คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 9.ขาดอ้ายคล้ายชีวิตเดียวดาย
แม้จะต้องเข้าบริษัทแต่เช้า หากนรียังอุตส่าห์เจียดเวลาอันน้อยนิดไปส่งพนมที่สถานีขนส่งอยู่จนได้ พนมหันมาโบกมือลา ก่อนก้าวเดินขึ้นรถคันใหญ่ รถค่อย ๆ แล่นออกจากที่จอดของมันไปอย่างช้า ๆ ทิ้งหญิงสาวชื่อนรีมองตามไปจนลับสายตา
พนมไปแล้ว นรีรู้สึกว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก ในใจเฝ้าครุ่นคิดถึงเขา เสียงเพลงแคนก้องอยู่ในหูทั้งวัน จนเลิกงานเธอกลับบ้านเพียงผู้เดียว คงใช้เส้นทางลัดเลียบริมฝั่งโขงดังเดิม เดินผ่านต้นลั่นทมที่เคยนั่งเล่นอยู่กับพนม บัดนี้เหลือเพียงความว่างเปล่า ..
ด้วยเหตุนี้นรีจึงกลับเข้าบ้านเร็วกว่าปกติ ทักทายพ่อแม่พอเป็นพิธีแล้วรีบเผ่นแนบขึ้นห้องนอน หยิบบางสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาดู
แคนไม้ของพนมนั่นเอง
นรียกขึ้นทดลองเป่า แต่เป่าได้เสียงแตร้แตรไม่เป็นเพลงเหมือนที่พนมเป่าเลย เธอเล่นแคนอยู่ครู่หนึ่งจึงวางมันลงที่เดิม นิ้วมือไล่ไปตามเนื้อไม้ ราวกับเจ้าสิ่งนั้นมีชีวิตจิตใจเหมือนคน เธอหวนนึกถึงพนมขึ้นมา .
เวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ แปรเข้าเดือนใหม่ คู่รักยังคงโทรหากันทุกวันโดยผลัดกันโทรหาเหมือนที่เคยทำ พูดคุยกันถามไถ่สารทุกข์สุกดิบด้วยความเป็นห่วงใยอย่างมาก
บางวันก็มีเรื่องสนุก ๆ เล่าสู่กันฟังมิได้ขาด เพียงแค่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของคนรักดังมาตามสาย ก็รู้สึกอบอุ่นใจเหมือนได้อยู่ใกล้ชิดกัน
บางวันก็มีเรื่องสนุก ๆ เล่าสู่กันฟังมิได้ขาด เพียงแค่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของคนรักดังมาตามสาย ก็รู้สึกอบอุ่นใจเหมือนได้อยู่ใกล้ชิดกัน
“ น้องเหงาเหลือเกินอ้าย อยากพ้อหน้าอ้ายหลาย”
นรีมักจะบอกกับเขาอย่างนี้เสมอ และก็ได้คำตอบคล้าย ๆ กันกลับมา “ อ้ายก็เหงาคือกัน ถ้าน้องเหงาก็เบิ่งรูปอ้ายแหน่ มันสิเป็นตัวแทนอ้าย ” รูปภาพของพนมอันล่าสุด นรีดึงออกจากอัลบั้มหนีบบนลวดขดเป็นรูปหัวใจดัดแปลงเป็นที่เสียบรูปได้อย่างน่ารัก ประหนึ่งสื่อถึงความในใจได้เป็นอย่างดี นรียิ้มให้กับรูปภาพบนโต๊ะทำงาน ราวกับบุคคลในภาพมีชีวิตจิตใจจริง ๆ ช่วงเวลานี้เอง นรีได้ฝึกหัดเป่าแคนพยายามให้เป็นท่วงทำนองเพลงเหมือนกับพนม แม้จังหวะจะกระท่อนกระแท่นในตอนแรก แต่ด้วยแรงใจและมุมานะ ในที่สุดเธอก็เป่าแคนให้เป็นเพลงได้สำเร็จ “ อ้ายพนม น้องเป่าแคนได้แล่วเด้อ ” นรบอกเขาด้วยความดีใจ “ น้องสิเว้าแคนให้ฟัง ” นรีตัดสินใจเป่าแคนให้เขาฟังในวันนี้เอง เสียงท่วงทำนองอันไพเราะที่สุดเท่าที่เธอฝึกหัดเป่าได้ เมือ่เป่าจบจึงได้รับคำชมจากคนฟัง
.. “ เสียงแคนน้องสิม่วนหลาย ฝึกนานบ่ ” “ ตั้งแต่อ้ายไปนั่นแล้ว ” นรีแกล้งโกหกเล่น ๆ วันแรกเธอเป่าไม่เป็นเพลงด้วยซ้ำ ในที่สุดการโทรศัพท์หากันจึงเปลี่ยนไป จากที่พนมต้องเป่าแคนให้นรีฟัง แต่ตอนนี้แคนอยู่ที่นรีแล้วเธอก็ขอรับหน้าที่เป่าแคนกล่อมรักเสียเอง “ รออ้ายหน่อยน้อง เมื่อใดสิมีเงินหลาย อ้ายจะเมือบ้านเฮา จะบ่ไปไหนแล้ว ”
นรีมักจะบอกกับเขาอย่างนี้เสมอ และก็ได้คำตอบคล้าย ๆ กันกลับมา
“ อ้ายก็เหงาคือกัน ถ้าน้องเหงาก็เบิ่งรูปอ้ายแหน่ มันสิเป็นตัวแทนอ้าย ”
รูปภาพของพนมอันล่าสุด นรีดึงออกจากอัลบั้มหนีบบนลวดขดเป็นรูปหัวใจดัดแปลงเป็นที่เสียบรูปได้อย่างน่ารัก ประหนึ่งสื่อถึงความในใจได้เป็นอย่างดี
นรียิ้มให้กับรูปภาพบนโต๊ะทำงาน ราวกับบุคคลในภาพมีชีวิตจิตใจจริง ๆ
ช่วงเวลานี้เอง นรีได้ฝึกหัดเป่าแคนพยายามให้เป็นท่วงทำนองเพลงเหมือนกับพนม แม้จังหวะจะกระท่อนกระแท่นในตอนแรก แต่ด้วยแรงใจและมุมานะ ในที่สุดเธอก็เป่าแคนให้เป็นเพลงได้สำเร็จ
“ อ้ายพนม น้องเป่าแคนได้แล่วเด้อ ” นรบอกเขาด้วยความดีใจ “ น้องสิเว้าแคนให้ฟัง ”
นรีตัดสินใจเป่าแคนให้เขาฟังในวันนี้เอง เสียงท่วงทำนองอันไพเราะที่สุดเท่าที่เธอฝึกหัดเป่าได้ เมือ่เป่าจบจึงได้รับคำชมจากคนฟัง ..
“ เสียงแคนน้องสิม่วนหลาย ฝึกนานบ่ ”
“ ตั้งแต่อ้ายไปนั่นแล้ว ” นรีแกล้งโกหกเล่น ๆ วันแรกเธอเป่าไม่เป็นเพลงด้วยซ้ำ
ในที่สุดการโทรศัพท์หากันจึงเปลี่ยนไป จากที่พนมต้องเป่าแคนให้นรีฟัง แต่ตอนนี้แคนอยู่ที่นรีแล้วเธอก็ขอรับหน้าที่เป่าแคนกล่อมรักเสียเอง
“ รออ้ายหน่อยน้อง เมื่อใดสิมีเงินหลาย อ้ายจะเมือบ้านเฮา จะบ่ไปไหนแล้ว ”
¶ ¶ ¶ ¶
ความคิดเห็น