คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : - Ankylose - Chapter.7
TALK ::
มาต่อให้เรียบร้อยแล้วนะคะ^^ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่า!
พาร์ทนี้ต้องขอขึ้นเตือนไว้ก่อนว่า NC-17 นะคะ คงจะต้องคลุมแถบดำกัน
ถ้าหากไม่ชอบหรืออะไร ไม่อ่านก็ไม่เป็นไรค่า~
Chapter.7
Warning : NC-17
“ท..ทำ
ทำอะไรน่ะยูชอน
!”
คนตัวเล็กส่งเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อแววตาของผู้ที่ทาบทับอยู่เบื้องบนกลับเป็นแววที่อ่านไม่ออก ดวงหน้ากลมแดงก่ำกับภาพร่างสูงตรงหน้าที่เสื้อเชิ้ตถูกปลดกระดุมไปสามสี่เม็ดจนเห็นแผ่นอกแกร่ง ลมหายใจอุ่นร้อนที่ค่อยๆเคลื่อนใกล้เข้ามาจนรู้สึกได้ทำให้ต้องหลับตาปี๋
“ปะ
ปล่อยนะ
!”
ถึงยูชอนจะเป็นคนตัวบางกว่า แต่เรื่องออกแรงนี่ยังไงจุนซูก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้อยู่ดี คนตัวเล็กดิ้นขลุกขลักไปมาเมื่อเห็นว่าใบหน้าคมคายก้มต่ำมาใกล้เข้าไปทุกที
(ฉาก NC กด Ctrl+A นะคะ)
“ยูชะ---!”
ริมฝีปากอิ่มกดจุมพิตหนักๆที่กลีบปากบางของร่างใต้อาณัติที่เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ร่างเล็กดิ้นขลุกขลักอย่างไม่ยินยอมทว่าข้อมือทั้งสองกลับถูกยึดไว้แน่นจนไม่มีทางหนี เสียงครางอื้ออึงในลำคอด้วยความตื่นตระหนกเมื่อรู้สึกถึงเรียวลิ้นที่แทรกผ่านเข้ามาในโพรงปาก
“อะ
อื้มม
!”
จุนซูหลับตาปี๋กับสัมผัสหนักๆที่ได้รับ เรียวลิ้นเล็กของตนเองที่พยายามหลีกหนีการเกี่ยวกระหวัดจากคนตรงหน้ากลับไม่ได้ผลอะไรเลยจึงทำได้แค่ปล่อยให้คนตรงหน้ารุกรานเท่านั้น
จู่ๆรสสัมผัสของจุมพิตที่หนักหน่วงกลับกลายเป็นอุ่นร้อนและอ่อนโยนจนคนตัวเล็กแทบจะละลายในอ้อมแขนแกร่ง ดวงตาเรียวรีคลอด้วยน้ำสีใสปรอยปรือหวานฉ่ำ มือเล็กที่พยายามขัดขืนในคราแรกกลับค่อยๆผ่อนแรงลงและเลื่อนขึ้นไปโอบรอบลำคอของคนตรงหน้าทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระอย่างลืมตัว
“ย
ยูชอ
น
อื้มม
”
เสียงหวานครางผะแผ่วเมื่อถูกจุมพิตไล้เรื่อยไปทั่วดวงหน้าสีจัดจนถึงการซุกไซร้ประทับรอยจุมพิตสีกุหลาบครั้งแล้วครั้งเล่าที่ลำคอขาว ทุกอย่างภายในหัวสมองพร่าเลือนไปหมด รู้สึกได้เพียงเสียงหัวใจดวงเล็กที่เต้นระรัวและความรู้สึกวาบหวามที่ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
อาภรณ์ค่อยๆหลุดออกไปจากกายบางทีละชิ้นโดยที่ร่างเล็กก็ไม่รู้ว่าเป็นไปแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เสียงแหบหวานครวญครางครั้งแล้วครั้งเล่ากับการถูกปรนเปรอด้วยมืออบอุ่นที่ส่วนอ่อนไหวที่เริ่มที่มีปฏิกิริยา
“ยูชอน
อ๊ะ..ยูชอ
น
!”
คิม จุนซูรู้ดีว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังเมามายอย่างไม่ได้สติและคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ส่วนลึกภายในใจกำลังบอกให้หยุด แต่ความโหยหาในความรักของคนตรงหน้าที่กอบกุมจิตใจมาตลอดกลับดูดกลืนสำนึกนั้นไปสิ้น
เพราะจุมพิตและสัมผัสที่อ่อนโยนวาบหวามรัญจวนจนรู้สึกล่องลอยและสุขสมทำให้ร่างเล็กลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
ทั้งเรื่องที่ตัวเองเป็นใคร
และเรื่องที่ร่างสูงตรงหน้ากำลังถูกความมึนเมาเข้าครอบงำ
“อ๊ะ
เจ็บ
!”
เสียงเล็กร้องขึ้นก่อนที่น้ำตาหยดเล็กจะไหลลงอาบพวงแก้มใสที่เปลี่ยนเป็นสีจัด ดวงตาเรียวรีไหวระริกปรายมองใบหน้าคมของคนเบื้องบนที่เป็นผู้รุกล้ำเข้ามาโดยที่ไม่มีการตระเตรียมช่องทางสีหวานที่ไม่เคยถูกผู้ใดล่วงล้ำ
“ไม่เอา..! อ๊า
! เจ็บ
ฮึก
ยูชอน
!”
“ฉันไม่ไหวแล้ว
ทนหน่อยนะ”
เสียงทุ้มพร่าที่ในเวลานี้ฟังแล้วยิ่งเพิ่มความเขินอายให้ร่างเล็กเข้าไปใหญ่ จุนซูหลับตาปี๋ก่อนที่จะสูดลมหายใจลึกและค่อยๆผ่อนคลายทีละน้อย กายบางสั่นเทิ้มเพราะความหวาดกลัวจนร่างสูงต้องมอบจุมพิตอุ่นๆที่ริมฝีปากเล็กราวกับต้องการปลอบใจ
“อึ้ก
!”
ยูชอนค่อยๆดันกายเข้าไปอย่างช้าๆทว่าร่างใต้อาณัติกลับสะดุ้งได้จนเผลอสะดุ้ง ฟันขาวขบริมฝีปากบางของตนเองจนแดงช้ำ ดวงตาเรียวใสพริ้มหลับด้วยความเจ็บปวดและอึดอัดในที ความรู้สึกที่ถูกล่วงล้ำมันช่างน่าอายจนต้องปิดดวงหน้าของตนเองด้วยมือทั้งสองข้าง
“เจ็
บ
ฮึก
ฉันเจ็บ
ยูชอน
”
“จะเข้าไปหมดแล้วนะคนดี
เอามือปิดหน้าทำไมหืม
?”
ร่างสูงจูบแผ่วเบาที่หลังมือซึ่งปกปิดดวงหน้าหวานที่ขึ้นสีก่ำอย่างน่ามองด้วยความอ่อนโยน ดวงตาเรียวรีเชื่อมปรอยค่อยๆมองลอดออกมาจากช่องว่างระหว่างเรียวนิ้วของตนเองก่อนที่จะพูดเสียงแผ่ว
“ฉ
ฉัน
ฉันอาย
อ๊า
!”
เสียงหวานสั่นพร่าที่ค่อยๆเอื้อนเอ่ยตอบอย่างช้าๆจำต้องกระตุกเพราะจู่ๆคนเบื้องบนก็ดันแทรกกายเข้ามาจนสุด
“เอามือออกสิ
”
“มะ
ไม่ได้
เอาออกไม่ได้
”
“คนดี
เอามือออกนะ
? ฉันอยากเห็นหน้านาย
”
เสียงอบอุ่นอ่อนโยนที่อยากได้ยินมาตลอดกระซิบแผ่วๆข้างใบหูเล็กสีจัด จุนซูพยายามเคลื่อนมือที่สั่นระริกออกด้วยความขัดเขิน ความอึดอัดที่ได้รับและความใกล้ชิดของผิวเนื้อยิ่งทำให้เลือดพร้อมใจกันสูบฉีดจนใบหน้าขาวกลับกลายเป็นลูกมะเขือเทศขนาดย่อม
“
ฉันจะขยับแล้วนะ
”
“ยูชะ
อ๊า
!”
สองมือเล็กกอดเกี่ยวบ่ากว้างไว้แนบแน่น เสียงครางหวานหูที่น่าฟังดังขึ้นไม่ขาดสายไปพร้อมๆกับจังหวะการประสานกายที่ขยับถี่เร่งขึ้นและทวีความหนักหน่วงเข้าไปทุกที
“อ๊า
ยูชอน..! ยูชอน
!”
“
นาย
แน่นมากเลย
อึ่ก
”
เสียงครางต่ำที่ไม่ได้เอ่ยชื่อของผู้ที่ร่วมความสุขสมควรจะทำให้รู้สึกอับอายกลับถูกความรัญจวนกลบกลืนไปสิ้น บรรยากาศภายในห้องที่เงียบงันกลับมีเพียงสองเสียงครวญครางที่ประสานจังหวะกันเป็นหนึ่งเดียว ร่างเล็กค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก มองใบหน้าคมของคนที่หลงรักมาตลอดด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่ปนเปกัน
“ฉะ..ไม่ไหว
ยูชอน!
ยูชอน
อ๊าาา!”
เสียงครวญแทบกลายเป็นการหวีดร้องเมื่อถูกชักนำไปสู่การปลดปล่อยด้วยมืออุ่นที่กอบกุมส่วนอ่อนไหวและขยับเป็นจังหวะ หยาดสีน้ำนมเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้าท้องพร้อมๆกับความอุ่นวาบที่พวยพุ่งเข้าสู่กายบางจนต้องหลับตาปี๋
“รัก
ฉันรัก
ยูชอน
”
ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากร่างสูงเบื้องบนเมื่อเสียงแหบหวานพูดเสียงแผ่วก่อนที่กายขาวนวลจะกระตุกน้อยๆเมื่อคนตรงหน้าค่อยๆถอนกายออกจะล้มตัวลงนอนเคียงข้าง ดวงตาเรียวรีค่อยๆหลับลงด้วยความเหนื่อยล้าและความคิดสุดท้ายที่เข้ามาในสมอง
ฉันขอโทษนะ
ยูชอน
ความรู้สึกเหนียวตัว อึดอัดและเจ็บแปลบที่ก่อกวนจิตใจทำให้คิม จุนซูต้องค่อยๆปรือตาขึ้นรับแสงอ่อนๆที่ลอดเข้ามาจากทางหน้าต่าง ร่างเล็กขมวดคิ้วน้อยๆกับความเย็นวาบทว่าอบอุ่นที่โอบหุ้มอยู่รอบกาย ก่อนที่จะค่อยๆพลิกตัวหาความอบอุ่นนั้น
“โอ๊ย..!”
เสียงแหบหวานเป็นเอกลักษณ์ร้องครวญด้วยความเจ็บปวดทันทีที่ขยับตัว ใบหน้าคมคายอันคุ้นเคยของ ‘เพื่อนสนิท’ ที่นอนหลับสนิทอยู่เคียงข้างด้วยเสื้อผ้าชุดเดิมที่หลุดลุ่ยทำให้ความทรงจำของเมื่อคืนแวบเข้าสู่สมอง
“นี่เรา
กับ
ยูชอน
”
ดวงหน้าหวานขึ้นสีจัดลามไปถึงใบหูเมื่อรู้สึกถึงสาเหตุของความเย็นวาบเพราะร่างกายที่ไร้อาภรณ์ใดปกปิด ดวงตาเรียวใสไหวระริกก่อนที่จะขบริมฝีปากของตนเองแน่น
เขาเผลอใจไปกับยูชอน ฉวยโอกาสกับยูชอนที่เมามากขนาดนั้น
ทั้งๆที่เขาควรจะขัดขืน
แต่ว่าเขาก็ยัง
หยาดน้ำสีใสเอ่อท้นที่ดวงตาจนต้องรีบปาดออก สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการทำทุกอย่างไม่ให้ร่างสูงตรงหน้ารับรู้ถึงเรื่องนี้เพียงเท่านั้น จุนซูค่อยๆพยุงกายที่บอบช้ำไปชำระร่างกายด้วยความรวดเร็วแม้จะเจ็บช่วงสะโพกจนแทบเดินไม่ไหวและไม่ลืมที่จะรีบมาทำความสะอาดให้กับคนที่นอนอยู่บนเตียง
ริมฝีปากบางถูกขบจนแดงก่ำอีกครั้งเพราะความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆจนน้ำตาซึม ทว่าเขาก็อดทนจัดการติดกระดุมและแต่งกายให้กับร่างสูงให้เรียบร้อยเหมือนเมื่อคืน นึกขอบคุณที่ผ้าปูเตียงไม่ได้เลอะมากนักเพราะเห็นเป็นเพียงจุดดวงไม่กี่จุด
คิม จุนซูรู้สึกสมเพชตัวเองจนแทบทนไม่ได้
“ขอโทษ
ขอโทษนะยูชอน
ฮึก
”
เสียงเล็กปนสะอื้นดังขึ้นเบาๆ หลังจากที่คลุมผ้าห่มให้คนตัวสูงเสร็จสรรพ ก็ต้องค่อยๆเคลื่อนกายบางไปที่เตียงของตนเองเพื่อล้มตัวลงนอนให้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าหยาดน้ำตามากมายที่ไหลจากดวงตาเรียวรีและความเจ็บปวดที่หัวใจนั้นกลับหยุดมันไว้ไม่ได้เลย
เหตุการณ์เมื่อคืนควรเป็นแค่ความฝัน..
นึกขอบคุณที่ร่างสูงไม่ได้เอ่ยชื่อใครออกมา
เพราะหากจะเปล่งชื่อออกมาขณะนั้น..
ชื่อนั้นก็คงจะเป็นของ ‘คิม แจจุง’ อย่างไม่ต้องสงสัย
จุนซูปาดน้ำตาเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจนับ ก่อนที่จะพยายามข่มตาให้หลับหลังจากที่ได้พักผ่อนแค่เกือบหนึ่งชั่วโมงหลังจากเหตุการณ์นั้น หวังให้ตื่นขึ้นมาแล้วทุกอย่างเป็นความฝันก็คงจะดี
ขอบคุณที่ไม่ได้เรียกชื่อออกมา
เพราะอย่างน้อย
มันก็ทำให้ฉันสามารถหลอกตัวเองได้อีกแม้เพียงนิดเดียวก็ยังดี
“อืม
”
ดวงตาเรียวของปาร์ค ยูชอนค่อยๆปรือขึ้นมาอย่างยากลำบากในเวลาเกือบเที่ยงของวัน สายตางัวเงียมองไปรอบห้องสีขาวสะอาดข้างซ้ายทีขวาทีอย่างงุนงง นึกแปลกใจที่วันนี้ไม่มีเสียงใสๆของเจ้าคนตัวเล็กมาปลุกเช่นเคย
อาการที่รู้สึกเหมือนเมาค้างดูจะยังคงมีอยู่ไม่ว่าเขาจะชินกับการดื่มมากแค่ไหนก็ยังคงปวดหัวอยู่ดี ยูชอนสะบัดหน้าไปมาสองสามครั้งก่อนที่จะก้มมองดูสภาพตนเองที่ยังอยู่ในชุดเดียวกับเมื่อวาน
เขาฝัน
ฝันแปลกๆ
ยูชอนขมวดคิ้วมุ่นเมื่อภาพของความทรงจำที่เขาคิดว่าเป็นความฝันนั้นช่างชัดเจนเสียจนรู้สึกกระตุกวูบในอก สัมผัสนุ่มนิ่มของผิวเนื้อและความหอมหวานจากกายบอบบางจนยากที่จะลืมและถอนตัวออกมาจากวังวนนั้นของใครสักคน
แล้วมันของใครกันล่ะ
?
ใบหน้าหวานในความคิดที่เลือนรางทำให้ยิ่งต้องขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก ก่อนที่เสียงครางหวานจะดังก้องขึ้นมาในโสตประสาท พร้อมๆกับดวงหน้าที่อาบไปด้วยหยาดน้ำตาทว่าเชื่อมปรอยน่าทะนุถนอมจะแวบเข้ามาในความคิด
จุนซู!
ยูชอนเบิกตากว้างก่อนที่จะรีบหันหน้าไปหาเจ้าของมโนภาพในความคิดที่นอนขดตัวเป็นก้อนกลมในผ้าห่มผืนหนาอยู่ที่เตียงข้างๆแทบจะในทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะถอนหายใจแผ่วเบา
บ้าชะมัด
ฝันอะไรของเราวะ
อีกฝ่ายคือจุนซูนะ!
เราจะไปคิดแบบนั้นกับจุนซูได้ยังไงกัน
เมามากเกินไปแล้ว
ร่างสูงสูดลมหายใจลึกอย่างพยายามตั้งสติและไล่ความฝันที่ตนเองคิดว่าไร้สาระออกไปจากสมอง ก่อนที่จะยันกายลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่อไปอาบน้ำให้เรียบร้อยเพราะเขารู้สึกสกปรกที่ไม่ได้อาบน้ำเมื่อคืนอยู่เต็มที
ทันทีที่เสียงของประตูห้องน้ำปิดลง เจ้าของกายขาวนวลก็ค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย เสียงฝักบัวที่ได้ยินคลอหูทำให้รู้ว่าร่างสูงที่เป็นผู้ร่วมห้องได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
ตื่นแล้ว
?
ดวงตาใสแป๋วลืมตาขึ้นโพลงทันทีก่อนที่จะรีบยันกายขึ้นอย่างยากลำบาก สายตาเรียวรีปรายมองสภาพตนเองก่อนที่จะรีบหยิบกระจกอันเล็กที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาส่อง
รอยสีกุหลาบที่ลำคอขาวเด่นชัดเสียจนเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ!
“อ๊ะ!”
คิม จุนซูรีบควานหาผ้าพันคอสีเข้มของตนเองที่วางพาดไว้ที่เก้าอี้มาพันๆรอบคออย่างลวกๆก่อนที่จะล้มตัวลงนอนต่อ อาการวิงเวียนมึนศีรษะและปวดล้าตามลำตัวทำให้ต้องเผลอขบริมฝีปากเพราะความเจ็บปวด
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ยูชอนก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทีที่แจ่มใสขึ้น สายตาของคนตัวสูงปรายมองมาที่จุนซูซึ่งนอนตาแป๋วจ้องมาทางนี้อยู่แล้ว ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มน้อยๆแม้ว่าภายในใจจะรู้สึกแปลกๆก็ตามที
“ตื่นแล้วเหรอจุนซู?”
“อ
เอ่อ
อือ
”
เสียงแหบหวานตะกุกตะกักทั้งๆที่ยังไม่ยันกายลุกขึ้นจากเตียง ยูชอนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าไปใกล้ สายตาสะดุดกับผ้าพันคอสีเข้มที่พันรอบลำคอขาวของคนตรงหน้าเอาไว้ก่อนที่จะเอ่ยถาม
“นายหนาวเหรอ? เบาแอร์มั้ย?”
ปาร์ค ยูชอนที่ชอบเปิดเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิต่ำสุดๆพูดด้วยน้ำเสียงราวกับจะขอโทษ แต่จุนซูกลับยิ้มจางๆก่อนที่จะส่ายหน้า
“
ไม่เป็นไรหรอก
ฉันแค่
.เอ่อ รู้สึกไม่สบายนิดหน่อยน่ะ
”
“หา?”
คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทรีบเข้ามาใกล้กว่าเดิม ฝ่ามืออุ่นทาบแนบหน้าผากมนด้วยสายตาเป็นห่วงจนทว่าคนบนเตียงกลับสะดุ้งเฮือกจนน่าแปลกใจ
“..ตัวรุมๆเหมือนกันนะ ลุกไหวมั้ย?”
จุนซูลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะรีบส่ายหน้า ใบหน้าน่ารักที่เป็นสีเลือดฝาดจางๆและริมฝีปากที่แดงก่ำบอกรวมกับนัยน์ตาสีรัตติกาลที่ช้อนขึ้นมองทำให้หัวใจของยูชอนเต้นไม่เป็นจังหวะ
บ้าชะมัด ดันนึกถึงความฝันบ้าๆนั่นซะได้
“
งั้นเดี๋ยวฉันลงไปหาอะไรให้กินแล้วกัน นี่มันจะเที่ยงอยู่แล้ว ไม่รู้ทำไมชางมินกับ
พวกพี่ๆทำไมยังไม่กลับกันมาอีกก็ไม่รู้ นายเองก็เหมือนกัน ทำยังไงถึงปล่อยให้ตัวเองไม่สบายได้ฮึ?”
น้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงแม้จะติดดุอยู่ในทีแต่ก็อ่อนโยนเสมอทำให้จุนซูคลี่ยิ้มออกมาก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่ว
“
ขอบคุณนะ
”
รอยยิ้มหวานๆที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนกับเด็กตัวน้อยๆทำให้ยูชอนยิ้มตามด้วยความรู้สึกแปลกๆที่หัวใจ
“ไม่เป็นไร
เออนี่ จุนซู
”
“หืม?”
“เมื่อคืน
ตอนฉันกลับมาที่บ้าน นาย
”
“อ้อ! นายเมามากๆเลยนะยูชอน แย่ที่สุดเลย ฉันล่ะไม่ชอบให้นายออกไปดื่มจริงๆ รู้รึเปล่าว่ากว่าฉันจะแบกนายมาที่ห้องได้มันหนักขนาดไหน พอมาถึงเตียงปุ๊บก็หลับปั๊บจนฉันต้องมาเช็ดตัวให้นายอีก ทีหลังหัดได้สติไปอาบน้ำก่อนที่จะหลับสิ!”
ร่างเล็กรีบเอ่ยตอบก่อนที่จะได้ยินคำถามจบเสียอีก เสียงหัวใจเต้นถี่ระรัวจนรู้สึกได้เมื่อความรู้สึกหวาดหวั่นว่าร่างสูงตรงหน้าจะระแคะระคายใจเข้ามากอบกุมความคิด ยูชอนพยักหน้าน้อยๆด้วยความรู้สึกโล่งอกที่กึ่งๆกับความรู้สึกวูบในอกแปลกๆ
“ขอบใจนะ นายนอนพักไปก่อนแล้วกัน จะทำของกินมาให้
”
“นายเนี่ยนะจะทำ!?” จุนซูอดนึกไปถึงเมื่อครั้งที่เขาปวดท้องหลังจากทานอาหารฝีมือยูชอนครั้งก่อนไม่ได้จริงๆ
“ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้นเลย คนเค้าอุตส่าห์หวังดี”
“
อิยะฮ่าๆ ล้อเล่นหรอกน่ะ ขอบคุณนะ
”
ยูชอนยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียงพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเอง
“ฉันขอโทษนะ
ยูชอน
”
แต่ฉันจะให้นายรู้เรื่องเมื่อคืนไม่ได้จริงๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued...
ความคิดเห็น