ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ Fiction] - Ankylose - [YooSu,Yunjae,MinRic]

    ลำดับตอนที่ #4 : - Ankylose - Chapter.4

    • อัปเดตล่าสุด 20 ธ.ค. 52


    Chapter.4

     

     


    ยุนโฮ..! เดินออกมาแบบนี้จะดีเหรอ…”

     

    ร่างบางที่ถูกมือหนาจูงเดินมาตลอดทางเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ ดวงตากลมโตภายใต้แว่นสีเข้มเหลือบมองไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างหวาดระแวง

     

    ไม่เป็นไรหรอกน่า~”

     

    ตะแต่ว่าต้องมีคนจำได้แน่ๆเลย…”

     

    คนหน้าสวยที่ตอนนี้ใส่ทั้งหมวกสีเข้มและแว่นสีดำสนิทมิดชิดจนแทบมองไม่เห็นหน้ายังคงระแวงเกินตัวจนยุนโฮต้องโอบไหล่บางให้เข้ามาแนบชิดด้วยรอยยิ้มเท่ๆที่ทำให้หัวใจเต้นระรัว

     

    น่า ไม่มีใครจำได้หรอก แต่งตัวแบบนี้ไม่มีใครเห็นความน่ารักของนายนอกจากฉันอยู่แล้ว~”

     

    บะบ้าเหรอ…!”

     

    ร่างบางก้มหน้างุดอย่างน่ารักจนยุนโฮอดใจไม่ไหว ประทับจุมพิตเบาๆที่หมวกไหมพรมสีเข้มทว่าอบอุ่นไปถึงหัวใจ

     

    ไปดูหนังกันมั้ย?

     

    “…อื้อ…”

     

    ร่างของสองคนเดินเคียงคู่กันไปพร้อมๆกับมือสองข้างที่กระชับเข้าหากันเหมือนกับหัวใจของทั้งสองคนที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันด้วยความรู้สึกของคำว่าความรัก


     

     

    ……………

     


     

    ยุนโฮฉันมีเรื่องจะปรึกษา…”

     

    เสียงทุ้มหวานเอ่ยขึ้นในขณะที่มาทานข้าวในภัตตาคารหรูที่เป็นมุมส่วนตัวหลังจากดูภาพยนตร์จบแล้ว ร่างสูงเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารด้วยรอยยิ้มละลายใจ

     

    มีอะไรเหรอแจจุง?

     

    เรื่องที่เราสองคน….เอ่อ….”

     

    พูดได้เพียงแค่นั้น ดวงหน้าหวานก็ขึ้นสีจัดจนต้องก้มหน้างุดอีกครั้งหนึ่งเมื่อสบกับสายตาคมของคนตรงหน้าที่ยิ้มเล็กน้อย

     

    เรื่องที่เรารักกัน..?

     

    “..เอ้ออื้อ…” คนร่างบางพยักหน้าแรงๆอย่างน่ารัก

     

    “…ฉันจะบอกสามคนนั้นน่ะนายว่าไง?

     

    แจจุงพูดตะกุกตะกักในขณะที่ใบหน้าเป็นสีระเรื่อ หัวใจดวงเล็กเต้นวูบไหวเมื่อคิดว่าที่ปิดกันอยู่อย่างทุกวันนี้อาจเป็นเพราะยุนโฮลำบากใจที่จะบอกใครๆว่าเขาเป็น คนรักก็ได้

     

    ก็ดีสิแต่ฉันว่ายังไงพวกนั้นมันก็น่าจะรู้อยู่แล้วล่ะนะยุนโฮปรายสายตามองคนสวยตรงหน้าอย่างรู้ทัน

     

    กำลังแอบน้อยใจอะไรไม่เข้าท่าอยู่ใช่มั้ย?

     

    อ๊ะ…!?

     

    คิม แจจุงเผลอทำช้อนสีเงินหลุดจากมือจนกระทบกับเสียงจานดังแกร๊งจนพนักงานในร้านหันมามอง โชคดีที่เป็นมุมส่วนตัวเลยไม่มีคนสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ยังทำให้ดวงหน้าหวานขึ้นสีจัดเพราะความเขินอายอย่างน่าดูในทันที

     

    นายก็รู้ว่าฉันรักนายที่ฉันไม่ได้บอกใครก็เพราะว่ากลัวนายจะลำบากใจ…”

     

     ฉันไม่เคยลำบากใจเลยนะยุน!”

     

    คนหน้าสวยเอ่ยขึ้นมาแทบจะในทันทีก่อนที่จะรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ดวงหน้าหวานก้มงุดแดงจัดอย่างน่ามองอีกครั้งหนึ่งจนคนร่างสูงได้แต่ฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ

     

    ถ้าอย่างนั้นนายพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกไปเลยแล้วกันนะ…”

     

    “..ฉันไม่กล้าอ่ะ…”

     

    “….หือ?

     

    กะก็ฉันอายนี่! ถึงพวกนั้นจะดูเหมือนรู้กันอยู่แล้วก็เถอะ…!”

     

    เจ้าของดวงหน้าหวานทำแก้มสีก่ำพองลมอย่างน่ารักในขณะที่ยุนโฮอดใจไม่ไหว ยื่นมือของตนเองไปไล้เรือนผมสีดำสนิทนั้นอย่างแผ่วเบา

     

    ขอเวลาเตรียมใจอาทิตย์นึง!”

     

    ฮ่าๆ ตามใจนายสิ น่ารักจริงๆเลยน้า~”

     

    ยุนโฮ!”

     

    น้ำเสียงงอนๆที่ออกมาจากปากของแจจุงทำให้ยุนโฮหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี บรรยากาศหนาวเย็นข้างนอกไม่ทำให้เขารู้สึกหนาวเลยสักนิด ในเมื่อมีความอบอุ่นทั้งในหัวใจและร่างเล็กเคียงข้างที่ถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่กันแบบนี้...


     

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++


     

     

    ยูชอนมานอนอะไรตรงนี้…”

     

    คนตัวเล็กเรียกร่างสูงเสียงแผ่ว เมื่อเห็นยูชอนเผลอหลับไปบนโซฟาด้วยท่าทางที่ไม่น่าจะสบายสักเท่าไหร่ โลมาน้อยเม้มริมฝีปากก่อนที่จะเขย่ากายของร่างสูงเบาๆ

     

    ยูชอนกลับไปนอนที่ห้องเถอะนะ…”

     

    เรียกเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เมื่อปาร์ค ยูชอนที่หลับลึกเป็นนิสัยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ความเงียบงันในห้องนั่งเล่นที่มีเพียงเสียงโทรทัศน์ดังเบาๆและแสงไฟสลัวๆสีส้มนวลทำให้หัวใจดวงเล็กเต้นไม่เป็นจังหวะ

     

    มือเรียวค่อยๆยื่นไปปัดเส้นผมที่ลงมาปรกดวงตาที่หลับพริ้มของคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มเล็กๆถูกจุดแต้มบนดวงหน้าน่ารักของเด็กเอาแต่ใจของวง และความรู้สึกแปลกๆที่ดังสะท้อนอยู่ในอกทำให้รู้สึกเหมือนถูกดึงดูด

     

    ใบหน้าขาวๆค่อยๆเคลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าคมคายนั้น ริมฝีปากนุ่มสั่นระริกน้อยๆเมื่อชิดใกล้กับริมฝีปากอิ่มนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเปลี่ยนตำแหน่งเป็นกดจมูกลงเบาๆที่แก้มของร่างสูงโปร่งเสียแทน

     

    ไม่ใช่ว่ายูชอนจะไม่เคยหอมแก้มเขา จำได้ว่าครั้งแรกที่เขาถูกหอมแก้มต่อหน้ากล้องนั้นเขารู้สึกเขินอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แม้ว่าภายในใจจะเต้นระรัวเหมือนจะระเบิดออกมาข้างนอกก็ตามที แต่สิ่งนั้นก็เป็นเพียงแค่แฟนเซอร์วิสเล็กๆน้อยๆก็เท่านั้นเอง

     

    สัมผัสอุ่นๆที่ทำให้หวิวๆอยู่ในโพรงอกทำให้หยาดน้ำตาสีใสกลิ้งหล่นลงมาอาบแก้มขาวโดยที่จุนซูเองก็ยังไม่รู้ตัว มือเล็กรีบยกขึ้นปาดหยดน้ำตานั้น ทว่าทันทีที่หยดแรกถูกปาดให้เหือดหาย น้ำตาก็กลับไหลพรากลงมาอย่างห้ามไม่ได้

     

    ฮึกยูชอน…”

     

    เสียงสะอื้นแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นๆนั้น

     

    “…รัฉันรักยูชอนนะ…”

     

    คำบอกรักที่ตนเองรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายไม่มีวันที่จะได้ยินมัน

     

     

    เจ็บแค่ไหนที่ต้องสัมผัสกับความรักข้างเดียวแบบนี้

     

    แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือการที่เขาไม่อาจจะถอนตัวต่อความรักนี้ได้เสียที

     

     

    เพราะปาร์ค ยูชอนช่างแสนดีและคอยดูแลเขาอย่างเอาใจใส่มาโดยตลอด แม้ว่าจะเป็นเพียงในฐานะเพื่อนสนิท หรือจะเป็นเพียงแค่ แฟนเซอร์วิสแต่ทุกครั้งที่เขาได้รับความห่วงใยและการกลั่นแกล้งเล็กๆจากยูชอน เขาก็รับรู้ถึงความอบอุ่นนั้นได้อย่างมากมายที่สุด

     

    เพราะยูชอนไม่เคยทำให้เขาเสียใจเลยสักครั้งเขาไม่มีวันโทษปาร์ค ยูชอน เพราะสิ่งที่ทำให้เขาเสียใจไม่ใช่เพราะคนๆนี้ แต่เป็นเพราะตัวเขาเองต่างหากที่ยังคงยึดติดกับความรักที่ไม่มีวันได้รับการตอบรับอย่างงมงาย

     

     

    จะด้วยฐานะหรือด้วยหน้าที่แบบไหนก็ช่างขอเพียงแค่เขายังได้อยู่เคียงข้างยูชอน เพียงแค่นั้นก็เพียงพอที่จะให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว


     

     

    ทำอะไรอยู่น่ะจุนซู?

     

    เสียงคุ้นเคยของพี่ใหญ่ของวงทำให้ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เผลอเงยดวงหน้าหวานที่ยังคงอาบด้วยน้ำตาไปตามเสียงเรียกนั้น ภาพตรงหน้าคือยุนโฮและแจจุงที่ใช้กุญแจไขเข้าบ้านมาเพราะเห็นว่าดึกเกินกว่าที่จะกดกริ่งเรียก แต่ก็นึกไม่ถึงว่าโลมาน้อยตัวเล็กตรงหน้าก็ยังไม่ได้นอนเช่นกัน

     

    เอ่อ..กลับมาแล้วเหรอฮะ?

     

    นี่นายร้องไห้เหรอ?

     

    อ๊ะ…!”

     

    เสียงทุ้มต่ำของลีดเดอร์แห่งวงทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งก่อนที่จะปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตนเองอย่างลวกๆ ทั้งๆที่เขาคิดว่าความสลัวของห้องจะปิดบังเรื่องที่เขาร้องไห้ได้แล้ว แต่ดูเหมือนพี่ชายของเขาจะตาดีและช่างสังเกตเสียเหลือเกิน

     

    “..เปล่าฮะ ผมไม่ได้ร้อง..”

     

    ไม่ได้ร้องอะไร นายร้องอยู่ชัดๆน่ะ

     

    “…คือว่า…”

     

    สายตาแป๋วๆที่หม่นลงพยายามปรายมองพี่ใหญ่หน้าสวยที่ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงสัญญาณขอความช่วยเหลือนั้น แจจุงรีบเดินไปหยิบรีโมทโทรทัศน์ก่อนที่จะแสร้งทำเสียงอ๋อ

     

    นี่นายดูหนังเศร้าๆแค่นี้ก็ร้องไห้แล้วเหรอเนี่ย?

     

    เสียงแหบหวานของแจจุงทำให้ยุนโฮต้องหันไปมองหน้าจอโทรทัศน์ที่มีหนังรักโรแมนติกเรื่องหนึ่งฉายอยู่โดยบังเอิญ จุนซูที่เห็นดังนั้นก็ได้ทีตอบทันที

     

    กะ..ก็มันเศร้านี่! พี่แจจุงไม่ได้ดูตอนที่พระเอกต้องไปต่างประเทศเหรอน่าสงสารมากๆเลย ผมมานั่งดูกับยูชอนแล้วจู่ๆยูชอนก็หลับไปเลยทิ้งให้ผมต้องมาร้องไห้อยู่คนเดียว ชางมินก็เอาแต่อ่านหนังสือ ผมเลยไม่มีเพื่อนร้องด้วยเลยเนี่ย

     

    เมื่อเห็นคนตัวเล็กพูดออกมาเป็นชุด ยุนโฮก็ยิ้มน้อยๆอย่างโล่งอกก่อนที่จะขยี้เรือนผมนุ่มนั้นอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะพูดเสียงดุๆให้จุนซูยิ้มรับจ๋อยๆ

     

    “…แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างให้นอนดึกได้หรอกนะ นี่มันจะเลยเที่ยงคืนอยู่แล้ว

     

    “…พี่ยุนโฮอ่า…”

     

    ปลุกยูชอนแล้วกลับไปนอนที่ห้องดีๆ เข้าใจมั้ย?

     

    ฮะ…”

     

    รอยยิ้มที่อ่อนโยนของผู้เป็นหัวหน้าวงทำให้จุนซูยิ้มรับเสียงอ่อย ก่อนที่จะเขย่ายูชอนให้แรงขึ้นกว่าปกติ แต่ผลที่ออกมาก็เป็นเหมือนเดิม คือไม่ตื่น

     

    ปลุกคนหลับลึกอย่างยูชอนมันต้องทำแบบนี้ต่างหากจุนซู

     

    แจจุงเอ่ยก่อนที่จะหันซ้ายหันขวาและเอื้อมหยิบหนังสือขนาดพอดีมือมาด้วยรอยยิ้มหวานที่ดูไม่น่าไว้วางใจ ก่อนที่จะ

     

     

    ป๊าบ!

     

     

    โอ้ย!”

     

    เสียงนุ่มๆของคนถูกหนังสือฟาดเต็มๆที่ต้นแขนโอดครวญก่อนที่จะกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง สายตาอ่อนโยนนั้นตวัดไปมองผู้ที่ปลุกอย่างไม่ค่อยพึงใจเท่าไหร่นัก ก่อนที่จะชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นดวงหน้าหวานของคนที่หลงรัก

     

    “…เจ็บนะพี่แจจุง! จะปลุกก็ปลุกให้มันดีๆหน่อยสิ!”

     

    นายนั่นล่ะนอนผิดที่ผิดทาง! กลับไปนอนที่ห้องได้แล้ว

     

    ยุนโฮเอ่ยก่อนที่จะดึงข้อมือของคนตัวสูงอีกคนขึ้นและส่งให้จุนซูที่ทำหน้าเหรอหราแต่ก็รับพยุงยูชอนไว้อยู่ดี ก่อนที่ร่างบางๆจะบอกให้ยูชอนขึ้นไปนอนที่ห้องและเดินขึ้นชั้นบนไป

     

    แจจุง

     

    หือ?

     

    คนหน้าสวยหันไปตามเสียงของคนรัก ทว่าก็ต้องลอบสะดุ้งน้อยๆเมื่อสายตาที่ดุๆดูจริงจังถูกส่งผ่านมาจนต้องยิ้มแหยๆให้

     

    มีอะไรเหรอยุน?

     

    เปลี่ยนเรื่องได้เก่งเหลือเกินนะ

     

    “..ปะเปลี่ยนเรื่องอะไร?

     

    คิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่าที่จุนซูร้องไห้ไม่ใช่เป็นเพราะว่าดูหนัง

     

    น้ำเสียงทุ้มๆที่พยายามปรับให้ดูดุทำให้ร่างบางต้องยิ้มเจื่อนๆ ถึงจุนซูจะชอบร้องไห้เวลาดูหนังเศร้าๆ แต่ดูยังไงสายตาหม่นๆที่น่าสงสารนั่นก็ไม่ได้เกิดจากหนังเรื่องนั้นอยู่เป็นแน่

     

    แล้วเหตุผลอื่นมันจะมีอะไรนอกจากเจ้าคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟา!

     

    “…คือว่า….”

     

    คิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่จุนซูรักยูชอนเหรอ?

     

    “..เอ๊ะ…”

     

    ดูเหมือนจะเป็นดั่งที่คนร่างสูงหน้าหมีของวงคิดเอาไว้ เมื่อใบหน้าหวานๆของคนรักแสดงอาการตกตะลึงอย่างชัดเจนจนเขาอยากจะหยิกแก้มนุ่มๆนั่นสักที

     

    ใครไม่รู้ก็โง่เต็มทนแล้ว

     

    ยุนโฮพูดเสียงนิ่งทว่าภายในใจกลับแอบจิกกัดเจ้าคนหลับลึกที่ถูกพยุงไม่รู้เรื่องไปในห้องนอนเสียอย่างนั้น

     

    ฉันสงสารจุนซู…”

     

    เสียงเนือยๆของร่างบางซึ่งเป็นคนรักทำให้ยุนโฮถอนหายใจน้อยๆพร้อมๆกับยื่นมือไปลูบเรือนผมสีดำสนิทนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะโอบกอดร่างบางนั้นไว้อย่างอ่อนโยน

     

    ฉันรู้…”

     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

     

    เดินดีๆหน่อยสิยูชอน! อีกนิดเดียวก็จะถึงเตียงแล้ว

     

    จุนซูพูดมากชะมัด…”

     

    เสียงงัวเงียของคนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นทำให้ร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่นก่อนที่จะค่อยๆเอียงกายให้ร่างสูงนอนเอนราบบนเตียงดีๆ จุนซูถอนหายใจเฮือกก่อนที่จะเตรียมผินกายเพื่อไปนอนที่เตียงของตนเองบ้าง ทว่าแรงรั้งที่ข้อมือก็ทำให้ตัวเองหล่นตุบลงไปนอนเคียงข้าง

     

    ยูชะ..!”

     

    “….คร่อก…..”

     

    เสียงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวปัญหาได้หลับไปแล้ว คนตัวเล็กหน้าแดงก่ำเมื่อรู้สึกถึงแรงกระชับของอ้อมแขนที่พาดกอดตนเอง ดวงตาเรียวใสปรายเชยมองใบหน้าคมคายในห้วงนิทราอย่างเงียบงัน


     

     

    ทั้งๆที่มันผิด

     

    ทั้งๆที่รู้ว่าคนตรงหน้าก็แค่ละเมอหรืองัวเงียเท่านั้น

     

    ทั้งๆที่รู้ว่าตอนนี้ปาร์ค ยูชอนคงกำลังคิดถึงใครอื่น

     

     

    ….แต่ขอแค่นี้แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น...

     

    ขอเขาเห็นแก่ตัวสักครั้งเถอะ


     

     

    ยูชอน…”

     

    เสียงผะแผ่วถูกเปล่งออกมาเบาๆก่อนที่คนตัวเล็กจะซุกดวงหน้ากลมเข้ากับแผ่นอกกว้างและยินยอมให้ความเหนื่อยล้าพาตนเองเข้าสู่ห้วงนิทรา



     

     

    แค่มีอ้อมแขนนี้เท่านั้น

     

    แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น..ยูชอน..

     

     

    ฉันรักยูชอนนะ



     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    To Be Continued...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×