เป็นเพราะว่าทุกๆคนช่วยกันไงฮะ” ดวงหน้ากลมขึ้นสีระเรื่อขณะก้มงุดๆไม่กล้าสบสายตา
“พี่ภูมิใจในตัวเรานะจุนซู ปีต่อไปพี่ก็ต้องขอฝากชมรมด้วยล่ะ”
“พี่ชางมิน
”
“ส่วนนี่
พี่ให้นะ”
“อ๊ะ !”
ดอกกุหลาบก้านยาวดอกใหญ่สีขาวบริสุทธิ์ซึ่งตัวกลีบซ้อนทับกันเป็นชั้นๆอย่างงดงามขณะบานออกน้อยๆดอกหนึ่งถูกยื่นออกมาให้กับคนตัวเล็กที่ดูเหมือนว่าจะตัวแข็งเป็นก้อนหินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“สำหรับเจ้าของเวทีวันนี้
และประธานชมรมปีต่อไปนะครับ จุนซู”
ทั้งน้ำเสียงและรอยยิ้มแสนอ่อนโยนของเจ้าของใบหน้าคมเข้มนั้นทำเอาร่างน้อยถึงกับพูดอะไรไม่ออก ดวงหน้าน่ารักซึ่งเคยฝาดสีระเรื่อพลันกลายเป็นสีแดงจัดขึ้นมาได้ภายในเวลาไม่นาน หากมือคู่เล็กๆอันสั่นเทานั้นก็ค่อยๆยื่นออกไปรับดอกไม้ดอกสวยนั้นเอาไว้ แย้มยิ้มกว้างนัยน์ตาเป็นประกายทั้งๆที่พวงแก้มกลมขึ้นสีแดงก่ำ
“ขอบคุณนะฮะ”
คิม จุนซูรู้สึกเหมือนตัวเองจะลอยได้
หัวใจดวงเล็กเต้นแรงจนน่ากลัว ได้แต่ยิ้มเขินและหัวเราะเบาๆกับรุ่นพี่หนุ่มซึ่งตนเองแอบปลื้มมานานแสนนาน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองกำลังถูกใครคนหนึ่งจ้องมองจากที่ไกลๆ
ความหวังทั้งหมดพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี ช่อดอกไม้ในมือถูกกำเอาไว้แน่น
ก่อนชายหนุ่มร่างโปร่งจะเก็บซ่อนเอาไว้ด้านหลังของตนเองอย่างช้าๆ ใบหน้าคมคายก้มต่ำลงด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ประเดประดังเข้ามาจนจุกอยู่ภายในอกเต็มไปหมด หากแต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคงจะไม่พ้นเป็นความสมเพชตัวเองที่พ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม
ถึงจะให้ดอกไม้สักกี่ร้อยดอก
มันก็คงจะสู้ดอกไม้ดอกเดียวที่ชิม ชางมินให้ไม่ได้
“ยูชอน ทำไมมายืนเฉยๆตรงนี้ --- ล่ะ
”
ชเว มินกีที่เดินมาอีกทางหนึ่งและเห็นว่าร่างสูงโปร่งชั้นปีเดียวกันยืนนิ่งแทบไม่ขยับจึงเดินตรงเข้ามาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“มินกี โทษทีนะ”
“หือ ?” เสียงแผ่วพร่าของผู้เป็นเพื่อนร่วมชมรมทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มฉายแววฉงนอย่างไม่เข้าใจ
“ฝากหน่อย”
“หา --- อ่ะ
!”
ช่อดอกไม้ช่อใหญ่ถูกส่งให้มือเล็กๆนั้นต้องรับไปอย่างลวกๆ ดวงหน้าของคนน่ารักประจำคณะสถาปัตย์ฯ ถึงกับอึ้งไปเพราะกำลังงุนงงจนทำอะไรไม่ถูก ครั้นเมื่อจะเอ่ยปากถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่ส่งดอกไม้มาให้นั้นก็เดินตรงไปข้างหน้าเสียแล้ว
ใบหน้าคมคายแสร้งแย้มยิ้มอ่อน ขณะเรียกนามของคนตัวเล็กที่กำลังจดจ้องมองดอกกุหลาบสีขาวในมือด้วยสีหน้าแช่มชื่น
“
จุนซู”
“อ้าว ยูชอน ! นายหายไปไหนมา !” คนตัวเล็กทำหน้าตูมอย่างแง่งอนเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทของตนเองที่ควรจะอยู่ข้างกายกลับเพิ่งจะโผล่หน้ามาเอาป่านนี้
“ขอโทษที พอดีไปเข้าห้องน้ำมาน่ะ ท้องไม่ค่อยดีนิดหน่อย”
“อะไรกัน ไปกินอะไรผิดสำแดงเข้าหรือไง”
“ก็คงอย่างนั้นล่ะมั้ง” เสียงทุ้มเอ่ยตอบกลับ “แล้ว
ดอกกุหลาบนี่ แฟนคลับให้มาหรือไง ?”
“บ้าน่า” พวงแก้มกลมฉีดสีแดงระเรื่อ เอ่ยตอบเสียงอุบอิบขัดเขิน “
พี่ชางมินให้ฉันมาต่างหากล่ะ”
“งั้นเหรอ”
“แล้วยูชอนล่ะ
จะไม่มีอะไรให้ฉันเลยรึไง” คนตัวเล็กทำแก้มพองเปลี่ยนเรื่องขณะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาแบไว้ตรงหน้า ช้อนสายตาขึ้นมองผู้เป็นเพื่อนสนิทคล้ายเด็กเอาแต่ใจ ยูชอนทำเพียงกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยและขยี้เรือนผมสีน้ำตาลของคนตรงหน้าอย่างมันเขี้ยวเท่านั้น
“หน้าตามีความสุขขนาดนี้คงไม่อยากได้อะไรแล้วล่ะมั้ง ?”
“ยูชอน !”
“ฮ่าๆๆ”
มินกีได้แต่เพียงก้มมองช่อดอกไม้ช่อสวยซึ่งบ่งบอกว่าเจ้าของของมันมีความใส่ใจมากมายเพียงใดในมือสลับกับภาพของคนสองคนตรงหน้าที่กำลังพูดคุยและหยอกล้อกันเล่นไปมาเท่านั้น
นายกำลังอยู่ในความรู้สึกแบบไหนเหรอยูชอน
เวลาที่ยิ้มออกไปแบบนั้น
.
“ฮืม ~ ฮืม ~”
เสียงแหบหวานเป็นเอกลักษณ์ของคนตัวเล็กยังคงดังมาให้ได้ยินตั้งแต่ตลอดทางกลับมายังห้องพัก จนถึงกระทั่งตอนนี้ที่พวกเขาทั้งสองคนกลับมาที่ห้องได้พักใหญ่แล้ว ท่าทางอารมณ์ดีสุดๆเหล่านั้นของคิม จุนซูก็ยังคงอยู่และดูท่าว่าคงจะไม่จางหายไปง่ายๆ เพราะเจ้าตัวเอาแต่มองดอกกุหลาบขาวในมือแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาจะชั่วโมงนึงอยู่แล้ว
“มีความสุขจนแก้มจะแตกแล้วจุนซู”
“เงียบน่ายูชอน !” คนกำลังฮัมเพลงหันมาร้องแหวแก้มแดง “ก็คนมันมีความสุขนี่ !”
“
.”
“ตอนพี่ชางมินยื่นดอกไม้ให้ฉัน ฉันรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนเลยล่ะยูชอน หัวใจเต้นแรงมากเลย มีความสุขจนเหมือนจะลอยได้อีกแล้ว ฉันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆเลย
”
“ดีจังเลยนะ”
“อื้ม !” ดวงหน้าอ่อนหวานยิ้มเสียจนตาหยี ก่อนจะกลับมาส่งค้อนให้เพื่อนสนิทเสียวงหนึ่ง “ยูชอนอ่ะไม่ยอมให้อะไรฉันเลย”
“
.” คนถูกว่ากล่าวทำเพียงกระตุกยิ้มจางๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ขอโทษทีนะ”
“เชอะ ขอโทษอะไรกันล่ะ มันจะไปพอได้ยังไง ~ เพื่อนสนิทอุตส่าห์ขึ้นเวทีทั้งที นอกจากจะหายตัวไปแล้วยังไม่มีของขวัญให้อีกต่างหาก คนนิสัยไม่ดี”
“
.” เป็นอีกครั้งที่ยูชอนทำเพียงยิ้มตอบเสียงบ่นงุ้งงิ้งของคนตรงหน้าเท่านั้น
“โอ๊ยยย มีความสุขจังเลยอ่ะยูชอนนนน” คนตัวเล็กยิ้มเขินถือดอกกุหลาบในมือแน่น พวงแก้มฉีดสีแดงก่ำยามเรื่องราวของวันนี้ย้อนกลับเข้ามาภายในสมอง
ฉันก็
คงมีความสุขเหมือนกันจุนซู
“
ดึกแล้วนะจุนซู ไปนอนเถอะ”
“แต่ว่าฉันยังไม่ง่ว --- ฮ้าววว ~”
“ปากแข็ง หาวมาซะเต็มๆแบบนี้ยังกล้าปฏิเสธอีกหรือไงหืม ?”
“งื้ออออ แต่ว่าดอกกุหลาบของพี่ชางมิน
”
นัยน์ตาคู่เรียวปรายมองดอกไม้ดอกสวยในมือด้วยความเสียดาย ราวกับว่าหากปล่อยให้หลุดจากมือไปแล้วมันจะเหี่ยวแห้งและหายไปในทันทีอย่างไรอย่างนั้น จนยูชอนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาทั้งๆที่ภายในหัวใจรู้สึกปวดแปลบ
“เอามาสิ เดี๋ยวฉันหาแจกันใส่ไว้ให้นะ”
“จริงเหรอ ?” ใบหน้าน่ารักที่หม่นลงพลันสดใสขึ้นทันตา “งั้นถ้าเอามันตั้งไว้บนโต๊ะข้างๆเตียงของฉันก็ได้ใช่ไหม !?”
“ได้สิ”
“ไชโย !” เสียงแหบเล็กร้องดีใจ ก่อนจะคล้องลำคอแกร่งและจุมพิตยังแก้มสากไปทีหนึ่ง “ขอบคุณนะยูชอน ยูชอนน่ารักที่สุดเลย !”
การกระทำของคนไม่คิดอะไรซึ่งวิ่งหลุนๆเข้าห้องไปนั้นมันทำให้หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบไหว
หากแต่ปาร์ค ยูชอนก็ทำอะไรไม่ได้ นอกเสียจากรับดอกกุหลาบสีบริสุทธิ์มาจากคนตัวเล็กตรงหน้าเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
ร่างน้อยยิ้มแย้มสดใส ผินกายหันหลังและกึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปยังห้องนอนของตนเอง ทว่าเมื่อมือคู่เล็กบิดลูกบิดประตูเปิดออกเตรียมก้าวเข้าไปในห้อง เสียงทุ้มแผ่วพร่าซึ่งดังมาจากทางด้านหลังก็ทำให้เขาต้องหยุดชะงักไปเสียก่อน
“จุนซู”
“
.”
“
นายจะรักฉันไม่ได้สักนิดเลยเหรอ”
“
.”
“
.”
“เราตกลงกันแล้วนะยูชอน” เสียงแหบเล็กตอบกลับทั้งๆที่ไม่ได้หันกลับมามอง
“
.”
“อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลย”
ประตูห้องสีน้ำตาลอ่อนถูกปิดลงแผ่วเบา
พร้อมๆกับหัวใจของร่างสูงโปร่งที่แหลกสลายลงอีกครั้งหนึ่ง
มันคงอาจจะเป็นไปไม่ได้จริงๆ
ใช้เวลาเพียงไม่นาน เจ้ากุหลาบขาวก็ได้แจกันเซรามิกสีอ่อนทรงสูงเป็นที่อยู่ใหม่
ยูชอนมองของขวัญการแสดงของคนตัวเล็กในมืออีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูของคนตัวเล็กและเปิดเข้าไป หากก็พบว่าภายในห้องกลับปิดไฟมืดสนิท มิหนำซ้ำร่างน้อยๆนั้นก็ดูเหมือนจะเข้าสู่ห้วงแห่งนิทราเพราะความเหนื่อยอ่อนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หากแต่หลังจากที่ชายหนุ่มจัดการเปิดไฟบนโต๊ะข้างเตียงอย่างเงียบเชียบ ท่านอนตัวแข็งทื่อซึ่งนับได้ว่าแปลกประหลาดเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ได้ชื่อว่านอนดิ้นสุดๆอย่างคิม จุนซูก็ทำให้ยูชอนรู้ได้อย่างไม่ยากเย็นเลยว่าในตอนนี้เพื่อนสนิทตัวเล็กของตนเองนั้นไม่ได้นอนหลับอยู่จริง
ยูชอนค่อยๆวางแจกันดอกไม้ไว้บนโต๊ะไม้สีเข้มข้างเตียงอย่างที่จุนซูต้องการด้วยความระมัดระวัง โดยนัยน์ตาคมลอบมองอาการของคนแกล้งหลับที่ไม่ยอมขยับเขยื้อนเป็นระยะๆ ก่อนจะพรูลมหายใจออกมาแผ่วเบา
จุนซูคงไม่อยากคุยกับเขา
เป็นเพราะเมื่อครู่เขาพลั้งปากพูดอะไรงี่เง่าออกไปแท้ๆ
เจ้าของร่างสูงโปร่งทอดสายตามองคนน่ารักบนเตียงด้วยความรู้สึกมากมาย ก่อนจะค่อยๆโน้มกายลงไปช้าๆกระทั่งได้กลิ่นกรุ่นหอมแป้งเด็กอันเป็นเอกลักษณ์ รับรู้ได้ถึงอาการแข็งทื่อลมหายใจติดขัดของคนโกหกไม่แนบเนียน จนต้องคลี่ยิ้มออกมาจางๆด้วยความเอ็นดูอย่างอดไม่ได้
“จุนซู”
“
.” คนแกล้งหลับยังคงเงียบต่อไป หากแต่ปาร์ค ยูชอนก็ไม่คิดที่จะเอ่ยจับผิดอะไรไปมากกว่านั้น เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังฟังเขาอยู่
“ฉันเอาดอกไม้ใส่แจกันให้แล้ว
แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่วันนี้ไม่ได้เตรียมอะไรมาให้นายหลังจบการแสดงเลย”
“
.”
“เอาไว้ฉันจะชดเชยให้ด้วยการพาไปเที่ยวสวนสนุกที่นายเคยบอกฉันว่าอยากไปก็แล้วกันนะ”
“
.”
“จุนซู
”
“
.”
“
เมื่อกี้ฉันขอโทษนะ”
สัมผัสอุ่นๆจากเรียวปากอิ่มแนบทาบมอบจุมพิตยังหน้าผากเนียนอย่างอ่อนโยน เตียงที่เคยยวบลงเพราะน้ำหนักคนตัวสูงกว่าหายไป พร้อมกับเสียงดับไฟและเสียงปิดประตูแผ่วเบาซึ่งดังถัดมาตามลำดับ
เหลือเพียงร่างเล็กๆที่ค่อยๆลืมตาขึ้นมาภายในความมืดมิด ด้วยหัวใจอันวูบโหวงและนัยน์ตาเรียวรีคลอน้ำอันฉาบฉายไปด้วยความรู้สึกผิดมากมายเท่านั้น
ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ
ยูชอน
ขอโทษที่ฉันให้หัวใจกับนายไม่ได้จริงๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued ...
ความคิดเห็น