ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Conan : Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป(ไม่)ได้

    ลำดับตอนที่ #8 : ชายผู้โกงความตาย

    • อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 66


    (09.08.21)
    นัยน์ตาสีเขียวมะกอกของชายผู้โกงความตาย



    Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้

    Parinuttha



    ตอนที่ 8 ชายผู้โกงความตาย




    “เอ๋! ส่งไปที่สำนักงานนักสืบโมริอย่างนั้นเหรอ คลิปตอนที่พวกเธอไปตั้งแคมป์กันน่ะ” ดอกเตอร์อากาสะร้องเสียงหลง หลังเพิ่งรู้จากมิตสึฮิโกะว่าเขาส่งคลิปของไฮบาระไปที่สำนักงานนักสืบ

    “ครับ พวกเราอยากจะขอบคุณผู้หญิงคนนั้นที่ช่วยเราเอาไว้น่ะครับ”

    เพราะแบบนี้ใช่ไหม ไฮบาระถึงได้รู้สึกใจคอไม่ดีมาตั้งแต่เช้า เพราะจิตสังหารสีแดงกำลังจะยกระดับเป็นสีดำ

    ทำยังไงดีล่ะเด็กหญิงนั่งกำหมัดตัวสั่น ถ้าหาก...ถ้าคนพวกนั้นจ้องเล่นงานเราแล้วขึ้นรถไฟขบวนนี้มาจริงๆ ล่ะก็ เราก็คงจะ...อยู่ที่นี่ไม่ได้

    การตัดสินใจของไฮบาระแน่ชัดขึ้น เมื่อเธอได้รับอีเมลจากเจ้าของรังสีอำมหิต เตรียมตัวเตรียมใจหรือยัง...เบลม็อท

    ไฮบาระกัดฟันแน่น ทำทีขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เมื่อสถานการณ์มันเลวร้ายมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงถึงเวลาที่เธอควรกลับไปเป็นเชอร์รี่อีกครั้ง เด็กหญิงหยิบยาแก้พิษ APTX4869 ออกมาจากตลับ ก่อนนึกถึงคำพูดของแม่ที่เคยฟังจากเทปบันทึกเสียง

    “งั้นเจอกันใหม่ในวันเกิดอายุครบ 19 ปี นะจ๊ะ บ๊ายบายจ้ะ” เด็กหญิงกำลังจะกรอเทปกลับไปฟังใหม่ แต่บังเอิญได้ยินเนื้อความที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

    “อ้อ แล้วก็อาจจะถึงเวลาที่แม่ต้องบอกให้ลูกรู้ไว้ก็ได้นะ ความจริงแล้วตอนนี้แม่กำลังปรุงยาที่น่ากลัวมากๆ อยู่ เพื่อนๆ ในแล็ปของแม่กำลังเพ้อว่ามันคือยาในฝัน พ่อกับแม่ตั้งใจกับมันมาก เรียกว่า Silver Bullet กระสุนเงิน จ้ะ แต่เพื่อปรุงยาตัวนี้ให้สำเร็จ พ่อกับแม่เลยจำเป็นต้องแยกจากลูกๆ ไป ลูกคงเข้าใจแม่นะ ชิโฮะ”

    เด็กหญิงกำยาในมือแน่น ขอโทษนะคะคุณแม่ หนูไม่รู้เลยว่าหนูไม่ควรปรุงยาแบบนี้ขึ้นมา แต่ว่าเพื่อไม่ให้ทุกคนต้องมาพัวพันด้วย วันนี้หนูคงต้องพึ่งยานี้ซะแล้ว

    เสียงของประตูที่แง้มออกตรงหน้า ทำเอาไฮบาระสะดุ้งเฮือก เด็กหญิงน้ำตาคลอเบ้า ถอยหลังชนผนัง สิ้นทางหนี เมื่อเจ้าของแรงกดดันที่ยืนอยู่เบื้องหลังประตูแห่งความตายนั้น คือผู้ชายข้างบ้านที่เธอขยาดมาตลอด โอกิยะ สึบารุ

    “หึ สมเป็นพี่น้องกันจริงๆ” สึบารุกระตุกยิ้ม “เดาได้ไม่ยากเลยว่าเธอจะทำอะไรต่อไป”

    ไฮบาระใจหายวาบ คำพูดของเขาคล้ายเป็นบทเฉลยทุกสิ่ง นอกจากยินแล้ว ก็มีไม่กี่คนที่อ่านความคิดของเธอได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้

    “เอาล่ะ คงต้องให้เธอมากับฉันล่ะนะ”

    ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม ทว่าสำหรับไฮบาระแล้ว คำเชื้อเชิญของเขาเป็นดั่งเคียวสีเงินของมัจจุราชที่เตรียมปลิดชีพให้เธอแดดิ้นต่างหาก

    ไม่ได้นะ ฉันจะถูกฆ่าในสภาพนี้ไม่ได้ เด็กหญิงพุ่งตัววิ่งผ่านเขาไป โดยมีเสียงหัวเราะเย้ยหยันแว่วมาตามหลัง

     










    โคนัน เซระและนักสืบโมริช่วยกันสืบสวนผู้ต้องสงสัยจากตู้รถไฟที่ 8 โดยการให้วิ่งตามทางเดิน เผื่อว่าพวกเขาจะเคยเห็นคนร้ายวิ่งมาก่อน สาวห้าวอาสาเอาคลิปวิดีโอที่โคนันถ่ายไว้ไปให้กลุ่มนักสืบเยาวชนดู เธอเดินผ่านหน้าห้อง C ของอามูโร่ที่แง้มประตูออกมาพร้อมกดส่งเมลในมือถือ

    ทางเดินแคบๆ มืดๆ ของตู้โดยสาร หญิงสวมหมวกปีกกว้างเดินสวนกับชายสวมหมวกสีดำที่มีแผลไฟลวก เธอเอ่ยคำพูดบางอย่างที่ถูกกลบด้วยเสียงหวูดรถไฟซึ่งลอดผ่านใต้อุโมงค์ แต่นั่นก็มีอิทธิพลมากพอจนทำให้เขาต้องหยุดกึก

    “คุณเป็นใครน่ะ” ชายหนุ่มสะดุ้งเมื่อถูกสาวห้าวจู่โจมคำถามและจ้องเขาเขม็ง

    “ฉันถามว่าคุณเป็นใครกัน!

    “หึ ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ มาสึมิ” เซระหน้าถอดสีหลังได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูของคนที่เธอรู้จักดีออกมาจากปากของเขา

    “พี่...ชู?” สาวห้าวชะงักค้าง เสียงหวูดของรถไฟดังขึ้นกลบความเงียบในใจ เมื่องูเหล็กสีดำเคลื่อนออกจากอุโมงค์ รับแสงสว่างจากด้านนอก ทำให้เธอมองเห็นใบหน้าของชายสวมหมวกดำชัดเจน ใบหน้าของคนที่เธอรู้จักดี ใบหน้าพี่ชายของเธอที่น่าจะตายไปแล้ว

    “พี่ชู...พี่ชูจริงๆ เหรอเนี่ย” เซระถามอย่างร้อนรน “แต่ว่าทำไมล่ะ พี่ชูตายไปแล้วนี่นา...ฮึก”

    ร่างของสาวห้าวทรุดฮวบลงในอ้อมแขนของชายสวมหมวก เพราะถูกเขาใช้ปืนช็อตไฟฟ้าจ่อเข้าใต้ราวนม

    “ฉันอยากได้ยินคำตอบแบบนั้นแหละ” ชายหนุ่มเหยียดยิ้มพอใจก่อนกดส่งเมล

    ตัวขัดขวางถูกกำจัดแล้ว ที่เหลืออยู่ในมือของนาย

     










    โคนันร่วมกับอามุโร่และโคโกโร่นิทราร่วมกันไขคดีจนสำเร็จ อีกด้านหนึ่ง ชายสวมหมวกดำที่หน้าตาเหมือนอากาอิได้แอบเข้าไปในห้องโดยสารแล้วถีบกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลออกนอกหน้าต่างไป หญิงสวมหมวกปีกกว้างปรากฏตัวด้วยน้ำเสียงเสียดาย ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากันอย่างคนรู้จัก

    “นี่ เลิกทำแบบนี้จะดีกว่าไหม” ชายสวมหมวกดำค่อยๆ แกะผิวหนังของตัวเองออกแล้วฉีกทิ้ง เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงภายใต้หน้ากากจอมปลอม “...ชารอน”

    หญิงผมบลอนด์นึกแปลกใจที่โคนันหันมาต่อกรกับพวกเธอแถมดึงแม่ของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงยังสงสัยเรื่องคำพูดตอนที่เดินสวนกันในอุโมงค์

    ถ้าพวกเราฉีกหน้ากากคุณได้ล่ะก็ คราวนี้คงยอมวางมือจากผู้หญิงคนนั้นนะ

    “อย่างที่ชินจังพูด ตอนนี้ไอจังเป็นคนของเราแล้ว” ยูกิโกะพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “งี่เง่าจริงๆ คิดเหรอว่าเธอจะทำอะไรได้” เบลม็อทยิ้มเยาะ

    “รู้หรือเปล่า ว่าตอนนี้ทีมของชินจังน่ะ นำเธออยู่ก้าวหนึ่งแล้วนะ” อดีตดาราสาวขยิบตา “เด็กผู้หญิงที่ชื่อเซระที่หมดสติอยู่ที่ห้องของเธอ เอากลับไปนอนที่ห้องของเขาเรียบร้อยแล้วล่ะนะ”

    เบลม็อทเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำงานเร็วดีนี่ หรือว่าเธอยังมีผู้ช่วยคนอื่นอยู่สินะ”

    “นั่นสินะ ทางเราอาจจะยังมีแขกพิเศษร่วมด้วยก็ได้”

    เสียงหวูดรถไฟดังขึ้นอีกครั้งยามขบวนเคลื่อนผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ ในห้องโดยสารส่วนตัว สึบารุค่อยๆ วางร่างของเซระให้นอนลงบนโซฟาอย่างนุ่มนวล ชายหนุ่มยืนมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนหันหลังเดินไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของเธอละเมอพึมพำออกมา

    “พี่...พี่ชู”

    ชายหนุ่มเหลียวมองพลางยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องสู่เส้นทางดำมืดที่เขาต้องขับไล่เงาทมิฬนั่นให้หมดไป

     










    “แต่หนทางที่เธอจะชนะน่ะ...”

    “มีเยอะเลยล่ะ” ยูกิโกะขัดขึ้น “เพราะชินจังน่ะ จับจุดอ่อนของชารอนได้แล้วนะ รู้ไหม”

    หญิงผมบลอนด์หรี่ตาลง ทำเป็นคาดเดา ทั้งที่ในใจลึกๆ มีคำตอบหนึ่งผุดขึ้นมาชัดเจน “หรือว่าเพราะเธอเป็นเพื่อนฉัน ก็เลยคิดว่าฉันจะไม่กล้าลงมืองั้นเหรอ”

    “พรรคพวกของชารอนยังไม่รู้ล่ะมั้ง เรื่องที่ชินจังกินยาแล้วกลายร่างเป็นเด็กน่ะ” เบลม็อทสะอึกเมื่อถูกพูดจี้ใจดำ “เพราะถ้าพุ่งเป้ามาสืบที่เด็กประถมล่ะก็ ไม่นานคงหาเจออยู่แล้ว”

    “ชินจังบอกฉันว่าเธอต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ต้องปิดบังเรื่องยาที่ทำให้กลายเป็นเด็กใช่ไหมล่ะ” ยูกิโกะร่ายต่อ ทั้งเรื่องของ อิตาคุระ ช่างทำกราฟิกที่ไม่ค่อยจะลงรอยกับชารอน มีเหตุผลสำคัญอะไรนักหนาที่เธอถึงกับยอมแอบไปติดต่อกับเขาเพื่อขอให้เขาทำโปรแกรมลับให้

    “ยูกิโกะ พอแค่นั้นเถอะ ถอนตัวออกไปจากเรื่องนี้ซะ” เบลม็อทโมโห ชักปืนขึ้นมาขู่ “ฉันน่ะ อ่านแผนการงี่เง่าของเธอออกหมดแล้วล่ะนะ”

    เธอคาดการณ์ว่าหากเชอร์รี่รู้ว่าบนรถไฟขบวนนี้มีคนขององค์กรขึ้นมาด้วย คงจะเลือกกินยาแก้พิษเพื่อกลับคืนร่างเดิม เพราะถ้าตายทั้งๆ ที่อยู่ในร่างเด็กประถม พวกเพื่อนๆ คงร้องไห้กันใหญ่โต แต่ถ้าตายในร่างเดิม สำหรับพวกเด็กๆ ก็เป็นเพียงแค่ศพของผู้หญิงที่เคยเจอแค่ครั้งเดียว ทำแบบนั้นจะเป็นการปกป้องเพื่อนเด็กๆ ไว้จากองค์กรได้

    “แม้ว่าลูกชายของเธอกับ ดร.อากาสะ จะไม่เห็นด้วย แต่พวกเขาก็คงไม่กล้าบอกใครว่าศพนั่นคือร่างเดิมของเธอก่อนที่จะกลายเป็นเด็กไงล่ะ”

    ใช่ อย่างที่ยินบอก เมื่อนายพรานไล่ต้อนกวางน้อยจนถึงปากเหวแล้ว แม่กวางน้อยก็จะเป็นฝ่ายหันปากกระบอกปืนใส่ตัวเอง

    เบลม็อทจับไต๋ได้ว่าโคนันก็คงอ่านออกเหมือนกัน เลยขอให้แม่อย่างยูกิโกะปลอมตัวเป็นเชอร์รี่และแอบสลับตัวกัน แกล้งทำเป็นว่าถูกฆ่าตาย เพื่อให้ไฮบาระหนีรอดไปได้ แต่การที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในห้องของยูกิโกะก็แสดงว่ายังไม่ได้ตัวเธอมา แถมตอนนี้อุปกรณ์ปลอมตัวก็ถูกทำลายไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก

    “แต่ว่าชารอนก็ยังหาตัวเด็กคนนั้นไม่เจอ โอกาสก็ยังมี 50:50 นะ” ยูกิโกะเผลอติดคำพูดจากใครบางคนมาใช้

    “ไม่มีปัญหา...วิธีที่จะทำให้ยัยนั่นเผยตัวออกมาน่ะ ฉันเตรียมไว้แล้ว”

    เบลม็อทกดสั่งระบบระเบิดควันที่แอบเอาไปติดตั้งไว้ตามห้องต่างๆ คนอย่างเชอร์รี่น่ะ ถ้ารู้ว่าขบวนรถเกิดไฟไหม้ ไม่มีทางที่เธอจะหนีไปรวมกับกลุ่มคนหรอก แม่กวางน้อยนั่นคงเลือกหนีออกมาทางที่ไม่มีคน นั่นคือทางต้นกำเนิดเพลิงมากกว่า เธอเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว...เป็นผู้หญิงงี่เง่าที่ยอมเจ็บปวด แต่จะไม่ยอมให้ใครต้องมารับเคราะห์ด้วย

     










    รถไฟตู้ที่เจ็ดปกคลุมไปด้วยควันโขมง เพราะที่นั่นเป็นต้นกำเนิดควันที่เบลม็อทติดตั้งอุปกรณ์เอาไว้ ตู้โดยสารทั้งเจ็ดห้องว่างเปล่า มีเพียงศพของชายที่ถูกยิง กับหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีพลัมที่เดินสำลักเข้ามาตามทางเดิน

    “สมแล้วที่เป็นลูกสาวของเฮลแองเจิล...เหมือนกันมากเลยทีเดียว” เสียงทุ้มของชายหนุ่มผมบลอนด์ที่ลอยมาจากด้านหลังเรียกเชอร์รี่ให้หันมอง

    “ยินดีที่ได้รู้จัก” ใบหน้าของเขาค่อยๆ เด่นชัดขึ้น ท่ามกลางกลุ่มควันที่จางลง “เบอร์เบิ้น คือโค้ดเนมของผม”

    “เบอร์เบิ้น โค้ดเนมนี้ จำได้บ้างไหมล่ะครับ” ชายหนุ่มหยั่งเชิงถาม “ผมเคยเจอครอบครัวของคุณมาบ้างแล้วล่ะครับ”

    “อ๋อ รู้จักสิ สมาชิกขององค์กรที่เป็นคู่ปรับของ โมโรโบชิ ได คนรักของพี่สาวฉัน... พี่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่าพวกคุณสองคนเกลียดกันมากเลยนี่” หญิงสาวตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย

    “ครับ เขาเป็นสุนัขรับใช้ของเอฟบีไออย่างที่ผมสงสัยจริงๆ อะนะ” เบอร์เบิ้นอธิบาย “ตอนที่ได้ข่าวว่าถูกฆ่าตายหลังจากทรยศองค์กร ผมยังเชื่อไม่ลงเลย ผมก็เลยปลอมตัวเป็นเขา ไปโผล่ใกล้ๆ คนรอบตัวของเขาพักใหญ่ เพื่อดูปฏิกิริยา มันก็เลยทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นตายไปแล้วจริงๆ”

    เบอร์เบิ้นนึกถึงแผนการที่เขาทำร่วมกับเบลม็อทมาเกือบเดือน ทั้งตอนคดีโจรปล้นธนาคาร วางระเบิดห้างเบกะ และอีกหลายๆ สถานที่ที่เขาไปมา หลังได้รับอนุญาตจากท่านผู้นั้นแล้ว เขาก็ให้เบลม็อทช่วยปลอมตัวเขาเป็น อากาอิ ชูอิจิ ไปโผล่ตามที่ต่างๆ ส่วนวันนี้เบลม็อทก็ปลอมเป็นอากาอิแทนเขา

    “ที่คุณมาอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่าความกลัวที่มอบให้คุณมันได้ผลมากสินะ” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่สีหน้าของเธอเรียบเฉยเหลือเกิน จนเขาต้องตัดบทเข้าเรื่อง

    “เอาล่ะ ยกมือขึ้นแล้วก็ไปด้วยกันเถอะ ไปที่ตู้เก็บของหลังตู้ที่แปดน่ะ” หญิงสาวยกมือขึ้นแล้วเดินนำเขาที่เอาปืนจี้หลังไปอย่างว่าง่าย

    “เปิดประตูบานนั้นแล้วเข้าไป” เชอร์รี่เดินเข้าไปในตู้เก็บของตามคำสั่ง

    “ไม่ต้องห่วงครับ ผมตั้งใจจะจับคุณส่งองค์กรแบบเป็นๆ” ชายหนุ่มยังคงรับรอง ก่อนจะวางระเบิดไว้ตรงส่วนข้อต่อของโบกี้เก็บของ

    “ระเบิดจะทำลายแต่ส่วนเชื่อมต่อและตัดขาดเฉพาะตู้สัมภาระออกไป และเมื่อมันหยุดนิ่ง พวกของเราจะมารับตัวคุณไปเอง ในระหว่างนั้นผมคงต้องทำให้คุณหมดสติซะก่อนนะครับ” หญิงสาวเหลือบมอง เมื่อสังเกตเห็นบางอย่างใต้ผ้าคลุม บนชั้นวางของที่อยู่ตรงด้านซ้ายของเธอ

    “อ๋อ ไม่ต้องกังวลนะครับ จุดที่คุณหมดสติจะอยู่ห่างจากแรงระเบิด เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะโดนแรงระเบิดไปด้วยนะครับ”

    “จะไม่ให้กังวลได้ยังไงล่ะ” เธอว่าก่อนจะเปิดผ้าคลุมออก “ก็ข้างในตู้สัมภาระเนี่ย มันมีแต่ระเบิดทั้งนั้นเลย สงสัยจะไม่ได้เป็นไปตามที่ซ้อมไว้แล้วล่ะมั้ง”

    เบอร์เบิ้นตะลึงกับระเบิดจำนวนมากที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ เข้าใจแล้ว...เบลม็อทต้องการให้ผู้หญิงคนนี้ตายสถานเดียวเท่านั้น

    “ช่วยไม่ได้ งั้นคุณต้องมากับผมแล้วล่ะครับ” ชายหนุ่มหาทางออกอื่น

    “เสียใจด้วย ฉันขอปฏิเสธ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยิ่งทระนงแล้วปิดประตูตู้สัมภาระ

    “หึ คุณนี่รับมือยากอย่างที่เขาว่าจริงๆ ด้วย” ชายหนุ่มยิ้มเยาะ “งั้นคงต้องขอใช้ความรุนแรงกับคุณแล้วล่ะนะ”

    แต่ก่อนจะทันใช้วิธีที่ว่า เบอร์เบิ้นก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านหลัง เขาหันไปมอง เห็นเงาของใครบางที่สวมหมวกกำลังยืนอยู่

    “เบลม็อทเหรอ ขอโทษด้วย ผมต้องขอพาผู้หญิงคนนั้นไป อ๊ะ...” พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องสะดุด เมื่อใครคนนั้นโยนบางสิ่งมา “ระเบิดมือ!

    “ใครน่ะ แกเป็นใคร” บุคคลนิรนามปิดประตูลงพร้อมเผยแววตาพึงพอใจซึ่งมองเห็นได้เลือนรางผ่านม่านควันขุ่นมัว

    หลังจากนั้นแทบจะทันที เสียงระเบิดก็ดังสนั่นขึ้น ตัดขาดตู้สัมภาระท้ายตู้แปดออกจากขบวนรถ และไม่นานตู้ที่จอดค้างอยู่กลางสะพานก็ระเบิดเป็นจุล

     










    รถด่วนสีดำจำเป็นต้องจอดเทียบชานชาลาที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้ผู้โดยสารมากหน้าหลายตาทยอยลงมาจากขบวนรถ

    “ฆ่าเชอร์รี่ได้แล้วเหรอ จริงเหรอ เบลม็อท?” แม้จะเป็นการยืนยันจากปลายสาย แต่ยินยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เทียบกันแล้ว เรื่องที่อากาอิตายยังน่าเชื่อกว่าเสียอีก

    “อ้อ จริงสิ เบอร์เบิ้นก็เห็นตอนตู้สัมภาระระเบิดด้วยนี่” รถไฟจึงต้องจอดสถานีที่ใกล้ที่สุดและให้ผู้โดยสารลงไปให้ปากคำ ยินเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว เพราะแบบนี้ถึงได้ใช้ระเบิดสินะ เพราะถ้าเกิดเหตุระเบิดขึ้น รถไฟจะต้องหยุดวิ่งให้เร็วที่สุด

    “ใช่ คนที่ต้องแหลกน่ะ แค่เชอร์รี่ก็พอแล้วนี่นา” หญิงผมบลอนด์ว่าก่อนจะกดวางสาย

    “แต่ว่าน่าตกใจจริงๆ นะครับ...” เสียงของมิตสึฮิโกะแว่วมาแต่ไกล “ที่คุณไฮบาระไปอยู่ในตู้ที่เจ็ดห้องบีน่ะ”

    เบลม็อทตกใจ เมื่อสังเกตเห็นดอกเตอร์อากาสะแบกไฮบาระที่นอนหลับอยู่บนแผ่นหลังและสวมหมวกไว้ กำลังเดินผ่านไปพร้อมกับพวกเด็กๆ

    “ห้องนั้นว่างเพราะคุณลุงคนนั้นตายไปแล้วสินะ”

    “เห็นบอกว่าตอนกลับจากห้องน้ำ รู้สึกมึนหัวเลยเข้าไปพักน่ะ”

    “นี่ๆ เงียบๆ หน่อย เขาเพลียมาก ยังหลับอยู่เลย” ดอกเตอร์ปรามเด็กๆ

    เบลม็อทค่อยๆ เรียบเรียงข้อมูลอีกครั้ง จริงสิ ถ้าจะหนีไปซ่อน ห้องนั้นก็เหมาะที่สุด ยูกิโกะเลยไปคุ้มครองเอาไว้สินะ งั้นโทรศัพท์ของพ่อยอดนักสืบตอนนั้นล่ะ เป็นแผนลวงหรือไง แต่ว่าใครกัน...ผู้หญิงที่ถูกระเบิดตายต่อหน้าเบอร์เบิ้นคนนั้นน่ะ

    หรือว่าเขาจะมีผู้ให้ความร่วมมือด้วยจริงๆ

    เธอยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนได้ยินแว่วมาจากโซโนโกะว่าเพราะเหตุระเบิดครั้งนี้ จอมโจรคิดเลยไม่มา อย่าบอกนะว่า...

    ก่อนหน้านี้โคนันจับได้ว่าคุณยายกับผู้ช่วยเป็นพวกจอมโจรคิด จึงขอให้ไปวิ่งบนทางเดินเพื่อทดสอบ และขอให้คิดปลอมตัวเป็นเชอร์รี่ ส่วนข้อมูลจะให้ไฮบาระที่อยู่อีกห้องหนึ่งเป็นคนถ่ายทอดผ่านหูฟัง

    แบบนี้นี่เองขณะที่เบลม็อทเพิ่งจับต้นชนปลายได้ เบอร์เบิ้นก็เดินเข้ามากระซิบกระซาบ

    “ข้อมูลก่อนและหลังการตายของอากาอิ ผมขอดูอีกครั้งได้ไหมครับ”

    “ได้สิ”

    สงสัยว่าต้องตรวจสอบใหม่ตั้งแต่ต้นซะแล้วล่ะชายหนุ่มคิดในใจ

    สึบารุมองตามหลังอีกาสองตัวที่แยกกันไป ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นดันแว่นแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก ใต้เลนส์โปร่งใสที่ประกายวับ ปรากฏนัยน์ตาที่แท้จริงของเขา นัยน์ตาสีเขียวมะกอกดุจพลอยเพริดอตของชายผู้โกงความตายจากเหล่ายมทูต!

     










    เช้าวันถัดมาที่บ้านดอกเตอร์อากาสะ เด็กหญิงผมน้ำตาลแดงกำลังโวยวายลั่น เฉ่งเด็กชายสวมแว่นจนหูชา

    “ทำไมนายถึงไม่บอกแผนให้ฉันรู้ล่วงหน้าเลย หา!?

    “เอ่อ คือว่า...”

    “ฉันตกใจนะ พอฉันวิ่งไม่คิดชีวิตไปที่ตู้เจ็ดห้องบี แล้วก็เจอแม่ของนายรออยู่ในห้อง แล้วเธอก็บอกว่าจะจัดการเอง แถมยังไม่บอกอะไรฉันเลย” เด็กหญิงระบายยาวเหยียด “หลังจากนั้นนายก็พรวดพราดเข้ามาในห้องแล้วยัดมือถือให้ฉัน”

    “จอมโจรคิดจะปลอมตัวเป็นเธอไปพบกับชายชุดดำแทน เพราะงั้นเธอต้องคอยบอกเขาว่าต้องพูดอะไรบ้าง” ตอนนั้นโคนันบอกกับเธออย่างรีบร้อน

    “ฉันเองก็ไม่ชัวร์จนถึงตอนที่แม่ฉันส่งเมลมาบอกว่าเบลม็อทอยู่บนรถไฟขบวนนี้แหละ” โคนันบอกเหตุผล

    “คุณสึบารุเขาแฮ็กเข้าไปในโทรศัพท์เธอ แล้วเห็นเมลที่เบลม็อทส่งมา เขาคิดว่ามันอันตรายแน่ๆ ก็เลยออกตามหาเธอไง” เด็กชายอธิบาย

    แฮ็กกิงเหรอ?

    “แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเลย โชคดีมากเลยนะที่เธอเข้าไปอยู่ในห้องบีตู้เจ็ดพอดีเลย” เขาว่าต่อด้วยสีหน้าเจื่อนๆ

    “แล้วตกลง นายสึบารุนี่ เขาเป็นใครกันแน่” ไฮบาระเท้าสะเอวถามอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วทำไมเขาถึงอยู่กับแม่นายที่บ้านของนายได้ล่ะ”

    “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เขาอยู่ข้างเราน่ะ นอกจากนี้แม่จะมาแค่วันหยุดพิเศษๆ เท่านั้นแหละ” โคนันเลี่ยงคำตอบยิ้มๆ

    แต่ว่าเรื่องสำคัญตอนนี้คือพวกเขารู้แล้วว่า อามุโร่ โทโอรุ คือ เบอร์เบิ้น หรือถ้าโชคดีเขาอาจจะคิดว่าเชอร์รี่ถูกระเบิดตายไปแล้วก็ได้

    เด็กหญิงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “ยังไงก็เถอะ ถ้านายทำอะไรแล้วไม่บอกฉันอีก ฉันจะไม่ยกโทษให้ ฉันไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องเล่นตามโดยที่ไม่รู้อะไรเลย”

    “อ๋อ นั่นน่ะ ใช่วิธีการพูดขอบคุณในแบบของเธอหรือเปล่า”

    “หึย อย่ามางี่เง่านะยะ” เด็กหญิงตวาดด้วยสีหน้าแดงเรื่อ ก่อนจะฮึดฮัดเดินออกไปทันที

    “เอาน่า ไอจังน่ะเป็นพวกซึนเดเระนิดๆ น่ะ” ดอกเตอร์อากาสะกระซิบปลอบใจ

    “หึ ตรงไหนล่ะที่เดเระน่ะ” โคนันมองตามหลังเด็กหญิงที่เดินลงบันไดลงไป

    ไฮบาระลงไปยังห้องนอนในชั้นใต้ดิน เด็กหญิงทอดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ ก่อนจะคิดทบทวนทุกอย่างอีกครั้ง เพราะมีหลายอย่างยังคาใจ โดยเฉพาะสิ่งที่เบอร์เบิ้นพูด ตอนที่เธอบอกข้อมูลของไรย์ให้จอมโจรคิดฟังผ่านทางโทรศัพท์ ตอนนั้นเธอมั่นใจว่าได้ยินไม่ผิด โมโรโบชิ ได คนนั้น...ตายไปแล้ว

    ตายไปแล้วจริงๆ น่ะเหรอ คนอย่างเขาเนี่ยนะ

    ถ้าอย่างนั้น โอกิยะ สึบารุ คือใครกันแน่ ทำไมถึงได้มีกลิ่นอายของคนคนนั้นอยู่

    “ไรย์ เป็นสุนัขรับใช้ของเอฟบีไอ” ยินเองก็เคยพูดแบบนั้น

    “เขาไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้ว” ไฮบาระฉุกนึกถึงสมัยที่เธอยังอยู่ในองค์กร

    “ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ ในเมื่อพี่สาวเธอ...เป็นคนพามันเข้ามา” เพียงประโยคเดียวของยินก็ทำเอาหญิงสาวใจหายวาบ

    “ถ้าไม่อยากให้พี่สาวเธอเดือดร้อนล่ะก็ คงรู้สินะ ว่าต้องทำยังไง”

    ไฮบาระกอดตัวเองแน่น เมื่อความทรงจำที่เธออยากจะลืมที่สุดหวนคืนอีกครั้ง น้ำเสียง สายตา และสัมผัสเย็นเยียบ มันคือความทรมานอย่างถึงที่สุด แต่นั่นคงเทียบไม่ได้กับการตายของพี่ ก่อนจากไปพี่จะรู้สึกว้าเหว่แค่ไหนกัน แค่คิดหัวใจก็ร้าวรานไปหมด ความเจ็บปวดจากการสูญเสียนั้น ไม่อยาก...ไม่อยากเจออีกแล้ว ถ้าหากว่าไม่ต้องเจออีกก็คงจะดี































    โปรดติดตาม...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×