ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ Fiction] :: Rendezvous :: [YooSu][Mpreg]

    ลำดับตอนที่ #3 : :: Rendezvous :: Chapter.2

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 54


    TALK ::


    สวัสดีค่า ^ ^ มาอัพให้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ~
    ต้องขอโทษจริงๆนะคะที่ช่วงนี้จะมาอัพล่าช้าไปมาก T T; มายด์เรียนพิเศษตลอด 7 วันไม่ได้หยุดพักเลยค่ะ
    แถมเรียนตั้งแต่เช้ายันค่ำทั้งเจ็ดวันอีก เพราะฉะนั้นไม่มีเวลาปั่นฟิคจริงๆค่ะ

    ถ้าหากครั้งไหนหายหน้าหายตาไปหลายอาทิตย์ ก็อย่าโกรธกันนะคะ >< ~
    ยังไงก็จะพยายามอัพให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เจ้าค่ะ

    ต้องขอบคุณสำหรับทุกๆการติดตามมากๆนะคะ ส่วนตัวมายด์แล้วไม่ค่อยได้เขียนเรื่องดราม่าจัดๆแบบนี้มากเท่าไหร่ หากมีต้องผิดพลาดตรงไหนก็ต้องขอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะเจ้าคะ ><

    ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเมนท์ที่เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
    ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยค่ะ ^ ^










    Chapter.2







     

     

    นายจะกลับไปจริงๆเหรอจุนซู

     

    เสียงทุ้มโทนสูงของชายหนุ่มสีน้ำผึ้งเอ่ยกับเพื่อนตัวเล็กขณะที่เดินมาส่งยังบริเวณหน้าบ้าน นัยน์ตาคู่คมฉายแววเป็นห่วงเป็นใยอย่างไม่ปิดบัง แต่กระนั้นดวงหน้าน่ารักก็ส่ายไปมาเบาๆเป็นการปฏิเสธและยืนยันในคำตอบของตัวเอง

     

    ถ้าฉันไม่กลับไปพี่จินจูต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอกชางมิน ดึกป่านนี้แล้วคงจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ สายตาเรียวมองนาฬิกาข้อมือสายเล็กที่บ่งบอกเวลากว่าๆเที่ยงคืนพลางเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มจาง

     

    “… งั้นฉันจะไปส่ง

     

    บ้า ! ไม่ต้องหรอกน่าชางมิน มันดึกมากแล้วนะ บ้านฉันอยู่ไม่ไกลซะหน่อย นายไปพักผ่อนเถอะ ฉันรบกวนนายมาทั้งวันแล้วนะ

     

    แต่ว่านาย …”

     

    ฉันไม่เป็นจริงๆชางมิน ขอบใจมากนะ

     

    “… อย่างนั้นก็ได้ งั้นก็เดินทางระวังๆแล้วกัน

     

    อื้ม ถ้างั้น บ๊ายบายนะ

     

    รอยยิ้มน่ารักปรากฏบนใบหน้ากลมนวล ก่อนที่ร่างน้อยจะค่อยๆผินกายเดินจากไปพร้อมกับมือเล็กที่โบกลาหยอยๆ โดยที่ชางมินได้แต่ยืนนิ่งมองแผ่นหลังบางนั้นจนกระทั่งเลือนหายไปจากสายตา ด้วยความรู้สึกมากมายที่ไม่อาจเปิดเผยหรือสารภาพมันออกมาได้เลย

     

     

    …………………

     

     

    เท้าคู่เล็กหยุดยืนหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลปาร์คที่เขาและพี่สาวย้ายเข้ามาอาศัยได้เกือบปี เวลาดึกดื่นป่านนี้ทุกคนคงจะเข้านอนกันไปหมดแล้ว นัยน์ตาเรียวรีปรากฏแววหม่นหมองเพียงชั่วครู่ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอด ตัดสินใจใช้กุญแจไขประตูออกและพยายามเดินก้าวเข้าไปในตัวบ้านอย่างช้าๆและเงียบงันที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

    ไง กลับซะดึกเชียวนะ

     

    เสียงทุ้มพร่าคุ้นเคยซึ่งดังขึ้นมาทำลายความเงียบทำเอาร่างน้อยสะดุ้งเฮือก เมื่อภาพตรงหน้าคือร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนกอดอกพิงกำแพงและปรายสายตาจดจ้องมามองที่เขาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก

     

    “… พี่ยูชอน …”

     

    นายหายไปไหนมาทั้งวัน ?

     

    คำถามที่เอ่ยขึ้นมาทำให้จุนซูต้องเสหน้ามองไปอีกทางหนึ่ง พลางรีบสาวเท้าของตนเองให้พ้นไปจากเจ้าของใบหน้าคมคายนี้เสียที

     

    จุนซู นี่พี่ถามนายอยู่นะ !”

     

    “… เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับพี่นี่ครับ

     

    คิมจุนซู !” เสียงทุ้มดังขึ้นกว่าเก่าด้วยความไม่สบอารมณ์ ทำไม ! อย่าบอกนะว่านายไปหาเจ้าชางมินอะไรนั่นมาอีกแล้วน่ะ !”

     

    พี่ไม่มีสิทธิ์มาพูดถึงเพื่อนผมแบบนี้นะ ! ผมจะไปหาเขาหรือไปหาใครนั่นมันก็เรื่องของผม !! ทำไมฮะ ? พี่เดือดร้อนอะไรกับการที่ผมไปกับคนอื่นนักรึไง !!??

     

    เสียงเล็กตอบกลับออกไปอย่างสุดทนด้วยน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า เจ็บปวดและเหนื่อยล้าเต็มทนกับความรู้สึกรวดร้าวที่แล่นปราดไปทั่วร่าง กับความเย็นชาและอารมณ์โทสะที่อีกฝ่ายมีให้ตลอดมา หากแต่สิ่งเหล่านั้นกลับยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถตัดชายหนุ่มคนนี้ออกไปจากหัวใจได้เลยแม้แต่นิดเดียว

     

     

    เพราะความหวังที่ผุดขึ้นภายในใจ ว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ต้องการให้เขาไปอยู่กับใครอื่น แม้เพียงเล็กน้อย แต่มันก็เป็นเครื่องยืนยันชั้นดี

     

     

    หึ เดือดร้อนอย่างนั้นเหรอ ?

     

    “….”

     

    นายเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่าจุนซู

     

    “….” ทั้งรอยยิ้มคล้ายเย้ยหยันและแววตานิ่งเฉยนั้นราวกับจะบีบคั้นก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของเขาให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ

     

    นายคิดว่าพี่จะต้องรู้สึกอะไรแบบนั้นเวลาที่นายไปอยู่กับใครที่ไหนด้วยหรือไง ? สำคัญตัวเองผิดเกินไปรึเปล่า

     

    “….”

     

    นายรู้มั้ยว่าจินจูนั่งรอนายที่ห้องรับแขกตั้งแต่หัวค่ำจนเกือบเที่ยงคืน !! ทั้งๆที่ร่างกายเธอก็อ่อนแอมากอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับไม่ยอมขึ้นไปนอนบนห้องพราะเป็นห่วงนาย ! ทั้งๆที่นายก็รู้เรื่องนี้ดี แต่ก็เลือกที่จะไม่ติดต่อกลับมาแล้วเถลไถลตามอำเภอใจตัวเองอย่างนี้มันใช้ได้แล้วเหรอ !!?

     

    ประโยคที่ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากอิ่มไม่ต่างอะไรจากคมมีดที่กรีดลงกลางใจอย่างช้าๆ หยดน้ำตาร่วงหล่นกระทบผิวแก้มโดยที่จุนซูยังไม่รู้ตัวเลยเสียด้วยซ้ำ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเฉกเช่นเดียวกับมือเล็กที่จิกกำเข้าหากันจนรู้สึกชาไปหมด

     

     

    ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ไม่เคยอยู่ในสายตาของร่างโปร่งคนนี้เลย ไม่เคยเลยสักครั้ง

     

     

    ฮึก แล้วจะทำไมฮะ ? ผมทำอะไรก็ไม่เคยดีในสายตาพี่อยู่แล้วนี่ !! ไม่ว่าเมื่อไหร่ ฮึก …! ไม่ว่าเมื่อไหร่พี่ก็ไม่เคยเห็นผมอยู่ในสายตาอยู่แล้ว ! แทนที่จะมายืนรอสั่งสอนผม อึ่ก พี่ก็เอาเวลานี้ไปดูแลพี่จินจูซะสิฮะ !!”

     

    อย่ามาพูดจาประชดก้าวร้าวกับพี่แบบนี้นะจุนซู !!”

     

    ฮึก ! อย่ามายุ่งกับผม !!!”

     

    คิมจุนซู หยุดเดี๋ยวนี้นะ !!”

     

    ยูชอนไม่ปล่อยให้ร่างเล็กๆผินกายวิ่งหนีไปจากเขาได้ง่ายๆ มือหนายื่นออกไปคว้าข้อแขนเล็กเอาไว้แน่นด้วยแรงโทสะโดยไม่แม้แต่จะสนใจว่าข้อมือเล็กๆนั้นจะแดง หรือเจ้าของมันจะเจ็บหรือไม่ แม้ว่าจุนซูจะพยายามขืนแรงสักเท่าไหร่ ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่อาจต้านแรงรั้งที่กระชากเขาเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนได้เลย

     

    ฮึก ปล่อยผมนะ ! ฮึกๆ ผมบอกว่าให้ปล่อยไงล่ะ ! ฮือ ผมเกลียดพี่ ! ได้ยินมั้ยว่าผมเกลีย --- โอ๊ย !!”

     

    ร่างบอบบางถูกผลักให้ล้มลงไปบนเตียงจนต้องร้องครวญ แต่กระนั้นนัยน์ตาคลอน้ำแดงก่ำที่ฉายแววก้าวร้าวเอาไว้นั้นก็ตวัดขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ ในขณะที่ชายหนุ่มกลับทำเพียงกระตุกยิ้มมุมปากเท่านั้น

     

    อย่ามาพูดให้พี่ขำไปหน่อยเลยจุนซู นายไม่มีวันทำได้หรอก

     

    ฮึกก …! ผมเกลียด ! ผมเกลียดพี่ !! พี่ได้ยินมั้ยว่าผมเกลียดพี่ !! เลิกคิดว่าตัวเองรู้จักผมดีนักหนาซะที --- อื๊อออ ~!!”

     

    ปากอิ่มบดจุมพิตร้อนแรงหนักหน่วงดูดกลืนคำพูดทั้งหมดที่จีบปากบางจะเอ่ยออกไปหลังจากนั้น ไร้ซึ่งความอ่อนโยน ไร้ซึ่งความรัก มีแต่ความรุนแรงที่ได้รับจนรับสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดผ่านทางริมฝีปากเท่านั้น

     

    อึ ฮึก …! ปล่อย ---!!”

     

     

    เพียะ !

     

     

    ใบหน้าคมคายหันไปอีกทางตามแรงของฝ่ามือเล็ก ที่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นใช้หลังมือถูริมฝีปากบวมเจ่อของตนเองเร็วๆด้วยน้ำตานองหน้า

     

    ทุกสัมผัสของพี่มันน่าขยะแขยง ! ผมไม่ต้องการ !! ฮึก อ๊ะ …!!”

     

    นายเป็นคนเลือกเองนะคิมจุนซู !”

     

    มือหนาเช็ดหยดเลือดเล็กๆที่ปรากฏยังมุมปากของตนเองอย่างลวกๆ ก่อนจะเคลื่อนกายขึ้นคร่อมตรึงข้อมือเล็กยึดไว้บนศีรษะทั้งสองข้าง ออกแรงกดให้คนใต้อาณัติไม่อาจที่จะหลีกหนีหรือต่อกรใดๆได้อีก นัยน์ตาคมกริบฉายแววเกรี้ยวกราดด้วยความโมโหอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

     

    ถ้านายอยากให้พี่ทวนความจำนัก พี่ก็จะทวนให้ !!”

     

    สันจมูกโด่งและริมฝีปากรุกไล่ซุกไซ้ไปทั่วลำคอขาวผ่องของคนใต้ร่างอย่างจาบจ้วงรุนแรง ขบกัดผิวนวลจนเกิดรอยสีแดงเข้มสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างเล็กที่พยายามดิ้นขลุกขลักให้พ้นจากพันธนาการหากแต่ไม่เป็นผล

     

    ฮึก …! ไม่ !! ปล่อยผม !! ผมเกลียดพี่ !! อยะ ไม่ !! ฮือออ ไม่เอาแบบนี้ …!”

     

    หึ ร้องอีกสิจุนซู ! ถ้านายอยากจะให้คนเค้ารู้กันทั้งบ้านว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับพี่บ้างก็เอาสิ !! ร้องเลย !!”

     

    ฮึกกก อย่า …! อ๊ะ ฮื้อออ …!”

     

    ชิ้นอาภรณ์ถูกรั้งกระชากพ้นไปจากร่างเล็กเผยผิวกายขาวนวลยั่วสายตา พร้อมๆกับริมฝีปากหยักหนาที่ไล้พรมจุมพิตไปทั่วเรื่อยมาจนถึงไหปลาร้าเล็ก จีบปากบางเม้มเข้าหากันแน่นด้วยนัยน์ตาคลอน้ำไหวระริก พยายามกลั้นทั้งเสียงสะอึกสะอื้นและเสียงครางของตนเองเพราะคำขู่ของอีกฝ่ายที่ได้พูดเอาไว้

     

     

    จบด้วยเรื่องเดิมๆที่ไม่อาจขัดขืนได้เลย

     

     

    สัมผัสจากฝ่ามืออุ่นร้อนที่ลูบไล้จาบจ้วงไปทั่วเรือนกายปลุกปั่นอารมณ์เบื้องลึกภายในจิตใจให้ไต่ทะยานขึ้นสูงอย่างไม่อาจหักห้าม หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหล่ร่วงหล่นจากปลายหางตากระทบหมอนใบนุ่มสีสะอาด ผิวกายนุ่มถูกขบเม้มเป็นจ้ำๆแดงก่ำไปทั่ว ทุกการกระทำที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและไร้ซึ่งความอ่อนโยนนั้นทำให้รู้สึกเจ็บที่หัวใจจนรู้สึกคล้ายด้านชา

     

    ฮึกกก หยุด ฮื้อออ …”

     

    ทำไมพี่ต้องฟังนายด้วย เสียงสะอื้นไห้ทำให้หัวใจกระตุกวูบเบาๆ แต่กระนั้นร่างโปร่งก็ไม่คิดที่จะใส่ใจมัน ปล่อยให้คนตัวเล็กกว่าเอ่ยตัดพ้อออกมาอีกครั้งหนึ่ง

     

    ฮึก ใช่ ! ผมมันก็เป็นแค่อากาศสำหรับพี่ ฮึกกก ! แล้วพี่จะไปรู้สึกอะไร …!”

     

    หึ อากาศงั้นเหรอจุนซู …”

     

    “….”

     

    นายไม่คิดว่ามันจะดูสำคัญไปหน่อยหรือไง ?

     

    “….”

     

    อย่างนายน่ะ ไม่มีทาง

     

    ฮึก !อ๊าาา !!!”

     

    กายแกร่งที่แทรกผ่านช่องทางสีหวานไปจนสุดโดนที่ไม่แม้แต่จะตระเตรียมนั้นสร้างความเจ็บปวดแล่นปราดไปจนถึงไขสันหลัง เสียงแหบหวานร้องออกมาขณะจิกกำผ้าปูเตียงสีสะอาดจนแทบจะขาดติดมือ ทั้งแน่นเสียดและจุกเจ็บจนแทบหายใจไม่ออก

     

    พี่ โอ๊ย ฮือออ อยะ หยุด เถอะฮะ อ๊า …! ผมเจ็บ ฮื้ออออ …”

     

    เงียบซะ

     

    อ๊าาา !! ฮึกกก ฮือออ …!”

     

    แรงเสียดสีรุกเร้าควรจะสร้างความสุขสมในเวลานี้กลับมอบให้แต่เพียงความเจ็บปวดและแสบร้อนไปจนรู้สึกราวกับร่างกายถูกฉีกกระชากออกจากกันด้วยจังหวะเร่งเร้ากระทั้นโหมกระหน่ำ หากแต่หยาดโลหิตสีเข้มซึมผ่านช่องทางคับแคบปนเปไปกับหยาดสีน้ำนมนั้นกลับไม่ได้รับความสนใจจากคนที่กำลังตักตวงความสุขด้วยแรงอารมณ์ในโทสะเลยแม้แต่น้อย

     

    อ่า อืมมม จินจู …”

     

    ฮื้อออ พอที …! อะ ฮือ ได้โปร --- อ๊า …!!”

     

     

    เจ็บที่ร่างกายไม่เคยทุกข์ทรมานเท่าบาดแผลในหัวใจ

     

     

    เป็นชื่อเดิมที่ผ่านเข้าสู่โสตประสาทที่ตอกย้ำซ้ำๆว่าเขาเป็นเพียงคนที่ไร้ตัวตน เป็นความอ่อนโยนที่เบาบางราวกับสายหมอกจนไม่อาจสัมผัสถึงความเป็นจริง โหยหายิ่งเสียกว่าความฝันอันแสนเลือนรางหากแต่จางหายไปอย่างง่ายดายเพียงต้องแสงอาทิตย์ แม้จะพยายามยื่นมือออกไปไคว่ขว้ามันมากแค่ไหน สิ่งที่ได้รับกลับมาก็มีเพียงความเจ็บปวดที่สาสมกับหัวใจไม่รักดีดวงนี้เท่านั้น

     

    ฮึก ฮื้ออออ …! อะ อะ อ๊าาาา !!”

     

    เสียงแหบเล็กหวีดครางออกมาเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับหยาดหยดสีอ่อนที่เปรอะเปื้อนทั่วหน้าท้องขาวนวล และความอุ่นวาบที่พุ่งพวยเข้ามาเติมเต็มภายในร่างกาย ก่อนที่ร่างเล็กจะหมดสติไปในที่สุด

     

    เจ้าของใบหน้าคมคายหล่อเหลาถอนกายออกจากคนใต้ร่าง หอบหายใจเบาๆกับพายุแห่งห้วงอารมณ์ที่เพิ่งจบลงไปพลางเอ่ยเรียก

     

    จุนซู

     

    “….” เจ้าของร่างเล็กยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบกลับจนแวบหนึ่งภายในหัวใจของคนตัวสูงโปร่งรู้สึกวูบไหว เอ่ยเสียงเรียกอีกครั้งให้ดังขึ้นมากกว่าเดิม

     

    จุนซู จุนซู …!”

     

    นัยน์ตาเรียวรีนั้นยังคงไม่ยอมปรือเปิดขึ้นมาตามเสียงเรียก ฝ่ามืออุ่นที่ประคองดวงหน้าหวานซีดเซียวสัมผัสได้ถึงคราบน้ำตาซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่บริเวณปลายหางตาและพวงแก้ม ริมฝีปากเล็กแดงเจ่อและแตกจนมีหยาดโลหิตซึม เช่นเดียวกับผิวกายเนียนที่บัดนี้เต็มไปด้วยรอยขบกัดและตราประทับสีเข้มช้ำแทบทั่วกาย

     

     

    และหยดสีแดงเข้มที่ซึมตัดกับบนผ้าปูเตียงเป็นดวงๆก็ทำให้เขารู้ว่าเมื่อครู่นี้เขาทำรุนแรงกับคนตัวเล็กนี้มากแค่ไหน

     

     

    นิ้วหัวแม่มืออุ่นค่อยๆเกลี่ยพวงแก้มใสที่ยังคงเปียกชื้นอย่างช้าๆด้วยความรู้สึกบางอย่างในส่วนเบื้องลึกของจิตใจที่ตนเองก็ไม่เคยรับรู้หรือเข้าใจมัน ดวงหน้าน่ารักยามหลับใหลในห้วงแห่งนิทราช่างอ่อนหวานและไร้เดียงสาราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ หากไม่ติดที่นัยน์ตาสองคู่นั้นจะบวมช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเช่นนี้

     

    “… จุนซู …”

     

    เสียงทุ้มพร่าเอ่ยแผ่วเบาราวกับเป็นเพียงการรำพึงกับตนเอง พร้อมๆกับใบหน้าคมคายที่โน้มลงไปหวังจะจุมพิตปลอบประโลมยังเปลือกตาสีมุกบอบบางนั้นอย่างเผลอใจ

     

     

    แต่แล้วใบหน้าของหญิงสาวคนรักที่ผุดขึ้นมาในความคิดก็ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดชะงักและรีบผละกายออกมา

     

     

    นี่เราทำบ้าอะไรน่ะ …”

     

    ได้แต่บังคับให้ตัวเองคิดไปว่าสิ่งที่เผลอจะทำไปเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความรู้สึกสงสารที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ไม่ใช่เขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมันเลวร้ายมากมายแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกันว่าทำไมเขาถึงได้ไม่สามารถปล่อยมือไปจากร่างเล็กๆเคียงข้างที่ได้เลย

     

    ทั้งเสียงแว่วหวานราวเสียงดนตรีแก้วยามเอ่ยเรียกนามของเขา กลิ่นกายกรุ่นหอมแสนยวนเย้าอันเป็นเอกลักษณ์ชวนให้หลงใหล ผิวเนื้ออ่อนนุ่มเนียนละเอียดยามไล้สัมผัส แก้วตาใสคู่สวยที่ไม่เคยปิดบังความรู้สึกใด และรอยยิ้มแสนบริสุทธิ์ที่ทำให้โลกทั้งใบของเขาสว่างไสวทุกครั้งที่ได้เห็น

     

     

    จะว่าไปแล้ว จุนซูเคยยิ้มให้เขาบ้างรึเปล่านะ ?

     

     

    จะมีก็แต่รอยยิ้มหวานๆที่มีให้ใครต่อใครคนอื่น รวทไปถึงชิม ชางมิน เจ้าคนที่บอกว่าร่างเล็กเป็นเพียงเพื่อนสนิทหากแต่สายตาของหมอนั่นกลับไม่เคยสะท้อนความรู้สึกอย่างที่ปากว่าเลยสักครั้งเดียว เพราะไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร เจ้าเด็กตัวสูงนั่นก็หลงรักจุนซูอยู่ชัดๆ !

     

     

    นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดในใจทุกครั้งที่ร่างเล็กๆนั้นแสดงท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้าหมอนั่น

     

     

    มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกับความรู้สึกที่เขามีให้คิม จินจู กับหญิงสาวเขารู้สึกอยากทะนุถนอม อยากปกป้องดูแลให้พ้นจากความรู้สึกเจ็บปวดหรือความเศร้าโศก และไม่อยากให้เธอต้องพบกับสิ่งเลวร้ายใดๆเลยหากเป็นไปได้

     

    แต่กับจุนซูมันไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่ไม่อยากสานสัมพันธ์ให้ยิ่งถลำลึกไปมากกว่านี้ แต่กลับไม่อาจหักห้ามใจได้ ทั้งๆที่อยากเห็นรอยยิ้มบนจีบปากบาง แต่พอรู้ตัวก็กลับเผลอทำร้ายให้บอบช้ำ เผลอตักตวงความหวานหอมจากกายหวานด้วยยากจะถอนใจ อยากสัมผัส อยากครอบครอง อยากกินกลืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นคนตัวเล็กให้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

     

     

    ดูท่าว่าเขาคงจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ

     

     

    ฮึก หนา …”

     

    เสียงแหบเล็กที่ครวญออกมาเบาๆทำเอาร่างสูงที่กำลังคิดอะไรอยู่คนเดียวชะงักเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรายสายตามองคนข้างกายที่ตอนนี้กำลังขดตัวงอ

     

    “… พี่จิน พี่จินจู …”

     

    ทั้งๆที่ตัวเองหนาวจนสั่นสะท้านไปทั้งกาย แต่มือเล็กกลับคว้าหาผ้าห่มผืนหนาสะเปะสะปะแล้วรั้งขึ้นมาคลุมให้กับคนข้างกายเสียแทนด้วยความเคยชิน เพราะก่อนหน้าที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่ จุนซูนอนกับพี่สาวฝาแฝดของตนเองมาโดยตลอด และด้วยความที่ถูกสอนให้ดูแลและเห็นจินจูสำคัญที่สุดมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้จุนซูติดนิสัยเป็นห่วงหญิงสาวยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก

     

    ฮึก อือ …”

     

    มือเล็กเคลื่อนมาโอบกอดร่างเปลือยของตนเองด้วยความเหน็บหนาว ผิวกายขาวสั่นเทาขดงอเข้าหากันอย่างน่าสงสาร จนยูชอนที่เห็นดังนั้นไม่อาจทนให้อีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ได้ มือหนาจึงรีบห่มผ้าคลุมจนมิดไหล่บอบบางด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้นเดินไปหาอ่างใบเล็กมาทำความสะอาดร่างกายคนบนเตียงและสวมเสื้อผ้าเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับอีกฝ่าย

     

    กายแกร่งล้มตัวลงนอนอีกครั้งเคียงข้างคนร่างน้อยที่ตอนนี้ดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเก่า แต่การขยับไปขยับมาแล้วซุกแผงอกแกร่งหาไออุ่นราวกับลูกแมวนั้นก็ทั้งดูออดอ้อน น่ารักน่าชังจนอดใจไม่ได้ที่จะเคลื่อนแขนไปโอบกอดคนตัวเล็กกว่าเอาไว้อย่างเผลอใจ

     

     

    ทุกครั้งที่เสร็จสิ้นห้วงพายุแห่งอารมณ์ ถ้าหากว่าเขาไม่กลับไปนอนที่ห้องของตัวเอง ห้องของจินจู เขาก็จะนอนหันหน้าไปอีกฝั่งหนึ่งของเตียงที่จะไม่เห็นคนตัวเล็กแทน

     

    เขาไม่เคยนอนกอดจุนซู ไม่เคยเลย

     

     

    กลิ่นกรุ่นหอมจากเรือนผมนิ่มและเรือนกายนุ่มที่เบียดแนบชิดเข้าหาตามสัญชาตญาณช่างอ่อนหวานยวนใจจนริมฝีปากอิ่มอดไม่ได้ที่จะต้องจุมพิตเบาๆยังศีรษะกลม

     

    “… พี่ พี่จิน …”

     

    “….”

     

    ผม ฮึก ขอโท …”

     

    เสียงเล็กๆที่ดังขึ้นมาแม้จะแสนอู้อี้และแผ่วเบา หากแต่ก็ดังพอที่จะได้ยินอย่างชัดเจนภายในห้องอันเงียบงัน และประโยคนี้เองที่เป็นสิ่งเตือนสติ ให้ปาร์ค ยูชอนที่กำลังจะหลับตาลงต้องเบิกตาขึ้นกว้าง และรีบผละตัวเองออกมาจากคนตัวเล็กในอ้อมแขนอีกครั้งหนึ่ง

     

    ใบหน้าของหญิงสาวคนรักที่ผุดขึ้นมาในความคำนึงเป็นครั้งที่สองทำให้ชายหนุ่มต้องเม้มริมฝีปากช้าๆ จัดการคลุมผ้าห่มให้กับร่างเล็กจนมิดไหล่บาง ก่อนจะพลิกกายนอนตะแคงหันหลังให้กับอีกฝ่ายเหมือนที่เคยทำเช่นในทุกๆครั้ง

     

     

    ใม่ เขาไม่ได้คิดอะไรกับจุนซู

     

    ไม่คิด และไม่เคยคิด ไม่มีทาง


     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     


     

    แสงแดดที่ส่องลอดผ้าม่านสีอ่อนมารำไรบ่งบอกเวลาเช้าของวันทำให้ร่างเล็กๆซึ่งหลับใหลอยู่บนเตียงกว้างค่อยๆปรือเปิดดวงตาขึ้นมาอย่างช้าๆ กระพริบสองสามครั้งเพื่อปรับแสงและขับไล่ความง่วงงุนที่ยังคงค้างคา ก่อนที่ภาพแรกซึ่งปรากฏแก่สายตาจะทำให้ต้องหยุดชะงักและนิ่งงัน

     

    ใบหน้าคมคายหล่อเหลาที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทราซึ่งหันเข้ามาหาทำให้จุนซูรู้สึกไม่คุ้นชินอยู่ไม่น้อย เพราะทุกครั้งที่ชายหนุ่มมานอนที่ห้องของเขา สิ่งแรกที่เขาจะเห็นยามลืมตาตื่นขึ้นมาก็คือแผ่นหลังแกร่งที่อีกฝ่ายจงใจหันมาอย่างเย็นชาเท่านั้น

     

    แต่ในวันนี้กลับแตกต่างออกไป เพราะเขาได้เห็นใบหน้านี้อย่างเต็มตาเป็นภาพแรกของวัน ทั้งนัยน์ตาคมกริบที่ตอนนี้กำลังปิดสนิท แพขนตาดำที่ยาวกว่าคนทั่วไป จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักหนา และระยะที่ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ก็ทำให้หัวใจดวงน้อยเผลอเต้นแรงอย่างที่เจ้าตัวไม่อาจหักห้ามได้เลย

     

    จุนซูค่อยๆขยับตัวอย่างช้าๆอย่างที่กลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายต้องตื่นจากการพักผ่อน หากแต่ชิ้นอาภรณ์ที่สวมอยู่บนร่างกายของตนเองอย่างครบส่วนนั้นก็ทำให้คนตัวเล็กก้มมองพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ

     

     

    เสื้อผ้า ทำไม ?

     

     

    ใบหน้ากลมหันไปมองชายหนุ่มเคียงข้างกายอีกครั้งด้วยความรู้สึกหลากหลาย แม้ว่าจะไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองมากเพียงใดก็ตาม หากแต่ความเป็นไปได้ก็มีเพียงอย่างเดียวคือยูชอนเป็นคนเช็ดตัวและสวมเสื้อผ้าให้กับเขา

     

     

    เพียงแค่นั้น หัวใจดวงเล็กๆก็พองโตเสียจนไม่น่าให้อภัยตัวเองแล้ว

     

    เพราะมันเป็นความอ่อนโยนที่เขาไม่เคยได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ สิ่งเหล่านั้นของชายหนุ่มก็ไม่เคยมีไว้สำหรับเขา

     

     

    อย่างนายน่ะ ไม่มีทาง

     

     

    จุนซูยังคงจำประโยคที่บีบคั้นหัวใจของเขาจนแหลกละเอียดและสัมผัสจาบจ้วงรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ดี เพียงแค่มันกลับย้อนเข้ามาในโสตประสาทอีกครั้งหนึ่ง หัวใจที่เต้นแรงก็เจ็บไปหมดจนรู้สึกทรมาน

     

     

    ทั้งๆที่ถูกตอกย้ำนักหนา แต่ทำไมเขาถึงยังไม่ตัดใจเสียทีนะ

     

     

    มือข้างเล็กค่อยๆยื่นออกไปอย่างช้าๆด้วยสีหน้าและแววตาแสนลังเลว่าตนเองนั้นมีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนี้หรือไม่ แต่ในที่สุดแล้วก็ประคองสัมผัสยังใบหน้าคมนั้นช้าๆอย่างกล้าๆกลัวๆ

     

    พี่ใจร้ายที่สุดเลย รู้มั้ยฮะ ?

     

    พูดออกไปทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงจะไม่มีวันได้ยิน

     

    “… แต่ผม …” นัยน์ตาเรียวรีคลอหยาดน้ำ รู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกยังลำคอแห้งผาก แต่ผม ก็ยังรักพี่ นะฮะ

     

    สัมผัสอ้อยอิ่งแนบนานอีกเพียงครู่ ก่อนที่จุนซูจะค่อยๆดึงมือของตนเองกลับมา ห่มผ้าให้คนตัวสูงกว่าอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆก้าวขาลงจากเตียงไปแม้ว่าความเจ็บปวดบริเวณสะโพกจะแล่นริ้วปราดไปตามไขสันหลังก็ตาม

     

     

    Rrrrrrr Rrrrrr

     

     

    เสียงเรียกเข้าของเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กบนโต๊ะข้างเตียงทำให้ร่างเล็กที่กำลังเตรียมตัวจะเดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายหยุดฝีเท้า เดินมารับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้สดใสขึ้นเมื่อเห็นว่าชื่อของคนปลายสายซึ่งปรากฏอยู่บนหน้าจอนั้นเป็นใคร

     

    ฮัลโหล มีอะไรเหรอชางมิน ?

     

    เอ๊ะ ? ฉันลืมนาฬิกาไว้ที่บ้านนายเหรอ ? หวา ... ฉันไม่รู้ตัวเลย

     

    วันนี้เหรอ ได้สิ ได้ อื้ม แล้วเดี๋ยวฉันจะรีบเข้าไปเอานะ ขอบคุณมากนะชางมิน

     

    สนทนาเพียงสองสามประโยคจนได้ใจความว่าเขาเผลอลืมนาฬิกาข้อมือทิ้งไว้ที่บ้านของเพื่อนสนิท ร่างเล็กก็กดตัดสายไปหลังจากเอ่ยคำขอบคุณพลางถอนหายใจออกมาเบาๆให้กับความเซ่อซ่าของตนเอง นัยนตาเรียวรีปรายมองนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาเกือบๆสิบโมงเช้า แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะลงไปทำอาหารเช้าให้พี่สาวเช่นทุกวัน

     

    มือเล็กวางโทรศัพท์เอาไว้บนโต๊ะข้างเตียงดังเดิม ก่อนจะผินกายเตรียมตัวจะเดินตรงไปกับห้องน้ำอีกครั้ง

     

    นายกำลังจะไปไหนน่ะ ?

     

    “….!”

     

    หากแต่แรงรั้งยังข้อมือเล็กทำให้ร่างของจุนซูเซล้มตกไปอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวสูงกว่าจนต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เป็นยูชอนที่สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินบทสนทนาช่วงท้ายๆของร่างเล็กกับคนปลายสายที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิดนั่นเอง

     

    พี่ยูชอน …!”

     

    พี่ถามว่านายกำลังจะไปไหน

     

    เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นกว่าเก่า ภายในใจเริ่มรู้สึกราวกับมีพายุพัดโหมกระหน่ำอีกครั้งหลังจากที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างคนตัวเล็กกับเจ้าเด็กตัวสูงนั่น คนที่จุนซูหายไปอยู่ด้วยเมื่อวานเกือบทั้งคืนจนเขาไม่เป็นอันทำอะไร

     

    ผม ร่างเล็กหลบสายตา “… มันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่นี่ครับ !”

     

    จุนซู ! เอาอีกแล้วนะ !” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยเข้มด้วยความไม่สบอารมณ์ นายจะไปหาหมอนั่นอีกแล้วใช่มั้ย ! ติดใจอะไรมันนักหนารึไง !!?

     

    พี่พูดแบบนี้มันเกินไปแล้วนะฮะ !!!”

     

    ทำไม ? หรือว่ามันไม่จริงล่ะ เมื่อวานก็หายไปเกือบทั้งคืน มันมีอะไรดีหรือไง หรือว่ามันปรนเปรอนายดีกว่าที่พี่ทำ !?

     

    พี่ …!”

     

    เสียงแหบหวานครางออกมาเบาๆอย่างไม่เชื่อหู พร้อมกับหยาดน้ำสีใสที่เอ่อคลอยังนัยน์ตาคู่เรียวอีกครั้งหนึ่ง ถ้อยคำดูแคลนแสนเลวร้ายที่ได้ยินยังคงทำร้ายจิตใจได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนอย่างเคย จนบางครั้งร่างเล็กก็รู้สึกอ่อนล้าที่จะตอบโต้คำพูดเหล่านั้น

     

    ปล่อยผมเถอะฮะ ถ้าพี่เป็นแบบนี้ให้ตายเราก็ไม่มีวันที่จะคุยกันได้รู้เรื่อ --- อ๊ะ !”  กายเล็กถูกดันจนแผ่นหลังบางแนบสนิทไปกับเตียงนุ่มพร้อมกับคนร่างโปร่งที่ตรงเข้ามาคร่อมเอาไว้

     

    ทำไมต้องคอยยั่วโมโหพี่ !? เมื่อวานมันยังไม่พอใช่มั้ยจุนซู !!”

     

    ผมไม่ได้ยั่วโมโห ! พี่ต่างหากที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย !!” เสียงเล็กเอ่ยดังตัดพ้อกลับไปด้วยความรู้สึกที่ประเดประดังสุมเข้ามาในอก ทั้งน้อยเนื้อต่ำใจและเจ็บปวดจนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป

     

    ถ้าพี่อยากให้มันเป็นแบบนั้นมากนักจะถามผมทำไม !!? งั้นผมจะตอบให้ตรงตามความต้องการของพี่ดีมั้ยฮะ ? ชางมินเขาดีกับผมมาก เขาทำให้ผมมีความสุขสุดๆ ! ผมไปอยู่กับชางมินเพราะผมรักเขาไง ! ผมรักชางมิน ! ผมรักเขา !! พอใจพี่แล้วรึยังฮ --- อื๊ออออ …!”

     

    ถ้อยคำที่มาจากร่างเล็กแม้ว่าใครๆต่างก็ฟังออกว่ามันเป็นเพียงแค่การประชดประชัน หากแต่สำหรับยูชอนที่กำลังถูกอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างครอบงำก็ไม่อาจที่จะรับรู้ได้ รู้สึกถึงเพียงแต่แรงอารมณ์โทสะที่พุ่งขึ้นสูงจนควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้วเท่านั้น

     

    อึ้ก …! ยะ …!”

     

    มือคู่เล็กพยายามขัดขืนฝ่ามือหนาที่หมายจะรั้งกระชากเสื้อเชิ้ตสีสะอาดบนกายขาวให้พ้นไป สะบัดดวงหน้าหวานหันหนีริมฝีปากจาบจ้วงรุนแรงที่รุกล้ำตามใบหน้าและลำคอที่ยังปรากฏร่องรอยของเมื่อคืนอย่างชัดเจน แม้ว่าจะทำได้ยากเย็นเหลือเกินก็ตามที

     

    พี่ยูชอน !  ฮึก อย่าทำแบบนี้ ---!!”

     

    จุนซูจ๊ะ นี่เราเห็นยูชอนบ้างรึเปล่ --- อ๊ะ !”

     



     

    ทุกอย่างภายในห้องหยุดชะงักลงราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน

     

     

    พี่จินจู … / จินจู !”

     





     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






    To Be Continued ...






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×