คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ลางสังหรณ์สีดำ
Akai x Shiho #Impossible Love รักที่เป็นไป (ไม่) ได้
Parinuttha
ตอนที่ 7 ลางสังหรณ์สีดำ
กิจกรรมตั้งแคมป์สุดสัปดาห์ของกลุ่มนักสืบเยาวชนเวียนมาอีกหน คราวนี้ดอกเตอร์ขับรถเต่าพาเด็กๆ ไปไกลถึงจังหวัดกุนมะ อายูมิ เก็นตะ มิตสึฮิโกะกำลังเจื้อยแจ้ว ตื่นเต้นกับพาสริง แหวนที่เป็นเหมือนบัตรผ่านของรถไฟขบวนพิเศษจากกลุ่มบริษัทซึซึกิ ในชื่อ ‘มิสทรีเทรน’ รถจักรไอน้ำลึกลับที่ไม่ระบุปลายทาง ทั้งยังมีกิจกรรมปริศนาให้เล่นระหว่างเดินทาง
“ให้ตายสิ ถอดดีกว่านะ” โคนันบ่นอุบ หลังเห็นทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ไฮบาระ เอาแหวนออกมาใส่ถ่ายรูปอวดกัน ทั้งที่ตารางเดินทางมันตั้งอาทิตย์หน้า
“ถ้าหายไปล่ะก็ มันจะ...ฮัดเช้ย!” เด็กชายจามออกมาเสียงดัง ก่อนจะเอานิ้วชี้อังจมูก
“โคนันคุง เป็นหวัดเหรอ” อายูมิซึ่งนั่งอยู่ฝั่งซ้ายของเขาถามอย่างเป็นห่วง
“อา...เมื่อคืนคุณลุงโมริไอทั้งคืนเลย สงสัยจะติดมาน่ะ” กรรมของเขาที่ต้องนอนกับลุงโมริเกือบทุกวัน เพราะสำนักงานนักสืบไม่มีห้องเหลือพอสำหรับ ‘กาฝาก’ อย่างเขาไงล่ะ
“นี่นาย ใส่หน้ากากไว้สิ” ไฮบาระเตือนแกมดุ
“แหะๆ มันไม่มีน่ะ”
“จริงๆ เล้ย... เดี๋ยวฉันเอายาให้” เด็กหญิงเปิดกระเป๋าเป้ที่กอดเอาไว้ “กินยาแล้วก็พักผ่อนเยอะๆ ล่ะ”
ขณะที่ไฮบาระกำลังเลือกยาจากตลับพลาสติก โคนันก็สังเกตเห็นแคปซูลยาคุ้นตา แคปซูลสีขาวครึ่งแดงครึ่งนั่น... เด็กชายถือวิสาสะหยิบแคปซูลเม็ดหนึ่งขึ้นมาดูด้วยความสงสัย
“เฮ้ย นี่มัน หรือจะเป็น...” ยังไม่ทันได้คำตอบ ไฮบาระก็รีบฉวยคืนเสียก่อน
“เอ้า นี่ยาแก้หวัด” เด็กหญิงหยิบยาเม็ดสีขาวให้เด็กชายข้างกาย ก่อนจะรูดซิปแล้วกอดกระเป๋าเอาไว้แน่น ก็ท่าทางของเขาดูเหมือนพร้อมจะจ้องแย่งยาจากเธอไปทุกเมื่อขนาดนั้น
โคนันยังไม่หายข้องใจ กระซิบถาม “นี่ หรือว่ายานั่นจะเป็น...”
“ใช่ ยาแก้พิษ APTX4869 ไงล่ะ ฉันพกติดตัวเผื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉินน่ะ” ไฮบาระจำเป็นต้องบอกตามความจริงอย่างช่วยไม่ได้ และก็เป็นไปตามที่คิด เมื่อพ่อยอดนักสืบจอมอวดดียิ้มแป้น พร้อมแบมือออกมาทันที
“งั้นก็ช่วยแบ่งให้ฉันพกไว้ใช้ยามฉุกเฉินมั่งดิ นะ”
“ไม่-ให้” เด็กหญิงเน้นเสียงเข้ม “ยิ่งเป็นนักสืบเลิฟคอมเมดี ที่นึกอยากจะตัวใหญ่ที่ไหนก็ได้ ยิ่งให้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ช่างเถอะน่า ส่งมาเถอะน่า” โคนันไม่สนใจคำพูดเหน็บแนมของเธอ คว้าสายกระเป๋าเป้กะจะแย่งเอาดื้อๆ
“นี่! ฮื้อ...” เด็กหญิงร้องอย่างขัดใจ
“เธอเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกน่า” โคนันพยายามยื้อแย่ง ไฮบาระทำท่าจะสู้แรงของเขาไม่ไหว จึงต้องหาทางเอาตัวรอด แกล้งตะโกนออกมาลั่น
“อ๊า! ทะลึ่งง่ะ”
การร้องตะโกนเพียงคำเดียวของไฮบาระช่างมีอานุภาพจนทุกคนหันมามอง โคนันชะงักอึ้ง เหวอไปชั่วขณะ จากนั้นอายูมิและมิตสึฮิโกะซึ่งนั่งถัดออกไปก็พากันหันมาเอ็ด
“ทำอะไรกันน่ะครับ”
“รังแกเด็กผู้หญิงไม่ดีเลยนะ”
“ปะ เปล่านะ ฉันต่างหากล่ะที่เป็นฝ่ายถูกเขารังแกน่ะ” โคนันได้แต่แก้ตัวเสียงอ่อยๆ จากข้อหาที่ถูกยัดเยียดให้ กลายเป็นเด็กทะลึ่งลามกไปเสียแล้ว
“ฮ้าว...” ไฮบาระทำทีป้องปากหาวหวอด ปล่อยให้พ่อยอดนักสืบกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ
‘ฮึ้ย หน็อยแน่ ยัยนี่...’
กลุ่มนักสืบเยาวชนมาถึงที่ตั้งแคมป์ในช่วงบ่ายคล้อย เด็กๆ แบ่งหน้าที่กันกางเต็นท์และหุงหาอาหาร แต่ดอกเตอร์อากาสะกลับลืมเอาหม้อสนามมา เลยอาสาออกไปซื้อที่ร้านขายอุปกรณ์ตั้งแคมป์ใกล้ๆ นี้ ด้วยกันกับโคนัน ขณะกำลังเลือกซื้อของก็ต้องตกใจ เมื่อจู่ๆ คนที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ก็โผล่มา
“เซระ...อะ พี่เซระ” สาวห้าวขับมอเตอร์ไซค์ตามรถเต่าสีเหลืองของดอกเตอร์มาไกลถึงกุนมะ โดยอ้างว่าอยากมาชมถนนสายไฮเดรนเยียที่กำลังบานในช่วงนี้ ทั้งยังทำท่าเหมือนจะขอมาตั้งแคมป์ด้วยซะอย่างนั้น
ทางด้านกลุ่มนักสืบเยาวชนที่กำลังช่วยกันกางเต็นท์อย่างแข็งขัน มีไฮบาระช่วยพูดเร่งทุกคนให้รีบลงมือ “รีบๆ กางเต็นท์ให้เสร็จสิ แล้วก็รีบไปเก็บฟืนมาหุงข้าวด้วย”
“อ๊า!” เก็นตะร้องลั่น เมื่อสังเกตเห็นว่าคุณลุงคนหนึ่งเอาเก้าอี้พับเข้ามาวางในเขตที่ขีดเส้นเอาไว้ “เดี๋ยวๆๆ นี่ คุณลุง จากตรงนี้ไปเป็นเขตของพวกเรานะ อย่าล้ำเส้นเข้ามาสิครับ”
“นี่ เก็นตะคุง ที่ตั้งแคมป์เป็นของทุกคนนะ ใช้ด้วยกันเถอะ” เก็นตะรู้สึกตัวจากคำเตือนของอายูมิ
แต่นั่นก็ทำให้ไฮบาระซึ่งยืนมองอยู่ เผลอคิดเชื่อมโยงถึงคำพูดของใครบางคน...
‘จากตรงนี้เป็นต้นไป มันเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่ใช่พื้นที่ของเธอ’
เขาหมายถึงอะไรกันแน่ เป็นการปรามไม่ให้เธอไปยุ่ง ให้อยู่เฉยๆ งั้นเหรอ หรือจะบอกให้อยู่ในที่ของตัวเอง อย่ามาวุ่นวายกันแน่
หลังกางเต็นท์กันเสร็จ ไฮบาระก็นำกลุ่มนักสืบเยาวชนออกไปเก็บฟืนในป่าไม่ไกลนัก กิ่งฟืนแห้งๆ เกลื่อนเต็มพื้นแถวป้ายระวังงู เพียงพอสำหรับใช้หุงหาอาหารในวันนี้แล้ว แต่ก่อนจะได้กลับออกไป เก็นตะก็บังเอิญได้ยินเสียงขุดหลุมเสียก่อน พวกเด็กๆ คิดว่าบางทีอาจจะเป็นเสียงคนขุดหลุมหาสมบัติ เลยรีบวิ่งไปดู กลับพบว่าในหลุมนั้นคือศพของผู้หญิงนอนตายโชกเลือดอยู่ในถุงนอน
“หนีเร็ว!” ไฮบาระร้องบอกเพื่อนๆ
กลุ่มนักสืบเยาวชนพากันวิ่งหนีจากคนร้าย ระหว่างทางไฮบาระพยายามโทรหาโคนันแต่ติดต่อไม่ได้ อาจเพราะอยู่นอกเขตสัญญาณหรือแบตหมด เด็กๆ จึงต้องวิ่งหนีไปเรื่อยๆ จนอายูมิสะดุดล้ม วิ่งต่อไม่ไหว มิตสึฮิโกะเลยเสนอให้เข้าไปซ่อนตัวในกระท่อมที่อยู่ใกล้ๆ แต่นั่นก็ไม่อาจรอดสายตาคนร้ายไปได้
โคนันกลับมาถึงที่ตั้งแคมป์ก็ไม่เจอใครสักคน จึงออกไปตามหาในป่าด้วยกันกับดอกเตอร์อากาสะและเซระ ตรงใกล้ป้ายระวังงูมีกองฟืนสี่กองเรียงกันแถมมีแหวนพาสริงตกอยู่ เช่นเดียวกันกับเซระที่สังเกตเห็นตำรวจอยู่ไม่ไกลเลยเข้าไปดู ก็เจอเข้ากับตำรวจท้องที่ จาก สน. กุนมะ บอกว่าได้รับแจ้งว่าแถวป้ายระวังงูมีคนกำลังฝังศพผู้หญิง และกำลังถูกคนร้ายตามล่า ส่วนคนที่โทรแจ้งก็เป็นผู้หญิง ทำให้โคนันเดาได้ทันทีว่านั่นต้องเป็นไฮบาระแน่ๆ
ในกระท่อมไม้มืดๆ กลางป่า ที่เด็กๆ เข้าไปซ่อน ไฮบาระสังเกตเห็นกระเป๋าเป้สองใบวางอยู่ข้างกัน คิดว่าน่าจะเคยมีคนมาแล้ว แถมยังเป็นคู่ชายหญิงเสียด้วย มิตสึฮิโกะเดินดูรอบๆ แต่แล้วก็ลื่นล้ม พอส่องไฟฉายดูก็พบว่าพื้นนองไปด้วยเลือดและมีขวานปักอยู่ แสดงว่าที่นี่คือสถานที่ฆาตกรรม!
กลุ่มนักสืบเยาวชนกำลังจะออกไป แต่คนร้ายก็มาถึงเสียก่อนและพยายามพังประตูเข้ามา ทว่าประตูก็หนาแน่นเกินกว่าจะพังได้ด้วยแรงมนุษย์เพียงอย่างเดียว โชคยังเข้าข้างคนร้ายเพราะเขาเห็นโซ่คล้องประตู...เสียงพังประตูเงียบไปแล้ว ไฮบาระเลยพอวางใจได้ แต่เท่านี้ก็รู้แล้วว่าคนร้ายคือเจ้าของเป้สีดำใบนี้ เขาคงพาผู้หญิงที่ถูกฝังเมื่อกี้มาฆ่าที่นี่
“แต่ว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะทางเข้ามีแค่ทางเดียว เรารออยู่เฉยๆ ให้คนมาช่วยก็พอแล้ว” เด็กหญิงหวังอย่างยิ่งว่าคนที่มาจะเป็นเขา เอโดงาวะ โคนันคุง
“ไอจัง เธอตัวสั่นนะ” อายูมิทักขึ้น เมื่อเห็นเหงื่อของอีกฝ่ายผุดพราย
“ฉันหนาวนิดหน่อยน่ะ คงจะติดหวัดมาจากเอโดงาวะคุงนั่นแหละ” ไฮบาระตอบยิ้มๆ ให้เพื่อนสบายใจ ทั้งที่อาการของเธอตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก
สารวัตรยามามูระมาถึงที่เกิดเหตุ แต่คนที่พึ่งพาได้กลับเป็นเซระและโคนันมากกว่า เด็กชายสันนิษฐานว่าศพนั่นน่าจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กในเนิร์สเซอรี เพราะหัวเข่าด้านและต้นคอคล้ำ แถมผมก็พองเพราะปกติมักมัดแกละและพาเด็กๆ ออกไปตากแดดเดินเล่นบ่อยๆ
ส่วนเบาะแสของคนร้ายคือรอยรองเท้าขนาด 26 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีมือที่ทำท่าแปลกๆ ของศพผู้หญิง บางทีอาจจะเป็นไดอิงแมสเซจ ตำรวจออกค้นหาทั่วป่าจนได้ผู้ต้องสงสัยสามคน เท่านี้เงื่อนไขก็ครบแล้ว
กระท่อมในป่าเงียบสงัดและไม่ได้ยินเสียงอะไรจากข้างนอกมาสักพักแล้ว เก็นตะเลยกะจะแง้มดูสักหน่อย ไฮบาระรีบร้องห้าม เพราะยังวางใจไม่ได้ บางทีคนร้ายอาจทำเพื่อให้เราตายใจ
“เดี๋ยวก่อน โคจิมะคุง แค่กๆๆ”
“เป็นอะไรไหม ไอจัง” อายูมิประคองไฮบาระที่ทรุดลงด้วยความเป็นห่วง “หวา เหงื่อออกเยอะแยะเลย”
“ฉันไม่เป็นไร รีบห้ามโคจิมะคุงเถอะ” สายไป เมื่อเด็กชายอ้วนแง้มประตูออกเสียแล้ว เขาส่องดู ด้านนอกไม่มีคนร้ายอยู่ แต่ก็ต้องใจเสียเพราะประตูถูกโซ่คล้องเอาไว้จากด้านนอก
ทุกคนเริ่มได้กลิ่นไหม้ๆ จากไฟที่กำลังโหมกระท่อมอยู่ แถมหน้าต่างยังถูกปิดตายไว้อย่างแน่นหนา เปิดอย่างไรก็ไม่ออก “ทำไงดีล่ะครับ แค่แรงของเด็กๆ คงเปิดไม่ไหวแน่”
“ไม่เป็นไร ใจเย็นไว้ เดี๋ยวต้องมีคนเห็นควัน แล้วเขาจะต้องมาช่วยเราอย่างแน่นอน” ไฮบาระปลอบใจเด็กๆ ขณะเดียวกันก็เฝ้าถามตัวเองด้วย ‘ใช่ไหม คุโด้คุง?’
โคนันมองเห็นควันโขมงจากป่าอีกฝั่งที่ห่างออกไปไกล แต่ความสงสัยของเขาก็ถูกขัดโดยสารวัตรยามามุระที่บอกว่านั่นคงจะเป็นแคมป์ไฟมากกว่า เพราะอีกฝั่งก็มีเหมือนกัน
กลุ่มนักสืบเยาวชนพยายามใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก ก้มตัวลงต่ำ จะได้สูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปน้อยที่สุด แต่ก็ไม่อาจรอดจากการสำลัก กลิ่นเหม็นและความระคายของควันไปได้ การรอคอยเริ่มไร้ผล เมื่อมิตสึฮิโกะสังเกตเห็นว่าอีกฝั่งก็มีควันเช่นกัน บางทีอาจจะเป็นแคมป์ไฟ
‘ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ คงต้อง...’ ไฮบาระหันมองเป้สีชมพูของศพผู้หญิงคนนั้น คงถึงเวลาแล้วที่เธอต้องใช้แผนฉุกเฉิน
ดวงตะวันคล้อยต่ำลงมาก ดอกเตอร์อากาสะอยากออกไปตามหา แต่เซระค้านว่าใกล้มืดแล้ว ถ้าหลงทางไปอีกคนจะแย่ ให้เจ้าหน้าที่ออกตามหาจะดีกว่า
“แต่ว่าพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วนะ ขนาดเงายังยาวขนาดนี้เลย” เซระและโคนันหันมองหน้ากัน ฉุกคิดได้จากคำพูดของดอกเตอร์ ทีนี้ก็เตรียมปิดคดีได้
อายูมิหายใจไม่ทัน สูดควันเข้าไปมากจนหมดสติ เก็นตะกับมิตสึฮิโกะเลยช่วยกันแบกอายูมิไปนอนหน้าประตูที่แง้มอยู่เพียงเล็กน้อย ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านหลัง และเห็นผู้หญิงสวมฮู้ดแขนสั้นยืนอยู่ เธอถือขวานที่ฉาบไปด้วยเลือด ก่อนจะวิ่งมาทางนี้แล้วจามขวานลงไปเต็มแรง
โคนันจับเท็จผู้ต้องสงสัยทั้งสามได้เพราะคนร้ายถนัดขวา และในกลุ่มนี้มีแค่คนเดียวคือคุณอุซางิ เมื่อรวมกับมือที่ทำท่าแปลกๆ ของศพผู้หญิงที่ต้องเอาไปส่องไฟเพื่อให้เกิดเป็นรูปกระต่ายแล้ว เขาก็คือคนร้าย
ชายสวมแว่นร้องไห้ทั้งน้ำตา โทษว่าเป็นความผิดของเธอที่ขังเขาเอาไว้ระท่อมแคบๆ มืดๆ ทั้งที่รู้ว่าเขากลัวที่แคบ “ถ้าเธอไม่เล่นพิเรนทร์ก็คงไม่ต้องขังเด็กพวกนั้นเอาไว้...”
“เอ๊ะ ที่ว่าขังไว้น่ะ อยู่ในกระท่อมอย่างนั้นเหรอครับ” โคนันฉุกคิด
“แต่ว่ามันอาจจะสายไปแล้วก็ได้”
‘หา! อย่าบอกนะว่าขังไว้ในกระท่อมแล้วจุดไฟเผาน่ะ!?’
ตำรวจท้องที่รายงานว่าพบกระท่อมถูกเผาอยู่ โคนันรีบวิ่งตรงไปที่กระท่อม ซึ่งตอนนี้ถูกไฟโหมรุนแรงจนทำอะไรไม่ได้แล้ว เด็กชายตัวน้อยใจสั่น ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“ไม่จริงน่า ไม่จริงใช่ไหม” โคนันคิดจะวิ่งฝ่าเข้าไป แต่ถูกเจ้าหน้าที่ห้ามเอาไว้ “ปล่อยผมนะ เพื่อนของผมอยู่ในนั้นน่ะ ปล่อย!”
“เก็นตะ มิตสึฮิโกะ ไฮบาระ อายูมิ!” เด็กชายตะโกนร้องลั่น แต่แล้วก็ต้องช็อก เมื่อกระท่อมทั้งหลังพังลงมาต่อหน้าต่อตา เขายืนอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะได้ยินเสียงขานรับจากที่ไกลๆ
“ค่า! โคนันคุง พวกเราอยู่นี่” โคนันหันไปมองก็เห็นอายูมิกำลังโบกมือยิ้มให้พร้อมกับเก็นตะและมิตสึฮิโกะ
อายูมิอธิบายว่ามีผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งมาช่วยเอาไว้ เธอเอาขวานจามประตู เลยช่วยทุกคนออกมาได้ ผู้หญิงคนนั้นอ้างว่าอยู่ในห้องใต้หลังคาของกระท่อมนั้นมาตลอด
“แล้วไอคุงล่ะ” ดอกเตอร์ถามขึ้นเพราะไม่เห็นไฮบาระมาตั้งแต่เมื่อกี้
“ไอจังน่ะ ผู้หญิงคนนั้นช่วยออกไปก่อนแล้ว และให้ไอจังอยู่ในที่ปลอดภัยแล้วล่ะค่ะ” อายูมิตอบ
“เมื่อกี้คุณไฮบาระโทรหาเราแล้ว บอกว่าปลอดภัยดีน่ะครับ” มิตสึฮิโกะเสริม
‘ผู้หญิงแปลกหน้าที่ซ่อนตัวอยู่ในกระท่อมงั้นเหรอ อย่าบอกนะว่าไฮบาระจะกินยาคืนร่าง...’ เด็กชายคิดแล้วถามรายละเอียดจากเพื่อนๆ ก่อนรีบวิ่งเข้าไปในป่า
“นี่ พวกเธอ จำลักษณะของผู้หญิงคนนั้นได้หรือเปล่า” เซระที่ตามมาด้วยถามอย่างสนอกสนใจ
อายูมิแก้มแดงเรื่อ “เธอสวยมากเลยล่ะค่ะ”
“เหมือนไฮบาระหน่อยๆ ด้วยนะ” เก็นตะแสดงความคิดเห็น
“ผมก็เลยแอบถ่ายวิดีโอเธอ แล้วส่งไปแล้วล่ะครับ” มิตสึฮิโกะว่า
“พวกเราอยากจะขอบคุณเธอภายหลังน่ะครับ ก็เลยส่งไปให้สำนักงานนักสืบโมริดูเพื่อหาว่าเธอเป็นใคร” เด็กชายอธิบายขณะเปิดหน้าจอมือถือให้เซระดู “นี่ไงล่ะ ผู้หญิงคนนี้แหละครับ”
“แต่หนูว่า อาทิตย์หน้าเราต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ เพราะเธอน่ะ...”
โคนันวิ่งเข้าป่าตะโกนเรียกไฮบาระก่อนจะสะดุดเข้ากับขาของใครบางที่ยื่นออกมา เด็กชายล้มคะมำหน้าคว่ำ พอหันไปมองก็เห็นไฮบาระ...ไม่สิ ‘มิยาโนะ ชิโฮะ’ ยืนพิงต้นไม้รออยู่ตั้งนานแล้ว
“มาช้าจริง อุตส่าห์เชื่อว่าจะมีใครสักคนมาช่วยพวกเรา ก็เลยรออยู่แท้ๆ ไม่คิดเลยว่าจะต้องกินยาแก้พิษแล้วกลับคืนร่างเดิมแบบนี้” ชิโฮะบ่นอย่างไม่สบอารมณ์
เด็กชายมองหญิงสาวอึ้งๆ ตั้งแต่ตอนเจอยินที่โรงแรมไฮโดซิตี้ นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอกลับคืนร่างเดิม และแม้ในป่าจะมืดสลัว แต่แสงสว่างจากจันทร์เต็มดวงก็พอทำให้มองเห็นใบหน้าคมสวยของเธอเด่นชัด
เสื้อผ้านั้นชิโฮะได้มาจากกระเป๋าเป้ของผู้หญิงที่ถูกฆ่าตาย แต่พอตัวโตขึ้นเลยถอดแหวนไม่ได้ ส่วนเสื้อผ้าก็เปลี่ยนไปแล้ว เด็กพวกนั้นคงจะไม่รู้ว่าเธอคือ ไฮบาระ ไอ โคนันจึงแนะนำให้เธอซ่อนตัวอยู่แถวนี้จนกว่ายาจะหมดฤทธิ์
ตกค่ำแล้ว สายลมคราวฤดูมรสุมพัดแรง กระทบหน้าต่างของสำนักงานนักสืบโมริจนเคลื่อนคลอน แต่เจ้าตัวยังคงกินข้าวเย็น ดูทีวีกับลูกสาวอย่างสบายอารมณ์
“เอ๊ะ หนูว่าได้ยินเสียงอะไรจากข้างล่างด้วยนะคะ”
“คงจะเป็นเสียงลมล่ะมั้ง วันนี้ลมแรงซะด้วย” นักสืบโมริไม่สนใจ คีบข้าวใส่ปาก
ความรู้สึกของรันถูกต้องเสียด้วย เมื่อชั้นสองของสำนักงานนักสืบโมริ มีบุคคลที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้ในเวลาแบบนี้กำลังทำอะไรลับๆ ล่อๆ อยู่ ตอนเช้า อามุโร่รู้ว่าพวกโคนันจะไปตั้งแคมป์แถวเขาฟุยุนะ ชมดอกไฮเดรนเยีย และบอกว่าจะส่งรูปมาให้ดู
‘พาสเวิร์ด?’
หนุ่มผมบลอนด์นึกย้อนถึงคดีคราวก่อนที่โคนันถูกลักพาตัว ตอนนั้นนักสืบโมริก็หลุดพูดรหัสผ่านออกมา
‘ของฉันใช้ 5563 ที่แปลว่า โคโกโร่ซัง น่ะ’
ชายหนุ่มใส่ตัวเลขสี่ตัวลงไปในช่องรหัสผ่านและสามารถเปิดเข้าไปได้ ทว่าสิ่งที่ส่งมาไม่ใช่รูป แต่กลับเป็นวิดีโอของผู้หญิงคนหนึ่ง พอขยายภาพดูก็เห็นแหวนมิสทรีเทรนพาสริงของขบวนรถไฟเบลทรี สวมอยู่บนนิ้วของเธอ
‘อะ มีคนแฮ็กเข้ามา ใครกันนะ’ อามุโร่ตระหนก เมื่อจู่ๆ วิดีโอที่เขากำลังจะก๊อปปี้ก็ถูกมือดีลบออกไป
สายลมแรงยังคงพัดโชย บางทีพระพายอาจจะต้องการหอบเอาความปรารถนาเดียวกันไปส่งยังที่อื่น ความปรารถนาที่ส่งมาถึงบ้านคุโด้
สึบารุรินเหล้าเบอร์บองสีชาลงบนก้อนน้ำแข็งทรงกลม แสงไฟจากจอคอมพิวเตอร์ส่องสว่างในห้องมืด พอให้เห็นแววตาประหลาดใต้กรอบแว่นสีเหลี่ยมผืนผ้าที่ประกายวับ ชายหนุ่มยกแก้วขึ้นจิบแล้วใช้มือเท้าคางอย่างสบายอารมณ์ นอกจากบุหรี่ซึ่งจุดสูบจนเต็มที่เขี่ยแล้ว จะมีอะไรทำให้เขาผ่อนคลายได้เท่ากับการจิบเหล้าเย็นๆ และคอยเฝ้ามองเงาสีดำที่คืบคลานสู่เส้นทางสายด่วนนั่นได้อีก
ไฮบาระรู้สึกไม่ดีมาตั้งแต่เช้า นอกจากอาการหวัดที่ยังไม่หายดีแล้ว เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์แปลกๆ เหมือนกับว่ารถไฟขบวนนี้จะมีสิ่งที่น่ากลัวกว่าปริศนาและคดีฆาตกรรมซ่อนอยู่ เป็นสิ่งน่ากลัวที่คืบคลานเข้ามาเหมือนเงามืด
เสียงเคาะประตูจากหน้าห้อง ปลุกเด็กหญิงให้ตื่นจากห้วงความคิด พอโคนันเปิดประตูออกไปก็ไม่เจอใคร มีแต่การ์ดใบหนึ่งวางอยู่บนพื้นแทน
เนื้อหาข้างในเขียนว่าให้พวกเขาที่อยู่ในห้องนี้รับบทนักสืบ ส่วนรายละเอียดถ้าไปที่ห้อง B ตู้เจ็ดก็จะรู้เอง ทว่ากลับเกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อห้องโดยสารนั้นได้หายไปอย่างปริศนา กลุ่มนักสืบเยาวชนต่างงงงัน ตกลงกันว่าจะกลับไปที่ห้องเดิมของตนเพื่อยืนยันความจริง ในตอนนั้นเอง...
ไฮบาระสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นรัวราวกับจะระเบิดออกมา เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นอายอำมหิตที่คุ้นเคยกำลังแผ่รังสีอยู่ด้านหลัง เด็กหญิงเหลียวมองก็เจอผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรู้จักดี แต่ผู้ชายคนนั้นไม่น่าจะมาอยู่ในที่แบบนี้ได้นี่นา เด็กหญิงจมอยู่กับห้วงความกังวล กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนที่อายูมิเรียกและคว้ามือเธอให้วิ่งตามไป
‘ผู้ชายเมื่อกี้ รู้สึกเหมือนคนคนนั้นเลย...โมโรโบชิ ได...แต่ว่าแผลไฟลวกนั่น หมายความว่ายังไง’
โคนันคลายปริศนาห้องโดยสารที่หายไปได้ เพราะจำได้ว่าตอนที่เจอพวกโซโนโกะเป็นครั้งแรก เซระถือการ์ดอยู่ในมือ แต่พอเจอกันอีกทีก็เปลี่ยนมาถือถ้วยชาแล้ว นั่นเพราะว่าพวกเธอคงได้รับมาเหมือนกัน การ์ดคำสั่งที่ขอให้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดน่ะ
“แต่ว่า...เพิ่งเคยเจอกันสินะ เธอสินะที่ชื่อไฮบาระน่ะ ฉันอยากคุยด้วยสักครั้งมานานแล้วล่ะ”
‘คนคนนี้ หรือว่า...หรือว่า...’
เด็กหญิงใจเต้นแรงเมื่อความรู้สึกถึงกลิ่นอายกดดันนั้นกลับมาอีกครั้ง เพราะเธอคนนี้งั้นเหรอ เธอก็เป็นพวกของมันอย่างนั้นเหรอ
“ใครน่ะ!” เซระร้องถาม ก่อนเดินออกไปดู “เมื่อกี้เหมือนมีคนแอบดูทางช่องประตูน่ะ”
หัวมุมสุดทางเดินในเงามืด ปรากฏร่างของผู้ชายสวมหมวกสีดำ ชายที่มีแผลไฟลวกตรงแก้มขวา และมีหน้าตาเหมือนผีอากาอิ
“มีอะไรงั้นเหรอ ไฮบาระ” โคนันเอ่ยถาม เมื่อสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของเธอมาได้สักพักแล้ว
“รถไฟขบวนนี้ รู้สึกมีอะไรแปลกๆ ไหม เหมือนมีจิตสังหารอะไรแบบนั้น”
“ฉันว่าเธอคงอ่านนิยายของคริสตีมากไปล่ะมั้ง” โคนันแซวยิ้มๆ
ต่อให้เธอจะยืนยันยังไง เขาก็คงไม่เชื่อสินะ แต่ไฮบาระมั่นใจเหลือเกิน เพราะเธอรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายสีดำที่รุนแรง และไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสอง...เหมือนจะมีมากกว่านั้น
และแล้วจิตสังหารนั่นก็สัมฤทธิ์ผล จิตสังหารสีแดงของคดีปริศนาได้ยกระดับเป็นการฆาตกรรมของจริง เมื่อชายที่ขอให้พวกเขาเล่นเป็นนักสืบถูกปืนยิงเสียชีวิตจริงๆ เสียแล้ว
โคนันสรุปข้อสันนิษฐานคร่าวๆ ก่อนเปิดดูมือถือและทำให้ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาตะคอกบอกให้พวกเด็กๆ รออยู่แต่ในห้องด้วยสีหน้าขึงขังจนน่ากลัว ไฮบาระรู้ได้ทันทีว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่
‘สังหรณ์แปลกๆ มาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แล้วก็ท่าทางของเขาเมื่อกี้ มันอะไรกันแน่’
หัวใจของไฮบาระกระตุกแรงอีกครั้ง เมื่อชายคนนั้นที่เธอคุ้นหน้าเดินผ่านไป แถมยังสบตากันด้วย นัยน์ตาสีเขียวมะกอกที่มองมาช่างอำมหิตและเย็นเยียบเหมือนกับ...ใครอีกคนหนึ่งซึ่งเธอก็รู้จักดีเช่นกัน ใช่ รังสีนั้น เผลอๆ จะรุนแรงมากกว่า โมโรโบชิ ได ที่เธอเคยรู้จักซะอีก
“อ้าว คุณก็มาด้วยเหรอคะ คุณอามุโร่” รันทักขึ้นเมื่อบังเอิญเจอกับอามุโร่
“ครับ ผมโชคดีได้รางวัลมาน่ะครับ” รันช่วยแนะนำเขากับโซโนโกะ ก่อนที่ชายหนุ่มจะถามขึ้น “ว่าแต่ว่า เกิดอุบัติเหตุในรถไฟน่ะครับ พอจะรู้อะไรไหมครับเนี่ย”
“รู้สึกว่าจะมีการฆาตกรรมน่ะค่ะ...” รันกระซิบบอกรายละเอียดกับอามุโร่
ตอนนั้นเองประตูห้อง E ก็ค่อยๆ แง้มออก ปรากฏเงาเจ้าของกรอบแว่นสี่เหลี่ยมและผมสีโรสโกลด์คุ้นตา ชายหนุ่มเหยียดยิ้มพอใจ
“รู้สึกว่าสวรรค์จะเข้าข้างเราล่ะนะ” สึบารุหันมองแขกรับเชิญกิตติมศักดิ์ที่ขึ้นรถไฟมาด้วยกัน หญิงสวมหมวกปีกกว้างกระตุกยิ้ม พลางพิมพ์ข้อความในมือถือส่งถึงผู้นำแผนการครั้งนี้
ความคิดเห็น