คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : - Ankylose - Chapter.4
Chapter.4
“ยุนโฮ..! เดินออกมาแบบนี้จะดีเหรอ
”
ร่างบางที่ถูกมือหนาจูงเดินมาตลอดทางเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ ดวงตากลมโตภายใต้แว่นสีเข้มเหลือบมองไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างหวาดระแวง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า~”
“ตะ
แต่ว่าต้องมีคนจำได้แน่ๆเลย
”
คนหน้าสวยที่ตอนนี้ใส่ทั้งหมวกสีเข้มและแว่นสีดำสนิทมิดชิดจนแทบมองไม่เห็นหน้ายังคงระแวงเกินตัวจนยุนโฮต้องโอบไหล่บางให้เข้ามาแนบชิดด้วยรอยยิ้มเท่ๆที่ทำให้หัวใจเต้นระรัว
“น่า ไม่มีใครจำได้หรอก แต่งตัวแบบนี้ไม่มีใครเห็นความน่ารักของนายนอกจากฉันอยู่แล้ว~”
“บะ
บ้าเหรอ
!”
ร่างบางก้มหน้างุดอย่างน่ารักจนยุนโฮอดใจไม่ไหว ประทับจุมพิตเบาๆที่หมวกไหมพรมสีเข้มทว่าอบอุ่นไปถึงหัวใจ
“ไปดูหนังกันมั้ย?”
“
อื้อ
”
ร่างของสองคนเดินเคียงคู่กันไปพร้อมๆกับมือสองข้างที่กระชับเข้าหากันเหมือนกับหัวใจของทั้งสองคนที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันด้วยความรู้สึกของคำว่าความรัก
“ยุนโฮ
ฉันมีเรื่องจะปรึกษา
”
เสียงทุ้มหวานเอ่ยขึ้นในขณะที่มาทานข้าวในภัตตาคารหรูที่เป็นมุมส่วนตัวหลังจากดูภาพยนตร์จบแล้ว ร่างสูงเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารด้วยรอยยิ้มละลายใจ
“มีอะไรเหรอแจจุง?”
“เรื่องที่เราสองคน
.เอ่อ
.”
พูดได้เพียงแค่นั้น ดวงหน้าหวานก็ขึ้นสีจัดจนต้องก้มหน้างุดอีกครั้งหนึ่งเมื่อสบกับสายตาคมของคนตรงหน้าที่ยิ้มเล็กน้อย
“เรื่องที่เรารักกัน..?”
“..เอ้อ
อื้อ
” คนร่างบางพยักหน้าแรงๆอย่างน่ารัก
“
ฉันจะบอก
สามคนนั้นน่ะ
นายว่าไง?”
แจจุงพูดตะกุกตะกักในขณะที่ใบหน้าเป็นสีระเรื่อ หัวใจดวงเล็กเต้นวูบไหวเมื่อคิดว่าที่ปิดกันอยู่อย่างทุกวันนี้อาจเป็นเพราะยุนโฮลำบากใจที่จะบอกใครๆว่าเขาเป็น ‘คนรัก’ ก็ได้
“ก็ดีสิ
แต่ฉันว่ายังไงพวกนั้นมันก็น่าจะรู้อยู่แล้วล่ะนะ” ยุนโฮปรายสายตามองคนสวยตรงหน้าอย่างรู้ทัน
“กำลังแอบน้อยใจอะไรไม่เข้าท่าอยู่ใช่มั้ย?”
“อ๊ะ
!?”
คิม แจจุงเผลอทำช้อนสีเงินหลุดจากมือจนกระทบกับเสียงจานดังแกร๊งจนพนักงานในร้านหันมามอง โชคดีที่เป็นมุมส่วนตัวเลยไม่มีคนสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ยังทำให้ดวงหน้าหวานขึ้นสีจัดเพราะความเขินอายอย่างน่าดูในทันที
“นายก็รู้ว่าฉันรักนาย
ที่ฉันไม่ได้บอกใครก็เพราะว่ากลัวนายจะลำบากใจ
”
“ฉันไม่เคยลำบากใจเลยนะยุน!”
คนหน้าสวยเอ่ยขึ้นมาแทบจะในทันทีก่อนที่จะรู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ดวงหน้าหวานก้มงุดแดงจัดอย่างน่ามองอีกครั้งหนึ่งจนคนร่างสูงได้แต่ฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“ถ้าอย่างนั้น
นายพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกไปเลยแล้วกันนะ
”
“..ฉัน
ไม่กล้าอ่ะ
”
“
.หือ?”
“กะ
ก็ฉันอายนี่! ถึงพวกนั้นจะดูเหมือนรู้กันอยู่แล้วก็เถอะ
!”
เจ้าของดวงหน้าหวานทำแก้มสีก่ำพองลมอย่างน่ารักในขณะที่ยุนโฮอดใจไม่ไหว ยื่นมือของตนเองไปไล้เรือนผมสีดำสนิทนั้นอย่างแผ่วเบา
“ขอเวลาเตรียมใจอาทิตย์นึง!”
“ฮ่าๆ ตามใจนายสิ น่ารักจริงๆเลยน้า~”
“ยุนโฮ!”
น้ำเสียงงอนๆที่ออกมาจากปากของแจจุงทำให้ยุนโฮหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี บรรยากาศหนาวเย็นข้างนอกไม่ทำให้เขารู้สึกหนาวเลยสักนิด ในเมื่อมีความอบอุ่นทั้งในหัวใจและร่างเล็กเคียงข้างที่ถ่ายทอดความอบอุ่นให้แก่กันแบบนี้...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ยูชอน
มานอนอะไรตรงนี้
”
คนตัวเล็กเรียกร่างสูงเสียงแผ่ว เมื่อเห็นยูชอนเผลอหลับไปบนโซฟาด้วยท่าทางที่ไม่น่าจะสบายสักเท่าไหร่ โลมาน้อยเม้มริมฝีปากก่อนที่จะเขย่ากายของร่างสูงเบาๆ
“ยูชอน
กลับไปนอนที่ห้องเถอะนะ
”
เรียกเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เมื่อปาร์ค ยูชอนที่หลับลึกเป็นนิสัยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ความเงียบงันในห้องนั่งเล่นที่มีเพียงเสียงโทรทัศน์ดังเบาๆและแสงไฟสลัวๆสีส้มนวลทำให้หัวใจดวงเล็กเต้นไม่เป็นจังหวะ
มือเรียวค่อยๆยื่นไปปัดเส้นผมที่ลงมาปรกดวงตาที่หลับพริ้มของคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มเล็กๆถูกจุดแต้มบนดวงหน้าน่ารักของเด็กเอาแต่ใจของวง และความรู้สึกแปลกๆที่ดังสะท้อนอยู่ในอกทำให้รู้สึกเหมือนถูกดึงดูด
ใบหน้าขาวๆค่อยๆเคลื่อนเข้าไปใกล้ใบหน้าคมคายนั้น ริมฝีปากนุ่มสั่นระริกน้อยๆเมื่อชิดใกล้กับริมฝีปากอิ่มนั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเปลี่ยนตำแหน่งเป็นกดจมูกลงเบาๆที่แก้มของร่างสูงโปร่งเสียแทน
ไม่ใช่ว่ายูชอนจะไม่เคยหอมแก้มเขา จำได้ว่าครั้งแรกที่เขาถูกหอมแก้มต่อหน้ากล้องนั้นเขารู้สึกเขินอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แม้ว่าภายในใจจะเต้นระรัวเหมือนจะระเบิดออกมาข้างนอกก็ตามที แต่สิ่งนั้นก็เป็นเพียงแค่แฟนเซอร์วิสเล็กๆน้อยๆก็เท่านั้นเอง
สัมผัสอุ่นๆที่ทำให้หวิวๆอยู่ในโพรงอกทำให้หยาดน้ำตาสีใสกลิ้งหล่นลงมาอาบแก้มขาวโดยที่จุนซูเองก็ยังไม่รู้ตัว มือเล็กรีบยกขึ้นปาดหยดน้ำตานั้น ทว่าทันทีที่หยดแรกถูกปาดให้เหือดหาย น้ำตาก็กลับไหลพรากลงมาอย่างห้ามไม่ได้
“ฮึก
ยูชอน
”
เสียงสะอื้นแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นๆนั้น
“
รั
ก
ฉันรัก
ยูชอนนะ
”
คำบอกรักที่ตนเองรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายไม่มีวันที่จะได้ยินมัน
เจ็บแค่ไหนที่ต้องสัมผัสกับความรักข้างเดียวแบบนี้
แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือการที่เขาไม่อาจจะถอนตัวต่อความรักนี้ได้เสียที
เพราะปาร์ค ยูชอนช่างแสนดีและคอยดูแลเขาอย่างเอาใจใส่มาโดยตลอด แม้ว่าจะเป็นเพียงในฐานะ ‘เพื่อนสนิท’ หรือจะเป็นเพียงแค่ ‘แฟนเซอร์วิส’ แต่ทุกครั้งที่เขาได้รับความห่วงใยและการกลั่นแกล้งเล็กๆจากยูชอน เขาก็รับรู้ถึงความอบอุ่นนั้นได้อย่างมากมายที่สุด
เพราะยูชอนไม่เคยทำให้เขาเสียใจเลยสักครั้ง
เขาไม่มีวันโทษปาร์ค ยูชอน เพราะสิ่งที่ทำให้เขาเสียใจไม่ใช่เพราะคนๆนี้ แต่เป็นเพราะตัวเขาเองต่างหากที่ยังคงยึดติดกับความรักที่ไม่มีวันได้รับการตอบรับอย่างงมงาย
จะด้วยฐานะหรือด้วยหน้าที่แบบไหนก็ช่าง
ขอเพียงแค่เขายังได้อยู่เคียงข้างยูชอน เพียงแค่นั้นก็เพียงพอที่จะให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว
“ทำอะไรอยู่น่ะจุนซู?”
เสียงคุ้นเคยของพี่ใหญ่ของวงทำให้ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เผลอเงยดวงหน้าหวานที่ยังคงอาบด้วยน้ำตาไปตามเสียงเรียกนั้น ภาพตรงหน้าคือยุนโฮและแจจุงที่ใช้กุญแจไขเข้าบ้านมาเพราะเห็นว่าดึกเกินกว่าที่จะกดกริ่งเรียก แต่ก็นึกไม่ถึงว่าโลมาน้อยตัวเล็กตรงหน้าก็ยังไม่ได้นอนเช่นกัน
“อ
เอ่อ..กลับมาแล้วเหรอฮะ?”
“นี่นายร้องไห้เหรอ?”
“อ๊ะ
!”
เสียงทุ้มต่ำของลีดเดอร์แห่งวงทำให้คนตัวเล็กสะดุ้งก่อนที่จะปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตนเองอย่างลวกๆ ทั้งๆที่เขาคิดว่าความสลัวของห้องจะปิดบังเรื่องที่เขาร้องไห้ได้แล้ว แต่ดูเหมือนพี่ชายของเขาจะตาดีและช่างสังเกตเสียเหลือเกิน
“..ป
เปล่าฮะ ผมไม่ได้ร้อง..”
“ไม่ได้ร้องอะไร นายร้องอยู่ชัดๆน่ะ”
“
ค
คือว่า
”
สายตาแป๋วๆที่หม่นลงพยายามปรายมองพี่ใหญ่หน้าสวยที่ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงสัญญาณขอความช่วยเหลือนั้น แจจุงรีบเดินไปหยิบรีโมทโทรทัศน์ก่อนที่จะแสร้งทำเสียง ‘อ๋อ’
“นี่นายดูหนังเศร้าๆแค่นี้ก็ร้องไห้แล้วเหรอเนี่ย?”
เสียงแหบหวานของแจจุงทำให้ยุนโฮต้องหันไปมองหน้าจอโทรทัศน์ที่มีหนังรักโรแมนติกเรื่องหนึ่งฉายอยู่โดยบังเอิญ จุนซูที่เห็นดังนั้นก็ได้ทีตอบทันที
“กะ..ก็มันเศร้านี่! พี่แจจุงไม่ได้ดูตอนที่พระเอกต้องไปต่างประเทศเหรอ
น่าสงสารมากๆเลย ผมมานั่งดูกับยูชอนแล้วจู่ๆยูชอนก็หลับไปเลยทิ้งให้ผมต้องมาร้องไห้อยู่คนเดียว ชางมินก็เอาแต่อ่านหนังสือ ผมเลยไม่มีเพื่อนร้องด้วยเลยเนี่ย”
เมื่อเห็นคนตัวเล็กพูดออกมาเป็นชุด ยุนโฮก็ยิ้มน้อยๆอย่างโล่งอกก่อนที่จะขยี้เรือนผมนุ่มนั้นอย่างเอ็นดู ก่อนที่จะพูดเสียงดุๆให้จุนซูยิ้มรับจ๋อยๆ
“
แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างให้นอนดึกได้หรอกนะ นี่มันจะเลยเที่ยงคืนอยู่แล้ว”
“
พี่ยุนโฮอ่า
”
“ปลุกยูชอนแล้วกลับไปนอนที่ห้องดีๆ เข้าใจมั้ย?”
“ฮะ
”
รอยยิ้มที่อ่อนโยนของผู้เป็นหัวหน้าวงทำให้จุนซูยิ้มรับเสียงอ่อย ก่อนที่จะเขย่ายูชอนให้แรงขึ้นกว่าปกติ แต่ผลที่ออกมาก็เป็นเหมือนเดิม คือ
ไม่ตื่น
“ปลุกคนหลับลึกอย่างยูชอนมันต้องทำแบบนี้ต่างหากจุนซู”
แจจุงเอ่ยก่อนที่จะหันซ้ายหันขวาและเอื้อมหยิบหนังสือขนาดพอดีมือมาด้วยรอยยิ้มหวานที่ดูไม่น่าไว้วางใจ ก่อนที่จะ
ป๊าบ!
“โอ้ย!”
เสียงนุ่มๆของคนถูกหนังสือฟาดเต็มๆที่ต้นแขนโอดครวญก่อนที่จะกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง สายตาอ่อนโยนนั้นตวัดไปมองผู้ที่ปลุกอย่างไม่ค่อยพึงใจเท่าไหร่นัก ก่อนที่จะชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นดวงหน้าหวานของคนที่หลงรัก
“
เจ็บนะพี่แจจุง! จะปลุกก็ปลุกให้มันดีๆหน่อยสิ!”
“นายนั่นล่ะนอนผิดที่ผิดทาง! กลับไปนอนที่ห้องได้แล้ว”
ยุนโฮเอ่ยก่อนที่จะดึงข้อมือของคนตัวสูงอีกคนขึ้นและส่งให้จุนซูที่ทำหน้าเหรอหราแต่ก็รับพยุงยูชอนไว้อยู่ดี ก่อนที่ร่างบางๆจะบอกให้ยูชอนขึ้นไปนอนที่ห้องและเดินขึ้นชั้นบนไป
“แจจุง”
“หือ?”
คนหน้าสวยหันไปตามเสียงของคนรัก ทว่าก็ต้องลอบสะดุ้งน้อยๆเมื่อสายตาที่ดุๆดูจริงจังถูกส่งผ่านมาจนต้องยิ้มแหยๆให้
“มีอะไรเหรอยุน?”
“เปลี่ยนเรื่องได้เก่งเหลือเกินนะ”
“..ปะ
เปลี่ยนเรื่องอะไร?”
“คิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่าที่จุนซูร้องไห้ไม่ใช่เป็นเพราะว่าดูหนัง”
น้ำเสียงทุ้มๆที่พยายามปรับให้ดูดุทำให้ร่างบางต้องยิ้มเจื่อนๆ ถึงจุนซูจะชอบร้องไห้เวลาดูหนังเศร้าๆ แต่ดูยังไงสายตาหม่นๆที่น่าสงสารนั่นก็ไม่ได้เกิดจากหนังเรื่องนั้นอยู่เป็นแน่
แล้วเหตุผลอื่นมันจะมีอะไร
นอกจากเจ้าคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟา!
“
คือว่า
.”
“คิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่จุนซูรักยูชอนเหรอ?”
“..เอ๊ะ
”
ดูเหมือนจะเป็นดั่งที่คนร่างสูงหน้าหมีของวงคิดเอาไว้ เมื่อใบหน้าหวานๆของคนรักแสดงอาการตกตะลึงอย่างชัดเจนจนเขาอยากจะหยิกแก้มนุ่มๆนั่นสักที
“ใครไม่รู้ก็โง่เต็มทนแล้ว”
ยุนโฮพูดเสียงนิ่งทว่าภายในใจกลับแอบจิกกัดเจ้าคนหลับลึกที่ถูกพยุงไม่รู้เรื่องไปในห้องนอนเสียอย่างนั้น
“ฉันสงสารจุนซู
”
เสียงเนือยๆของร่างบางซึ่งเป็นคนรักทำให้ยุนโฮถอนหายใจน้อยๆพร้อมๆกับยื่นมือไปลูบเรือนผมสีดำสนิทนั้นอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะโอบกอดร่างบางนั้นไว้อย่างอ่อนโยน
“ฉันรู้
”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เดินดีๆหน่อยสิยูชอน! อีกนิดเดียวก็จะถึงเตียงแล้ว”
“จุนซู
พูดมากชะมัด
”
เสียงงัวเงียของคนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นทำให้ร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่นก่อนที่จะค่อยๆเอียงกายให้ร่างสูงนอนเอนราบบนเตียงดีๆ จุนซูถอนหายใจเฮือกก่อนที่จะเตรียมผินกายเพื่อไปนอนที่เตียงของตนเองบ้าง ทว่าแรงรั้งที่ข้อมือก็ทำให้ตัวเองหล่นตุบลงไปนอนเคียงข้าง
“ยูชะ..!”
“
.คร่อก
..”
เสียงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวปัญหาได้หลับไปแล้ว คนตัวเล็กหน้าแดงก่ำเมื่อรู้สึกถึงแรงกระชับของอ้อมแขนที่พาดกอดตนเอง ดวงตาเรียวใสปรายเชยมองใบหน้าคมคายในห้วงนิทราอย่างเงียบงัน
ทั้งๆที่มันผิด
ทั้งๆที่รู้ว่าคนตรงหน้าก็แค่ละเมอหรืองัวเงียเท่านั้น
ทั้งๆที่รู้ว่าตอนนี้ปาร์ค ยูชอนคงกำลังคิดถึงใครอื่น
.แต่ขอแค่นี้
แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น...
ขอเขาเห็นแก่ตัวสักครั้งเถอะ
“ยูชอน
”
เสียงผะแผ่วถูกเปล่งออกมาเบาๆก่อนที่คนตัวเล็กจะซุกดวงหน้ากลมเข้ากับแผ่นอกกว้างและยินยอมให้ความเหนื่อยล้าพาตนเองเข้าสู่ห้วงนิทรา
แค่มีอ้อมแขนนี้เท่านั้น
แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น..ยูชอน..
ฉันรักยูชอนนะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued...
ความคิดเห็น