ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TVXQ Fiction] :: Rendezvous :: [YooSu][Mpreg]

    ลำดับตอนที่ #2 : :: Rendezvous :: Chapter.1

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 54


    TALK ::

    สวัสดีค่า ^ ^ มาอัพให้แปลกใจกันเล่นอีกแล้วค่ะ (ฮา)
    รู้สึกเหมือนเรื่องนี้จะเป็นประมาณว่า ปั่นให้เสร็จตอนเมื่อไหร่ ก็ลงเมื่อนั้น ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฮ่าๆ (อารมณ์แบบว่าจับฉ่าย =______=;)
    ดีใจมากๆเลยค่ะที่ได้รับการตอบรับมากขนาดนี้ มากกว่าที่คิดไว้จริงๆค่ะ
    เป็นกำลังใจในการแต่งให้เร็วขึ้นมากๆเลย ต้องขอบคุณมากๆสำหรับทุกๆการติดตามจริงๆนะคะ ><

    สำหรับท่านที่ถามเข้ามาว่า Rendezvous คำนี้แปลว่าอะไร
    จริงๆแล้วตั้งใจจะมาเฉลยความหมายในตอนแรกนี้ล่ะค่ะ >< ฮ่าๆ
    คำนี้เป็นภาษาฝรั่งเศสที่ใช้ในภาษาอังกฤษค่ะ แปลว่า สถานที่พบ , จุดนัดพบ ค่ะ ^ ^
    ซึ่งก็เป็นคำแฝงในเรื่อง เป็นคีย์เล็กๆที่หากอ่านต่อไปอีกหน่อย ก็จะเข้าใจค่ะว่าที่มาของชื่อนี้มาได้อย่างไร แฮ่ๆ



    ยังไงก็ต้องขอขอบคุณมากๆอีกครั้งสำหรับการติดตาม ทุกๆคอมเมนท์ที่เป็นกำลังใจให้มากๆนะคะ ><
    ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยค่า <333


    และสำหรับฟิคชัน Camouflage หากท่านใดสนใจและยังไม่ได้จอง สามารถตามไปจองได้ที่

    http://pink-luna.exteen.com/20110917/yoosu-fiction-camouflage นะค้า ^ ^








    Chapter.1

     




     

    นัยน์ตาเรียวรีบวมช้ำซึ่งเกิดจากการร้องไห้มาตลอดทั้งคืนหรี่ปรือขึ้นมารับแสงแดดอ่อนๆที่สอดล่องมาทางผ้าม่านอยู่รำไร ร่างเล็กๆเหม่อมองเพดานสีขาวสะอาดซึ่งเป็นสิ่งแรกที่มองเห็นอย่างเลื่อนลอย รู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับช่วงเวลาแต่ละวินาทีที่ผ่านพ้นไป ราวกับว่ามันกำลังกัดกินหัวใจของเขาอย่างช้าๆ

     

    จุนซูนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาครู่ใหญ่ ไม่อยากแม้แต่กระทั่งจะลุกขึ้นมา ก้าวพ้นประตูออกไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริง แต่กระนั้นก็รู้ดีว่าตนเองไม่สามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ ริมฝีปากเล็กพรูลมหายใจยาว ก่อนจะค่อยๆเหวี่ยงขาลงข้างเตียง ดำเนินชีวิตให้เหมือนปกติอย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน

     

    หลังจากที่อาบน้ำชำระร่างกาย สวมเสื้อยืดแขนสั้นที่ค่อนข้างมิดชิดกับกางเกงสามส่วนสีฟ้าอ่อนเฉกเช่นชุดอยู่บ้านธรรมดาทั่วไป ค่อยๆก้าวลงบันไดไปอย่างช้าๆแม้ความรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณสะโพกจะทำให้ลำบากไปบ้างก็ตามที

     

    อ้าว จุนซู ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ ?

     

    น้ำเสียงหวานแสนนุ่มนวลเอ่ยทักขึ้นแผ่วเบามาจากทางห้องครัวซึ่งอยู่ถัดไปทางด้านซ้ายมือ พร้อมๆกับร่างอรชรบอบบางของหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวไปจนถึงกลางหลัง นัยน์ตาเรียวรีของเธอทอประกายความอ่อนโยนลึกซึ้ง จมูกโด่งมนไม่แตกต่างไปจากคนตัวเล็กเลยสักนิด หากจะมีสิ่งที่แปลกไป ก็คงจะเป็นผิวกายที่ขาวซีดไม่มีน้ำมีนวลและริมฝีปากสีอ่อนจนผิดธรรมชาติเท่านั้น

     

    “… พี่จินจู

     

    เช้านี้พี่ทำข้าวต้มกุ้งรอเราไว้พอดีเลยจ้ะ กำลังร้อนๆเลยนะ รีบๆมานั่งสิจ๊ะ ร่างบางเอ่ยพลางวางชามข้าวต้มหอมฉุยชามหนึ่งไว้บนโต๊ะ

     

    นี่พี่เข้าครัวเหรอฮะ !? เสียงแหบเล็กเอ่ยดังกว่าเก่า ก่อนจะรีบเดินเข้าไปประคองร่างบอบบางของผู้เป็นพี่สาวของตนเองด้วยความเป็นห่วง

     

    พี่ก็รู้นี่ฮะว่าพี่ออกกำลังมากๆไม่ได้ ถ้าเกิดอาการทรุดขึ้นมาจะทำยังไงล่ะฮะ ?

     

    ร่างเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใยอย่างไม่ปิดบังพลางประคองให้พี่สาวของตนเองนั่งลงบนโต๊ะรับประทานอาหารอย่างช้าๆ สัมผัสกายบอบบางที่เพียงแค่สัมผัสก็เหมือนจะแตกสลายของคนเคียงข้างอย่างระมัดระวัง

     

    คิม จินจู พี่สาวฝาแฝดของเขานั้นเป็นโรคหัวใจและมีสุขภาพร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิด พ่อกับแม่เคยเล่าว่าตอนเกิดมานั้นจินจูเกือบจะไม่มีชีวิตรอดเสียด้วยซ้ำไป แตกต่างจากเขาที่กลับไม่มีความผิดปกติใดๆเลยสักนิด

     

    และนั่นก็เป็นเหตุผลที่จุนซูต้องคอยดูแลพี่สาวมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ แม้ว่าจะเป็นน้องคนเล็กหากแต่จุนซูก็พร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างให้กับพี่สาวของตนเองเสมอ ในสนามเด็กเล่นวันนั้น อันที่จริงแล้วเพราะจินจูเข้าโรงพยาบาลด้วยโรคหัวใจกำเริบ คนตัวเล็กที่ยังคงเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาก็เพียงแค่อยากจะมาเก็บดอกไม้สวยๆในสวนสาธารณะไปเป็นกำลังใจให้พี่สาวเท่านั้น แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรก็ถูกพวกเด็กเกเรกลุ่มแกล้งเสียก่อน

     

     

    และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรักแสนปวดร้าวในวันนี้

     

     

    แหม จุนซูนี่ก็ บ่นเป็นคนแก่ไปได้น่า แค่ทำข้าวต้มแค่นี้ร่างกายพี่สบายมากจ้ะ ใบหน้าขาวซีดของหญิงสาวเผยรอยยิ้มจางๆ

     

    ปกติแล้วผมต้องเป็นคนทำต่างหากล่ะฮะ ถ้าไปได้ผมก็ไม่อยากให้พี่ฝืนเลยพี่จินจู …”

     

    พี่ไม่เป็นไรจริงๆนะจุนซู แถมอีกอย่างวันนี้พี่ก็มีผู้ช่วยมือดีอยู่ด้วยทั้งคน แล้วจะยังต้องกลัวอีกอะไรล่ะจ๊ะ ?

     

    ผู้ช่วย ?

     

    ข้าวต้มร้อนๆมาเสิร์ฟแล้วคร้าบ  ~!  อ้าว จุนซู

     

    ยังไม่ทันที่ร่างน้อยจะได้สงสัยอะไรไปมากกว่านี้ เสียงทุ้มพร่าแสนคุ้นเคยก็ดังมาจากทางห้องครัว พร้อมๆกับร่างสูงโปร่งของปาร์ค ยูชอนที่เดินถือชามขาวต้มมาวางบนโต๊ะอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาคมเปลี่ยนแววไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าน้องชายของคนรักก็ยืนอยู่ ณ ตรงนั้นแล้วด้วยเช่นกัน

     

    “… อรุณสวัสดิ์ฮะพี่ยูชอน

     

    อรุณสวัสดิ์จุนซู วันนี้จินจูลงมือเข้าครัวเองเลยนะ เราลงมาก็ดีแล้วล่ะ จะได้ทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตา

     

    ใบหน้าคมคายหล่อเหลานั้นประดับรอยยิ้มอ่อนโยนบางๆ เอ่ยด้วยคำพูดเป็นกันเองไม่ต่างอะไรจากพี่ชายที่แสนดีในขณะที่วางชามกระเบื้องเนื้อดีของข้ามต้มกุ้งอีกสองชามที่เหลือไว้บนโต๊ะ ปฏิบัติทุกสิ่งทุกอย่างด้วยท่าทางราวกับว่าตนเองกับร่างน้อยตรงหน้านั้นเป็นเพียงคนในครอบครัวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

     

    จุนซูไม่น่าลืมคิดไปเลย ทั้งๆที่ผู้ช่วยมือดีของพี่จินจูคงจะเป็นใครไปไม่ได้แท้ๆ …”

     

    เสียงแหบหวานเอ่ยกลั้วหัวเราะคล้ายหยอกล้อขณะที่ทุกคนนั่งลงรับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน จนพวงแก้มของหญิงสาวร่างบางขึ้นสีจางๆด้วยความขัดเขิน

     

    อะไรกัน สองพี่น้องแอบนินทาผมลับหลังกันเหรอเนี่ยหืม ?

     

    นัยน์ตาคมทอดมองใบหน้าของหญิงสาวคนรักด้วยความอ่อนโยนอย่างไม่ปิดบัง ในขณะที่คิม จินจูกลับหัวเราะคิกคักเป็นการตอบกลับ พร้อมกับมือเรียวที่ยื่นออกไปหยิกแก้มสากของชายคนรักเบาๆเชิงล้อเลียน

     

    ยังไม่ชินอีกหรือคะ ? ก็ทำมาตั้งหลายครั้งแล้วนี่นา

     

    เอ๋ นี่แฟนกันใครเนี่ย ร้ายจริงๆ

     

    คิกๆ

     

    คู่รักทั้งสองยังคงหยอกล้อ คุยเล่นกันไปตลอดบทสนทนากลางโต๊ะรับประทานอาหาร โดยที่ร่างเล็กของจุนซูก็ทำเพียงยิ้มและหัวเราะเบาๆผสมโรงไปในบางครั้ง ทั้งๆที่ภายในหัวใจมันกำลังกระตุกวูบไหวกับภาพที่เห็นตรงหน้า ซึ่งไม่ต่างอะไรจากคมมีดที่ค่อยๆกรีดลงกลางหัวใจจนเจ็บปวดรวดร้าวไปหมดทั้งกายจนแม้แต่แรงจะหยิบจับช้อนยังแทบไม่มี

     

    จุนซูนึกไปถึงเมื่อสองปีก่อน ที่พี่สาวของเขาพาคนตัวสูงผิวขาวจัดมาแนะนำให้รู้จัก เพียงแค่แวบแรกที่สบสายตาและชื่อของชายหนุ่มซึ่งได้ยินมาจากปากของพี่สาวตนเองนั้น จุนซูก็รู้ทันทีว่าผู้ชายตรงหน้านี้คือคนในความทรงจำของตนเองอย่างแน่นอนไม่มีผิดพลาด หัวใจดวงน้อยเต้นแรงราวกับรัวกลอง ตื่นเต้นดีใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อคนที่เฝ้าคนึงหามาตลอดมายืนอยู่ตรงหน้า

     

     

    แต่แล้วหัวใจที่เพิ่งเต้นตุบๆด้วยความหวังมากมาย กลับแตกสลายไม่มีชิ้นดี

     

    เมื่อพี่สาวแนะนำเขาคนนั้น ในฐานะของ คนรัก

     

     

    ปาร์ค ยูชอนจำเขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่กระนั้นจุนซูก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ความผิดของคนตัวสูงแต่อย่างใด เพราะในตอนนั้นเขาเองก็ยังเด็กมาก แม้แต่กระทั่งชื่อของเขา ชายหนุ่มก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำไป มิหนำซ้ำยังคิดว่าเขาเป็นเด็กผู้หญิงอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะหวังให้อีกฝ่ายจำได้นั้น โอกาสเป็นไปได้จึงไม่มีเลยสักนิด

     

     

    ไม่มีโอกาสตั้งแต่แรกแล้ว

     

     

    เคร๊ง !

     

     

    โอ๊ย !”

     

    เพราะว่าเหม่อลอยมากไปหน่อย มือเล็กๆสั่นระริกที่จับช้อนแทบไม่อยู่นั้นก็เผลอทำข้าวต้มหกรดใส่มือของตนเองจนได้ ความแสบร้อนที่รู้สึกทำให้ต้องร้องอุทานออกมาแล้วกระตุกชักมือกลับเข้าหาตัวทันที

     

    ตายแล้ว ! จุนซู เป็นอะไ ---”

     

    จุนซู มือนายโดนลวกนี่ !!”

     

    ยังไม่ทันที่จินจูจะเอ่ยจบประโยค กลับกลายเป็นคนร่างโปร่งที่พรวดลุกขึ้นเอ่ยเสียงดังด้วยความตกใจแล้วรั้งข้อมือบางของน้องชายคนรักให้ลุกตามไปยังอ่างล้างจานภายในตัวห้องครัวด้านในทันทีโดยไม่แม้แต่จะรีรอใดๆ ปล่อยให้จินจูหยุดชะงักนิ่ง และจุนซูเองก็ตกตะลึงงันกับท่าทีเหล่านั้นที่ชายหนุ่มแสดงออกมา

     

    มือหนาเปิดน้ำจากก๊อกด้วยความรวดเร็ว พร้อมทั้งส่งมือเล็กไปรับความเย็นจากสายน้ำทันทีด้วยสีหน้าเป็นห่วง เฉกเช่นเดียวกับน้ำเสียงซึ่งเอ่ยออกมาติดจะดุอยู่เล็กน้อย

     

    ทำไมนายไม่ระวังตัวแบบนี้ ! ถ้าเกิดทั้งชามข้าวต้มหกรดโดนตัวขึ้นมาจะทำยังไงกันฮะ !”

     

    “… มันก็ไม่เกี่ยวกับพี่นี่ครับ

     

    จุนซู !” เสียงทุ้มเอ่ยดังด้วยความโกรธ นายกำลังพูดจายั่วโมโหพี่อยู่นะ !”

     

    “… ผมขอโทษครับ แต่ผมไม่เป็นไรง่ายๆหรอกครับ พี่ไปอยู่กับพี่จินจูเถอะ

     

    อย่ามาประชดพี่แบบนี้นะ นายก็รู้ว่าพี่ไม่ ---”

     

    รู้ว่าพี่ไม่ชอบ เสียงเล็กแย้งขึ้นมาก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ พอเถอะครับ ผมฟังคำนี้จนเอียนไปหมดแล้ว !”

     

    คิมจุนซู !!”

     

    ร่างเล็กไม่รอให้คนตัวสูงกว่าได้เอ่ยอะไรออกมาอีกครั้ง รีบผินกายเดินออกไปจากห้องครัวทันทีโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง กล้ำกลืนความรู้สึกเจ็บปวดที่สุมอยู่ภายในอกทั้งหมดลงไปในเบื้องลึกของหัวใจ อยากจะเดินหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำได้

     

    อ้าว จุนซู จะไปไหนจ๊ะ ?

     

    ผมนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ผมมีธุระที่ต้องไปทำน่ะฮะพี่จินจู ผมไปก่อนนะฮะ

     

    อ๊ะ ! เดี๋ยวสิ จะออกไปทั้งแบบนั้ ---”

     

    ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้กล่าวรั้งอะไร ร่างเล็กๆของผู้เป็นน้องชายก็เดินจากไปเสียแล้ว จินจูจึงได้แต่ยืนนิ่งงันอย่างไม่เข้าใจ พลันเมื่อเห็นกับร่างสูงโปร่งของชายคนรักที่เพิ่งจะออกมาจากในครัว ร่างบางจึงไม่รีรอที่จะเอ่ยถามทันที

     

    ยูชอนคะ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าคะ ?

     

    ชายหนุ่มคลี่ยิ้มจางเพื่อให้คนรักได้สบายใจ เปล่านี่ครับ จุนซูอาจจะมีธุระจริงๆก็ได้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ

     

    แม้ปากอิ่มจะพูดออกไปแบบนั้น แต่สายตาคมกลับจดจ้องไปยังทางที่ร่างน้อยเพิ่งเดินจากไปอย่างไม่ละสายตา ราวกับว่าแผ่นหลังของอีกฝ่ายยังคงอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน

     

    นั่นสินะคะ …” จินจูเอ่ยเสียงแผ่วพลางปรายมองใบหน้าคมคายของคนข้างกาย นัยน์ตาเรียวหม่นแสงลง หากแต่เพียงไม่นานก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้น

     

    จริงสิ วันนี้ฉันมีธุระนิดหน่อยน่ะค่ะ คุณเองก็รีบไปทำงานได้แล้วนะ มันสายแล้วไม่ใช่เหรอคะ ?

     

    วันอาทิตย์แท้ๆผมยังต้องมีไปคุยเรื่องเซ็นสัญญาหนังสืออีก ผมขอโทษนะ

     

    ไม่เห็นต้องขอโทษเลยค่ะ แค่ยูชอนให้ฉันอยู่ที่บ้านด้วยแบบนี้ ฉันก็รู้สึกเหมือนคนอาศัยที่คอยเป็นภาระแล้ว …” รอยยิ้มของหญิงสาวดูเศร้าหมอง

     

    คุณไม่เคยเป็นภาระสำหรับผมนะจินจู คุณอยู่ที่นี่ในฐานะคนรักของผม ไม่ใช่คนอาศัยที่เป็นภาระนะครับ เข้าใจมั้ย ? มือหนากระชับเข้าที่ไหล่บอบบางของคนรัก เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสายตาแสนมั่นคง

     

    ยูชอน …” จินจูเอ่ยอย่างซึ้งใจ “… ขอบคุณนะคะ

     

    ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะ …”

     

    ค่ะ แล้วคุณจะกลับบ้านมาทานข้าวเย็นด้วยกันรึเปล่า ?

     

    วันวาเลนไทน์ทั้งที ผมจะปล่อยให้คนรักทานข้าวเย็นกับน้องชายแค่สองคนได้ยังไงกันล่ะครับ ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มอบอุ่น พลางประทับจุมพิตแผ่วเบายังหน้าผากมน

     

    แล้วผมจะรีบกลับนะ

     

    ค่ะ เสียงหวานเอ่ยตอบกลับ ฉันคงจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะแถวนี้สักหน่อย ไว้ตอนค่ำๆเจอกันนะคะ

     

    เรียวขายาวที่กำลังจะก้าวพ้นประตูออกไปหยุดชะงัก เงียบงันไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันมาเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

     

    งั้นเหรอครับ งั้นไว้เราค่อยเจอกันนะ

     

    แผ่นหลังแกร่งค่อยๆหายไปจากสายตา เหลือเพียงร่างบอบบางของหญิงสาวที่ยังคงยืนนิ่ง หยาดน้ำสีใสค่อยๆเอ่อคลอในนัยน์ตาคู่เรียว เคลื่อนมือมาสัมผัสยังหน้าผากมนของตนเองและทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้อย่างช้าๆ

     

    “… พี่ขอโทษ จุนซู

     

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

     

    ขาคู่เล็กที่วิ่งออกมาจากบ้านค่อยๆชะลอความเร็วลงอย่างช้าๆเมื่อหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายดอกไม้เจ้าประจำใกล้ๆสวนสาธารณะด้วยสีหน้าเศร้าหมอง จุนซูสูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง ก่อนตัดสินใจผลักประตูกระจกใสเดินเข้าไปในตัวร้าน

     

    อ้าวจุนซู ป้ากำลังรอหนูอยู่เลยจ้ะ คุณป้าเจ้าของร้านเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นลูกค้าอายุคราวหลานเจ้าประจำคิดว่าปีนี้จะไม่มาเสียแล้ว …”

     

    ร่างเล็กฝืนยิ้มออกมาน้อยๆ ผมจะไม่มาได้ยังไงกันล่ะฮะ …”

     

    แหม นั่นสินะจ๊ะ ตั้งสิบเจ็ดปีผ่านมาแล้ว จุนจังยังไม่เคยลืมเลยสักครั้งนี่นา …” ร่างท้วมของหญิงวัยกลางคนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม พลางหยิกช่อดอกไม้ช่อเล็กที่จัดเตรียมไว้ให้ในทุกๆปีออกมายื่นให้เด็กชายตรงหน้า

     

    ดอกเดซี่เหมือนทุกปีจ้ะ

     

    ขอบคุณฮะ

     

    วันวาเลนไทน์แบบนี้มีแต่คนเขานิยมซื้อดอกกุหลาบกันทั้งนั้น คนที่ซื้อดอกเดซี่อย่างจุนจังน่ะหาไม่ค่อยมีเท่าไหร่แล้วล่ะจ้ะ แต่ป้าว่ามันดูน่ารักมากๆเลยนะ น่าอิจฉาคนที่ได้รับดอกไม้สวยๆแบบนี้ทุกปีจริงๆเชียว

     

    คุณป้าร้านดอกไม้เอ่ยเชิงหยอกล้อหมายจะให้พวงแก้มกลมๆนั้นขึ้นสีระเรื่อน่ามองอย่างเช่นทุกๆปีที่ผ่านมา หากแต่ในวันนี้ดวงหน้าหวานกระเดียดไปทางน่ารักนั้นกลับพลันเศร้าลง แม้จะยังคงมีรอยยิ้มอ่อนจางประดับอยู่บนใบหน้าก็ตามที

     

    เขาคง ไม่มีวันรู้หรอกฮะ …” ว่าๆคนนั้นจะเป็นเด็กผู้ชายอย่างผม

     

    เอ๊ะ ?

     

    อะ ไม่มีอะไรหรอกฮะ ขอบคุณมากๆนะฮะคุณป้า งั้นผมขอตัวไปก่อนนะฮะ จุนซูรีบเอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงสดใสที่แสร้งทำ ก่อนจะโค้งกายเล็กน้อยและเดินออกจากร้านไปอย่างเงียบๆ

     

    สนามเด็กเล่นที่เคยดูกว้างใหญ่ในความคิดครั้นยังเป็นเด็กบัดนี้กลับดูคับแคบไปเสียถนัดตา ร่างเล็กที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในใจกลางของสวนสาธารณะหยุดนิ่งเหม่อมองสถานที่แห่งความทรงจำตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ในมือกระชับถือช่อดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ช่อน้อย ก่อนจะเดินตรงไปยังต้นไม้ใกล้ๆแปลงดอกเดซี่เพื่อที่จะวางช่อดอกไม้เอาไว้เหมือนกับทุกๆปี

     

     

    เพียงแค่ต้องการระลึกถึงความทรงจำในวันนั้น

     

     

    จะด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็ตาม ในวันที่เขากลับมาในสวนสาธารณะอีกครั้งหนึ่งหลังจากได้รับความช่วยเหลือจากเด็กชายคนนั้นเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน ก็พบกระดาษแผ่นเล็กที่ปรากฏลายมือขยุกขยิกซึ่งได้ใจความว่า

     

     

    นี่ เด็กขี้แย ฉันยูชอนเองนะจำได้มั้ย ในฐานะที่เธอเป็นเจ้าสาวของฉัน ทุกวันวาเลนไทน์เธอจะต้องมาที่นี่นะเข้าใจไหม !?

     

     

    คิดแล้วจุนซูก็ได้แต่คลี่ยิ้มออกมาจางๆกับความไร้เดียงสาครั้นยังเยาว์วัยแม้แต่จะเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง นึกโทษความขลาดเขลาของตนเองที่ไม่กล้าจะออกไปพบหน้าของอีกฝ่ายมาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทำเพียงแค่แอบนำดอกเดซี่ที่เคยได้รับในวันนั้นมาวางเอาไว้ในทุกๆปีโดยไม่ยอมเปิดเผยตัว

     

    ก็ในเมื่ออีกฝ่ายปักใจเชื่อมาโดยตลอดว่าเขาเป็นเด็กผู้หญิง เพราะฉะนั้นเขาถึงได้ไม่ได้ทำลายความรู้สึกเหล่านั้น ทั้งไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง และไม่อยากที่จะเห็นสีหน้าอันแสนผิดหวังของเด็กชายผู้กล้าหาญคนนั้นด้วย

     

     

    หรืออันที่จริงแล้วปีนี้ควรจะเป็นปีสุดท้ายเสียด้วยซ้ำไป 

     

     เพราะใครคนนั้นคงจะไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว

     

     

    น้ำตาหยดเล็กค่อยๆหยดลงบนพื้นหญ้า ปนเปไปกับหยาดน้ำค้างอันเย็นชืดบนพรมหญ้าสีอ่อน

     

    โดยไม่มีใครรับรู้ถึงมัน

     


     

    จุนซู !”

     

    อะ หวา !”

     

    เสียงทุ้มสูงที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาจากข้างหลังทำเอาร่างเล็กที่กำลังเช็ดน้ำตาพลางย่อตัวลงไปวางช่อดอกเดซี่ถึงกับสะดุ้งเฮือกเกือบหกล้มหน้าคะมำดิน หากแต่โชคดีที่ยังทรงตัวไว้ได้ทันจึงสามารถหันดวงหน้ากลมมาส่งค้อนวงโตใส่เจ้าของเสียงนั้นได้อย่างถูกคน

     

    ชางมิน ! มาไม่ให้สุ้มให้เสียงอีกแล้วนะ !!”

     

    ภาพตรงหน้าคือเจ้าของผิวสีน้ำผึ้งสูงเกือบๆหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนฯ ที่ยืนก้มตัลงมามองด้วยสีหน้าที่บ่งบอกชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์และระอาใจ ชิม ชางมินเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กๆของเขาที่อาศัยอยู่ข้างบ้านในตอนที่เขาและพี่จินจูยังไม่ได้ย้ายเข้ามาในบ้านของปาร์ค ยูชอนเหมือนเช่นอย่างทุกวันนี้

     

    ฉันว่าแล้วว่านายต้องมาที่นี่

     

    ชายหนุ่มทั้งสองคนนั่งลงเคียงข้างกันบนสนามหญ้า ร่างสูงโย่งนั่งกอดเข่าหลวมๆทอดมองไปยังแม่น้ำสายเล็กๆตรงหน้าขณะที่เอ่ยกับร่างเล็กที่นั่งอยู่ในท่าเดียวกันแต่ก้มหน้านิ่งตอบกลับไปเสียงเบา

     

    นายก็รู้อยู่แล้วนี่ …”

     

    เมื่อไหร่นายจะหยุดซะทีจุนซู นายก็เห็นว่าผู้ชายคนนั้นมันเลวร้ายแค่ไหน !”

     

    ชางมิน …” เสียงแหบหวานเอ่ยออกมาราวกับจะห้ามปรามอารมณ์โทสะของเพื่อนตัวสูงข้างกาย

     

    ทำไม หรือนายจะบอกว่ามันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทั้งๆที่เจ้าตัวแอบมีอะไรกับน้องชายคนรักตัวเอง ใช้นายเป็นตัวแทนของพี่จินจูเนี่ยนะ !”

     

    ประโยคที่หลุดออกมาจากปากของเพื่อนร่างสูงก็ไม่ต่างอะไรจากคำพูดที่แทงใจดำของร่างเล็กเข้าอย่างจัง ชางมินเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องราวทุกอย่าง ทั้งเรื่องเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนที่เขาไม่เคยบอกใครแม้แต่กระทั่งกับพี่สาวของตัวเอง ทั้งเรื่องของปาร์ค ยูชอนพราะมาเห็นรอยสีก่ำบนต้นคอของเขาโดยบังเอิญก็เช่นเดียวกัน

     

    เมื่อเห็นว่าร่างเล็กถึงกับอึ้งและนิ่งเงียบน้ำตาคลอ ชางมินถึงได้เพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองปล่อยให้แรงโทสะที่มีต่อผู้ชายคนนั้นมาพูดจาทำร้ายร่างเล็กๆของเพื่อนสนิทของตนเองเสียแล้ว

     

    จุนซู ฉันขอโทษ …”

     

    ไม่เป็นไร ชางมิน ฉันไม่เป็นไร เสียงเครือเอ่ยปฏิเสธ กระตุกยิ้มราวกับจะเยาะเย้ยตัวเอง เพราะไม่ว่าจะปฏิเสธหรือพูดถนอมน้ำใจฉันแค่ไหน ความจริงก็ยังเป็นความจริงอยู่ดี

     

    “….”

     

    หึ ฉันมันคงเลวมากใช่มั้ย ทั้งๆที่มีทางเลือกที่จะปฏิเสธแท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะทรยศต่อพี่สาวของตัวเองซะแทน

     

    จุนซู …” คนตัวสูงกว่าเอ่ยเสียงแผ่ว มันไม่ใช่ความผิดของนาย …”

     

    อย่าเลยชางมิน …” มือเล็กสัมผัสที่ต้นแขนของผู้เป็นเพื่อนแผ่วเบา เพราะมันเป็นความผิดของฉัน

     

    จุนซู …! วันนั้นหมอนั่นเมา ! มันเห็นนายเป็นตัวแทนของพี่จินจูที่มันไม่สามารถแตะต้องได้ มันใช้กำลังบังคับนายนะ !”

     

    คำพูดของชางมินที่เอ่ยออกมานั้นเป็นเรื่องที่เขาไม่มีวันลืม เพราะพี่จินจูร่างกายอ่อนแอและเป็นโรคหัวใจ เป็นที่ทะนุถนอมของยูชอนมาโดยตลอด เขาถึงได้มั่นใจว่าชายหนุ่มไม่เคยล่วงเกินอะไรพี่สาวของตนเองไปมากกว่าการจุมพิต แต่เมื่อปีที่แล้วในวันที่พี่จินจูต้องเข้าห้องไอซียูเพราะอาการกำเริบขึ้นมากะทันหัน คืนวันนั้นก็เป็นคืนที่คนร่างโปร่งดื่มจนเมามาย

     

     

    และเรื่องราวทั้งหมดมันก็เริ่มต้นขึ้น

     

     

    พี่ยูชอน ทำไมพี่ดื่มหนักขนาดนี้ล่ะฮะ ?

     

    หึ นายไม่เข้าใจพี่หรอกจุนซู ไม่เข้าใจ อึ่ก หรอก

     

    “… พี่ยูชอน ! พี่ อ๊ะ …! พี่เมามากเกินไปแล้วนะครับ !”

     

    อืม จุนซู ตัวนายหอมจัง …”

     

    ฮึก พี่ยูชอน …! อยะ ผมไม่ใช่ … ! พี่จินจูนะ ! อื๊อออ

     

    นายเป็นให้พี่ได้มั้ยจุนซู อึ่ก ช่วยเติมเต็มความรู้สึกให้พี่ที ตอนนี้มันเจ็บ เจ็บไปหมดแล้ว …”

     

     

    จุนซูยังจำน้ำเสียงแสนอ่อนล้าและเศร้าสร้อยนั้นได้ไม่มีวันลืม วันที่ชายหนุ่มในความทรงจำคนนั้นช่างอ่อนแอเหลือเกิน จุมพิตที่แสนเจ็บปวดและโหยหา ฝ่ามืออุ่นร้อนที่ไล้สัมผัส มันทำให้หัวใจของเขายอมโอนอ่อนไปกับความรู้สึกรัญจวนปรารถนาเหล่านั้นอย่างไม่อาจยับยั้งตนเองไว้ได้ทัน

     

    ทุกท่วงทำนองแห่งการประสานกายราวกับสานสัมพันธ์ของความรัก ทุกผัสสะที่จารึกตราตรึงราวกับพันธนาการแสนอ่อนโยนที่ทำให้ไม่อาจไถ่ถอนหัวใจ ความรุ่มร้อนรัญจวนที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนยิ่งทำให้ถลำลึก จมดิ่งลงไปในห้วงแห่งดำฤษณาอันลึกล้ำ ทอดทิ้งและละลืมความผิดบาปที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นมาและไม่อาจลบล้างให้จางหายไป

     

    แต่ความสุขอันแสนหวานย่อมอ่อนลางเหมือนความฝัน เมื่อเสียงกระซิบแผ่วเบายามไต่ทะยานขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่เอ่ยเรียกนามของอีกฝ่ายออกมานั้น ก็ยังคงเป็นชื่อของคิม จินจูอย่างชัดเจนยิ่งกว่ากู่ก้องเข้าไปในโสตประสาท นับตั้งแต่วันนั้นจุนซูก็รับรู้ดีแก่ใจว่า ตนเองไม่สามารถเป็นอะไรไปได้มากกว่าคำว่า ตัวแทน

     

     

    หากแต่หัวใจที่ดำดิ่งถลำลึกไปแล้วนั้นไม่อาจเรียกถอนคืนมาได้ เช่นเดียวกับการที่ไม่เคยปฏิเสธความปราถนาและความต้องการของอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย

     

     

    ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้จริงๆชางมิน …” เสียงแหบเอ่ยออกมาแผ่วเบา ทุกอย่างมันสายเกินไป เกินกว่าที่จะแก้ไขอะไรได้แล้ว

     

    “….”

     

    ทุกอย่างเป็นความผิดของฉัน เป็นความผิดของคนที่ทรยศต่อพี่สาวตัวเองอย่างฉันเอง

     

     

    เพราะหัวใจไม่รักดีที่ไม่อาจปฏิเสธแรงปรารถนาในเบื้องลึกของจิตใจ

     

     

    จุนซูทอดสายตามองไปยังผืนน้ำตรงหน้าอย่างไร้จุดหมาย นัยน์ตาคลอน้ำกระทบกับแสงอาทิตย์จนเป็นประกายของความเศร้าสร้อย กระชับกอดเข่าทั้งสองข้างของตนเองแน่น ก่อนจะเปล่งน้ำเสียงอันสั่นเครือผ่านริมฝีปากสั่นระริก

     

    ถ้าความเจ็บปวดนี้มันจะมากจนสาสมกับความเลวร้ายที่ฉันทำต่อพี่จินจูได้ ฉันก็ยินดี

     

     

    แม้น้ำตากี่หยดที่รินไหล ก็คงไม่มีใครมองเห็น

     

    หรือแม้แต่กระทั่งเสียงสะอื้นที่ดังเล็ดลอดริมฝีปาก ก็คงไม่มีใครได้ยิน

     

     

    จุนซู …”

     

    ก้อนเนื้อในอกซ้ายของร่างสูงสีน้ำผึ้งวูบโหวงจนรู้สึกเจ็บแปลบ แม้ว่าอยากจะรั้งร่างน้อยๆของคนเคียงข้างกายเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน อยากจะปกป้องไม่ให้ต้องเสียน้ำตา ไม่ให้ใครมาสัมผัสหรือแตะต้องปีกสีขาวบริสุทธิ์ไปมากกว่านี้ แต่ก็รู้ดีว่าตนเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำเช่นนั้นได้

     

     

    เพราะเป็นเพียงแค่ เพื่อน ไม่ใช่ คนรัก’ …


     

    ทำได้เพียงอยู่เคียงข้าง คอยดูแลและให้กำลังใจ ปกป้องทะนุถนอมเท่าที่เพื่อนคนหนึ่งสามารถจะทำได้

    หากแต่ไม่อาจรั้งร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอด ไม่อาจปรามปีกขาวที่จะโผบิน ไม่อาจแตะต้องสิ่งที่ตนเองทะนุถนอม ไม่อาจก้าวข้ามเส้นแห่งมิตรภาพซึ่งสร้างขึ้นมาด้วยกระจกลวงตาที่มองไม่เห็นนี่ได้

     

    และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่อาจเปิดเผยความในใจ

     

    ชางมิน ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องนาย …”

     

    มีอะไรเหรอ ?

     

    “… คือ …”

     

    “….”

     

    วันนี้ฉัน ขอไปอยู่ที่บ้านนายพักนึงได้มั้ย …”

     

     

    ไม่อยากกลับไปเห็นภาพที่ทำให้หัวใจต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้แล้ว

     

    วันของคู่รัก ที่ไม่ใช่วันของ ส่วนเกินอย่างเขา

     

     

    สายตาคมมองใบหน้าหม่นหมองของร่างเล็กข้างกายด้วยความเข้าใจโดยที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องเอ่ยเหตุผลอะไรออกมาเลยสักนิด มือหนาที่เผลอยื่นออกไปหมายจะโอบกอดคนเคียงข้างค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่งไปขยี้ยังเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนสวนแทน

     

    มันก็ต้องได้อยู่แล้วสิ ฉันเคยปฏิเสธนายที่ไหนกัน

     

    ขอบใจนะชางมิน ริมฝีปากอ่อนคลี่แย้มยิ้มอย่างจริงใจ นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย

     

    ชิม ชางมินคลี่ยิ้มตอบกลับคำพูดนั้น แม้ภายในใจจะรู้สึกเจ็บปวดกับฐานะที่ตนเองได้รับมา เพราะในสายตาของคนตัวเล็กที่เฝ้าแต่รอคอยเจ้าของความทรงจำคนนั้น เขาไม่เคยเป็นอะไรที่มากกว่าคำว่า เพื่อน เลยสักนิดเดียว

     

    นายเพิ่งจะรู้รึยังไงฮึ ? เจ้าตัวยุ่งเอ๊ย …”

     

     

    ไม่ว่าทั้งหัวใจและร่างกายของคนเคียงข้างจะเป็นของใคร แต่เขาก็มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจ

     

    ก็คือข้างกายเล็กๆนี้จะมีเขาคอยอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา

     

     

    …………………

     

     

    มื้ออาหารในยามค่ำคืนของวันแห่งความรักควรจะเป็นช่วงเวลาของคู่รักซึ่งสามารถใช้มันอยู่ร่วมกันและสร้างบรรยากาศอบอุ่นให้ค่อยๆก่อตัวขึ้นมาประสานความสัมพันธ์ให้ยิ่งแน่นแฟ้น หากแต่ร่างบอบบางของหญิงสาวซึ่งกำลังค่อยๆหั่นเนื้อเสต็กชิ้นสวยในจานอย่างช้าๆนั้นกลับต้องคอยปรายสายตามองใบหน้าของชายคนรักซึ่งดูจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวมาพักใหญ่แล้ว

     

    ยูชอน เป็นอะไรไปรึเปล่าคะ ?

     

    “….”

     

    ยูชอนคะ ?

     

    อะ มีอะไรเหรอครับจินจู ?

     

    ดูเหมือนชายหนุ่มเพิ่งจะได้สติหลังจากที่คนรักร่างบางเอ่ยเรียกถึงสองสามครั้ง สายตาที่เหม่อลอยอ่านไม่ออกพลันเจือแววอ่อนโยนขึ้นขณะที่จดจ้องมองดวงหน้าหวานของคนตรงหน้า

     

    เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ? ฉันเห็นว่าคุณเหม่อลอยอยู่บ่อยๆน่ะค่ะ

     

    อ๋อ เปล่านี่ครับ เสียงทุ้มต่ำเอ่ยตอบแผ่ว ผมแค่กำลังสงสัยว่าจุนซูหายตัวไปไหนทั้งๆที่มันมืดค่ำป่านนี้แล้วน่ะครับ

     

    นั่นสินะคะ คิม จินจูเอ่ยด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ทำสีหน้าไม่ถูกอยู่นานกับคำตอบที่ได้รับจากชายหนุ่มคนรัก ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว จนป่านนี้ยังไม่กลับอีก เดี๋ยวฉันคงจะต้องโทรตามสักหน่อยแล้วล่ะค่ะ

     

    ไม่ต้องหรอกครับ ยูชอนเอ่ยรั้งร่างของหญิงสาวที่กำลังจะลุกขึ้นจากโต๊ะ เดี๋ยวเขาก็คงกลับมาเอง โตขนาดนี้แล้วก็คงมีสังคมตามประสา

     

    ก็วันนี้วันวาเลนไทน์นี่คะ จินจูหัวเราะคิก จุนซูเป็นคนน่ารักน่าเอ็นดู ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจจะกำลังอยู่กับแฟนก็ได้ค่ะ

     

    คำพูดของหญิงสาวร่างบางทำเอามือหนาทั้งสองซึ่งกำลังหั่นชิ้นเนื้อชะงักนิ่งงัน ร่างสูงโปร่งเงียบไปราวกับกำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง ชั่วแวบหนึ่งที่นัยน์ตาคมคู่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นแววแข็งกร้าวที่อ่านไม่ออก

     

    “… ยูชอนคะ ?

     

    “… นั่นสินะครับ ยูชอนเงยหน้าขึ้นมาพลางยกยิ้มมุมปาก งั้นเราก็รีบทานอาหารเย็นกันเถอะครับ ค่ำเกินไปมันจะไม่ดี มันใกล้จะได้เวลาเข้านอนของคุณแล้วนะจินจู

     

    แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ง่วงเลยนะคะ เจ้าของหน้าหวานเอ่ยปากยื่นหน้างอ

     

    ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาดเลย ร่างกายจะได้แข็งแรงไวๆไง เนอะ ? มือหนาถูกส่งออกไปขยี้เรือนผมนุ่มสีน้ำตาลอ่อนสวยของคนรักด้วยความเอ็นดู

     

    ยูชอน ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ !”

     

    ฮ่าๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ รีบๆทานข้าวเถอะ คุณจะได้ทานยาแล้วไปพักผ่อน

     

    ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสายตาที่อ่อนโยนอบอุ่นเหมือนเคย หากแต่ภายในใจกลับว้าวุ่นประหวัดคนึงไปถึงเจ้าของร่างเล็กๆซึ่งในตอนนี้ยังไม่ปรากฏกายมาให้เห็น ยิ่งคิดถึงประโยคของคนรักเมื่อครู่ และคิดว่าตอนนี้คิม จุนซูกำลังอยู่กับใครอื่นที่ไหนแล้ว เขาก็ยิ่งรู้สึกร้อนรนราวกับมีไฟสุมอยู่ในอกอย่างไม่เป็นตัวเอง

     

    มือหนาค่อยๆกำเข้าหากันอย่างช้าๆ

     




     

    นายหายไปไหนของนายกันนะ คิมจุนซู !



     

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






    To Be Continued ...






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×