ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Conan : Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป(ไม่)ได้

    ลำดับตอนที่ #30 : อย่าหายไป

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 544
      31
      25 พ.ย. 65

    (30.10.21)
    เขาควรจะดีใจ แต่ติดตรงที่...



    Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้

    Parinuttha



    ตอนที่ 30 อย่าหายไป 



    นิ้วเรียวสัมผัสหน้าจอด้วยความเร็วรัวพอๆ กับสมาธิที่จดจ่อกับภาพเคลื่อนไหวของตัวละครนักฆ่าในเกมต่อสู้ แสงไฟริบหรี่ในห้องสวีทของโรงแรมหรูไม่เป็นอุปสรรคในการเก็บแต้มสูงสุดของวันนี้ แต่ไม่ใช่กับหน้าต่างวิดีโอแชตที่จู่ๆ ก็เด้งขึ้นมา จนทำให้เขาพลาดโอกาสทำแต้มไป

    ชายหนุ่มเกือบจะหัวเสียหากว่าปลายสายไม่ใช่คนที่จะกระตุ้นให้เขาอารมณ์ดีได้ หนุ่มผมม่วงจัดทรงผมกระเซิงเล็กน้อย เขาติดแท็ปเล็ตกับเคสพับแล้วตั้งวางบนโต๊ะก่อนรับสาย

    “สายัณห์สวัสดิ์ครับ รัม แหม...ทำไมโทรมาดึกจัง”

    “เพราะฉันเพิ่งติดต่อนายได้เอาป่านนี้น่ะสิ” น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูท่าจะหัวเสียกว่าเขาเสียแต้มเกมซะอีก

    “นี่ฝีมือนายใช่ไหม” รัมถามเสียงห้วนหลังส่งภาพข่าวเมื่อวานมาให้ดู

    “ทำไมรีบจัง คุณให้เวลาผม 3 เดือน ไม่ใช่เหรอครับ” คอนยัคยียวน แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยจึงต้องรีบบอกให้สบายใจ “เอาน่า ผมกลบกลิ่นตัวเองได้แล้วกัน”

    รัมลอบถอนหายใจ แม้จะติดเล่นมากไปหน่อยแต่เขารู้ดีว่าคอนยัคทำได้จริงอย่างที่พูด เพราะแบบนี้ถึงยังได้รับความเชื่อใจจากท่านผู้นั้นให้รับผิดชอบงานโซนยุโรป ทั้งที่ควรถูกกำจัดตั้งแต่เล่นเกินงามจนเกิดเรื่องคราวนั้นแล้ว

    “อย่าให้มันเอิกเกริกมากนัก”

    “ต่อให้มากกว่านี้แล้วได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ บอสก็คงว่าอะไรผมไม่ได้หรอกครับ”

    “มั่นใจจังนะ”

    “แน่นอนครับ” เขารับคำด้วยรอยยิ้มร่า จะว่าไปแล้วรัมก็ไม่เคยเห็นชายหนุ่มผู้นี้ทำหน้าเคร่งเครียดเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหนเขาก็ยิ้มรับเสมอ

    “นี่ขนาดยังไม่ถึงเดือน ผมก็ใกล้จะได้ไพ่ตายมาอยู่ในมือแล้วนะ” คอนยัคพูดด้วยความมั่นใจ “ขอเวลาจับให้อยู่หมัดอีกนิดเดียวเท่านั้นแหละ”

    “เวลาของฉันป็นเงินเป็นทอง” รัมย้ำประโยคติดปาก “อย่าให้ฉันต้องลงมือเอง”

    ชายหนุ่มเอนกายพิงพนักโซฟาหลังรัมวางสายไป เขานึกย้อนถึงเมื่อวานตอนดึก ณ ตึกร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดชิบะ เขานัดใครบางคนมาเจอที่นั่น อันที่จริงต้องบอกว่าต่อให้เขาไม่นัด อีกฝ่ายก็คงตามล่าเขาแทบพลิกแผ่นดิน

    “นี่ หมายความว่าไง ไหนว่าจะไม่มีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องไงล่ะ แล้วทำไมพวกของฉันถึงได้ตายเรียบแบบนี้” หญิงสวมหมวกปีกกว้างโวยวาย

    “ก็ไม่มีไม่ใช่เหรอ หมายถึงตำรวจญี่ปุ่นน่ะ”

    เธอยืนมองสีหน้ายิ้มเยาะของจอมสับปลับด้วยความอึ้ง จริงอยู่ว่าจากรายงานของลูกน้องที่รอดมาได้ ตอนเปิดฉากยิงถล่ม ตำรวจไม่ได้ผสมโรงด้วย มีแค่ผู้ชายคนนั้นที่มาช่วยตัวประกัน เพียงแค่คนเดียวก็สามารถต่อกรกับพรรคพวกนับสิบคนของเธอและทหารรับจ้างอีกห้าคนได้ ปัญหาคือหลังจากนั้น ทั้งที่บางคนอาจยังไม่ตาย แต่กลับถูกเก็บกวาดด้วยระเบิดจนไม่เหลือซาก

    “ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนมีจิตใจคิดถึงพรรคพวกแบบนี้เลยนะเนี่ย เหลือเชื่อเลยแฮะ”

    เพียงเพราะเธอหลงคารมเขาที่ช่วยให้เลียนแบบแก็งจิ้งจอกดำและโจรเรียกค่าไถ่ เพียงเพราะหลงกับค่าตอบแทนมหาศาลและคอนเนกชันดีๆ แต่เธอกลับต้องเสียพรรคพวกนักแสดงละครเร่ในอิตาลีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา

    “คุณไม่คิดจะให้เงินฉันจริงๆ คุณคิดจะกำจัดพวกเราอยู่แล้วใช่ไหม”

    “ฉลาดนี่” คอนยัคยกยิ้มชอบใจ “ผมไม่เคยทำงานกับเบี้ยตัวไหนเกิน 1 ปี”

    “เพราะแบบนี้ถึงไม่มีใครเคยเข้าถึงตัวผมได้ไงล่ะ” สีหน้าระรื่นของเขาแฝงแววเย็นเยียบ “ก่อนจะโดนสาวถึงตัวก็แค่เก็บกวาดเบี้ยโละซะ แบบนี้ไง”

    เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดพร้อมกับร่างของชายชุดดำที่ร่วงลงไปกองกับพื้น ก่อนกระสุนอีกนัดจะพุ่งทะลุขาของชายชุดดำอีกคนจนมันทรุดลงไม่ทันตั้งตัว หญิงสวมหมวกกว้างตกใจ รีบชักปืนออกมาจ่อ แต่เขาก็ชักปืนขึ้นออกมาด้วยมืออีกข้าง

    “ลืมบอกไป ผมถนัดทั้งสองมือน่ะ” ทันทีที่นิ้วชี้ซ้ายเหนี่ยวไก กระสุนก็ปะทะเข้ากลางท้องจนหญิงสาวหมวกล้มลง

    “เอาล่ะ นาย...” เขายืนมองชายชุดดำที่กุมแผลตรงขาและพยายามถอยร่น “จะฆ่านายหญิงเพื่อมีชีวิตรอด หรือยอมตายก่อนดี”

    “ชักช้าจัง เดี๋ยวผมเลือกให้” คอนยัคไม่รอช้าจับมือมันให้ถือปืนยิงนายหญิงซ้ำ ก่อนจะหันปืนมากรอกปากชายชุดดำจัดฉากให้เป็นการยิงตัวตาย หลังจากนั้นจึงวางระเบิดเวลาไว้แล้วออกมา เพียงเท่านี้ก็เก็บกวาดได้ไม่เหลือซาก

    แสงไฟในห้องสวีทของโรงแรมถูกปรับให้สว่างขึ้นเพื่อให้เขามองเห็นได้ชัดๆ ชายหนุ่มมองรูปสึบารุและไฮบาระที่ถ่ายได้จากโรงงานเชื่อมเหล็ก ผมหยักกระเซิงสีม่วงสั่นกระเพื่อมตามแรงหัวเราะยามเห็นสีหน้าจริงจังของคนในรูปภาพ

    เดิมทีมันก็เป็นแค่ข้อสันนิษฐานก่อนกลายเป็นสมมติฐานที่ได้จากการ เล่นเกม

    เขาติดใจกรณีของเชอร์รี่ไม่ต่างจากยินว่าเธอหนีออกมาจากห้องรมควันขององค์กรได้ยังไง ห้องนั้นมีแค่ช่องทิ้งขยะเล็กๆ ไม่ใช่เด็กสักหน่อยถึงจะเข้าไปได้

    เด็กงั้นเหรอ? ไม่มั้ง...

    คอนยัคฉุกใจเล่นๆ เขาเริ่มสืบจากงานที่ผิดพลาดของเบลม็อธ เบลม็อธเคยปลอมตัวเป็นหมอเข้าไปที่โรงเรียนเทย์ตัน เขาจึงตรวจสอบนักเรียนย้ายเข้าใหม่จากทั้งแผนกมัธยมและประถม แล้วก็ต้องขนลุกเมื่อพบรูปของไฮบาระเข้า

    นี่มันเชอร์รี่ย่อส่วนชัดๆ

    เขาสังเกตเห็นว่าทุกคดีที่เอฟบีไอและเบลม็อธในคราบคุณหมอต้องเผชิญ ทั้งคดีรถบัสระเบิดหรือลักพาตัวเด็ก ล้วนมีเด็กที่หน้าคล้ายเชอร์รี่เกี่ยวข้องด้วย

    และยังมีเรื่องของเบอร์เบิ้นที่เกลียดไรย์เข้าไส้และสาบานว่าจะฆ่ามันให้ได้ เบอร์เบิ้นไม่เชื่อว่าไรย์ตายแล้วและได้ข่าวว่าตามสืบอยู่พักใหญ่ แต่จู่ๆ ก็หยุดสืบไปดื้อๆ แล้วยังไปทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟเล็กๆ นั่นอีก

    หัวใจของเขาเต้นระส่ำด้วยความคึกคะนอง เมื่อจิ๊กซอว์ทุกชิ้นเริ่มปะติดปะต่อกันเป็นภาพเดียว หลังเคลียร์งานที่บอส มอบหมายให้ทำเสร็จ จึงรีบกลับมาญี่ปุ่นเพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานนี้

    ซึ่งตอนนี้เขาได้ข้อสรุปแล้วว่าเชอร์รี่คือคนสำคัญต่อเป้าหมายสูงสุดขององค์กร ไรย์ที่องค์กรขยาดยังมีชีวิต แถมจับหนูได้เพิ่มอีกตัวหนึ่งคือคีร์ แสดงว่าอีเมลจากคุราโซ่คราวนั้นก็น่าสงสัย เพราะรายชื่อน็อกยังเหลืออีกหนึ่งคนคือ...เบอร์เบิ้น

    แต่เขาไม่ยอมให้เกมจบง่ายๆ แบบนี้หรอก ต้องมีรอบต่อเวลาเพื่อให้เขาสนุกมากขึ้นไปอีก คอนยัคตระหนักแล้วว่าของเล่นทุกชิ้น เกมทุกชนิดที่เขาเคยสัมผัส ไม่มีสิ่งไหนสนุกเท่าการเล่นกับ ความรู้สึกอีกแล้ว

    “สนุกจริงๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะสนุกขนาดนี้ โว้!

    ชายหนุ่มมองรูปถ่ายของสึบารุกับไฮบาระก่อนจุดไฟเผาแล้วโยนลงไปในที่เขี่ยบุหรี่ เขาหยิบรูปถ่ายสองใบของสองบุคคลขึ้นมาดูพร้อมกระตุกรอยยิ้มกระหยิ่มใจ รูปของนักสืบตัวน้อยกับพี่สาวนักคาราเต้คนสนิท

    “เอาล่ะ เกมต่อไปใช้ไพ่ใบไหนดี?”

     










    แม้อันตรายอาจวนเวียนอยู่รอบตัวแต่ชีวิตยังต้องก้าวเดิน ไฮบาระตื่นแต่เช้า เตรียมของก่อนไปโรงเรียนตามปกติ เด็กหญิงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากตะกร้าผ้า พลันสายตาก็ปะทะเข้ากับผ้าเช็ดหน้าสีเทาผืนหนึ่ง

    นี่มัน...เธอหยิบมันขึ้นมาดูพร้อมหวนรำลึกถึงความทรงจำเมื่อสองวันก่อน

    หลังจากสึบารุช่วยเธอได้และกำลังวิ่งไปหาทางออก จู่ๆ เขาก็ล้มลง เขาไข้สูงมากจนน่าตกใจที่ยังสามารถยิงปืนต่อสู่กับชายชุดดำร่วมยี่สิบคนได้แบบนั้น ไฮบาระพยายามหาอะไรมาใช้ห้ามเลือด เธอค้นเจอผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อโค้ทของเขาจึงเอามากดปากแผลไว้ ตอนที่เขาแน่นิ่งไป เธอไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ โชคดีที่ดอกเตอร์กับโคนันมาถึงพอดี

    รถเต่าสีเหลืองขับฝ่าสายฝนโดยมีปลายทางคือบ้านคุโด้ ดอกเตอร์เหยียบคันเร่งจนมิด แต่เพราะทัศนวิสัยทำให้การเดินทางติดขัด ทว่าที่แย่ยิ่งกว่าการจราจรคืออาการของคนถูกยิง ประเมินเบื้องต้นทั้งเหงื่อออกมาก ผิวหนังร้อนผ่าว บางทีไข้อาจขึ้นสูงถึงสี่สิบองศาจนเริ่มมีอาการกระสับกระส่าย หนาวสั่น หายใจตื้น

    “ดร. ถึงไหนแล้วคะ” คนห้ามเลือดถามอย่างกระวนกระวาย

    “เข้าเมืองเบกะแล้ว อีกแป๊บเดียว” ชายอาวุโสเหลือบมองกระจกส่องหลัง “สึบารุคุงเป็นยังไงบ้าง”

    “เลือดเริ่มหยุดแล้วค่ะ” เด็กหญิงเก็บสีหน้าร้อนใจไม่อยู่ “แต่ไข้สูงมาก รีบหน่อยเถอะค่ะ”

    “อึก...อือ...” สึบารุขยับตัว ก่อนเรือนผมสีโรสโกลด์จะผล็อยลงซบพนักเบาะหลัง ไฮบาระขยับตาม พยายามเงี่ยหูฟังเสียงพึมพำ

    พูดอะไรน่ะ

    “ชิ...โฮะ...”

    หัวใจดวงน้อยกระตุกวาบเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองเปล่งออกมาจากริมฝีปากแห้งผาก โชคดีที่น้ำเสียงนั้นทั้งแหบพร่าและแผ่วเบาจนสองคนข้างหน้าไม่ได้ยิน

    คนบ้าเด็กหญิงขบฟันแน่น ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้เธอหวั่นไหว เจ็บขนาดนี้แล้วยังเป็นห่วงคนอื่นอีก

    มือเล็กกำผ้าเช็ดหน้าในมือแล้วเป่าปากไล่ความอึดอัด “ให้ตายสิ ทำไมต้องคิดถึงตอนนั้นด้วยเนี่ย”

    ใช่แล้ว เขาหลอกลวงเธอนะ เขาทำให้พี่เสียใจและต้องพบกับความตาย เรื่องแค่นั้นมันทดแทนกันไม่ได้หรอก คนอย่างเขา...สมควรต้องเจ็บปวดแล้ว

    “จบแค่นี้แหละ ไปไกลๆ ซะได้ก็ดี”

    ไฮบาระวางผ้าเช็ดหน้าไว้ที่เดิมแล้วหยิบผืนอื่นมาแทน เด็กหญิงขึ้นมาจากชั้นใต้ดิน เจอดอกเตอร์นั่งดื่มกาแฟ ท่องอินเทอร์เน็ตรอบเช้าตามปกติ แต่สีหน้ายิ้มแย้มแปลกพิกล

    “ไปนะคะ ดร.”

    “อ้อ ไปโรงเรียนให้สนุกนะ ไอคุง”

    ไปให้สนุก?เธอแคลงใจในคำพูด แต่คิดได้ไม่เท่าไรก็ต้องตกใจ เมื่อเปิดประตูรั้วออกมาแล้วเจอใครบางคนยืนพิงกำแพงอยู่

    “คุณ?” เด็กหญิงอ้าปากค้าง เพราะจู่ๆ คนที่เพิ่งนึกถึงก็โผล่มา ตายยากจริงๆ

    ไฮบาระช้อนมองด้วยแววตาขุ่นเคือง เมื่อเขาปรากฏตัวภายใต้หน้ากากสึบารุ ทั้งที่รูปลักษณ์ไม่ต่างไปจากเดิมแต่ความรู้สึกกลับไม่เหมือนเดิม เพราะมันทำให้อารมณ์ของเธอฉุนขึ้นทันที

    “ฉันว่าฉันพูดชัดแล้วนะ ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกน่ะ”

    “ฉันว่าฉันก็พูดชัดแล้วเหมือนกัน” ชายหนุ่มคลายกอดอก ผละจากการพิงกำแพง ดวงตาเรียวเล็กใต้กรอบแว่นฉายแววจริงจังตามความหมาย “ว่าการปกป้องดูแลเธออยู่ไม่ไกล เป็นสิ่ง จำเป็นสำหรับฉัน”

    “แล้วยังไงคะ คุณอัศวินจะตามไปรับไปส่งฉันเช้าเย็นเลยหรือไง” เธอจงใจประชดประชัน

    “อ่า” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ต่อให้เธอไม่อนญาต ฉันก็จะทำทุกวัน”

    “เหอะ” ไฮบาระเป่าปากอย่างเหลืออด ก่อนจ้ำพรวดออกไปโดยไม่คิดจะเหลียวมอง

    หากหวังให้สึบารุยอมถอดใจยอมแพ้ ไฮบาระคงคิดผิดเสียแล้ว เพราะเขากลับทำจริงอย่างที่พูด แถมไม่ใช่แค่สะกดรอยอยู่ไกลๆ

    “คุณ เดินมาใกล้ฉันทำไม”

    “ถ้าฉันตามอยู่ห่างๆ คนอื่นอาจมองว่าฉันเป็นสตอล์กเกอร์ก็ได้”

    อ้าว รู้ตัวนี่เด็กหญิงค่อนในใจ

    “แทนที่จะเป็นแบบนั้น ให้คนอื่นมองว่าเธอมีพี่ชายเดินมาส่ง หรือไม่ก็เป็น...บอดีการ์ดสักคน ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ”

    ไฮบาระรู้สึกคุกรุ่นไปทั้งอก หากเขาเป็นสึบารุคนก่อน เธออาจจะยอมเดินทางกับเขาอย่างไม่ติดขัดอะไร แต่พอรู้ว่าเขาเป็นโมโรโบชิ ได คนทรยศแล้ว ความต่อต้านในใจก็รุนแรงขึ้น

    “ไอจัง! อรุณสะ...เอ๊ะ” อายูมิเข้ามาทักเสียงร่า แต่ต้องชะงัก เมื่อสังเกตเห็นว่าไฮบาระเดินมากับพี่ชายข้างบ้าน

    “อรุณสวัสดิ์ สาวน้อย” เขาทักทายด้วยรอยยิ้ม

    “อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่สึบารุ” เด็กหญิงทักทายกลับแล้วหันมากระซิบถามไฮบาระ “ทำไมถึงมาด้วยกันกับพี่สึบารุได้ล่ะ”

    “ลองถามเขาเองสิ” เธอตอบเสียงห้วน

    “อ๋อ ฉันมาเป็นบอดีการ์ดให้เธอน่ะ ช่วงนี้มีพวกเกเรป้วนเปี้ยนอยู่เยอะซะด้วย”

    “บอดีการ์ด? ดีจังนะ ไอจัง!” เด็กหญิงทำเสียงตื่นเต้น “อายูมิยังอยากมีบ้างเลย”

    “ฉันไม่เห็นอยากมีเลยสักนิด”

    สึบารุเดินมาส่งไฮบาระกับอายูมิถึงรั้วหน้าโรงเรียน โดยที่เจ้าของน้ำเสียงห้วนไม่ลืมหันมากำชับ “ฉันถึงโรงเรียนปลอดภัยดีแล้วค่ะ หวังว่าคุณบอดีการ์ดคงจะไม่ตามเข้ามาถึงข้างในนะคะ”

    ชายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วเดินไป ก่อนจะหยุดกึกเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาหันกลับมาบอก “เดี๋ยวบ่ายสองโมง ฉันจะมารอรับนะ”

    เด็กหญิงสองคนเดินมาถึงห้องเรียนด้วยอารมณ์ต่างกันสุดขั้ว อายูมิที่มีสีหน้าเบิกบานราวกับดอกทานตะวันรับแสงอาทิตย์และไฮบาระที่หากเปรียบกับพายุก็แทบจะเทียบเท่าทอร์นาโด

    “คุณไฮบาระยังอาการไม่ค่อยดีเหรอครับ” มิตสึฮิโกะถามขึ้นหลังอีกฝ่ายวางกระเป๋าบนโต๊ะ

    “อ๋อ เปล่าหรอก ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ”

    “งั้นเหรอครับ โล่งอกไปที”

    โคนันคิดว่าดีแล้วที่ให้พวกเด็กๆ และคนอื่นรู้กันแค่ผิวเผิน เพราะประธานชิโรฮาโตะเองก็ตกลงกันว่าจะปิดข่าว จึงมีแค่ข่าวของแก็งจิ้งจอกดำที่แถลงออกไป

    “จริงสิ เมื่อกี้ฉันเจอพี่สึบารุด้วยล่ะ พี่เขาบอกว่ามาเป็นบอดีการ์ดให้ไอจัง เท่สุดๆ ไปเลย”

    “บอดีการ์ด? ให้คุณไฮบาระน่ะเหรอครับ” มิตสึฮิโกะแอบเหลือบมองเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาล ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากเดินไปรับส่งเธอทุกวันเหมือนกัน

    “เพราะแบบนี้นี่เอง เธอถึงเดินหน้าบูดมาแต่ไกล” เด็กชายสวมแว่นยกยิ้ม

    “เป็นแผนของนายใช่ไหม” เด็กหญิงเค้นเสียงซุบซิบ

    “หา...ฉันเกี่ยวอะไรด้วยเล่า”

    “เพราะนายเป็นพวกชอบยุ่งไม่เข้าเรื่องไงล่ะ” เธอไม่วางใจ “บางทีนายอาจไปเสนออะไรแปลกๆ ให้เขาก็ได้”

    “นี่ ไฮบาระ คุณอากาอิเขาเป็นห่วงเธอมากนะ” โคนันเลือกเอ่ยชื่อจริงของบุคคลที่สามอย่างไม่ตะขวิดตะขวง

    “ถ้าเป็นฉัน...ถ้าฉันอยู่ในฐานะเดียวกับเขา ฉันก็คงทำเหมือนกัน”

    “งั้นนายก็มาเป็นแทนเขาเลยสิ บอดีการ์ดน่ะ” ไฮบาระพูดทีเล่นทีจริง

    “หา...?”

    “หึ คงไม่ได้สินะ” เด็กหญิงยิ้มเยาะ “เพราะคนที่นายอยากปกป้อง คงไม่ใช่ฉัน”

    “พูดอะไรของเธอ”

    “ช่างเถอะ” ไฮบาระตัดบท ตัดรำคาญ แต่ความหงุดหงิดรำคาญใจของเธอคงไม่อาจหายไปได้ง่ายๆ ในเมื่อเลิกเรียนก็ต้องเจอกับมันอีก

    ขากลับพวกเก็นตะขอกลับด้วยเพราะอยากดูให้เห็นกับตา ก็พบสึบารุยืนรออยู่แต่ไกล ไฮบาระไม่อยากเชื่อว่าเขาจะมารับเธอจริงๆ

    “คุณมาเป็นบอดีการ์ดให้คุณไฮบาระทำไมเหรอครับ” มิตสึฮิโกะสงสัย

    “ก็เพราะว่าฉันชอบ...” นัยน์ตาใต้คอนแทคเลนส์สีธรรมชาติชำเลืองมองเด็กหญิงผมน้ำตาล “บทบาทนี้ไงล่ะ”

    “อ๋อ เหมือน อ.โจดี้ ที่ชอบเล่นเป็นเอฟบีไอใช่ไหมฮะ” เก็นตะนึกถึงข้ออ้างที่โจดี้เคยบอกตอนนั้น

    “อื้ม ใช่แล้วล่ะ” เขาตอบรับส่งๆ

    “แต่ก็ดีเหมือนกันนะ” อายูมิแสดงความคิดเห็น “ไอจังเพิ่งผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ แบบนั้นมา มีพี่สึบารุมาตามคุ้มครอง จะได้ปลอดภัยไงล่ะ”

    “แบบนั้นเองเหรอครับ”

    สึบารุเดินตามกลุ่มนักสืบเยาวชนแบบไม่เว้นระยะห่าง ขณะที่สายตาใต้กรอบแว่นคอยสอดส่องรอบตัว เขาจงใจออกมาเดินล่อเสือล่อตะเข้เพื่อพิสูจน์ว่ามีใครจับตาดูอยู่หรือเปล่า ตอนเช้าหลังจากส่งไฮบาระเสร็จ เขาก็เดินวนถนนแถวรอบโรงเรียนมาแล้ว ทั้งยังหลังเลิกเรียนตอนนี้ แต่ก็ยังไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ

    “ว่าแต่โคนันคุงไม่กลับกับพวกเธอด้วยเหรอ” ชายหนุ่มเลียบเคียงถาม

    “เห็นเขาบอกว่ามีธุระด่วนต้องไปทำน่ะครับ” มิตสึฮิโกะตอบ “เลยกลับไปสักพักหนึ่งแล้ว”

    คิ้วเรียวย่นเข้าหากันพร้อมความคิด หรือจะเป็นเรื่องนั้น

     










    ธุระด่วนของโคนันในตอนนี้หนีไม่พ้นเรื่องของพนักงานของร้านกาแฟใต้สำนักงานนักสืบโมริ เด็กชายวิ่งกระหืดกระหอบกลับมาทันเจออามูโร่กำลังกวาดขยะอยู่หน้าร้านพอดี

    “อ้าว คุณอามูโร่กลับมาทำงานแล้วเหรอครับ” เด็กชายทำทีเดินเข้าไปทัก “ผมไม่เห็นคุณตั้งหลายวันแน่ะ ไม่สบายเหรอครับ”

    “เปล่าหรอก พอดีฉันไปรับจ็อบพิเศษมาน่ะ” หนุ่มผมบลอนด์ตั้งใจบอกอ้อมๆ แต่คาดว่าอีกฝ่ายคงพอเข้าใจได้ถึงความหมายโดยนัย

    “คุณ...รู้เรื่องที่เกิดขึ้นไหมครับ”

    “หือ เรื่องอะไรล่ะ”

    “เรื่องคดีแก็งจิ้งจอกดำน่ะครับ” เด็กชายลองเปรย “ตำรวจไม่ได้แถลงข่าวออกไปก็จริง แต่ผมสงสัยว่าอาจจะเป็นฝีมือเบอร์สองขององค์กร”

    “ไม่ใช่ฝีมือเขาหรอก” โคนันแปลกใจกับคำตอบฉับไวแทบไม่ต้องคิดของอีกฝ่าย

    “ทำไมคุณถึงมั่นใจจังครับ”

    ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่ารัมไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังคดีคราวนี้ เพราะตลอดสัปดาห์ที่ลางานของร้านปัวโรต์ เขาทำงานอยู่กับรัมตลอด ต่อให้สั่งงานผ่านคนอื่นก็น่าจะมีพิรุธหรือปฏิกิริยาอะไรบ้าง

    “เอาเป็นว่าฉันรู้ก็แล้วกัน” เขาเป็นฝ่ายถามกลับ “ว่าแต่เธอเถอะ ทำไมถึงคิดว่าเป็นฝีมือของคนคนนั้นล่ะ”

    เด็กชายชะงักเล็กน้อย อึดอัดจริง จะบอกเรื่องไฮบาระคือเชอร์รี่ก็ไม่ได้ด้วย

    คิ้วสีบลอนด์ย่นเข้าหากันอย่างอดสงสัยไม่ได้ แม้คดีแก็งจิ้งจอกดำจะเป็นคดีใหญ่ แต่ทำไมโคนันถึงคิดว่าเป็นฝีมือของรัม หรือเบื้องหลังของคดีจะเกี่ยวข้องกับความลับสุดยอดที่เอฟบีไอและเด็กคนนี้พยายามปกปิดไว้ร่วมกัน

    “มันเป็นลางสังหรณ์ของนักสืบน่ะครับ” โคนันหาข้อแก้ตัวก่อนจะรุกอีกครั้ง “เหมือนที่หมู่นี้ผมชักสงสัยว่าเบอร์สอง...เขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเลยใช่ไหมครับ”

    “โคนันคุง ฉันเคยบอกเธอไปแล้วนะ” อามูโร่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ฉันบอกเธอเท่าที่บอกได้นั่นแหละ”

    เด็กชายกระตุกยิ้มอย่างนึกขำ เพราะคำพูดของอีกฝ่ายเหมือนกับคำพูดของไฮบาระเปี๊ยบ

    “งั้นผมลองเจาะจงดูไหมครับ” ดวงตาประกายใต้กรอบแว่นชำเลืองมองด้านขวามือ “อย่างเช่น บ้านใกล้เรือนเคียง”

    “นั่นสินะ อาจจะใช่” ชายหนุ่มเล่นแง่ “หรืออาจจะไม่ใช่”

    “ผมคิดว่าเรามีศัตรูเป็นพวกเดียวกันแล้วซะอีกนะครับ” โคนันพยายามเก็บความใจร้อนไว้ตามที่เคยรับปากกับไฮบาระ แต่พอเห็นเหมือนคำตอบอยู่ตรงหน้าก็รู้สึกปล่อยไปไม่ได้

    “ฉันไม่ปฏิเสธ แต่ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามขั้นตอน”

    “แต่ว่านะครับ ขืนช้ากว่านี้...”

    “ฉันรู้ว่าเวลาทุกนาทีมีค่านะ แต่ต่อให้เธอรู้ไปก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีอะไรดีขึ้นสักหน่อย”

    อะ! เดี๋ยวสิ คำพูดแบบนี้มัน...

    รอยยิ้มพอใจเหยียดขึ้นพร้อมกับมือที่ยกดันแว่น “คุณอามูโร่ไม่ใช่คนแรกที่เตือนผมหรอกครับ”

    “โอ้ แล้วเธอตอบเขาไปว่ายังไงล่ะ”

    “ผมว่าคุณน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วนะครับ”

    อามูโร่มองตามเด็กชายที่เดินขึ้นบันไดสำนักงานไป สีหน้าแบบนั้น ไม่ว่ายังไงก็คงพยายามสืบด้วยตัวเองแน่ๆ

    อย่างน้อยก็ยังถ่วงเวลาไปได้บ้าง เพราะถ้าบอกให้รู้ตอนนี้ เธอจะต้องรีบพุ่งเข้าหาอย่างไม่รีรอ ฉันปล่อยให้เธอเป็นอันตรายไม่ได้หรอก ตามสัญญาที่ให้ไว้กับเธอคนนั้นไงล่ะ

     










    ไฮบาระถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าสลับกับมองนาฬิกาข้อมือ ใกล้บ่ายสองโมงแล้ว ใกล้เวลาได้เจอกับใบหน้าของคนที่เธอเคยเกือบวางใจ แต่ตอนนี้ความรู้สึกกลับต่างกันลิบลับเพียงเพราะตัวตนข้างในเปลี่ยนไป

    ทุกครั้งที่อยู่กับเขา มันทั้งอึดอัดและชวนหงุดหงิดไปซะทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องที่เขาเป็นคนยึดมั่นในหน้าที่และคำพูดซะเหลือเกิน จนล่วงเลยกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว เขาก็ยังเทียวไปเทียวมาคอยเดินตามรับส่งเธอทุกเช้าบ่าย ไฮบาระแสดงอาการให้เห็นชัดเจนแต่เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจ ไม่รู้ว่าเป็นคนเถรตรงหรือหน้าด้านหน้าทนกันแน่

    “ฉันรู้ว่าเธออึดอัดแต่ทนหน่อยเถอะ เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง” เด็กหญิงยิ้มเยาะ การที่เขาสังเกตเห็นและเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก็แสดงว่าไม่ได้เถรตรง แต่คงเพราะหน้าด้านหน้าทนมากกว่า

    “ถ้าคุณกังวลแค่เรื่องความปลอดภัย ให้อีกฝ่ายเป็นเจ้าหน้าที่คาเมลจะช่วยฉันได้มากค่ะ”

    “คาเมลเขาติดงานอื่นน่ะ อีกอย่าง...เจ้าหน้าที่เอฟบีไอคนไหนก็คงไม่ต่างกันหรอกมั้ง”

    “ต่างค่ะ” ไฮบาระส่งตายตาเชิงเน้นย้ำ “อ้อ ไม่สิ ก็ไม่ได้ต่างจริงๆ นั่นแหละ”

    “ไม่ว่าจะเอฟบีไอหน้าไหนก็หลอกใช้คนอื่นเก่งเหมือนกันหมด”

    สึบารุปล่อยให้คำพูดจิกกัดถากถางเลือนหายไปกับความเงียบและยังคงทำหน้าที่อัศวิน ส่งองค์หญิงตัวน้อยจนถึงรั้วหน้าบ้านอย่างทุกครั้ง

    “พรุ่งนี้ฉันเลิกครึ่งวัน ไม่ต้องมารับนะคะ”

    เธอฝากทิ้งท้ายเป็นนัยๆ โดยหวังว่าหากเขายึดมั่นในคำพูดจริง คงยอมรับแต่โดยดี ทั้งที่ความจริงแล้วโรงเรียนไม่ได้เลิกเร็วอะไรหรอก แถมวันต่อมาไฮบาระยังจงใจอยู่เย็น เผื่อว่าถ้าเขามารอแล้วไม่เจอใครจะได้กลับไปซะ

    เด็กหญิงขนสมุดเช็กชื่อที่อาสาแบ่งจากครูโคบายาชิมาทำไปคืนให้ที่ห้องพักครู แต่เจ้าตัวกลับไม่อยู่ที่ห้อง พบเพียงครูวากาสะนั่งตรวจงานอยู่ ครูสาวรับกองสมุดคืนพลางขอบอกขอบใจที่ไฮบาระช่วยงาน

    “อยู่เย็นขนาดนี้ ป่านนี้เขาคนนั้นไม่รอแย่เหรอจ๊ะ”

    “คะ?”

    “อ้าว ก็คนคนนั้นที่ชอบมารับส่งหนูช่วงนี้ไง เขาเป็นใครเหรอจ๊ะ” ท่าทางของครูวากาสะดูสนอกสนใจ “อะ คือว่า ครูรู้สึกคุ้นๆ หน้าเขาน่ะจ้ะ”

    “เขาเป็น...พี่ชายที่อาศัยอยู่ข้างบ้านน่ะค่ะ”

    “เพราะเรื่องคราวก่อนที่คุณไฮบาระถูกลักพาตัวไปหรือเปล่าจ๊ะ” แม้เรื่องของเธอและมานามิจะไม่ได้ประกาศออกสื่อ แต่นอกจากเอฟบีไอแล้วก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่พอรู้เรื่องราว ทั้งตำรวจ พวกเด็กๆ และครูประจำชั้นทั้งสองคน

    “ค่ะ คงอย่างนั้น”

    “งั้นเหรอ ท่าทางเป็นคนที่ฝีมือดีนะจ๊ะ” ครูสาวดันแว่นพร้อมแสยะยิ้มแฝงเลศนัย แต่พอเห็นสายตาของอีกฝ่ายจึงแสร้งทำเป็นคาดเดา “เขาถึงได้อาสามาคอยคุ้มครองหนูไง”

    ไฮบาระขอตัวกลับ เธอเดินออกมาท่ามกลางบรรยากาศครึ้มฝนยามสี่โมงเย็น และแน่นอนหน้ารั้วโรงเรียนไม่มีใครรออยู่เลย เด็กหญิงชะเง้อมอง เหลียวซ้ายแลขวาก่อนยิ้มเยาะ เป็นแบบนี้จะให้นิยามยังไงดี เถรตรงหรือความอดทนต่ำล่ะ

    “ไม่มาจริงๆ ด้วยสินะ” เด็กหญิงคอตกเดินกลับไป โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบมองอยู่ตลอด

    ไฮบาระลอบถอนใจ บนถนนหนทางซึ่งไร้ผู้คนแลดูเปล่าเปลี่ยว แต่ก็ยังดีกว่าต้องอึดอัดเพราะต้องเดินกับเขา มันเป็นอย่างที่เธอต้องการแล้วนี่ ใช่ สมองของเธอสั่งให้คิดแบบนี้ แล้วทำไมใจต้องรู้สึกหวิวๆ ด้วยล่ะ

    ตึก ตึก ตึก

    ชั่ววินาทีที่รู้สึกแปลกไป หัวใจของเธอก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาจากด้านหลัง เด็กหญิงหมุนตัวกลับด้วยความคาดหวัง ทว่ากลับต้องใจเสียเมื่อเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นชายท่าทางถมึงทึงน่ากลัวกำลังยื่นมือเข้ามาทำท่าจะจับเธอในระยะประชิด

    กรี๊ด!’ ไฮบาระเกือบจะแผดเสียงร้องตกใจ ทว่ากลับเป็นอีกฝ่ายที่ส่งเสียงโอดโอยเสียเอง

    “อ๊ะ เจ็บๆๆๆ” ชายแปลกหน้าครางลั่นด้วยความเจ็บแปลบ เพราะถูกจับบิดแขนแล้วล็อกไพล่หลังไว้อย่างแรง

    “คุณเป็นใคร! คิดจะทำอะไร?” แววตาเกรี้ยวกราดฉายชัดบนใบหน้าของสึบารุ

    “เปล่านะ” ชายแปลกหน้าอธิบาย “ผมแค่เห็นว่าเด็กคนนี้ทำนี่ตกไว้เลยเอามาคืนแค่นั้นเอง”

    สึบารุเหลือบมองวัตถุในมือข้างที่ถูกล็อกไว้ สายห้อยมือถือคุณฮิโกะ

    “เอ่อ ขอโทษด้วยนะครับ” ชายหนุ่มรีบคลายมือแล้วขอโทษขอโพย

    “ไม่เป็นไรครับ ช่างเถอะ” สึบารุมองตามชายแปลกหน้าที่ส่ายศีรษะเซ็งๆ แล้วเดินออกไป

    “ทำตกรอบที่เท่าไรแล้วเนี่ย ของสำคัญไม่ใช่หรือไง” เขาปัดฝุ่นออกจากจี้ห้อยอย่างเบามือ “เก็บไว้ให้ดีหน่อยสิ เอ้า”

    ไฮบาระยืนนิ่ง ไม่เข้าใจตัวเอง ทั้งที่เคยบอกออกไปว่าไม่อยากเจอหน้าอีก แต่ทำไมพอไม่เจอจริงๆ ถึงได้ใจหายล่ะ แล้วทำไมตอนที่เขาโผล่มาถึงต้องโล่งใจ ดีใจแบบนี้ด้วย

    “เธอ...?” สึบารุชะงัก มองเด็กหญิงที่ก้มหน้านิ่ง

    “อย่าหายไปนะ”

    “เอ๊ะ”

    “คุณเป็นอัศวินของฉันไม่ใช่หรือไง!” ไฮบาระเชิดหน้าขึ้นมาสบตา “เพราะฉะนั้น...อย่าหายไปนะคะ คุณสึบารุ”

    อึก คิ้วเรียวย่นเข้าหากันพร้อมความจุกกลางอก ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อยก่อนตอบรับด้วยรอยยิ้ม

    “ได้สิ ฉันจะไม่หายไป”

    เอฟบีไอหนุ่มมองตามเด็กหญิงที่เดินก้มหน้าไปตลอดทาง แม้แต่บรรยากาศครึ้มฝนยังไม่อึดอัดเท่ากับหัวใจของเขา เพียงเสี้ยววินาทีหลังคำวิงวอนเอ่ยออกมา เขารู้สึกยาวนานราวกับเวลาถูกแช่แข็ง

    อย่าหายไปเป็นคำพูดที่รั้งเขาเอาไว้ใช่ไหมนะ เขาควรจะดีใจแท้ๆ แต่ติดตรงที่ เขาไม่ใช่...โอกิยะ สึบารุ

    อีกมุมหนึ่งหลังกำแพง เจ้าของริมฝีปากสีแดงอมม่วงกำลังเหยียดยิ้มพลางดันแว่นด้วยความพึงใจ หากลางสังหรณ์ของครูประจำชั้นกำมะลออย่างเธอไม่ผิดเพี้ยน จะต้องเกิดเรื่องกับเด็กคนนั้นอีกแน่ๆ

     










    วันเสาร์ วันหยุดสุดสัปดาห์ ไฮบาระอุตส่าห์ไม่รับนัดพวกเด็กๆ เพราะอยากมีสมาธิกับการทำงานที่คั่งค้าง แต่เรื่องน่าอับอายเมื่อวานกลับช่วงชิงพื้นที่ไปเสียหมด เด็กหญิงคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรกับสิ่งที่เผลอพูดกับเขาออกไปแบบนั้น เธอควรไปเคลียร์ให้มันจบๆ จะได้ไม่ค้างคา หรือควรปล่อยผ่าน ทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นดี

    ไฮบาระขึ้นมาจากชั้นใต้ดินก็ต้องหนักใจเพิ่มอีกเรื่อง เมื่อชั้นหนึ่งของบ้านเกลื่อนกลาดไปด้วยอะไหล่มากมาย เพราะดอกเตอร์อากาสะกำลังง่วนกับการซ่อมสิ่งประดิษฐ์ตั้งแต่เมื่อคืน เด็กหญิงส่ายหน้าก่อนเหลือบเห็นถุงกระดาษบนเคาน์เตอร์

    “นี่อะไรเหรอคะ ดร.”

    “อ๋อ นั่นเครื่องเปลี่ยนเสียงรูปโชกเกอร์ที่ทำสำรองให้สึ...เอ่อ อากาอิคุงน่ะ” เขาชักสับสนว่าควรเรียกชื่อไหนดี “ฉันทำเสร็จสักพักแล้ว กะว่าจะเอาไปให้ แต่ก็ลืมทุกที”

    ดวงตากลมหรี่ลงด้วยมีความคิดแวบเข้ามา “เดี๋ยวหนูเอาไปให้เองค่ะ”

    “เอ๊ะ”

    “พอดีว่าหนูมีเรื่องต้องคุยกับเขาน่ะค่ะ”

    “งั้นเหรอ” ชายอาวุโสสงสัยนิดหน่อยแต่ไม่ได้ติดใจอะไร “ช่วยทีนะ”

    ไฮบาระเปิดประตูหน้าบ้านคุโด้ เดินผ่านห้องนั่งเล่นเข้าไปด้านใน เวลาแบบนี้เธอเดาว่าเขาน่าจะอยู่ในห้องหนังสือ เด็กหญิงถือถุงกระดาษเดินไปจนถึงหน้าประตูที่แง้มอยู่ จึงได้ยินเสียงคุยสายเล็ดลอดออกมา สองเท้าหยุดโดยอัตโนมัติ เธอไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง เพียงแต่กำลังหาจังหวะเหมาะๆ แล้วค่อยเข้าไป จะได้ไม่ขัดการสนทนาของอีกฝ่าย

    “เธอคิดว่ายังไง” เสียงแหบห้าวของเจมส์เอ่ยขึ้น “ถ้าฉันจะขอให้เธอใช้ใบหน้าของ โอกิยะ สึบารุ ต่อน่ะ”

    “ผมว่าหลังจากนี้เป็นต้นไป ควรจะมีแค่ อากาอิ ชูอิจิ ครับ”

    “งั้นเหรอ”

    ไฮบาระสะอึก กำถุงกระดาษในมือแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บใจตัวเอง นั่นสิ คาดหวังอะไรอยู่นะเรา เขาคือเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ไม่ใช่คุณสึบารุสักหน่อย

    เด็กหญิงวางของไว้บนโต๊ะไม้หน้าห้องแล้วรีบตรงกลับบ้านทันที

    “อ้าว ไอคุง กลับมาเร็วจัง” ดอกเตอร์โงศีรษะขึ้นจากสิ่งประดิษฐ์ “คุยอะไรกับอากาอิคุงล่ะ”

    “ไม่ได้คุยค่ะ” เธอตอบตามตรง

    “หือ ทำไมล่ะ”

    “ก็ท่าทางเขาจะยุ่งอยู่นี่คะ”

    ใช่แล้ว...เจ้าหน้าที่เอฟบีไออย่างเขา ไม่มีทางเป็นอัศวินของเราได้อีกต่อไป
















    โปรดติดตาม...










    Talk กับ ไรท์
    เฮ้อ สงสารคุณสึบารุที่บทบาทน้อยลงเรื่อยๆ
    แล้วก็สงสารไอจังที่สับสนกับความรู้สึกค่ะ
    สงสารอากาอิที่ต้องฟังประโยคเจ็บๆ
    ไม่เว้นแค่ละวันด้วยนะ
    และใดๆ คือสงสารตัวเอง
    ที่เสิร์ฟความหวานให้รี้ดไม่ค่อยได้ค่ะ
    พอดีไรท์ลงทรีตเมนต์ไว้ละเอียดแล้ว
    ส่วนใหญ่ก็จะเป็นดราม่ามากกว่า
    แต่ฉากหวานๆ ก็มีอยู่นะคะ
    หวานน้อยแทรกประปราย
    ส่วนหวานมาก แถวๆ ตอนจบค่ะ
    เรียกได้ว่าหยาดเยิ้มเลยทีเดียว






    ประกาศเพิ่มเติม T^T
    ไรท์จะหยุดอัพชั่วคราวนะคะ
    ช่วงเดือนพฤศจิกายน จำนวน 2 ตอน
    เพราะไรท์ต้องการเวลาในการหาข้อมูล
    (มันมีจุดที่ไม่ได้ดั่งใจอยู่)
    และจะเริ่มอัพอีกครั้งวันที่ 5 ธ.ค.
    เพราะฉะนั้นเดือนธันวาคม
    จากเดิมที่วางแพลนจะอัพ 3 ตอน
    จะกลายเป็น 5 ตอนค่ะ
    รี้ดไม่ต้องกังวลไปนะ
    ยังไงไรท์ก็จะเขียนเรื่องนี้ให้จบค่ะ
    เดิมพันด้วยนิ้วมือและกระดูกสันหลังเลย !

    <3
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×