คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : :: Outreach :: Chapter.2
TALK ::
สวัสดีค่า ^^ ~! มาอัพฟิคชันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ~
ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองออกนอกบ้านบ่อยมาก อีกอย่างหัวก็ไม่ค่อยแล่นด้วยเจ้าค่ะ T T;
โชคดีที่ยังพอมีแต่งเก็บๆไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดการดองได้ (ฮา) (/โดนเตะ)
พอมาลองแต่งให้ปาร์คเป็นฝ่ายเจ็บดูบ้าง แล้วก็เป็นความสัมพันธ์ที่คลุมเครือแบบนี้
รู้สึกว่าแต่งยากจนกลัวว่าจะทำให้อารมณ์ของฟิคชันไม่สนุกไปเหมือนกันค่ะ TT;
แต่ยังไงก็ต้องขอขอบคุณสำหรับการติดตามจริงๆนะคะ
ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์ที่เป็นกำลังใจให้มาโดยตลอดค่ะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ ^ ^
Chapter.2
“ยูชอน ไปห้องซ้อมกันนะ”
เสียงแหบหวานเอ่ยเรียกคนร่างโปร่งข้างกายทันทีที่อาจารย์กล่าวเลิกคาบเรียน ยูชอนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวาน ก่อนจะยกยิ้มจางและพยักหน้าเบาๆ พลางลุกขึ้นยืนเดินตามร่างเล็กออกมาจากห้องเลคเชอร์ โดยไม่ลืมจะหิ้วกระเป๋าให้กับอีกฝ่ายอย่างที่เคยทำเป็นประจำอยู่ทุกวัน
“
เฮ้ย ยูชอน !”
เสียงของใครคนหนึ่งจากด้านนอกห้องซึ่งเรียกรั้งเอาไว้ทำให้ร่างโปร่งที่กำลังเดินตามแผ่นหลังเล็กๆต้องหันกลับมามองตามเสียงนั้น
“อะไร ?”
“มีรุ่นน้องคนนึงมาขอเจอแกว่ะ”
ร่างสูงโปร่งปรายสายตามองคนตัวเล็กข้างกายครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบกลับ “
ฉันต้องรีบไปซ้อมดนตรีที่ห้องชมรมน่ะ”
“แต่น้องเขาบอกว่ายังไงก็อยากเจอแกให้ได้นี่หว่า ไหนๆเขาก็อุตส่าห์มารอถึงขนาดนี้แล้ว ช่วยเจอๆเขาหน่อยดิวะ”
“
.” นัยน์ตาคมฉายแววลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนข้างกายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจุนซูเองก็สังเกตเห็นท่าทีเหล่านั้น จึงเอ่ยออกไปให้อีกฝ่ายได้สบายใจ
“ไปเถอะยูชอน เดี๋ยวฉันรออยู่ตรงนี้แหละ”
“แต่นาย ---”
“เอาเถอะน่า ! เอากระเป๋าคืนมานี่ น้องเขาอาจจะมีธุระสำคัญอะไรก็ได้นี่นา”
“
.” ยูชอนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าและปล่อยกระเป๋าถือของคนตัวเล็กให้กลับไปอยู่กับเจ้าของแต่โดยดี “งั้นนายรอที่นี่แป๊บนึงนะ แล้วฉันจะรีบกลับมา”
“อื้ม”
ร่างเล็กรับคำด้วยรอยยิ้มอ่อน มองคนตัวสูงกว่าเดินไปอีกทางหนึ่งของอาคารตามคำบอกของเพื่อนอีกคน ที่เมื่อยูชอนลับตาไปก็หันไปซุบซิบกันจนจุนซูนึกสงสัย คิ้วเรียวเล็กขมวดเข้าหากันน้อยๆขณะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
“อิจฉาไอ้ยูชอนมันว่ะ น้องคนนั้นแม่งโคตรน่ารักอ่ะ !”
“ดาวอักษรปีสองเชียวนะเว้ย ดาวอักษร ! มีน้องน่ารักมากๆขนาดนั้นมาชอบ ไอ้ยูชอนมันจะโชคดีเกินไปแล้ว”
“เฮ้อ ! ไอ้เรามันไม่ได้เกิดมาหน้าตาดีฐานะพร้อมอย่างมันนี่หว่า ช่างมันเหอะ ไปๆ หาอะไรกิน”
ชายหนุ่มทั้งสองคนพูดคุยกันพลางเดินสวนผ่านไป ปล่อยให้ร่างเล็กยืนนิ่งๆขมวดคิ้วมุ่นกับสิ่งที่ตนเองเพิ่งจะได้ยินมาว่ารุ่นน้องคนนั้นมาขอพบเพื่อนสนิทของตนเพื่ออะไร ภายในหน้าอกด้านซ้ายมันสะท้อนวูบและร้อนรนแปลกๆจนจุนซูต้องยกมือขึ้นมาทาบเอาไว้อย่างพยายามยับยั้งความรู้สึกนั้น
เป็นแบบนี้อีกแล้ว
ไม่ใช่ว่าจุนซูจะไม่รู้ว่าตนเองกำลังรู้สึกอย่างไร หากแต่เขาคิดว่าเป็นเพียงความหวงเพื่อนโดยทั่วไปก็เท่านั้น
เพราะในเมื่อปาร์ค ยูชอนเป็นเพื่อนคนสำคัญที่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่มีวันยอมสูญเสียไปเป็นอันขาด
คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตัดสินใจเดินไปตามทางที่เพื่อนสนิทของตนเองเพิ่งจะเดินไปได้ไม่นานหลังจากลังเลอยู่เพียงไม่กี่วินาที
มือเล็กกระชับกระเป๋าถือในมือของตนเองขณะเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง ก่อนจะต้องชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงอ่อนหวานเป็นประโยคสั้นๆดังขึ้น
“พี่ยูชอนคะ ฉันชอบพี่ค่ะ !”
จุนซูไม่รีรอที่จะหลบเข้าข้างตึกทันที หากแต่ก็ยังยื่นศีรษะกลมๆออกไปเพื่อดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เด็กสาวใบหน้ารูปไข่สวยหวาน ปลายผมหยิกเป็นลอนสีน้ำตาลอ่อนราวกับตุ๊กตา เพียงเห็นแค่แวบเดียวก็รู้ว่าคนๆนี้ดูน่ารักสมกับคำร่ำลือมากมายแค่ไหน
“....”
“ถ
ถ้าพี่ไม่รังเกียจ
อย่างน้อย
แค่ช่วยมองฉันบ้าง
จะได้รึเปล่าคะ ?”
“
.”
ใบหน้าคมคายที่ยังคงเรียบนิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกใจเสียไม่น้อย หากแต่กลับทำให้จุนซูรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปาร์ค ยูชอนถูกสารภาพรัก
หากแต่ไม่ว่าจะเป็นใครคนไหน ก็ต้องกลับไปพร้อมกับคำปฏิเสธทั้งนั้น
“อยะ
อย่างน้อยแค่จำชื่อ --- ฉะ
ฉัน
”
“น้องฮวาวอล
ดาวคณะอักษรปีสอง ไม่มีใครไม่รู้จักหรอกครับ”
แต่รอยยิ้มและประโยคที่ถูกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มพร่าในครั้งนี้ทำให้หัวใจดวงเล็กของคิม จุนซูกระตุกวูบ เผลอชะโงกหน้าออกมามากกว่าเดิมด้วยความไม่เข้าใจกับประโยคที่ทำให้พวงแก้มของผู้เป็นเจ้าของใบหน้าอ่อนหวานขึ้นสีแบบนั้นของเพื่อนสนิท
“ฉัน
ฉันดีใจที่พี่ยูชอนรู้จักชื่อฉันนะคะ
ค
คือ แล้ว
”
“
.”
“ถ
ถ้าอย่างนั้น
ให้ฉัน ---”
“ยูชอน ! ทำอะไรอยู่น่ะ !”
บทสนทนาของคนทั้งคู่หยุดชะงักไปด้วยเสียงแหบเล็กที่จงใจเอ่ยดังขึ้นมา
จุนซูเลือกที่จะแสร้งว่าทำเป็นเพิ่งเดินมา ก่อนจะหยุดนิ่งด้วยสีหน้าตกใจ
“อะ
ขอโทษที่รบกวนนะ” ทั้งๆที่พูดอย่างนั้น แต่กายเล็กๆก็เดินตรงมายืนเคียงข้างกายชายหนุ่ม ยื่นมือเล็กออกไปคล้องแขนแกร่งเอาไว้และแกว่งไปมาน้อยๆ ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงออกอย่างจงใจออดอ้อน
“ยูชอนนา
ฉันมีซ้อมร้องเพลงนะ”
ร่างสูงโปร่งมองใบหน้าน่ารักของคนเคียงข้างก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย พลางหันมาเอ่ยกับหญิงสาวซึ่งในตอนนี้นิ่งงันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ขอโทษนะครับน้องฮวาวอล วันนี้พี่ต้องรีบไปห้องชมรมน่ะ
ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะครับ”
“อ๊ะ
เดี๋ยวก่อนสิคะพี่ยูชอน ฉัน ---”
“รีบไปเร็วเข้ายูชอน เดี๋ยวคนอื่นที่ชมรมเขาจะรอนานนะ !”
จุนซูไม่ปล่อยให้เด็กสาวได้พูดรั้งอะไรมากกว่านั้น นัยน์ตาเรียวรีจงใจปรายมองดวงหน้าขาวใสอย่างเฉยเมย ก่อนมือเล็กๆนั้นจะรีบกึ่งรั้งกึ่งจูงคนตัวสูงกว่าให้เดินไปทันที โดยที่ยูชอนทำเพียงโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับเจ้าของร่างอรชรและเดินไปตามแรงอันน้อยนิดของเพื่อนตัวเล็กอย่างไม่ขัดขืนเท่านั้น
จุนซูก็แค่หวง
และยูชอนเองก็รู้ดี
แต่มันก็เป็นเพราะจุนซูแค่อยากให้ยูชอนสนใจตัวเองคนเดียวเท่านั้น
ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แก่ใจ
แต่ร่างโปร่งก็ไม่เคยจะตอบรับคำสารภาพของใครคนไหนเลยแม้แต่สักคนเดียว ยังคงเลือกที่จะยืนอยู่เคียงข้างเจ้าของกายเล็กๆนี้อย่างเงียบๆ แม้ว่าสิทธิ์ทั้งหมดที่มีจะเป็นเพียงแค่คำว่า ‘เพื่อนสนิท’ ก็ตาม
ยูชอนปรายสายตามองมือของคนน่ารักที่ยังคงกระชับแน่นยังข้อมือของตนเองขณะก้าวฉับๆไปข้างหน้าอย่างติดจะไม่สบอารมณ์น้อยๆนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ความรู้สึกมากมายที่ไม่มีวันส่งไปถึงไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตาม
“
จุนซู”
“ยูชอน”
“
.”
“ชอบน้องเขารึเปล่า ?” คำถามที่ดังขึ้นมาโดยเจ้าตัวไม่ได้หันกลับมามองด้วยซ้ำนั้นทำให้ยูชอนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบปฏิเสธ
“
เปล่า”
“จริงนะ ?”
“อืม”
“งั้นห้ามไปเข้าใกล้เด็กคนนั้นอีกนะ” ประโยคสั้นๆของคนเอาแต่ใจดังชัดเจน “
ยูชอนมีแค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว”
“
.”
“เข้าใจรึเปล่า ?”
“
.”
สัมผัสทางกายมากกว่าคำว่าเพื่อน แนบชิดเสียยิ่งกว่าคนรัก
จนบางครั้งอาจเรียกได้ว่าขาดกันไม่ได้
“ยูชอน ?”
หากแต่ความสัมพันธ์ทางหัวใจนั้น
ช่างห่างไกลเหลือเกิน
“
อืม”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อ้าว จุนซู
พี่กำลังรอเราอยู่เลย”
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เสียงของรุ่นพี่ประธานชมรมก็ดังขึ้นมาเรียกร้องความสนใจของคนตัวเล็กไปหมด
เหมือนอย่างทุกครั้งที่เคยเป็น พวงแก้มใสนั้นขึ้นสีระเรื่อน้อยๆ ขณะที่มือซึ่งเคยจับกุมกันไว้ต้องถูกปล่อยออกจากกัน พร้อมกับร่างน้อยที่เดินไปอีกทาง
“ขอโทษที่ช้านะฮะพี่ชางมิน”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ได้รอนานขนาดนั้นสักหน่อย” ริมฝีปากหยักของชายหนุ่มรอยยิ้มอ่อน “ปีนี้ก็ต้องรบกวนด้วยนะ เลือกเพลงที่อยากร้องได้ตามสบายเลย”
“ไม่หรอกฮะ
ผมต่างหากที่รบกวน แล้วปีนี้พี่ชางมินไม่ขึ้นแสดงด้วยเหรอฮะ” เสียงแหบหวานเอ่ยออกมาอย่างมีความหวัง เพราะเสียงของชิม ชางมินก็เป็นที่รู้กันดีว่าทั้งมีพลังและไพเราะมากมายขนาดไหน
“ปีนี้พี่คงไม่จะดีกว่านะ”
“
งั้นเหรอฮะ” ดวงหน้าน่ารักหงอยลงอย่างเสียดาย
“คราวนี้จะได้รอดูจุนซูเต็มที่เลยไงล่ะ”
คราวนี้คนตัวเล็กถึงกับหน้าแดงก่ำกลายเป็นลูกตำลึกสุก
เอ่ยตอบรับเก้ๆกังๆจนมือไม้พันกันมั่วไปหมด โดยที่มีคนตัวสูงโย่งคอยหัวเราะและหยอกล้ออย่างสนุกสนาน เวลาผ่านไปราวกับมีกันเพียงแค่สองคน
แต่ยูชอนก็ยังยืนมองอยู่อย่างนั้น
มองด้วยสายตาบางอย่าง
ที่สื่อไม่ถึง พูดไม่ออก
และทำไม่ได้
“เอ่อ
ยูชอน”
เสียงที่ดังมาจากข้างกายทำให้ชายหนุ่มต้องตื่นจากภวังค์ของความคิดพลางหันไปมอง
เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆเมื่อพบว่าคนๆนั้นคือชเว มินกี หนุ่มหน้าหวานประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่บังเอิญอยู่ชมรมดนตรีเหมือนกัน
“อะไรเหรอมินกี ?”
“เราขอรบกวนเวลาหน่อยได้รึเปล่า คือเราไม่ค่อยเข้าใจโน้ตตรงนี้น่ะ
ยูชอนช่วยเล่นให้เราฟังหน่อยได้มั้ย”
โน้ตที่ว่าหมายถึงโน้ตเปียโนซึ่งเป็นเครื่องดนตรีถนัดของยูชอน ร่างโปร่งปรายสายตามองไปยังเพื่อนสนิทตัวเล็กที่อีกฝั่งหนึ่งของห้องอีกครั้ง และเมื่อเห็นว่ายังคงเพลิดเพลินกับการคุยกับรุ่นพี่สีน้ำผึ้ง จึงพยักหน้าตกลงคำขอของมินกีเบาๆพลางก้าวขาไปหาแกรนด์เปียโนสีดำสนิทบริเวณมุมห้อง
“ได้สิ ไม่เข้าใจตรงห้องไหนล่ะ ?”
“อ๊ะ
ก็ เอ่อ ตรงนี้น่ะ
”
“อ๋อ ถ้าเป็นแบบนี้นายก็ต้องลองสะบัดนิ้วให้มากกว่านี้หน่อย จะถึงรึเปล่านะ ? ทำแบบนี้
”
นัยน์ตาคมปรายมองแผ่นกระดาษโน้ตสีอ่อนตรงหน้าก่อนจะจัดการมองแป้นคีย์สีงาช้างสลับดำตรงหน้าอย่างเงียบๆ ก่อนที่ปากอิ่มจะเอ่ยคำขอโทษเบาๆขณะค่อยๆโน้มกายลงเพื่อกดคีย์เปียโนจนถ้าหากมองจากสายตาของคนอื่นจะกลายเป็นการยื่นคร่อมจากทางด้านหลังไป
และก็รวมไปถึงสายตาของคิม จุนซูด้วยเช่นเดียวกัน
“จุนซู
”
เพราะเห็นว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจู่ๆก็เงียบงันไประหว่างบทสนทนาที่กำลังไหลลื่น ชางมินจึงต้องเลิกคิ้วน้อยๆขณะเอ่ยเรียกรุ่นน้องตัวเล็กที่ปรายสายตาไปมองอีกทางบ่อยๆจนไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับเนื้อเพลงตรงหน้าเท่าที่ควร หากแต่กระนั้นก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับจากอีกฝ่ายแต่อย่างใด
“
.”
“จุนซู”
“
.”
“จุนซู ฟังพี่อยู่รึเปล่าน่ะ ?”
“อ๊ะ
! ครับ !?”
“เรากำลังพูดถึงเนื้อเพลงท่อนนี้อยู่น่ะ เราเป็นอะไรไปรึเปล่า ? ดูเหม่อๆนะ”
“ป
เปล่าฮะ ผมสบายดีฮะ พอดีแค่เผลอคิดเรื่องอื่นไปนิดหน่อย” พูดออกไปทั้งๆที่ภายในใจกำลังรู้สึกวูบวาบแปลกประหลาด พยายามเอ่ยยิ้มและหัวเราะกับรุ่นพี่ที่ตนเองหลงรักตรงหน้าแม้ว่าจะเผลอเงี่ยหูฟังบทสนทนาของคนมุมห้องอยู่เนืองๆ
“ฉันไม่ทันนึกถึงวิธีนี้เลย
เก่งจังยูชอน !” มินกีเงยหน้าหันไปมองคนตัวสูงกว่าด้วยความขอบคุณ เลยยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่างกันนั้นลดน้อยลงเข้าไปอีก
“ทีนี้นายก็ลองทำดู ฉันคิดว่าน่าจะโอเคอยู่นะ ถ้านิ้วนายถึงล่ะก็อาจจะ ---”
“ยูชอน !”
เป็นเสียงเดิมๆที่ทำให้ทุกอย่างชะงักงัน
เป็นเสียงที่ยูชอนรู้ดีว่ามาจากใคร ชายหนุ่มยืดกายขึ้นมายืนตรงตามปกติ ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิทตัวเล็กซึ่งเดินมาทำหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ว่าไงจุนซู ?”
“ฉันหิวน้ำ !” เสียงแหบหวานเอ่ยเอาแต่ใจ “ไปซื้อน้ำให้หน่อย”
“น้ำขวดก็อยู่ในกระเป๋านายไงจุนซู”
“ไม่เอา ! ฉันอยากกินน้ำอย่างอื่น
อ --- เอาน้ำส้มก็ได้”
“เอ่อ จุนซู
เราขอโทษนะ แต่เราเหลือให้ยูชอนสอนอีกแค่นิดเดี ---”
“ขอโทษนะ แต่เราพูดกับยูชอนอยู่”
ประโยคสั้นๆที่ตอบกลับด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นั้นทำเอามินกีหน้าเสีย จนยูชอนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยนามของคนตัวเล็กออกมาเชิงตำหนิ
“จุนซู”
“ยูชอนไปซื้อน้ำให้หน่อย” ร่างเล็กเลือกที่จะไม่สนใจเสียงทุ้มพร่าติดดุนั้น หากแต่กลับย้ำคำพูดเดิมเป็นครั้งที่สอง
“
.”
“ยูชอน”
เพราะสีหน้าและน้ำเสียงที่ติดจะแง่งอนและเอาแต่ใจนั้น ปาร์ค ยูชอนเลยทำได้เพียงพรูลมหายใจออกมา เพราะเขารู้ตัวดีว่าไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่มีวันชนะจุนซูได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ขอโทษนะมินกี
เดี๋ยวฉันค่อยกลับมาสอนนะ”
“อ
อื้อ ขอบคุณนะยูชอน แล้วเราจะรอนะ”
“ไม่จำเป็ --- อ่ะ
นายจะพาฉันไปไหนน่ะยูชอน !”
ยังไม่ทันที่จะได้ตอบกลับคนร่างผอมอีกคนหนึ่งออกไปอย่างใจคิด มือแกร่งก็จัดการรั้งข้อมือของเขาเดินออกจากห้องชมรมไปแล้ว ทั้งๆที่พยายามจะสลัดให้หลุดแต่ก็ไม่เป็นผลอยู่ดี จึงได้แต่โวยวายขณะเดินไปตามแรงของอีกฝ่ายเท่านั้น
“ยูชอน ! ยูชอนนายจะพาฉันไปไหน ! ปล่อยนะ !” แม้จะเดินออกมาไกลจากห้องชมรมพอสมควรแล้ว หากแต่คนตัวเล็กก็ยังคงพยายามขืนพันธนาการของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้
“ก็ไปซื้อน้ำไง”
“ฉ
ฉันไม่ได้จะไปสักหน่อย นายต่างหากที่ต้องไปซื้อให้ฉันน่ะ !”
“
.”
“ยูชอน ! ฉันกำลังคุยกับพี่ชางมินอยู่นะ !”
กึก
ประโยคที่ร่างเล็กเอ่ยออกมานั้นทำให้ร่างโปร่งรู้สึกเจ็บแปลบพร้อมกับหยุดชะงักฝีเท้าทันทีจนดวงหน้าน่ารักเกือบจะชนแผ่นหลังแกร่งเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว หากทว่าก่อนที่จุนซูจะได้เอ่ยอะไรออกไป เสียงทุ้มพร่าก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันก็กำลังคุยกับมินกีอยู่
แล้วนายจงใจพูดแบบนั้นออกมาทำไมจุนซู จริงๆแล้วนายไม่ได้อยากกินน้ำส้มหรอกฉันรู้”
ยิ่งเห็นว่าผู้เป็นเพื่อนสนิทของตนเองรู้ทัน คนตัวเล็กก็ทำได้เพียงตวัดสายตามองด้วยความไม่พอใจ สะบัดมือหนาที่คลายแรงลงไปแล้วเล็กน้อยให้ผละออกจากข้อมือของตนเองและเอ่ยกลับไปเสียงดัง
“นี่ยูชอนว่าฉันเหรอ ยูชอนเห็นมินกีสำคัญกว่าฉันรึไง !”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะจุนซู แต่ที่นายทำมันไม่ถูก”
“ทำไม ฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย ก็เขาอยากมายุ่งกับนายทำไมล่ะ กะอีแค่เล่นเปียโนแค่นี้ให้คนอื่นสอนแทนไม่ได้รึไง !?”
“จุนซู !” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยดุ “ทำไมพูดจานิสัยไม่ดีแบบนี้”
“นี่ยูชอนเข้าข้างมินกีเหรอ !?”
“ฉันไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้นแหละจุนซู ฉันแค่พูดไปตามที่คิดว่าถูก”
“ยูชอนกำลังจะบอกว่าฉันผิดงั้นสิ”
“จุนซู ทำเป็นนายเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้ ?”
“เหตุผลเหรอ ? ทำไมฉันจะไม่มีเหตุผล ! เหตุผลของฉันก็คือไม่อยากให้ยูชอนเข้าใกล้มินกีไง แค่นั้นมันยังไม่พออีกเหรอ !? ยูชอนอยากได้เหตุผลแบบไหนอีกล่ะ !”
“แล้วถ้าฉันจะบอกว่าไม่ให้นายเข้าใกล้รุ่นพี่ชางมินบ้างล่ะ ?”
“
.” ในครั้งนี้คนตัวเล็กกลับเงียบเสียงลงไป จนยูชอนต้องหัวเราะภายในลำคอออกมาราวกับจะเยาะเย้ยตนเอง
“หึ”
“อย่าทำเสียงแบบนี้นะยูชอน
นายก็รู้ว่ามันไม่เหมือนกัน”
“เหรอ ? ไม่เหมือนกันยังไงล่ะ ?”
“ยูชอน !” จุนซูทำได้เพียงเม้มริมฝีปากแน่นขณะจ้องคนตัวสูงกว่าด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่พึงพอใจเท่านั้น
“นายเองก็ตอบไม่ได้ใช่มั้ยล่ะจุนซู”
“
ยูชอนเห็นฉันสำคัญน้อยลงแล้วใช่มั้ย”
“
.”
“ฉันไม่ใช่เพื่อนสนิทที่สุดของยูชอนแล้วใช่รึเปล่า”
“
.”
เพราะไม่มีคำตอบใดๆออกมาจากริมฝีปากอิ่ม จุนซูจึงทำได้เพียงกำมือเข้าหากันแน่นท่ามกลางความเงียบงันอันน่าอึดอัดเท่านั้น
“ก็ได้ ฉันผิด
ฉันจะเดินไปขอโทษมินกีเอง แค่นี้พอใจแล้วรึยัง ?”
คนตัวเล็กหลบสายตา
ความรู้สึกตัดพ้อน้อยใจประเดประดังเข้ามาในความรู้สึกมากพอๆกับความไม่พอใจในบางสิ่งบางอย่างเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทตัวสูงโปร่งของตนเองนั้นไม่ยอมตอบอะไรกลับมาเลยสักคำ กายเล็กค่อยๆผินหันหลังหมายจะกลับไปยังห้องซ้อมที่ตนเองเดินจากมา หากแต่ก่อนจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น มือแกร่งก็รั้งข้อแขนเล็กเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยว จุนซู”
“อะไรอีกล่ะ ฉันก็จะไปขอโทษแล้วไง ยังจะให้ทำอะไรอีก” ร่างเล็กเอ่ยเสียงพร่าทั้งๆที่ยังไม่หันหน้ากลับมามองยูชอนเลยเสียด้วยซ้ำ
“
จุนซู”
“ปล่อย”
“จุนซู”
“
.”
“
ก็ได้” สุดท้ายแล้วเจ้าของผิวขาวจัดก็ต้องพรูลมหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ “ฉันขอโทษจุนซู นายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องไปขอโทษมินกีด้วย”
“
.”
แรงยื้อบริเวณข้อมือของคนตัวเล็กคลายลงกับคำพูดของอีกฝ่าย แต่กระนั้นจุนซูก็ยังไม่ยอมหันกลับมาอยู่ดี
“นายเป็นคนสำคัญที่สุดของฉันเสมอนะจุนซู
ไม่มีใครมาแทนที่นายได้หรอก”
“จริงนะ ?”
“
จริงสิ”
“ไม่โกหกฉันใช่มั้ย ?”
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นก็โอเค”
ดวงหน้าน่ารักที่เคยฉายแววตัดพ้อแปรเปลี่ยนมาเป็นแววสดใสด้วยรอยยิ้มกว้างได้อย่างรวดเร็วเสียจนใครๆก็ดูออกว่าเมื่อครู่นี้เป็นเพียงการเสแสร้งของเด็กเอาแต่ใจเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการเท่านั้น แต่ถึงแม้จะรู้ทั้งรู้นิสัยของเพื่อนสนิทตัวเล็กดี
ปาร์ค ยูชอนก็ยังเลือกที่จะเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อและยอมตามใจเสียทุกครั้งไป
ทุกอย่างที่จุนซูทำลงไป ก็เพราะรู้ว่ายังไงยูชอนก็ต้องยอม
“กลับห้องซ้อมกันยูชอน”
“
ไม่กินน้ำส้มแล้วหรือไง ?”
“ก็รู้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วนี่ว่าฉันไม่ได้อยากกินจริงๆหรอก” คนตัวเล็กกอดอกทำปากยู่ขณะเดินนำหน้าคนตัวสูงกว่า แต่ก็ไม่วายหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่เหมือนลูกแมวขู่ฟ่อๆ “แล้วสอนเปียโนมินกีห่างๆล่ะ !”
“คนที่ฉันให้นั่งตักเวลาเล่นเปียโน มีแค่นายคนเดียวนะ”
“
.”
“
.”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หากแต่หัวใจดวงเล็กของจุนซูก็กระตุกไปวูบหนึ่ง รู้สึกถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นสูงบริเวณใบหน้าจนเริ่มร้อนผะผ่าว หากแต่คนน่ารักก็เลือกที่จะลืมมันไปและโต้ตอบกลับ
“ก็ลองมีดูสิ !”
“
.”
“ยูชอน”
คนตัวเล็กกว่าที่เคยเดินนำหน้าชะลอฝีเท้าลงจนกลับมายืนข้างกายเพื่อนสนิทร่างโปร่งอีกครั้ง ยูชอนทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงงขณะจดจ้องมองใบหน้าน่ารักเชิงเป็นคำถาม
“นายเป็นของฉันนะ”
“
.” ร่างสูงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “
แล้วนายเป็นของฉันด้วยรึเปล่า ?”
“เป็นสิ” เสียงแหบหวานตอบกลับมาแทบจะในทันที “ฉันเป็นของนาย”
ร่างสองร่างเดินเคียงข้างกันเหมือนในทุกๆเวลาที่อยู่ด้วยกัน
หากแต่ร่างสูงโปร่งก็ทำได้เพียงปรายสายตามองใบหน้าด้านข้างของคนอารมณ์ดีที่ฮัมเพลงไปตลอดทางกลับไปยังห้องซ้อมดนตรีด้วยสายตาซึ่งแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายเท่านั้น
มันไม่ยุติธรรมเลยจุนซู
ในเมื่อหัวใจของนายไม่ได้เป็นของฉัน
แต่หัวใจฉันเป็นของนาย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued ...
ความคิดเห็น