ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสียงเพลงริมฝั่งโขง

    ลำดับตอนที่ #11 : 9.ขาดอ้ายคล้ายชีวิตเดียวดาย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 78
      0
      14 พ.ค. 49

    แม้จะต้องเข้าบริษัทแต่เช้า หากนรียังอุตส่าห์เจียดเวลาอันน้อยนิดไปส่งพนมที่สถานีขนส่งอยู่จนได้ พนมหันมาโบกมือลา ก่อนก้าวเดินขึ้นรถคันใหญ่ รถค่อย ๆ แล่นออกจากที่จอดของมันไปอย่างช้า ๆ ทิ้งหญิงสาวชื่อนรีมองตามไปจนลับสายตา

    พนมไปแล้ว นรีรู้สึกว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก ในใจเฝ้าครุ่นคิดถึงเขา เสียงเพลงแคนก้องอยู่ในหูทั้งวัน จนเลิกงานเธอกลับบ้านเพียงผู้เดียว คงใช้เส้นทางลัดเลียบริมฝั่งโขงดังเดิม เดินผ่านต้นลั่นทมที่เคยนั่งเล่นอยู่กับพนม บัดนี้เหลือเพียงความว่างเปล่า…..

    ด้วยเหตุนี้นรีจึงกลับเข้าบ้านเร็วกว่าปกติ ทักทายพ่อแม่พอเป็นพิธีแล้วรีบเผ่นแนบขึ้นห้องนอน หยิบบางสิ่งที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาดู

    แคนไม้ของพนมนั่นเอง

    นรียกขึ้นทดลองเป่า แต่เป่าได้เสียงแตร้แตรไม่เป็นเพลงเหมือนที่พนมเป่าเลย เธอเล่นแคนอยู่ครู่หนึ่งจึงวางมันลงที่เดิม นิ้วมือไล่ไปตามเนื้อไม้ ราวกับเจ้าสิ่งนั้นมีชีวิตจิตใจเหมือนคน เธอหวนนึกถึงพนมขึ้นมา….

    เวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ แปรเข้าเดือนใหม่ คู่รักยังคงโทรหากันทุกวันโดยผลัดกันโทรหาเหมือนที่เคยทำ พูดคุยกันถามไถ่สารทุกข์สุกดิบด้วยความเป็นห่วงใยอย่างมาก

    บางวันก็มีเรื่องสนุก ๆ เล่าสู่กันฟังมิได้ขาด เพียงแค่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของคนรักดังมาตามสาย ก็รู้สึกอบอุ่นใจเหมือนได้อยู่ใกล้ชิดกัน

    เวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ แปรเข้าเดือนใหม่ คู่รักยังคงโทรหากันทุกวันโดยผลัดกันโทรหาเหมือนที่เคยทำ พูดคุยกันถามไถ่สารทุกข์สุกดิบด้วยความเป็นห่วงใยอย่างมาก

    บางวันก็มีเรื่องสนุก ๆ เล่าสู่กันฟังมิได้ขาด เพียงแค่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของคนรักดังมาตามสาย ก็รู้สึกอบอุ่นใจเหมือนได้อยู่ใกล้ชิดกัน

    น้องเหงาเหลือเกินอ้าย อยากพ้อหน้าอ้ายหลาย”

    นรีมักจะบอกกับเขาอย่างนี้เสมอ และก็ได้คำตอบคล้าย ๆ กันกลับมา

    “ อ้ายก็เหงาคือกัน ถ้าน้องเหงาก็เบิ่งรูปอ้ายแหน่ มันสิเป็นตัวแทนอ้าย ”

    รูปภาพของพนมอันล่าสุด นรีดึงออกจากอัลบั้มหนีบบนลวดขดเป็นรูปหัวใจดัดแปลงเป็นที่เสียบรูปได้อย่างน่ารัก ประหนึ่งสื่อถึงความในใจได้เป็นอย่างดี

    นรียิ้มให้กับรูปภาพบนโต๊ะทำงาน ราวกับบุคคลในภาพมีชีวิตจิตใจจริง ๆ

    ช่วงเวลานี้เอง นรีได้ฝึกหัดเป่าแคนพยายามให้เป็นท่วงทำนองเพลงเหมือนกับพนม แม้จังหวะจะกระท่อนกระแท่นในตอนแรก แต่ด้วยแรงใจและมุมานะ ในที่สุดเธอก็เป่าแคนให้เป็นเพลงได้สำเร็จ

    “ อ้ายพนม น้องเป่าแคนได้แล่วเด้อ ” นรบอกเขาด้วยความดีใจ “ น้องสิเว้าแคนให้ฟัง ”

    นรีตัดสินใจเป่าแคนให้เขาฟังในวันนี้เอง เสียงท่วงทำนองอันไพเราะที่สุดเท่าที่เธอฝึกหัดเป่าได้ เมือ่เป่าจบจึงได้รับคำชมจากคนฟัง…..

    “ เสียงแคนน้องสิม่วนหลาย ฝึกนานบ่ ”

    “ ตั้งแต่อ้ายไปนั่นแล้ว ” นรีแกล้งโกหกเล่น ๆ วันแรกเธอเป่าไม่เป็นเพลงด้วยซ้ำ

    ในที่สุดการโทรศัพท์หากันจึงเปลี่ยนไป จากที่พนมต้องเป่าแคนให้นรีฟัง แต่ตอนนี้แคนอยู่ที่นรีแล้วเธอก็ขอรับหน้าที่เป่าแคนกล่อมรักเสียเอง

    “ รออ้ายหน่อยน้อง เมื่อใดสิมีเงินหลาย อ้ายจะเมือบ้านเฮา จะบ่ไปไหนแล้ว ”

    น้องเหงาเหลือเกินอ้าย อยากพ้อหน้าอ้ายหลาย”

    นรีมักจะบอกกับเขาอย่างนี้เสมอ และก็ได้คำตอบคล้าย ๆ กันกลับมา

    “ อ้ายก็เหงาคือกัน ถ้าน้องเหงาก็เบิ่งรูปอ้ายแหน่ มันสิเป็นตัวแทนอ้าย ”

    รูปภาพของพนมอันล่าสุด นรีดึงออกจากอัลบั้มหนีบบนลวดขดเป็นรูปหัวใจดัดแปลงเป็นที่เสียบรูปได้อย่างน่ารัก ประหนึ่งสื่อถึงความในใจได้เป็นอย่างดี

    นรียิ้มให้กับรูปภาพบนโต๊ะทำงาน ราวกับบุคคลในภาพมีชีวิตจิตใจจริง ๆ

    ช่วงเวลานี้เอง นรีได้ฝึกหัดเป่าแคนพยายามให้เป็นท่วงทำนองเพลงเหมือนกับพนม แม้จังหวะจะกระท่อนกระแท่นในตอนแรก แต่ด้วยแรงใจและมุมานะ ในที่สุดเธอก็เป่าแคนให้เป็นเพลงได้สำเร็จ

    “ อ้ายพนม น้องเป่าแคนได้แล่วเด้อ ” นรบอกเขาด้วยความดีใจ “ น้องสิเว้าแคนให้ฟัง ”

    นรีตัดสินใจเป่าแคนให้เขาฟังในวันนี้เอง เสียงท่วงทำนองอันไพเราะที่สุดเท่าที่เธอฝึกหัดเป่าได้ เมือ่เป่าจบจึงได้รับคำชมจากคนฟัง…..

    “ เสียงแคนน้องสิม่วนหลาย ฝึกนานบ่ ”

    “ ตั้งแต่อ้ายไปนั่นแล้ว ” นรีแกล้งโกหกเล่น ๆ วันแรกเธอเป่าไม่เป็นเพลงด้วยซ้ำ

    ในที่สุดการโทรศัพท์หากันจึงเปลี่ยนไป จากที่พนมต้องเป่าแคนให้นรีฟัง แต่ตอนนี้แคนอยู่ที่นรีแล้วเธอก็ขอรับหน้าที่เป่าแคนกล่อมรักเสียเอง

    “ รออ้ายหน่อยน้อง เมื่อใดสิมีเงินหลาย อ้ายจะเมือบ้านเฮา จะบ่ไปไหนแล้ว ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×