ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คำสาบานในความเงียบงัน

    ลำดับตอนที่ #3 : อย่าหวังครั้งใดจะรู้จัก(2)

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 49


    ตลอดระยะทางท่ามกลางแสงสลัว ๆ ในป่าไผ่นั้น ความในใจของซาซากุยังคงล่องลอยอยู่ไหนสักแห่ง ทิ้งร่างเดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยหญ้าต้นเล็ก ๆไปจนถึงดอกหญ้าสูงท่วมเอว สองขาก็ยังคงก้าวเดินแหวกกอหญ้าต่อไป ไม่รู้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ จากใบหญ้าเหล่านั้น

    แต่บางครั้งสติก็ถูกดึงกลับเข้าร่างวูบ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปีศาจเจลหลากสีสัน อย่างที่เขาเคยเห็นตอนเริ่มหัดเดินเตาะแตะ นานแล้วแต่ก็ยังจำได้ดี มันมีทั้งตัวสีเขียว สีแดง สีฟ้า สีเหลือง หลาย ๆ ตัวยืดหยุ่นอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนั้น

    เขาลืมตาขึ้นมองมันอีกครั้ง ปีศาจเจลตัวนี้เป็นสีฟ้า ไม่ยากถ้าจะฆ่ามันนั้นง่ายนิดเดียว เขาสงบจิตใจไล่ความฟุ้งซ่าน ชักดาบซามูไรออกมาจากฝัก ตั้งท่ายกดาบฟันกลางลำตัวปีศาจเจลเลือดสีฟ้ากระฉูดในพริบตา

    " ไปตายซะไอ้พวกปีศาจ รำคาญ "

    ซาซากุสบถออกมาอย่างเหลืออด เขาฆ่าปีศาจเจลเป็นตัวที่สิบแล้ว โชคดีเหลือเกินที่ใกล้ตัวเขามีป้ายบอกทาง แผ่นไม้สลักลูกศรชี้ตรงไป อีกแผ่นชี้ย้อนหลัง ข้างหน้าเป็นทางไปเจ็นแรน ส่วนเบื้องหลังเป็นปราสาทเซอราตาพินที่เขาสู้อุตส่าห์หลบหนีออกมาและรอดพ้นอย่างหวุดหวิด

    ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงนั้น เขาเกือบเดินหลงไปถนนจีบาซู ด้วยสติที่ล่องลอยหนีหายเกือบทำให้เขาต้องเดินทางกลับไปรับโทษที่ประเทศเมลูเวทเสียแล้ว เส้นทางต่อไปข้างหน้าจะไม่มีการหลงทางเข้าดินแดนต้องห้ามอีกแน่นอน

    เมื่อเข้ามาถึงเขตเจ็นแรน ป่าไผ่เริ่มลดจำนวนลง กลายเป็นต้นไม้ชนิดอื่นขึ้นแซมระหว่างต้นไผ่ตลอดสองข้างทาง ในที่สุดก็ออกจากป่าไผ่และมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าสนสัญลักษณ์ของเขตเจ็นแรนในเวลาตีหนึ่งสิบห้านาที เริ่มต้นวันใหม่ได้หนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ

    มีต้นสนฉัตรสูงใหญ่ขึ้นขวางทางเดิน เขาต้องเบี่ยงกายเดินตามทางแคบ ๆ ระหว่างต้นสนต้นอื่น ๆ กับลำต้นขนาดเท่าคนสี่คนโอบล้อมได้พอดีออกมาอย่างทุลักทุเล เขารีบเดินต่อไปโดยไม่ทันสังเกตทาง จนสะดุดกับของแข็งบางอย่างคล้ายท่อนไม้บนทางเดิน

    " โอ๊ย " เสียงร้องดังขึ้นพร้อมกัน เสียงหนึ่งนั้นเป็นเสียงซาซากุ อีกเสียงหนึ่งนั้นแหลมเล็กคล้ายเสียงร้องของผู้หญิง

    ซาซากุกวาดสายตามองไปรอบ ๆ หาเจ้าของเสียงไม่พบ เขาหันหน้ากลับมาที่เดิน เผลอเหลือบมองลงล่าง เห็นเจ้าของเสียงนอนอยู่แทบเท้าเขาอย่างอ่อนแรง

    " ไม่ต้องหันไปหรอก ข้าเองแหละ "

    เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ๆ หูแหลมยาวเหมือนเทพธิดาที่เขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน หรือว่านางเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านเจ็นแรนใกล้ ๆ นี่เอง

    ไม่ทันที่ซาซากุจะถามชื่อของหญิงสาวแปลกหน้า แม่นางก็พลันบอกลาหนีหายไปดื้อ ๆ

    " ท่าทางนางรีบร้อนจังนะ "

    เขาเก็บความสงสัยไว้ในใจ รอไปหาตัวแม่นางคนนั้นในหมู่บ้านเจ็นแรน เขายืนอยู่ห่างจากจุดนั้นเพียงสองเมตร แต่เมื่อเดินเข้าไปถึง หมู่บ้านเจ็นแรนก็อันตรธานหายไป เหลือเพียงสนามหญ้าอดีตที่ตั้งของกระท่อมอันเป็นจุดศูนย์กลางของหมู่บ้าน ล้อมรอบไปด้วยต้นสนใบเล็ก ๆ ที่ร่วงหล่นลงมา

    ซาซากุไม่สนใจแล้ว เงินสามพันเหรียญรอเขาอยู่ข้างหน้า เรื่องเล็กน้อยของแม่นางเทพธิดาในเจ็นแรนแค่นี้ ไม่มีความสำคัญเท่ากับเงินก้อนโตหรอก

    เขาเดินไปถึงไหนไม่รู้ หูทั้งสองเกิดได้ยินเสียงขู่คำรามของสัตว์บางอย่าง มันดังจนปลุกเขาจากการวาดฝันใหญ่โต เขานึกเสียดาย แอบสบถด่าเจ้าบ้านั่นอยู่ในใจ

    " ใครมันบังอาจทำลายฝันของข้า "

    ระหว่างการวาดฝันอย่างมีความสุข ซาซากุนั้นเผลอหลับตาไปอย่างลืมตัว เมื่อลืมตาขึ้นโพลง ตอนนี้ตนเองกำลังยืนอยู่บนสนามหญ้า เบื้องหน้ามีต้นปาล์มใบใหญ่สีเขียว เมื่อใบกระทบกับแสงจันทร์ส่องลงมาเป็นมันระยับ แต่ใบสีเขียวที่ว่ากำลังจะถูกทำลายลงด้วยฝีมือของมังกรสีเขียวตัวร้าย เจ้าของเสียงขู่คำรามที่เขาได้ยินในตอนแรก

    " ตายซะเถอะ ไอ้มังกรงี่เง่า " เขาถือดาบไว้ในมือตลอดเวลา ค่อย ๆ ยกดาบขึ้นสูงเหนือหัวเดินเข้าไปหายเจ้าตัวร้ายอย่างไม่กลัวตาย

    มังกรสีเขียวตัวนั้นมันไม่โง่อย่างที่ซาซากุคิด มันเหลือบมองมาทางเขาเล็กน้อย ก่อนหันกลับไปหาต้นปาล์ม อ้าปากพ่นไฟออกมา ทันทีที่เปลวไฟพุ่งออกมาสัมผัสใบ ไฟลุกไหม้ลามไปทั่วต้น แสงไฟของมันวูบวาบราวกับต้นไม้เพลิง กลิ่นใบไม้ไหม้ไฟลอยเข้าจมูกจนเผลอจามออกมา ชั่วพริบตาเดียวต้นไม้ผู้น่าสงสารที่เหลือแต่กิ่งก้านแห้ง ๆ สีน้ำตาลไหม้ ทิ้งซากใบเหลือแต่ขี้เถ้ากองอยู่ใต้ต้นของมันอย่างหดหู่

    " ต้นปาล์มก็ตายไปแล้ว แต่ข้าจะไม่ยอมให้มังกรสัตว์ชั้นต่ำมาฆ่าตัวข้าได้หรอกเว้ย "

    การต่อสู้ระหว่างคนกับสัตว์ชั้นต่ำในความคิดของซาซากุก็เริ่มขึ้น และมันก็จบลงอย่างง่ายดายที่มังกรต้องเป็นผ่ายพ่ายแพ้ ทิ้งซาซากุนั่งลงอย่างหมดแรงที่ใต้ต้นปาล์มสีน้ำตาลแก่ตายสนิท………

    ระหว่างการวาดฝันอย่างมีความสุข ซาซากุนั้นเผลอหลับตาไปอย่างลืมตัว เมื่อลืมตาขึ้นโพลง ตอนนี้ตนเองกำลังยืนอยู่บนสนามหญ้า เบื้องหน้ามีต้นปาล์มใบใหญ่สีเขียว เมื่อใบกระทบกับแสงจันทร์ส่องลงมาเป็นมันระยับ แต่ใบสีเขียวที่ว่ากำลังจะถูกทำลายลงด้วยฝีมือของมังกรสีเขียวตัวร้าย เจ้าของเสียงขู่คำรามที่เขาได้ยินในตอนแรก

    " ตายซะเถอะ ไอ้มังกรงี่เง่า " เขาถือดาบไว้ในมือตลอดเวลา ค่อย ๆ ยกดาบขึ้นสูงเหนือหัวเดินเข้าไปหายเจ้าตัวร้ายอย่างไม่กลัวตาย

    มังกรสีเขียวตัวนั้นมันไม่โง่อย่างที่ซาซากุคิด มันเหลือบมองมาทางเขาเล็กน้อย ก่อนหันกลับไปหาต้นปาล์ม อ้าปากพ่นไฟออกมา ทันทีที่เปลวไฟพุ่งออกมาสัมผัสใบ ไฟลุกไหม้ลามไปทั่วต้น แสงไฟของมันวูบวาบราวกับต้นไม้เพลิง กลิ่นใบไม้ไหม้ไฟลอยเข้าจมูกจนเผลอจามออกมา ชั่วพริบตาเดียวต้นไม้ผู้น่าสงสารที่เหลือแต่กิ่งก้านแห้ง ๆ สีน้ำตาลไหม้ ทิ้งซากใบเหลือแต่ขี้เถ้ากองอยู่ใต้ต้นของมันอย่างหดหู่

    " ต้นปาล์มก็ตายไปแล้ว แต่ข้าจะไม่ยอมให้มังกรสัตว์ชั้นต่ำมาฆ่าตัวข้าได้หรอกเว้ย "

    การต่อสู้ระหว่างคนกับสัตว์ชั้นต่ำในความคิดของซาซากุก็เริ่มขึ้น และมันก็จบลงอย่างง่ายดายที่มังกรต้องเป็นผ่ายพ่ายแพ้ ทิ้งซาซากุนั่งลงอย่างหมดแรงที่ใต้ต้นปา%

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×