คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : :: Outreach :: Chapter.1
TALK ::
สวัสดีค่าทุกท่าน ^^ มาอัพฟิคชันเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ
ช่วงนี้มีนู่นมีนี่ทำเยอะแยะไปหมด จนไม่รู้จะปั่นฟิคยังไงเลยค่ะ T T; ฮ่าๆ
โชคดีที่ยังพอมีตอนสำรองไว้ตอนสองตอน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวต้องมีดองแหงเลย (ฮา)
สำหรับฟิคชันเรื่องนี้ มายด์จะพยายามเขียนให้ดีที่สุดเท่าที่สมองจะเอื้ออำนวยเจ้าค่ะ T^T
ขอขอบคุณสำหรับทุกๆการติดตามมากๆเลยนะคะ
ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์ที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอมาเจ้าค่ะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ ^ ^
Chapter.1
“จุนซู ! ยูชอน ! ให้ตายเถอะ พวกนายมาตอนอีกสองนาทีจะเข้าคลาสเนี่ยนะ !?”
ร่างบางของเด็กหนุ่มผู้ซึ่งมีใบหน้าสวยหวานราวกับอิสตรีเอ่ยเสียงแหวออกมาทันที เมื่อเห็นผู้เป็นเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังบริเวณม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่บริเวณที่ตนเองนั่งอยู่
อันที่จริงเขาเกือบจะเดินเข้าห้องเรียนไปแล้วเสียด้วยซ้ำ ถ้าหากไม่ติดว่าเจ้าเพื่อนสองคนนี้ตะโกนทักเอาไว้
“ขอโทษจริงๆนะแจจุง” เป็นเจ้าของใบหน้าน่ารักที่ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ดูสดใสที่เอ่ยขอโทษขอโพยขึ้นมา ก่อนที่นัยน์ตาคู่เรียวจะตวัดไปมองยังชายหนุ่มร่างโปร่งเคียงข้างซึ่งในมือถือกระเป๋าอยู่สองใบอย่างนึกขุ่นเคือง
“ก็ยูชอนน่ะแหละไม่ยอมตื่นซะที !”
“มาโทษฉันคนเดียวได้ยังไงล่ะจุนซู นายเองก็กดนาฬิกาปลุกทิ้งไปรอบนึงเหมือนกันนั่นแหละถึงได้มาสายขนาดนี้” ชายหนุ่มร่างโปร่งพูดไปก็หาววอดไป จนจุนซูต้องเม้มริมฝีปากแน่นแล้วเตรียมจะอ้าออกโต้กลับไปอีกครั้งหนึ่ง
“นาย ---!”
“โอ๊ย ! พอแล้ว พอแล้วทั้งสองคนนั่นแหละ ! รีบไปเข้าเรียนเถอะ อาจารย์วอนฮียิ่งโหดๆอยู่ด้วย เดี๋ยวก็โดนเช็คขาดกันพอดี !”
เป็นคิม แจจุงที่เลือกจะสงบศึกขนาดย่อมที่กำลังจะเกิดขึ้น มือบางรีบคว้าข้อมือเล็กของคนน่ารักข้างกายและออกวิ่งทันทีจนจุนซูได้แต่ปล่อยตัวให้ไปตามแรงรั้งนั้นโดยมียูชอนค่อยๆเดินตามไปติดๆ
ร่างน้อยมองใบหน้าด้านข้างของผู้เป็นเพื่อนก่อนจะเอ่ยถาม
“แล้วยุนโฮล่ะแจจุง ? ปกติพวกนายสองคนตัวติดกันจะตายนี่นา”
“กลับตึกคณะไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
เห็นว่ามีเรียนเช้าเหมือนกัน”
“อ้าวเหรอ
แล้ว ---”
“วิ่งเถอะจุนซู ไม่ทันแล้ว !!”
“ว
หวา !” คราวนี้คนร่างบางที่แรงเยอะกว่าที่ใครๆคิดไว้จัดการเร่งความเร็วของฝีเท้าจนคนตัวเล็กแทบจะปลิวตามไป วิ่งฉิวนำลิ่วจนยูชอนที่เดินตามอยู่ข้างหลังได้แต่ถอนหายใจแล้วสาวเท้าเร็วๆเพื่อตามผู้เป็นเพื่อนทั้งสองให้ทัน
ปาร์ค ยูชอน คิม จุนซู คิม แจจุง และชอง ยุนโฮ
เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยม กระทั่งถึงตอนนี้ทั้งสี่กลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่สามแล้วก็ยังคงสนิทกันดีเหมือนเดิมทุกประการ แม้ว่ายูชอน จุนซูและแจจุงจะเรียนอยู่คณะบริหาร ในขณะที่ชอง ยุนโฮแยกไปเรียนคณะนิติศาสตร์ก็ตาม ทว่าก็ไม่ใช่ปัญหาในการสนิทสนมของทั้งสี่คนแต่อย่างใด
...
“ร้อนนนนน !!”
เสียงทุ้มหวานของคนหน้าสวยประจำคณะบริหารร้องดังออกมาขณะฟุบหน้าลงไปกับท่อนแขนของตนเองบนโต๊ะหินอ่อน อากาศยามเที่ยงร้อนจัดเสียจนแม้ว่าจะอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ก็ยังไม่ช่วยให้คลายความร้อนระอุนี้ไปได้เลย
“เมื่อไหร่ยุนโฮจะมาซะที ฉันร้อนจะตายอยู่แล้ว !!!”
“หืมมม นี่ร้อนตัวหรือว่าร้อนใจกันแน่ล่ะ ? อิยะฮะฮะฮะ”
“เดี๋ยวเหอะจุนซู !”
แจจุงไม่รีรอที่จะหันไปแว้ดคนตัวเล็กกว่าซึ่งนั่งอยู่ม้านั่งฝั่งตรงข้าม
ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้าคือภาพของใบหน้าขาวใสซึ่งเปียกชื้นด้วยหยาดเหงื่อ หากแต่เพียงไม่นานก็ถูกซับออกไปด้วยฝีมือของใครบางคน
“จุนซู อยู่นิ่งๆสิ”
“อื๊อออ ~ เย็นอ่ะยูชอน”
“เหงื่อเยอะออกขนาดนี้เดี๋ยวก็เหนียวตัวหมดหรอก”
“ยูชอนนนน ~ อยากกินน้ำ”
“ฉันเตรียมกระติกน้ำเย็นอยู่ในกระเป๋านายตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว”
“จริงอ่ะ ? ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“แล้วปกตินายเป็นคนถือกระเป๋าหรือไงล่ะ ?” เสียงทุ้มบาริโทนเอ่ยด้วยสีหน้าหน่ายๆ แต่มือก็ยืนกระเป๋าทั้งใบให้กับคนตัวเล็กที่รับมาถือและจัดการเปิดหากระติกน้ำที่ว่าทันที หากแต่คว้าขึ้นมาดื่มอักๆได้ไม่นานก็ส่งเสียงงุ้งงิ้งออกมาใหม่แล้ว
“ยูชอนนนน ~ หิววววว”
“ขนมก็อยู่อีกช่องนึงนั่นแหละ”
“จริงนะ ! อ๊า สุดยอด !”
บทสนทนาของเพื่อนสองคนตรงหน้าทำเอาคิม แจจุงที่รู้สึกร้อนเป็นทุนเดิมแล้วยิ่งร้อนกว่าเก่า มือบางยกขึ้นเท้าคางของตนเองอย่างปลงๆในขณะที่เอ่ยออกไปอย่างอดไม่ได้
“ยูชอน นายตามใจจุนซูมากเกินไปแล้วนะ !”
คนตัวเล็กซึ่งกำลังแกะถุงขนมทั้งๆที่ยังเงยหน้า และชายหนุ่มร่างสูงโปร่งซึ่งกำลังบรรจงเช็ดเหงื่อให้อีกฝ่ายนั้นหยุดชะงักไปทั้งคู่ พลางหันหน้ามามองเพื่อนหน้าสวยที่เป็นเจ้าของคำพูดนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“อิจฉาล่ะสิ ?” เป็นคนตัวเล็กที่พูดออกมาพลางยักคิ้วอย่างจงใจกวนประสาท
“อิจฉาอะไรห๊ะจุนซู !”
“ก็เพราะยุนโฮยังไม่มา แจจุงเลยไม่มีคนทำแบบนี้ให้ไง อิยะฮะฮะฮ่า ~”
“อย่ามาเวอร์ ! ฉันกับยุนโฮน่ะแฟนกัน จะทำอะไรให้กันแบบนี้มันก็ไม่แปลกสักหน่อย ! แต่พวกนายน่ะ
! ฮึ้ยยย !”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย” เจ้าของใบหน้าน่ารักยู่ปากน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทร่างโปร่งเคียงข้างกายด้วยรอยยิ้มอ่อน “ฉันกับยูชอนก็สนิทกันแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเนอะ ?”
“
ก็คงงั้นแหละ”
“น้ำเสียงแบบนี้มันหมายความว่ายังไงไม่ทราบห๊ะ ?” มือข้างเล็กที่ไม่ได้ถือขนมอยู่จัดการยื่นไปหยิกแก้มเปล่งๆของชายหนุ่มเล่นๆ จนยูชอนต้องค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาอย่างช้าๆแม้จะเคลือบแฝงไปด้วยแววบางอย่างก็ตาม
“ฉันล้อเล่นน่า ก็นายเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุดเลยนี่”
“อ๊า ~ อย่างนี้สิยูชอนของฉัน ฮิๆ”
อาการหยอกล้อต่างๆนานาของเพื่อนสนิทสองคนตรงหน้าก็ทำเอาคนหน้าสวยถึงกับพูดอะไรต่อไปไม่ถูก ได้แต่จงใจถอนหายใจออกมาเสียเฮือกใหญ่เพื่อให้ทั้งสองคนที่กำลังยิ้มให้กันต้องหันหน้ากลับมามองอีกครั้ง
“แจจุงอิจฉาฉันจริงๆใช่มั้ยล่ะ ? อิยะฮะฮะฮะ”
“ว่าไงน --- อ๊ะ ยุนโฮวววว !!!”
ดูเหมือนว่าการมาของเจ้าของใบหน้าคมเข้มท่าทางอบอุ่นนั้นจะสามารถยับยั้งสงครามน้ำลายขนาดย่อมได้พอดิบพอดี เพราะทันทีที่นัยน์ตากลมโตของคิม แจจุงปรายมองเห็นชายคนรักซึ่งเดินยิ้มมาแต่ไกล ก็รีบโบกไม้โบกมือให้ด้วยน้ำเสียงดีใจสุดๆจนจุนซูต้องกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“พอแฟนมาก็อารมณ์ดีเชียวเลยนะแจจุงเนี่ย
จริงมั้ยยูชอน”
“
.” แรงกระตุกที่ชายเสื้อเชิงเรียกร้องความสนใจของคนตัวเล็กนั้นไม่ได้เข้าไปถึงประสาทรับรู้ของชายหนุ่มผิวขาวจัดเลยแม้แต่นิดเดียวจนจุนซูเอ่ยเรียกซ้ำ
“ยูชอน ?”
ดวงหน้าน่ารักซึ่งหันมามองเพื่อนสนิทร่างโปร่งของตนเองฉายแววฉงนเล็กน้อย เมื่อพบว่ายูชอนไม่ได้มองมายังตนเองอย่างที่เคย แต่กลับดูชะงักและนิ่งงันไปกับภาพตรงหน้าจนจุนซูต้องหันไปมองตามทางที่คนรักของแจจุงเพิ่งจะเดินมาบ้าง
“เป็นอะไรไปน่ะยูช --- อะ
พี่ชางมิน !”
มือข้างเล็กที่เคยเกาะท่อนแขนผละออกไป
ทั้งๆที่เป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ร่างเล็กๆวิ่งออกไปหาใครอีกคนหนึ่งตรงหน้า
แต่สำหรับปาร์ค ยูชอนแล้วมันช่างนานแสนนานราวกับเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง
ชายหนุ่มร่างสูงชะลูดในชุดนักศึกษาดูเป็นที่สะดุดตา
ผิวกายสีน้ำผึ้งยิ่งขับให้ใบหน้าคมคายหล่อเหลานั้นดูเข้มขึ้นมาได้เป็นอย่างดี มือข้างหนายกขึ้นเชิงทักทายเล็กน้อยขณะที่ขยับยิ้มมุมริมฝีปากหยักยามที่ร่างเล็กๆของจุนซูวิ่งเข้าไปหา
“พี่ชางมิน มาทำอะไรที่หน้าคณะบริหารเหรอฮะ ?”
น้ำเสียงแหบหวานนั้นดูสดใสกว่าที่เคยยามเอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้า นัยน์ตาเรียวรีเป็นประกายเช่นเดียวกันรอยยิ้มซึ่งประดับอยู่บนดวงหน้าอ่อนหวานซับสีระเรื่อน้อยๆนั้นก็ดูน่ารักนักหนา
“พี่ก็มาหาเรานั่นแหละ จำเรื่องงานชมรมไม่ได้แล้วเหรอ ?”
“เอ๊ะ ? อ๊า
! จริงด้วย ผมลืมไปซะสนิทเลย”
“พี่ก็ว่าอย่างนั้นนั่นแหละ ถึงได้ตามยุนโฮมาหาเราถึงที่นี่ไงล่ะ” ฝ่ามือหนายื่นออกมาขยี้เรือนผมสีน้ำตาลเข้มของคนตัวเล็กกว่าอย่างมันเขี้ยว
“พี่ชางมินอ่ะ ! ผมผมยุ่งหมดแล้ว !!”
“ฮ่าๆๆๆ”
ชิม ชางมิน
เดือนคณะนิติศาสตร์ของนักศึกษาปีที่สี่ นอกจากฐานะที่บ้านจะร่ำรวยสุดๆแล้ว ยังมีสติปัญญาฉลาดเป็นเลิศจนสอบได้ที่หนึ่งของคณะทุกครั้ง มิหนำซ้ำควบตำแหน่งประธานชมรมดนตรีซึ่งเป็นที่โด่งดังของมหาวิทยาลัยจนมีการจัดคอนเสิร์ตภายในซึ่งมีผู้ชมจำนวนล้นหลามเป็นประจำทุกๆปีอีกด้วย จนอาจเรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มในฝันของหลายๆคนเลยทีเดียว
และคิม จุนซูเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
เขาไม่รู้เลยว่ามันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
หรือความจริงแล้วอาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่เขากับจุนซูเลือกลงชมรมดนตรี และพบกับชายหนุ่มคนนี้ซึ่งขณะนั้นเป็นรุ่นพี่ในชมรมแล้วก็ได้ เพราะหลังจากนั้นเมื่อรู้ตัวอีกที ระยะห่างที่เขาคอยเฝ้ามองจุนซู มันก็ดูเหมือนว่าจะไกลออกไปมากขึ้นเสียแล้ว
“ยูชอน
”
เสียงทุ้มหวานของคนหน้าสวยที่เดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าซึ่งอ่านไม่ออกทำให้ร่างโปร่งต้องละสายตามาจากภาพตรงหน้าเพื่อหันมามอง
“อะไรเหรอ ?”
“นาย
โอเคนะ ?”
นัยน์ตาคมอ่อนแสงลงเล็กน้อยพลางยกยิ้มน้อยๆ “ทำไมฉันถึงจะไม่โอเคล่ะ ?”
“ก็
” เสียงทุ้มหวานนั้นขาดห้วงไป ทำเพียงปรายสายตาไปทางคนตัวเล็กและรุ่นพี่หน้าคมซึ่งกำลังคุยเล่นอยู่อีกทางหนึ่งเชิงบอกเป็นนัย
“จุนซูกับพี่ชางมิน
ก็ดีแล้วนี่”
“เลิกปิดบังเถอะยูชอน ใครๆก็รู้ว่านายคิดยังไงกับจุนซู”
“รู้แล้วยังไงล่ะ
” เสียงทุ้มบาริโทนเอ่ยอย่างเงียบๆ กำมือเข้าหากันแน่น ส่งสายตาไปยังแผ่นหลังของคนตัวเล็กด้วยแววตาคู่คมซึ่งอ่านไม่ออก “ยังไงมันก็เป็นแค่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
”
“รอยที่ต้นคอด้านหลังของจุนซู
ฝีมือนายใช่มั้ย ?”
“
!” คนร่างโปร่งถึงกับหันมามองเพื่อนสนิทหน้าสวยของตนเองทันทีด้วยสีหน้าตกใจ “
นาย
ทำไม
” ทั้งๆที่เขามั่นใจแล้วแท้ๆว่าคงจะไม่มีใครเห็น
“พอดีลมมันพัดน่ะตอนนั้น
ฉันก็เลยบังเอิญเห็นเข้า” แจจุงเป็นคนอธิบาย “แต่ถึงฉันจะไม่เห็น ... ความจริงฉันกับยุนโฮก็รู้มาตั้งนานแล้ว”
“พวกนาย
”
“คิดอะไรอยู่ ยูชอน ?”
“
.”
“นายทำแบบนี้
นายมีความสุขแล้วจริงๆเหรอ ?”
“
.”
“ยูชอน”
“
พอเถอะ”
“
.”
“ฉันเลือกไปแล้ว
” มือหนาค่อยๆกำเข้าหากันแน่น เสหน้าไปอีกทางหนึ่งเพื่อที่จะไม่ต้องสบสายตาของผู้เป็นเพื่อนอีก “มันแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว
”
“ยูชอน
นายกำลังทำร้ายทั้งตัวเองทั้งจุนซูนะ”
“ฉันรู้”
“ยูชอน
”
“
รู้ดียิ่งกว่าใครทั้งหมดนั่นแหละ !”
“อ
ยูชอน
เดี๋ยวสิ ! ยูชอน !”
เพราะเสียงทุ้มพร่านั้นเอ่ยออกมาเสียงดังกว่าที่เคยและผู้เป็นเจ้าของก็คว้ากระเป๋าเดินจากไป ทำให้แจจุงไม่อาจที่จะเอ่ยรั้งอะไรได้เลย ครั้นจะวิ่งตามไป มือหนาของชายคนรักข้างกายก็คว้าข้อมือของเขารั้งเอาไว้เสียแล้ว
“ยุนโฮ
”
“แจจุง หมอนั่นพูดถูกแล้ว
มันเป็นเรื่องที่ทั้งสองคนเลือกไปแล้วนะ”
“แต่ว่า ---!”
“ให้เวลายูชอนมันหน่อยเถอะ” ริมฝีปากหยักพรูลมหายใจ “
ยังไงตอนนี้คนที่เจ็บที่สุดก็คงจะเป็นหมอนั่นนั่นแหละ”
.
ร่างสูงโปร่งผิวขาวจัดหยุดยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้าบริเวณข้างๆลานกว้างภายในมหาวิทยาลัย หอบหายใจเพียงครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเปิดน้ำวักขึ้นมาล้างหน้าเพื่อให้วามรู้สึกรุนแรงและฟุ้งซ่านภายในสมองและจิตใจได้คลายลงไปได้บ้าง มือแกร่งทั้งสองข้างยันขอบอ่างเอาไว้พลางพรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ย้อนนึกไปถึงวันวานของการเริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่างที่เลยเถิดมาจนกระทั่งป่านนี้
“ย
ยูชอนล้อฉันเล่นใช่หรือเปล่า”
“ไม่ใช่นะจุนซู
ฉันรักนายจริงๆ”
“
.”
“รักแบบคนรัก รักอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งสามารถที่จะรัก ฉันอยากอยู่ใกล้ๆนาย อยากคอยดูแลนาย อยากปกป้องนายตลอดไป จุนซู
ฉัน
”
“
.”
เพราะไม่ได้ยินเสียงใดๆออกมาจากริมฝีปากคู่เล็กนั้นเลยสักคำ หัวใจของปาร์ค ยูชอนจึงยิ่งรู้สึกวูบโหวงจนไม่อาจทำอะไรต่อไปได้เลย
“ได้โปรด
พูดอะไรสักอย่างได้ไหม
”
“
ยูชอน”
“
.”
“ฉัน
อึ่ก
ฉันขอโทษ”
เขาไม่รู้เลยว่าเสียงแหบเล็กที่เอ่ยประโยคสั้นๆออกมานั้นทำให้โลกทั้งใบหยุดหมุนลงไปตั้งแต่เมื่อไร
“แต่ว่าฉัน
”
“
.”
“
ฉันชอบพี่ชางมิน”
ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นอย่างนั้น
ทั้งๆที่รู้แก่ใจดีอยู่แล้วแท้ๆ
“ยูชอน
ยูชอนเมาเกินไปแล้วนะ !”
“ฮึก ฉันรักนายจุนซู ฉันรักนาย
”
“
.”
“ทำยังไงนายถึงจะรักฉันบ้าง อึ่ก
ทำไมฉันตัดใจจากนายไม่ได้สักทีจุนซู ฉัน
ฉันควรทำยังไงกับความรู้สึกนี้ดี ต้องทำยังไงให้มันหายไป
จุนซู
”
อาจเป็นเพราะความเมามายถึงได้พูดอะไรออกไปอย่างนั้น
หากแต่มันก็ทำให้คนตัวเล็กที่ฟังอยู่รู้สึกเจ็บแปลบภายในหัวใจจนต้องนิ่งงัน เพื่อนสนิทที่กอดตนเองเอาไว้แน่นทำให้ไม่อาจจะขยับ หากแต่กายแกร่งซึ่งสั่นเทาไหวระริกนั้นกลับทำให้จุนซูรู้สึกปวดร้าวเหลือเกิน
เพราะยูชอนเป็นเพื่อนคนสำคัญ
เป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดในโลก
“
ยูชอน”
“อึ่ก
จุนซู
จุน ---!”
ดวงตาคมของคนที่เมามายไม่ได้สติเบิกขึ้นเล็กน้อย เมื่อจู่ๆริมฝีปากของตนเองก็ถูกทาบทับปิดกั้นด้วยปากเล็กๆของเจ้าของชื่อที่ตนเอ่ยเรียก
กลิ่นหอมอ่อนๆจากกายนุ่มและสัมผัสชวนลุ่มหลงแผ่วหวานอันแสนไร้เดียงสานั้นทำให้สติสตังที่เหลือน้อยนิดของร่างโปร่งขาดผึง มือข้างหนายกขึ้นกระชับท้ายทอยเล็กและบดจุมพิตหนักหน่วงตอบกลับไปทันทีจนคนตัวเล็กต้องอุทานแผ่วเบา
“อื๊ออ
ยู
”
“จุนซู
จุนซูฉันรักนาย
”
เพราะความเมามายและขาดการควบคุม ทุกสิ่งทุกอย่างจึงดำเนินไปจนกระทั่งถึงสุดปลายทาง เจ้าของร่างเล็กๆซึ่งแม้จะสั่นไหวระริกไปทั้งกายด้วยความหวาดหวั่น หากแต่นัยน์ตาเรียวรีนั้นก็หลับลงรับสัมผัสรัญจวนซึ่งแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและโหยหาของผู้เป็นเพื่อนสนิทโดยที่ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด
ทว่าประโยคที่ได้ยินในวันนั้น
กลับยังคงดังก้องอยู่ภายในโสตประสาทจนถึงทุกวันนี้
“ยูชอนเป็นคนสำคัญ
เป็นเพื่อนคนสำคัญของฉัน”
“
.”
“ฉันเป็นของยูชอน ฉันเป็นของยูชอนทั้งหมด แต่มีอย่างเดียวที่ฉันให้ไม่ได้
”
“
.”
“ฉันให้หัวใจยูชอนไม่ได้
”
“ยูชอน !”
“
!”
เสียงเรียกแหบหวานที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้ชายหนุ่มร่างโปร่งสะดุ้งเล็กน้อยพลางหันหน้าไปมอง ก็พบว่าเป็นเจ้าของใบหน้าอ่อนใสหอบหายใจน้อยๆด้วยพวงแก้มที่ยังคงแต้มสีระเรื่อ ดวงหน้าน่ารักนั้นฉายแววสดใสแม้ว่าจะแฝงไปด้วยความตัดพ้อเล็กๆก็ตาม
“จุนซู
”
“ทำไมจู่ๆถึงเดินออกมาแบบนี้ล่ะ ไม่รอฉันเลยนะ”
ร่างโปร่งหลบสายตาเล็กน้อยกับคำถามนั้น “ก็ฉัน
เห็นว่านายคุยกับรุ่นพี่ชางมินอยู่”
“พี่ชางมินมาบอกเรื่องงานแสดงที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้ล่ะ รู้มั้ยยูชอน คราวนี้ฉันได้เป็นนักร้องนำด้วยนะ ! พี่ชางมินบอกว่าฉันต้องทำได้แน่ๆเลยด้วยล่ะ ก็ปกติแล้วพี่ชางมินจะเป็นคนร้องนำตลอดเลยนี่นา”
“
.”
“แถมปีที่แล้วที่ฉันได้เป็นนักร้องนำคู่กับพี่ชางมินมันก็สุดยอดสุดๆเลยด้วย ! พี่ชางมินทั้งร้องเพลงเพราะ ทั้งเก่งแล้วก็ดูดี แต่ว่าเขาก็ไว้ใจมอบหมายหน้าที่นี้ให้ฉัน ตอนนี้ฉันดีใจมากๆเลยล่ะยูชอน ~”
ดวงหน้าหวานแสนสดใสนั้นยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้าไปเลยแม้แต่น้อย
ทั้งนัยน์ตาคู่เรียวใสแจ๋วนั้นก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน เสียงแจ้วๆที่เปล่งออกมาจากจีบปากบางเผยความรู้สึกดีใจของตนเองออกมาอย่างไม่ปิดบัง จนคนมองได้แต่นิ่งเงียบไป
“
.”
“อื๋อ ? ยูชอน ?”
เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปแบบนั้น คนตัวเล็กจึงกระพริบตาปริบๆพลางเอียงคอน้อยๆอย่างติดนิสัยด้วยสีหน้าที่ฉายแววงุนงงออกมาอย่างชัดเจน
ยูชอนมองคนตาใสคนตรงหน้าแล้วก็ได้แต่เม้มริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย ชั่งใจอยู่เพียงครู่หนึ่งก่อนที่จะเปล่งเสียงทุ้มพร่าของตนเองออกไป
“จุนซู ...”
“หืม ?”
ยิ่งเห็นรอยยิ้มไร้เดียงสานั้นเท่าไร ภายในหัวใจมันก็ยิ่งปวดแปลบมากขึ้นเท่านั้น
“ยูชอน ?”
คนตัวสูงกว่าที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า และยื่นแขนแกร่งมาโอบรอบเอวของตนเองเอาไว้ ยิ่งทำให้จุนซูงงมากเข้าไปอีก หากแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เพราะยังไงที่ตรงนี้ในเวลานี้ก็ไม่มีใครเดินผ่านมาอยู่แล้ว
“จุนซู”
“หือ ?”
นัยน์ตาเรียวรียังคงกระพริบสองสามครั้ง ด้วยสีหน้าน่ารักที่ไม่ว่าเมื่อไรคนมองก็รู้สึกอยากจะเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียวเท่านั้น
“
จูบฉันสิ”
ประโยคที่ดูเหมือนคำสั่งกลายๆจากริมฝีปากอิ่มนั้นทำให้คนตัวเล็กนิ่งงันไปเล็กน้อย หากทว่าไม่นาน
เจ้าของดวงหน้าน่ารักก็ยกแขนเพรียวทั้งสองข้างของตนเองขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งของเพื่อนสนิทตรงหน้าเอาไว้ ขยับยิ้มพรายอ่อนหวานขณะเอ่ยตอบรับ
“ได้สิ
”
ริมฝีปากของคนทั้งคู่ค่อยๆสัมผัสกัน โดยที่เจ้าของร่างเล็กเป็นฝ่ายเริ่มต้น
บดคลึงน้อยๆและดูดดุนอย่างแผ่วเบาตามคำขอของชายหนุ่มตรงหน้า ที่ก็ค่อยๆจูบตอบกลับและกลายเป็นคนควบคุมการจุมพิตนี้ไปเสียแทน ตามรุกไล่เร่าร้อนให้ร่างนิ่มระทดระทวยอยู่ภายในอ้อมแขน ส่งเสียงครางเครือภายในลำคอและยินยอมไปตามแรงชักจูงของอีกฝ่ายแต่โดยดี
ยูชอนค่อยๆเปิดเปลือกนัยน์ตาคมของตนเองขึ้นมาอย่างช้าๆ ลอบมองคนตัวเล็กในระยะประชิดซึ่งยังคงหลับตาพริ้มกับรสสัมผัสที่ยังคงดำเนินต่อไป
ด้วยแววตาปวดร้าวเกินกว่าที่จะปิดบัง แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีวันได้เห็นมันก็ตาม
ฉันขอโทษจุนซู
ฉันขอโทษ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
To Be Continued ...
ความคิดเห็น