ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Conan : Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป(ไม่)ได้

    ลำดับตอนที่ #23 : กาแฟกระป๋อง 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 497
      30
      8 ส.ค. 65

    (10.09.21)
    สิ่งที่เธอยื่นมาทำให้เขาถึงกับชะงัก เพราะมันคือ...กาแฟกระป๋อง



    Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้

    Parinuttha



    ตอนที่ 23 กาแฟกระป๋อง 1 



    งี่เง่าสิ้นดี

    ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขาตลอดสัปดาห์ ตั้งแต่กลับมาจากทริปใบไม้เปลี่ยนสีคราวนั้น อากาอิก็ไม่เคยหยุดคิดมากได้เลย แม้จะไม่ได้ออกไปไหนแต่เขาต้องตื่นมาปลอมตัวทุกเช้า เผื่อว่าจะมีใครมาหาที่บ้าน

    ชายหนุ่มพยายามรักษาระยะห่างเพราะกลัวจะเผลอแสดงตัวตนออกไปอีก เขาทำได้เพียงคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆ จากเครื่องดักฟัง เช่นเดียวกันกับสุดสัปดาห์นี้ ดูเหมือนว่ากลุ่มนักสืบเยาวชนจะมาที่บ้านดอกเตอร์อากาสะ

    ทำอะไรกันอยู่นะ เอะอะจัง

    เสียงโหวกเหวกของการสนทนาดังอื้ออึงจนเขาจับใจความไม่ถูก ก่อนที่จะได้ยินเสียงวัตถุตกแตกซึ่งทำเอาเขาใจหายวาบ

    เพล้ง!

    “ว้าย!

    “คุณไฮบาระ!

    ชายหนุ่มย่นคิ้ว ยกมือขึ้นสัมผัสคางพลางครุ่นคิด เกิดอะไรขึ้นนะ ควรไปดูดีหรือเปล่า

    สึบารุไม่อาจปฏิเสธว่าเขารู้สึกร้อนรนนิดๆ เพราะเดาไม่ถูกว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านนั้นกันแน่ เขาเดินวนไปมาสองสามรอบก่อนตัดสินใจแวะไปดู โดยไม่ลืมคว้าหม้อแกงแล้วตรงไปที่บ้านดอกเตอร์

    “ทุกคนครับ วันนี้ผม...”

    ชายหนุ่มชะงักงัน ยืนอึ้ง เมื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือสภาพของบ้านที่เละเทะ เต็มไปด้วยของตกแต่งในงานปาร์ตี้ ทั้งลูกโป่ง ธงหลากสีและพู่ประดับ

    มุมครัวมีเศษโหลแก้วตกแตก และเด็กๆ กำลังช่วยกันเช็ดอย่างแข็งขันโดยไม่มีใครสนใจเขาสักคน ดอกเตอร์อากาสะสังเกตเห็นเลยเดินเข้ามาหา

    “อะ สึบารุคุง...”

    “นี่มันอะไรกันครับเนี่ย”

    “พวกเด็กๆ เขาจัดปาร์ตี้กันน่ะ” ชายอาวุโสตอบขณะมองไปทางทุกคน

    “นั่นคือเสียงร้องเมื่อกี้เหรอครับ”

    “ทำให้ตกใจเหรอ โทษทีนะ” ดอกเตอร์ยิ้มเจื่อนๆ “เก็นตะคุงเดินชนเหยือกน้ำผลไม้ตกพื้นน่ะ”

    “นึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีซะอีกนะครับ”

    ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีแล้วที่เขาแค่คิดมากไปเอง แต่จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อเสียของการเสพติดเครื่องดักฟัง เพราะเวลามีเสียงเอะอะไรเข้าหน่อยก็จะชอบเผลอคิดว่ามีเรื่องร้ายตลอด

    “ว่าแต่นั่นมัน...” ชายอาวุโสเหลือบมองหม้อแกงเคลือบทองของคนข้างกาย

    “อ่า ครับ...”

    สึบารุตอบไม่เต็มเสียง นอกจากเครื่องดักฟังแล้ว เขายังติดนิสัยที่มาบ้านนี้ทีไรก็ต้องหาของติดไม้ติดมือมาด้วยทุกที เหมือนกับแกงกะหรี่แห้วๆ หม้อนี้

    ดอกเตอร์อากาสะอมยิ้ม คิดในใจ อากาอิคุงก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย

    ชายอาวุโสอธิบายที่มาของงานเลี้ยง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ชมรมนักสืบเยาวชนได้รับรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ดีเด่นของเมืองเบกะประจำเดือนนี้ เลยจัดปาร์ตี้น้ำผลไม้เล็กๆ ให้พวกเด็กๆ ได้สนุกกัน

    “พี่สึบารุก็มาฉลองด้วยกันสิคะ” อายูมิชวน

    “แต่ว่า...” เขาลากเสียงค้างพลางชำเลืองมองไฮบาระ

    “เชิญสิคะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วประหลาดใจ เมื่อเธอเป็นฝ่ายตอบรับด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

    “อ๊า น้ำผลไม้ไม่เหลือแล้วอะ” เก็นตะเอ่ยทำลายความเงียบ “เดี๋ยวฉันอาสาไปซื้อของที่ซุปเปอร์ให้เองนะ”

    “ไม่-ได้” ไฮบาระปฏิเสธทันควัน

    “เอ๋! ทำไมอะ”

    “ขืนให้โคจิมะคุงไป ก็คงซื้อแต่ของไร้สาระกลับมา” เธอบอกเหตุผล “เดี๋ยว ดร. ได้กระเป๋าฉีกกันพอดี”

    “เชอะ ขี้งกชะมัด” เด็กชายตัดพ้อขณะจิกตามองดอกเตอร์

    “ฮ่าๆ ขอโทษนะที่ฉันไม่ค่อยมีตังค์น่ะ” ชายอาวุโสหัวเราะจนพุงกลมๆ กระเพื่อม

    ไฮบาระรับบัตรเครดิตจากดอกเตอร์อากาสะ อาสาออกไปซื้อเอง เพื่อไม่ให้เด็กๆ ใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น แต่เก็นตะยังไม่วายบอกให้เธอซื้อน้ำผลไม้กระป๋องยี่ห้อโปรดของทุกคนมาด้วย

    “อ๊ะ อย่าบอกนะว่านี่เป็นแผนของเก็นตะคุงน่ะ” มิตสึฮิโกะร้องเสียงหลงยามนึกขึ้นได้

    “ใช่ที่ไหนกันเล่า!

    “จ้าๆ” เด็กหญิงรับคำอย่างเหนื่อยหน่าย

    “ถ้างั้น...ฉันจะไปส่ง แล้วก็ช่วยถือของให้ดีไหม” สึบารุเสนอโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง แต่เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งเงียบ เขาจึงฉุกคิดว่าไม่สมควรพูด เขาคิดว่าเธอจะปฏิเสธเสียแล้ว จนกระทั่งเอ่ยขึ้น

    “รบกวนด้วยนะคะ”

    สึบารุขับรถพาไฮบาระไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเปิดใหม่เล็กๆ ในย่านการค้าหน้าสถานีเบกะ เด็กหญิงเดินนำไปยังมุมเครื่องดื่ม แล้วเลือกน้ำผลไม้กระป๋องยี่ห้อโปรดของทุกคนใส่ตะกร้าที่เขาช่วยถือ

    “ซื้อเยอะขนาดนั้น ซื้อแบบขวดไปผสมเองจะไม่ประหยัดกว่าเหรอ” ชายหนุ่มทักหลังเห็นปริมาณที่เธอหยิบมา

    “ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็พวกเด็กๆ เขาชอบนี่คะ” เธอตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “อีกอย่างมีคุณมาช่วยถือแบบนี้...ซื้อเยอะๆ เลยละกัน”

    ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม “ได้ทีใช้ใหญ่เลยนะ”

    “อย่าบ่นไปเลยน่า ฉันก็ซื้อเผื่อคุณด้วยเหมือนกัน” สึบารุเลิกคิ้วแปลกใจที่วันนี้เธอทำดีกับเขาผิดปกติ

    หลังจากได้น้ำผลไม้กระป๋องและขนมขบเคี้ยวเพิ่มสองสามอย่างแล้ว ไฮบาระก็วานให้สึบารุไปต่อแถวจ่ายเงินก่อน พลางยื่นบัตรเครดิตของดอกเตอร์อากาสะให้

    “แล้วเธอล่ะ”

    “ฉันว่าจะไปหยิบของใช้ส่วนตัวสักหน่อยน่ะค่ะ” เด็กหญิงหันมาตอบ “คุณไปรอที่รถก่อนเลยนะคะ”

    สึบารุและไฮบาระกลับมาถึงหลังจากออกไปแค่ 30 นาที และตอนนี้ห้องโถงของบ้านดอกเตอร์อากาสะก็ตกแต่งเสร็จเรียบร้อย เมื่อของกินเล่นมากมายเรียงรายกันอย่างพร้อมเพรียงก็ถึงเวลาเริ่มงานปาร์ตี้

    “พี่สึบารุดื่มอะไรดีคะ” อายูมิถามขึ้นหลังดื่มน้ำส้มไปอึกหนึ่ง

    “อือ...”

    ชายหนุ่มส่งเสียงในลำคอ ชี้นิ้วไล่ไปบนโต๊ะ แต่ยังไม่ทันเลือกก็ต้องชะงัก เมื่อไฮบาระยื่นกาแฟกระป๋องให้

    “นี่ของคุณค่ะ”

    “เอ๊ะ” สึบารุนิ่งอึ้ง เขาจำไม่ได้ว่าตอนจ่ายเงินที่แคชเชียร์มีกาแฟดำกระป๋องรวมอยู่ด้วย

    “อ้าว ทำไมล่ะคะ คุณชอบไม่ใช่เหรอ” เด็กหญิงยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย

    แบบนี้เองสินะเขาเข้าใจแล้วว่ารอยยิ้มนั้นมีเจตนาอะไรซ่อนอยู่

    “อือ ไม่ล่ะ ฉันขอชาเขียวดีกว่า” สึบารุทำทีปฏิเสธเนียนๆ แล้วคว้าชาเขียวเย็นที่อยู่ใกล้มือมาเปิด

    “งั้นเหรอคะ” ไฮบาระมองชายหนุ่มที่ยกกระป๋องชาเขียวขึ้นดื่ม ก่อนจะผละออกมาแล้วไปร่วมเล่นเกมกับเด็กๆ

    โคนันหรี่ตามองอย่างใคร่ครวญหลังแอบดูสถานการณ์มาตลอด แบบนี้เหมือนกับตอนที่รันสงสัยเขาไม่มีผิด บางทีไฮบาระคงรู้คำตอบอยู่แล้ว เพียงแค่รอ...ความจริงจากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น

     










    ห้องใต้ดินที่มืดและอึมครึมของบ้านดอกเตอร์อากาสะ มีเพียงแสงสลัวจากดวงจันทร์ด้านนอกส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างกระทบกับวัตถุจนเกิดเงา

    ไฮบาระนั่งมองกาแฟสองกระป๋องที่วางอยู่ เงาดำของมันที่ทอดลงบนโต๊ะไม่ต่างจากตัวตนอีกด้านของเขาซึ่งซ่อนเอาไว้ ยิ่งอีกฝ่ายไม่ยอมรับมัน คำตอบของเธอก็ยิ่งชัดเจน

    ภายใต้หน้ากากสึบารุอาจจะเป็น...ชายผู้ชอบดื่มกาแฟกระป๋องคนนั้น

    “โมโรโบชิ ได ยินดีที่ได้รู้จัก”

    เสียงทุ้มมีเสน่ห์ยังคงกังวานในความทรงจำแม้ว่าจะผ่านมานานถึงห้าปีแล้ว เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้จักกับเขา

    เด็กสาววัย 13 ปี ง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารอ้างอิงงานวิจัยสำคัญที่องค์กรมอบหมายให้ แค่ต้องแบ่งเวลานอกเหนือจากการศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย เธอก็วุ่นจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่น

    ชิโฮะถูกส่งตัวกลับมาญี่ปุ่นชั่วคราวเพื่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงานวิจัย ทำให้ความฝันที่จะได้อยู่กับพี่สาวในช่วงซัมเมอร์นี้มลายหายไปทันที เธอจึงทำได้แค่คุยกับอาเคมิเป็นครั้งคราวยามอีกฝ่ายโทรมาเท่านั้น

    เด็กสาวเปิดลำโพงมือถือวางไว้บนโต๊ะ ขณะตรวจเอกสารหน้าสามร้อยห้าสิบสี่พร้อมกับฟังเรื่องสนุกๆ ของพี่สาวไปพลาง การสนทนาดำเนินมาจนถึงช่วงสุดท้าย เมื่ออาเคมิเงียบไปชั่วอึดใจแล้วถามขึ้น

    “ชิโฮะจ๊ะ ช่วงนี้น้องพอมีเวลาบ้างไหม”

    “ช่วงนี้หนูต้องเข้าแล็บทุกวันเลยค่ะ มะรืนนี้ก็ต้องออกภาคสนามไปเก็บข้อมูล”

    ชิโฮะบอกรายละเอียดมากกว่านี้ไม่ได้ เธอนึกถึงคำสั่งของท่านผู้นั้นที่ยินเอามาบอก เขากับเธอและว็อดก้าต้องเดินทางไปที่เกาะเล็กๆ ในจังหวัดฟุคุอิ เพื่อตรวจสอบตำนานซึ่งอาจจะมีประโยชน์ต่องานวิจัย

    “อย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวเสียงเศร้า

    “อะ แต่ถ้าเป็นพรุ่งนี้ สัก ชม. คงได้ค่ะ” ชิโฮะรีบตอบ เพราะเธอเองก็อยากเจอพี่สาวเหมือนกัน

    “ถ้าอย่างนั้น...นัดเจอกันที่ร้านเดิมนะจ๊ะ” อาเคมิน้ำเสียงสดใส ก่อนจะมีความเหนียมอายแทรกเข้ามา “พี่มีคนสำคัญอยากแนะนำให้รู้จักน่ะจ้ะ”

    “คนสำคัญ?” เด็กสาวย่นคิ้ว “แฟนของพี่เหรอคะ”

    อาเคมิตอบรับตามตรง ชิโฮะส่ายหน้ายิ้มๆ นึกถึงแฟนคนปัจจุบันของพี่ที่คบกันมาหลายเดือนแล้ว พี่สาวมักจะโทรมาเล่าเรื่องของเขาให้ฟังเสมอ จนเธอก็ชักอยากจะเจอแล้วเหมือนกัน อยากเจอคนที่ทำให้พี่มีความสุขได้ขนาดนี้

    อาเคมินัดชิโฮะมาเจอที่ร้านอาหารและคาเฟ่ประจำ แม้จะเป็นร้านด้านนอกและใกล้กับองค์กร แต่ชิโฮะก็ยังไม่วายถูกติดตามโดยชายชุดดำสองคนที่จับตาดูอยู่ห่างๆ แน่นอนว่าทุกการเคลื่อนไหวของเธอล้วนอยู่ในการรายงาน

    เด็กสาวนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะที่อาเคมิจองไว้ เธอรออยู่ประมาณห้านาที ฝ่ายที่นัดก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มร่า

    “รอนานไหมจ๊ะ ชิโฮะ”

    “ไม่ค่ะ หนูเพิ่งถึง” เด็กสาวขานรับ สายตาของเธอประสานเข้ากับชายหนุ่มที่อาเคมิควงแขนเพียงแวบเดียวก็เผลอประเมินเขาทันที

    เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมคาย ผมดำยาวสลวยถึงเอว ดูท่าจะไม่ใช่คนญี่ปุ่นแท้ๆ และสีหน้าช่างไร้อารมณ์ไม่ต่างจากที่เธอเคยจินตนาการไว้ ทว่านัยน์ตาสีเขียวมะกอกนั้นเหมือนมีมนตร์สะกดบางอย่าง แม้ชิโฮะเพิ่งเคยเจอเขาเป็นครั้งแรก แต่เสียงกระซิบจากส่วนลึกของจิตใจคล้ายจะบอกว่าไม่ใช่...

    “ชิโฮะ นี่ไดคุง แฟนพี่จ้ะ”

    “โมโรโบชิ ได ยินดีที่ได้รู้จัก”

    ชายหนุ่มค้อมศีรษะเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาฟังมีเสน่ห์เหลือเกิน แถมยังทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างกับเคยพบเขามาก่อน แต่เธออาจจะคิดไปเองก็ได้ คงเป็นเพราะอาเคมิเล่าเรื่องของเขาให้ฟังบ่อยๆ สมองเลยจดจำมาโดยอัตโนมัติ

    “มิยาโนะ ชิโฮะค่ะ” เด็กสาวแนะนำตัวบ้าง

    “ได้ยินเรื่องของเธอมามาก” คำพูดนั้นทำเอาเธอชะงักเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับ

    “ฉันก็ได้ยินเรื่องของคุณมามากเช่นกันค่ะ” โมโรโบชิ ได ย่นคิ้วนิดๆ แต่สีหน้าของเขายังคงคาดเดายาก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังประหลาดใจ สงสัย หรือกังวลกันแน่

    “ไม่ต้องห่วงค่ะ” ชิโฮะพูดต่อด้วยสีหน้าอมยิ้ม “มีแต่เรื่องดีๆ”

    อาเคมิสั่งอาหาร ก่อนจะเปิดบทสนทนา หัวข้อที่คุยกันส่วนใหญ่เป็นเรื่องของอาเคมิอย่างเคย เพราะชิโฮะคิดว่าเรื่องของเธอไม่น่าสนใจเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่ว่างเปล่าหรือแม้แต่งานซึ่งต้องเก็บเป็นความลับ ขืนพูดไปคงมีแต่ทำให้เสียบรรยากาศ

    เด็กสาวเหลือบมองเสี้ยวหน้าของเขาเป็นพักๆ เขาแทบจะไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพียงตอบรับทุกครั้งที่อาเคมิถาม ชิโฮะลอบถอนหายใจ ท่าทางแบบนั้น...ขอให้เธอแค่คิดไปเองเถอะ

    “อีกไม่นานถ้าไดคุงได้รับงานใหญ่ อาจจะเวียนมาเจอกับน้องก็ได้นะจ๊ะ”

    ชิโฮะสบตาชายหนุ่มตรงหน้า ชายที่เป็นคนรักของพี่และพี่ยังเป็นคนแนะนำให้เขาได้เข้ามาทำงานในองค์กร

    “ถึงตอนนั้นก็ฝากด้วยนะ” เขาเอ่ยตามมารยาท

    เด็กสาวดูดชามะนาวในแก้ว ก่อนจะตอบยิ้มๆ “อาจจะไม่ก็ได้นะคะ”

    “ชิโฮะ...” เสียงปรามของอาเคมิทำให้เธอรู้ตัวว่าพูดจาตัดเยื่อใยไปหน่อย

    “พี่ก็รู้ว่างานของหนูไม่ค่อยได้เจอใคร” เด็กสาวพูดข้อเท็จจริง “แต่ถ้าบังเอิญได้เจอ...ฉันยินดีร่วมงานค่ะ”

    “แล้วก็ขอบคุณที่รักพี่นะคะ” คำพูดนั้นทำเอาสีหน้าเขาเปลี่ยน “ฉันมั่นใจว่าที่พี่ความสุขได้มากขนาดนี้เป็นเพราะคุณ”

    ชิโฮะแสร้งยิ้มให้อาเคมิสบายใจ แต่หากแฟนหนุ่มของพี่สามารถตีความรอยยิ้มและความหมายแฝงในคำพูดของเธอได้สักนิดก็คงจะดี

    “ขอตัวนะคะพี่” เด็กสาวคว้ากระเป๋าสะพายไหล่แล้วลุกขึ้น “ฉันต้องไปรายงานตัวแล้ว”

    “อะ จริงสิ โทษทีนะ คุยซะเพลินเลย” อาเคมินึกขึ้นได้ เธอหมุนข้อมือดูนาฬิกา เป็นเวลาเกือบบ่ายโมงแล้ว “ให้พี่ไปส่งไหม”

    “ไม่เป็นไรค่ะ หนูกลับเองได้ ไว้เจอกันนะคะ” ชิโฮะปฏิเสธแล้วเดินออกไปทันที เธอหันกลับมามองเล็กน้อย ก่อนตรงไปที่ลานจอดรถหน้าร้านซึ่งมีชายชุดดำสองคนคอยเปิดประตูให้อยู่แล้ว

    เด็กสาวก้าวเข้าไปนั่ง พลันก็นึกถึงสีหน้าของแฟนพี่ตลอดมื้อเที่ยงอีกครั้ง ขอให้คิดไปเองเถอะ

     










    ไร้อารมณ์เป็นคำที่เธอและพี่สาวนิยามได้ตรงกัน

    อาเคมิเคยบ่นให้ฟังบ่อยๆ ว่า เขาแทบจะไม่ยิ้มซึ่งชิโฮะก็เห็นด้วย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาทำให้พี่ยิ้มได้ต่างหาก แม้ว่าเธอไม่อาจรู้ได้ว่าภายใต้ใบหน้านิ่งนั้น ลึกลงไปแล้ว...หัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับพี่หรือไม่ เขาจะรักพี่ได้เท่ากับที่รักเขาหรือเปล่า

    ชิโฮะเหลือบมองใบหน้านิ่งของชายหนุ่มฝั่งตรงข้าม ขนาดพี่เป็นแฟนกับเขามาเกือบหนึ่งปียังบอกว่าเขาไร้อารมณ์ เพราะฉะนั้นกับอีแค่น้องสาวแฟน เดาว่าเขาคงเลือกปฏิบัติกับเธอในขั้นเลวร้ายกว่านั้นแน่ ทว่าเธอกลับคิดผิด

    จากวันนั้น เธอก็ได้รู้จักเขามาหลายเดือนและเจอกันหลายครั้ง เพราะอาเคมิมักเป็นฝ่ายชวนเขาและเธอออกมาทานข้าวพร้อมกันบ่อยๆ ยิ่งระยะหลังมานี้ก็แทบทุกสัปดาห์

    “ชิโฮะ ให้ไดคุงขับรถไปส่งสิจ๊ะ” อาเคมิเสนอแกมบังคับทันทีที่รู้ว่าน้องสาวต้องไปดูโรงงานเคมีต่อ

    “แล้วก็...ไดคุง ส่งชิโฮะแล้วรอรับกลับด้วยนะ” หญิงสาวว่าก่อนจะก้มลงหอมแก้มโมโรโบชิ ได

    ชิโฮะนึกหงุดหงิด ไม่ใช่เพราะไม่ชอบใจที่พี่สาวแสดงความรักต่อแฟนหนุ่มในที่สาธารณะ แต่เป็นฝ่ายชายต่างหากที่ลอบแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายเหมือนไม่เต็มใจรับจุมพิตนั้น แม้คำว่าเขินจะดูห่างไกลกับคนอย่างเขา ทว่าชิโฮะก็เลือกเชื่อเหตุผลนี้ เพราะไม่อยากให้เป็นอีกแบบที่เธอกำลังคิด

    ชิโฮะหันมองพี่สาวที่โบกมือส่งพร้อมรอยยิ้ม เดาได้ไม่ยากว่าอาเคมิต้องการให้เธอผูกมิตรกับเขาไว้ แม้เธอจะยังไม่รู้เหตุผลนั้นก็ตาม และดูเหมือนมันจะได้ผลเสียด้วย เพราะนอกจากพี่แล้วก็มีเขานี่แหละที่สามารถละลายพฤติกรรมของเธอได้ ไม่ใช่ว่าเขาจะทำให้เธออารมณ์ดีอะไรแบบนั้นหรอก แต่เขาทำให้เธอโมโหได้ทุกครั้งที่เจอกันต่างหาก

    เด็กสาวจับเข็มขัดนิรภัยแน่น ปลายเท้าจิกยึดบนพรมยางปูพื้น เมื่อฝีมือการวาดลวดลายบนท้องถนนของเขาช่างหวาดเสียวเหลือเกิน ชายหนุ่มหักพวงมาลัยปาดหน้าซ้ายขวา เข็มของมาตรวัดความเร็วชี้ไปถึงตัวเลขเกือบสองร้อย

    “นี่คุณ ถ้าจะขับแบบนี้ปล่อยฉันลงข้างทางดีกว่านะ” ชายหนุ่มหัวเราะหึ ไม่รู้คิดไปเองไหม แต่ดูเหมือนฉายาไร้อารมณ์จะใช้ไม่ได้ยามที่เขาอยู่กับเธอ

    ไหนพี่ว่าไม่ค่อยยิ้มไง

    “ทำไมล่ะ เธอรีบไม่ใช่เหรอ” เขาผ่อนความเร็วลง แต่ยังคงปาดซ้ายขวา แซงรถคันหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ

    “ถึงจะรีบ แต่ฉันยังไม่อยากตายตอนนี้หรอกนะ”

    “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” ชายหนุ่มยกยิ้ม “ถึงต้องแลกด้วยชีวิตก็จะปกป้องให้ได้”

    ชิโฮะชะงักนิ่งด้วยความแปลกใจ แต่ไม่รู้ทำไมเพียงเท่านั้นก็ทำให้เธออ่อนลงได้

    “คำพูดนั้นน่ะ เอาไว้พูดกับพี่สาวฉันเถอะ เพราะฉันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”

    “ทำไมจะไม่สำคัญล่ะ ในเมื่อเธอ...” เขาลากเสียงค้างพลางชำเลืองมองกระจกส่องหลังซึ่งสะท้อนใบหน้าของชิโฮะ “เป็นน้องสาวของแฟนฉันนี่นา”

    “ถ้าฉันดูแลเธอไม่ดี พี่สาวเธอเอาฉันตายแน่”

    แม้การขับรถของเขาจะหวาดเสียวเพียงใด แต่เขาก็ไปส่งเธอถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยตามที่พูดจริงๆ

    “ฉันจะรออยู่แถวนี้นะ” ชายหนุ่มเปิดประตูออกมาบอก

    “ไม่จำเป็น” ชิโฮะตัดเยื่อใย

    “ไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นคำสั่งน่ะ”

    “อ๋อ...ใช่ คำสั่งจากพี่สินะ” เด็กสาวยิ้มเยาะ ส่ายหน้ากับความเถรตรงของเขา

    “ก็ใช่ แต่ก็เป็นคำสั่งจากตัวฉันด้วยเหมือนกัน”

    ชิโฮะมองนิ่งก่อนหันหลังเดินเข้าไปในโรงงาน เธอหมั่นไส้กับเขาพูดกำกวมของเขาเสียจริง เขาจะรู้หรือเปล่าว่าทำให้คนฟังเข้าใจผิดไปไหนต่อไหน หากเขาไม่อยู่ในฐานะคนรักของพี่ล่ะก็ ผู้ชายแบบนี้แหละคือประเภทที่เธอเกลียดที่สุด

     










    ชิโฮะถูกส่งตัวกลับมาญี่ปุ่นชั่วคราวในทุกๆ ซัมเมอร์ แม้วันเวลาจะล่วงเลยไปอีกหนึ่งปี แต่วิถีชีวิตของเธอยังหมุนวนซ้ำเดิมไม่ต่างจากเข็มนาฬิกาที่เดินเวียนจากหนึ่งถึงสิบสอง

    “หัดมีมนุษย์สัมพันธ์บ้างสิ” เสียงทุ้มของเขาทักขึ้นก่อนที่เธอจะทันตักข้าวเข้าปาก

    โมโรโบชิ ได เดินมานั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามในห้องอาหารขององค์กร เขาเปิดฝาข้าวกล่อง แล้วรูดซองใส่ตะเกียบวางไว้บนโต๊ะ

    “คนอย่างคุณเนี่ยนะ พูดเรื่องมนุษย์สัมพันธ์” เด็กสาวตอบกลับด้วยความหมั่นไส้

    “อย่างน้อยฉันก็มีมากกว่าเธอนะ” คิ้วเรียวที่ยักขึ้นพร้อมมุมปากทำเอาเธอเหลืออด

    “คุณจะสนิทกับพี่ยังไงก็ไม่มีใครว่าหรอกนะคะ” ชิโฮะวางตะเกียบ เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “แต่ไม่ใช่กับฉัน”

    “ถ้าคุณไม่อยากถูกมองว่าเกาะคนอื่นล่ะก็...เวลาอยู่ในที่สาธารณะแบบนี้ อยู่ให้ห่างกันจะดีกว่า”

    เธอมองผู้ชายผมยาวตรงหน้านิ่ง ชายที่อาเคมิเป็นคนแนะนำให้ได้เข้ามาทำงานในองค์กรขนาดใหญ่แห่งนี้ ได้ข่าวว่าทีแรกเขาแทบไม่โดดเด่นอะไรเลย แต่ก็ไม่เคยทำงานพลาดจนกำลังจะได้รับโค้ดเนมในอีกไม่ช้า

    “ฉันไม่สนสายตาคนอื่นหรอกนะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงมาดมั่น “ฉันสนแค่เธอ”

    “พี่สาวเธอฝากฉันมาน่ะ” ชายหนุ่มพูดต่อแทบจะทันที ไม่เปิดโอกาสให้คนฟังเข้าใจผิดไปไกล

    ชิโฮะกินข้าวเสร็จแล้ว เธอเอาขยะไปแยกทิ้งและแยกย้าย แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ พอหันมองก็พบว่าเป็นเขา

    “นี่คุณ ตามฉันมาอีกทำไมเนี่ย”

    “ไม่ได้ตามสักหน่อย ฉันก็แค่...”

    โมโรโบชิ ได ลากเสียงค้างพลางล้วงกระเป๋ากางเกง หยิบเศษเหรียญออกมาแล้วหย่อนลงไปในช่องเพื่อกดเลือกเมนูเครื่องดื่มตรงตู้ขายน้ำอัตโนมัติ

    “จะมาซื้อไอ้นี่ต่างหาก” เขายื่นกาแฟดำให้ดู

    “ชอบจังเลยนะคะ กาแฟกระป๋องเนี่ย”

    “อื้อ” ชายหนุ่มเปิดดื่ม “อร่อยดี”

    ชิโฮะกดซื้อน้ำบ้าง เธอเลือกน้ำเมล่อนกระป๋อง ก่อนจะเดินไปตรงระเบียงมุมประจำ เด็กสาวหันขวับเพราะยังได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาตามมา

    “เปล่าตามนะ” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ “ฉันก็แค่...จะมาชมวิวตรงนี้เหมือนกัน”

    เด็กสาวส่ายหน้า เดินไปยืนยังระเบียงฝั่งซ้าย ส่วนเขายืนอยู่ฝั่งขวาโดยมีเสาต้นหนึ่งคั่นกลาง

    ท่าทางจิบกาแฟกระป๋องอย่างสบายใจเฉิบของอีกฝ่ายทำเอาเธออดสงสัยไม่ได้ “คุณว่างงานมากเหรอคะ”

    “ไม่หรอก แค่กำลังรอคำสั่งอยู่น่ะ”

    โมโรโบชิ ได ดื่มกาแฟอย่างสบายอารมณ์ เขาวางกระป๋องที่ดื่มเสร็จแล้วลงบนราวระเบียง ก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบอีกกระป๋องออกจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต

    ก็มีอยู่แล้วนี่นา แล้วเมื่อกี้กดซื้อทำไม

    “นี่คุณ เดี๋ยวก็นอนไม่หลับหรอก” เด็กสาวปราม

    “ไม่เห็นเป็นไรเลย ฉันชอบนี่” เขาไม่สน กระดกดื่มต่อ ทำเอาชิโฮะต้องเป่าปากอย่างเหลือเชื่อ เพราะดูท่าแล้วเขาคงดื่มเกินวันละสามกระป๋องแน่

    “ทำไมต้องเป็นกาแฟกระป๋องด้วย”

    ชายหนุ่มรู้ว่านั่นคงเป็นแค่คำถามลอยๆ แต่ก็ทำให้เขาเริ่มคิดหาคำตอบที่จริงจัง

    “นั่นสิ” เขาก้มมองของในมือ “เห็นกาแฟกระป๋องแล้วเธอไม่คิดอะไรบ้างเหรอ”

    “จะให้คิดอะไรล่ะคะ มีคาเฟอีน? รสขม? เป็นสีดำ?”

    ชิโฮะนิ่งไปขณะหนึ่งก่อนจะหัวเราะหึ “อ้อ แล้วก็ดูเหมือนคุณด้วย”

    ชายหนุ่มชะงักอึ้ง เพราะคำพูดของเธอช่างคล้ายกับความทรงจำในอดีตของเขา

    “นี่เป็นวิธีการหลอกด่าในแบบของเธอหรือเปล่าเนี่ย”

    “แล้วแต่คุณจะคิดนะ”

    ชายหนุ่มมองเด็กสาวที่อมยิ้มขำๆ ก่อนเผลอพึมพำออกมา “หึ ทีเมื่อก่อนล่ะ”

    “คะ?”

    “เปล่า ช่างเถอะ” เขาปฏิเสธ แล้วลอบมองเสี้ยวหน้าของเธอ

    จำไม่ได้จริงด้วยสินะ

     










    ซัมเมอร์รอบที่สามเวียนมาอีกหนนับตั้งแต่ชิโฮะเข้ามหาวิทยาลัย อีกแค่ปีเดียวเธอก็จะเรียนจบและมีเวลาทุ่มเทให้กับงานวิจัยซึ่งคืบหน้าไปมากอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น

    “งานเลี้ยงล่าสุดเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” อาเคมิโทรมาไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบในรอบเดือน เพราะตั้งแต่กลับมาคราวนี้ เธอก็วุ่นอยู่แต่กับงานขององค์กรจนแทบไม่มีช่วงพักหายใจ

    “ปกติดีนี่คะ” เธอตอบให้พี่สาวสบายใจ

    “น้องพอได้ยิน...เรื่องไดคุงบ้างไหม”

    น้ำเสียงของปลายสายเจือความกังวล ชิโฮะรู้ดีว่าเกิดจากอะไร มันไม่ได้เป็นเพราะเธอแต่น่าจะมาจากแฟนหนุ่มมากกว่า

    ชิโฮะบังเอิญเจอเขาผ่านๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดูภายนอก เขาก็ไม่ได้ต่างไปจากปกติ เพียงแต่เธอสัมผัสได้ว่าเขามีเรื่องหนักใจบางอย่างที่ปิดเงียบเอาไว้ และแน่นอนว่าไม่ได้บอกพี่

    ชิโฮะนึกถึงงานเลี้ยงนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยโทโตะเมื่อเดือนก่อน แท้จริงแล้วเบื้องหลังคือการออกล่าขององค์กร ซึ่งจะมีสไนเปอร์ฝีมือดีมาเป็นแบ็คอัพให้สองคน โค้ดเนมคือไรย์และสก็อตช์

    ทว่าไม่นานเขาก็จับได้ว่าสก็อตช์เป็นสายลับแฝงตัวมา ความดีความชอบครั้งนั้นทำให้เขากลายเป็นคนโปรดของท่านผู้นั้นจนลือกันไปทั่ว

    แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาต้องหนักใจล่ะ จะบอกว่ารู้สึกผิดที่ทำให้คนคนหนึ่งต้องตายก็ไม่น่าใช่ ทั้งที่ปกติได้ยินว่าเขาฆ่าเป้าหมายได้อย่างไม่เลือกหน้าแท้ๆ

    “คนที่ทำงานสกปรกได้อย่างหน้าตาเฉยน่ะ ไม่ต้องห่วงอะไรมากหรอกค่ะ”

    ชิโฮะตอบตามตรง ก่อนจะยิ้มเยาะให้กับตัวเอง “จะว่าไปงานของหนูก็สกปรกไม่แพ้กัน”

    “ชิโฮะ...” อาเคมิเสียงอ่อน “ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากให้เราสลับที่กันมากกว่า”

    “พี่อยากให้น้องเป็นดั่งซากุระที่อาบแสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลินะจ๊ะ”

    “พี่ก็เป็นแสงสว่างให้หนูอยู่แล้วไง” เด็กสาวเปรียบความหมายชื่อของอาเคมิ

    “พี่ไม่จำเป็นต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้หรอกค่ะ” เธอพูดตามความรู้สึก “แม้แต่ใต้ดินที่มืดอึมครึม แค่มีพี่อยู่ หนูก็อุ่นใจแล้วนะ”

    ชิโฮะออกมายืดเส้นยืดสายหลังจากทนเมื่อยขบกับการนั่งตรวจงานเสียนาน เด็กสาวกดซื้อเครื่องดื่มกระป๋อง ก่อนเดินไปยังจุดชมวิวประจำ ทว่าระเบียงฝั่งซ้ายมีใครบางคนยืนสูบบุหรี่อยู่ก่อนแล้ว

    ชิโฮะเดินไปเท้าแขนบนราวระเบียงฝั่งขวา พลางเปิดน้ำผลไม้รสหวานดื่ม สายลมยามเย็นพัดหอบเอากลิ่นฉุนของบุหรี่โชยมา แต่เขายังคงนิ่งเงียบ ไม่ตอบรับการมาของเธอ เธอจึงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาเสียเอง

    “พอได้เป็นคนโปรดของบอสแล้ว มนุษย์สัมพันธ์ของคุณเลยหายไปกับวิญญาณสายลับที่ตายไปด้วยหรือไงคะ”

    “หึ เธออาจจะพูดถูกก็ได้นะ” เขาเอ่ยยิ้มๆ “เรื่องที่ฉันเข้าทางคนอื่นจนได้ดีน่ะ”

    ชิโฮะสะอึก เมื่อประโยคที่เธอเคยพูดกับเขาย้อนกลับมากวนใจ “คุณยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่เหรอคะ”

    คำถามเลือนหายไปพร้อมกับความเงียบซึ่งเข้ามาแทนที่ ต้นเสาที่คั่นกลางทำให้เธอไม่อาจมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเต็มตา แต่พอจะเดาได้ว่านัยน์ตาสีเขียวมะกอกคู่นั้นคงมีแววเศร้าเจืออยู่

    “เปล่าหรอก ฉันก็แค่...” เขาหยุดเพียงครึ่งทาง ถอนหายใจแล้วตัดบท “ช่างเถอะ”

    “ถามอะไรหน่อยสิคะ” ชิโฮะปล่อยให้ความเงียบคงอยู่ครู่ใหญ่ กว่าจะตัดสินใจพูดออกไป

    “คุณมีเหตุผลอะไรถึงได้คบกับพี่เหรอ”

    โมโรโบชิ ได ชะงักเล็กน้อย ก่อนตอบด้วยการถามกลับ “คนจะคบกันจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”

    “ไม่รู้สิคะ แต่ถ้าฉันจะรักใครสักคน...เหตุผลสำคัญกับฉันมากค่ะ”

    สีหน้าจริงจังของเธอทำให้ชายหนุ่มไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้ เขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเลือกคำตอบกลางๆ

    “อาเคมิเป็นผู้หญิงที่ดี เหตุผลแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วนะ”

    “หมายความว่าคุณรักพี่อย่างที่พี่รักคุณ...แบบนั้นใช่ไหมคะ” ชิโฮะถามย้ำ เพราะเธอต้องการคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้

    “อย่างน้อย...” เขาก้มหน้ายิ้มๆ “ก็ไม่อยากสูญเสียล่ะมั้ง”

    “ถ้าอย่างนั้นคุณต้องรักษาพี่ไว้ให้ดีแล้วล่ะ” เด็กสาวหันมองเขาด้วยท่าทางขึงขัง “เพราะผู้หญิงที่ดีและรักคุณมากอย่างพี่น่ะ มีไม่เยอะหรอกนะ”

    “ถ้าคุณทำให้พี่สาวฉันเสียใจล่ะก็...ฉันจะเกลียดคุณไปชั่วชีวิตเลย”

    “โห เป็นคำขู่ที่น่ากลัวจังนะ” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ

    เขาไม่อาจหยุดคิดมากกับเรื่องที่ผ่านมา แต่ยามอยู่กับเธอเหมือนจะคลายความรู้สึกแย่ๆ ลงไปได้บ้าง แม้ว่าจะต้องแบกรับบางอย่างเพิ่มขึ้นก็ตาม

     



    ไม่อยากสูญเสียบ้าอะไรกัน

    เด็กหญิงกัดฟันกรอด หลังหวนคิดถึงอดีตอยู่ในความมืด

    ไฮบาระมองกาแฟกระป๋องบนโต๊ะ แม้เงาของมันจะเปลี่ยนมุมตามแสงจันทร์ที่ส่องกระทบ แต่ไม่อาจเปลี่ยนความจริงว่าเนื้อในยังคงเป็นเครื่องดื่มรสขมไปได้ เช่นเดียวกับเขา...แม้จะพยายามปกปิดด้วยรูปลักษณ์ภายนอกอย่างไร เขาก็ยังคงเป็นคนที่เธอไม่อาจลืม

    แต่ที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือ คนที่เธอเกือบจะวางใจกลับกลายเป็นคนที่เกลียดที่สุด

    ไฮบาระควรจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไรดี




























    โปรดติดตาม... 











    Talk กับ ไรท์
    ขอโทษรี้ดด้วยนะคะ
    วันนี้มาซะดึกเลย
    มีปัญหาขัดข้องทางเทคนิค
    กับเนื้อหานิดหน่อย
    เลยต้องพิมพ์ใหม่หมดเลย แง
    แต่ไม่ว่ายังไงไรท์จะต้องอัพให้ได้

    <3
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×