ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ Fiction] :: Outreach :: [YooSu]

    ลำดับตอนที่ #3 : :: Outreach :: Chapter.2

    • อัปเดตล่าสุด 20 มี.ค. 55


     TALK ::

    สวัสดีค่า ^^ ~! มาอัพฟิคชันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ~
    ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองออกนอกบ้านบ่อยมาก อีกอย่างหัวก็ไม่ค่อยแล่นด้วยเจ้าค่ะ T T;
    โชคดีที่ยังพอมีแต่งเก็บๆไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดการดองได้ (ฮา) (/โดนเตะ)

    พอมาลองแต่งให้ปาร์คเป็นฝ่ายเจ็บดูบ้าง แล้วก็เป็นความสัมพันธ์ที่คลุมเครือแบบนี้
    รู้สึกว่าแต่งยากจนกลัวว่าจะทำให้อารมณ์ของฟิคชันไม่สนุกไปเหมือนกันค่ะ TT;
    แต่ยังไงก็ต้องขอขอบคุณสำหรับการติดตามจริงๆนะคะ

    ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์ที่เป็นกำลังใจให้มาโดยตลอดค่ะ
    ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ   ^ ^







    Chapter.2




     

     

    ยูชอน ไปห้องซ้อมกันนะ

     

    เสียงแหบหวานเอ่ยเรียกคนร่างโปร่งข้างกายทันทีที่อาจารย์กล่าวเลิกคาบเรียน ยูชอนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวาน ก่อนจะยกยิ้มจางและพยักหน้าเบาๆ พลางลุกขึ้นยืนเดินตามร่างเล็กออกมาจากห้องเลคเชอร์ โดยไม่ลืมจะหิ้วกระเป๋าให้กับอีกฝ่ายอย่างที่เคยทำเป็นประจำอยู่ทุกวัน

     

    “… เฮ้ย ยูชอน !”

     

    เสียงของใครคนหนึ่งจากด้านนอกห้องซึ่งเรียกรั้งเอาไว้ทำให้ร่างโปร่งที่กำลังเดินตามแผ่นหลังเล็กๆต้องหันกลับมามองตามเสียงนั้น

     

    อะไร ?

     

    มีรุ่นน้องคนนึงมาขอเจอแกว่ะ

     

    ร่างสูงโปร่งปรายสายตามองคนตัวเล็กข้างกายครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบกลับ “… ฉันต้องรีบไปซ้อมดนตรีที่ห้องชมรมน่ะ

     

    แต่น้องเขาบอกว่ายังไงก็อยากเจอแกให้ได้นี่หว่า ไหนๆเขาก็อุตส่าห์มารอถึงขนาดนี้แล้ว ช่วยเจอๆเขาหน่อยดิวะ

     

    “….” นัยน์ตาคมฉายแววลังเลเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองคนข้างกายอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจุนซูเองก็สังเกตเห็นท่าทีเหล่านั้น จึงเอ่ยออกไปให้อีกฝ่ายได้สบายใจ

     

    ไปเถอะยูชอน เดี๋ยวฉันรออยู่ตรงนี้แหละ

     

    แต่นาย ---”

     

    เอาเถอะน่า ! เอากระเป๋าคืนมานี่ น้องเขาอาจจะมีธุระสำคัญอะไรก็ได้นี่นา

     

    “….” ยูชอนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าและปล่อยกระเป๋าถือของคนตัวเล็กให้กลับไปอยู่กับเจ้าของแต่โดยดี งั้นนายรอที่นี่แป๊บนึงนะ แล้วฉันจะรีบกลับมา

     

    อื้ม

     

    ร่างเล็กรับคำด้วยรอยยิ้มอ่อน มองคนตัวสูงกว่าเดินไปอีกทางหนึ่งของอาคารตามคำบอกของเพื่อนอีกคน ที่เมื่อยูชอนลับตาไปก็หันไปซุบซิบกันจนจุนซูนึกสงสัย คิ้วเรียวเล็กขมวดเข้าหากันน้อยๆขณะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ

     

    อิจฉาไอ้ยูชอนมันว่ะ น้องคนนั้นแม่งโคตรน่ารักอ่ะ !”

     

    ดาวอักษรปีสองเชียวนะเว้ย ดาวอักษร ! มีน้องน่ารักมากๆขนาดนั้นมาชอบ ไอ้ยูชอนมันจะโชคดีเกินไปแล้ว

     

    เฮ้อ ! ไอ้เรามันไม่ได้เกิดมาหน้าตาดีฐานะพร้อมอย่างมันนี่หว่า ช่างมันเหอะ ไปๆ หาอะไรกิน

     

    ชายหนุ่มทั้งสองคนพูดคุยกันพลางเดินสวนผ่านไป ปล่อยให้ร่างเล็กยืนนิ่งๆขมวดคิ้วมุ่นกับสิ่งที่ตนเองเพิ่งจะได้ยินมาว่ารุ่นน้องคนนั้นมาขอพบเพื่อนสนิทของตนเพื่ออะไร ภายในหน้าอกด้านซ้ายมันสะท้อนวูบและร้อนรนแปลกๆจนจุนซูต้องยกมือขึ้นมาทาบเอาไว้อย่างพยายามยับยั้งความรู้สึกนั้น

     

     

    เป็นแบบนี้อีกแล้ว

     

     

    ไม่ใช่ว่าจุนซูจะไม่รู้ว่าตนเองกำลังรู้สึกอย่างไร หากแต่เขาคิดว่าเป็นเพียงความหวงเพื่อนโดยทั่วไปก็เท่านั้น เพราะในเมื่อปาร์ค ยูชอนเป็นเพื่อนคนสำคัญที่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่มีวันยอมสูญเสียไปเป็นอันขาด

     

    คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะตัดสินใจเดินไปตามทางที่เพื่อนสนิทของตนเองเพิ่งจะเดินไปได้ไม่นานหลังจากลังเลอยู่เพียงไม่กี่วินาที มือเล็กกระชับกระเป๋าถือในมือของตนเองขณะเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง ก่อนจะต้องชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงอ่อนหวานเป็นประโยคสั้นๆดังขึ้น

     

    พี่ยูชอนคะ ฉันชอบพี่ค่ะ !”

     

    จุนซูไม่รีรอที่จะหลบเข้าข้างตึกทันที หากแต่ก็ยังยื่นศีรษะกลมๆออกไปเพื่อดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เด็กสาวใบหน้ารูปไข่สวยหวาน ปลายผมหยิกเป็นลอนสีน้ำตาลอ่อนราวกับตุ๊กตา เพียงเห็นแค่แวบเดียวก็รู้ว่าคนๆนี้ดูน่ารักสมกับคำร่ำลือมากมายแค่ไหน

     

    “....”

     

    ถ้าพี่ไม่รังเกียจ อย่างน้อย แค่ช่วยมองฉันบ้าง จะได้รึเปล่าคะ ?

     

    “….”

     

    ใบหน้าคมคายที่ยังคงเรียบนิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกใจเสียไม่น้อย หากแต่กลับทำให้จุนซูรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปาร์ค ยูชอนถูกสารภาพรัก หากแต่ไม่ว่าจะเป็นใครคนไหน ก็ต้องกลับไปพร้อมกับคำปฏิเสธทั้งนั้น

     

    อยะ อย่างน้อยแค่จำชื่อ --- ฉะ ฉัน …”

     

    น้องฮวาวอล ดาวคณะอักษรปีสอง ไม่มีใครไม่รู้จักหรอกครับ

     

    แต่รอยยิ้มและประโยคที่ถูกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มพร่าในครั้งนี้ทำให้หัวใจดวงเล็กของคิม จุนซูกระตุกวูบ เผลอชะโงกหน้าออกมามากกว่าเดิมด้วยความไม่เข้าใจกับประโยคที่ทำให้พวงแก้มของผู้เป็นเจ้าของใบหน้าอ่อนหวานขึ้นสีแบบนั้นของเพื่อนสนิท

     

    ฉัน ฉันดีใจที่พี่ยูชอนรู้จักชื่อฉันนะคะ คือ แล้ว …”

     

    “….”

     

    ถ้าอย่างนั้น ให้ฉัน ---”

     

    ยูชอน ! ทำอะไรอยู่น่ะ !”

     

    บทสนทนาของคนทั้งคู่หยุดชะงักไปด้วยเสียงแหบเล็กที่จงใจเอ่ยดังขึ้นมา จุนซูเลือกที่จะแสร้งว่าทำเป็นเพิ่งเดินมา ก่อนจะหยุดนิ่งด้วยสีหน้าตกใจ

     

    อะ ขอโทษที่รบกวนนะ ทั้งๆที่พูดอย่างนั้น แต่กายเล็กๆก็เดินตรงมายืนเคียงข้างกายชายหนุ่ม ยื่นมือเล็กออกไปคล้องแขนแกร่งเอาไว้และแกว่งไปมาน้อยๆ ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่แสดงออกอย่างจงใจออดอ้อน

     

    ยูชอนนา ฉันมีซ้อมร้องเพลงนะ

     

    ร่างสูงโปร่งมองใบหน้าน่ารักของคนเคียงข้างก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย พลางหันมาเอ่ยกับหญิงสาวซึ่งในตอนนี้นิ่งงันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

    ขอโทษนะครับน้องฮวาวอล วันนี้พี่ต้องรีบไปห้องชมรมน่ะ ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะครับ

     

    อ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิคะพี่ยูชอน ฉัน ---”

     

    รีบไปเร็วเข้ายูชอน เดี๋ยวคนอื่นที่ชมรมเขาจะรอนานนะ !”

     

    จุนซูไม่ปล่อยให้เด็กสาวได้พูดรั้งอะไรมากกว่านั้น นัยน์ตาเรียวรีจงใจปรายมองดวงหน้าขาวใสอย่างเฉยเมย ก่อนมือเล็กๆนั้นจะรีบกึ่งรั้งกึ่งจูงคนตัวสูงกว่าให้เดินไปทันที โดยที่ยูชอนทำเพียงโค้งศีรษะเล็กน้อยให้กับเจ้าของร่างอรชรและเดินไปตามแรงอันน้อยนิดของเพื่อนตัวเล็กอย่างไม่ขัดขืนเท่านั้น

     

     

    จุนซูก็แค่หวง

    และยูชอนเองก็รู้ดี

     

    แต่มันก็เป็นเพราะจุนซูแค่อยากให้ยูชอนสนใจตัวเองคนเดียวเท่านั้น

     

     

    ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ร่างโปร่งก็ไม่เคยจะตอบรับคำสารภาพของใครคนไหนเลยแม้แต่สักคนเดียว ยังคงเลือกที่จะยืนอยู่เคียงข้างเจ้าของกายเล็กๆนี้อย่างเงียบๆ แม้ว่าสิทธิ์ทั้งหมดที่มีจะเป็นเพียงแค่คำว่า เพื่อนสนิท ก็ตาม

     

    ยูชอนปรายสายตามองมือของคนน่ารักที่ยังคงกระชับแน่นยังข้อมือของตนเองขณะก้าวฉับๆไปข้างหน้าอย่างติดจะไม่สบอารมณ์น้อยๆนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ความรู้สึกมากมายที่ไม่มีวันส่งไปถึงไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตาม

     

    “… จุนซู

     

    ยูชอน

     

    “….”

     

    ชอบน้องเขารึเปล่า ? คำถามที่ดังขึ้นมาโดยเจ้าตัวไม่ได้หันกลับมามองด้วยซ้ำนั้นทำให้ยูชอนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบปฏิเสธ

     

    “… เปล่า

     

    จริงนะ ?

     

    อืม

     

    งั้นห้ามไปเข้าใกล้เด็กคนนั้นอีกนะ ประโยคสั้นๆของคนเอาแต่ใจดังชัดเจน “… ยูชอนมีแค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว

     

    “….”

     

    เข้าใจรึเปล่า ?

     

    “….”

     

     

    สัมผัสทางกายมากกว่าคำว่าเพื่อน แนบชิดเสียยิ่งกว่าคนรัก

    จนบางครั้งอาจเรียกได้ว่าขาดกันไม่ได้

     

     

    ยูชอน ?

     

     

    หากแต่ความสัมพันธ์ทางหัวใจนั้น ช่างห่างไกลเหลือเกิน

     

     

    “… อืม

     


     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     

     

    อ้าว จุนซู พี่กำลังรอเราอยู่เลย

     

    ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง เสียงของรุ่นพี่ประธานชมรมก็ดังขึ้นมาเรียกร้องความสนใจของคนตัวเล็กไปหมด เหมือนอย่างทุกครั้งที่เคยเป็น พวงแก้มใสนั้นขึ้นสีระเรื่อน้อยๆ ขณะที่มือซึ่งเคยจับกุมกันไว้ต้องถูกปล่อยออกจากกัน พร้อมกับร่างน้อยที่เดินไปอีกทาง

     

    ขอโทษที่ช้านะฮะพี่ชางมิน

     

    ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ได้รอนานขนาดนั้นสักหน่อย ริมฝีปากหยักของชายหนุ่มรอยยิ้มอ่อน ปีนี้ก็ต้องรบกวนด้วยนะ เลือกเพลงที่อยากร้องได้ตามสบายเลย

     

    ไม่หรอกฮะ ผมต่างหากที่รบกวน แล้วปีนี้พี่ชางมินไม่ขึ้นแสดงด้วยเหรอฮะ เสียงแหบหวานเอ่ยออกมาอย่างมีความหวัง เพราะเสียงของชิม ชางมินก็เป็นที่รู้กันดีว่าทั้งมีพลังและไพเราะมากมายขนาดไหน

     

    ปีนี้พี่คงไม่จะดีกว่านะ

     

    “… งั้นเหรอฮะ ดวงหน้าน่ารักหงอยลงอย่างเสียดาย

     

    คราวนี้จะได้รอดูจุนซูเต็มที่เลยไงล่ะ

     

    คราวนี้คนตัวเล็กถึงกับหน้าแดงก่ำกลายเป็นลูกตำลึกสุก เอ่ยตอบรับเก้ๆกังๆจนมือไม้พันกันมั่วไปหมด โดยที่มีคนตัวสูงโย่งคอยหัวเราะและหยอกล้ออย่างสนุกสนาน เวลาผ่านไปราวกับมีกันเพียงแค่สองคน

     

     

    แต่ยูชอนก็ยังยืนมองอยู่อย่างนั้น

    มองด้วยสายตาบางอย่าง

     

    ที่สื่อไม่ถึง พูดไม่ออก และทำไม่ได้


     

     

    เอ่อ ยูชอน

     

    เสียงที่ดังมาจากข้างกายทำให้ชายหนุ่มต้องตื่นจากภวังค์ของความคิดพลางหันไปมองเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆเมื่อพบว่าคนๆนั้นคือชเว มินกี หนุ่มหน้าหวานประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่บังเอิญอยู่ชมรมดนตรีเหมือนกัน

     

    อะไรเหรอมินกี ?

     

    เราขอรบกวนเวลาหน่อยได้รึเปล่า คือเราไม่ค่อยเข้าใจโน้ตตรงนี้น่ะ ยูชอนช่วยเล่นให้เราฟังหน่อยได้มั้ย

     

    โน้ตที่ว่าหมายถึงโน้ตเปียโนซึ่งเป็นเครื่องดนตรีถนัดของยูชอน ร่างโปร่งปรายสายตามองไปยังเพื่อนสนิทตัวเล็กที่อีกฝั่งหนึ่งของห้องอีกครั้ง และเมื่อเห็นว่ายังคงเพลิดเพลินกับการคุยกับรุ่นพี่สีน้ำผึ้ง จึงพยักหน้าตกลงคำขอของมินกีเบาๆพลางก้าวขาไปหาแกรนด์เปียโนสีดำสนิทบริเวณมุมห้อง

     

    ได้สิ ไม่เข้าใจตรงห้องไหนล่ะ ?

     

    อ๊ะ ก็ เอ่อ ตรงนี้น่ะ …”

     

    อ๋อ ถ้าเป็นแบบนี้นายก็ต้องลองสะบัดนิ้วให้มากกว่านี้หน่อย จะถึงรึเปล่านะ ? ทำแบบนี้ …”

     

    นัยน์ตาคมปรายมองแผ่นกระดาษโน้ตสีอ่อนตรงหน้าก่อนจะจัดการมองแป้นคีย์สีงาช้างสลับดำตรงหน้าอย่างเงียบๆ ก่อนที่ปากอิ่มจะเอ่ยคำขอโทษเบาๆขณะค่อยๆโน้มกายลงเพื่อกดคีย์เปียโนจนถ้าหากมองจากสายตาของคนอื่นจะกลายเป็นการยื่นคร่อมจากทางด้านหลังไป

     

     

    และก็รวมไปถึงสายตาของคิม จุนซูด้วยเช่นเดียวกัน

     

     

    จุนซู …”

     

    เพราะเห็นว่าคนตัวเล็กตรงหน้าจู่ๆก็เงียบงันไประหว่างบทสนทนาที่กำลังไหลลื่น ชางมินจึงต้องเลิกคิ้วน้อยๆขณะเอ่ยเรียกรุ่นน้องตัวเล็กที่ปรายสายตาไปมองอีกทางบ่อยๆจนไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับเนื้อเพลงตรงหน้าเท่าที่ควร หากแต่กระนั้นก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับจากอีกฝ่ายแต่อย่างใด

     

    “….”

     

    จุนซู

     

    “….”

     

    จุนซู ฟังพี่อยู่รึเปล่าน่ะ ?

     

    อ๊ะ …! ครับ !?

     

    เรากำลังพูดถึงเนื้อเพลงท่อนนี้อยู่น่ะ เราเป็นอะไรไปรึเปล่า ? ดูเหม่อๆนะ

     

    เปล่าฮะ ผมสบายดีฮะ พอดีแค่เผลอคิดเรื่องอื่นไปนิดหน่อย พูดออกไปทั้งๆที่ภายในใจกำลังรู้สึกวูบวาบแปลกประหลาด พยายามเอ่ยยิ้มและหัวเราะกับรุ่นพี่ที่ตนเองหลงรักตรงหน้าแม้ว่าจะเผลอเงี่ยหูฟังบทสนทนาของคนมุมห้องอยู่เนืองๆ

     

    ฉันไม่ทันนึกถึงวิธีนี้เลย เก่งจังยูชอน !” มินกีเงยหน้าหันไปมองคนตัวสูงกว่าด้วยความขอบคุณ เลยยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่างกันนั้นลดน้อยลงเข้าไปอีก

     

    ทีนี้นายก็ลองทำดู ฉันคิดว่าน่าจะโอเคอยู่นะ ถ้านิ้วนายถึงล่ะก็อาจจะ ---”

     

    ยูชอน !”

     

    เป็นเสียงเดิมๆที่ทำให้ทุกอย่างชะงักงัน เป็นเสียงที่ยูชอนรู้ดีว่ามาจากใคร ชายหนุ่มยืดกายขึ้นมายืนตรงตามปกติ ก่อนจะหันไปหาเพื่อนสนิทตัวเล็กซึ่งเดินมาทำหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

    ว่าไงจุนซู ?

     

    ฉันหิวน้ำ !” เสียงแหบหวานเอ่ยเอาแต่ใจ ไปซื้อน้ำให้หน่อย

     

    น้ำขวดก็อยู่ในกระเป๋านายไงจุนซู

     

    ไม่เอา ! ฉันอยากกินน้ำอย่างอื่น --- เอาน้ำส้มก็ได้

     

    เอ่อ จุนซู เราขอโทษนะ แต่เราเหลือให้ยูชอนสอนอีกแค่นิดเดี ---”

     

    ขอโทษนะ แต่เราพูดกับยูชอนอยู่

     

    ประโยคสั้นๆที่ตอบกลับด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นั้นทำเอามินกีหน้าเสีย จนยูชอนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยนามของคนตัวเล็กออกมาเชิงตำหนิ

     

    จุนซู

     

    ยูชอนไปซื้อน้ำให้หน่อย ร่างเล็กเลือกที่จะไม่สนใจเสียงทุ้มพร่าติดดุนั้น หากแต่กลับย้ำคำพูดเดิมเป็นครั้งที่สอง

     

    “….”

     

    ยูชอน

     

    เพราะสีหน้าและน้ำเสียงที่ติดจะแง่งอนและเอาแต่ใจนั้น ปาร์ค ยูชอนเลยทำได้เพียงพรูลมหายใจออกมา เพราะเขารู้ตัวดีว่าไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ไม่มีวันชนะจุนซูได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

     

    ขอโทษนะมินกี เดี๋ยวฉันค่อยกลับมาสอนนะ

     

    อื้อ ขอบคุณนะยูชอน แล้วเราจะรอนะ

     

    ไม่จำเป็ --- อ่ะ นายจะพาฉันไปไหนน่ะยูชอน !”

     

    ยังไม่ทันที่จะได้ตอบกลับคนร่างผอมอีกคนหนึ่งออกไปอย่างใจคิด มือแกร่งก็จัดการรั้งข้อมือของเขาเดินออกจากห้องชมรมไปแล้ว ทั้งๆที่พยายามจะสลัดให้หลุดแต่ก็ไม่เป็นผลอยู่ดี จึงได้แต่โวยวายขณะเดินไปตามแรงของอีกฝ่ายเท่านั้น

     

    ยูชอน ! ยูชอนนายจะพาฉันไปไหน ! ปล่อยนะ !” แม้จะเดินออกมาไกลจากห้องชมรมพอสมควรแล้ว หากแต่คนตัวเล็กก็ยังคงพยายามขืนพันธนาการของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้

     

    ก็ไปซื้อน้ำไง

     

    ฉันไม่ได้จะไปสักหน่อย นายต่างหากที่ต้องไปซื้อให้ฉันน่ะ !”

     

    “….”

     

    ยูชอน ! ฉันกำลังคุยกับพี่ชางมินอยู่นะ !”

     

     

    กึก

     

     

    ประโยคที่ร่างเล็กเอ่ยออกมานั้นทำให้ร่างโปร่งรู้สึกเจ็บแปลบพร้อมกับหยุดชะงักฝีเท้าทันทีจนดวงหน้าน่ารักเกือบจะชนแผ่นหลังแกร่งเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว หากทว่าก่อนที่จุนซูจะได้เอ่ยอะไรออกไป เสียงทุ้มพร่าก็ดังขัดขึ้นมาเสียก่อน

     

    ฉันก็กำลังคุยกับมินกีอยู่ แล้วนายจงใจพูดแบบนั้นออกมาทำไมจุนซู จริงๆแล้วนายไม่ได้อยากกินน้ำส้มหรอกฉันรู้

     

    ยิ่งเห็นว่าผู้เป็นเพื่อนสนิทของตนเองรู้ทัน คนตัวเล็กก็ทำได้เพียงตวัดสายตามองด้วยความไม่พอใจ สะบัดมือหนาที่คลายแรงลงไปแล้วเล็กน้อยให้ผละออกจากข้อมือของตนเองและเอ่ยกลับไปเสียงดัง

     

    นี่ยูชอนว่าฉันเหรอ ยูชอนเห็นมินกีสำคัญกว่าฉันรึไง !”

     

    มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะจุนซู แต่ที่นายทำมันไม่ถูก

     

    ทำไม ฉันไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย ก็เขาอยากมายุ่งกับนายทำไมล่ะ กะอีแค่เล่นเปียโนแค่นี้ให้คนอื่นสอนแทนไม่ได้รึไง !?

     

    จุนซู !” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยดุ ทำไมพูดจานิสัยไม่ดีแบบนี้

     

    นี่ยูชอนเข้าข้างมินกีเหรอ !?

     

    ฉันไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้นแหละจุนซู ฉันแค่พูดไปตามที่คิดว่าถูก

     

    ยูชอนกำลังจะบอกว่าฉันผิดงั้นสิ

     

    จุนซู ทำเป็นนายเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้ ?

     

    เหตุผลเหรอ ? ทำไมฉันจะไม่มีเหตุผล ! เหตุผลของฉันก็คือไม่อยากให้ยูชอนเข้าใกล้มินกีไง แค่นั้นมันยังไม่พออีกเหรอ !? ยูชอนอยากได้เหตุผลแบบไหนอีกล่ะ !”

     

    แล้วถ้าฉันจะบอกว่าไม่ให้นายเข้าใกล้รุ่นพี่ชางมินบ้างล่ะ ?

     

    “….” ในครั้งนี้คนตัวเล็กกลับเงียบเสียงลงไป จนยูชอนต้องหัวเราะภายในลำคอออกมาราวกับจะเยาะเย้ยตนเอง

     

    หึ

     

    อย่าทำเสียงแบบนี้นะยูชอน นายก็รู้ว่ามันไม่เหมือนกัน

     

    เหรอ ? ไม่เหมือนกันยังไงล่ะ ?

     

    ยูชอน !” จุนซูทำได้เพียงเม้มริมฝีปากแน่นขณะจ้องคนตัวสูงกว่าด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่พึงพอใจเท่านั้น

     

    นายเองก็ตอบไม่ได้ใช่มั้ยล่ะจุนซู

     

    “… ยูชอนเห็นฉันสำคัญน้อยลงแล้วใช่มั้ย

     

    “….”

     

    ฉันไม่ใช่เพื่อนสนิทที่สุดของยูชอนแล้วใช่รึเปล่า

     

    “….”

     

    เพราะไม่มีคำตอบใดๆออกมาจากริมฝีปากอิ่ม จุนซูจึงทำได้เพียงกำมือเข้าหากันแน่นท่ามกลางความเงียบงันอันน่าอึดอัดเท่านั้น

     

    ก็ได้ ฉันผิด ฉันจะเดินไปขอโทษมินกีเอง แค่นี้พอใจแล้วรึยัง ?

     

    คนตัวเล็กหลบสายตา ความรู้สึกตัดพ้อน้อยใจประเดประดังเข้ามาในความรู้สึกมากพอๆกับความไม่พอใจในบางสิ่งบางอย่างเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทตัวสูงโปร่งของตนเองนั้นไม่ยอมตอบอะไรกลับมาเลยสักคำ กายเล็กค่อยๆผินหันหลังหมายจะกลับไปยังห้องซ้อมที่ตนเองเดินจากมา หากแต่ก่อนจะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น มือแกร่งก็รั้งข้อแขนเล็กเอาไว้เสียก่อน

     

    เดี๋ยว จุนซู

     

    อะไรอีกล่ะ ฉันก็จะไปขอโทษแล้วไง ยังจะให้ทำอะไรอีก ร่างเล็กเอ่ยเสียงพร่าทั้งๆที่ยังไม่หันหน้ากลับมามองยูชอนเลยเสียด้วยซ้ำ

     

    “… จุนซู

     

    ปล่อย

     

    จุนซู

     

    “….”

     

    “… ก็ได้ สุดท้ายแล้วเจ้าของผิวขาวจัดก็ต้องพรูลมหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ ฉันขอโทษจุนซู นายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องไปขอโทษมินกีด้วย

     

    “….”

     

    แรงยื้อบริเวณข้อมือของคนตัวเล็กคลายลงกับคำพูดของอีกฝ่าย แต่กระนั้นจุนซูก็ยังไม่ยอมหันกลับมาอยู่ดี

     

    นายเป็นคนสำคัญที่สุดของฉันเสมอนะจุนซู ไม่มีใครมาแทนที่นายได้หรอก

     

    จริงนะ ?

     

    “… จริงสิ

     

    ไม่โกหกฉันใช่มั้ย ?

     

    อืม

     

    ถ้าอย่างนั้นก็โอเค

     

    ดวงหน้าน่ารักที่เคยฉายแววตัดพ้อแปรเปลี่ยนมาเป็นแววสดใสด้วยรอยยิ้มกว้างได้อย่างรวดเร็วเสียจนใครๆก็ดูออกว่าเมื่อครู่นี้เป็นเพียงการเสแสร้งของเด็กเอาแต่ใจเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการเท่านั้น แต่ถึงแม้จะรู้ทั้งรู้นิสัยของเพื่อนสนิทตัวเล็กดี ปาร์ค ยูชอนก็ยังเลือกที่จะเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อและยอมตามใจเสียทุกครั้งไป

     

     

    ทุกอย่างที่จุนซูทำลงไป ก็เพราะรู้ว่ายังไงยูชอนก็ต้องยอม

     

     

    กลับห้องซ้อมกันยูชอน

     

    “… ไม่กินน้ำส้มแล้วหรือไง ?

     

    ก็รู้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วนี่ว่าฉันไม่ได้อยากกินจริงๆหรอก คนตัวเล็กกอดอกทำปากยู่ขณะเดินนำหน้าคนตัวสูงกว่า แต่ก็ไม่วายหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่เหมือนลูกแมวขู่ฟ่อๆ แล้วสอนเปียโนมินกีห่างๆล่ะ !”

     

    คนที่ฉันให้นั่งตักเวลาเล่นเปียโน มีแค่นายคนเดียวนะ

     

    “….”

     

    “….”

     

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หากแต่หัวใจดวงเล็กของจุนซูก็กระตุกไปวูบหนึ่ง รู้สึกถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นสูงบริเวณใบหน้าจนเริ่มร้อนผะผ่าว หากแต่คนน่ารักก็เลือกที่จะลืมมันไปและโต้ตอบกลับ

     

    ก็ลองมีดูสิ !”

     

    “….”

     

    ยูชอน

     

    คนตัวเล็กกว่าที่เคยเดินนำหน้าชะลอฝีเท้าลงจนกลับมายืนข้างกายเพื่อนสนิทร่างโปร่งอีกครั้ง ยูชอนทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงงขณะจดจ้องมองใบหน้าน่ารักเชิงเป็นคำถาม

     

    นายเป็นของฉันนะ

     

    “….” ร่างสูงนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “… แล้วนายเป็นของฉันด้วยรึเปล่า ?

     

    เป็นสิ เสียงแหบหวานตอบกลับมาแทบจะในทันที ฉันเป็นของนาย

     

    ร่างสองร่างเดินเคียงข้างกันเหมือนในทุกๆเวลาที่อยู่ด้วยกัน หากแต่ร่างสูงโปร่งก็ทำได้เพียงปรายสายตามองใบหน้าด้านข้างของคนอารมณ์ดีที่ฮัมเพลงไปตลอดทางกลับไปยังห้องซ้อมดนตรีด้วยสายตาซึ่งแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมายเท่านั้น

     


     

    มันไม่ยุติธรรมเลยจุนซู

    ในเมื่อหัวใจของนายไม่ได้เป็นของฉัน


     

    แต่หัวใจฉันเป็นของนาย




     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






    To Be Continued ...





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×