คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : - Ankylose - Chapter.10
เปิดเรียนแล้วเหนื่อยจริงจังเลยค่ะ T^T
ถ้าเป็นไปได้อยากจะหยุดอีกยาวๆจังเลยน้า~
ยังไงก็จะพยายามมาอัพให้เร็วที่สุดจะได้ไม่ต้องรอกันนานนะคะ^^
ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์ ทุกกำลังใจมากๆค่ะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ^^~
Chapter.10
“เดี๋ยวผมไปส่งพี่จุนซูเองฮะ ผมทานเสร็จแล้ว”
เสียงทุ้มต่ำของน้องคนเล็กที่เอ่ยขึ้นทำให้ร่างขาวสูงหันไปมองแทบจะในทันที รวมไปถึงแจจุงและยุนโฮที่เงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวด้วยอาการตกตะลึงเล็กน้อยที่ชิม ชางมินบอกว่า ‘ทานเสร็จแล้ว’ หลังจากที่กินไปจานเดียวเท่านั้น
“นะ
นั่นสินะยูชอน เดี๋ยวฉันเดินไปกับชางมินก็ได้ ถึงจะไม่จำเป็นต้องใครมีใครไปส่งก็เถอะ”
“แต่
”
“ห้องฉันอยู่แค่นี้เองยูชอน ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ แต่ฉันไม่เป็นไรจริงๆ”
ร่างเล็กตอบด้วยรอยยิ้มจางๆกับความห่วงใยของยูชอนที่มักจะคอยดูแลเขาอยู่เสมอๆ แม้ว่าส่วนลึกในใจจะเจ็บปวดเพราะความสัมพันธ์ของการเป็นเพื่อนขนาดไหน แต่ความเป็นเพื่อนที่ดีของยูชอนมันก็ดีเกินไปจนเขาไม่อาจแม้แต่จะกล่าวถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง
บอกออกไปว่า ‘รัก’ ไม่ได้
เพราะคำๆนั้นสำหรับเขาสองคน หมายถึง ‘เพื่อนสนิท’ เท่านั้น
“ถ้าพี่เป็นก็คงแปลกแล้วล่ะ พี่จุนซูหนังเหนียวจะตาย ผมว่าน่าจะสงสารเชื้อไวรัสมากกว่าสงสารพี่จุนซูซะอีกนะ”
“ชางมิน!!”
ถ้อยคำที่จงใจเอ่ยเย้าคนตัวเล็กทำให้จุนซูแว้ดใส่น้องชายตัวสูงที่ยืนกลั้นขำกับอากัปกิริยาของคนร่างเล็กอยู่นั่นเอง
“ให้ชางมินเดินไปกับจุนซูนั่นแหละยูชอน! วันนี้นายต้องมาช่วยฉันล้างจานนะ!”
แจจุงเอ่ยก่อนที่จะทำหน้ายู่เมื่อนึกถึงการล้างจานที่ตนเองไม่ชอบเสียเต็มประดา ยุนโฮหันไปมองดวงหน้าหวานควับก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงออดอ้อนในที
“อ้าว
แล้วฉันล่ะ?”
“นายไม่ต้องล้างของวันนี้สักหน่อย เกี่ยวอะไรด้วยล่ะยุนโฮ”
เจ้าของใบหน้าคมทำหน้ามุ่ยแง่งอนอย่างไม่สมกับหน้าตาเอาเสียจนแจจุงแอบยิ้มขำออกมาเล็กน้อย
“ก็ฉันอยากช่วยนี่
”
หมีตัวโตทำหน้าเบ้ทว่าไม่ได้รับการตอบรับอะไรนอกจากรอยยิ้มน่ารักจากหนุ่มหน้าสวยประจำวงเท่านั้น ภาพของคู่รักที่กำลังส่งสายตาให้กันตรงกันทำให้ยูชอนเสหน้าไปอีกทางหนึ่งด้วยความรู้สึกปวดแปลบที่แตกต่างออกไปจากเดิมซึ่งแม้แต่เขาเองก็ยังไม่เข้าใจ
จุนซูรู้ถึงความรู้สึกของเพื่อนรักดี จึงได้แต่ยืนนิ่งมองร่างขาวอยู่อย่างนั้นจนชางมินต้องสะกิดเรียกเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กคิดมากไปกว่านี้
“พี่จุนซู ไปเถอะครับ”
“
เอ่อ
อื้อ”
ร่างเล็กต้องตัดสินใจละสายตาไปจากใบหน้าคมคายนั้นเมื่อน้องชายสุดท้องดันที่หลังแผ่วเบา รอยยิ้มจางๆถูกมอบให้กับชางมินที่ได้แต่ส่งสายตาเป็นห่วงอย่างไม่เปิดเผยเท่าใดนัก
ถึงชางมินจะชอบแกล้งเขาอยู่บ่อยๆจนแทบเรียกได้ว่าเป็นคู่กัด
แต่น้องชายคนนี้ก็เป็นห่วงเขาไม่แพ้คนอื่นในวงเลยสักนิดเดียว
เขารู้ดี และรู้สึกขอบคุณกับความรู้สึกนี้เอามากๆ
“ขอบใจนะชางมิน
”
เสียงเล็กๆเอ่ยแผ่วเบาอย่างที่ตั้งใจให้น้องชายตัวสูงได้ยินเพียงคนเดียว ชางมินกระตุกยิ้มน้อยๆก่อนที่จะอดไม่ได้ที่จะยื่นมือหนาไปขยี้เรือนผมสีน้ำตาลเข้มของพี่ชายตัวเล็กแผ่วเบา
ยังไงคิม จุนซูก็เป็นพี่ชายที่ ‘น่าเอ็นดู’ สำหรับน้องชายอย่างเขาเสมออยู่ดีนั่นแหละ
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่ต้องขอบคุณผมหรอก ขึ้นไปพักผ่อนเถอะฮะ”
“อื้ม”
รอยยิ้มสดใสอย่างที่สมกับเป็นจุนซูที่แต่งแต้มอยู่บนดวงหน้าน่ารักทำให้ชางมินหัวเราะออกมาเบาๆก่อนที่จะกึ่งดันกึ่งโอบไหล่บางเพื่อเดินขึ้นไปชั้นบน
ไม่มีใครรู้สึกตัวถึงสายตาของปาร์ค ยูชอนที่ลอบมองด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในอกเลยแม้แต่น้อย
ทั้งๆที่พี่แจจุงอยู่ตรงหน้า
ทำไมเขาถึงต้องเผลอมองจุนซูทุกทีเลยนะ
ทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นจุนซูปฏิเสธเขาแบบนั้นด้วย
ยูชอนส่ายหน้าเพื่อไล่ความคิดของตนเองออกไปก่อนที่จะแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ตนเองฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้
อาจเป็นเพราะหมอนั่นป่วยอยู่ก็ได้ เขาถึงได้รู้สึกเป็นห่วงเกินกว่าปกติ
ก็คงเป็นเพราะแค่นั้นนั่นแหละ
สายตาคมปรายมองคู่รักของพี่ใหญ่ในวงทั้งสองคนที่กำลังอยู่ในโลกส่วนตัวจนดูท่าว่าจะลืมไปแล้วว่าเขายืนอยู่ใกล้ๆเพียงแค่นี้เอง หัวใจเต้นกระตุกจนรู้สึกเจ็บแปลบที่ความรักไม่มีวันจะสมหวัง แต่กระนั้นรอยยิ้มหวานๆที่ปรากฏอยู่ที่ใบหน้าสวยนั้นก็ทำให้เขาสบายใจ
ไม่ปฏิเสธว่ายังรู้สึกปวดแปลบที่หัวใจที่ใครคนนั้นไม่ใช่ตัวเอง
แต่อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่คนที่รักมีความสุข
“พี่แจจุง ตกลงพี่จะให้ผมช่วยล้างจาน หรือจะให้ช่วยวิจารณ์ความหวานเลี่ยนของพวกพี่สองคนกันแน่!”
พี่ใหญ่สองคนประจำวงหยุดชะงักก่อนที่แจจุงจะหันมายิ้มแหะๆให้อย่างขัดเขินในขณะที่ยุนโฮทำเพียงยักคิ้วโดยที่มือหนายังโอบไหล่บางของคนรักไม่ปล่อย
“อิจฉารึไง?”
ถ้อยคำล้อเล่นของพี่ชายกลับทำให้ยูชอนสะดุ้งอยู่ในใจ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นก่อนที่จะเอ่ยตอบอย่างแสร้งไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดนั้น
“
ใครจะไปอิจฉากัน”
“ก็หาใครสักคนสิยูชอน ฮ่าๆๆ”
“ใครสักคนที่ว่า ผมจะหาได้ที่ไหนล่ะพี่”
ก็ในเมื่อผมยังทำใจเรื่องพี่แจจุงไม่ได้
“ช่วงนี้ยูซูก็ดังดีออก”
ยุนโฮเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดีทว่ากลับถูกคนสวยในอ้อมแขนส่งสายตาไม่พอใจให้จนต้องหุบยิ้ม ยูชอนเผลอชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะแสร้งทำหน้าเหยเก
“อย่าแม้แต่จะคิดเลยพี่ เจ้าตัวเล็กขี้โวยวายพูดมากแบบนั้นเนี่ยนะ”
ถึงปากจะพูดออกไปแบบนั้นเพราะความสนิทสนมที่มีให้กันมาเป็นเวลานาน แต่เพียงแค่เขาคิดถึงเจ้าของใบหน้ากลมๆที่ชอบทำตาแป๋วๆอย่างไร้เดียงสา และเสียงแหบหวานแหลมที่ชอบโวยวายอะไรแปลกๆก็ทำให้อดที่จะหัวเราะไม่ได้ทุกครั้งไป
“ทำเป็นพูดไป ฉันแทบไม่เคยเห็นพวกนายอยู่ห่างกันเลยด้วยซ้ำ”
แม้จะรู้สึกไม่พึงใจเอามากๆที่เจ้าน้องชายตรงหน้าไม่รู้เรื่องความรู้สึกหรือสิ่งที่ทำลงไปกับคนตัวเล็กนั่นเลยสักนิด แต่ก็พยายามที่จะหยอกออกไปเผื่อว่ายูชอนจะได้รู้สึกถึงอะไรบ้าง
แต่คำตอบที่ออกมาจากริมฝีปากอิ่มนั้นมันไม่ใช่แบบนั้น
“ก็พวกผมสนิทกันไง แถมช่วงนี้แฟนยูซูออกมาเยอะพี่เองก็รู้ไม่ใช่เหรอ ก็เลยเอาเรื่องปกติที่พวกผมสนิทกันดีอยู่แล้วมาเป็นแฟนเซอร์วิสเลยไง”
แจจุงเผลอเม้มริมฝีปากเล็กน้อยอย่างสงสารคนตัวเล็กจับใจเพราะดูเหมือนน้องชายตรงหน้าจะไม่ได้เข้าใจถึงความรู้สึกของจุนซูที่มีต่อตนเองเลยสักนิด
แต่ก็ไม่มีใครรู้อีกนั่นล่ะ
ว่านอกจากพี่ใหญ่ทั้งสองคนของวงจะรับรู้ถึงคำพูดของยูชอนแล้ว ยังมีชางมินและจุนซูที่ยังไม่ได้ไปไหนไกลได้ยินอยู่ด้วย
ดวงหน้าหวานของคนตัวเล็กหม่นลงในขณะที่เผลอขบริมฝีปากบางของตนเองแน่นจนแดงก่ำ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไหวระริกด้วยความเจ็บปวดพร้อมๆกับหยาดสีใสที่เริ่มคลอหน่วย จุนซูพยายามกลืนก้อนสะอื้นลงคอและกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างสุดความสามารถเหมือนอย่างที่เคยทำเวลารู้สึกเสียใจ
ชางมินมองพี่ชายตัวเล็กเคียงข้างด้วยความรู้สึกเห็นใจและรู้สึกผิดอย่างเป็นที่สุด ถ้าหากเขาไม่ได้บอกว่าลืมหนังสือไว้ที่ห้องนั่งเล่น ก็คงจะไม่ต้องเดินผ่านห้องอาหารแล้วได้ยินอะไรที่ทำร้ายจิตใจร่างบางๆแบบนี้
“พี่จุนซู
”
“
..”
“ผมขอโทษนะฮะ
”
“
บ้าเหรอ ไม่ใช่ความผิดของนายสักหน่อย”
เสียงแหบหวานรีบเอ่ยตอบทันทีที่สิ้นเสียงของน้องชายตัวสูง ก่อนที่จะฉีกยิ้มน่ารักตามปกติที่แสร้งขึ้นมาอย่างสุดความสามารถ แต่นั่นก็ไม่ได้รอดพ้นสายตาของชางมินไปอยู่ดี
“
พี่รู้ดีอยู่แล้วล่ะว่ายูชอนคิดยังไง
”
“
.”
“ทั้งกับพี่แจจุง
แล้วก็กับพี่
”
“
พี่จุนซู
”
“ไม่มีอะไรเกี่ยวกับยูชอน
ที่พี่ไม่รู้หรอกนะ จริงมั้ย?”
รอยยิ้มหวานๆที่ขัดกับแววตาเศร้าๆนั่นเสียเหลือเกินทำให้ชิม ชางมินถอนหายใจออกมาแผ่วเบา มือหนายื่นไปบีบไหล่เล็กนั่นเบาๆก่อนที่จะเอ่ยเสียงนุ่ม
“ขึ้นไปนอนพักเถอะครับพี่”
“อืม
ขอบใจนะ”
ความรู้สึกอ่อนแรงทั้งกายและใจกับคำพูดที่ได้ยินเต็มสองหูจากปากของคนที่หลงรักแทบทำให้จุนซูไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะก้าวเท้า ชางมินที่เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้เป็นพี่ชายดีจึงได้แต่พยุงร่างเล็กให้เดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากที่ยูชอนช่วยรุ่นพี่หน้าสวยประจำวงอย่างคิม แจจุงล้างจานจนเสร็จเรียบร้อยโดยที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ทำอะไรมากเท่าไหร่ เพราะในใจหนึ่งก็มัวแต่ลอบมองดวงหน้าหวานของร่างบางข้างๆ ส่วนอีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงเพื่อนตัวเล็กที่ป่านนี้คงจะนอนหลับอยู่ที่ห้องแล้ว ยูชอนถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มในห้องนั่งเล่น
นี่เราเป็นอะไรไปอีกแล้ว?
ความมึนงงและสับสนวนไปเวียนมาอยู่ในหัวจนยูชอนต้องสะบัดหน้าคมของตนเองเพื่อไล่ความฟุ้งซ่านนั้น ก่อนที่จะยันกายลุกขึ้นโดยมีจุดหมายอยู่ที่ห้องนอนของตนเองและร่างเล็ก รวมไปถึงน้องชายตัวสูงอย่างชางมิน
“พี่ไม่เป็นอะไรแน่นะฮะ?”
มือแกร่งหยุดชะงักก่อนที่จะบิดลูกบิดนั้น เมื่อเสียงคุ้นเคยของผู้เป็นน้องสุดท้องดังขึ้นมาให้ได้ยินเพียงแผ่วๆ
“
ไม่เป็นไรหรอก นายลงไปหาของกินเถอะชางมิน พี่รู้นะว่านายยังไม่อิ่ม”
“รู้ทันอีกแล้ว”
“แน่นอน เรื่องการกินของนาย ถ้าพี่ไม่รู้ พี่คงโง่เต็มทน”
“
แล้วปกติพี่ไม่ได้ฉลาดน้อยรึไง?”
“ชิมชางมิน!”
เสียงแหวแหลมปรี๊ดดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงหัวเราะร่าอย่างจงใจกวนประสาทของชางมินทำให้ยูชอนนิ่งเงียบอยู่ในใจ มือหนาหมายที่จะเปิดประตูเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าประตูก็ถูกกระชากเปิดออกมาซะก่อน
พร้อมๆกับใบหน้าคมของน้องสุดท้องที่ดูจะนิ่งงันไปเมื่อเห็นเขา
“มีอะไรเหรอครับ? พี่ยูชอน?”
ถามอย่างกับว่าเขาไม่ได้เป็นเจ้าของห้องนี้ด้วยอย่างนั้นแหละ!
“น้อยๆหน่อยชางมิน นี่มันก็ห้องพี่เหมือนกันนะ”
ชางมินไม่ตอบอะไรนอกจากยกยิ้มให้เล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วไม่ให้คนตัวเล็กที่นอนตะแคงหันหลังให้บนเตียงทั้งๆที่หูผึ่งได้ยิน
“
งั้นก็ดูแลพี่จุนซูด้วยนะฮะ”
ถ้อยคำที่เหมือนจะแฝงนัยอะไรบางอย่างทำให้ยูชอนเผลอขมวดคิ้ว เดี๋ยวนี้ดูเหมือนจุนซูและชางมินจะดูสนิทสนมกันเสียเหลือเกินจนเขารู้สึกแปลกๆ
ถึงปกติทั้งสองคนนี้จะสนิทกันเอามากๆอยู่แล้ว
แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดมีลับลมคมในเหมือนกับรู้เรื่องแค่สองคนแบบนี้
ไหนจะไอ้ทีท่าที่ดู ‘หวงจุนซู’ ของชางมินอีก
ปาร์ค ยูชอนส่ายหน้าไล่ความคิดแปลกๆของเขาออกไป ดูท่าว่าเขาจะฟุ้งซ่านมากขึ้นทุกทีๆตั้งแต่มีความฝันบ้าๆนั่น พวกเขาทงบังชินกิอยู่ด้วยกันมาหลายปี โอบไหล่แตะตัวกันก็บ่อย กอดก็นับครั้งไม่ถ้วน หอมแก้มยังเคยมาแล้ว ผูกพันแน่นแฟ้นเสียยิ่งกว่าคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นเรื่องที่สนิทกันขนาดนี้ก็เป็นเรื่องยิ่งกว่าปกติไม่ใช่หรอกหรือ?
“จุนซู
”
ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งที่ที่ว่างบนเตียงอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้กระเทือนไปถึงคนที่นอนอยู่ ริมฝีปากอิ่มเอ่ยเรียกชื่อคนตัวเล็กแผ่วเบาโดยที่ไม่รู้ว่าจุนซูหลับอยู่รึเปล่าด้วยซ้ำไป
“หลับแล้วเหรอ
? เพิ่งจะนอนไปเมื่อกี้แท้ๆ”
เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับของเจ้าของดวงหน้าน่ารัก ยูชอนจึงได้แต่อมยิ้มน้อยๆกับร่างเล็กตรงหน้า มือหนาค่อยๆห่มผ้าห่มให้คลุมไปจนถึงไหล่บอบบางอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะต้องขมวดคิ้วกับเจ้าผ้าพันคอสีเข้มที่ยังคงพันแน่นอยู่รอบลำคอขาว
“
คิดจะใส่เจ้านี่ทั้งวันเลยรึไงกัน ไปกินข้าวก็ไม่ยอมถอด”
แย่ล่ะ! ถึงมันจะมองแทบไม่เห็นแล้วแต่ถ้าเป็นยูชอน
ต้องรู้แน่ๆ
เมื่อมือแกร่งมาสัมผัสแถวๆรอบลำคอที่เหมือนจะดึงผ้าพันคอออก จุนซูก็รีบคว้าหมับเอาไว้แทบจะในทันทีจนลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังแกล้งหลับอยู่!
“จุนซู?”
“งืม
ข้าวหน้าปลาไหล
”
ทันทีที่ตั้งสติได้ คิม จุนซูก็พลิกตัวนอนหงายพร้อมๆกับรีบทำเนียนสวมวิญญาณคนนอนละเมอในทันทีก่อนที่จะกระชับผ้าพันคอไว้ในมือแน่น ท่าทางของคนตรงหน้าทำเอายูชอนหัวเราะออกมาเสียงเบา
คิดว่าไม่รู้รึไงว่าแกล้งหลับ
มืออบอุ่นที่เคลื่อนมาสัมผัสพวงแก้มใสแผ่วเบาอย่างเป็นห่วงเป็นใยโดยที่ไม่มีความรู้สึกอื่นมาเจือปน
“
หายเร็วๆล่ะ
”
เสียงกระซิบแผ่วๆอย่างอ่อนโยนและอบอุ่นที่ข้างใบหูบอกออกมาแบบนั้น ก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าและประตูห้องน้ำที่ถูกปิดลง
พร้อมๆกับหยาดน้ำสีใสที่ไหลลงมาช้าๆจากปลายตาเรียว
อย่าทำให้ฉันรักนายไปมากกว่านี้เลย
ยูชอน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued...
ความคิดเห็น