ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Conan : Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป(ไม่)ได้

    ลำดับตอนที่ #18 : ปีศาจแห่งกาลเวลา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 424
      30
      29 มี.ค. 66

    (26.08.21)
    ที่ใดมีเงามืด ที่นั่นย่อมมีปีศาจสิงอยู่ 



    Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้

    Parinuttha



    ตอนที่ 18 ปีศาจแห่งกาลเวลา



    คราวโน้นก็คดีฆาตกรรมแฟนในจินตนาการที่แมนชั่น คราวก่อนตอนไปตั้งแคมป์ก็เจอศพถูกไฟคลอก คราวนี้กลุ่มนักสืบเยาวชนอุตส่าห์ออกนอกเมืองเข้าป่ามาเรียนวิชาสมุนไพร ยังต้องมาเจอกับศพผู้ชายถูกแทงตายอีก

    แถมแฟนของผู้ตายยังเป็นเพื่อนของครูวากาสะ โคนันไม่อาจคิดได้ว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ อย่างกับว่าเธอจงใจให้เขาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีด้วยอย่างนั้นแหละ

    แต่ที่โชคร้ายยิ่งกว่าคือที่เกิดเหตุอยู่ในเขต สน.กุนมะอีกแล้ว เพราะสารวัตรติ๊งต๊องที่เอาแต่ขัดคอเขาไปหมดทุกเรื่อง ทำให้โคนันต้องยิงเข็มยาสลบต่อหน้าครูวากาสะเพื่อไขคดี

    ถึงไฮบาระจะเคยเอ่ยปากว่าชอบครูวากาสะ อย่าได้คิดไม่ดีกับเธอเชียว แต่โคนันไม่เคยวางใจเลยสักนิด โดยเฉพาะท่าทางหลังจากเธอได้รับใบโคลเวอร์สี่แฉกจากอายูมิ ทั้งที่พวกเด็กๆ ลงทุนหากันอย่างตั้งใจ เพราะหวังจะให้มันช่วยเป็นเครื่องรางนำโชคให้เธอ

    ครูวากาสะรับมาห่อไว้ในผ้าเช็ดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก็จริง แต่หลังจากนั้นเธอกลับสะบัดมันทิ้งอย่างไม่เหลือเยื่อใย

    “หมากคาคุถึงจะอยู่ไกล แต่ก็เป็นกลยุทธ์เด็ดที่ใช้ได้นะครับ”

    “ถึงอย่างนั้นคุณก็จะฆ่าผมเหรอครับ”

    ความทรงจำที่ผุดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เขาคนนั้น ฮาเนดะ โคจิ ที่มักพกหมากโชงิติดตัวอยู่เสมอ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องตายอยู่ดีนี่นา เพราะแบบนี้เธอถึงได้เกลียดไงล่ะ เกลียดสิ่งที่เรียกว่าเครื่องรางนำโชคน่ะ

     










    โคนันมาที่บ้านดอกเตอร์อากาสะ เพราะอีกฝ่ายไปเจอจานโบราณจากคฤหาสน์ของคุณคิริซึเกะ ลุงของดอกเตอร์ที่เสียชีวิตมาแล้ว 50 ปี เมื่อก่อนเขาและกลุ่มนักสืบเยาวชนก็เคยไปเล่นหาสมบัติที่นั่นและเจอกับรหัสลับเข้าเหมือนกัน

    แต่เหตุผลสำคัญที่ไฮบาระเรียกโคนันมาก็เพื่อถามว่าทำไมเซระถึงเอาแต่นั่งควบมอเตอร์ไซค์ แล้วแอบมองบ้านดอกเตอร์มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วต่างหาก เพราะแบบนี้เธอถึงให้โคนันเข้าทางประตูหลัง เพราะถ้าเป็นประตูหน้า สาวห้าวคงได้หาข้ออ้างขอตามเข้ามาแน่

    “นายรู้เหตุผลใช่ไหม ว่าทำไมเธอถึงเอาแต่แอบมองบ้านนี้” เหตุผลนั้นทำเอาไฮบาระถึงกับร้องเสียงหลง เพราะเป้าหมายของเซระไม่ใช่บ้านดอกเตอร์ แต่เป็นเธอ

    “ว่าไงนะ!? เธอสงสัยว่าฉันตัวหดเล็กลงเพราะกินยาตัวเดียวกับนายงั้นเหรอ”

    จากคราวก่อนตอนไปเจอคดีที่กองถ่าย เซระเลียบเคียงถามพวกรันถึงเรื่องเด็กที่ดูเป็นผู้ใหญ่ ยัยนั่นคงจะพอเดาได้ เลยตามมาแอบดู ไฮบาระไม่สบอารมณ์ ย้ำเตือนเรื่องความลับของยากับองค์กรที่ต้องปกปิดไว้ แต่ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นเสียก่อน

    ติ๊งต่อง!

    “อย่าบอกนะว่ายัยนั่นขี้เกียจรอเลยเข้ามาตรงๆ เลยน่ะ” โคนันไม่อยากจะเชื่อ ไฮบาระบอกให้หาข้ออ้างไล่เธอไป แต่พอเด็กชายเปิดประตูออกดูกลับเจอสึบารุยืนอยู่

    “พอดีผมเพิ่งได้เชอรี่ชุดใหญ่จากคนรู้จักมา...อยากกินด้วยกันไหมครับ”

    เด็กชายงงงัน ยิ้มเจื่อนๆ “ทะ ที่สำคัญ มีใครมาด้อมๆ มองๆ แถวหน้าบ้านหรือเปล่าครับ”

    “มีนะ เป็นผู้หญิงใส่หมวกกันน็อก...คนนี้น่ะ” พูดจบสาวห้าวที่หลบอยู่ด้านหลังชายหนุ่มก็โผล่หน้าออกมาทักทายด้วยน้ำเสียงเริงร่า

    ไม่รู้ทำไมสึบารุถึงถามเรื่องจานโบราณขึ้นมา ดอกเตอร์บอกว่ากำลังจะไปดู นอกจากนี้นักประเมินราคายังมีของน่าสนใจให้ดูด้วย เป็นเครื่องเขินมูลค่ากว่าร้อยล้านเยน เขาจะอธิบายวิธีการดูของจริงของปลอมให้ฟัง

    “เข้าใจแล้วครับ ถ้าอย่างนั้น...จะเป็นไรไหมครับ ถ้าผมจะขอไปด้วยคน ผมอยากเห็นด้วยตาตัวเองน่ะครับ” ว่าแล้วก็หันไปถามเซระ “แล้วเธอล่ะ”

    “ฉันขอผ่านก็แล้วกัน” สาวห้าวอ้างว่าไม่ค่อยสนใจเท่าไร กลับกันจะช่วยดูแลบ้านให้ “ด้วยกันกับสาวน้อยคนนี้น่ะ”

    เล่นแบบนี้เองเหรอไฮบาระกัดฟันกรอด หลบอยู่หลังดอกเตอร์

    “จะไปด้วยคนกับ ดร.” เด็กหญิงดัดเสียงเล็ก “หนูชอบจานโบราณ”

    เห็นดังนั้นเซระก็รีบเปลี่ยนท่าทีขอตามไปด้วยเช่นกัน สึบารุวางถ้วยเชอรี่ลงบนเคาน์เตอร์แล้วสรุปว่างั้นก็ไปด้วยกันหมดนี่แหละ

    โคนันไม่เข้าใจเหตุผล สะกิดสึบารุแล้วกระซิบกระซาบถามว่าทำไมถึงชวนเซระมาด้วย สึบารุกระตุกยิ้ม บอกว่าปล่อยให้เธอยืนลับๆ ล่อๆ อยู่ไม่ได้ ชายหนุ่มมองไปทางสาวห้าว อีกอย่างเขาก็มีเรื่องอยากจะถามเธอตั้งมากมาย

    ไฮบาระแกล้งหลับตลอดทางเพื่อเลี่ยงการตอบคำถามของเซระที่เอาแต่สงสัยนู่นนี่ จนไปถึงบ้านของนักประเมินราคา ดอกเตอร์อากาสะเรียกอยู่หน้าบ้านแต่ไม่มีเสียงตอบรับ อาจเพราะเครื่องช่วยฟังของเขาเสียอีกแล้ว จึงไปตามด้วยตัวเอง

    แต่กลับพบนักประเมินราคาคนนั้นถูกฟาดศีรษะ จมกองเลือดอยู่ และด้านหลังจานลายนกกระเรียนมีรอยเลือดที่ชี้ว่าเป็นของจริง ดอกเตอร์อากาสะออกไปตามคนมาช่วย โดยไม่รู้ว่าคนร้ายยังแอบอยู่ในห้อง หลังจากนั้นก็ใช้หอกแทงเขาจนตาย

    สารวัตรเมงุเระและหมวดทาคางิที่มาถึงที่เกิดเหตุ และสอบปากคำเบื้องต้น เสนอให้หานักประเมินราคาคนอื่นมา

    “ใช่แล้วล่ะ ถ้าเราหานักประเมินราคาคนอื่นมาช่วยดูของในกล่องนั้น เราจะได้หลักฐานมัดตัวอย่างที่คนร้ายไม่สามารถปฏิเสธได้”

    “ว่าแล้วเชียว เธอนี่เหมือนผู้ใหญ่จริงๆ ด้วย” เซระโพล่งขึ้นทันทีหลังไฮบาระพูดจบ “ไม่สามารถปฏิเสธได้...ไม่ใช่เรื่องปกติเลยนะ ที่เด็ก ป.1 จะใช้ศัพท์ยากๆ แบบนี้น่ะ”

    “ว่ามาซิ เธออายุเท่าไรกันแน่” สาวห้าวชะโงกเข้าไปใกล้ แล้วป้องปากกระซิบ “เธอเองก็กินไปเหมือนกันใช่ไหมล่ะ แบบเดียวกับที่โคนันคุงกินน่ะ”

    “มันแปลกขนาดนั้นเลยเหรอครับ” คำถามของสึบารุที่ขัดจังหวะขึ้นทำเอาเซระหัวเสีย

    “สมัยนี้เด็กประถมก็พกสมาร์ทโฟนใช้กันแล้ว แล้วยังเจอคำศัพท์พวกนี้จากทีวีหรือหนังสือได้อีก แถม ดร. ยังชอบใช้คำศัพท์ยากๆ อยู่บ่อยๆ จะจำมาใช้ก็ไม่แปลก”

    สาวห้าวขบเขี้ยวอย่างขัดใจ มองผู้ชายตาตี่ ผมสีโรสโกลด์อย่างไม่สบอารมณ์ ที่เขาพูดมันก็จริงอยู่ แต่อย่างกับจะตั้งใจกวนประสาทกันอย่างนั้นแหละ

    “จะว่าไปคุณรู้ได้ไง” เซระถามขึ้นขณะที่ตำรวจลองเอาจานมาเรียงกันดู “คุณรู้ได้ไงว่าฉันเป็นผู้หญิงน่ะ”

    เซระจำได้ว่าสึบารุพูดชัดเจนว่าเธอเป็นผู้หญิง ทั้งที่ตอนนั้นเธอสวมหมวกกันน็อกอยู่ ดูจากรูปลักษณ์และการแต่งกายกับคำพูด น่าจะทำให้ใครๆ เชื่อได้ว่าเป็นผู้ชาย

    “หรือจะเป็นเพราะ...คุณเคยรู้จักฉันมาก่อน”

    “ก็ก้นเธอน่ะ” สึบารุตอบอย่างตรงไปตรงมา ทำเอาเซระหันขวับ มองก้นตัวเอง “ช่วงสะโพกดูเป็นผู้หญิงชัดเจน... ผมว่าเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องบอกหรอกมั้งครับ”

    สาวห้าวหน้าแดง คิดในใจ ก้นเราเนี่ยนะ

    “นี่ ทำไมยังเก็บเป็นความลับล่ะครับ” โคนันเดินมาซุบซิบ “เซระ...เป็นน้องสาวไม่ใช่เหรอครับ”

    “เธอนี่รู้ไปหมดทุกเรื่องเลยนะ เจ้าหนู” อากาอิในคราบสึบารุยกยิ้มพอใจ เขาแค่ไม่อยากลากน้องสาวเข้ามาเกี่ยวด้วย พยายามเท่าที่จะทำได้

    อากาอินึกย้อนไปเมื่อ 18 ปีก่อน พวกเขากำลังนั่งเครื่องจากอังกฤษตรงมาญี่ปุ่น แต่ชูคิจิ วัย 11 ปี ยังคงอาลัยอาวรณ์เพื่อน ถามแม่ด้วยภาษาอังกฤษว่าทำไมต้องย้ายมา

    “ลืมไปแล้วเหรอ ชูคิจิ จากนี้ไปเราต้องไปอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น ต้องปกปิดว่าจริงๆ แล้วเราเป็นคนอังกฤษ ต้องพูดภาษาญี่ปุ่นที่เรียนมาจากพ่อกับแม่สิ” เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ตอบน้องชาย

    “ลูกยังจำเพื่อนสนิทของคุณพ่อที่ชื่อฮาเนดะได้ไหม เขามีลูกชายชื่อโคจิ” แมรี่วัย 36 ปี เล่าเท้าความว่า โคจิเสียชีวิตอย่างปริศนาที่อเมริกา สึโตมุสามีของเธอเลยต้องไปตามสืบคดี แต่พอรู้ตัวว่าไปพัวพันกับเรื่องอันตรายเข้า จึงส่งเธอกับลูกๆ มาที่ญี่ปุ่นก่อน

    “ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ พ่อของลูกน่ะแข็งแกร่งมาก พ่อจะจับคนไม่ดีให้ได้ และจะมารับพวกเรากลับในไม่ช้า เพราะพ่อมีลูกชายสองคนที่น่ารักรออยู่ แถม...” หญิงผมบลอนด์ลูบท้องตัวเอง “พ่อก็คงอยากเจอเจ้าตัวเล็กเร็วๆ”

    “เจ้าตัวเล็กเหรอครับ” ชูคิจิถามอย่างประหลาดใจ

    “น้องสาวของลูกไงจ๊ะ”

    อากาอิในคราบสึบารุอมยิ้ม หลังจากเจอกันที่ชายหาดคราวนั้น ก็โตขึ้นเยอะเลยนะ มาสึมิ

    หมวดทาคางิเหยียบโดนอะไรบางอย่าง พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเครื่องช่วยฟังรูปปีกนางฟ้าที่ดอกเตอร์อากาสะประดิษฐ์ให้นักประเมินราคา เป็นการเล่นคำที่พอเอาคำว่านางฟ้ากับช่วยฟังในภาษาญี่ปุ่นมารวมกันแล้วจะแปลว่า ไม่ได้ยิน

    “นางฟ้าช่วยฟัง เป็นชื่อที่เหมาะสมแปลกๆ ดีนะคะ” ไฮบาระวิจารณ์

    “เธอนั่นแหละที่แปลกๆ น่ะ” เซระยังไม่เลิกเซ้าซี้ “ไม่เอาน่าไอจัง บอกมาได้แล้ว เธอก็สามารถกลับคืนร่างเดิมได้ชั่วคราวใช่ไหมล่ะ”

    “ถ้าพกมาด้วย ฉันขอบ้างได้ไหม ยาที่ช่วยย้อนกระแสเวลาน่ะ”

    “หมายความว่ายังไงเหรอครับ ย้อนกระแสเวลา ที่ว่าน่ะ” สึบารุขัดขึ้นอีกตามเคย “ย้อนคืนมาก็แสดงว่ามันไม่เหมือนเดิม หรือกระแสที่ว่าจะไม่ใช่เธอแต่เป็นคนอื่นกันนะ”

    “ไม่ใช่เรื่องของนาย!” เซระเหลืออด ฟาดเท้าออกไปหมายจะเตะก้านคอสักหน่อย แต่อีกฝ่ายกลับหลบได้ หายไปอยู่ด้านหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถมยังรับเธอไว้ทันก่อนที่จะเสียหลักล้มลง

    “เมื่อกี้มันก็ 50:50 ล่ะนะ ถ้าผมพูดอะไรผิดไปก็ขอโทษด้วย” สึบารุแนะนำว่าถ้าเธออยากจะดูเหมือนผู้หญิงมากกว่านี้ ควรลดนิสัยใช้ความรุนแรงลงหน่อย

    “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันก็ดูเหมือนผู้หญิงเองโดยไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะแม่ของฉันน่ะ เคยหน้าอกใหญ่ตั้งเท่านี้” สาวห้าวว่าพลางทำมือประกอบ

    “เคย? หมายความว่าคุณแม่เสียชีวิตไปแล้วเหรอครับ”

    “มะ ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

    อย่างนี้นี่เองโคนันเข้าใจแล้วว่าอากาอิคงต้องการเช็กสภาพปัจจุบันของแม่ตัวเอง หมายความว่าเด็ก ม.ต้น คนนั้นคือคุณแมรี่ที่เขาเคยเจอจริงๆ แสดงว่าเธอคงได้รับยานั่นเข้าไปเหมือนกัน

    จากคดีนักสืบวิญญาณที่โคนันเผลอทำเครื่องเปลี่ยนเสียงตก ทำให้รู้ว่าแมรี่มีทักษะการสืบสวนและเก่งศิลปะการต่อสู้ แถมเธอยังมาจากอังกฤษ...อังกฤษ... หรือว่าน้องสาวนอกขอบเขตคือ SIS หน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ

    หลังจากจับคนร้ายตัวจริงได้ ดอกเตอร์อากาสะก็รู้จากสึบารุว่าจานของเขาไม่ใช่ของมีราคาอะไร บางทีลุงของดอกเตอร์คงทำสีจานลอกเลยเอาสีน้ำมันมาทาทับ แต่สุดท้ายก็ปิดไม่มิด บนกล่องจึงมีสำนวนจีนว่า เผยออกมา อย่าปกปิดเหมือนเขียนเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจว่าความลับไม่มีในโลก

    “เผยออกมา อย่าปกปิด เป็นสุภาษิตที่เหมาะเจาะแปลกๆ ดีนะ” ไฮบาระแอบหัวเสียที่สาวห้าวยังแหย่ไม่เลิก

    เด็กหญิงมองตามเซระที่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป นึกว่ากลับมากันแล้ว เธอยังจะหาข้ออ้างอยู่ต่อซะอีก

    “ให้ตายสิ พอสักทีเถอะน่า” สึบารุอมยิ้มมองตามไฮบาระที่บ่นก่อนจะเดินเข้าบ้านไป

    ชายหนุ่มบอกว่าไม่ต้องห่วง เธอคงไม่มาบ่อยขนาดนั้น เพราะเขาก็ปรามเธอเอาไว้แล้ว “ท่าทางเธอก็คงมีความลับที่ต้องปิดบังอยู่เหมือนกัน”

    “เอ่อ เรื่องนั้นน่ะ...”

    “ไม่เป็นไร ฉันพอเข้าใจแล้ว” สึบารุปฏิเสธที่จะฟังคำอธิบาย แล้วเดินกลับเข้าบ้านคุโด้

    จริงอยู่ว่าที่โคนันอยากจะบอกคือเรื่องที่แม่ของอากาอิน่าจะกินยา APTX4869 จนร่างกายกลับไปเป็นเด็ก แต่ที่เขาอยากจะถามให้แน่ใจคือเรื่องที่แมรี่อาจจะเป็นสายลับ MI6

    เซระกลับมาหาแม่ที่โรงแรม เพราะ 50:50 ที่สึบารุพูดทำให้เธอนึกถึงคำพูดติดปากของอากาอิ แม่รี่บอกว่าพี่ชายคนโตติดมาจากพ่ออีกที

    “ที่สำคัญ เรื่องยาล่ะ ลูกคิดว่าจะเอามาได้ไหม”

    “ตอนนี้ยังไม่ได้อะ เจอคนแปลกๆ คอยขวาง” สาวห้าวนึกถึงผู้ชายผมสีโรสโกลด์ ตั้งแต่แรกตอนที่เจอกันแล้ว รู้สึกเหมือนคุ้นเคยกันมาก่อน แถมยังมีกลิ่นอายบางอย่างคล้ายกับพี่ชายของเธอ

    คงไม่ใช่หรอกมั้ง










     

    กลุ่มนักสืบเยาวชนกำลังเดินอ่านข่าวทั่วไปอยู่ในเมือง ทั้งข่าวดับเบิล H หรือ ฮิเดะ-ฮิโกะ ที่ชนะเกมล่าสุด หลังถูกทาบทามให้เข้าร่วมลีกพิเศษ ซามูไรบลู และข่าวการแข่งหมากโชงิของเหล่าเมจิน ตอนนั้นเองพวกเขาก็บังเอิญเจอกับยูมิที่ตามสะกดรอยไทโคเมจินอยู่ เธอสงสัยเรื่องที่พักนี้ชูคิจิทำตัวแปลกๆ ชอบแอบออกไปข้างนอกแต่ไม่บอกว่าไปไหน

    “มีความเป็นไปได้สูงว่า...เขากำลังนอกใจอยู่ค่ะ” ข้อสันนิษฐานของไฮบาระทำเอายูมิถึงกับร้องเสียงหลง ยูมิจึงลากโคนันไปด้วยเพื่อตามสะกดรอยต่อ

    จากคดีคราวก่อน โคนันรู้มาจากเฮย์จิว่า คนรู้จักของพ่อบ้าน อิโอริ พ่อบ้านประจำตัวของโมมิจิ เคยทำงานอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลฮาเนดะมาก่อน เท่ากับว่า ฮาเนดะ โคจิ สี่มงกุฎคนนั้นเป็นลูกชายของตระกูลเศรษฐีที่ร่ำรวย

    เด็กชายจึงได้โอกาสลองถามยูมิเรื่องเกี่ยวกับชูคิจิ ยูมิเลยตอบว่าชูคิจิไปเป็นลูกชายบุญธรรมของตระกูลเศรษฐี ครอบครัวนั้นมีลูกชายที่เป็นเซียนโชงิ แต่ดันเสียชีวิตไปก่อน เลยขอชูคิจิไปเป็นลูกบุญธรรมเพื่อเติมเต็มความฝันนั้น

    “งั้นเคยเจอพ่อแม่จริงๆ ของไทโคเมจินไหมครับ” โคนันลองหยั่งเชิงถาม

    “ยังไม่เคยเจอเหมือนกัน แต่ก็พอรู้ว่าเขามีพี่ชายแล้วก็น้องสาวน่ะ” ยูมิบอก “ทุกคนคงจะเหมือนจูคิจิหมดล่ะมั้ง เป็นครอบครัวที่สบายๆ ชิลล์ๆ”

    ไม่มีใครชิลล์สักคนเลยมากกว่าเด็กชายนึกภาพในใจ

    พอเข้าไปถามตรงๆ ก็ได้รู้ว่าไทโคเมจินแค่แวะมาซื้อโดนัท ก่อนจะไปพบกับเพื่อนที่เล่นโชงิด้วยกัน โคนันและยูมิจึงตามไปที่อะพาร์ตเมนต์ด้วย

    แต่พอไปถึงก็พบศพของชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตเพราะถูกรัดคอ แถมยังมีโต๊ะโชงิวางไว้ ขาโต๊ะถูกถอดออกเหลือสองขา เหมือนกับคดีที่โคนันเคยอ่านเจอในข่าวก่อนหน้า ที่ขาโต๊ะถูกถอดออกเหลือขาเดียว เท่ากับว่านี่เป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง และระหว่างที่สืบสวนกันอยู่ก็เกิดคดีเพลิงไหม้ขึ้นใกล้ๆ ผู้เสียชีวิตก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนักเล่นโชงิด้วยเช่นกัน

    วันต่อมาโคนันยังคงคิดเรื่องของสามคนที่เขาพบระหว่างไปอะพาร์ตเมนต์แห่งนั้นซึ่งอาจจะเป็นคนร้ายตัวจริง แต่แล้วก็ได้รับสายจากยูมิว่าไทโคเมจินขาดการติดต่อไป

    เด็กชายรีบโทรไปหาอากาอิแล้วเล่ารายละเอียดให้ฟัง เอฟบีไอหนุ่มปฏิเสธการปลอมตัวของยูกิโกะแล้วออกมาทันที เขาแวะรับโคนันที่รออยู่ข้างทางเพื่อไปด้วยกัน

    อากาอิโทรเข้ามือถืออีกเครื่องของชูคิจิ เป็นมือถือพิเศษที่เอาไว้ใช้ติดต่อกับเขาแค่คนเดียว

    “ฉันก็ทำเหมือนกับที่ เด็ก ม.ปลาย คนหนึ่งทำนั่นแหละ ว่าฉันตายจากทุกคนไปแล้ว”

    ชูคจิจิรับสายจากพี่ชายที่โทรมา แล้วขอประลองหมากกับคนร้ายเพื่อบอกใบ้หมายเลขห้องที่ถูกจับขังไว้ เพราะตำแหน่งที่อยู่สามารถรู้ได้จากระบบจีพีเอส

     พอไปถึงอากาอิก็บีบแตรส่งสัญญาณ ให้ชูคิจิถ่วงเวลาคนร้ายต่อไป เพื่อเขาจะได้ลอบเข้าไปช่วยได้ สองคนขึ้นไปบนดาดฟ้า ชายหนุ่มออกอุบายให้โคนันเตะฟุตบอลไปโดนท่อรางน้ำฝนเพื่อเปลี่ยนทิศทาง แล้วใช้มือถือผูกเชือกหย่อนลงมา ทำทีว่าเจ้าหน้าที่หน่วย SAT ล้อมไว้หมดแล้ว

    อากาอิใช้ปืนติดที่เก็บเสียงยิงไปในท่อรางน้ำผน จนกระสุนเคลื่อนทะลุกระจกหน้าต่างตรงระเบียง ล่อให้คนร้ายกลัวจนลนลาน ต้องหนีไปทางประตูหน้า แต่พอเปิดออกมาก็ถูกโคนันที่มาดักรอยิงเข็มยาสลบใส่

    “แล้วก็เรื่องแม่น่ะ...” ชูคิจิกังวลเรื่องที่แม่ขาดการติดต่อไป อากาอิบอกว่าไม่ต้องห่วง คงได้เจอกันเข้าสักวัน

    จนกว่าวันที่หมอกแห่งความลับสีดำของพวกมันจะจางลง

     










    โคนันต้องปวดหัวอีกครั้งกับมุกของเซระที่วันนี้มาเนียนกว่าเดิม เพราะเขาเป็นแผลร้อนในทำให้เจ็บปากจนพูดไม่ได้ แต่ยังต้องไปงานวันเกิดของคนดังพร้อมกับรันและโซโนโกะ

    เด็กชายเปิดตลับพลาสติกเพื่อกินยาแก้ร้อนใน ในช่องนั้นมีแคปซูลสีน้ำเงินขาวอยู่เม็ดหนึ่ง เป็นยาแก้พิษ APTX4869 ที่เขาแอบเก็บเอาไว้เมื่อครั้งไปทัศนศึกษา ตอนนั้นไฮบาระให้ยาแก้พิษเขามา 3 เม็ด แต่โคนันเลือกที่จะกินแค่ 2 เม็ด เพราะคิดว่าอีกหนึ่งเม็ด เก็บเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินดีกว่า ถ้าไฮบาระรู้เข้าล่ะก็ต้องแย่แน่ๆ

    เซระเห็นท่าทางตกใจเกินผิดปกติของโคนันตอนเธอเข้าไปทัก ทำให้รู้ทันทีว่ายานั่นต้องเป็นยาคืนร่าง จึงโทรรายงานแม่ว่าจะพยายามชิงยามาให้ได้

    แมรี่วางสายก่อนจะหวนนึกถึงวันนั้นในลอนดอน ตอนที่เขารอสามีอยู่ที่สะพานวอกซ์ฮอลล์หน้าตึกสำนักงานใหญ่ของ SIS

    พออีกฝ่ายมาถึง หญิงวัยกลางคนรีบถามถึงคนที่ฆ่าฮาเนดะ โคจิ ทันที แต่ชายสวมหมวก ไว้หนวดรุงรัง กลับรู้แค่ว่าเป็นฝีมือขององค์กรขนาดใหญ่ และเขาเองก็ตกเป็นเป้าเลยพยายามหลบหนีมาตลอด

    “แล้วที่ไม่ติดต่อฉันมา 10 กว่าปีล่ะ”

    “ก่อนหน้านี้ก็บังเอิญเจอกันในเมืองแล้วคุยกันแล้วใช่เหรอ” ชายหนวดรุงรังอ้างว่าตนหัวกระแทกจนสูญเสียความทรงจำ กว่าจะนึกออกก็เร่ร่อนอยู่ในเมืองนานทีเดียว

    “ที่สำคัญ...ได้พาลูกชายมาลอนดอนด้วยหรือเปล่า”

    “เปล่า ฉันมากับลูกสาวน่ะ” แมรี่เห็นอีกฝ่ายชะงักไปแวบหนึ่ง จึงลองเชิง “แหมๆ อย่าบอกนะว่าคุณจำลูกสาวของเราที่คุณเคยอุ้มไว้ในอ้อมกอดไม่ได้แล้วน่ะ”

    “อ๋อ เด็กคนนั้น เธอเติบโตแข็งแรงดีใช่ไหม”

    คำตอบของอีกฝ่ายกระตุกหัวใจเธอให้ปวดแปลบ แมรี่ยืนนิ่ง ปล่อยน้ำตาไหลให้พรากอย่างหยุดไม่ได้ เพราะรู้แล้วว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ อากาอิ สึโตมุ สามีตัวจริงของเธอ

    แมรี่ยกปืนจ่อแสกหน้าของอีกฝ่ายทันควัน “แกเป็นใคร!? ตอนที่คุณสึโตมุกับฉันแยกกัน ลูกสาวของเรายังอยู่ในครรภ์อยู่เลยนะ!

    แทบจะทันที ชายชุดดำสวมหมวกสองคนก็เข้ามาประกบเธอแล้วยึดปืนไป ก่อนที่คนตรงหน้าจะฉีกหน้ากากซิลิโคนออก เผยให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวผมสีบลอนด์ซีดที่หยิบยาพิษออกมาขู่จะฆ่าเธอ

    เบลม็อทเฉลยว่าเธอเดินเตร็ดเตร่ในเมืองด้วยใบหน้าของสึโตมุมาสักพักแล้ว เธอจงใจปรากฏตัวให้เพื่อนร่วมงานของแมรี่เห็น และอุตส่าห์เว้นระยะห่างตั้งสามปี เพื่อให้ดูไม่บังเอิญเกินไปจนน่าสงสัย

    “ถ้าหาก อากาอิ สึโตมุ ที่น่าจะตายไปแล้ว จู่ๆ ก็กลับมา MI6 ล่ะก็...เธอที่เป็นภรรยาของเขาจะต้องจับผิดได้แน่”

    แมรี่เผยว่าเธอสั่งลูกสาวไว้แล้ว ว่าหากเธอไม่กลับไปตามกำหนดเวลา ให้แจ้งทาง MI6 ได้เลยว่า อากาอิ สึโตมุ เป็นตัวปลอม เบลม็อทจึงคิดจะปลอมตัวเป็นแมรี่เพื่อไปขัดขวางไว้ แต่แมรี่ก็เกทับอีกว่าท่าจะยากเพราะอีกฝ่ายไม่เคยรู้ว่าเธอมีลูกสาวด้วยซ้ำ คงตามหาตัวเธอไม่ได้ง่ายๆ หรอก

    “มันก็จริง แผนการแฝงตัวเข้า MI6 คงต้องเลื่อนไปก่อน” หญิงผมบลอนด์ใช้ฟันกัดแคปซูลเปิดออก “งั้นยังเหลืออีกภารกิจ...”

    พูดจบเบลม็อทก็จับใบหน้าของแมรี่มาประกบริมฝีปากเพื่อบังคับให้เธอกลืนผงยาพิษลงไป แมรี่ผละออกด้วยความเจ็บปวด คอของเธอแสบร้อนเหมือนถูกเผาไหม้

    “สงสัยจัง...ว่ารู้สึกยังไงที่ต้องจากโลกนี้ไปด้วยสิ่งประดิษฐ์ของน้องสาวตัวเองน่ะ”

    ไม่ทันได้ตอบอะไร หัวใจของแมรี่ก็กระตุกแรง เธอกรีดร้องอย่างทรมาน ความเจ็บปวดและร้อนรุ่มแผ่ขยายไปทั้งร่าง หากร่างกายนี้คือน้ำแข็ง เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังจะละลาย

    แมรี่เซล้มจนพลัดลงไปในแม่น้ำข้างล่าง เบลม็อทไม่ทันได้เห็นกับตาว่าเธอตายไปแล้ว ก็ต้องปลีกตัวออกมาเสียก่อน เพราะเริ่มมีคนแถวนั้นสนใจ เข้ามามุงดู

    เซระกำลังกระวนกระวายเพราะแม่ยังไม่กลับมาเสียที จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูตรงหน้าห้อง พอไปเปิดดูก็เจอเด็กผู้หญิงอายุราว ม.ต้น ในชุดเสื้อผ้าเปียกโชกยืนอยู่

    สาวห้าวแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่คำพูดจิกกัดกับใบหน้าแบบนี้ยังไงเด็กคนนี้ก็คือแม่แน่ๆ

    หลังจากนั้นพวกเธอก็ได้เห็นเด็กชายสวมแว่นคนหนึ่ง ในรายการเทปการแข่งขันเทนนิสที่สนามวิมเบิลดัน เด็กที่ตะโกนออกมาเป็นภาษาอังกฤษว่า

    “คุณมินอร์ว่า...ผมคือลูกศิษย์ของโฮล์มส์ครับ!

    เซระจำได้ว่าเด็กคนนั้นหน้าตาเหมือน คุโด้ ชินอิจิ ที่เคยเจอกันที่ทะเลเมื่อ 10 ปีก่อนเปี๊ยบ แถมยังพูดประโยคเดียวกันอีก แมรี่เลยให้เพื่อนร่วมงานลองสืบจนพบว่ามีชื่อของเขาในรายชื่อผู้โดยสารเครื่องบิน และเขาก็ไม่มีน้องชาย

    แสดงว่าเด็กคนนี้อาจได้รับยาตัวเดียวกันกับที่แมรี่โดนจับกรอก แต่การที่สามารถเข้าประเทศอังกฤษมาได้แบบนี้ ก็แสดงว่าต้องมียาแก้พิษที่ใช้คืนร่างเดิม

    เพราะแบบนั้นแมรี่และเซระจึงรีบเดินทางมาญี่ปุ่นเพื่อมาหาโคนัน และตามหาคนที่วิจัยยาแก้พิษนั่น แต่พอได้เจอกันจริงๆ แล้ว แมรี่ก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้ต่างไปจากเด็กชายที่เคยเจอกันเมื่อ 10 ปีก่อน

    ที่ใดมีเงามืด ที่นั่นย่อมมีปีศาจสิงอยู่

    ยิ่งกาลเวลาผ่านเลยไป ปีศาจที่ซ่อนอยู่จะยิ่งคืบคลานเข้ามาในช่องว่างของจิตใจ เธอได้แต่หวังว่าสิ่งที่ทำให้เด็กคนนั้นดูเปลี่ยนไปจะเป็นแสงสว่างมากกว่าความมืด

    เซระหาจังหวะชิงตลับใส่ยามาได้แล้ว เลยรีบโทรบอกแมรี่ แต่พอเปิดดูกลับมีเพียงความว่างเปล่า เพราะโคนันที่รู้ตัวนานแล้วแอบหยิบยาเม็ดนั้นออกมา

    สาวห้าวกัดฟันกรอด หน็อยแน่ เจ้าเด็กแสบ

    เห็นทีเธอคงต้องเริ่มต้นตามหาแสงสว่างใหม่เสียแล้ว...






























    โปรดติดตาม...










    Talk กับ ไรท์
    นี่เป็นมังงะอีกหนึ่งตอนที่ไรท์ชอบค่ะ
    ถึงจะไม่มีโมเมนต์ฟินๆ ชัดเจน
    แต่ชอบที่คุณสึบารุขัดคอเซระ
    เป็นการปกป้องไอจังไปในตัว
    (แถมเอาเชอรี่มาฝากเชอร์รี่อีกต่างหาก
    ทำไมต้องเชอรี่นะ สตรอว์เบอร์รี่ ส้มก็มี)

    ตอนนี้เป็นตอนที่เขียนยากพอควรสำหรับไรท์
    เพราะอัดแน่นไปด้วยตอนจากมังงะ
    คำนวณความยาวยากมากค่ะ ผิดคาดไปหน่อย
    ต้องพยายามคงฉากสำคัญไว้
    ไรท์เลยไม่ได้เน้นไปที่ทริค
    ในคดีเหมือนตอนก่อนๆ 
    ส่วนตอนหน้าก็เข้าเรื่องรัมแล้วนะคะ
    อีกแค่ 2 ตอนก็จะได้อ่านฉากฟินๆ
    ของคุณสึบารุกับไฮบาระเต็มคราบแล้ว
    รอหน่อยนะ เดือนกันยาเจอกันค่ะ

    <3
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×