ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Conan : Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป(ไม่)ได้

    ลำดับตอนที่ #3 : ใบหน้าที่คุ้นเคย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 859
      37
      29 มี.ค. 66

    (31.07.21)
    ใบหน้าแบบนั้น เขาไม่มีทางลืมแน่



    Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้ 

    Parinuttha



    ตอนที่ 3 ใบหน้าที่คุ้นเคย




    อาหารเย็นดำเนินไปอย่างเรียบง่าย โดยมีเขาซึ่งขันอาสาเป็นพ่อครัวแล่ปลาให้ทุกคนกินจริงๆ ซาชิมิสดๆ ถูกจัดเรียงลงบนจาน แม้ลายเนื้อปลาจะไม่ได้สวยเท่าฝีมือของพ่อครัวร้านซูชิมือหนึ่ง แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาตั้งใจกับการทำอาหารแค่ไหน แต่สำหรับไฮบาระ เขามีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าการทำอาหารนี้อยู่

    ย้อนกลับไปเมื่อตอนเย็น ระหว่างทางกลับ คุณอิดะแนะนำโขดหินอิคาคุกลางทะเลที่มองไกลๆ แล้วมีรูปร่างเหมือนเขาของมังกร และชวนพวกเด็กๆ ไปแวะดู เพราะคนแถวนี้มีความเชื่อว่ามังกรเขาเดียวจะทำให้เรือจม แต่ถ้าเป็นพวกเด็กๆ จะให้พรให้ว่ายน้ำเก่ง แต่พอมาดูใกล้ๆ แล้ว ก็เป็นแค่โขดหินที่ถูกคลื่นและลมกัดเซาะจนผิดรูปเท่านั้น

    “ดูสิๆ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยล่ะ” ไฮบาระหันมองตามเสียงของอายูมิ ถ้าที่นี่จะมีข้อดีล่ะก็ คงเป็นทิวทัศน์สวยๆ ยามอาทิตย์ลับผืนน้ำซึ่งหาดูไม่ได้ในเมืองนี่แหละ

    “เรามาถ่ายรูปกันก่อนที่จะลับฟ้าไปเถอะ” อายูมิชวนทุกคน

    “งั้น ใช้โทรศัพท์มือถือของฉันก็ได้นะ” สึบารุเสนอ

    “ช่วยหน่อยนะครับ” เก็นตะว่าแล้ววิ่งไปทางโขดหินที่มีพระอาทิตย์ตกเป็นฉากหลัง อายูมิดันหลังโคนันและไฮบาระที่ยังงงให้ไปยืนด้วยกัน

    สึบารุหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดถ่ายรูป แต่บางอย่างในกล้องทำให้เขานึกสนใจจนต้องซูมภาพ ก่อนจะเดินไปดูใกล้ๆ ไฮบาระใจหายวาบเมื่อชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาประชิด

    “หินด้านหลังเธอน่ะ เหมือนมีตัวหนังสือเลยนะ” ไฮบาระเหลียวมองตาม มีชื่อปลาเป็นตัวคันจิสี่คำสลักอยู่จริงด้วย

    “ซาบะ โค่ย ไท่ ฮิราเมะ”

    เด็กหญิงถอยออกมาเล็กน้อย แอบโล่งใจที่เธอไม่ใช่เป้าหมายของเขา พอโคนันลองสำรวจดูรอบๆ ก็พบศพผู้หญิงในชุดเวทสูท เสียชีวิตในท่านั่งพิงโขดหินอยู่อีกฝั่ง ในสภาพขาดน้ำจนตาย และไม่ใช่อุบัติเหตุเสียด้วย แต่เป็นการฆาตกรรม มีใครบางคนทิ้งเธอเอาไว้ที่นี่จนตาย และไดอิงแมสเซจที่เธอทิ้งไว้ก็คือ อักษรคันจิชื่อปลา 4 ชนิด

    หลังจากสารวัตรโยโกะมิโซะลงพื้นที่ได้ไม่นาน ก็มีผู้ชายสามคนที่ออกเรือตามหาเพื่อนซึ่งเคยเจอกันก่อนหน้านี้ตามมาที่โขดหิน และเพื่อนของพวกเขาที่หายไปก็คือคุณหนูอากามิเนะที่ถูกพบเป็นศพนั่นเอง

    หลังได้ฟังประโยคแสนไร้เดียงสาจากพวกเด็กๆ โคนันก็สามารถระบุตัวคนร้ายได้ นั่นคือ อาโอซาโตะ ชูเฮย์ หนึ่งในชายสามคนที่นั่งเรือมา แต่ดูท่าคนร้ายจะยังไม่ยอมจำนนง่ายๆ

    “เพราะงั้น ฉันก็เลยทิ้งแม่นั่นเอาไว้ที่โขดหินอิคาคุนี่แหละ แล้วก็...” ชายหนุ่มคว้าจับตัวอายูมิขึ้นมาพร้อมเอามีดจี้ “พวกแกเองก็ต้องเจอแบบเดียวกันด้วย!

    “ชูเฮย์ อย่าทำบ้าๆ นะ” เพื่อนของเขาพยายามร้องเตือน

    โคนันเข้าตาจน เพราะนาฬิกาก็ถอดทิ้งไว้บนเรือ แถมรองเท้าที่ใส่ตอนนี้ยังเป็นรองเท้าบูทอีก “นี่ ไฮบาระ มีอะไรมาใช้เป็นอาวุธบ้างได้ไหมเนี่ย”

    “ของแบบนั้นฉันจะมีได้ยังไงเล่า...”

    อะ ฮะ!?’

    หัวใจของไฮบาระกระตุกวาบ เมื่อเธอรับรู้ได้ถึงความกดดันรุนแรงจากทางด้านหลัง เด็กหญิงเหลียวไปมองช้าๆ ไม่ใช่ใครอื่นเลย นอกจาก โอกิยะ สึบารุ คนนั้น

    0.12%

    “ว่าไงนะ” อาโอซาโตะงง ที่จู่ๆ ชายสวมแว่นก็พูดอะไรแปลกๆ ขึ้นมา

    “สถิติที่อาชญากรจะทำการหลบหนีได้สำเร็จไงล่ะ มันเป็นหนึ่งในหนึ่งพันคน” ชายหนุ่มว่า พลางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้คนร้ายเรื่อยๆ

    “แต่ว่า...แม้ในบรรดาคนพวกนั้นจะได้รับโอกาสจากปีศาจ แต่ก็จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและทรมานกับการใช้ชีวิตที่ต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริง ถ้าตัดพวกที่ยอมมอบตัวแล้วก็ฆ่าตัวตายออกไปล่ะก็ คนที่ทำได้สำเร็จน่ะ มันมีน้อยยิ่งกว่าน้อย”

    ไม่ใช่แค่อาชญากรหรอก ไฮบาระเผลอคิดตามคำพูดของเขา แม้แต่คนที่ทรยศองค์กรอย่างเธอก็เคยรู้สึกแบบนั้นมาแล้ว ถึงกับมีหลายครั้งที่เธอเคยคิดฆ่าตัวตายด้วย ถ้าต้องหนีแบบนั้นไปตลอดล่ะก็ สู้ตายซะยังจะดีกว่า

    ชายหนุ่มหยุดอยู่ตรงหน้าคนร้ายอย่างไม่เกรงกลัว และยังคงแผ่รังสีกดดันให้ไฮบาระรู้สึกขนลุก “แล้วคนอย่างคุณน่ะจะสามารถอดทนกับความโดดเดี่ยว แล้วก็ความกดดันได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า”

    “ฮึ้ย! หนวกหูน่า”

    อาโอซาโตะสติแตก พุ่งมีดออกมากะจะแทงสึบารุ แต่ชายหนุ่มเพียงแค่เบี่ยงหลบเล็กน้อย ก่อนใช้มือซ้ายปัดมีดจนปลิวตกทะเลไป แล้วฉกตัวอายูมิกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว

    “เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้วนะ” สึบารุวางเด็กหญิงลง ด้วยใบหน้าที่กลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง ส่วนคนร้ายก็ถูกจับกุมได้

    แสงดาวพรายพร่างขึ้นมาแทนดวงอาทิตย์ซึ่งลับขอบฟ้าไปแล้ว ผืนฟ้าสีแดงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน แต่เด็กๆ กลุ่มนักสืบเยาวชนยังเอ่ยชมสึบารุไม่หยุดปาก

    “แต่ว่า จริงเหรอครับ ที่ว่า 0.12% เมื่อตะกี้นี้น่ะ” โคนันถามอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

    “แน่นอน โกหกทั้งเพไงล่ะ” สึบารุเฉลยพร้อมยิ้มร่า “สถานการณ์แบนนั้น การจะทำให้มันเอามีดออกห่างจากแม่หนูคนนี้ ก็มีแต่ต้องท้าทายมันเท่านั้นแหละ”

    ไฮบาระเขยิบมาจับไหล่โคนันอีกครั้ง ภายใต้สีหน้าที่ยิ้มแย้มแบบนั้น แต่ความกดดันที่เธอรับรู้ได้เมื่อกี้มันชัดเจนมาก เธอไม่ได้อคติไปเองแน่ๆ

    บ้านดอกเตอร์อากาสะเงียบลงหลังจากขับรถเต่าไปส่งเด็กๆ ทุกคนที่บ้านแล้ว เช่นเดียวกับสึบารุที่กลับไปบ้านหลังข้างๆ ดึกสงัดจนทั้งเขาและเธอต่างปิดไฟมืด แต่ท่ามกลางแสงสลัวซึ่งส่องลงมาผ่านช่องหลังคาที่เปิดออกในห้องหนังสือ ชายหนุ่มยังคงพลิกเปิดหน้ากระดาษ พลางจิบวิสกี้รสขม ก่อนจะชูแก้วเหล้าที่ใส่ไฮบอลรับแสงจากจันทร์เต็มดวงด้วยความพึงพอใจ

    ไฮบาระในชุดกาวน์ที่พักระหว่างการทดลองตามปกติ ยืนมองบ้านทรงยุโรปหลังข้างๆ ผ่านกระจกหน้าต่าง

    ใช่จริงๆ ด้วย คนคนนั้น...

     










    เวลาล่วงเลยพอสมควรจนไฮบาระเลิกใส่ใจชายหนุ่มข้างบ้านไปได้พักหนึ่ง วันนี้มิตสึฮิโกะชวนทุกคนไปธนาคารเพื่อเอาเงินแต๊ะเอียที่ได้มาเปิดบัญชีฝากเอาไว้ แต่เก็นตะเกิดปวดท้องขึ้นมากลางคัน เธอกับดอกเตอร์อากาสะจึงอาสาออกมาซื้อยาที่ร้านขายยาแถวนี้ให้ และให้พาเก็นตะไปถ่ายหนักในห้องน้ำธนาคารเสียก่อน

    ร้านขายสุราด้านหนึ่งซึ่งห่างออกไปไม่ไกล เจมส์พาโจดี้และคาเมลมาซื้อเครื่องดื่มดีๆ สำหรับดื่มฉลองคลายเครียด

    “แน่นอนว่า เจมส์ต้องเลี้ยงใช่ไหม” หญิงสาวเอ่ยอย่างเริงร่า “รู้แบบนี้แล้ว ก็ต้องเลือกของดีๆ มาดื่มกันหน่อยแล้วล่ะ”

    “เฮ้ๆ อย่าสั่งของแพงมากนักก็แล้วกัน” ชายอาวุโสปราม แต่โจดี้สนซะที่ไหน นานๆ ทีจะมีโอกาสแบบนี้

    หญิงสาวเลื่อนสายตามองไปเรื่อยๆ จนสะดุดเข้ากับเหล้าเบอร์บอง พานทำให้นึกถึงคีร์และสองคดีใหญ่ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะ วันศุกร์ที่ 13 วันที่เขาคนนั้น...

    “จะว่าไปแล้ว เหล้านั่น คนคนนั้นก็ชอบเหมือนกันนะครับ” คาเมลเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเหล้าเบอร์บองที่โจดี้ถืออยู่

    “เอ๊ะ”

    “คุณอากาอิไงล่ะครับ ทั้งเรื่องที่ล่อพวกมันออกมา แล้วเล็งยิงจากบนตึกที่ห่างออกไปถึง 700 หลา ก็เป็นฝีมือของคุณอากาอิทั้งหมดเลยสินะครับ”

    “อื้อ...” เจมส์อึกอัก เช่นเดียวกับคาเมลที่เริ่มรู้สึกเหมือนว่าบรรยากาศจะเปลี่ยนไป

    “อ้าว ไม่ใช่หรอกเหรอครับ” กระนั้นเขายังคงถามอย่างซื่อๆ

    “เอ่อ เปล่า ก็ใช่อยู่หรอกนะ” เจมส์พยายามเลี่ยงคำตอบ

    “ถ้าคุณอากาอิยังอยู่ล่ะก็... เราไม่จำเป็นต้องกลัวเจ้าคนที่ชื่อเบอร์บองอะไรนั่นหรอกนะ”

    “ไม่ได้กลัวอะไรสักหน่อย! พวกเราก็แค่รอให้องค์กรของพวกมันเคลื่อนไหวเท่านั้นเอง” โจดี้ตวาดด้วยอารมณ์ฉุนกึก “แล้วก็...อากาอิ ชูอิจิ ก็ตายไปแล้วนะ อย่าเอ่ยชื่อนั้นให้ได้ยินเป็นครั้งที่สองล่ะ”

    หญิงสาวอ่อนลง ขอตัวไปรอที่รถ เจมส์มองตามโจดี้ที่เดินออกไปอย่างเห็นใจ ขณะที่คาเมลยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชายอาวุโสจึงต้องอธิบาย

    “ช่วยระวังหน่อยจะได้ไหม สำหรับเธอแล้ว อากาอิคุงน่ะ ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงานในเอฟบีไอธรรมดาๆ นะ”

    “ครับ...” คาเมลเกาศีรษะอย่างเหนื่อยใจ เฮ้อ...เผลอทำคุณโจดี้โกรธซะแล้วสิ

    หญิงสาวเดินอยู่บนทางม้าลายท่ามกลางผู้คนพลุกพล่าน แอบรู้สึกผิดที่เผลอตะคอกใส่คาเมลแรงไปหน่อย แต่พอเป็นเรื่องของอากาอิทีไรก็ทำเอาเธอเจ็บใจทุกที ตอนนั้นก็เช่นกัน โจดี้หวนนึกด้วยสีหน้าเศร้า

    “เอ๋ คบกันแล้วงั้นเหรอ” หญิงสาวตกใจ เมื่อเรื่องสำคัญที่เขาอยากบอกกับเธอจนต้องนัดคุยกันคือเรื่องนี้ “นั่นน่ะ หมายถึงคนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่พูดถึงเมื่อวันก่อน คุณมิยาโนะ อาเคมิ เหรอ”

    “ใช่ เพราะงั้น กับเธอน่ะ ฉันขอจบเพียงเท่านี้”

    “เดี๋ยวก่อนสิ ชู คุณแค่คบกับเขาเพื่อหาทางเข้าองค์กรไม่ใช่เหรอ เราไม่จำเป็นต้องเลิกคบกันก็ได้นี่นา” โจดี้ท้วง

    “ถึงต้องยอมเสียสละเธอ ฉันก็ต้องทำลายองค์กรนี้ให้ได้” หญิงสาวจับพวงมาลัยแน่น คำพูดกระชับ ตรงประเด็นของเขา ฟังแล้วมันเจ็บจี๊ด

    “ฉันเองก็ไม่มีความสามารถพอที่จะรักผู้หญิงพร้อมกันทีเดียวสองคนได้หรอกนะ”

    ถึงอย่างนั้นก็ยังดี แค่ได้ทำงานด้วยกันก็พอแล้วแท้ๆ ชู...ทำไมล่ะ ทำไมคุณถึงด่วนจากไปไวแบบนี้

    แต่แล้ว โจดี้ก็ต้องชะงักพลัน เมื่อมีชายหน้าตาคลับคล้ายกับคนที่เธอคิดถึงกำลังเดินผ่านทางม้าลายนี้ ชู...หญิงสาวคิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งตามเขาไป คนคนนั้นเหมือนกับอากาอิไม่ผิดเพี้ยน ต่างก็แค่แผลไฟลวกที่แก้มเท่านั้น โจดี้ไล่ตามไปจนถึงตึกแห่งหนึ่ง เธอเห็นเขาเลี้ยวเข้าไปในซอกซอยนั้น กำลังคิดจะตาม แต่เจมส์ก็เข้ามาทักเสียก่อน

    สรุปว่าบัตรเครดิตของเจมส์ใช้ไม่ได้และไม่มีใครมีเงินสด เลยจะมาบอกให้โจดี้ช่วยออกก่อน หญิงสาวบ่นอุบ เพราะเธอก็ไม่ได้พกกระเป๋าเงินมาเหมือนกัน จึงเสนอจะไปกดเงินสดที่ธนาคารใกล้ๆ

    หญิงสาวพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว เธอเองนะที่เป็นคนบอกว่าอากาอิตายไปแล้ว จะเป็นเขาได้ยังไง

    แต่แล้วโจดี้ก็รู้ว่าเธอไม่ได้แค่ตาฝาดหรือคิดไปเอง เมื่อธนาคารที่เธอไปถูกโจรบุกปล้นอย่างอุกอาจ ลูกค้าและพนักงานถูกขังเอาไว้เป็นตัวประกัน พวกมันสั่งให้ทุกคนนั่งรวมกันที่พื้น และข้างๆ เธอนั้นเอง ชายคนนั้นซึ่งมีแผลไฟลวกที่แก้มขวา ชายที่มีใบหน้าเหมือนอากาอิกำลังนั่งอยู่

    “ชู...ชูใช่ไหม ตอบมาสิ ว่าเป็นชูน่ะ” ชายผู้หน้าเหมือนอากาอินิ่งเงียบ ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เธอจึงสันนิษฐานว่าบางที หลังจากเขารอดตายมา คงช็อกจนพูดไม่ได้และสูญเสียความทรงจำ ยังไงก็ต้องรีบออกจากที่นี่แล้วพาไปหาเอฟบีไอก่อน

    หลังจากกลุ่มคนร้ายสั่งให้ลูกค้าที่มาคนเดียวใช้เทปกาวมัดมืดและปิดตาลูกค้าทุกคนแล้ว โจดี้ก็ลวงหนึ่งในกลุ่มโจรให้พาเธอไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการซะ ทำให้ได้เจอกับโคนันและพวกเด็กๆ ที่เหลือรอดอยู่ เอฟบีไอสาวเล่ารายละเอียดเหตุการณ์ให้ฟัง แต่เพราะเธอหายมานานเกินไป พวกโจรสองคนจึงเข้ามาตามและช็อตเธอจนสลบด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า

    โคนันวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา วางแผน ร่วมมือกันกับเก็นตะ มิตสึฮิโกะ อายูมิ จนจัดการกับระเบิดและล่อคนร้ายให้ตกหลุมพรางได้ แต่โจรอ้วนที่โจดี้จัดการไปตื่นขึ้นมาเพราะเสียงระเบิดและจับตัวโคนันไว้ได้ โคนันเข้าตาจน ศีรษะถูกจ่อด้วยปากกระบอกปืนเตรียมลั่นไก

    ปัง!

    เสียงปืนที่ดังขึ้นสร้างความแตกตื่นให้ตัวประกันจนพากันวิ่งวุ่น เสียงโอดร้องดังลั่น ไม่ใช่โคนัน แต่เป็นโจรอ้วนคนนั้นซึ่งถูกยิงเข้าที่ไหล่ โดยชายหน้าเหมือนอากาอิผู้มีแผลไฟลวกที่แก้มขวา และเพียงเสี้ยววินาทีที่ตำรวจปราบจลาจลบุกเข้ามา ชายคนนั้นก็หายตัวไปเหมือนสายหมอก

     










    เหตุการณ์โจรปล้นธนาคารอย่างอุกอาจถูกนำมาฉายเป็นภาพข่าวซ้ำหลายครั้ง แม้จะไม่ได้ประกาศออกไป กลุ่มนักสืบเยาวชนก็รู้สึกภูมิใจที่มีส่วนช่วยคลี่ลายสถานการณ์ครั้งนั้น ก่อนจะไปเจอคดีแปลกๆ ของชายเกษียณอายุที่เกือบจะกระโดดรางรถไฟฆ่าตัวตาย เพื่อหวังเอาเงินประกันชีวิตไปเป็นค่าผ่าตัดให้หลานสาว แต่โชคดีที่พวกโคนันมาห้ามทัน ทั้งยังหาลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลร้อยล้านเยนของคุณลุงเจออีกด้วย

    “ฉันเกือบจะไปปล้นธนาคารแล้วนะเนี่ย ดีนะที่ไม่ต้องทำ” คุณลุงเล่นมุกด้วยรอยยิ้มก่อนโบกมือลาเด็กๆ

    “ทำเป็นพูดดีไป พวกเราเพิ่งเจอโจรปล้นธนาคารกันมาหยกๆ เลยนะเนี่ย” เก็นตะยังเข็ดจากคราวก่อน

    “จริงสิ ตอนนั้นฉันเห็นคนที่เคยเจออยู่ในกลุ่มลูกค้าธนาคารด้วยล่ะ” พอโคนันถามว่าคนไหน อายูมิเลยอธิบาย “แหม ก็...ผู้ชายคนที่เคยอยู่ในรถบัสที่ถูกจี้พร้อมพวกเรายังไงล่ะ”

    “หา! พี่ชายคนที่หน้าตาน่ากลัวๆ นั่นน่ะเหรอ” เก็นตะร้องเสียงหลง

    “ผมก็เห็นเหมือนกันนะครับ ถ้าจำไม่ผิด ที่แก้มขวาเขามีรอยถูกไฟลวกด้วย” มิตสึฮิโกะร่วมด้วย

    “ตอนรถบัสถูกจี้ มีคนแบบนั้นด้วยเหรอ” โคนันยังนึกไม่ออก

    “เปล่าหรอก คดีรสบัสเขายังไม่มีแผลไฟไหม้หรอก แต่ว่าตอนนั้นเขาสวมหมวกไหมพรมสีดำกับมีผ้าปิดปากด้วยนะ”

    ว่าไงนะ!?’

    ภาพของอากาอิแวบเข้ามาในหัวทันที โคนันตกใจเมื่อรู้ว่ามีผู้ชายที่หน้าตาเหมือนอากาอิ แต่มีแผลไฟลวกที่แก้มขวาอยู่ในกลุ่มคนวันที่มีการปล้นธนาคารด้วย แสดงว่าคนที่ยิงปืนตอนนั้น เป็นเขาจริงๆ ด้วยสินะ

    ไฮบาระแอบสะกิดใจกับท่าทางที่ทำท่าเหมือนเห็นผีของโคนัน แต่คิดไปก็เท่านั้น ก็พ่อยอดนักสืบน่ะ มีความลับตลอดอยู่แล้วนี่

    “อะ อากาอิเหรอ?”

    “จ้ะ คนในโทรศัพท์บอกว่าอยากให้ช่วยไขปริศนาเสื้อยืดสีแดงที่ถูกส่งไปที่บ้านของเขาทุกสัปดาห์เลย”

    อะไรกัน อากาอิ...สีแดงเหรอ

    รันอธิบายเรื่องผู้ว่าจ้าง นักสืบโมริกะจะปฏิเสธ แต่เพราะรันเอาเงินค่าจ้างไปซื้อซูชิกับจ่ายค่าจิปาถะหมดแล้ว เขาจึงต้องรับงานอย่างช่วยไม่ได้

    สถานที่นัดพบคือห้างเบกะตอนเที่ยงตรง แถมยังเป็นห้างที่อยู่ติดกับธนาคารที่เพิ่งถูกปล้น นักสืบโมริ รันและโคนัน มาถึงก่อนเวลา จึงลองไปสอบถามพนักงานที่แผนกเครื่องแต่งกายต่างๆ เรื่องเสื้อยืดสีแดง แต่ก็ไม่ได้อะไรคืบหน้า

    “แต่ถ้าเป็นหมวกล่ะก็...มีนะคะ” พนักงานหญิงว่า ก่อนจะบุ้ยใบไปทางผู้หญิงชาวต่างชาติที่กำลังตะคอกถามพนักงานเรื่องหมวกสีดำอย่างเอาเป็นเอาตาย

    แต่พอโคนันเข้าไปทัก เธอก็เลี่ยงตอบ แล้วพาคาเมลออกไป โคนันแอบถามพนักงานห้าง เลยรู้ว่าโจดี้มาตามหาชายที่มีแผลไฟไหม้ แสดงว่าวันนั้น โจดี้ก็เห็นเขาเช่นกัน

    พ้นหลังโจดี้ และพวกนักสืบโมริ ชายหนุ่มผมสีโรสโกลด์ สวมแว่น ในชุดสูทเดินมาถามพนักงาน “เอ่อ ขอโทษนะครับ ผมจะขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

     










    “อะไรนะ มีคนเห็นอากาอิ ชูอิจิ อย่างนั้นเหรอ” ชายผมเงินถามอย่างไม่เชื่อ เมื่อว็อดก้ารายงานว่ามีคนเห็นผู้ชายที่หน้าตาคล้ายอากาอิอยู่ในกลุ่มลูกค้าธนาคารที่ถูกโจรปล้น บางทีอาจจะเป็นแค่คนหน้าเหมือน แต่เขาก็ยังระแวงอยู่ดี

    “เรียกคีร์มาซิ” ยินสั่งทันควัน

    “เชอร์รี่ปรากฏตัวให้เราเห็นที่โรงแรมไฮโดซิตี้ และอากาอิล่อพวกเราให้มาอยู่ในวิถีกระสุนไรเฟิลที่สำนักงานนักสืบโมริในเมืองเบกะ และที่ที่เอฟบีไอเอาคีร์ไปซ่อนคือโรงพยาบาลกลางไฮโด แล้วก็คนที่หน้าคล้ายกับอากาอิปรากฏตัวที่ธนาคารในเมืองเบกะ เมืองไฮโดกับเมืองเบกะใกล้กันเหมือนปากกับจมูก คิดว่ามันบังเอิญอย่างนั้นเหรอ”

    หากความบังเอิญเปรียบเหมือนกังหันลม มันก็คงพัดวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อคราวนี้ผู้ชายที่หน้าเหมือนอากาอิปรากฏตัวให้คาเมลเห็นขณะล้างมือในห้องน้ำ นอกจากนั้นโจดี้ที่กำลังหัวเสียจากเรื่องหมวกและกำลังจะถอดใจ กลับได้รับข้อความเตือน เป็นข้อความที่เขียนลงบนกระดาษรองแก้ว

                รีบหนีไป ที่นี่มันอันตราย

    ชู...?เอฟบีไอสาวลุกพรวด หันรีหันขวาง ถามพนักงานให้แน่ใจว่าเห็นใครมาทำอะไรตรงโต๊ะเธอไหม

    “นั่นน่ะ หมายถึงคุณอากาอิใช่ไหมครับ” คาเมลที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำเอ่ยทัก “เขามีแผลไฟลวกที่แก้มขวา แล้วก็หน้าตาเหมือนคุณอากาอิเปี๊ยบเลย”

    “ขอโทษนะ ฉันยังไม่แน่ใจน่ะ เลยอยากตรวจสอบก่อน” คาเมลเข้าใจ แต่ไม่ลืมย้ำว่ามันอาจเป็นกับดักขององค์กรก็ได้

    และองค์กรที่พูดถึงก็กำลังเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบอยู่ข้างนอก โดยมีรถปอร์เช่ 356A จอดสังเกตการณ์ กับสไนเปอร์สาวอย่างเคียนติมาดักรออยู่บนตึกฝั่งตรงข้ามห้างเบกะ

    “นี่ จะให้รอไปถึงเมื่อไหร่กันเนี่ย ให้รอผีที่ไม่มีตัวตนแบบนั้นน่ะ”

    “อย่าใจร้อนน่าเคียนติ ข่าวยืนยันแล้วว่ามีคนที่หน้าคล้ายกับอากาอิในห้างนี้ ฉันจะดูให้เห็นกับตาตัวเองว่ามันเป็นผีจริงๆ หรือเปล่า” มือขวากดวางสาย มือซ้ายถือปืนจ่อคนข้างๆ “และถ้ามันไม่ใช่ผีจริงๆ ล่ะก็...”

    “เมื่อนั้น เธอได้กลายเป็นผีเฝ้าหลุมแน่ คีร์”

    “เป็นผีอยู่แล้วล่ะ เขาไม่มีทางรอดหรอก อากาอิ ชูอิจิ นั่นน่ะ ฉันเป็นคนฆ่ามันกับมือเลยนะ” คีร์ยืนยัน “ยิน...ต่อหน้าคุณเลยนี่นา”

    “ไม่ใช่ต่อหน้าฉัน ฉันดูผ่านมอนิเตอร์ต่างหาก ตอนนั้นเธออาจจะเล่นตุกติกอะไรบางอย่างก็ได้ ใช่ไหมล่ะ คีร์”

    หญิงสาวยิ้มเยาะ อธิบายว่าตั้งแต่ถูกชิงตัวมาจากเอฟบีไอได้ เธอก็ถูกจับตามองอยู่ตลอด ไม่มีทางแอบติดต่อใครเพื่อเล่นตุกติกได้หรอก “นอกจากว่าจะมียอดมนุษย์ที่มีสมองอันชาญฉลาด มองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เป็นฉากๆ มาเตรียมการเล่นละครให้ฉันกับเขา ก็อาจจะเป็นไปได้ล่ะมั้ง ใช่...เหมือนกับเชอร์ล็อก โฮล์มส์ไงล่ะ”

    “ฉันว่าคุณเลิกฟุ้งซ่าน แล้วก็ดีใจที่คู่ปรับตายไปซะได้จะดีกว่านะ”

    “เออ... ฉันจะดีใจจนเนื้อเต้นแน่นอน เพราะถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ ฉันจะได้ฆ่ามันอีกครั้งยังไงล่ะ”

     










    สึบารุแอบดูสถานการณ์ห่างๆ อยู่ท่ามกลางฝูงชน ชายหนุ่มเอื้อมมือซ้ายดันแว่น ก่อนจะเข้าไปดูใกล้ๆ เสื้อยืดสีแดงทั้ง 13 ตัว ซึ่งมีรอยพับแปลกๆ มองแค่ปราดเดียวเขาก็รู้คำตอบแล้ว สึบารุกำลังจะกดพิมพ์อีเมล แต่สังเกตเห็นชายที่มีแผลไฟไหม้ที่แก้ม จึงรีบผละหลบก่อนเจ้าตัวจะทันหันมา

    โห...ใบหน้านั้น เป็นใบหน้าที่เขารู้จักดี

    ยินคิดว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดในห้าง แล้วก็ใช่จริง เพราะในห้างมีคนขู่วางระเบิดอยู่ แต่ก็ดีแล้ว ยิ่งแตกตื่นกันมากเท่าไร เคียนติจะได้ทำงานง่ายขึ้น

    “นี่ แล้วรู้เรื่องของเขาหรือเปล่า” คีร์ถามขึ้น ระหว่างนั่งรอเบื่อๆ “เบอร์เบิ้นไงล่ะ ฉันได้ยินว่าเขาเริ่มออกค้นหานักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อเชอร์รี่ ที่ทรยศองค์กรเราแล้วนี่นา”

    “ไม่รู้สิ หมอนั่นเจ้าความลับพอๆ กับเบลม็อทนั่นแหละ” ยินกระตุกยิ้ม “ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาทำอะไรอยู่ที่ไหน”

    “จะว่าไปเบอร์เบิ้นก็แค้นอากาอิอยู่เหมือนกัน อาจจะมากกว่าลูกพี่ยินด้วยซ้ำไป” ว็อดก้านึกขึ้นได้

    “หมอนั่นไม่ยอมเชื่อว่าอากาอิตายไปแล้ว เพราะหมอนั่นเชื่อว่ามีแต่มันคนเดียวที่ฆ่าอากาอิได้” ยินบอก “ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นอากาอิจริงล่ะก็ หมอนั่นจะต้องหัวเราะเยาะฉันอย่างแน่นอน แล้วเรื่องอะไรที่ฉันจะยอมให้เป็นแบบนั้นล่ะ”

    สึบารุเห็นท่านักสืบโมริจะไขคดีได้แล้วจึงแอบออกมา เขามองลงไปจากร้านอาหารเห็นรถปอร์เช่ 356A สีดำจอดอยู่ข้างทาง และเห็นสไนเปอร์ที่ตึกฝั่งตรงข้าม พนักงานเดินมาถามอย่างเกรงใจ แต่ชายหนุ่มก็บอกว่าจะออกไปแล้ว เพราะตอนนี้เขาคงไม่มีอารมณ์มานั่งดื่มอะไรได้

    “ยิ่งกว่านั้น ในบรรยากาศที่รุ่มร้อนแบบนี้ กับพวกที่อุตส่าห์ซุ่มเงียบเพื่อล่าเหยื่อเนี่ย ผมอยากจะเลี้ยงกาแฟร้อนขมๆ ให้พวกมันซะจริงๆ”

    หลังจากคดีเสื้อยืดสีแดงและวางระเบิดปลอมจบ โคนันก็รีบวิ่งตามหาชายที่หน้าเหมือนอากาอิ แต่โจดี้ก็เข้ามาทักเสียก่อน ทำให้คลาดกัน ตอนนั้นเองหญิงสาวก็สังเกตเห็นอากาอิอีกครั้ง จึงรีบวิ่งตามไป แต่ก็ชนเข้ากับสึบารุ

    “ขอโทษครับ ไม่เป็นไรใช่ไหม” ชายหนุ่มยื่นมือออกไปดึงให้เธอลุกขึ้น “แต่ว่าความจริงเราก็ 50:50 ผิดด้วยกันทั้งคู่ คราวหน้าคุณควรจะหัดระวังคนรอบข้างบ้างนะครับ”

    โจดี้ไม่สนใจฟัง ยังคงหันรีหันขวางมองหาอากาอิ เช่นเดียวกันกับเคียนติที่ส่องดูจากลำกล้องปืนไรเฟิลแล้วก็เห็นว่าเป็นอากาอิจริงๆ และกำลังเดินออกมาแถวทางออก เธอจึงเร่งขอคำสั่งจากยินอย่างร้อนรน แต่เบลม็อทที่ขี่ฮาเลย์มาจอดข้างๆ รถยินพอดี ได้อธิบายสถานการณ์

    “ได้รับอนุญาตจากท่านผู้นั้นมาแล้วอย่างนั้นเหรอ” ยินถามย้ำ ขณะกำลังไตร่ตรองก็ได้ยินเสียงเคียนติเร่งยิกๆ

    “อ๊ะ! มันเห็นแล้ว ไอ้บ้านั่นมันมองมาทางพวกเราด้วย” เคียนติผงะ ตกใจ เมื่อจู่ๆ ชายที่หน้าเหมือนอากาอิก็หันมามองเธอแล้วยิ้มเยาะ “มันมองมาทางฉันแล้วหัวเราะด้วย จะให้ฆ่าหรือไม่ให้ฆ่า เลือกมาสักอย่างหนึ่งสิ!

    ขณะที่ยินยังคงนิ่งเงียบ ไร้คำตอบ จู่ๆ ลูกค้าที่กรูกันออกมาก็แห่กลับเข้าไปในห้าง ทำให้เริ่มมีคนสังเกตเห็นพวกเขา ยินจึงออกคำสั่งให้ถอยกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “เหอะ ไอ้พวกชอบฉายเดี่ยว เห็นแล้วหมั่นไส้ทุกที”

    “เอ๋ หมายถึงใครเหรอ” คีร์หยั่งเชิงถาม

    “ก็อย่างที่เธอพูดนั่นแหละ อยากให้มีแต่ในนิยายเท่านั้นจริงๆ เลย พวกนักสืบที่เหมือนกับเชอร์ล็อก โฮล์มส์ยังไงล่ะ”

    ฝูงหมาป่าสีดำถอยกลับกันแล้ว แต่ความวุ่นวายยังไม่จบ เมื่อเหล่าลูกค้าเกิดเข้าใจผิดว่าห้างจะแจกบัตรกำนัลเป็นการปลอบขวัญ

    “อย่างนี้นี่เอง อาจจะไม่ใช่วิธีที่ฉลาดนัก แต่เพื่อให้ลูกค้าหลบภัย มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่นะ”

    “คุณสึบารุ!?” โคนันแปลกใจที่เขาโผล่มาที่นี่ ชายหนุ่มอ้างว่ามาทำธุระที่ธนาคาร

    “แต่ว่ามันคืออะไรกันคะ ที่ว่าโคนันคุงทำให้ลูกค้าหลบภัยเมื่อกี้น่ะ” รันไม่เข้าใจความหมายของสึบารุ

    “อ๋อ รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ก็แค่เรื่องไร้สาระของหมาป่าฝูงหนึ่งที่พลาดโอกาสจับเหยื่อเท่านั้นเองครับ” ชายหนุ่มยังคงใช้คำเปรียบเปรยเข้าใจยาก

    นักสืบโมริทักว่าธนาคารน่าจะอยู่ห่างจากที่พักเขามาก สึบารุตอบว่าเขามาธนาคารเพราะเรื่องอื่น “ก็ธนาคารนั่นน่ะ เกิดคดีปล้นธนาคารที่สาขานี้ใช่ไหมล่ะ แล้วตอนที่ข่าวทีวีเอาภาพมาฉายซ้ำ ผมเห็นคนรู้จักในภาพด้วย ผมก็เลยคิดว่าเขาอาจจะมาใช้บริการสาขานี้ก็ได้ เลยลองมาดูน่ะ ถ้าโชคดีก็อาจได้เจอเขาไงล่ะ”

    “งั้น คุณยังไม่เจอเขาเหรอครับ” โคนันสงสัย

    “เปล่าหรอก ฉันเจอเขาโดยบังเอิญที่ชั้นนั้นแล้วล่ะ แต่น่าเสียดาย ดูเหมือนจะผิดคน ก็เลยไม่ได้ทักเขาน่ะ”

    ชายหนุ่มดันแว่นพลางยกยิ้ม “เพราะใบหน้านั้น ฉันคุ้นเคยมานานแล้ว ไม่มีทางดูผิดอย่างแน่นอน”






























    โปรดติดตาม...







    Talk กับ ไรท์

    สวัสดีค่ะ รี้ดผู้น่ารัก จบไปแล้วสำหรับตอนที่ 3 ส่วนตอนที่ 4 ไรท์จะลงวันที่ 2 สิงหาคม นะคะ
    ตลอดเดือนสิงหาคมนี้ ไรท์จะลงถี่ๆ ยาวๆ จนถึงตอน "เสียงแห่งรัก" เลยค่ะ
    จะลงวันไหนบ้าง? ไรท์ลงวันที่ไว้ใน Close ของทุกตอนเลยนะคะ ถ้าไม่ติดขัดอะไรก็ตามกำหนดเดิมค่ะ
    เนื้อหาจะเข้าสู้เส้นเรื่องของไรท์ในเดือนกันยายนค่ะ จากตอนนั้นจะลงห่างหน่อย ยาวไปจนถึง ธันวาคม ปีหน้าเลย
    ใครชอบคู่นี้ อยู่ด้วยกันก่อนจนถึงตอนนั้นนะคะ

    <3
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×