ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Conan : Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป(ไม่)ได้

    ลำดับตอนที่ #26 : จิ้งจอกเจ้าเล่ห์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 489
      28
      25 พ.ย. 65

    (25.09.21)
    เงาสีดำที่เริ่มเคลื่อนไหว 



    Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้

    Parinuttha



    ตอนที่ 26 จิ้งจอกเจ้าเล่ห์



    เด็กชายลืมตาตื่นในตอนเช้า มือเล็กเอื้อมหยิบแว่นขึ้นมาสวมก่อนเปิดดูมือถือ นาฬิกาบนหน้าจอบอกเวลาและวันที่ เจ็ดโมงสามสิบนาที วันพุธ ซึ่งตามปกติต้องไปโรงเรียนได้แล้ว แต่เขากลับยังแผ่หลังอยู่บนฟูก

    มิตสึฮิโกะและเก็นตะออกมาจากห้องน้ำ ทั้งสองคนคุยกันระหว่างเดินกลับห้อง

    “โคนันคุงไม่มาโรงเรียนอีกแล้วนะครับ” เด็กชายเป็นห่วง เพราะตั้งแต่เปิดเทอมสองมาโคนันก็หยุดบ่อยมาก

    “หมอนั่นจะหยุดวันเว้นวันเลยหรือไงนะ” เก็นตะบ่นอุบอิบ “น่าอิจฉาจัง ถ้าฉันมีเวลาเยอะขนาดนั้น ป่านนี้แรงค์คงขึ้นถึงสิบแล้วล่ะ”

    “คนอย่างโคนันคุงคงไม่หยุดอยู่บ้านเพื่อเล่นเกมหรอกมั้งครับ” มิตสึฮิโกะมองเพื่อนรักอย่างนึกขำ

    “อ้าว เอโดงาวะคุงหยุดเรียนอีกแล้วเหรอจ๊ะ” เสียงที่ดังแทรกขึ้นทำให้เด็กชายสองคนต้องหันไปมอง ที่แท้ก็ครูวากาสะนี่เอง

    “ครับ เมื่อวานซืนเห็นว่าปวดท้อง แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน” มิตสึฮิโกะกังวล

    ริมฝีปากสีแดงอมม่วงเหยียดยิ้ม เธอยกมือขึ้นดันแว่นตา หรือจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อวาน

    “คุณครูครับ?” เสียงเรียกทำให้ครูสาวรู้สึกตัว

    “จริงสิ พวกเธอช่วยอะไรครูหน่อยได้ไหมจ๊ะ” เด็กชายสองคนกะพริบตามองครูวากาสะที่ยื่นหน้าเข้ามายิ้มแป้น

    โคนันเก็บฟูก ล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกมากินข้าวเช้าที่รันเตรียมไว้ให้ เด็กชายนึกย้อนเรื่องเมื่อวาน แม้จะพลาดเรื่องตระกูลชิโรฮาโตะไป แต่เขายังมีอีกเรื่องที่ติดใจอยู่นานแล้ว นั่นคือสีหน้าหวาดกลัวของไฮบาระตอนงานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่า

    นอกจากบัตรเชิญงานประมูลเมื่อ 40 ปีก่อน เขาไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเลย หากจะสืบต่อคงต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ อย่างเซนส์สัมผัสอันแรงกล้าแต่ไม่เคยผิดพลาดของเธอนี่แหละ เด็กชายลองถามเรื่องคนแปลกหน้าที่เข้ามาในโรงเรียนช่วงนั้นกับครูประจำชั้นทั้งสอง จนได้ความเป็นพนักงานร้านซูชิกับคนส่งพิซซ่า

    “คุณครูพอรู้ไหมครับว่าเป็นร้านไหน”

    “เอ...ครูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะจ๊ะ” ครูวากาสะตอบยิ้มๆ “แต่รู้สึกว่าจะเป็นร้านในละแวกนี้แหละ”

    โคนันเดินกลับบ้านตามปกติ ระหว่างทางเขาเอาแต่คิดเรื่องคนส่งอาหาร หากเป็นร้านพิซซ่าคงกินขอบเขตกว้างเกินไป ทั้งเรื่องสาขาและจำนวนพนักงาน ลำพังแค่เขาคนเดียว จะให้สืบจากกะเข้างานหรือรายชื่อพนักงานคงไม่ง่ายแน่ แต่ถ้าเป็นร้านซูชิอาจจะพอเป็นไปได้มากกว่า

    โคนันกลับมาถึงสำนักงานนักสืบโมริเมื่อไหร่ไม่ทันรู้ตัว เขาเงยหน้าขึ้น พลันนึกได้ว่าข้างๆ นี้ก็มีอยู่ร้านหนึ่ง เลยลองเดินเข้าไปถาม เด็กชายกวาดสายตามองรอบๆ วันนี้กุ๊กวากิตะไม่มาทำงาน มีเพียงเถ้าแก่กับพนักงานคนอื่นกำลังเตรียมของสำหรับขายช่วงเย็นอยู่หลังร้าน

    “อ้าว โคนันคุง มากินซูชิเหรอ” เถ้าแก่ถือลังวัตถุดิบเข้ามาทางประตู

    “เปล่าครับ” คำฏิเสธนั้นทำเอาเขาหัวเราะลั่น นั่นสิ เด็กประถมที่ไหนจะมากินซูชิคนเดียว

    “เถ้าแก่ครับ คือว่าผมมีอะไรอยากถามหน่อยน่ะครับ”

    “อะไรล่ะ” ชายอาวุโสวางลังวัตถุดิบลง

    “เมื่อปลายเดือนก่อน ร้านของเถ้าแก่ได้รับออร์เดอร์จากโรงเรียนประถมเทย์ตันหรือเปล่าครับ”

    “หือ อยากรู้ไปทำไมเรอะ”

    “อะ เอ่อ” เด็กชายอึกอัก รีบหาข้ออ้าง “คือว่า...พวกคุณครูเขาบอกว่าซูชิวันนั้นอร่อยมากเลยน่ะครับ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นร้านไหน แต่น่าจะอยู่ใกล้ๆ แถวนี้ ผมเลยลองมาถามดู เผื่อจะใช่น่ะครับ”

    “งั้นเรอะ ฮ่าๆๆ” ชายอาวุโสหัวเราะชอบใจ ก่อนจะเดินไปหยิบสมุดบัญชีมาเปิด “เดี๋ยวนะ...เดือนที่แล้วเหรอ”

    เถ้าแก่ชี้นิ้วไล่ตามรายชื่อออร์เดอร์ในหน้าบัญชี ขณะที่โคนันอดทนรออย่างใจจดใจจ่อ

    “อะ มีสิๆ ซูชิชุดใหญ่พิเศษ 5 ชุด สำหรับงานเลี้ยง ให้ไปส่งที่โรงเรียนประถมเทย์ตัน วันอาทิตย์”

    นั่นไง!’ เด็กชายอยากจะทุบกำปั้น อะไรจะพอดีขนาดนี้

    “แล้วพอรู้ไหมครับว่าวันนั้นใครเป็นคนไปส่ง”

    “รู้สึกว่าจะเป็น...” เถ้าแก่ยกมือขึ้นสัมผัสคางขณะพยายามนึก “วากิตะคุงน่ะ”

    “เอ๊ะ กุ๊กวากิตะเหรอครับ”

    “อ๋า! จำได้แล้ว” ชายอาวุโสทุบกำปั้นกับฝ่ามือ “วันนั้นออร์เดอร์เข้าเยอะมาก วุ่นวายกันน่าดูเลยล่ะ...”

    เด็กชายไม่มีสมาธิฟังเถ้าแก่ร่ายถึงยอดขายหรือจำนวนลูกค้าต่อ เพราะก้อนเนื้อใต้อกซ้ายกำลังบีบรัดแน่นจนหายใจไม่ทั่วท้อง

    อย่าบอกนะว่า...

    เย็นวาน โคนันกลับมานึกตรึกตรอง จะว่าไปกุ๊กคนนั้นก็เคยแวะไปที่บ้านดอกเตอร์อากาสะครั้งหนึ่ง ประจวบเหมาะกับตอนที่ คุโด้ ชินอิจิ ตกเป็นข่าวในโซเชียลพอดี

    แถมในบรรดาผู้ต้องสงสัยสามคนที่มาป้วนเปี้ยนรอบตัวเขาช่วงนี้ ทั้งผู้กำกับคุโรดะหรือครูวากาสะ มีเพียงกุ๊กวากิตะคนเดียวที่ไฮบาระยังไม่เคยเจอ แต่จะให้มาเจอตรงๆ เพื่อใช้เซนส์ของยัยนั่นทดสอบมันก็เสี่ยงเกินไป

    โคนันคว้าสเก็ตบอร์ดเพื่อไปบ้านดอกเตอร์ เด็กชายเดินผ่านหน้าร้านปัวโรต์ มองลอดกระจกเข้าไปไม่พบเงาของชายหนุ่มผมบลอนด์ น่าเสียดายที่ทั้งเมื่อวานและวันนี้อามูโร่ไม่ได้มาทำงาน บางทีอาจจะเลียบเคียงถามอะไรเกี่ยวกับรัมเพิ่มได้บ้าง

    เด็กชายขี่สเก็ตบอร์ดพลางคิดอะไรไปพลาง ก่อนจะนึกขึ้นได้ถึงตอนที่ไปโบสถ์ในนางาโนะด้วยกัน

    “ถ้ามีสายตาที่มองได้ทะลุปรุโปร่งแบบนั้นจริงล่ะก็...แบ่งมาให้ผมบ้างสิครับ” พ่อครัวตาเดียวเอ่ยขึ้นอย่างแฝงนัยยะ “ผมจะได้ดูออกว่ามีใครกำลังหักหลังหรือหลอกผมอยู่”

    ถ้าเขาเป็นรัมจริง นั่นคงไม่ได้หมายความว่ากำลังสงสัยอามูโร่ที่เป็นสายลับสันติบาลหรอกนะ ไม่สิ เด็กชายเรียกสติกลับคืน จะสรุปด้วยเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ยังไงก็ต้องหาข้อมูลเพิ่ม

     










    ครูวากาสะนำเด็กชายทั้งสองไปที่ห้องพักครูเพื่อวานให้เอาสมุดที่ตรวจเสร็จแล้วไปแจกเพื่อนๆ มิตสึฮิโกะและเก็นตะแบ่งกันขนกองสมุดคัดลายมือกันคนละครึ่ง

    “จะว่าไปก็น่าเสียดายนะครับ อุตส่าห์คิดว่าคุณมานามิจะย้ายมาเรียนด้วยกันที่นี่ซะอีก” เด็กชายถอนใจ แม้ว่าความจริงหลานสาวมหาเศรษฐีอย่างเธอคงไม่มาเข้าโรงเรียนรัฐหรอก

    “หือ นายแพ้เด็กผู้หญิงแบบนี้ใช่ไหมล่ะ เด็กที่คล้ายไฮบาระน่ะ”

    “พะ พูดอะไรน่ะครับ เก็นตะคุง มะ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”

    “ฮ่าๆๆ จริงด้วยสิเนี่ย” เด็กชายตัวอ้วนหัวเราะชอบใจกับท่าทางมีพิรุธจนเห็นได้ชัดของมิตสึฮิโกะ

    “โธ่ อย่าพูดแบบนี้ให้คุณไฮบาระได้ยินเชียวนะครับ”

    เด็กชายหน้าแดงแปร๊ด แต่พอลองคิดตามแล้วก็ใช่ ทั้งอาเมมิยะ โชโกะ เพื่อนของพี่สาวที่เคยเล่นด้วยกันตอนเด็ก หรือไฮบาระ ต่างมีสไตล์คล้ายกันหมด ผมน้ำตาลหยักศกทรงบ๊อบสั้นและความเป็นผู้ใหญ่ทำให้หัวใจเขาเต้นรัวได้ทุกครั้ง

    มิตสึฮิโกะและเก็นตะกลับมาที่ห้องเรียน ช่วยกันเอาสมุดแจกเพื่อนๆ ก่อนไปนั่งที่แล้วคุยกันต่อ

    “อายูมิจัง ได้ดูข่าวนี้หรือเปล่าครับ”

    “ดูสิๆ” เด็กหญิงมองจอมือถือหน้าข่าวอาชญากรรมที่มิตสึฮิโกะเปิดให้ดู “ข่าวแก็งลักเด็กที่ชอบลักพาตัวเด็กผู้หญิงน่ารักๆ ไปใช่ไหมล่ะ”

    อายูมิสีหน้ากังวล เพราะช่วงนี้มีข่าวเด็กหายตัวไปหลายราย เด็กที่ถูกลักพาตัวมักเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักๆ อายุห้าถึงสิบขวบ ตำรวจคาดว่าอาจเป็นฝีมือของแก็งจิ้งจอกดำ แก็งค้ามนุษย์ที่คร่ำหวอดในโลกใต้ดินมาหลายสิบปีแล้ว แต่ยังสาวถึงตัวการใหญ่ไม่ได้

    “แบบนี้อายูมิก็อยู่ในอันตรายน่ะสิ” เก็นตะนึกขึ้นได้

    “นั่นสิ ทำยังไงดีน้า วันนี้โคนันคุงก็หยุดเรียนอีกแล้วด้วย”

    ไฮบาระเหลือบมองโต๊ะที่ว่างเปล่าของโคนัน เขาหยุดเรียนมาสองครั้งแล้ว นั่นเกิดขึ้นหลังจากที่ดอกเตอร์เข้าไปค้นห้องเก็บของแล้วเหมือนจะเจอบางอย่าง คงติดใจอะไรอยู่เลยตามสืบอีกตามเคย

    “ไม่ต้องพึ่งหมอนั่นหรอกน่า พวกเราจะปกป้องเธอเอง” เด็กชายตัวอ้วนทุบอกอย่างมุ่งมั่น

    “คุณไฮบาระด้วยนะครับ”

    “เอ๊ะ” เด็กหญิงแปลกใจที่มิตสึฮิโกะพูดถึงเธอ

    “ถ้าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักๆ ตกเป็นเป้าหมาย คุณไฮบาระก็เข้าข่ายไม่ใช่เหรอครับ”

    “อาจจะไม่ก็ได้นะ” เด็กหญิงยิ้มเยาะ “เพราะฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิงประเภทน่ารักซะด้วยสิ”

    “ไม่ใช่สักหน่อยครับ คุณไฮบาระน่ะ น่ารักจะตาย!

    “หือ” คำยืนยันดังลั่นทำเอาทุกคนในห้องหันมามอง มิตสึฮิโกะเลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วลดเสียงลง

    “เอ่อ ผมหมายความว่า...ผมจะคอยปกป้องพวกคุณสองคนเองครับ”

    “ขอบใจนะ ซึบุรายะคุง”

     










    บ้านทรงยุโรปหลังใหญ่ในหมู่สอง ปรากฏเงาของชายหนุ่มผมสีโรสโกลด์ซ่อนอยู่หลังม่านสีม่วงผืนใหญ่ สึบารุลอบมองออกไปนอกหน้าต่างสอดส่องสถานการณ์ตามปกติ ดวงตาเรียวเล็กใต้กรอบแว่นแหงนมองเข็มนาฬิกาติดฝาผนังชี้ไปที่เลขสองและสิบสอง บ่ายสองโมงเป็นเวลาเลิกของโรงเรียนประถมเทย์ตัน ตอนนี้เธอคงกำลังเดินกลับบ้านโดยมีผู้ใต้บัญชาของเขาคอยสะกดรอยและรายงานเป็นระยะ

    ชายหนุ่มนึกย้อนถึงเมื่อวานตอนเย็น โคนันโทรศัพท์เข้ามาที่บ้านคุโด้แล้วเล่าเรื่องเด็กผู้หญิงหน้าคล้ายไฮบาระที่เจอวันนี้ให้ฟัง แม้อีกฝ่ายจะเป็นคุณหนูจากตระกูลมีชื่อ แต่เด็กชายสงสัยว่ามันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า เลยโทรมาบอกเอาไว้ก่อน ถึงจะยังไม่มีสิ่งผิดปกติ แต่เขาคิดว่าควรกันเอาไว้ดีกว่าแก้ทีหลัง จึงสั่งให้คาเมลช่วยตามดูไฮบาระ

    คาเมลสวมหมวกแก๊ปอีกชั้น แม้ผมทรงใหม่ที่ยูกิโกะตัดให้จะทำให้รูปหน้าเขาเปลี่ยนไป แต่หากคนชุดดำพวกนั้นบังเอิญมาเห็นเข้าคงไม่ดีแน่

    เอฟบีไอหนุ่มสะกดรอยตามกลุ่มนักสืบเยาวชนในระยะ 50 เมตร เหมาะสำหรับการจับตาและช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ตอนนั้นเองสายตาของเขาเหลือบไปเห็นชายฉกรรจ์สวมหมวกไอวี่และเสื้อแจ็คเก็ตสีดำคนหนึ่งแอบอยู่หลังกำแพงตรงซอยฝั่งขวา ชายคนนั้นจดจ้องเด็กๆ ที่กำลังเลี้ยวตรงหัวมุมซ้าย ก่อนจะหลบไปเมื่อสังเกตเห็นคาเมล

    น่าสงสัยชะมัด

    คาเมลชั่งใจว่าควรตามไปดูดีไหม เขารีบรายงานอากาอิ แจ้งว่ามีผู้ชายน่าสงสัยคอยตามพวกเด็กๆ อยู่

    “ให้ผมตามไปดีไหมครับ”

    “เดี๋ยวก่อนคาเมล นั่นอาจจะเป็นแผนล่อก็ได้นะ” สึบารุแคลงใจ ถ้าเป็นฝีมือขององค์กรจริง พวกนั้นไม่น่าจะแสดงตัวให้เห็นแบบนี้ “โฟกัสที่เป้าหมายก่อน อย่าเพิ่งสนใจอย่างอื่น”

    “ครับ” คาเมลรับคำ ตามดูพวกเด็กๆ ต่อ

    สึบารุไตร่ตรอง นอกจากคาเมลแล้ว ตอนนี้ในเมืองเบกะยังมีเจ้าหน้าที่เอฟบีไอคนอื่นให้เขาเรียกใช้ได้ แต่ถ้าองค์กรอยู่เบื้องหลังจริง การทำแบบนั้นยิ่งเป็นการเผยที่ซ่อนของเธอซะเปล่าๆ หรือนี่จะเป็นแผนล่อเอฟบีไออย่างคดีคราวก่อน ไม่สิ นอกจากเบลม็อธแล้วไม่น่ามีใครรู้ว่าเธอคือเชอร์รี่นี่นา แล้วทำไมล่ะ

    ใจเย็นๆชายหนุ่มสงบสติอารมณ์ บางทีอาจไม่มีอะไรเลวร้ายอย่างที่คิด ยังไงก็รอการรายงานของคาเมลก่อน

    “คุณอากาอิครับ”

    “ว่าไงคาเมล”

    “ไม่มีอะไรผิดปกตินะครับ ผมไม่เห็นผู้ชายคนเมื่อกี้แล้ว” เอฟบีไอหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวา “ส่วนตอนนี้พวกเด็กๆ กำลังเล่นกับลูกแมวอยู่ครับ”

    “ลูกแมว?”

    “ครับ เหมือนจะเป็นลูกแมวหลงทาง พวกเด็กๆ กำลังพามันไปส่งบ้านน่ะครับ”

    “งั้นเหรอ” ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก “ดีล่ะ ตามต่อไปแบบนั้นแหละ”

    ใช่สิ จะเป็นพวกมันได้ยังไงสึบารุวางสาย ดีแล้วที่เขาแค่คิดมากไปเอง

    ชายหนุ่มหันขวับเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถเต่าของดอกเตอร์อากาสะเลี้ยวเข้าโรงจอด เขาออกจากบ้านตั้งใจจะไปหาเพื่อคุยเรื่องนี้สักหน่อย

    “อ้าว สึบารุคุง”

    “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “อะ วันนี้ผมไม่มีแกงกะหรี่มาฝากหรอกนะครับ”

    “ฮ่าๆ ไม่เป็นไร” ชายอาวุโสตอบกลับก่อนจะรินน้ำจากเหยือกลงในแก้วแล้วยกขึ้นดื่มแก้กระหาย

    “แล้ว...ได้อะไรมาบ้างล่ะ เจ้าหนู” เขาหันไปถามเด็กชายที่ตกอยู่ในภวังค์ความคิด

    “เอ่อ ก็...”

    วันนี้โคนันขอให้ดอกเตอร์ตระเวนไปตามร้านซูชิในละแวกโรงเรียนประถมเทย์ตัน พบว่ามีแค่ร้านอิโรฮะซูชิที่รับออร์เดอร์จากโรงเรียนในงานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่า ถ้าเป็นแบบนี้พ่อครัวตาเดียวคนนั้นก็ยิ่งขึ้นแท่นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งของเขาไปกันใหญ่ แต่จะให้เอาข้อสันนิษฐานที่ยังไม่ชัดเจนไปบอกใครคงไม่ดีหรอก

    “ก็พอได้นะครับ แต่ให้ชัวร์กว่านี้แล้วค่อยบอกดีกว่า” เด็กชายเลี่ยงคำตอบ “ว่าแต่เรื่องที่ผมโทรหาคุณเมื่อวานน่ะ”

    “ฉันสั่งคาเมลไว้แล้วล่ะ” สึบารุนึกถึงการรายงานล่าสุด “ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกติเลยนะ”

    “แต่ว่าไอคุงยังไม่กลับมาเลยนะเนี่ย” ดอกเตอร์อากาสะมองไปทางประตูหน้า

    “อือ...” สึบารุมองตาม “เดี๋ยวก็คงกลับมาแล้วล่ะครับ”

    คาเมลยังคงสะกดรอยกลุ่มนักสืบเยาวชนที่ง่วนกับการเอาลูกแมวไปส่งคืนจนทำให้ออกนอกเส้นทางไปเรื่อยๆ เขาเร่งเดินตามเด็กๆ ที่หายลับตาไปตรงหัวมุม แต่ระหว่างนั้นมีหญิงชราคนหนึ่งโผล่ออกมาพอดี เลยชนกันเข้าอย่างจัง

    “โอ๊ย ตายแล้ว จะรีบร้อนไปไหนล่ะเนี่ย พ่อหนุ่ม”

    “เอ่อ ขอโทษครับคุณยาย” คาเมลเอ่ยอย่างรู้สึกผิด ดีที่เขารับอีกฝ่ายไว้ทันก่อนจะล้มก้นจ้ำเบ้า

    หญิงชราเดินจากไปโดยยังมีเสียงบ่นแว่วมา “เฮ้อ จริงๆ เลย คนหนุ่มสมัยนี้”

    ฮึ้ย แย่ละเอฟบีไอหนุ่มเพิ่งรู้สึกตัว รีบติดตามเป้าหมายต่อ แต่เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีที่เขาคลาดสายตาไปก็เกิดเรื่องเข้าเสียแล้ว

     










    ดอกเตอร์อากาสะเคาะนิ้วบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือด้วยรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี เพราะเวลาล่วงมาเกือบชั่วโมงแล้วยังไร้วี่แววของไฮบาระ

    “แปลกแฮะ ปกติไอคุงไม่เคยกลับบ้านช้าเลยนี่นา”

    “รายงานล่าสุด คาเมลบอกว่าพวกเด็กๆ เจอลูกแมวหลงทางน่ะครับ คงช้าเพราะแบบนี้” ถึงจะพูดแบบนั้นสึบารุก็เริ่มฉุกคิดบางอย่าง เขารีบติดต่อหาคาเมล

    “คุณอากาอิครับ” เสียงหอบหายใจของปลายสายทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังวิ่งอยู่ “คือว่า...”

    “โคนันคุง!” ไม่ทันไรกลุ่มนักสืบเยาวชนก็เปิดประตูวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “ไอจังน่ะ...”

    “คุณไฮบาระหายตัวไปครับ”

    “ว่าไงนะ!” ดอกเตอร์อากาสะร้องเสียงหลง

    “เดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆ” โคนันปรามทุกคนที่ตื่นตระหนกกันไปหมด “ไหนลองเล่ารายละเอียดให้ฟังหน่อยซิ”

    มิตสึฮิโกะเล่าว่าขากลับจากโรงเรียนพวกเขาเจอกับลูกแมวหลงทาง เลยตกลงว่าจะพาไปส่งที่บ้าน แต่ระหว่างนั้นจู่ๆ ก็มีพี่สาวคนหนึ่งเข้ามาถามทาง พวกเขาหันไปสนใจแค่เดี๋ยวเดียว รู้ตัวอีกทีทั้งไฮบาระและลูกแมวก็ไม่อยู่แล้ว

    แน่นอนว่าพวกเขาตามไปดูที่บ้านหลังนั้นแล้วก็เจอเจ้าของบ้านที่ได้แมวคืน แต่แมวนั่นแค่เดินกลับไปเอง ไฮบาระไม่ได้เป็นคนเอาไปส่งให้

    “หรือว่าผู้หญิงคนที่มาถามทางคนนั้นจะเป็นแก็งลักเด็กที่เป็นข่าวอยู่ครับ” มิตสึฮิโกะโพล่งขึ้น

    ข้อสันนิษฐานของเด็กชายเรียกความสนใจจากทุกคน หากช่วงนี้ไม่มีข่าวการลักพาตัวเด็ก พวกเขาคงไม่วิตกกกันแบบนี้หรอก

    “จะว่าไปพี่สาวคนนั้นแต่งตัวแปลกๆ ด้วยเนอะ” เก็นตะหันไปถามความเห็นของมิตสึฮิโกะ “เขาสวมหมวกปีกกว้างกับชุดดำทั้งตัวเลย”

    หัวใจของโคนันกระตุกวาบและสัมผัสได้ถึงร่างกายที่สั่นเทา เด็กชายพยายามสงบใจ หวังให้ไม่ใช่อย่างที่คิด นั่นสิ ถ้าเป็นพวกองค์กรไม่น่าจะทำอะไรโจ่งแจ้งขนาดนี้ อาจเป็นแก็งลักเด็กจริงๆ ก็ได้

    ตอนนั้นเองข่าวด่วนพิเศษในทีวีที่เปิดค้างไว้ก็ดังขึ้นพอดี ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าของคดีลักเด็กที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ตำรวจคาดว่าเป็นฝีมือของแก็งจิ้งจอกดำที่มักลักพาตัวเด็กผู้หญิงน่ารักๆ ไปขายข้ามชาติ ตอนนี้สามารถระบุได้แล้วว่าหัวหน้าแก็งเป็นผู้หญิงและชอบสวมชุดสีดำซึ่งเป็นที่มาของชื่อแก็ง

    เด็กผู้หญิงน่ารัก?เด็กชายใจเสีย เพราะเขามัวแต่วุ่นกับการสืบเบาะแสของรัมจนลืมจุดสำคัญไป

    “คุณไฮบาระ...ถูกแก็งนั่นลักพาตัวไปจริงๆ เหรอครับ” มิตสึฮิโกะเสียงสั่น

    “ไม่นะ ไอจัง” อายูมิทำท่าจะร้องไห้

    โคนันพยายามเรียกไฮบาระด้วยเข็มกลัดนักสืบ แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ อีกทั้งระบบจีพีเอสยังไม่แสดงตำแหน่ง ส่วนมือถือก็ปิดเครื่อง บางทีคงถูกทำลายไปหมดแล้ว

    ดอกเตอร์อากาสะเห็นสีหน้าของโคนัน จึงผละจากพวกเด็กๆ แอบมากระซิบถาม “นี่ ชินอิจิ เธอคงไม่ได้กำลังคิดว่าเป็นฝีมือขององค์กรหรอกนะ”

    “ครับ บางที...”

    “เอ๋” ชายอาวุโสตกใจ “แต่ว่าอาจจะเป็นฝีมือของแก็งจิ้งจอกดำจริงๆ ก็ได้นี่นา ยังไงก็ต้องแจ้งตำรวจก่อน...”

    “จะบ้าเหรอ ดร.” เด็กชายเอ็ด เค้นเสียงให้เบาขณะกระซิบกระซาบ “ถ้าเป็นแก็งจิ้งจอกดำที่หมายหัวเด็กผู้หญิงน่ารักๆ ทำไมไม่จับอายูมิไปด้วยล่ะครับ ทำไมถึงต้องจับไฮบาระไปแค่คนเดียว”

    “ทะ ถ้าอย่างนั้น...” ดอกเตอร์พูดไม่ออก

    “มีความเป็นไปได้สูงครับ” สึบารุที่เพิ่งวางสายจากคาเมล เข้าร่วมวงสนทนา

    ชายหนุ่มอธิบายว่าคาเมลเพิ่งรายงานมา ระหว่างที่กำลังตามพวกเด็กๆ อยู่ เขาชนเข้ากับหญิงชราคนหนึ่ง ทำให้คลาดสายตาไป พอเจออีกทีก็เห็นว่าเด็กๆ กำลังวิ่งวุ่นเพราะไฮบาระหายตัวไปแล้ว และก่อนหน้าไม่นานคาเมลก็เห็นชายสวมหมวกกับชุดดำคนหนึ่งมาด้อมๆ มองๆ แต่พอเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติจึงทำให้ชะล่าใจ

    “เป็นแผนลวงสินะครับ” แต่โคนันยังข้องใจ เพราะถ้าพวกมันรู้ว่าเจ้าหน้าที่คาเมลเป็นเอฟบีไอก็น่าจะโดนเก็บไปแล้วอย่างคดีคราวก่อน “ยังไงก็ตาม ถ้าเป็นพวกมันจริง คงต้องกันพวกเด็กๆ ออกไปก่อนนะครับ”

    “งั้นเรื่องตำรวจ...” ชายอาวุโสว้าวุ่น

    “ไม่ครับ” สึบารุเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “คราวนี้ FBI จะออกโรงเอง”

     










    ไฮบาระรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในความมืด สัมผัสทางผิวหนังทำให้เธอรู้ว่าตัวเองถูกมัดมือไพล่หลังและมีถุงผ้าสีดำคลุมศีรษะ แต่ไม่ได้ถูกเทปกาวปิดปาก

    เด็กหญิงไล่เรียงความคิด เธอจำได้ว่าระหว่างกำลังตามหาบ้านของลูกแมวกับพวกเด็กๆ ก็มีผู้หญิงสวมหมวกดำคนหนึ่งเดินมาทัก เธอยืนตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะรู้สึกว่ามีมือใหญ่ๆ เอื้อมมาปิดจมูกพร้อมกับกลิ่นฉุนรุนแรงที่ทำให้หมดสติไป

    “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงแปลกหูของหญิงวัยกลางคนดังขึ้น “นี่คือวิมานของเธอไงล่ะ สาวน้อย”

    “คุณเป็นใคร” ไฮบาระเอ่ยถามหลังยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง

    “ฉันว่าฉันไม่จำเป็นต้องตอบนะ” น้ำเสียงนั้นแฝงแววขบขัน “หน้าที่ของเธอคือรออยู่เฉยๆ ที่นี่ สักสองสามวันก็พอ”

    “คุณจะไม่ฆ่าฉันงั้นเหรอ”

    “แหม ค่าหัวแพงอย่างเธอ ฆ่าทิ้งไปก็เสียดายแย่สิ”

    กลิ่นอายไม่ใช่พวกมันนั่นคือสิ่งแรกที่ไฮบาระรู้สึกได้ แถมจากบทสนทนายิ่งชัดเจนว่าไม่ใช่

    ไฮบาระได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะรับสาย “อะ คุณเหรอ”

    คุณ...งั้นเหรอ?

    “อื้ม เรียบร้อย” หญิงวัยกลางคนตอบ “แต่แค่ให้รออยู่เฉยๆ แบบนี้มันน่าเบื่อไม่ใช่หรือไง”

    เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังค่อยลงพร้อมกับฝีเท้าที่ห่างออกไป ไฮบาระได้โอกาสขยับตัวยุกยิกและสะบัดถุงผ้าที่คลุมศีรษะออกจนสามารถมองเห็นตามปกติ แสงสายัณห์ที่ลอดเข้ามาทางช่องลมติดเพดานทำให้เธอรู้ว่าล่วงเวลาเย็นแล้ว เด็กหญิงกวาดสายตามองรอบๆ แต่ที่นี่เป็นเพียงห้องว่างเปล่าในสถานที่สักแห่งซึ่งเธอไม่รู้ว่าที่ไหนจนกระทั่งได้ยินเสียงหวูดเรือแว่วมา

    ท่าเรือ?

    “ไม่น่าเบื่อหรอก อีกแค่ 2-3 วัน พวกเธอก็จะได้สนุกเต็มที่แล้ว” ชายปริศนายืนอยู่หลังม่านในโรงแรมแห่งหนึ่ง

    “คนที่กำลังสนุกน่ะ ทางคุณไม่ใช่หรือไง” หญิงวัยกลางคนขยับหมวกปีกกว้าง

    “ก็นะ เพราะมันเป็นเกมสำคัญนี่นา” ชายปริศนากระตุกยิ้ม

    “แค่ 500 ล้านน่ะ มันไม่ค่อยคุ้มเลยนะ ทั้งที่งานออกจะใหญ่ขนาดนี้” เธอหันมองประตูซึ่งในห้องนั้นมีเด็กหญิงตามออร์เดอร์ถูกขังอยู่

    “ยังไงซะ คนที่จ่ายให้พวกเธอก็คือฉันนะ” ปลายสายหัวเราะหึ “คุ้มกว่า 500 ล้าน เป็นสิบเท่าเลยล่ะ”

    “แน่ใจนะว่าจะไม่มีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องน่ะ” หญิงสวมหมวกปีกกว้างถามย้ำ

    “ไม่หรอก เพราะพวกตำรวจญี่ปุ่นคงกำลังวุ่นกับการไล่ล่าจิ้งจอกมากกว่า” ชายปริศนาเหยียดยิ้มอย่างมีเลศนัย

    ไต้ฝุ่นคราวฤดูมรสุมก่อตัวทันทีเมื่อกุหลาบแดงหายไป ดอกเตอร์อากาสะคอยมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยเป็นห่วง แม้แต่หยาดฝนและสายลมก็มิอาจชโลมหัวใจร้อนรุ่มให้เย็นลงได้

    เจ้าหน้าที่เอฟบีไอหลายคนถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่บ้านคุโด้เพื่อแกะรอยตามหาเป้าหมายจากสัญญาณสุดท้ายที่หลงเหลือ คาเมลและโจดี้ลงพื้นที่อีกรอบท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง แต่พวกเขาไม่หวั่นหรอกหากมันจะทำให้เจออะไรเพิ่ม

    เจมส์ลอบมองแผ่นหลังของอากาอิในคราบสึบารุที่ดูเคร่งเครียดยิ่งกว่าตอนเผชิญกับองค์กรครั้งก่อนเสียอีก ชายอาวุโสถอนหายใจ เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มรู้สึกอย่างไร

    “แต่ว่า...ไม่มีเหตุผลที่พวกองค์กรจะเคลื่อนไหวช่วงนี้เลยไม่ใช่เหรอ” หลังลองฟังจากที่โคนันและอากาอิเล่าแล้ว เจมส์ยังคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นฝีมือของแก็งลักเด็กมากกว่า

    “ที่จริง...” โคนันตัดสินใจบอกเรื่องที่สงสัยและกำลังสืบ “อาจจะมีอยู่หนึ่งเหตุผลนะครับ”

    “คุณอากาอิรู้เรื่องเบอร์สองขององค์กรใช่ไหมครับ”

    “อ่า รัม” ชายหนุ่มตอบรับ

    “รัมน่ะ สูญเสียตาไปข้างหนึ่งใช่ไหมครับ” โคนันเริ่มอธิบาย หลังรู้เรื่องนี้มาจากไฮบาระ เขาก็ได้เฝ้าสังเกตคนสามคนที่ป้วนเปี้ยนรอบตัว รวมกับนิสัยใจร้อนที่อามูโร่ใบ้ให้ เหมือนจะเชื่อมโยงไปที่คนคนหนึ่งได้

    เด็กชายเล่าถึงปฏิกิริยาของไฮบาระในงานเลี้ยงรุ่นศิษย์เก่าตามที่เคยบอกอากาอิไปก่อนหน้า เขาเลยเริ่มสืบจากตรงนั้นและคำตอบก็ปรากฏ

    “แม้ผมจะยังไม่เข้าใจเรื่องที่เจ้าหน้าที่คาเมลบอกว่า รัมปลอมแปลงใบหน้าตัวเองแล้วเปลี่ยนไปใช้ชื่อโง่ๆ ก็ตาม” โคนันยังคิดไม่ตก “แต่ถ้าหากว่ากุ๊กวากิตะคือรัม และวันที่ไปส่งอาหารบังเอิญเห็นไฮบาระเข้าล่ะครับ”

    ข้อสันนิษฐานนั้นทำเอาเจมส์อึ้ง ส่วนสึบารุถึงกับกำหมัดมือสั่น อย่าบอกนะว่า...

     










    เวลาล่วงเลยมากว่า 52 ชั่วโมงหลังจากที่ไฮบาระหายตัวไป ทั้งที่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอพยายามกันขนาดนี้แต่กลับไม่เจอเบาะแสอะไรนัก ผลการสืบสวนของคาเมลพบเพียงเส้นทางของรถน่าสงสัย แต่ก็หายไปกลางทางเพราะอีกฝ่ายคงเปลี่ยนรถ

    สถานีโทรทัศน์หลักแทบทุกช่องเอาแต่เสนอข่าวของแก็งจิ้งจอกดำ ตอนนี้ตำรวจญี่ปุ่นกำลังไล่กวดอย่างหนักเพื่อไม่ให้พวกมันส่งสินค้าออกนอกประเทศ ยิ่งฟังเจมส์ก็ยิ่งเริ่มเอนเอียงว่าการหายตัวไปของไฮบาระอาจเป็นฝีมือของแก็งนี้ ซึ่งมันคงจะดีกว่า เพราะถ้าหากเป็นฝีมือขององค์กรพวกเขาคงหมดหวัง

    โคนันซึ่งกลับไปสำนักงานนักสืบโมริและแวะร้านปัวโรต์ เอาข่าวมาบอกว่าอามูโร่ไม่ได้มาทำงานที่ร้านตั้งแต่วันจันทร์แล้ว พอลองถามอาสึสะก็รู้ว่าเจ้าตัวขอลาหยุดทั้งอาทิตย์

    “แสดงว่าองค์กรกำลังเคลื่อนไหวเหรอคะ” โจดี้ชักเริ่มหวั่น

    “ยังไม่แน่หรอก” เจมส์ยังไม่มั่นใจ เพราะการเคลื่อนไหวครั้งนี้มันเงียบมาก เงียบเกินไป

    หากไฮบาระถูกจับได้แล้วว่าเป็นเชอร์รี่ หรืออามูโร่ถูกจับได้แล้วว่าเป็นตำรวจสันติบาล องค์กรก็น่าจะพุ่งเป้ามาที่เมืองเบกะทันที แต่นี่ยังไม่ลงมือทำอะไรเลย ชายอาวุโสฝากให้ทุกคนสืบต่อ ขณะขอตัวไปรับสายจากสำนักงานใหญ่

    โจดี้ลอบมองอากาอิอย่างอดห่วงไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเอาแต่โหมงานหนักจนไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว ชายหน่มลุกขึ้นจะไปหยิบของ แต่ภาพตรงหน้ากลับดำมืดจนเขาต้องเอื้อมมือไปเท้าขอบโต๊ะไว้

    “ชู!” สาวผมทองรีบประคองเอฟบีไอหนุ่มที่เซจะล้มด้วยความตกใจ “คุณเครียดมากเกินไปแล้ว พักหน่อยเถอะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

    “ฉันไม่เป็นไร” เขาปฏิเสธแล้วผละออกไป

     โคนันมองตามแผ่นหลังอากาอิแล้วรู้สึกเหมือนตอนนั้น วันที่อามูโร่วางแผนหลอกถามเจ้าหน้าที่คาเมล อย่างกับว่าพวกเขากำลังเต้นไปตามแผนของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด

    ชายหนุ่มยืนพิงเคาน์เตอร์ในห้องครัว เขายกมือกุมขมับ แม้จะบอกปัดไปแบบนั้น แต่รู้สึกปวดหัวราวกับมีภูเขาทั้งลูกทับอยู่บนศีรษะ แถมตัวยังรุมๆ เหมือนมีไข้

    หึ น่าสมเพช

    อากาอิยิ้มเยาะ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาเคยทำคดีจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนตั้งสามวันยังไม่เป็นไรเลยแท้ๆ ทั้งที่เธออาจกำลังลำบาก แต่เขากลับอ่อนแอแบบนี้ ทว่ายิ่งคิดมากเท่าไรก็ยิ่งปวดหัวจี๊ดขึ้นมา

    ชายหนุ่มเอื้อมมือขึ้นไปค้นยาแก้ปวดในตู้เก็บของติดผนัง เขาหยิบยาใส่ปาก ดื่มน้ำตาม แล้วยืนพิงเคาน์เตอร์อยู่สักพักก่อนได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา

    “คุณอากาอิพักหน่อยไหมครับ เหมือนคุณจะอาการไม่ค่อยดีเลยนะ”

    “อา” อากาอิยอมรับว่าเขาฝืนสังขารตัวเองเกือบเกินขีดจำกัดแล้ว แต่ยังไม่อยากพักตอนนี้ เขาก้าวเท้าเดินไป ทว่าตากลับพร่ามัวจนต้องยกแขนขึ้นยันผนัง ชายหนุ่มจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดตัวเอง

    “พักเถอะครับ ยังไงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าอยู่ดี” คาเมลพยายามเกลี้ยกล่อม “คุณควรพักเอาแรงสักหน่อย ถึงตอนนั้นเราอาจต้องเจอศึกหนักก็ได้นะครับ”

    “เอางั้นก็ได้” ชายหนุ่มคล้อยตาม “แต่ถ้ามีอะไรคืบหน้า นายต้องรีบมารายงานฉันทันทีเลยนะ”

    คาเมลมองตามอากาอิที่เดินไปเอนกายบนโซฟาแทนที่จะเข้าไปนอนในห้องดีๆ เขาเลิกเซ้าซี้เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ เพียงส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วกลับเข้าไปในห้องหนังสือ

    “เป็นไง ยอมนอนไหม” โจดี้ยิงคำถามทันที

    “ครับ” เอฟบีไอหนุ่มตอบรับ มองหญิงสาวที่ถอนหายใจโล่งอกหลังจากขอให้เขาไปเกลี้ยกล่อมจนสำเร็จ

    ชายหนุ่มหลับตาลงเพียงไม่นาน ฤทธิ์ของยาและความอ่อนเพลียก็ดึงเข้าสู่ห้วงหลับลึกทันที เวลาผ่านไปเหมือนนับหนึ่งถึงสิบในใจ เขาก็ต้องลืมตาขึ้นเมื่อคาเมลมาเรียก

    “คุณอากาอิครับ”

    “อะ คาเมล” คาเมลมองอากาอิที่ยันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางอิดโรย “มีอะไรคืบหน้าเหรอ”

    “มีจดหมายเรียกค่าไถ่ส่งมาแล้วครับ”















    โปรดติดตาม...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×