คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : :: Rendezvous :: Chapter.3
TALK ::
สวัสดีค่ะทุกท่าน ^^ มาอัพให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ
ตอนนี้ภัยน้ำท่วมยังคงมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ... จนโรงเรียนมายด์เองก็เลื่อนเปิดออกไปอีกสองอาทิตย์เหมือนกัน
ยังไงก็ขอให้ทุกท่านปลอดภัยและดูแลตัวเองกันดีๆด้วยนะคะ
หวังว่าทุกอย่างคงจะผ่านพ้นไปได้ในเร็ววันค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเมนท์ที่เป็นกำลังใจให้มาตลอดนะคะ ^ ^
ช่วงนี้น้ำท่วม ถ้าหากไม่สะดวก แค่มาติดตามอ่านเฉยๆได้ก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ ><
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ
Chapter.3
แม้เพียงเสี้ยววินาทีก็ช่างแสนยาวนานเสียจนรู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างยากที่จะขยับหรือแม้แต่จะเอ่ยอะไรออกไปได้เลย คนทั้งสามยังคงยืนนิ่งงันทำอะไรไม่ถูก
ไม่รู้เสียด้วยซ้ำไปว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร เพราะบรรยากาศในตอนนี้นั้นมันช่างอึดอัดและเจ็บปวดจนภายในหัวใจมันเจ็บไปหมดแล้ว
“จ
จินจู
ผม ---”
ร่างโปร่งที่ผละกายออกมาจากน้องชายของคนรักเอ่ยเสียงตะกุกตะกักพลางก้าวเดินออกไปหมายจะยื่นมือไปสัมผัสไหล่บอบบางที่กำลังสั่นเทาของอีกฝ่าย หากแต่จินจูกลับผงะก้าวถอยหลังไป
พร้อมกับหยาดน้ำตาเม็ดใสที่คลอนัยน์ตาคู่งาม
“ฉ
ฉัน
ข
ขอโทษค่ะ
”
“จินจู
”
“ฮึกก
ผมขอโทษฮะ !!”
“จุนซู !! เดี๋ยว ---!!”
ยังไม่ทันที่บทสนทนาจะดำเนินต่อไป
เสียงแหบหวานอันสั่นระริกก็โพล่งดังขึ้นมาพร้อมกับร่างเล็กที่รีบกระชับเสื้อของตนเองแล้ววิ่งปรี่ออกไปจากห้องทันทีโดยที่ไม่ฟังแม้แต่เสียงร้องเรียกของผู้เป็นพี่สาวเลยแม้แต่น้อย
“ฮึก
จุนซู
จุนซู ---!” จินจูเตรียมจะก้าวขาออกไปวิ่งตามผู้เป็นน้องชาย หากแต่มือหนาที่รั้งข้อมือของเธอเอาไว้ก็ทำให้เธอต้องหยุดชะงักเสียก่อน
“จินจู
!” นัยน์ตาคมนั้นฉายแววเว้าวอนสั่นไหวจนหัวใจรู้สึกเจ็บแปลบ
“
.”
“อย่าไปนะ
อย่าไป”
เช่นเดียวกับน้ำเสียงทุ้มพร่าที่ดูอ่อนล้าเหลือเกินนั้น
หยาดน้ำตาสีใสค่อยๆกลิ้งหล่นกระทบพวงแก้มขาวซีดของหญิงสาวช้าๆ เธอเม้มริมฝีปากแน่นก่อนที่จะค่อยๆสลัดมือออกจากการกอบกุมของชายคนรักและวิ่งออกไปจากห้องตามน้องชายของตนเองไปทันที
“ฮึก
ฉันขอโทษค่ะยูชอน
ฉันขอโทษจริงๆ !!”
“จินจู ! จินจู
!!”
เสียงทุ้มพร่าเอ่ยร้องเรียกเสียงดัง
ไม่อาจแม้แต่จะคว้าข้อมือบางรั้งเอาไว้ เพราะกายทั้งกายมันชาเสียจนไม่สามารถขยับได้แม้เพียงก้าวตั้งแต่ที่อีกฝ่ายวิ่งหนีหายไปจากสายตา ยูชอนยืนนิ่งยกมือทั้งสองข้างของตนเองขึ้นมาอย่างช้าๆ ราวกับภายในหัวสมองกำลังตีกันยุ่งไปหมดจนไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
หยาดน้ำตาที่เห็นทำให้ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเจ็บแปลบ
“ฮึก
ใช่ ! ผมมันก็เป็นแค่อากาศสำหรับพี่
ฮึกกก ! แล้วพี่จะไปรู้สึกอะไร
!”
“ฮึก
ฉันขอโทษค่ะยูชอน
ฉันขอโทษจริงๆ !!”
น้ำตาของใคร
?
เพราะมันสับสน
สับสนจนรู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะ เจ็บแปลบภายในหัวใจ จุกอยู่บริเวณในลำคอจนหายใจลำบาก และชาไปทุกส่วนของร่างกาย
“บ้าจริง
นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องแบบนี้สักหน่อย !”
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันเฉกเช่นเดียวกับมือหนาที่กำเอาไว้แน่น ยูชอนตัดสินใจไล่ความคิดและความปวดแปลบทั้งหมดที่เกิดขึ้นออกไป ก่อนจะรีบก้าวเท้าวิ่งตามหญิงสาวคนรักออกไปทันทีด้วความรวดเร็ว
..
“จุนซู
! ฮึก
จุนซู ! หยุดก่อน !!”
ฝีเท้าคู่เล็กเร่งให้เร็วขึ้นทั้งๆที่น้ำตายังไหลอาบแก้มไม่หยุด เสียงของผู้เป็นพี่สาวที่ได้ยินตามหลังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นทำให้ยิ่งอยากจะวิ่งหนีหายไปให้พ้นด้วยความละอายใจต่อความผิดบาปที่ได้กระทำลงไป
หากแต่เรียวขาเล็กทั้งสองข้างนั้นก็ช่างอ่อนแรงเสียจนแทบจะวิ่งต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
ไม่กล้าที่จะสู้หน้าพี่สาวที่ตัวเองคอยเฝ้ารักและปกป้อง แต่ความจริงแล้วนั้นกลับเป็นฝ่ายทำร้ายจิตใจของเธอเสียเอง
มันผิดบาป
มันน่ารังเกียจ
และปวดร้าวจนหัวใจจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว
“ฮึก
จุนซู
!”
ขาเล็กๆของหญิงสาวพยายามเร่งก้าวให้เร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าระยะทางของตนเองกับผู้เป็นน้องชายฝาแฝดลดน้อยลงเรื่อยๆ ไม่สนใจแม้ว่าจะผ่านทางเท้าหรือเส้นถนนที่มีรถวิ่งผ่านเพียงไม่กี่คัน คำพูดมากมายที่เก็บกักอยู่ภายในใจมันเอ่อล้นจนอยากจะเอ่ยปากพูดออกไปให้หมด หากแต่ความเหนื่อยล้าที่ไม่สัมพันธ์กับสุขภาพร่างกายก็ทำให้ปวดร้าวจนรู้สึกเหมือนไม่มีอากาศจะหายใจ
“จุนซู
!! แฮ่ก
ฮึกๆ จุนซู !! ฟังพี่ก่อน แค่ก
จุนซู แค่ก !”
เสียงหอบหายใจและเสียงไอค่อกแค่กที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำให้ขาเรียวของจุนซูหยุดชะงักนิ่ง คนตัวเล็กรีบหันขวับไปทางด้านหลังด้วยความตกใจ ความคิดที่ว่าพี่สาวของตนเองไม่สามารถใช้กำลังกายหนักๆได้ผุดกลับขึ้นมาในสมอง แต่ก่อนที่สมองจะประมวลผลไปมากกว่านั้น ดวงตาเรียวรีก็ต้องเบิกกว้างเมื่อร่างบอบบางของจินจูล้มลงกลางพื้นถนน !
“พี่จินจู !!!”
จุนซูรีบวิ่งปรี่เข้าไปหาพี่สาวของตนเองทันทีโดยไม่รีรอที่จะคิดอะไรอีก กายเล็กย่อตัวนั่งคุกเข่าลงบนพื้นปูนสีเทาเข้ม พยุงกายขาวซีดที่หอบหายใจหนักหน่วงขึ้นมาอย่างช้าๆด้วยน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูมากกว่าเดิม
นึกโทษตัวเองที่ปล่อยให้จินจูวิ่งตามมาแบบนี้ทั้งๆที่ร่างกายของเจ้าตัวไม่ควรจะวิ่งเลยเสียด้วยซ้ำไป
“ฮึก
พี่จินจู
พี่จินจู
”
“แฮ่ก
จุนซู
” ใบหน้าขาวซีดราวกระดาษของหญิงสาวเผยรอยยิ้มจางทั้งๆที่ยังมีน้ำตาคลอ มือเรียวบางสั่นเทากำแขนเสื้อของผู้เป็นน้องชายไว้แน่น
“จุนซู
ฮึก
พี่
แค่ก แค่ก !”
“ฮึก
! อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะฮะพี่จินจู
ฮือ ผมขอโทษฮะ
ฮึก ! ผมขอโทษ
”
“ไม่นะจุนซู
แค่ก
เราต้อง
ฮึก ฟังพี่
!”
คิม จินจูพยายามตักตวงลมหายใจเข้าปอดหากแต่ก็รู้สึกอึดอัดจนทำได้ยากเต็มทน นี่คงเป็นผลที่เกิดขึ้นจากการที่เธอฝืนตัวเองวิ่งตามน้องชายมาสุดฝีเท้าแบบนี้ แต่เธอก็หวังที่จะได้พูดมันออกไป
ถึงความในใจบางอย่างที่เก็บงำเอาไว้โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา
“ฮึกๆๆ ผมจะพาพี่ไปหาหมอ
ฮึก ! พี่จินจูหายใจลึกๆก่อนนะฮะ !”
เสียงแหบหวานเอ่ยเครือทั้งน้ำตา พยายามจะพยุงร่างบางๆของพี่สาวฝาแฝดให้ลุกขึ้นยืนด้วยมือคู่น้อยสั่นระริก ทุกประสาทสัมผัสและความสนใจของคนตัวเล็กอยู่ที่หญิงสาวตรงหน้าเพียงคนเดียวจนไม่ทันมองสิ่งรอบกายหรือแม้แต่กระทั่งรับรู้ว่ารถยนต์สีดำสนิทกำลังแล่นพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง !
ปาร์ค ยูชอนที่เพิ่งจะวิ่งตามมาทันได้แต่เบิกตากว้างกับภาพตรงหน้าจนแทบลืมหายใจ ริมฝีปากอิ่มตะโกนร้องเรียกออกไปอย่างสุดเสียง
“จุ ---!!”
“จุนซู !!!!”
เอี๊ยดดดดดดดด
เสียงเบรคดังลั่นก้องไปทั่วบริเวณ
คิม จุนซูรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหยุดหายใจ
ชั่ววินาทีที่ได้ยินพี่สาวของเขาร้องออกมาสุดเสียง เป็นเวลาเดียวกับภาพของรถยนต์ที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาหาด้วยความเร็วสูงปรากฏแก่สายตา หากแต่ร่างของเขาเองกลับถูกแรงผลักให้กระเด็นออกไปอีกทางหนึ่งอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
เพราะแรงกระแทกทำให้นัยน์ตาคู่เรียวต้องหลับปี๋
แต่เพียงไม่นานก็ต้องปรือเปิดขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยเสียงทุ้มพร่าแสนคุ้นเคยที่ตะโกนดังลั่นกระทบโสตประสาท
“จินจู !!!!!!!”
หยาดโลหิตสีแดงฉานตัดกับพื้นถนนสีเทาอย่างน่าปวดร้าว
เพราะช่วยชีวิตของเขา
“ฮึก
พี่จินจู !!!!!”
พยายามพาร่างกายของตนเองปรี่ไปหาผู้เป็นพี่สาว หากแต่เรียวขาที่อ่อนกำลังด้วยเพราะความตกใจสุดขีดนั้นกลับไม่ทำให้เขาทำได้ดังใจ
เพราะร่างสูงโปร่งที่อยู่ฝั่งตรงหน้าวิ่งตรงเข้ามาอุ้มช้อนร่างขาวซีดนั้นขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนเสียก่อน
“จินจู ! จินจู !! ตื่นสิ !! อึ่ก
ลืมตาเถอะนะ !!”
ยูชอนพยายามประคองดวงหน้าหวานของหญิงสาวคนรักพลางเอ่ยเรียกซ้ำไปซ้ำมา นัยน์ตาคมฉายแววรวดร้าวออกมาอย่างไม่ปิดบังตระกองกอดร่างบอบบางในอ้อมขนแกร่งไว้แน่น ไม่สนแม้กระทั่งว่าเสื้อสูทราคาแพงและเชิ้ตสีขาวสะอาดนั้นจะชุ่มไปด้วยหยาดโลหิตสีฉานหรือไม่
“เรียกรถพยาบาล ! อึ่ก
โทรเรียกรถพยาบาลเร็วเข้าสิจุนซู !!!!”
ครั้งนี้เสียงทุ้มหันมาเอ่ยกับร่างเล็กสั่นเทาที่ยังน้ำตาไหลอาบแก้ม จุนซูรีบพยักหน้าแม้ภายในใจจะปวดแปลบวูบไหวจนแม้แต่หายใจยังลำบาก เคลื่อนมือสั่นระริกแทบควบคุมไม่ได้ของตนเองควานหยิบเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กในกระเป๋ากางเกงติดต่อเบอร์ฉุกเฉินทันที
“จินจู
คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ อึ่ก
คุณจะทิ้งผมไปแบบนี้ไม่ได้นะ !”
“
.”
“จินจู ได้โปรด
คุณกำลังทำให้ผมใจหายนะ
ขอร้องล่ะ ตื่นสิ !”
“ย
ยู
”
“จินจู !!” ร่างโปร่งเอ่ยดังทันทีที่นัยน์ตาบางค่อยๆปรือเปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ พร้อมๆกับเสียงเรียกอันแผ่วเบาจากริมฝีปากขาวซีดนั้น
“
ฉ
ฉัน
”
“ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ อึ่ก
! ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ ! ทำไมคุณไม่โทษผมเลยสักคำ
ทำไมต้องขอโทษผมด้วย ทำไม !!”
“ข
ขอโทษ
นะคะ
ยูชอน
”
ใบหน้าอ่อนหวานนั้นคลี่รอยยิ้มจางที่ดูพยายามฝืนทนต่อความเจ็บปวดเหลือเกินแม้แต่ในขณะที่ขยับริมฝีปากเปล่งเสียงออกมา มือผอมเรียวค่อยๆเคลื่อนมาสัมผัสแก้มสากของชายคนรักอย่างช้าๆ เอ่ยออกไปทั้งๆที่หยาดน้ำตาหลั่งริน
“ต
แต่ถ้าคนที่
อึ่ก
ถูกชน ก
กลายเป็นจุนซู
แล้วล่ะก็ --- แฮ่ก
ม
มันไม่ได้
อึ่ก
ไม่ได้จริงๆ
ค่ะ”
“ทำไม
จินจู
ผม อึ่ก
ผมไม่เข้าใจ
”
“
เพราะบางที
แฮ่ก
ภาพที่สะท้อน อึ่ก ! ในดวงตาของคุณ
อาจ
ฮึก ไม่ใช่
ฉันเลย ตั้งแต่แรก
”
“
.”
“ฉ
ฉัน
แค่ได้เป็น คนรักของยูชอน
ไม่ว่าเป็นเพราะอะไร อึ่ก
มันก็เป็น
แฮ่ก ความสุข
ที่สุดในชีวิตของฉันแล้วล่ะค่ะ
”
“จินจู
!”
“ฉัน
ขอโทษ
อึ่ก --- ขอโทษจริงๆนะคะ
ยูชอน
”
มือเรียวเล็กค่อยๆตกลงไปบนพื้น พร้อมๆกับหยาดน้ำตาหยดสุดท้ายที่ไหลรินจากปลายหางตาเรียวปิดสนิทกระทบลงสู่ผืนถนนสีเทาหม่นหมอง
“จินจู
ไม่นะ ! จินจู
!” ไม่ว่าจะพยายามเรียกอีกกี่ครั้งหญิงสาวก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีกแล้ว
“จินจู !!!!!!”
...
“จินจู
จินจู
คุณต้องไม่เป็นอะไรนะ ! คุณต้องอยู่กับผมนะ ! จินจูคุณได้ยินผมใช่มั้ย !?”
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งพร่ำเอ่ยเรียกหญิงสาวคนรักไม่หยุดขณะที่วิ่งขนาบข้างเตียงเข็นผู้บาดเจ็บของโรงพยาบาลที่กำลังมุ่งหน้าตรงไปยังห้องฉุกเฉิน พร้อมๆกับร่างเล็กของคิม จุนซูที่วิ่งตามมาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ
“เข้าไม่ได้นะคะคุณ ! กรุณารออยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยนะคะ !”
“จินจู
จินจู
!!!”
เสียงของนางพยาบาลเอ่ยห้ามพร้อมกับส่งเตียงเข็นสีสะอาดซึ่งปรากฏร่างของหญิงสาวนอนนิ่งโดยใช้เครื่องช่วยหายใจ ยูชอนได้แต่ร้องเรียกชื่อของคนรักกระทั่งวินาทีสุดท้ายที่บานประตูห้องฉุกเฉินที่ปิดลง ก่อนจะยืนนิ่งและกำมือเข้าหากันแน่นเฉกเช่นเดียวกับริมฝีปากอิ่มที่เม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง
“ฮึก
!”
โลกทั้งใบอันเงียบงันที่เกิดขึ้นจากความหวั่นกลัวและตื่นตระหนกของชายหนุ่มถูกทำลายลงด้วยเสียงสะอื้นแผ่วเบาที่ดังมาจากทางด้านหลัง ทำให้ยูชอนต้องหันไปมองคนตัวเล็กกว่าที่ตอนนี้ยืนร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และประโยคที่ตนเองรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันไม่สมควรและไม่ถูกต้อง
หากแต่ตัวเขาเองก็พูดมันออกไปแล้ว
แววตาและถ้อยคำที่ทำให้จุนซูรู้สึกเจ็บปวดเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่
“ถ้าจินจูเป็นอะไรไป ... พี่จะไม่ยกโทษให้นายเลยจุนซู
ไม่มีวัน !!”
คนตัวเล็กได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ยืนจ้องมองประตูห้องฉุกเฉินที่ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออกมา ถ้อยคำต่างๆที่กรีดลงกลางหัวใจในตอนนี้มันไม่สำคัญสำหรับจุนซูอีกต่อไปแล้ว ขอเพียงแต่พี่สาวของเขาจะไม่เป็นอันตรายอะไรเท่านั้นก็เพียงพอ
พี่จินจู
ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้
ทำไมไม่ให้เป็นผมที่ถูกรถชนแทนพี่ล่ะฮะ
ทำไม
“ไอ้ปาร์ค !” เสียงเรียกทางด้านหลังที่คุ้นเคยทำให้ร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนนิ่งต้องหันไปมอง
“ไอ้ยุน
!”
“นี่แกมาทำอะไรที่ ---” ร่างสูงเข้มที่เพิ่งจะปรากฏกายยังไม่ทันเอ่ยถามได้จบประโยค เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยประถมก็ตรงเข้ามากระชากกำเสื้อของเขาไว้แน่น
“จินจู
! จินจูถูกรถชน ! ไอ้ยุน แกต้องช่วยจินจูให้ฉันนะ ! แกต้องช่วยจินจูให้ฉันนะ !”
“ไอ้ปาร์ค
แกใจเย็นๆก่อน ! ตอนนี้อาจารย์หมอเข้าไปแล้วนะ แกอย่าเพิ่งวู่วามสิ !”
ชอง ยุนโฮ
ศัลยแพทย์หนุ่มไฟแรงที่มีฝีมือดีเป็นอันดับต้นๆของโรงพยาบาลกลางเอ่ยกับผู้เป็นเพื่อน แม้จะยอมรับว่าตกใจไม่น้อยกับเรื่องราวที่ได้ยิน แต่ก็ทำได้เพียงบอกให้เพื่อนสนิทใจเย็นลงกว่านี้ เพราะรู้ดีว่าปาร์ค ยูชอนให้ความสำคัญกับคนรักของตนเองมากแค่ไหน แม้ว่าจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจกับท่าทีบางอย่างมานานแล้วก็ตาม
“อึ่ก
ไอ้ยุน
ทำยังไงดี
จินจู
มันเป็นความผิดของฉัน
”
“มันไม่ใช่ความผิดใครทั้งนั้นแหละยูชอน ฉันว่าแกใจเย็นๆก่อนเถอะ
อาจารย์หมอท่านต้องพยายามช่วยให้ถึงที่สุดอยู่แล้ --- อ้าว จุนซู !”
หลังจากที่พูดจนเพื่อนรักเย็นลงไปได้บางส่วน นัยน์ตาคมกริบที่มักจะฉายแววอบอุ่นนั้นก็เบิกขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างเล็กๆที่เนื้อตัวถลอกปอกเปิกจ้องประตูฉุกเฉินไม่วางตา ยุนโฮจึงรีบเดินตรงเข้ามาหาทันที
“ทำไมไม่ไปทำแผลก่อนละครับ ? ถ้าเกิดมันติดเชื้อหรืออักเสบขึ้นมาจะอันตรายนะ”
“ต
แต่ว่าผมไม่ ---”
“ไม่มีคำว่าแต่ครับ
ตามพี่มาดีกว่านะ เดี๋ยวจะให้พยาบาลทำแผลให้ ไอ้ปาร์ค แกจะ ---”
“อยากทำอะไรก็ทำเถอะ”
ยังไม่ทันที่ยุนโฮจะเอ่ยถามได้จบอีกครั้ง เสียงทุ้มพร่าก็ดังแทรกขึ้นมาก่อนโดยที่คนพูดไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองคนตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย มือป้อมๆที่กำลังถูกยุนโฮรั้งให้ไปทำแผลกระตุกเบาๆเหมือนกับหัวใจที่ปวดร้าว และแน่นอนว่ายุนโฮก็รู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้น จึงได้แต่ถอนหายใจพลางเอ่ยตอบกลับ
“
เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันมานะ แกก็ใจเย็นๆไว้ล่ะ”
สายตาเรียวรีคลอน้ำแดงก่ำปรายมองชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างไม่อาจละสายตาแม้ว่าตนเองจะถูกแพทย์หนุ่มที่รู้จักกันดีรั้งไปตามแรงจูง
แววเจ็บปวดและอ้างว้างที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคมคู่นั้นมันทำให้ก้อนเนื้อเล็กในอกซ้ายของเขาเต้นกระตุกวูบไหวจนรวดร้าว
ได้โปรดอย่าเป็นอะไรไปเลยนะฮะพี่จินจู
ไม่อย่างนั้น
พี่ยูชอนคงจะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีพี่
..
เกือบๆสามชั่วโมงผ่านไป จุนซูกลับมานั่งรออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง
หลังจากที่ทำแผลเสร็จโดยแพทย์หนุ่มซึ่งเป็นคนพาไปไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาเลยสักคำ นั่นอาจเป็นเพราะว่าชอง ยุนโฮรู้เรื่องทุกอย่างดีอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องถามอะไรให้มากความ พอทุกอย่างเรียบร้อย ยุนโฮก็ขอตัวไปเพราะติดคนไข้ด่วนอีกรายหนึ่งจนจุนซูไม่ได้เอ่ยอะไรไปมากกว่าคำว่าขอบคุณ
นัยน์ตาเรียวปรายมองร่างสูงโปร่งซึ่งนั่งก้มหน้าประสานมือแน่นถัดไปอีกสองเก้าอี้
แม้ระยะห่างที่เกิดขึ้นจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่ภายในใจก็เป็นห่วงทั้งพี่สาวและชายหนุ่มจนรู้สึกว่าในหัวสมองมันเบลอไปหมด
“ทำไม
”
เสียงทุ้มบาริโทนเอ่ยออกมาแผ่วเบา
หากแต่ชัดเจนนักในบรรยากาศเงียบงันจนจุนซูต้องสะดุ้งเบาๆ
“ต
แต่ถ้าคนที่
อึ่ก
ถูกชน ก
กลายเป็นจุนซู
แล้วล่ะก็ --- แฮ่ก
ม
มันไม่ได้
อึ่ก
ไม่ได้จริงๆ
ค่ะ”
“
เพราะบางที
แฮ่ก
ภาพที่สะท้อน อึ่ก ! ในดวงตาของคุณ
อาจ
ฮึก ไม่ใช่
ฉันเลย ตั้งแต่แรก
”
คำพูดของจินจูยังคงดังก้องไปมาในโสตประสาทด้วยประโยคที่เขาเองไม่อาจจะเข้าใจ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ในสายตาของเขาก็มีเพียงจินจูไม่ใช่หรือ ? เขามั่นใจว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น มั่นใจมาโดยตลอดว่าเป็นเช่นนั้น
ตั้งสิบเจ็ดปีมาแล้ว
จุนซูที่เห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไปก็ได้แต่รู้สึกเป็นห่วง หมายจะขยับปากเพื่อเอ่ยอะไรออกไปสักอย่างทั้งๆที่ตัวเองก็กำลังเจ็บปวดไม่แพ้กัน
“พี่ยู ---”
“ทำไมถึงต้องเป็นจินจู
ทำไม
”
“
.”
เสียงของยูชอนฟังดูช่างสับสนและเจ็บปวด
จนมือเล็กๆที่กำลังจะเอื้อมออกไปต้องชะงักและถูกเจ้าของเก็บมันไว้ข้างตัวเช่นเดิม หยาดน้ำตาสีใสเริ่มเอ่อคลอเตรียมจะกลิ้งหล่นลงมากระทบพวงแก้มขาวอีกครั้งหนึ่ง
นั่นสินะ
ทำไมถึงต้องเป็นพี่จินจู
ทำไมไม่ใช่เขา
ทำไมคนที่นอนอยู่บนเตียงในห้องฉุกเฉินนั้นถึงไม่ใช่เขา
ทำไม
มือคู่น้อยกำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกเจ็บชา แต่มันกลับปวดร้าวไม่เท่าภายในหัวใจดวงนี้เลย
“จุนซู !!” เสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นมาทำให้ต้องตื่นจากห้วงของความคิดและหันไปมอง
“ชางมิน
!” เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งที่กำลังวิ่งตรงมาทำให้ต้องเบิกตาขึ้นกว้าง “ทำไมนายถึงมาที่นี่ได้
”
“พี่แจจุงเป็นคนบอกฉันเองหลังจากที่ได้โทรศัพท์จากพี่ยุนโฮ นายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ? บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า ทำไมตามตัวถึงมีแต่รอยแผลแบบนี้ล่ะ !?” ชางมินเอ่ยอย่างร้อนรนขณะที่จับแขนนุ่มทั้งสองข้างและใช้สายตาสำรวจไปทั่วกายของเพื่อนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง
“ฉ
ฉันไม่เป็นไรหรอกชางมิน
แต่
”
“หึ
จะเป็นอะไรได้ยังไง ! ในเมื่อคนที่เป็นเค้าอยู่ในห้องฉุกเฉินตอนนี้น่ะ !!” เป็นยูชอนที่ทนอารมณ์ของตนเองไม่ไหวต้องลุกขึ้นเอ่ยออกมาเสียงดัง
“นี่คุณ
!” ชางมินเตรียมที่จะโต้กลับ หากแต่แรงยึดที่ชายเสื้อของตนเองก็ทำให้ต้องชะงักนิ่ง เพราะคงจะเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากเพื่อนตัวเล็กของตนเองที่กำลังน้ำตาคลอตัวสั่นเทา
“อย่าชางมิน
ฮึก ! พี่ยูชอนพูดถูกแล้ว
มันเป็นเพราะฉันเอง ฮึก
”
“จุนซู
”
“ฮึก
ถ้าไม่เพราะ อึ่ก
ปกป้องฉัน
พี่จินจูก็คงจะไม่ --- ฮือออ
”
“จุนซู
ไม่เป็นไรนะ
อย่าร้องนะ อย่าร้อง
”
ร่างเล็กสะอื้นหนักอย่างน่าสงสารจนชางมินต้องคว้าเข้ามากอด ลูบแผ่นหลังบางที่สั่นระริกเหมือนกับลูกนกของเพื่อนสนิทเพื่อปลอบประโลม ในขณะที่ยังปรายสายตาจ้องมองเจ้าของร่างโปร่งตรงหน้าด้วยความไม่เป็นมิตรอย่างเปิดเผย
“หึ
ดีจังเลยนะ พี่สาวตัวเองอยู่ในห้องฉุกเฉินแท้ๆ ยังจะมีกะจิตกะใจไปโทรเรียกผู้ชายให้มานั่งพลอดรักกันอีก”
“นี่คุณ !! มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ !!!”
ชางมินนึกอยากจะพุ่งเข้าไปประเคนหมัดหนักๆให้คนปากพล่อยแรงๆสักที หากไม่ติดว่าร่างเล็กที่ยังสะอื้นเบาๆกอดรั้งเอาไว้แน่นล่ะก็
“หรือว่ามันไม่จริงล่ะ ?”
“ใครเขาจะไปคิดอกุศลแบบคุณกัน
หึ ! ที่พูดมาทั้งหมดนี่จริงๆแล้วเพราะโกรธหรืออิจฉากันแน่ล่ะครับ ?”
“แก
!”
ไฟที่หน้าห้องฉุกเฉินดับลงพร้อมกับประตูที่เปิดออกมาทำให้ทั้งยูชอนที่กำลังจะโต้ตอบกลับต้องรีบหันกลับมา และตรงปรี่เข้าหานายแพทย์วัยกลางคนซึ่งเดินออกมาทันที พร้อมๆกับชางมินและจุนซูที่ร้อนใจไม่แพ้กัน
“หมอครับ ! คนรักของผมเป็นยังไงบ้าง !? เธอ
เธอปลอดภัยใช่มั้ยครับ !!?”
“คุณเป็นญาติของคนไข้ใช่มั้ยครับ ?”
“
ผ
ผมเป็นน้องฮะ” จุนซูค่อยๆเอ่ยออกมาเสียงสั่น ภายในหัวใจเต้นแรงจนปวดไปหมด
“ผมเป็นคนรักของเธอครับ ! ได้โปรดบอกผมที
คนรักของผมเธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ !?”
“คือ
” ใบหน้าของชายสูงวัยท่าทางน่าเชื่อถือในชุดกาวน์สีขาวสะอาดแสดงถึงความลำบากใจเพียงครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมา
“
ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”
ทุกส่วนของร่างกายชาวูบเหมือนจะหล่นลงไปกองกับพื้น
“คนเจ็บเสียเลือดมาก ประกอบกับเป็นโรคโลหิตจาง โรคหัวใจ และร่างกายก็อ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมพยายามช่วยเหลือเธอเต็มที่แล้วจริงๆ”
สิ้นประโยค
ร่างของนายแพทย์สูงวัยโค้งศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงว่าขอตัว ก่อนที่จะเดินจากไป เหลือเพียงคนสามคนซึ่งยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“ไม่จริง
ไม่จริงใช่ไหม
?”
“
.”
“ไม่จริง
จินจู
จินจูจะตายได้ยังไง
ไม่จริง
!!!!”
ร่างโปร่งของปาร์ค ยูชอนทรุดคุกเข่าลงกับพื้นอันเย็นฉียบของโรงพยาบาล พร่ำร้องตะโกนออกมาซ้ำๆราวคนเสียสติ ในขณะที่จุนซูยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
ไม่รับรู้แม้แต่น้ำเสียงอันแสนเศร้า หรือแม้แต่กระทั่งอ้อมแขนของเพื่อนสนิทที่โอบรอบกายของตนเองแน่นขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ประโยคที่ได้ยินดังก้องอยู่ภายในสมอง ซ้ำไป
ซ้ำมา
พี่จินจู
ทำไม ...
พระเจ้าฮะ
ทำไมท่านถึงได้ใจร้ายนัก
ทำไมต้องเป็นพี่จินจู
ทำไมถึงไม่ใช่เขา
ทำไมถึงไม่ใช่คนผิดบาปเช่นเขา
ได้โปรดเอาชีวิตของผมไปแทนทีเถอะฮะ
ได้โปรด
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued ...
ความคิดเห็น